สามัคคีเภทคำฉันท์

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(๑๕)
 
(การแก้ไข 14 รุ่นระหว่างรุ่นที่เปรียบเทียบไม่แสดงผล)
แถว 8: แถว 8:
===ปรารมภพจน์===
===ปรารมภพจน์===
<tpoem>
<tpoem>
-
<sup>ฉบงง</sup>
+
<sup>ฉบงง ๑๖</sup>
๏ ข้าผู้นิพันธ์พาที  ถ้อยสามัคคี
๏ ข้าผู้นิพันธ์พาที  ถ้อยสามัคคี
เภทฉันท์อ้นออกบอกนาม
เภทฉันท์อ้นออกบอกนาม
แถว 93: แถว 93:
===๒===
===๒===
<tpoem>
<tpoem>
-
<sup>วสันตดิดก ฉันท์</sup>
+
<sup>วสันตดิดก ฉันท์ ๑๔</sup>
๏ โบราณะกาลบรมะขัต  ติยรัชชเกรียงไกร
๏ โบราณะกาลบรมะขัต  ติยรัชชเกรียงไกร
ท้าวทรงพระนามะอภิไธ  ยะอชาตะศัตรู
ท้าวทรงพระนามะอภิไธ  ยะอชาตะศัตรู
แถว 154: แถว 154:
===๓===
===๓===
<tpoem>
<tpoem>
-
<sup>ฉบงง</sup>
+
<sup>ฉบงง ๑๖</sup>
๏ อันอรรคปุโรหิตอาจารย์  พราหมณ์นามวัสสการ
๏ อันอรรคปุโรหิตอาจารย์  พราหมณ์นามวัสสการ
ฉลาดเฉลียวเชี่ยวชิน
ฉลาดเฉลียวเชี่ยวชิน
แถว 207: แถว 207:
===๔===
===๔===
<tpoem>
<tpoem>
-
<sup>อุปชาติฉันท์</sup>
+
<sup>อุปชาติฉันท์ ๑๑</sup>
๏ บรมกระษัตริย์ปรา  รภะการะปราบปราม
๏ บรมกระษัตริย์ปรา  รภะการะปราบปราม
กับวัสสการพราหม  ะณพฤฒิอาจารย์
กับวัสสการพราหม  ะณพฤฒิอาจารย์
แถว 256: แถว 256:
===๕===
===๕===
<tpoem>
<tpoem>
-
<sup>อีทิสังฉันท์</sup>
+
<sup>อีทิสังฉันท์ ๒๐</sup>
๏ ภูบดินทร์สตับอุปายะตาม
๏ ภูบดินทร์สตับอุปายะตาม
ณวาทะวัสสการะพราหมณ์  และบังอาจ
ณวาทะวัสสการะพราหมณ์  และบังอาจ
แถว 297: แถว 297:
===๖===
===๖===
<tpoem>
<tpoem>
-
<sup>อินทรวิเชียร ฉันท์</sup>
+
<sup>อินทรวิเชียร ฉันท์ ๑๑</sup>
๏ ควรสุดจะสมเพช  จิตระเวทนาการ
๏ ควรสุดจะสมเพช  จิตระเวทนาการ
ที่ท่านพฤฒาจารย์  พะกระทบประสบทัณฑ์
ที่ท่านพฤฒาจารย์  พะกระทบประสบทัณฑ์
แถว 342: แถว 342:
===๗===
===๗===
<tpoem>
<tpoem>
-
<sup>วิชชุมมาลาฉันท์</sup>
+
<sup>วิชชุมมาลาฉันท์ </sup>
๏ แรมทางกลางเถี่อน  ห่างเพื่อนหาผู้
๏ แรมทางกลางเถี่อน  ห่างเพื่อนหาผู้
หนึ่งใดนึกดู  เห็นใครไป่มี
หนึ่งใดนึกดู  เห็นใครไป่มี
แถว 387: แถว 387:
===๘===
===๘===
<tpoem>
<tpoem>
-
<sup>อินทรวงศ์ฉันท์</sup>
+
<sup>อินทรวงศ์ฉันท์ ๑๒</sup>
๏ ราชาประชุมดำ  ริหะโดยประการะดัง
๏ ราชาประชุมดำ  ริหะโดยประการะดัง
ดำรัสตระบัดยัง  วจนัตถ์ปวัตติพลัน
ดำรัสตระบัดยัง  วจนัตถ์ปวัตติพลัน
แถว 416: แถว 416:
===๙===
===๙===
<tpoem>
<tpoem>
-
<sup>วสันตดิลกฉันท์</sup>
+
<sup>วสันตดิลกฉันท์ ๑๔</sup>
๏ ข้าแต่พระจอมจุฬมกุฎ  บริสุทธิกำจาย
๏ ข้าแต่พระจอมจุฬมกุฎ  บริสุทธิกำจาย
ปรากฎพระยศระบุระบาย  กิติเบิกระบือบุญ
ปรากฎพระยศระบุระบาย  กิติเบิกระบือบุญ
แถว 471: แถว 471:
===๑๐===
===๑๐===
<tpoem>
<tpoem>
-
<sup>วังสัฏฐฉันท์</sup>
+
<sup>วังสัฏฐฉันท์ ๑๒</sup>
๏ ประชุมกระษัตริย์รา  ชะสภาสดับคนึง
๏ ประชุมกระษัตริย์รา  ชะสภาสดับคนึง
คเรณทุกข์รึง  อุระอัตถ์ประวัติประวิง
คเรณทุกข์รึง  อุระอัตถ์ประวัติประวิง
แถว 510: แถว 510:
===๑๑===
===๑๑===
<tpoem>
<tpoem>
-
<sup>มาลินีฉันท์</sup>
+
<sup>มาลินีฉันท์ ๑๕</sup>
๏ กษณะทวิชะรับฐา  นันดร์และที่วา
๏ กษณะทวิชะรับฐา  นันดร์และที่วา
ทกาจารย์
ทกาจารย์
แถว 536: แถว 536:
===๑๒===
===๑๒===
<tpoem>
<tpoem>
-
<sup>ภุชงคปยาตรฉันท์</sup>
+
<sup>ภุชงคปยาตรฉันท์ ๑๒</sup>
๏ ทิชงค์ชาติ์ฉลาดยล  คเนกลคนึงการ
๏ ทิชงค์ชาติ์ฉลาดยล  คเนกลคนึงการ
กษัตริย์ลิจฉวีวาร  ระวังเหือดระแวงหาย
กษัตริย์ลิจฉวีวาร  ระวังเหือดระแวงหาย
แถว 577: แถว 577:
===๑๓===
===๑๓===
<tpoem>
<tpoem>
-
<sup>มาณวกฉันท์<sup>
+
<sup>มาณวกฉันท์ <sup>
๏ ล่วงลุประมาณ  กาลอนุกรม
๏ ล่วงลุประมาณ  กาลอนุกรม
หนึ่ง ณ นิยม  ท่านทวิชงค์
หนึ่ง ณ นิยม  ท่านทวิชงค์
แถว 610: แถว 610:
===๑๔===
===๑๔===
<tpoem>
<tpoem>
-
<sup>อุเปนทรวิเชียรฉันท์</sup>
+
<sup>อุเปนทรวิเชียรฉันท์ ๑๑</sup>
๏ ทิชงค์เจาะจงเจตน์  กละห์เหตุยุยงเสริม
๏ ทิชงค์เจาะจงเจตน์  กละห์เหตุยุยงเสริม
กระหนำและซำเติม  นฤพัทธะก่อการ
กระหนำและซำเติม  นฤพัทธะก่อการ
แถว 651: แถว 651:
===๑๕===
===๑๕===
<tpoem>
<tpoem>
-
<sup>สัทราฉันท์</sup>
+
<sup>สัทราฉันท์ ๒๑</sup>
๏ ลำดับนั้นวัสสการพราหมณ์  ธก็ยุศิษยะตาม
๏ ลำดับนั้นวัสสการพราหมณ์  ธก็ยุศิษยะตาม
เล่ห์อุบายงาม  ฉงนงำ
เล่ห์อุบายงาม  ฉงนงำ
แถว 678: แถว 678:
===๑๖===
===๑๖===
<tpoem>
<tpoem>
-
 
+
<sup>สาลินีฉันท์ ๑๑</sup>
 +
๏ พราหมณ์ครูรู้สังเกต  ประจักษ์เหตุตระหนักครัน
 +
ราชาวัชชีสรร  พะจักสู่พินาศสม
 +
๏ ยินดีบัดนี้กิจ  จะสัมฤทธิ์มนารมณ์
 +
ทำมาด้วยปรากรม  และอุตสาหะแห่งตน
 +
๏ ให้ลองตีกลองนัด  ประชุมขัตติ์ยมณฑล
 +
เชิญูซึ่งส่ำสากล  กษัตริย์สู่สภาคาร
 +
๏ วัชชีภูมีผอง  สดับกลองกระหึมขาน
 +
ทุกไท้ไป่เอาภาร  ณกิจเพื่อเสด็จไป
 +
๏ ต่างทรงรับสั่งว่า  จะเรียกหาประชุมไย
 +
เราใช่เปนใหญู่ใจ  ก็ขลาดกลัวบกล้าหาญ
 +
๏ ท่านใดที่เปนใหญ่  และกล้าใครบเปรียบปาน
 +
พอใจใครในการ  ประชุมชอบก็เชิญเขา
 +
๏ ปฤกษาหาฤๅกัน  ไฉนนั้นก็ทำเนา
 +
จักเรียกชุมนุมเรา  บแลเห็นประโยชน์เลย
 +
๏ รับสั่งผลักไสส่ง  และทุกองค์ธเพิกเฉย
 +
ไป่ได้ไปดั่งเคย  สมรรคเข้าสมาคม
</tpoem>
</tpoem>
 +
===๑๗===
===๑๗===
<tpoem>
<tpoem>
 +
<sup>อุปัฏฐิตาฉันท์ ๑๑</sup>
 +
๏ เห็นเชิงพิเคราะห์ช่อง  ชนะคล่องประสบสม
 +
พราหมณ์เวทะอุดม  ธก็ลอบแถลงการณ์
 +
๏ ให้วัลลภะชน  คมะดลประเทศฐาน
 +
กราบทูลนฤบาล  อภิเผ้ามคธไกร
 +
๏ แจ้งลักษณะสา  สนะว่ากระษัตริย์ใน
 +
วัชชีบุระไก  วละหล้าตลอดกัน
 +
๏ บัดนี้สิก็แตก  คณะแผกและแยกพรรค์
 +
ไป่เปนสหะฉัน  ทะเสมือนเสมอมา
 +
๏ โอกาศเหมาะสมัย  ขณะไหนประดุจครา
 +
นี้แล้วก็ยากหา  จะลุได้สดวกดี
 +
๏ ขอเชิญวระบาท  พยุห์ยาตร์เสด็จกรี
 +
ฑาทัพพละพี  ริยะยุทธะโดยไว
 +
</tpoem>
 +
===๑๘===
 +
<tpoem>
 +
<sup>สุรางคณางค์ ๒๘</sup>
 +
  ๏ บพิตร์อชา
 +
ตะสัตตรา  ชะรัฏฐะไกร
 +
สดับณสาสน์  พระราชหทัย
 +
ธปรีดิใด  บเปรียบบปาน
 +
  ๏ พระเผยประภาษ
 +
กะมุขอมาตย์  บดีประธาน
 +
ตระเตรียมสกล  พหลทหาร
 +
สมรรถะชาญ  ประดังประตา
 +
  ๏ สพรึบสพรั่ง
 +
ณหน้าและหลัง  ณซ้ายและขวา
 +
ละหมู่ละหมวด  ก็ตรวจก็ตรา
 +
ประมวญกะมา  ก็มากประมาณ
 +
  ๏ นิกายเสบียง
 +
ก็พอก็เพียง  พโลปการ
 +
และสัตถะภัณ  ฑะสรรพะภาร
 +
จะยุทธะราญ  กะเรียกระดม
 +
  ๏ ประชุมพยูห์
 +
กระเกริกกระกรู  กระหยิ่มนิยม
 +
ละล้วนสง่า  มนาภิรมย์
 +
บขามระทม  มิท้อริปู
 +
  ๏ สมานสมัคคิ์
 +
ระเริงและรัก  จะรบศัตรู
 +
ฉลองพระคุณ  พระจุฬภูว์
 +
พิไชยะชู  พระเกียรดิ์ไผท
 +
  ๏ จะดีจะงาม
 +
เพราะเข้าสนาม  ประยุทธะไกร
 +
เหมาะนามทหาร  ละคร้านไฉน
 +
และสมกะใจ  บุรุษสมัญญู์
 +
  ๏ ก็โห่และฮึก
 +
ประหัฏฐ์คะคึก  ประกวดประชัน
 +
ณ ท้องพระลาน  ประมาณอนันต์
 +
อเนกะสรร  พะเตรียมคระไล
 +
</tpoem>
 +
===๑๙===
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคฏกฉันท์ ๑๒</sup>
 +
๏ ประลุฤกษะมหุดิ์  ทินะอุตตมะไกร
 +
รณรงคะวิไช  ยะดิถีศภะยาม
 +
๏ ทิชะพฤฒิปุโร  หิตโกวิทะพราหมณ์
 +
ก็ประกอบกิจะตาม  นิติไสยยะพิธี
 +
๏ ทนุเพึ่ออภิมง  คละสงเคราะห์ทวี
 +
ศิริวัฑฒนะกรี  ฑะเผด็จดัษกร
 +
๏ บุรพัณหะสมัย  ลุอุทัยระวิวร
 +
นฤนารถอดิศร  ธเสด็จสระสนาน
 +
๏ วรองค์อภิมัณฑ์  ศุภะสรรพะประการ
 +
ดุจะขัตติย์บุราณ  รณะยุทธะนิยม
 +
๏ พระเสด็จรัฐะยา  บทะคลาอนุกรม
 +
ฐิตะเกยชยะชม  พละพฤนทะนิกร
 +
</tpoem>
 +
 +
===๒๐===
 +
<tpoem>
 +
<sup>ฉบงง ๑๖</sup>
 +
๏ เนมิตต์เชษฐวิทยุตดร  รอพอบวร
 +
มหุติ์อุดมดีดล
 +
๏ ให้ฆาฏฆ้องไชยมงคล  คำรบสามหน
 +
เฉลิมพระฤกษ์เบิกธง
 +
๏ ทุ่มอินทรเภรีเร่งคง  คาบลาล้วนลง
 +
มะโหระทึกคฤกโครม
 +
๏ ดุริยางค์ดนตรีนี่ประโคม  สังข์แตรแซ่โหม
 +
กระหึมสนั่นบรรสาน
 +
๏ ราชามาคธภูมิบาล  เถลิงหลังคชาธาร
 +
ประเสริฐสง่างามทรง
 +
๏ ควรขัตติยยานยรรยง  เพียงพาหนาศน์องค์
 +
สหัสสนัยน์ใดปาน
 +
๏ ครบเต็มเครื่องตั้งหลังสาร  กูบแพรแลลาน
 +
ละล้วนบรรเจิดเฉิดฉัน
 +
๏ โอภาษอาภรณ์อรรคภัณฑ์  คชลักษณ์ปิลันทน์
 +
ก็เลิศก็ล้ำลำยอง
 +
๏ แพร้ว ๆ พราย ๆ ข่ายกรอง  ก่องสกาวดาวทอง
 +
และพู่สุพรรณสรรถกล
 +
๏ สองพลุกสุกวะลัยเลอยล  ลาดพัตถ์รัตคน
 +
และปกขนองซองหาง
 +
๏ งวงเสยเงยเศียรส่ายพลาง  เทอดทันต์ท่าทาง
 +
สง่าบล้ากำลัง
 +
๏ ขุนคอคชคุมกุมอัง  กุษกรายท้ายยัง
 +
ขุนควาญประจำดำรี
 +
๏ เครื่องสูงครบสรรพ์อันมี  ตามบุรพประเพณี
 +
พยุหบาตรยาตรา
 +
๏ จาตุรังคิกะแสนเสนา  เนึ่องสุดสายตา
 +
ตลอดตลึงแลลาน
 +
๏ ขุนคชขึ้นคชชินชาญ  คุมพลคชสาร
 +
ละตัวกำแหงแขงขัน
 +
๏ เคยเศิกเข้าศึกฮึกครัน  เสียงเพรียกเรียกมัน
 +
คำรนประดุจเดือดดาล
 +
๏ อร่ามเรืองต้วยเครื่องอลังการ  นายขอหมอควาญ
 +
ก็ขี่กะรีดำเนิน
 +
๏ พลหัยพิศเห็นเช่นเหิน  หาวเหาะเหยาะเดิน
 +
เดาะเตือนก็เต้นตีนซรอย
 +
๏ ต่างตัวดีดโลดโดดลอย  เลิงเล่นแผ่นคอย
 +
จะควบประกวดอวดพล
 +
๏ สีกายฝ้ายแซมแกมขน  ดำบ้างด่างปน
 +
กระเลียวและเหลืองแดงพรรณ
 +
๏ โสภาอัศวากรณ์สรรพ์  ตาบหน้าพร่าวรร
 +
ณะเด่นดำกลกาญจน์มณี
 +
๏ ยาบย้ายห้อยพู่ดูดี  ขลุมสวมกรวมศี
 +
ศะคาดกนกแนมเกลา
 +
๏ สายถือสายง่องถ่องเพรา  คล้องสอดสายเหา
 +
งามทั้งพะนังโกลนอาน
 +
๏ ขุนอัศว์อาตม์โอ่โอหาร  รำทวนเทอดปาน
 +
ประหนึ่งจะโถมโจมแทง
 +
๏ ต่างขับแสะขี่เข้มแขง  ควงแส้สำแดง
 +
ดุรงค์วิธีโรมรณ
 +
๏ ดาษดาคลาคล่ำส่ำพล  บทจรอนนต์
 +
อเนกคแนนคัณนา
 +
๏ ปลุกเศกเลขยันต์ว่านยา  อาคมคาถา
 +
ประสิทธิขลังทั้งกาย
 +
๏ เสื้อผ้าสารพัดจัดหลาย  หมู่หมวดมากมาย
 +
ก็มละอย่างต่างกัน
 +
๏ แรงหัตถ์กวัดแกว่งซึ่งสรรพ์  ศัสตราวุธอัน
 +
วะวาบวะวาวขาวคม
 +
๏ พลรถแหล่ล้วนควรชม  แอกงอนอ่อนสม
 +
สง่าประกอบดุมกง
 +
๏ เล็งสูงลิ่วสวยชวยธง  ชายโบกชวนบง
 +
สบัดระริ้วปลิวปลาย
 +
๏ ปีนไฟใส่ล้อเลื่อนราย  หามลากมากหลาย
 +
และลูกกระสุนดินดำ
 +
๏ พร้อมสรรพกองทัพโดยลำ  ดับล้วนควรยำ
 +
ระย่อสยองเยงยล
 +
๏ เคลื่อนคลายพลนิกายสกล  เต็มสองฟากสถล
 +
อุโฆษผสานศัพท์ฟัง
 +
๏ เสียงสารแสะร้องก้องดัง  เสียงโกลนเตือนพะนัง
 +
และเสียงพยู่ห์โยธี
 +
๏ เสียงแซ่สังคีตตีตสี  พาทย์กลองฆ้องตี
 +
สิกัมปนาทหวาดไหว
 +
๏ ผงคลีมืดคลุ้มกลุ้มไป  ปานพี้นแผ่นไผท
 +
ทำลายถล่มจมเอียง
 +
๏ ออกจากราชคฤห์เขตร์เวียง  มุ่งแคว้นแดนเชียง
 +
วัชชีประชิดชิงไชย
 +
</tpoem>
 +
 +
===๒๑===
 +
<tpoem>
 +
<sup>กมลฉันท์ ๑๒</sup>
 +
๏ อนุมัคคะกรีฑา  พละคลาคะคล่ำไป
 +
ณระหว่างวนาลัย  ละเลาะทุ่งและนาเนิน
 +
๏ อนุจรสิขรเขา  บถะเต้าวิถีเถิน
 +
ระยะทางสไกลเกิน  ก็คะค้อยคระไลคลา
 +
๏ ผิวะกาละมัชฌัน  ติกะอันระวีสา
 +
หัศะร้อนและอ่อนกา  ยะสกนธ์พหลหาญ
 +
๏ ก็มิรีบมิรัดเอื้อ  ทนุเพื่อสบายบาน
 +
พละปรีดิสำราญ  ศุขะพอก็ต่อไป
 +
๏ สุริยงคะสายัณห์  ผิจะดั้นจะเดินใน
 +
พนะยากก็อาศรัย  นิทระแรมระวังกัน
 +
๏ บุรพัณหะเพลา  ลุก็คลาก็ขับสัญ
 +
จระต่อวนารัญ  ญปถานุกรมไป
 +
๏ เพราะประสงค์จะปลุกกล้า  อุปการะเอาใจ
 +
บ ระอิดระอาใด  ขณะเมี่อมิจำเปน
 +
๏ กิจะสรรพะทั้งหลาย  มนะนายตระหนักเห็น
 +
อุระใพร่จะลำเค็ญ  และจะควรวินุทไฉน
 +
๏ ก็จะมีกะใจภัก  ดิสมรรคและชิงไชย
 +
อริหมู่ริปูใน  รณะภูมิเต็มพล
 +
๏ จระโดยวนันดร  และระรอนระแรมจน
 +
ลุกระทั่งนทีดล  ดิระดิตถะขอบคัน
 +
๏ ธุระจำจะต้องข้าม  ชละยาตร์พยู่ห์ขันธ์
 +
พละไกรคระไลบรร  สุวิสาลิธานี
 +
</tpoem>
 +
 +
===๒๒===
 +
<tpoem>
 +
<sup>วิชชุมมาลาฉันท์ ๘</sup>
 +
๏ ข่าวเศิกเอิกอึง  ทราบถึงบัดดล
 +
ในหมู่ผู้คน  ชาวเวสาลี
 +
แทบทุกถิ่นหมด  ชนบทบูรี
 +
อกสั่นขวัญหนี  หวาดกลัวทั่วไป
 +
๏ ตื่นตาหน้าเผือด  หมดเลีอดสั่นกาย
 +
หลบลี้หนีตาย  วุ่นหวั่นพรั่นใจ
 +
ซุกครอกซอกครัว  ซ่อนตัวแตกไภย
 +
เข้าดงพงไพร  ทิ้งย่านบ้านตน
 +
๏ เหลือจักห้ามปราม  ชาวคามล่าลาศน์
 +
พันหัวหน้าราษฎร์  ขุนด่านดำบล
 +
หาฤๅแก่กัน  คิดผันผ่อนปรน
 +
จักไม่ให้พล  มาคธข้ามมา
 +
๏ จึ่งให้ตีกลอง  ป่าวร้องทันที
 +
แจ้งข่าวไพรี  รุกเบียฬบีฑา
 +
เพื่อหมู่ภูมี  วัชชีอาณา
 +
ชุมนุมบัญูชา  ป้องกันฉันใด
 +
๏ ราชาลิจฉวี  ไป่มีสักองค์
 +
ที่ทรงจำนง  เพื่อจักเสด็จไป
 +
ต่างองค์ดำรัส  เรียกนัดทำไม
 +
ใครเปนใหญ่ใคร  กล้าหาญเห็นดี
 +
๏ เชิญเทอญท่านต้อง  ขัดข้องข้อไหน
 +
ปฤกษาปราไส  ตามเรี่องตามที
 +
แต่ส่วนเราใช่  เปนใหญ่แลมี
 +
ใจอย่างผู้ภี  รุกห่อนอาจหาญ
 +
๏ ต่างทรงสำแดง  ความแขงอำนาจ
 +
สามัคคีขาด  แก่งแย่งโดยมาน
 +
ภูมิศร์ลิจฉวี  วัชชีรัฏฐบาล
 +
ไป่ชุมนุมสมาน  แม้แต่สักองค์
 +
</tpoem>
 +
 +
===๒๓===
 +
<tpoem>
 +
<sup>อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑</sup>
 +
๏ ปิ่นเขตร์มคธขัต  ติยะรัชชธำรง
 +
ยั้งทัพประทับตรง  นคเรศวิสาล
 +
๏ ภูธรธสังเกต  พิเคราะห์เหตุณธานี
 +
แห่งราชะวัชชี  ขณะเศิกประชิดแดน
 +
๏ ดูดั่งบรู้ศึก  และมินึกจะเกรงแกลน
 +
ฤๅคิดจะตอบแทน  รณะเพึ่อระงับไภย
 +
๏ นิ่งเงียบสงบงำ  บมิทำประการใด
 +
ปรากฎประหนึ่งใน  บุระว่างและร้างคน
 +
๏ แน่โดยมิพักสง  สยะคงกระทบกล
 +
ท่านวัสสการจน  ลุกระนี้ประจักษ์ตา
 +
๏ ภินท์พัทธะสามัค  คิยะพรรคพระราชา
 +
ชาวลิจฉวีวา  ระจะพ้องอนัตถ์ไภย
 +
๏ ลูกข่างประดาทา  รกะกาละขว้างไป
 +
หมุนเล่นสนุกไฉน  ดุจะกันฉนั้นหนอ
 +
๏ คูรวัสสการเเส่  กละแหย่ยุดีพอ
 +
ปั่นป่วนบเหลือหลอ  จะมิร้าวมิรานกัน
 +
๏ ครั้นทรงพระปรารพภ์  กิจะจบธจึ่งบัญ
 +
ชานายนิกายสรร  พะทแกล้วทหารหาญู
 +
๏ เร่งทำอุลุมป์เว  ฬุคเนกะเกณฑ์การ
 +
เพื่อข้ามนทีธาร  จระเข้านครบร
 +
๏ เขารับพระบัณฑูร  อดิศูริย์บดีศร
 +
ภาโรปกรณ์ตอน  ทิวะรุ่งสฤทธิ์พลัน
 +
๏ จอมนารถพระยาตรา  พยุหาธิทัพขันธ์
 +
โดยแพและพ่วงปัน  พละข้ามณคงคา
 +
๏ จนหมดพหลเนือง  ยละเนืองขนัดคลา
 +
ขึ้นฝั่งลุเวสา  ลิบุเรศสดวกดาย
 +
</tpoem>
 +
 +
===๒๔===
 +
<tpoem>
 +
<sup>จิตรปทาฉันท์ ๘</sup>
 +
๏ นาคะระธา  นิวิสาลี
 +
เห็นริปุมี  พละมากมาย
 +
ข้ามติระชล  ก็ลุพ้นหมาย
 +
มุ่งจะทลาย  พระนครตน
 +
๏ ต่างก็ตระหนก  มนะอกเต้น
 +
ตื่นบมิเว้น  ตละผู้คน
 +
ทวบุระคา  มะจลาจล
 +
เสียงอลวน  อลเวงไป
 +
๏ สรรพะสกล  มุขะมนตรี
 +
ตรอมจิตระภี  รุกะเภทไภย
 +
บางคณะอา  ทระปราไส
 +
ยังมิกระไร  ขณะนี้หนอ
 +
๏ ควรบริบาล  พระทวารมั่น
 +
ต้านประทะกัน  อริก่อนพอ
 +
ขัตติยะรา  ชะสภารอ
 +
ดำริหะขอ  วระโองการ
 +
๏ ทรงตริไฉน  ก็จะได้ทำ
 +
ตามนยะดำ  รัสะภูบาล
 +
เสวกะผอง  ก็เคาะกลองขาน
 +
อาณติปาน  ดุจะกลองพัง
 +
๏ ศัพทะอุโฆษ  ลุพระโสตร์ท้าว
 +
ลิจฉวิด้าว  ขณะทรงฟัง
 +
ต่างธก็เฉย  และละเลยตัง
 +
ไท้นฤกัง  วละอย่างไร
 +
๏ ต่างบมิคลา  ณสภาคาร
 +
แม้พระทวาร  บุระทั่วไป
 +
รอบทิศะด้าน  และทวารไหน
 +
ห่อนนระใด  ธุระปิดมี
 +
</tpoem>
 +
 +
===๒๕===
 +
<tpoem>
 +
<sup>สัททุลวิกีฬิตฉันท์ ๑๙</sup>
 +
๏ จอมทัพมาคธะราษฐ์ธยาตร์พยุหะกรี
 +
ฑาสู่วิสาลี  นคร
 +
๏ โดยทางอันพระทวาระเปิดนระนิกร
 +
ไป่รอจะต่อรอน  อะไร
 +
๏ เบื้องนั้นท่านคะรุวัสสการทิชะก็ไป
 +
นำทัพชเนนทร์ไท  มคธ
 +
๏ เข้าปราบลิจฉวิขัติย์ณรัฏฐะชนบท
 +
สู่เงื้อมพระหัตถ์หมด  และโดย
 +
๏ ไป่พักต้องจะกะเกณฑ์นิกายพหละโรย
 +
แรงเปลืองระดมโปรย  ประยุทธ์
 +
๏ ราบคาบเสร็จธเสด็จลุราชะคฤหะอุต
 +
ดมเขตร์บุเรศดุจ  ะเดิม
 +
๏ ตามเรื่องต้นยุติแต่จะต่อพจนะเติม
 +
ภาษิตระจิตร์เสริม  ประสงค์
 +
๏ ปรุงโสตร์เปนคติสุนทราภรณะจง
 +
จับข้อประโยชน์ตรง  ตริดู
 +
</tpoem>
 +
===๒๖===
 +
<tpoem>
 +
<sup>อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑</sup>
 +
๏ อันภูบดีรา  ชะอชาตะศัตรู
 +
ดลิจฉวีภู  วะประเทศสดวกดี
 +
๏ แลสรรพะบรรตา  วระราชะวัชชี
 +
ถึงซึ่งพิบัตบี  ฑะอนัตถ์พินาศหนา
 +
๏ เหี้ยมนั้นเพราะผันแผก  คณะแตกและต่างมา
 +
ถือทิฏฐิมานสา  หศะโทษพิโรธจอง
 +
๏ แยกพรรคสมรรคภิน  ทนะสิ้น บ ปรองดอง
 +
ขาดญาณพิจารณ์ตรอง  ตริมะลักประจักษ์เจือ
 +
๏ เชื่ออรรถยุบลเอา  รสะเล่าก็ง่ายเหลีอ
 +
มากโมหะฟั่นเฝีอ  บมิฟอกคดีมูล
 +
๏ จึ่งตาลประการหา  ยนะภาวะอาดูร
 +
เสียแดนผไทสูญ  กิติศัพทะเสื่อมนาม
 +
๏ ควรชมนิยมจัด  คะรุวัสสการพราหมญ์
 +
เปนเอกอุบายงาม  กละงำกระทำมา
 +
๏ พุทธาทิบัณฑิต  ยละคิดพินิจปรา
 +
รพภ์สรรเสริญสา  ธุสมัคคภาพผล
 +
๏ ว่าอาจจะอวยผา  ศุกะภาวะมาดล
 +
ดีสู่ณหมู่ตน  บนิราศนิรันดร
 +
๏ หมู่ใดผิสามัค  คิยะพรรคสโมสร
 +
ไปปราศนิราศรอน  คุณะไร้ไฉนดล
 +
๏ พร้อมเพรียงประเสริฐครัน  เพราะฉนั้นแหละบุคคล
 +
ผู้หวังเจริญูตน  กิจะเกี่ยวกะหมู่เขา
 +
๏ พึงหมายสมัคคิ์เปน  มุขะเปนประธานเอา
 +
ธูรทั่วและตัวเรา  บมิเห็น ณ ฝ่ายเดียว
 +
๏ ควรยกประโยชน์ยื่น  นระอื่นก็แลเหลียว
 +
ดูบ้างและกลมเกลียว  มิตระภาพผดุงครอง
 +
๏ ยั้งทิฏฐิมานหย่อน  ทมะผ่อนผจงจอง
 +
อารีมิมีหมอง  มนะเมี่อจะทำใด
 +
๏ ลาภผลสกลบรร  ลุก็ปันก็แบ่งไป
 +
ตามน้อยและมากใจ  ยุติเที่ยงนิยมธรรม์
 +
๏ พึงมาระยาตร์ยึด  สุประพฤติ์สงวนพรรค์
 +
รื้อฤษยาอัน  อุปเฉทะไมตรี
 +
๏ ดั่งนั้นณหมู่โด  ผิบไร้สมัคคิ์มี
 +
พร้อมเพรียงนิวัทธ์นี  ระวิวาทระแวงกัน
 +
๏ หวังเทอญมิต้องสง  สยะคงประสบพลัน
 +
ซึ่งศุขกเษมสันต์  หิตะกอบทวีการ
 +
๏ ใครเล่าจะสามารถ  จิตระอาจจะรานหาญ
 +
หักล้างบแหลกลาญ  ก็เพราะพร้อมเพราะเพรียงกัน
 +
๏ ป่วยกล่าวอะไรฝูง  นระสูงประเสริฐครัน
 +
ฤๅสรรพะสัตว์อัน  เฉภาะมีชิวีครอง
 +
๏ แม้มากผิกิ่งไม้  ผิวะใครจะใคร่ลอง
 +
มัตกำกระนั้นปอง  พละหักก็เต็มทน
 +
๏ เหล่าไหนผิไมตรี  นฤมีณหมู่ตน
 +
การ ใดจะขวายขวน  บมิพร้อมมิเพรียงกัน
 +
๏ อย่าปราถนาหวัง  ศุขะทั้งเจริญอัน
 +
จักมาอุบัติบรร  ลุไฉนบได้มี
 +
๏ ปวงทุกข์พิบัติสรร  พะภยันตรายกลี
 +
แม้ไป่นิยมปี  ติประสงค์ก็คงสม
 +
๏ ควรชนประชุมเปน  คณะเปนสมาคม
 +
สามัคคิปรารม  ภะนิพัทธคำนึง
 +
๏ ไป่มีก็้ไห้มี  ผิวะมีก็จงพึง
 +
ให้ยิ่งภิโยจึง  จะประสบศุขาลัย
 +
</tpoem>
 +
 +
===๒๗===
 +
<tpoem>
 +
<sup>ฉบงง ๑๖</sup>
 +
๏ พร่ำพรรณน์ฉันทพากย์โดยโจ  เพียรจบตามนัย
 +
นิทานบุราณเปนมูล
 +
๏ นามสฤษดิ์ นายชิต ชวางกูร  เชลงเฉลาเอาธูร
 +
สลัดอาลัสย์อันมี
 +
๏ ไว้ปากไว้วากย์วาที  ไว้วงศ์กระวี
 +
ไว้เกียรติ์และไว้นามกร
 +
๏ ไว้เฉลิมเสริมศรีพระนคร  คือพิทยาภรณ์
 +
พิเศษประดับดูงาม
 +
๏ ค่อยคิดติดต่อโดยความ  มิคลายพยายาม
 +
กระวีผิเพ่งเล็งเห็น
 +
๏ ฉันทภาคยากล้ำลำเค็ญ  ถ้อยคำจำเป็น
 +
เพราะศัพท์บังคับหนักเบา
 +
๏ พึงอภัยข้าผู้วัยเยาว์  วิทย์หย่อนอ่อนเชาวน์
 +
มิใช่จะคิดแข่งขัน
 +
๏ อาศรัยใจชอบเชิงประพันธ์  กิจอื่นว่างครัน
 +
ก็เครื่องจะเปลืองเวลา
 +
๏ จำเนียรแต่เพียรอุตสา  หะพจน์พรรณนา
 +
สฤทธิ์ด้วยจิตร์จงพลัน
 +
๏ ฝากไว้ในน่าแห่งบรรณ  เพื่อเชื้อเชิญสรรพ์
 +
สุภาพมหาชนชม
 +
๏ สถิตย์เสถียรเทียรฆ์กาละนิยม  ถ้อยเสริญเทอญสม
 +
ประสาทะพรพาจา
 +
๏ ขอจุ่งอิฏฐผลนานา  ลุดั่งปราถนา
 +
ณผู้พิจารณ์อ่านฟัง ฯ
</tpoem>
</tpoem>

รุ่นปัจจุบันของ 14:21, 23 กุมภาพันธ์ 2553

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: ชิต บุรทัต

บทประพันธ์

ปรารมภพจน์

ฉบงง ๑๖
๏ ข้าผู้นิพันธ์พาทีถ้อยสามัคคี
เภทฉันท์อ้นออกบอกนาม
๏ ในท้ายทั้งที่มีความเจตนาพยายาม
นิยมประพันธ์อันใด
๏ แจ้งหมดปรากฎมีในปัจฉิมชัดไข
ลิขิตรจิตร์จองแถลง
๏ ปรารมภพจน์นี้ชี้แจงเพี่อจักสำแดง
ประวัติอุบัติ์แห่งบรรณ
๏ พิมพ์ขึ้นสำเร็จเสร็จพลันทั้งรวดเร็วทัน
ประสงค์สดวกโดยไว
๏ ด้วยทุนหนังสือพิมพ์ไทยทดรองจ่ายไป
เปนส่วนเอื้อเฟื้อเจือจาน
๏ ขุนสันทัดอักษรสารบรรณาธิการ
ธเกื้อธเอื้ออุดหนุน
๏ สัมฤทธิ์เพราะท่านการุญช่วยเหลือเจือจุน
โดยรอบประกอบอุปการ
๏ ผู้อื่นอีกอาทิ์เอาภารขุนนัยวิจารณ์
(เปล่ง ดิษยบุตร์) นามผจง
๏ คุณสุดกอบโกยโดยสงเคราะห์ล้ำจำนง
พินิจพิจารณ์จริงใจ
๏ สอดส่องถ่องถ้วนควรนัยเชิงอรรถอันใด
มิดีและมีขัดขวาง
๏ บอกให้แก้ใหม่ไป่วางธุระแท้แลทาง
แก้ไขใบพิมพ์เพียรทำ
๏ เรียบร้อยไพเราะเพราะคำที่ท่านแนะนำ
และตรวจและตราอาทร
๏ สองท่านอันออกนามกรข้าจะอนุศร
พระคุณตลอดฤๅลืม
             
นายชิต
ผู้ประพันธ์
ที่ทำการหนังสือศรีกรุง
วันที่ ๑ มิถุนายน พระพุทธศักราช ๒๔๕๘
             

ศุภมัสดุ
สัททุลวิกีฬิตฉันท์ ๑๙
๏ พร้อมเบญจางคประดิษฐ์สฤษติตษฎี
กายจิตร์วจีไตรทวาร
๏ กราบไหว้คุณพระสุคตอนาวรณญาณ
ยอดศาสดาจารย์มุนี
๏ อีกคุณสุนทรธรรมะคัมภิรวิธี
พุทธ์พจน์ประชุมตรีปิฎก
๏ ทั้งคุณสงฆะพิสุทธิศาสนะดิลก
สัมพุทธสาวกนิกร
๏ นอบน้อมคุณพระคเณศวิเศษศิลปธร
เวทางคบวรกะวี
๏ เปนเจ้าแห่งวิทยาวราภรณะศรี
สุนทรสุวาทวิธาน
๏ สรวมชีพหัดถประณามประนตพระบทมาลย์
บพิตระสมภารพระองค์
๏ สมเด็จอรรคะมหาจุฑาธิปะพระมง
กุฎเกล้าพิศิฏฐ์พงศ์กระษัตริย์
๏ บานบำเทองพรััเถลิงถวัลยอธิปัติ์
ที่หกดลกรัฏฐ์ประชา
๏ ชุ่มชื่นมณฑละภูมิ์นิพัทธ์วัฒนะปรา
กฎเพียงพระรามาวตาร
๏ ปางไวกูณฐประกอบประกาศกิติอุฬาร
เลิศมากประมาณคือพระองค์
๏ สรวมศรีไตรรตนาธิคุณอดุละมง
คลเหตุพิเศษทรงประสิทธิ์
๏ เสริมซึ่งโสตถิบวรพระพรจตรพิธ
ขอพึงสฤษดิ์นิจนิรันดร์
๏ จุ่งไท้เทียรฆพระชนมะดลลุสตพรรษ์
ภัทร์เพิ่มพระศุขวรรณพล
๏ อันใดสรรพะกะลีและนีรผละมล
ทินไกลยุคลบาทลออง
๏ เพียรเพ็ญูในมนะข้าพเจ้านิยมะจอง
เจตน์คิดลิขิตปองประพันธ์
๏ สามัคคีภิทะโทษนิทานะคติธรรม์
โดยพิศดารอันแสดง
๏ เชิงบรรพ์ฉันทะลเบงชเลงพจนะแปลง
บรรจงพจีแจงประโยชน์
๏ บูชาศาสนะพากย์สุภาสิตะวิโรจน์
เริงปรีดิปราโมทย์ประมวญ
๏ ใดบทบาทผิวะคลาศและผิดนิติขบวน
โกวิทกะวีควรอภัย
             

วสันตดิดก ฉันท์ ๑๔
๏ โบราณะกาลบรมะขัตติยรัชชเกรียงไกร
ท้าวทรงพระนามะอภิไธยะอชาตะศัตรู
๏ ครอบครองมไหยศุริยเอกอภิเศกประสิทธิ์ภูว์
อาณาปวัตติบริบูรณะบรรพประเพณี
๏ แว่นแคว้นมคธนคระราชคฤห์ราชบูรี
ทรงราชวัตร์วิธะทวีทศธรรมะจรรยา
๏ แหล่งหล้ามหาอุดมะลาภคุณะภาพพระเมตตา
แผ่เพียงชนกกรุณะอาทระบุตร์ธิดาตน
๏ โปร่งปรีดิปราศอริริปูภพะภูมิมณฑล
เปรมโสตถิ์ประสบวัฒนะผลศุขะต้วยพระเดชา
๏ อำพนพระมณฑิรพระราชะนิวาศน์วโรฬาร์
อัพกันตร์ก็ไพจิตระพาหิรภาคก็พึงชม
๏ เช่นหลั่งชลอดุสิตะเทวสถานพิมานพรหม
มารังสฤษดิ์ศิริอุตมผิวะเทียบก็เทียมทัน
๏ สามยอดยะเยี่ยมยละระยับวะวะวับสลับพรรณ์
ช่อฟ้าตระการกละจะหยันจะเยาะยั่วทิฆัมพร
๏ บราลีพิลาศศุภจรูญูนพศูลประกัศร
หางหงส์ผจงพิจิตระงอนดุจะกวักนภาลัย
๏ รอบด้านตระหง่านจตุรมุขพิศะสุกอร่ามใส
กาญจน์แกมมณีกนกะไพฑุริย์พร่างพะแพรวพราย
๏ บานบัฏพระบัญชระสลักฉลุลักษณ์เฉลาลาย
เพดาลก็ดารกะประกายระกะดาดประดิษฐ์ดี
๏ เพ่งภาพตลอดตละผนังก็มะลังมะเลืองสี
ยิ่งดูก็เด่นประดุจะมีชิวะแม้นกมลครอง
๏ ภาพเทพพนมวิจิตระยิ่งนรสิงหะลำยอง
ครุฑยุตภุชงค์วิยะผยองและเผยอขยับผัน
๏ ลวดลายระบายระบุกระหนาบกระแหนภาพกระหนกพัน
แผ่เกี่ยวผกาบุษปะวัลลิและวางระหว่างเนือง
๏ ภายใต้เศวตร์ฉัตระรัตนะจรัศจรูญเรือง
ตั้งราชอาศนะประเทีองวรมัญจบรรจ์ฐรณ์
๏ ห้อยย้อยประทีปอุบะประทินรศกลิ่นชเอมอร
อาบอบตระหลบนิจะขจรดุจะทิพย์สุมาลัย
๏ คัณนาอเนกคณะอนงค์ศิริทรงเจริญูใจ
สรรพางคะพรรณพิศะประไพกละพิมพอับศร
๏ เรียงรายจรูงรมยะบาทบริจาริกากร
ปันเวรพิทักษ์อธิบวรทิวรัตติ์นิวัทธ์วาร
๏ โดยรอบมหานคระเล่หะสิเนรุปราการ
มั่นคงอรินทระจะราญก็ระย่อและท้อหนี
๏ แถวถัมภะโดรณะสล้างระยะนางจรัลมี
ชลคูประตูวรบุรีณ ระหว่างพระภารา
๏ เรียงป้อมและปักธวัชะรายยละค่ายก็แน่นหนา
เสาธงสถิตยะธุชะมาลุตะโบกสบัดปลาย
๏ หอรบอรินทรจะรอรณะท้อหทัยหมาย
มุ่งยุทธะย่อมชิวะมลายก็ประลาศน์มิอาจทาน
๏ พร้อมพรั่งพฤนท์พหละรณพยุห์พลทหารหาญ
อำมาตย์และราชบริวารวุฒิเสวกากร
๏ เนืองแน่นขนัดอัศวะพาหนะชาติกุญชร
ชาญศึกสมรรถะณสมรชยะเพิกริปูภินท์
๏ ความศุขก็แสนบรมศุขและสนุกสนานยิน
ดีในผไทรัฐะบุรินทรรัตน์จรูญเรือง
๏ กลางวันอนันตคณนานรคลาคระไลเนือง
กลางคืนมหุศวะประเทืองดุริย์ศัพทะดีดสี
๏ บรรสานผสมสรนินาทพิณะพาทย์และดนตรี
แซ่โสตร์สดับเสนาะฤดีอุระเพลินเจริญใจ
๏ เมืองท้าวและเทียบพิพยโลกภพะแหล่งสุราลัย
เมืองท้าวและสมบุรณไพบุละทุกประการมาน
             

ฉบงง ๑๖
๏ อันอรรคปุโรหิตอาจารย์พราหมณ์นามวัสสการ
ฉลาดเฉลียวเชี่ยวชิน
๏ กลเวทโกวิทจิตร์จินต์่ประจักษ์แจ้งศิล
ปศาสตร์ก็จบสบสรรพ์
๏ เปนมหาอำมาตย์ราชวัลลภใครไป่ทัน
ฤเทียมฤเทียบเปรียบปาน
๏ สมัยหนึ่งจึ่งจอมภูมิบาลท้าวจินตนาการ
จะแผ่อำนาจอาณา
๏ ให้ราบปราบปรามเพื่อปรากฎไผทไพศา
ละจวบจังหวัดวัชชี
๏ หวังพระหฤทัยใคร่กรีฑาทัพโยธี
กระทำประยุทธ์เอาไชย
๏ ครั้นทรงดำริห์ตริไปกลับยั้งหยั่งใน
มนัศมิแน่แปรเกรง
๏ หากหักจักได้ไชยเชวงฤๅแพ้แลเลง
พะว้าพะวังลังเล
๏ ไป่อาจสามารถทุ่มเททำศึกรวนเร
พระราชหทัยโช่เบา
๏ ต้วยเหตุพระองค์ทรงเสาวนะศัพท์สำเนา
ระเบงระบีอลือชา
๏ ว่ากษัตริย์วัชชีบรรดาครองรัชชสีมา
กเษตร์ประเทศทุกองค์
๏ อปริหานิยะธรรมธำรงทั้งนั้นมั่นคง
มิโกรธมิกร้าวร้าวฉาน
๏ เพึ่อธรรมดำเนินเจริญูการณ์ใช่เหตุแห่งหานิ์
เจ็ดข้อจะคัดจัดไข
๏ หนึ่ง.เมื่อมีราชกิจใดปฤกษากันไป
บวายบหน่ายชุมนุม
๏ สอง.ย่อมพร้อมเลิกพร้อมประชุมพร้อมพรักพรรคคุม
ประกอบณกิจควรทำ
๏ สาม.นั้นถือมั่นในสัมมะจารีตจำ
ประพฤติ์มิตัดดัดแปลง
๏ สี่.ใครเปนใหญชะจงโอวาทศาสน์แสดง
ก็ยอมและน้อมบูชา
๏ ห้า.นั้นอันบุตริ์ภิริยาผู้อื่นก็หา
ประทุษฐ์กระทำข่มเหง
๏ หก.ที่เจดีย์ชนเกรงเคารพยำเยง
ก็เส้นก็บวงสรวงพลี
๏ เจ็ด.พระอรหันต์อันมีโนรัฏฐ์วัชชี
ก็คุ้มก็ครองปัองกัน
๏ พร้อมสรรพสัปดพิธนิจนิรันตร์สามัคคีธรรม์
ณหมู่กระษัตริย์ลิจฉวี
๏ อชาตศัตรูภูมีทรงทราบโดยคดี
ดั่งนั้นก็ครั่นคร้ามขาม
๏ ศึกใหญ่หากจะพยายามหาญหัก อาตาม
กำลังก็หนักนักหนา
๏ จำจักหักด้วยปัญญารอก่อนผ่อนหา
อุบายทำลายมูลความ
             

อุปชาติฉันท์ ๑๑
๏ บรมกระษัตริย์ปรารภะการะปราบปราม
กับวัสสการพราหมะณพฤฒิอาจารย์
๏ ปฤกษาอุบายดำริหะทำไฉนการ
จะสมนิยมภารธุระปราถนาเรา
๏ สมัคคิ์สมานมิตร์คณะลิจฉวีเขา
มั่นคงจะคิดเอาชนะด้วยประการใด
๏ ท่านวัสสการผู้ทิชะครูฉลาดใน
อุบายคนึงไปก็ประจักษ์กระจ่างจินตน์
๏ เสนอสนองทูลกละมูลยุบลรบิล
แต่องคภูมินทอชาตศัตรู
๏ ตกลงและทรงนัดแนะกะวัสสการครู
ตริเพื่อเผต็จมูละสมัคคไมตรี
๏ สมัยเสด็จว่ากิจะราชะการี
เสนาธิบดีมุขะมวญูอมาตย์ผอง
๏ โดยศักดิฐานันคระชั้นอนันต์นอง
ณท้องพระโรงทองขณะเฝ้าพระบทมาลย์
๏ สดับปกาสิตวระกิจวโรงการ
จึ่งราชะสมภารพจนาตถ์ประภาษไป
๏ เราคิดจะใคร่ยกพยุห์พลสกลไกร
ประชุมประชิดไชยรณะรัฏฐวัชชี
๏ ฉนี้แหละเสนาปติฐานะมนตรี
คอใครจะใคร่มีพจะคานประการไร
๏ ฝ่ายพราหมณ์ก็กราบทูลอติศูริย์ณทันใด
นยาธิบายไขวจนัตถทัดทาน
๏ พระราชปรารมภนิยมมิควรการณ์
ขอองคภูบาลพิเคราะห์เหตุจงดี
๏ อันซึ่งจะกรีฑาพละทัพและไปดี
กระษัตริย์ณวัชชีชนบทสมหมาย
๏ มิแผกมิผิดพากยะข้าพระองค์ทาย
ไป่ได้สดวกตายและจะแพ้เพราะไพรี
๏ พวกลิจฉวีขัตติยรัชชวัชชี
ละองค์ละองค์มีมิตระพันธะมั่นคง
๏ และแสนจะสามารถพละอาจกระทำสง
ครามยุทธยรรยงมิระย่อมิเยงใคร
๏ เราน้อยจะย่อยยับดละอัปราไชย
ฉนี้แหละแน่ในมนะข้าพยากรณ์
๏ และอีกประการเล่าผิวะเขาสิคิดคลอน
แคลนพาลระราญรอนทุจริตผจญเรา
๏ เป็นก่อนกระนั้นชอบทุษะตอบก็ทำเนา
มิมีคดีเอาธุระเห็นบเปนธรรม
๏ และโลกจะล่วงวาทะติว่าพระองค์จำ
นงเจตนาดำริห์วิรุธประทุษฐ์เขา
๏ กระนี้พระจุ่งปรารภะภาระแบ่งเบา
เพื่อกล่อมถนอมเกลามิตระภาพสงบงาม
             

อีทิสังฉันท์ ๒๐
๏ ภูบดินทร์สตับอุปายะตาม
ณวาทะวัสสการะพราหมณ์และบังอาจ
๏ เกินประมาณเพราะการละเมิดประมาท
มิควรจะขัตบรมราชชโยงการ
๏ ท้าวก็ทรงแสดงพระองคะปาน
ประหนึ่งพระราชหทัยธดาลพิโรธจึง
๏ ผันพระกายกระทีบพระบาทและอึง
พระศัพทะสีหนาทะพึงสยองภัย
๏ เอออุเหม่นะมึงชิช่างกระไร
ทุทาษสถุลฉนี้ไฉนก็มาเปน
๏ ศึกบถึงและมึงก็ยังมิเห็น
จะน้อยจะมากจะยากจะเย็นประการใด
๏ อวดฉลาดและคาดแถลงเพราะใจ
ขยาดขยั้นมิทันอะไรก็หมิ่นกู
๏ เล่หะกากะหวาดขมังธนู
บห่อนจะเห็นธวัชริปูก็ท้อถอย
๏ พ่ายเพราะไภยะตัวสิกลัวจะพลอย
พินาศชิพิตร์ประดิษฐ์ประดอยประเด็นขัด
๏ กูก็เอกอุดมบรมกษัตริย์
วิจาระถ้วนบควรจะทัดจะทานคำ
๏ นี่ก็เห็นเพราะเปนอมาตย์กระทำ
พระราชการะมาฉนำสมัยนาน
๏ ใช่กระนั้นละไซร้จะให้ประหาร
ชิวาตม์และหัวจะเสียบประจานณทันที
๏ นัคราภิบาลสภาบดี
และราชบุรุษฮะเฮ้ยจะรีจะรอไย
๏ ฉุดกระชากกะลีอปรีชะไป
บพักจะต้องกะรุณอะไรกะคนคด
๏ ลงพระราชอาชะญา ณ บท
พระอัยการพิพากษะกฎและโกนผม
๏ ไล่มิให้สถิตย์ณคามนิคม
นครมหาสิมานิยมบุรีใด
๏ มันสมรรคสวามิภักดิใน
อมิตตะลิจฉวีก็ไปบห้ามกัน
๏ เสร็จประกาศพระราชธูระสรรพ์
เสด็จนิวัติศุขาภิมัณฑ์มหาคาร
             

อินทรวิเชียร ฉันท์ ๑๑
๏ ควรสุดจะสมเพชจิตระเวทนาการ
ที่ท่านพฤฒาจารย์พะกระทบประสบทัณฑ์
๏ โตยเต็มกตัญูญูกตเวทิตาอัน
ใหญ่ยิ่งและยากครันขรการณ์จะทานทน
๏ ยินดีนิยมเพี่อสละเนี้อและเลีอดตน
ยอมรับอดูรผลจะพะพ้องพะพานกาย
๏ ไป่เห็นกะเจ็บแสบชีวะแทบจะทำลาย
มอบสัตย์สมรรถหมายมนะมั่นมิหวั่นไหว
๏ หวังการ ณ แผ่นดินจะสดวกเพราะฉันใต
ให้กิจในฤทธิ์ไปบมิเลี่ยงฤเบี่ยงเบือน
๏ เหลือที่จะมีใครทมะในหทัยเหมีอน
กัดฟันบฟั่นเฟีอนสติอดสกดเอา
๏ พวกราชมัลล์โดยพละโบยมิใช่เบา
สุดหัตถะแห่งเขาขณะหวดสิพึงกลัว
๏ ยลเนื้อก็เนื้อเต้นพิศะเส้นก็สั่นรัว
ทั่วร่างและทั้งตัวก็ระริกระริวไป
๏ แลหลังก็หลั่งโลหิตโอ้เลอะลามไหล
พ่งผาดอนาถใจตละล้วนระรอยหวาย
๏ เนี่องนับอเนกแนวระยะแถวตลอดลาย
เฆี่ยนครบสยบกายศิระพับพะกับคา
๏ ทั้งหลายสหายมิตตะอมัจจะเสนา
ทัศน์เหตุทุเรศสาหศะแสนสลดใจ
๏ สุดที่จะกลั้นโทมนะโศกะอาลัย
ถ้วนหน้ามิว่าใครขณะเห็นบเว้นคน
๏ แก้ไขและได้คืนสติฟื้นประทังตน
จึ่งราชบุรุษกลปกกรณ์ก็โกนหัว
๏ เสื่อมศีศะผมเผ้าพิศะเปล่าประจานตัว
เปนเยี่ยงประหยัดกลัวผิมะลักจะหลาบจำ
๏ เสร็จอาชะญาทัณฑ์กิจะพลันประกาศทำ
ปัพพาชนีย์กรรมดุจะราชโองการ
๏ บรรดาประชาชนขณะยลทิชาจารย์
สุดแสนจะสงสารสรแซ่ประสาสันทน์
๏ บางคนกมลอ่อนอุระข้อนพิไรพรรณน์
บางเหล่าวิสัยอันกุธะเกลียดก็เสียดสี
๏ บางพวกก็เปนกลางยละข้างพิจารณ์ดี
บางหมู่กะรุณมีณหทัยก็ให้ของ
๏ พราหมณ์วัสสการเสกละเล่หะทำนอง
ท่าทางละอย่างผองนระสิ้นบสงสัย
๏ ออกจากนครราชะคฤห์รีบจรัลไป
สู่เทศสถานไกลบุระรัฏฐัวัชชี      
             

วิชชุมมาลาฉันท์ ๘
๏ แรมทางกลางเถี่อนห่างเพื่อนหาผู้
หนึ่งใดนึกดูเห็นใครไป่มี
หลายวันถั่นล่วงเมืองหลวงธานี
นามเวสาลีดุ่มเดาเข้าไป
๏ ผูกไมตรีจิตร์เชิงชิดชอบเชื่อง
กับหมู่ชาวเมีองฉันท์อัชฌาสัย
เล่าเรี่องเคืองขุ่นว้าวุ่นวายใจ
จำเปนมาในด้าวต่างแดนตน
๏ เขาแสนสังเวชสังเกตอาการ
แห่งท่านอาจารย์ท่าทีทุกข์ทน
ภายนอกบอกแผลแน่แท้ทุพพล
เห็นเหตุสมผลให้พักอาศรัย
๏ ข่าวคราวกล่าวกันเปนทันแพร่หลาย
ลือล่ำกำจายจนแจ้งทั่วไป
มนตรีกราบทูลเค้ามูลขานไข
แด่องค์ท้าวไทแหล่งหล้าลิจฉวี
๏ ทรงทราบข่าวสาสน์โดยราชตำรัส
สัญญาอาณัติทุ่มฆาฏเภรี
ทุกไท้ราชาอาณาวัชชี
มาชุมนุมมีการตฤกปฤกษา
๏ แน่นเนีองเนื่องนับลำดับโดยหมู่
ทันใดราชผู้เปนใหญ่ในสภา
เริ่มอารัมภ์พจน์ตามบทมีมา
ชี้แจงจักปรารพภ์กันฉันใด
๏ พราหมณ์หนึ่งซึ่งเขาเปนเปาโรหิตย์
พวกปัจจามิตร์มาคธเขตร์ไผท
ต้องราชอาชญูาหนีมาอาศรัย
จำไล่ให้ไปฤๅรับเลี้ยงดู
๏ พร้อมตกลงเปนความเห็นเดียวกัน
บ้านเมีองของมันนั้นเปนศัตรู
แห่งรัฏฐ์วัชชีแม้มีแต้มคู
คิดมาตร์คาดมูลารัมภ์ทำกล
๏ เพื่อส่อไส้ศึกลับลึกสนธิ์สาย
หากเห็นแยบคายผิดอย่างแผกยล
ไล่มันทันทีแต่นี่ในฉงน
ยากหยังยังปนไปข้างสงสัย
๏ รอไว้ให้หาเข้ามาจักมี
ถ้อยท่าพาทีเท็จจริงฉันใด
สุดแท้แต่การณ์ตามฐานเปนไป
สมควรอย่างไรบัญชาคราหลัง
             

อินทรวงศ์ฉันท์ ๑๒
๏ ราชาประชุมดำริหะโดยประการะดัง
ดำรัสตระบัดยังวจนัตถ์ปวัตติพลัน
๏ ให้ราชภัฏโปริสะไปขมีขมัน
หาพราหมณ์ทุพลอันบุระเนระเทศะมา
๏ เขาพลันจรัลริบจระรุตประตุจประกา
สิตนำทิชาจาริยะสู่พระราชฐาน
๏ จึ่งลิจฉวีราชะสภาบดีประธาน
มีราชโองการนยะปุจฉนีย์คตี
๏ เยียใดไฉนตูกะระครูธล่วงกะลี
ข้อใหญ่อะไรมีทุระเหตุจะเสียจะหายน์
๏ จึ่งดาลอดูรพ้องขรข้องระคนระคาย
หลังไหล่สิรอยหวายคณนาอนันต์ประมาณ
๏ ต้องทัณฑะบรรพาชนิย์มาก็ไกลสถาน
พรากพันธุวงศ์วานบุตรทาระมิตร์สหาย
๏ มาอยู่นครเราจะเสาะเอารหัสอุบาย
ฤๅไรก็ ยากหมายอนุมานะครันนะครู
๏ อันราชอชาตสัตคุณรัฏฐู์มคธริปู
แห่งเราจะเอาภูมิกะกันและกันประสงค์
๏ หลากเหลือจะเชี่อจิตร์ผิวะคิดประหวั่นพะวง
เมตตาและเต็มปลงจิตระจักประคับประคอง
๏ หนักข้างระคางอยู่บมิรู้จะรับจะรอง
ภายหลังก็ตั้งตรองตริฤเว้นระวังระแวง
๏ ฝายวัสสการครูก็มธูระทูลแถลง
ให้เชื่อและชี้แจงอภิยาจนาภิปราย
             

วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
๏ ข้าแต่พระจอมจุฬมกุฎบริสุทธิกำจาย
ปรากฎพระยศระบุระบายกิติเบิกระบือบุญ
๏ เมตตาทยาลุศุภะกรรมอุปถัมภะการุญ
สรรเสริญเจริญพระคุณะสุนทระภาพพิบูลย์งาม
๏ เปรียบปานมหรรณพะนทีรมะที่ ประทังความ
ร้อนกายกระหายอุทกะยามนระผู้ประสบเห็น
๏ เอิบอิ่มกระหยิมหทยะคราวกระอุผ่าวก็ผ่อนเย็น
ยังอุณหะมุญจนะและเปนศุขะปีติดีใจ
๏ อันข้าพระองค์กษณะนี้บมิมีจะร้อนใด
ยิ่งกว่าและหามนุษไหนฤเสมีอนเสมอตน
๏ ใคร่เปลื้องประเทืองประนุทะทุกข์ภยะมุขจะมาดล
ไร้ญาติและขาตมิตระสกลนฤผู้จะดูดาย
๏ โดยเดียวอดักอดุระแดและก็แก่ชรากาย
ที่ซึ่งจะพึงสรณะหมายอนุศรบห่อนเห็น
๏ ทราบข่าวขจรพระกิติบาระมิว่าพระองค์เปน
เอกอรรคกระษัตริย์สุขุมะเพ็ญกรุณามหาศาล
๏ หวังเพื่อพะพิงบพิตระพึ่งอภิโพธิสมภาร
มอบกายถวายชิพิตตระปราณนิจะกาละปรารมภ์
๏ คิดไว้บได้ประดุจะเจตน์เฉภาะเหตุบเห็นสม
ขืนทำก็เท่ากะจะนิยมคติผิดพิจารณ์ดู
๏ ขึ้นชื่อกระฉ่อนบุรุษะกักขละอักกตัญญู
คิดคดขบถประทุษะภูวะประเทศผไทตน
๏ จำเปนเพราะเหลีอจะทุมนัศบมิน่าจะรับผล
แห่งราชภัยพิบัติดลดุจะนี้พินิจดู
๏ เหตุเดิมก็โดยบรมะราชอชาตะศัตรู
ปฤกษากะข้ายุคละมูลิกะมุขมนตรี
๏ จักยาตร์พยู่ห์พหละยุทธะประทุษฐะย่ำยี
เขตร์แดนพระองค์นิยมะนีระประโยชน์พยายาม
๏ ข้าบาทบจงจิตระอสัตย์พิเคราะห์ชัดถนัดความ
จริงอ้างกระจ่างพจนะตามอธิบายรบิลแจง
๏ วัชชีนครบวระสรรพะจะขันจะเข้มแขง
รี้พลสกลพิริยแรงรณะการะกล้าหาญู
๏ มาคธผไทรัฐะนิกรพละอ่อนบชำนาญ
ทั้งสินจะสู้สมระราญรึปุนั้นไฉนไหว
๏ ดั่งอินทโคปกะผวามุหะฝ่า ณ กองไฟ
หิ่งห้อยสิแข่งสุริยะไหนจะมิน่าชิวาลาญ
๏ เห็นการณ์ก็ควรยบละขัตพจนัตถะทัดทาน
บัดดลบดินทร์หทยะตาลลพิโรธะสำแดง
๏ ลงราชทัณฑะพิธะทารุณะการะร้ายแรง
ไม่ควรเฉลยนยะแถลงเพราะพระองค์ก็ทรงเห็น
๏ กราบทูลประมูลบทะประมวญตละล้วนตลอตเปน
ความจริงบแต่งกละประเด็นนิระสาระพาที
๏ ทีดับระงับอตุระผ่อนก็บห่อนจะเห็นมี
นอกจากพระองค์อดุละสีตลเมตตะคุณมัย
๏ มุ่งมาก็หมายกมละมีสรณียะเปนไป
ครองชีวะสืบศุขะพิสัยอนุสนธิอาสัญ
๏ มั่นปองสนองวระคุณาธิมหากะรณครัน
ในราชกิจนิจะนิรันดระตราบสลายกาล
๏ สุดแต่จะทรงพระกรุณาทนข้าพระบทมาลย์
ผู้ถืออภัพพ์ทุพพละซานเสาะอุสาหะมาถึง
             

๑๐

วังสัฏฐฉันท์ ๑๒
๏ ประชุมกระษัตริย์ราชะสภาสดับคนึง
คเรณทุกข์รึงอุระอัตถ์ประวัติประวิง
๏ ประกอบระกำพาหิระกายะน่าจะจริง
มิใช่จะแอบอิงกละอำกระทำอุบาย
๏ และทุกพระองค์ในคณะไป่ฉงนฉงาย
ก็เชื่อฌแยบคายคะรุวัสสการะพราหมณ์
๏ ตระบัตธรับสั่งผิวะดั่งวจีนิยาม
ละล้วนก็ควรความและมิร้ายมิแรงอะไร
๏ อชาตะศัตรูจุฬะภูว์มคธผไท
มิควรจะมีใจกุธะเกรี้ยวกระนี้สิหนอ
๏ และเหตุก็เท่านั้นผิจะผันจะผ่อนก็พอ
ระงับพิโรธรอพิเคราะห์เห็น บ เปนกระไร
๏ เถอะเราก็เอนดูทิชะครูและเศร้าหทัย
เพราะที่ธมีใจสุจริตวินิจวิจารณ์
๏ พะพ้องพระอาชญาบมิน่าจะเปนจะปาน
มิหนำนิเทสการทวิวิธลุทัณฑะทวน
๏ จะรับและเลี้ยงท่านอุปการ ณ ฐานะควร
ก็จงละเว้นมวลมละโทษประพฤติสุธรรม์
๏ ประดุจขนบข้าธุระราชะกิจจสรรพ์
ทิชงคะน้อมอัญชลิเช่นจะชื่นจะชู
๏ และมีพระปุจฉานยะว่าก็ครา ณ ครู
ฉลองพระคุณภูธระรับพระราชธูร
๏ สถิตย์ ณ ฐานันดระชั้นอะไรจะปูน
ประกอบและเกื้อกูลดุจะดั่งบุราณะมา
๏ ทวิชแถลงไทกิจะในสมัยณะกา
ละอยู่นครราชคฤห์ศักดิข้าธุลี
๏ สเถียรอมาตย์ฐานะพิจารณาคดี
พิฉินทะธารีดุละกิจพิพากษะการ
๏ กระษัตริย์กเษตร์ลิจฉวิหล้าพระราชะทาน
สถาปนาฐานยศะเทอดธุโรปถัมภ์
๏ และเห็นเพราะเปนครูวุฒิรู้วิชาและชำ
นิพลปศาสตร์คัมภิระเพทพิเศษพิศาล
๏ ประสิทธิดำแหน่งคะรุแห่งพระราชกุมาร
นิพัทธะเอาภารอนุสิฏฐะวิทยา
             

๑๑

มาลินีฉันท์ ๑๕
๏ กษณะทวิชะรับฐานันดร์และที่วา
ทกาจารย์
๏ นิระอลสะประกอบการพีริโยฬาร
และเต็มใจ
๏ จะพินิจยะคดีใดเที่ยง ณ บทใน
พระธรรมนูญู
๏ ละมนะอคติสีสูญูยุกติบาฐบูรณ์
ณคลองธรรม์
๏ ลุสมยะจะแนะนำพรรค์ราชกุมารสรรพ์
ธพรำสอน
๏ หฤทยปริอาทรชี้วิชากร
ก็โดยดี
๏ เพราะตริจะทนุถนอมปรีตามิไห้มี
ระแวงใด
๏ ผิวจะวิรุธะแคลงในราชหทัยไท
ธลิจฉวี
๏ เพราะปกรณะวิธีมีเล่หะลับนี
ระสงสัย
๏ คณะขัติยะและใครใครต่างก็ไว้ใจ
ทิชาจารย์
             

๑๒

ภุชงคปยาตรฉันท์ ๑๒
๏ ทิชงค์ชาติ์ฉลาดยลคเนกลคนึงการ
กษัตริย์ลิจฉวีวารระวังเหือดระแวงหาย
๏ เหมาะแก่การจะเสกสันปวัตติ์วัญจะโนบาย
มล้างเหตุพิเฉทสายสมัคคิ์สนธิ์สโมสร
๏ ณ วันหนึ่งลุถึงกาละศึกษาพิชากร
กุมารลิจฉวีวรเสด็จพร้อมประชุมกัน
๏ ตระบัดวัสสการมาสถานราชะเรียนพลัน
ธแกล้งเชิญกุมารฉันท์สนิทหนึ่งพระองค์ไป
๏ ลุห้องหับระโหฐานก็ถามการณะทันใด
มิลี้ลับอะไรในกถาที่ธปุจฉา
๏ จะถูกผิดกระไรอยู่มนุษผู้กระทำนา
และคู่โคก จูงมาประเทียบไถมิใช่หรือ
๏ กุมารลิจฉวีขัติย์ก็รับอัตถะอออือ
กะสิกชนกระทำคือประดุจคำพระอาจาย์
๏ ก็เท่านั้นธเชิญให้นิวัติในมิช้านาน
ประสิทธิ์ศิล์ปประสาสน์สารตลอดเลิกลุเวลา
๏ อุรสลิจฉวีสรรพะชวนกันเสด็จมา
และต่างซักกุมารราชะองค์นั้นจะเอาความ
๏ พระอาจารย์สิเรียกไปณ ข้างใน ธ ไต่ถาม
อะไรเธอเสนอตามวจีสัตย์กะพวกเรา
๏ กุมารนั้นสนองสาระวากย์วาทะตามเลา
เฉลยกับพระครูเปารุหิตย์โดยคดีมา
๏ กุมารอื่นก็สงสัยมิเชี่อในพระวาจา
สหายราชธพรรณ์นาและต่างองค์ก็พาที
๏ ไฉนเลยพระครูเราจะพูดเปล่าประโยชน์มี
เลอะเหลวนักละล้วนนีระผลเห็นบเปนไป
๏ เถอะถึงถ้าจะจริงแม้ธกล่าวแท้ก็ทำไม
สิชวนเข้า ณ ข้างในจะถามนอกบยากเย็น
๏ ชรอยว่าทิชาจารย์ธคิดอ่านกะท่านเปน
รหัสเหตุประเภทเห็นละแน่ชัดถนัดความ
๏ และท่านมามุสาวาทบกล้าอาจจะบอกตาม
พจีจริงพยายามไถลแสรงแถลงสาร
๏ กุมารราชมิตร์ผองก็สอดคล้องและแคลงดาล
พิโรธกาจวิวาทการอุบัติขึ้นเพราะขัดเคือง
๏ พิพิธพันธะไมตรีประดามีนิรันดร์เนือง
กะองค์นั้นก็พลันเปลีองมลายปลาศท์พินาศปลง
             

๑๓

มาณวกฉันท์ ๘
๏ ล่วงลุประมาณกาลอนุกรม
หนึ่ง ณ นิยมท่านทวิชงค์
เมื่ออนุสิฏฐ์วิทยะยง
เชิญูวระองค์เอกะกุมาร
๏ เธอจระตามพราหมะณะไป
โดยเฉพาะในห้องรหุฐาน
จึ่งพฤฒิถามความพิศดาร
ขอธประทานโทษะและไข
๏ อย่าติคะรูหลู่พจะเลย
ท่านสิเสวยภัตต์กะอะไร
ในทินะนี้ดีฤไฉน
พอหฤทัยยิ่งละกระมัง
๏ ราชธก็เล่าเค้าณประโยค
ตามบริโภคแล้วขณะหลัง
วาทะประเทืองเรึ่องก็ประทัง
อาคมะยังสิกขะสภา
๏ เสร็จอนุสาสน์ราชอุรส
ลิจฉวิหมดต่างธก็มา
ถามนยะอันท่านวุฒิอา
จาริยะปรารพภะอะไร
๏ เธอก็แถลงแจ้งกิจะมวล
ความตละล้วนจริงณหทัย
ต่างก็มิเชื่อเมื่อตริไฉน
จึ่งผละในเหตุบมิสม
๏ ขุ่นมนะเคืองเรื่องนฤสาร
เช่นกะกุมารก่อนก็ระดม
เลิกสละแยกแตกคณะกลม
เกลียวบนิยมคบดุจะเดิม
             

๑๔

อุเปนทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
๏ ทิชงค์เจาะจงเจตน์กละห์เหตุยุยงเสริม
กระหนำและซำเติมนฤพัทธะก่อการ
๏ ละครั้งระหว่างคราทินะวาระนานนาน
เหมาะท่าทิชาจารย์ธก็เชิญเสด็จไป
๏ บห่อนจะมีสาระฤหาประโยชน์ใด
กระนั้นเสมอไนยะธแสร้งเสาะสนถาม
๏ และบ้างก็พูดว่าน่ะแน่ะข้าสตับตาม
ยุบลระบิลความพจะแจ้งกระจายมา
๏ ลเมิตติเตียนท่านก็เพราะท่านสิแสนสา
ระพัดทลิทท์ภาวะและสุดจะขัดสน
๏ จะแน่มิแน่เหลีอมนะเชี่อเพราะยากยล
ณที่บมีคนธก็ควรขยายความ
๏ และบ้างก็กล่าวว่าน่ะแน่ะข้าจะขอถาม
เพราะทราบคดีตามวจะลือระบือมา
๏ ติฉินเยาะเย้ยท่านก็เพราะท่านสิแสนสา
ระพรรณพิกลกายะพิลึกประหลาดเปน
๏ จะจริงมิจริงเหลีอมนะเชื่อเพราะไป่เห็น
ผิดข้อบลำเค็ญูจิตระควรขยายความ
๏ กุมาระองค์เสาวนะเค้าคดีตาม
กระทู้พระครูถามธก็แสนจะสงสัย
๏ ก็คำบกอบการณ์คะรุท่านจะถามไย
ธซักเสาะสืบใครระบุแจ้งกะอาจารย์
๏ ทวิชก็บอกว่าพระกุมาระโน้นขาน
ยุบลกะข้ากาลเฉภาะอยู่กะกันสอง
๏ กุมารพระองค์นั้นธมิทันจะตฤกตรอง
ก็เชื่อณคำของวุฒิครูและวู่วาม
๏ พิโรธกุมารองคะเจาะจงพยายาม
ยุครูเพราะเอาความบมิดีประเดตน
๏ ก็พ้อและต่อว่าทิฐิมานะเกิดจน
ลุโทษะสืบสนธิวิวาทเสมอมา
๏ และฝ่ายกุมารหมู่ทิชะครูบเรียกหา
ก็แหนงประดาราชะกุมารทิชงค์เชิญ
๏ พระราชบุตร์ลิจฉวิมิตตจิตร์เมิน
กะกันและกันเหินคณะห่างก็ต่างถือ
๏ ทนงชนกตนวุฒิล้นประเสริฐลือ
ก็หาญกระเหิมฮือมนะฮึกบนึกขาม
             

๑๕

สัทราฉันท์ ๒๑
๏ ลำดับนั้นวัสสการพราหมณ์ธก็ยุศิษยะตาม
เล่ห์อุบายงามฉงนงำ
๏ ปวงโอรสลิจฉวีตำริหะวิรธะและสำ
คัญประดุจคำธเสกสัน
๏ ไป่เหลือเลยสักพระองค์อันมิละปิยะสหฉันท์
ขาดสมรรคพันธ์ก็อาดูร
๏ ต่างองค์นำความมิงามทูลพระชนกะอดิศูริย์
แห่งธโดยมูลปวัตติ์ความ
๏ แตกร้าวกร้าวร้ายก็ป้ายปามลุวระบิตระลาม
ทีละน้อยตามณเหตุผล
๏ ที่เชื่อฟังพจน์อุรสตนนฤวิเคราะหะเสาะสน
สืบจะหมองมลเพราะฉันใด
๏ แลทั้งท่านวัสสการในขณะยละจะเหมาะไฉน
เสริมเสมอไปสดวกดาย
๏ หลายอย่างต่างกลธขวนขวายระบิละยุปริยา
วัญูจโนบายบเว้นครา
๏ ครั้นล่วงสามปีประมาณมาคณขัติยะประดา
ลิจฉวีราชะทั้งหลาย
๏ สามัคคีธัมมะทำลายมิตระภิทนะกระจาย
สรรพะเสื่อมหายน์ก็เปนไป
๏ ต่างองค์ทรงแคลงระแวงในพระหฤทยะนิสัย
ผู้พิโรธใจระวังกัน
             

๑๖

สาลินีฉันท์ ๑๑
๏ พราหมณ์ครูรู้สังเกตประจักษ์เหตุตระหนักครัน
ราชาวัชชีสรรพะจักสู่พินาศสม
๏ ยินดีบัดนี้กิจจะสัมฤทธิ์มนารมณ์
ทำมาด้วยปรากรมและอุตสาหะแห่งตน
๏ ให้ลองตีกลองนัดประชุมขัตติ์ยมณฑล
เชิญูซึ่งส่ำสากลกษัตริย์สู่สภาคาร
๏ วัชชีภูมีผองสดับกลองกระหึมขาน
ทุกไท้ไป่เอาภารณกิจเพื่อเสด็จไป
๏ ต่างทรงรับสั่งว่าจะเรียกหาประชุมไย
เราใช่เปนใหญู่ใจก็ขลาดกลัวบกล้าหาญ
๏ ท่านใดที่เปนใหญ่และกล้าใครบเปรียบปาน
พอใจใครในการประชุมชอบก็เชิญเขา
๏ ปฤกษาหาฤๅกันไฉนนั้นก็ทำเนา
จักเรียกชุมนุมเราบแลเห็นประโยชน์เลย
๏ รับสั่งผลักไสส่งและทุกองค์ธเพิกเฉย
ไป่ได้ไปดั่งเคยสมรรคเข้าสมาคม
             

๑๗

อุปัฏฐิตาฉันท์ ๑๑
๏ เห็นเชิงพิเคราะห์ช่องชนะคล่องประสบสม
พราหมณ์เวทะอุดมธก็ลอบแถลงการณ์
๏ ให้วัลลภะชนคมะดลประเทศฐาน
กราบทูลนฤบาลอภิเผ้ามคธไกร
๏ แจ้งลักษณะสาสนะว่ากระษัตริย์ใน
วัชชีบุระไกวละหล้าตลอดกัน
๏ บัดนี้สิก็แตกคณะแผกและแยกพรรค์
ไป่เปนสหะฉันทะเสมือนเสมอมา
๏ โอกาศเหมาะสมัยขณะไหนประดุจครา
นี้แล้วก็ยากหาจะลุได้สดวกดี
๏ ขอเชิญวระบาทพยุห์ยาตร์เสด็จกรี
ฑาทัพพละพีริยะยุทธะโดยไว
             

๑๘

สุรางคณางค์ ๒๘
๏ บพิตร์อชา
ตะสัตตราชะรัฏฐะไกร
สดับณสาสน์พระราชหทัย
ธปรีดิใดบเปรียบบปาน
๏ พระเผยประภาษ
กะมุขอมาตย์บดีประธาน
ตระเตรียมสกลพหลทหาร
สมรรถะชาญประดังประตา
๏ สพรึบสพรั่ง
ณหน้าและหลังณซ้ายและขวา
ละหมู่ละหมวดก็ตรวจก็ตรา
ประมวญกะมาก็มากประมาณ
๏ นิกายเสบียง
ก็พอก็เพียงพโลปการ
และสัตถะภัณฑะสรรพะภาร
จะยุทธะราญกะเรียกระดม
๏ ประชุมพยูห์
กระเกริกกระกรูกระหยิ่มนิยม
ละล้วนสง่ามนาภิรมย์
บขามระทมมิท้อริปู
๏ สมานสมัคคิ์
ระเริงและรักจะรบศัตรู
ฉลองพระคุณพระจุฬภูว์
พิไชยะชูพระเกียรดิ์ไผท
๏ จะดีจะงาม
เพราะเข้าสนามประยุทธะไกร
เหมาะนามทหารละคร้านไฉน
และสมกะใจบุรุษสมัญญู์
๏ ก็โห่และฮึก
ประหัฏฐ์คะคึกประกวดประชัน
ณ ท้องพระลานประมาณอนันต์
อเนกะสรรพะเตรียมคระไล
             

๑๙

โคฏกฉันท์ ๑๒
๏ ประลุฤกษะมหุดิ์ทินะอุตตมะไกร
รณรงคะวิไชยะดิถีศภะยาม
๏ ทิชะพฤฒิปุโรหิตโกวิทะพราหมณ์
ก็ประกอบกิจะตามนิติไสยยะพิธี
๏ ทนุเพึ่ออภิมงคละสงเคราะห์ทวี
ศิริวัฑฒนะกรีฑะเผด็จดัษกร
๏ บุรพัณหะสมัยลุอุทัยระวิวร
นฤนารถอดิศรธเสด็จสระสนาน
๏ วรองค์อภิมัณฑ์ศุภะสรรพะประการ
ดุจะขัตติย์บุราณรณะยุทธะนิยม
๏ พระเสด็จรัฐะยาบทะคลาอนุกรม
ฐิตะเกยชยะชมพละพฤนทะนิกร
             

๒๐

ฉบงง ๑๖
๏ เนมิตต์เชษฐวิทยุตดรรอพอบวร
มหุติ์อุดมดีดล
๏ ให้ฆาฏฆ้องไชยมงคลคำรบสามหน
เฉลิมพระฤกษ์เบิกธง
๏ ทุ่มอินทรเภรีเร่งคงคาบลาล้วนลง
มะโหระทึกคฤกโครม
๏ ดุริยางค์ดนตรีนี่ประโคมสังข์แตรแซ่โหม
กระหึมสนั่นบรรสาน
๏ ราชามาคธภูมิบาลเถลิงหลังคชาธาร
ประเสริฐสง่างามทรง
๏ ควรขัตติยยานยรรยงเพียงพาหนาศน์องค์
สหัสสนัยน์ใดปาน
๏ ครบเต็มเครื่องตั้งหลังสารกูบแพรแลลาน
ละล้วนบรรเจิดเฉิดฉัน
๏ โอภาษอาภรณ์อรรคภัณฑ์คชลักษณ์ปิลันทน์
ก็เลิศก็ล้ำลำยอง
๏ แพร้ว ๆ พราย ๆ ข่ายกรองก่องสกาวดาวทอง
และพู่สุพรรณสรรถกล
๏ สองพลุกสุกวะลัยเลอยลลาดพัตถ์รัตคน
และปกขนองซองหาง
๏ งวงเสยเงยเศียรส่ายพลางเทอดทันต์ท่าทาง
สง่าบล้ากำลัง
๏ ขุนคอคชคุมกุมอังกุษกรายท้ายยัง
ขุนควาญประจำดำรี
๏ เครื่องสูงครบสรรพ์อันมีตามบุรพประเพณี
พยุหบาตรยาตรา
๏ จาตุรังคิกะแสนเสนาเนึ่องสุดสายตา
ตลอดตลึงแลลาน
๏ ขุนคชขึ้นคชชินชาญคุมพลคชสาร
ละตัวกำแหงแขงขัน
๏ เคยเศิกเข้าศึกฮึกครันเสียงเพรียกเรียกมัน
คำรนประดุจเดือดดาล
๏ อร่ามเรืองต้วยเครื่องอลังการนายขอหมอควาญ
ก็ขี่กะรีดำเนิน
๏ พลหัยพิศเห็นเช่นเหินหาวเหาะเหยาะเดิน
เดาะเตือนก็เต้นตีนซรอย
๏ ต่างตัวดีดโลดโดดลอยเลิงเล่นแผ่นคอย
จะควบประกวดอวดพล
๏ สีกายฝ้ายแซมแกมขนดำบ้างด่างปน
กระเลียวและเหลืองแดงพรรณ
๏ โสภาอัศวากรณ์สรรพ์ตาบหน้าพร่าวรร
ณะเด่นดำกลกาญจน์มณี
๏ ยาบย้ายห้อยพู่ดูดีขลุมสวมกรวมศี
ศะคาดกนกแนมเกลา
๏ สายถือสายง่องถ่องเพราคล้องสอดสายเหา
งามทั้งพะนังโกลนอาน
๏ ขุนอัศว์อาตม์โอ่โอหารรำทวนเทอดปาน
ประหนึ่งจะโถมโจมแทง
๏ ต่างขับแสะขี่เข้มแขงควงแส้สำแดง
ดุรงค์วิธีโรมรณ
๏ ดาษดาคลาคล่ำส่ำพลบทจรอนนต์
อเนกคแนนคัณนา
๏ ปลุกเศกเลขยันต์ว่านยาอาคมคาถา
ประสิทธิขลังทั้งกาย
๏ เสื้อผ้าสารพัดจัดหลายหมู่หมวดมากมาย
ก็มละอย่างต่างกัน
๏ แรงหัตถ์กวัดแกว่งซึ่งสรรพ์ศัสตราวุธอัน
วะวาบวะวาวขาวคม
๏ พลรถแหล่ล้วนควรชมแอกงอนอ่อนสม
สง่าประกอบดุมกง
๏ เล็งสูงลิ่วสวยชวยธงชายโบกชวนบง
สบัดระริ้วปลิวปลาย
๏ ปีนไฟใส่ล้อเลื่อนรายหามลากมากหลาย
และลูกกระสุนดินดำ
๏ พร้อมสรรพกองทัพโดยลำดับล้วนควรยำ
ระย่อสยองเยงยล
๏ เคลื่อนคลายพลนิกายสกลเต็มสองฟากสถล
อุโฆษผสานศัพท์ฟัง
๏ เสียงสารแสะร้องก้องดังเสียงโกลนเตือนพะนัง
และเสียงพยู่ห์โยธี
๏ เสียงแซ่สังคีตตีตสีพาทย์กลองฆ้องตี
สิกัมปนาทหวาดไหว
๏ ผงคลีมืดคลุ้มกลุ้มไปปานพี้นแผ่นไผท
ทำลายถล่มจมเอียง
๏ ออกจากราชคฤห์เขตร์เวียงมุ่งแคว้นแดนเชียง
วัชชีประชิดชิงไชย
             

๒๑

กมลฉันท์ ๑๒
๏ อนุมัคคะกรีฑาพละคลาคะคล่ำไป
ณระหว่างวนาลัยละเลาะทุ่งและนาเนิน
๏ อนุจรสิขรเขาบถะเต้าวิถีเถิน
ระยะทางสไกลเกินก็คะค้อยคระไลคลา
๏ ผิวะกาละมัชฌันติกะอันระวีสา
หัศะร้อนและอ่อนกายะสกนธ์พหลหาญ
๏ ก็มิรีบมิรัดเอื้อทนุเพื่อสบายบาน
พละปรีดิสำราญศุขะพอก็ต่อไป
๏ สุริยงคะสายัณห์ผิจะดั้นจะเดินใน
พนะยากก็อาศรัยนิทระแรมระวังกัน
๏ บุรพัณหะเพลาลุก็คลาก็ขับสัญ
จระต่อวนารัญญปถานุกรมไป
๏ เพราะประสงค์จะปลุกกล้าอุปการะเอาใจ
บ ระอิดระอาใดขณะเมี่อมิจำเปน
๏ กิจะสรรพะทั้งหลายมนะนายตระหนักเห็น
อุระใพร่จะลำเค็ญและจะควรวินุทไฉน
๏ ก็จะมีกะใจภักดิสมรรคและชิงไชย
อริหมู่ริปูในรณะภูมิเต็มพล
๏ จระโดยวนันดรและระรอนระแรมจน
ลุกระทั่งนทีดลดิระดิตถะขอบคัน
๏ ธุระจำจะต้องข้ามชละยาตร์พยู่ห์ขันธ์
พละไกรคระไลบรรสุวิสาลิธานี
             

๒๒

วิชชุมมาลาฉันท์ ๘
๏ ข่าวเศิกเอิกอึงทราบถึงบัดดล
ในหมู่ผู้คนชาวเวสาลี
แทบทุกถิ่นหมดชนบทบูรี
อกสั่นขวัญหนีหวาดกลัวทั่วไป
๏ ตื่นตาหน้าเผือดหมดเลีอดสั่นกาย
หลบลี้หนีตายวุ่นหวั่นพรั่นใจ
ซุกครอกซอกครัวซ่อนตัวแตกไภย
เข้าดงพงไพรทิ้งย่านบ้านตน
๏ เหลือจักห้ามปรามชาวคามล่าลาศน์
พันหัวหน้าราษฎร์ขุนด่านดำบล
หาฤๅแก่กันคิดผันผ่อนปรน
จักไม่ให้พลมาคธข้ามมา
๏ จึ่งให้ตีกลองป่าวร้องทันที
แจ้งข่าวไพรีรุกเบียฬบีฑา
เพื่อหมู่ภูมีวัชชีอาณา
ชุมนุมบัญูชาป้องกันฉันใด
๏ ราชาลิจฉวีไป่มีสักองค์
ที่ทรงจำนงเพื่อจักเสด็จไป
ต่างองค์ดำรัสเรียกนัดทำไม
ใครเปนใหญ่ใครกล้าหาญเห็นดี
๏ เชิญเทอญท่านต้องขัดข้องข้อไหน
ปฤกษาปราไสตามเรี่องตามที
แต่ส่วนเราใช่เปนใหญ่แลมี
ใจอย่างผู้ภีรุกห่อนอาจหาญ
๏ ต่างทรงสำแดงความแขงอำนาจ
สามัคคีขาดแก่งแย่งโดยมาน
ภูมิศร์ลิจฉวีวัชชีรัฏฐบาล
ไป่ชุมนุมสมานแม้แต่สักองค์
             

๒๓

อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
๏ ปิ่นเขตร์มคธขัตติยะรัชชธำรง
ยั้งทัพประทับตรงนคเรศวิสาล
๏ ภูธรธสังเกตพิเคราะห์เหตุณธานี
แห่งราชะวัชชีขณะเศิกประชิดแดน
๏ ดูดั่งบรู้ศึกและมินึกจะเกรงแกลน
ฤๅคิดจะตอบแทนรณะเพึ่อระงับไภย
๏ นิ่งเงียบสงบงำบมิทำประการใด
ปรากฎประหนึ่งในบุระว่างและร้างคน
๏ แน่โดยมิพักสงสยะคงกระทบกล
ท่านวัสสการจนลุกระนี้ประจักษ์ตา
๏ ภินท์พัทธะสามัคคิยะพรรคพระราชา
ชาวลิจฉวีวาระจะพ้องอนัตถ์ไภย
๏ ลูกข่างประดาทารกะกาละขว้างไป
หมุนเล่นสนุกไฉนดุจะกันฉนั้นหนอ
๏ คูรวัสสการเเส่กละแหย่ยุดีพอ
ปั่นป่วนบเหลือหลอจะมิร้าวมิรานกัน
๏ ครั้นทรงพระปรารพภ์กิจะจบธจึ่งบัญ
ชานายนิกายสรรพะทแกล้วทหารหาญู
๏ เร่งทำอุลุมป์เวฬุคเนกะเกณฑ์การ
เพื่อข้ามนทีธารจระเข้านครบร
๏ เขารับพระบัณฑูรอดิศูริย์บดีศร
ภาโรปกรณ์ตอนทิวะรุ่งสฤทธิ์พลัน
๏ จอมนารถพระยาตราพยุหาธิทัพขันธ์
โดยแพและพ่วงปันพละข้ามณคงคา
๏ จนหมดพหลเนืองยละเนืองขนัดคลา
ขึ้นฝั่งลุเวสาลิบุเรศสดวกดาย
             

๒๔

จิตรปทาฉันท์ ๘
๏ นาคะระธานิวิสาลี
เห็นริปุมีพละมากมาย
ข้ามติระชลก็ลุพ้นหมาย
มุ่งจะทลายพระนครตน
๏ ต่างก็ตระหนกมนะอกเต้น
ตื่นบมิเว้นตละผู้คน
ทวบุระคามะจลาจล
เสียงอลวนอลเวงไป
๏ สรรพะสกลมุขะมนตรี
ตรอมจิตระภีรุกะเภทไภย
บางคณะอาทระปราไส
ยังมิกระไรขณะนี้หนอ
๏ ควรบริบาลพระทวารมั่น
ต้านประทะกันอริก่อนพอ
ขัตติยะราชะสภารอ
ดำริหะขอวระโองการ
๏ ทรงตริไฉนก็จะได้ทำ
ตามนยะดำรัสะภูบาล
เสวกะผองก็เคาะกลองขาน
อาณติปานดุจะกลองพัง
๏ ศัพทะอุโฆษลุพระโสตร์ท้าว
ลิจฉวิด้าวขณะทรงฟัง
ต่างธก็เฉยและละเลยตัง
ไท้นฤกังวละอย่างไร
๏ ต่างบมิคลาณสภาคาร
แม้พระทวารบุระทั่วไป
รอบทิศะด้านและทวารไหน
ห่อนนระใดธุระปิดมี
             

๒๕

สัททุลวิกีฬิตฉันท์ ๑๙
๏ จอมทัพมาคธะราษฐ์ธยาตร์พยุหะกรี
ฑาสู่วิสาลีนคร
๏ โดยทางอันพระทวาระเปิดนระนิกร
ไป่รอจะต่อรอนอะไร
๏ เบื้องนั้นท่านคะรุวัสสการทิชะก็ไป
นำทัพชเนนทร์ไทมคธ
๏ เข้าปราบลิจฉวิขัติย์ณรัฏฐะชนบท
สู่เงื้อมพระหัตถ์หมดและโดย
๏ ไป่พักต้องจะกะเกณฑ์นิกายพหละโรย
แรงเปลืองระดมโปรยประยุทธ์
๏ ราบคาบเสร็จธเสด็จลุราชะคฤหะอุต
ดมเขตร์บุเรศดุจะเดิม
๏ ตามเรื่องต้นยุติแต่จะต่อพจนะเติม
ภาษิตระจิตร์เสริมประสงค์
๏ ปรุงโสตร์เปนคติสุนทราภรณะจง
จับข้อประโยชน์ตรงตริดู
             

๒๖

อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
๏ อันภูบดีราชะอชาตะศัตรู
ดลิจฉวีภูวะประเทศสดวกดี
๏ แลสรรพะบรรตาวระราชะวัชชี
ถึงซึ่งพิบัตบีฑะอนัตถ์พินาศหนา
๏ เหี้ยมนั้นเพราะผันแผกคณะแตกและต่างมา
ถือทิฏฐิมานสาหศะโทษพิโรธจอง
๏ แยกพรรคสมรรคภินทนะสิ้น บ ปรองดอง
ขาดญาณพิจารณ์ตรองตริมะลักประจักษ์เจือ
๏ เชื่ออรรถยุบลเอารสะเล่าก็ง่ายเหลีอ
มากโมหะฟั่นเฝีอบมิฟอกคดีมูล
๏ จึ่งตาลประการหายนะภาวะอาดูร
เสียแดนผไทสูญกิติศัพทะเสื่อมนาม
๏ ควรชมนิยมจัดคะรุวัสสการพราหมญ์
เปนเอกอุบายงามกละงำกระทำมา
๏ พุทธาทิบัณฑิตยละคิดพินิจปรา
รพภ์สรรเสริญสาธุสมัคคภาพผล
๏ ว่าอาจจะอวยผาศุกะภาวะมาดล
ดีสู่ณหมู่ตนบนิราศนิรันดร
๏ หมู่ใดผิสามัคคิยะพรรคสโมสร
ไปปราศนิราศรอนคุณะไร้ไฉนดล
๏ พร้อมเพรียงประเสริฐครันเพราะฉนั้นแหละบุคคล
ผู้หวังเจริญูตนกิจะเกี่ยวกะหมู่เขา
๏ พึงหมายสมัคคิ์เปนมุขะเปนประธานเอา
ธูรทั่วและตัวเราบมิเห็น ณ ฝ่ายเดียว
๏ ควรยกประโยชน์ยื่นนระอื่นก็แลเหลียว
ดูบ้างและกลมเกลียวมิตระภาพผดุงครอง
๏ ยั้งทิฏฐิมานหย่อนทมะผ่อนผจงจอง
อารีมิมีหมองมนะเมี่อจะทำใด
๏ ลาภผลสกลบรรลุก็ปันก็แบ่งไป
ตามน้อยและมากใจยุติเที่ยงนิยมธรรม์
๏ พึงมาระยาตร์ยึดสุประพฤติ์สงวนพรรค์
รื้อฤษยาอันอุปเฉทะไมตรี
๏ ดั่งนั้นณหมู่โดผิบไร้สมัคคิ์มี
พร้อมเพรียงนิวัทธ์นีระวิวาทระแวงกัน
๏ หวังเทอญมิต้องสงสยะคงประสบพลัน
ซึ่งศุขกเษมสันต์หิตะกอบทวีการ
๏ ใครเล่าจะสามารถจิตระอาจจะรานหาญ
หักล้างบแหลกลาญก็เพราะพร้อมเพราะเพรียงกัน
๏ ป่วยกล่าวอะไรฝูงนระสูงประเสริฐครัน
ฤๅสรรพะสัตว์อันเฉภาะมีชิวีครอง
๏ แม้มากผิกิ่งไม้ผิวะใครจะใคร่ลอง
มัตกำกระนั้นปองพละหักก็เต็มทน
๏ เหล่าไหนผิไมตรีนฤมีณหมู่ตน
การ ใดจะขวายขวนบมิพร้อมมิเพรียงกัน
๏ อย่าปราถนาหวังศุขะทั้งเจริญอัน
จักมาอุบัติบรรลุไฉนบได้มี
๏ ปวงทุกข์พิบัติสรรพะภยันตรายกลี
แม้ไป่นิยมปีติประสงค์ก็คงสม
๏ ควรชนประชุมเปนคณะเปนสมาคม
สามัคคิปรารมภะนิพัทธคำนึง
๏ ไป่มีก็้ไห้มีผิวะมีก็จงพึง
ให้ยิ่งภิโยจึงจะประสบศุขาลัย
             

๒๗

ฉบงง ๑๖
๏ พร่ำพรรณน์ฉันทพากย์โดยโจเพียรจบตามนัย
นิทานบุราณเปนมูล
๏ นามสฤษดิ์ นายชิต ชวางกูรเชลงเฉลาเอาธูร
สลัดอาลัสย์อันมี
๏ ไว้ปากไว้วากย์วาทีไว้วงศ์กระวี
ไว้เกียรติ์และไว้นามกร
๏ ไว้เฉลิมเสริมศรีพระนครคือพิทยาภรณ์
พิเศษประดับดูงาม
๏ ค่อยคิดติดต่อโดยความมิคลายพยายาม
กระวีผิเพ่งเล็งเห็น
๏ ฉันทภาคยากล้ำลำเค็ญถ้อยคำจำเป็น
เพราะศัพท์บังคับหนักเบา
๏ พึงอภัยข้าผู้วัยเยาว์วิทย์หย่อนอ่อนเชาวน์
มิใช่จะคิดแข่งขัน
๏ อาศรัยใจชอบเชิงประพันธ์กิจอื่นว่างครัน
ก็เครื่องจะเปลืองเวลา
๏ จำเนียรแต่เพียรอุตสาหะพจน์พรรณนา
สฤทธิ์ด้วยจิตร์จงพลัน
๏ ฝากไว้ในน่าแห่งบรรณเพื่อเชื้อเชิญสรรพ์
สุภาพมหาชนชม
๏ สถิตย์เสถียรเทียรฆ์กาละนิยมถ้อยเสริญเทอญสม
ประสาทะพรพาจา
๏ ขอจุ่งอิฏฐผลนานาลุดั่งปราถนา
ณผู้พิจารณ์อ่านฟัง ฯ
             

เชิงอรรถ

ที่มา

[1]

เครื่องมือส่วนตัว