ระเด่นลันได
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(→อธิบายบทละคอน เรื่อง ระเด่นลันได) |
ล (รูปแบบการแสดง) |
||
| (การแก้ไขหนึ่งรุ่นระหว่างรุ่นที่เปรียบเทียบไม่แสดงผล) | |||
| แถว 32: | แถว 32: | ||
<tpoem> | <tpoem> | ||
| - | (ช้าปี่) | + | <sup>(ช้าปี่)</sup> |
| - | ๏ มาจะกล่าวบทไป | + | ๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงระเด่นลันไดอนาถา |
| - | ถึงระเด่นลันไดอนาถา | + | เสวยราชย์องค์เดียวเที่ยวรำภา ตามตลาดเสาชิงช้าหน้าโบสถ์พราหมณ์ |
| - | เสวยราชย์องค์เดียวเที่ยวรำภา | + | อยู่ปราสาทเสาคอดยอดด้วน กำแพงแก้วแล้วล้วนด้วยเรียวหนาม |
| - | ตามตลาดเสาชิงช้าหน้าโบสถ์พราหมณ์ | + | มีทหารหอนเห่าเฝ้าโมงยาม คอยปราบปรามประจามิตรที่คิดร้าย ฯ ๔ คำ ฯ |
| - | อยู่ปราสาทเสาคอดยอดด้วน | + | |
| - | กำแพงแก้วแล้วล้วนด้วยเรียวหนาม | + | |
| - | มีทหารหอนเห่าเฝ้าโมงยาม | + | |
| - | คอยปราบปรามประจามิตรที่คิดร้าย ฯ ๔ คำ ฯ | + | |
| - | ๏ เที่ยวสีซอขอข้าวสารทุกบ้านช่อง | + | ๏ เที่ยวสีซอขอข้าวสารทุกบ้านช่อง เป็นเสบียงเลี้ยงท้องของถวาย |
| - | เป็นเสบียงเลี้ยงท้องของถวาย | + | ไม่มีใครชังชิงทั้งหญิงชาย ต่างฝากกายฝากตัวกลัวบารมี |
| - | ไม่มีใครชังชิงทั้งหญิงชาย | + | พอโพล้เพล้เวลาจะสายัณห์ ยุงชุมสุมควันแล้วเข้าที่ |
| - | ต่างฝากกายฝากตัวกลัวบารมี | + | บรรทมทมเหนือลำแพนแท่นมณี ภูมีซบเซาเมากัญชา ฯ ๔ คำ ฯ |
| - | พอโพล้เพล้เวลาจะสายัณห์ | + | |
| - | ยุงชุมสุมควันแล้วเข้าที่ | + | |
| - | บรรทมทมเหนือลำแพนแท่นมณี | + | |
| - | ภูมีซบเซาเมากัญชา ฯ ๔ คำ ฯ | + | |
| - | (ร่าย) | + | <sup>(ร่าย)</sup> |
| - | ๏ ครั้นรุ่งแสงสุริยันตะวันโด่ง | + | ๏ ครั้นรุ่งแสงสุริยันตะวันโด่ง โก้งโค้งลงในอ่างแล้วล้างหน้า |
| - | โก้งโค้งลงในอ่างแล้วล้างหน้า | + | เสร็จเสวยข้าตังกับหนังปลา ลงสระสรงคงคาในท้องคลอง ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ |
| - | เสร็จเสวยข้าตังกับหนังปลา | + | |
| - | ลงสระสรงคงคาในท้องคลอง ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | + | |
| - | (ชมตลาด) | + | <sup>(ชมตลาด)</sup> |
| - | ๏ กระโดดคำสามทีสีเหื่อไคล | + | ๏ กระโดดคำสามทีสีเหื่อไคล แล้วย่างขึ้นบันไดเข้าในห้อง |
| - | แล้วย่างขึ้นบันไดเข้าในห้อง | + | ทรงสุคนธ์ปนละลายดินสอพอง ชโลมสองแก้มคางอย่างแมวคราว |
| - | ทรงสุคนธ์ปนละลายดินสอพอง | + | นุ่งกางเกงเข็มหลงอลงกรณ์ ผ้าทิพย์อาภรณ์พื้นขาว |
| - | ชโลมสองแก้มคางอย่างแมวคราว | + | เจียระบาดเสมียนละว้ามาแต่ลาว ดูราวกับหนังแขกเมื่อแรกมี |
| - | นุ่งกางเกงเข็มหลงอลงกรณ์ | + | สวมประคำดีควายตะพายย่าม หมดจดงดงามกว่าปันหยี |
| - | ผ้าทิพย์อาภรณ์พื้นขาว | + | กุมตระบองกันหมาจะราวี ถือซอจรลีมาตามทาง ฯ ๖ คำ ฯ เพลงช้า |
| - | เจียระบาดเสมียนละว้ามาแต่ลาว | + | |
| - | ดูราวกับหนังแขกเมื่อแรกมี | + | |
| - | สวมประคำดีควายตะพายย่าม | + | |
| - | หมดจดงดงามกว่าปันหยี | + | |
| - | กุมตระบองกันหมาจะราวี | + | |
| - | ถือซอจรลีมาตามทาง ฯ ๖ คำ ฯ เพลงช้า | + | |
| - | (ร่าย) | + | <sup>(ร่าย)</sup> |
| - | ๏ มาเอยมาถึง | + | ๏ มาเอยมาถึง เมืองหนึ่งสร้างใหม่ดูใหญ่กว้าง |
| - | เมืองหนึ่งสร้างใหม่ดูใหญ่กว้าง | + | ปราสาทเสาเล้าหมูอยู่กลาง มีคอกโคอยู่ข้างกำแพงวัง |
| - | ปราสาทเสาเล้าหมูอยู่กลาง | + | พระเยื้องย่างเข้าทางทวารา หมู่หมาแห่ห้อมล้อมหน้าหลัง |
| - | มีคอกโคอยู่ข้างกำแพงวัง | + | แกว่งตระบองป้องปัดอยู่เก้กัง พระทรงศักดิ์หยักรั้งคอยราญรอน ฯ ๔ คำ ฯ เชิด |
| - | พระเยื้องย่างเข้าทางทวารา | + | |
| - | หมู่หมาแห่ห้อมล้อมหน้าหลัง | + | |
| - | แกว่งตระบองป้องปัดอยู่เก้กัง | + | |
| - | พระทรงศักดิ์หยักรั้งคอยราญรอน ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | + | |
| - | ๏ เมื่อนั้น | + | ๏ เมื่อนั้น นางประแดะหูกลวงดวงสมร |
| - | นางประแดะหูกลวงดวงสมร | + | ครั้นรุ่งเช้าท้าวประดู่ภูธร เสด็จจรจากเวียงไปเลี้ยงวัว |
| - | ครั้นรุ่งเช้าท้าวประดู่ภูธร | + | โฉมเฉลาเนาในที่ไสยา บรรจงหั่นกัญชาไว้ท่าผัว |
| - | เสด็จจรจากเวียงไปเลี้ยงวัว | + | แล้วอาบน้ำทาแป้งแต่งตัว หวีหัวหาเหาเกล้าผมมวย |
| - | โฉมเฉลาเนาในที่ไสยา | + | ได้ยินแว่วสำเนียงเสียงหมาเห่า คิดว่าวัวเข้าในสวนกล้วย |
| - | บรรจงหั่นกัญชาไว้ท่าผัว | + | จึงออกมาเผยแกลอยู่แร่รวย ตวาดด้วยสุรเสียงสำเนียงนาง |
| - | แล้วอาบน้ำทาแป้งแต่งตัว | + | พอเหลือบเห็นระเด่นลันได อรไทผินผันหันข้าง |
| - | หวีหัวหาเหาเกล้าผมมวย | + | ชม้อยชม้ายชายเนตรดูพลาง ชะน้อยฤๅรูปร่างราวกับกลึง |
| - | ได้ยินแว่วสำเนียงเสียงหมาเห่า | + | งามกว่าภัสดาสามี ทั้งเมืองตานีไม่มีถึง |
| - | คิดว่าวัวเข้าในสวนกล้วย | + | เกิดกำหนัดกลัดกลุ้มรุมรึง นางตะลึงแลดูพระภูมี ฯ ๑๐ คำ ฯ |
| - | จึงออกมาเผยแกลอยู่แร่รวย | + | |
| - | ตวาดด้วยสุรเสียงสำเนียงนาง | + | |
| - | พอเหลือบเห็นระเด่นลันได | + | |
| - | อรไทผินผันหันข้าง | + | |
| - | ชม้อยชม้ายชายเนตรดูพลาง | + | |
| - | ชะน้อยฤๅรูปร่างราวกับกลึง | + | |
| - | งามกว่าภัสดาสามี | + | |
| - | ทั้งเมืองตานีไม่มีถึง | + | |
| - | เกิดกำหนัดกลัดกลุ้มรุมรึง | + | |
| - | นางตะลึงแลดูพระภูมี ฯ ๑๐ คำ ฯ | + | |
| - | ๏ เมื่อนั้น | + | ๏ เมื่อนั้น พระสุวรรณลันไดเรืองศรี |
| - | พระสุวรรณลันไดเรืองศรี | + | เหลียวพบสบเนตรนางตานี ภูมีพิศภักตร์ลักขณา ฯ ๒ คำ ฯ |
| - | เหลียวพบสบเนตรนางตานี | + | |
| - | ภูมีพิศภักตร์ลักขณา ฯ ๒ คำ ฯ | + | |
| - | (ชมโฉม) | + | <sup>(ชมโฉม)</sup> |
| - | ๏ สูงระหงทรงเพียวเรียวรูด | + | ๏ สูงระหงทรงเพียวเรียวรูด งามละม้ายคลายอูฐกะหลาป๋า |
| - | งามละม้ายคลายอูฐกะหลาป๋า | + | พิศแต่หัวตลอดเท้าขาวแต่ตา ทั้งสองแก้มกัลยาดังลูกยอ |
| - | พิศแต่หัวตลอดเท้าขาวแต่ตา | + | คิ้วก่งเหมือนกงเขาดีดฝ้าย จมูกละม้ายคล้านพร้าขอ |
| - | ทั้งสองแก้มกัลยาดังลูกยอ | + | หูกลวงดวงพักตร์หักงอ ลำคอโตตันสั้นกลม |
| - | คิ้วก่งเหมือนกงเขาดีดฝ้าย | + | สองเต้าห้อยตุงดังถุงตะเคียว โคนเหี่ยวแห้งรวบเหมือนบวบต้ม |
| - | จมูกละม้ายคล้านพร้าขอ | + | เสวยสลายาจุกพระโอษฐ์อม มันน่าเชยน่าชมนางเทวี ฯ ๖ คำ ฯ |
| - | หูกลวงดวงพักตร์หักงอ | + | |
| - | ลำคอโตตันสั้นกลม | + | |
| - | สองเต้าห้อยตุงดังถุงตะเคียว | + | |
| - | โคนเหี่ยวแห้งรวบเหมือนบวบต้ม | + | |
| - | เสวยสลายาจุกพระโอษฐ์อม | + | |
| - | มันน่าเชยน่าชมนางเทวี ฯ ๖ คำ ฯ | + | |
| - | (ร่าย) | + | <sup>(ร่าย)</sup> |
| - | ๏ นี่จะเป็นลูกสาวท้าวพระยา | + | ๏ นี่จะเป็นลูกสาวท้าวพระยา ฤาว่าเป็นพระมเหสี |
| - | ฤาว่าเป็นพระมเหสี | + | อกใจทึกทักรักเต็มที ก็ทรงสีซอสุวรรณขึ้นทันใด ฯ ๒ คำ ฯ |
| - | อกใจทึกทักรักเต็มที | + | |
| - | ก็ทรงสีซอสุวรรณขึ้นทันใด ฯ ๒ คำ ฯ | + | |
| - | (พัดชา) | + | <sup>(พัดชา)</sup> |
| - | ๏ ยักย้ายร่ายร้องเป็นลำนำ | + | ๏ ยักย้ายร่ายร้องเป็นลำนำ มีอยู่สองคำจำไว้ได้ |
| - | มีอยู่สองคำจำไว้ได้ | + | สุวรรณหงษ์ถูกหอกอย่าบอกใคร ถูกแล้วกลับไปได้เท่านั้น ฯ ๒ คำ ฯ |
| - | สุวรรณหงษ์ถูกหอกอย่าบอกใคร | + | |
| - | ถูกแล้วกลับไปได้เท่านั้น ฯ ๒ คำ ฯ | + | |
| - | (ร่าย) | + | <sup>(ร่าย)</sup> |
| - | ๏ แล้วซ้ำสีอิกกระดิกนิ้ว | + | ๏ แล้วซ้ำสีอิกกระดิกนิ้ว ทำยักคิ้วแลบลิ้นเล่นขบขัน |
| - | ทำยักคิ้วแลบลิ้นเล่นขบขัน | + | เห็นโฉมยงหัวร่ออยู่งองัน พระทรงธรรม์ทำหนักชักเฉื่อยไป ฯ ๒ คำ ฯ มโหรี |
| - | เห็นโฉมยงหัวร่ออยู่งองัน | + | |
| - | พระทรงธรรม์ทำหนักชักเฉื่อยไป ฯ ๒ คำ ฯ มโหรี | + | |
| - | ๏ เมื่อนั้น | + | ๏ เมื่อนั้น นางประแดะตานีศรีใส |
| - | นางประแดะตานีศรีใส | + | สดับเสียงสีซอพอฤทัย ให้วาบวับจับใจผูกพัน |
| - | สดับเสียงสีซอพอฤทัย | + | ยิ่งคิดพิศวงพระทรงศักดิ์ ลืมรักท้าวประดู่ผู้ผัวขวัญ |
| - | ให้วาบวับจับใจผูกพัน | + | ทำไฉนจะได้พระทรงธรรม์ มาเคียงพักตร์สักวันด้วยรักแรง |
| - | ยิ่งคิดพิศวงพระทรงศักดิ์ | + | คิดพลางทางเข้าไปในห้อง แล้วตักเอาเข้ากล้องมาสองแล่ง |
| - | ลืมรักท้าวประดู่ผู้ผัวขวัญ | + | ค่อยประจงลงใส่กระบะแดง กับปลาสลิดแห้งห้าหกตัว |
| - | ทำไฉนจะได้พระทรงธรรม์ | + | แล้งลงจากบรรไดมิได้ช้า เข้ามานอบนบจบเหนือหัว |
| - | มาเคียงพักตร์สักวันด้วยรักแรง | + | เอาปลาใส่ย่ามด้วยความกลัว แล้วยอบตัวลงบังคมก้มพักตรา ฯ ๘ คำ ฯ |
| - | คิดพลางทางเข้าไปในห้อง | + | |
| - | แล้วตักเอาเข้ากล้องมาสองแล่ง | + | |
| - | ค่อยประจงลงใส่กระบะแดง | + | |
| - | กับปลาสลิดแห้งห้าหกตัว | + | |
| - | แล้งลงจากบรรไดมิได้ช้า | + | |
| - | เข้ามานอบนบจบเหนือหัว | + | |
| - | เอาปลาใส่ย่ามด้วยความกลัว | + | |
| - | แล้วยอบตัวลงบังคมก้มพักตรา ฯ ๘ คำ ฯ | + | |
| - | ๏ เมื่อนั้น | + | ๏ เมื่อนั้น ลันไดให้แสนเสน่หา |
| - | ลันไดให้แสนเสน่หา | + | อะรามรักยักคิ้วหลิ่วตา พูดจาลดเลี้ยวเกี้ยวพาน ฯ ๒ คำ ฯ |
| - | อะรามรักยักคิ้วหลิ่วตา | + | |
| - | พูดจาลดเลี้ยวเกี้ยวพาน ฯ ๒ คำ ฯ | + | |
| - | (โอ้โลม) | + | <sup>(โอ้โลม)</sup> |
| - | ๏ งามเอยงามปลอด | + | ๏ งามเอยงามปลอด ชีวิตพี่นี้รอดด้วยข้าวสาร |
| - | ชีวิตพี่นี้รอดด้วยข้าวสาร | + | เป็นกุศลดลใจเจ้าให้ทาน เยาวมาลย์แม่มีพระคุณนัก |
| - | เป็นกุศลดลใจเจ้าให้ทาน | + | พี่ขอถามนามท้าวเจ้ากรุงไกร ชื่อเรียงเสียงไรไม่รู้จัก |
| - | เยาวมาลย์แม่มีพระคุณนัก | + | เจ้าเป็นพระมเหสีที่รัก ฤานงลักษณ์เป็นราชธิดา |
| - | พี่ขอถามนามท้าวเจ้ากรุงไกร | + | รูปร่างอย่างว่ากะลาสี พี่ให้มีใจรักเจ้าหนักหนา |
| - | ชื่อเรียงเสียงไรไม่รู้จัก | + | ว่าพลางเข้าใกล้กัลยา พระราชาฉวยฉุดยุดมือไว้ ฯ ๖ คำ ฯ |
| - | เจ้าเป็นพระมเหสีที่รัก | + | |
| - | ฤานงลักษณ์เป็นราชธิดา | + | |
| - | รูปร่างอย่างว่ากะลาสี | + | |
| - | พี่ให้มีใจรักเจ้าหนักหนา | + | |
| - | ว่าพลางเข้าใกล้กัลยา | + | |
| - | พระราชาฉวยฉุดยุดมือไว้ ฯ ๖ คำ ฯ | + | |
| - | (ร่าย) | + | <sup>(ร่าย)</sup> |
| - | ๏ ทรงเอยทรงกระสอบ | + | ๏ ทรงเอยทรงกระสอบ ทำเล่นเห็นชอบฤาไฉน |
| - | ทำเล่นเห็นชอบฤาไฉน | + | ไม่รู้จักมักจี่นี่อะไร มาเลี้ยวไล่ฉวยฉุดยุดข้อมือ |
| - | ไม่รู้จักมักจี่นี่อะไร | + | ยิ่งว่าก็ไม่วางทำอย่างนี้ พระจะมีเงินช่วยข้าด้วยฤๅ |
| - | มาเลี้ยวไล่ฉวยฉุดยุดข้อมือ | + | อวดว่ากล้าแข็งเข้าแย่งยื้อ ลวนลามถามชื่อน้องทำไม |
| - | ยิ่งว่าก็ไม่วางทำอย่างนี้ | + | น้องมิใช่ตัวเปล่าเล่าเปลือย หยาบเหมือนขี้เลื่อยเมื่อยหัวไหล่ |
| - | พระจะมีเงินช่วยข้าด้วยฤๅ | + | ลูกเขาเมียเขาไม่เข้าใจ บาปกรรมอย่างไรก็ไม่รู้ ฯ ๖ คำ ฯ |
| - | อวดว่ากล้าแข็งเข้าแย่งยื้อ | + | |
| - | ลวนลามถามชื่อน้องทำไม | + | |
| - | น้องมิใช่ตัวเปล่าเล่าเปลือย | + | |
| - | หยาบเหมือนขี้เลื่อยเมื่อยหัวไหล่ | + | |
| - | ลูกเขาเมียเขาไม่เข้าใจ | + | |
| - | บาปกรรมอย่างไรก็ไม่รู้ ฯ ๖ คำ ฯ | + | |
| - | (ชาตรี) | + | <sup>(ชาตรี)</sup> |
| - | ๏ ดวงเอยดวงไต้ | + | ๏ ดวงเอยดวงไต้ สบถได้เจ็ดวัดทัดสองหู |
| - | สบถได้เจ็ดวัดทัดสองหู | + | ความจริงพี่มิเล่นเป็นเช่นชู้ จะร่วมเรียงเคียงคู่กันโดยดี |
| - | ความจริงพี่มิเล่นเป็นเช่นชู้ | + | ถึงมิใช่ตัวเปล่าเจ้ามีผัว พี่ไม่กลัวบาปดอกนะโฉมศรี |
| - | จะร่วมเรียงเคียงคู่กันโดยดี | + | อันนรกตกใจไปไยมี ยมพระบาลกับพี่เป็นเกลอกัน |
| - | ถึงมิใช่ตัวเปล่าเจ้ามีผัว | + | เพียงจับมือถือแขนอย่าแค้นเคือง จะให้น้องสองเฟื้องอย่าหุนหัน |
| - | พี่ไม่กลัวบาปดอกนะโฉมศรี | + | แล้วแก้เงินในไถ้ออกให้พลัน นี่แลขันหมากหมั้นกัลยา |
| - | อันนรกตกใจไปไยมี | + | พอดึกดึกสักหน่อยนะน้องแก้ว พี่จะลอดล่องแมวขึ้นไปหา |
| - | ยมพระบาลกับพี่เป็นเกลอกัน | + | โฉมเฉลาเจ้าจงได้เมตตา เปิดประตูไว้ท่าอย่าหลับนอน ฯ ๘ คำฯ |
| - | เพียงจับมือถือแขนอย่าแค้นเคือง | + | |
| - | จะให้น้องสองเฟื้องอย่าหุนหัน | + | |
| - | แล้วแก้เงินในไถ้ออกให้พลัน | + | |
| - | นี่แลขันหมากหมั้นกัลยา | + | |
| - | พอดึกดึกสักหน่อยนะน้องแก้ว | + | |
| - | พี่จะลอดล่องแมวขึ้นไปหา | + | |
| - | โฉมเฉลาเจ้าจงได้เมตตา | + | |
| - | เปิดประตูไว้ท่าอย่าหลับนอน ฯ ๘ คำฯ | + | |
(ร่าย) | (ร่าย) | ||
รุ่นปัจจุบันของ 13:21, 13 พฤษภาคม 2553
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: พระมหามนตรี (ทรัพย์)
บทประพันธ์
อธิบายบทละคอน เรื่อง ระเด่นลันได
บทละคอนเรื่องระเด่นลันได ถ้าอ่านโดยไม่ทราบเค้ามูล ก็คงจะเข้าใจว่าเป็นบทแต่งสำหรับเล่นละคอนตลก แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น หนังสือเรื่องระเด่นลันไดนี้ที่แท้เป็นจดหมายเหตุ หากผู้แต่งประสงค์จะจดให้ขบขันสมกับเรื่องที่จริง จึงแกล้งแต่งเป็นละคอนสำหรับอ่านกันเล่น หาได้ตั้งใจจะให้ใช้เป็นบทเล่นละคอนไม่
เรื่องระเด่นลันได เป็นหนังสือแต่งในรัชกาลที่ ๓ เล่ากันมาว่า ครั้งนั้น มีแขกคนหนึ่งชื่อ ลันได ทำนองจะเป็นพวกฮินดู ชาวอินเดีย ซัดเซพเนจรเข้ามาอาศัยอยู่ที่ใกล้โบสถ์พราหมณ์ในกรุงเทพฯ เที่ยวสีซอขอทานเขาเลี้ยงชีพเป็นนิจ พูดภาษาไทยก็มิใคร่ได้ หัดร้องเพลงขอทานได้เพียงว่า "สุวรรณหงษ์ถูกหอกอย่าบอกใคร บอกใครก็บอกใคร" ร้องทวนอยู่แต่เท่านี้ แขกลันไดเที่ยวขอทาน จนคนรู้จักกันโดยมากในครั้งนั้น มีแขกอีกคน ๑ เรียกกันว่า แขกประดู่ ทำนองก็จะเป็นชาวอินเดียเหมือนกัน ตั้งคอกเลี้ยงวัวนมอยู่ที่หัวป้อม (อยู่ราวที่สนามหน้าศาลสถิตยุติธรรมทุกวันนี้) มีภรรยาเป็นหญิงแขกมลายูซื่อประแดะ อยู่มาแขกลันไดกับแขกประดู่เกิดวิวาทกันด้วยเรื่องแย่งหญิงมลายูนั้น โดยทำนองที่กล่าวในเรื่องละคอน คนทั้งหลายเห็นเป็นเรื่องขบขันก็โจษกันแพร่หลาย พระมหามนตรี (ทรัพย์) ทราบเรื่อง จึงคิดแต่งเป็นบทละคอนขึ้น
พระมหามนตรี(ทรัพย์)นี้ เป็นกวีที่สามารถในกระบวนแต่งกลอนแปด จะหาตัวเปรียบได้โดยยาก แต่มามีชื่อโด่งดังในการแต่งกลอนต่อเมื่อถึงแก่กรรมแล้ว เพราะเมื่อมีชีวิตอยู่ ไม่ใคร่พอใจแต่งโดยเปิดเผย หนังสือซึ่งพระมหามนตรี(ทรัพย์) ได้ออกหน้าแต่งมีปรากฏแต่โคลงฤาษีดัดตนบท ๑ กับเพลงยาวกลบทชื่อ กบเต้นสามตอน (ซึ่งขึ้นต้นว่า "แจ็บคำจำคิดจิตขวย") บท ๑ เท่านั้น ที่พระมหามนตรี (ทรัพย์) มีชื่อเสียงสืบต่อมา จนรัชกาลหลัง ๆ เพราะแต่งหนังสืออีก ๒ เรื่อง คือ เพลงยาว แต่งว่า พระยามหาเทพ(ทองปาน) เมื่อยังเป็น จมื่นราชามาตย์เรื่อง ๑ กับบทละคอนเรื่อง ระเด่นลันไดนี้เรื่อง ๑
เพลงยาวว่าพระยามหาเทพ(ทองปาน) นั้น เล่ากันมาว่า เป็นแต่ลอบแต่ง แล้วเขียนมาปิดไว้ที่ ทิมดาบตำรวจ ในพระบรมมหาราชวัง ผู้อื่นเห็นก็รู้ว่า เป็นฝีปากพระมหามนตรี(ทรัพย์) แต่ไม่มีผู้ใดฟ้องร้องกล่าว มีแต่ผู้ลอกคัดเอาไป (แล้วเห็นจะเลยฉีกทั้งต้นหนังสือเสีย จึงไม่เกิดความฐานทอดบัตรสนเท่ห์) ด้วยครั้งนั้น มีคนชัง พระยามหาเทพ (ทองปาน) อยู่มากด้วยกัน เพลงยาวนั้น ก็เลยแพร่หลาย หอพระสมุดฯ ได้พิมพ์เพลงยาวนั้น ไว้ในหนังสือวชิรญาณวิเศษเล่ม ๓ ประจำปีกุน จุลศักราช ๑๒๔๙ (พ.ศ.๒๔๓๐)
ส่วนบทละคอนเรื่องละเด่นลันได เหตุที่แต่งเป็นดังอธิบายมาข้างต้น ถ้าผู้อ่านสังเกตจะเห็นได้ว่า ทางสำนวน แต่งดีทั้งกระบวนบทสุภาพ และวิธีที่เอาถ้อยคำขบขันเข้าสอดแซม บางแห่งกล้าใช้สำนวนต่ำช้าลงไปให้สมกับตัวบท แต่อ่านก็ไม่มีที่จะเขินเคอะในแห่งใด เพราะฉะนั้น จึงเป็นหนังสือซึ่งชอบอ่านกันแพร่หลายตั้งแต่แรกแต่งตลอดมาจนในรัชกาลหลัง ๆ นับถือกันว่าเป็นหนังสือกลอนชั้นเอกเรื่อง ๑
บทละคอนเรื่องระเด่นลันไดนี้ มีผู้ใดเคยพิมพ์มาแล้ว แต่ฉบับที่พิมพ์มาแต่ก่อนวิปลาสคลาดเคลื่อน แลมีผู้อื่นแต่งแทรกแซมเพิ่มเติมอีกเป็นอันมาก จนวิปริตผิดรูปฉบับเดิม กรรมการหอพระสมุดฯ เห็นว่าบทละคอนเรื่องละเด่นลันไดนับว่าเป็นเรื่องสำคัญในหนังสือกลอนไทยเรื่อง ๑ ซึ่งสมควรจะรักษาไว้ให้บริสุทธิ์ จึงได้พยายามหาฉบับมาแต่ที่ต่าง ๆ สำหรับชำระแล้วพิมพ์ไว้ในสมุดเล่มนี้
แต่เสียดายอยู่ที่บทตอนท้ายในเล่มนี้ยังขาดฉบับเดิมอยู่สักสามฤาสี่หน้ากระดาษ เนื้อเรื่องที่ขาดเพียงใดจะอธิบายไว้ท้ายเล่มสมุด เผื่อท่านผู้ใดมีฉบับบริบูรณ์ ถ้ามีแก่ใจคัดส่งมายังหอพระสมุดฯ ฤาให้ยืมต้นฉบับมาให้หอพระสมุดฯ ดัดได้ จะขอบพระคุณเป็นอันมาก
ดำรงราชานุภาพ
สภานายก
หอพระสมุดวชิรญาณ
วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๓
บทละคอนเรื่องระเด่นลันได
| (ช้าปี่) | |||
| ๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงระเด่นลันไดอนาถา | ||
| เสวยราชย์องค์เดียวเที่ยวรำภา | ตามตลาดเสาชิงช้าหน้าโบสถ์พราหมณ์ | ||
| อยู่ปราสาทเสาคอดยอดด้วน | กำแพงแก้วแล้วล้วนด้วยเรียวหนาม | ||
| มีทหารหอนเห่าเฝ้าโมงยาม | คอยปราบปรามประจามิตรที่คิดร้าย ฯ ๔ คำ ฯ | ||
| ๏ เที่ยวสีซอขอข้าวสารทุกบ้านช่อง | เป็นเสบียงเลี้ยงท้องของถวาย | ||
| ไม่มีใครชังชิงทั้งหญิงชาย | ต่างฝากกายฝากตัวกลัวบารมี | ||
| พอโพล้เพล้เวลาจะสายัณห์ | ยุงชุมสุมควันแล้วเข้าที่ | ||
| บรรทมทมเหนือลำแพนแท่นมณี | ภูมีซบเซาเมากัญชา ฯ ๔ คำ ฯ | ||
| (ร่าย) | |||
| ๏ ครั้นรุ่งแสงสุริยันตะวันโด่ง | โก้งโค้งลงในอ่างแล้วล้างหน้า | ||
| เสร็จเสวยข้าตังกับหนังปลา | ลงสระสรงคงคาในท้องคลอง ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | ||
| (ชมตลาด) | |||
| ๏ กระโดดคำสามทีสีเหื่อไคล | แล้วย่างขึ้นบันไดเข้าในห้อง | ||
| ทรงสุคนธ์ปนละลายดินสอพอง | ชโลมสองแก้มคางอย่างแมวคราว | ||
| นุ่งกางเกงเข็มหลงอลงกรณ์ | ผ้าทิพย์อาภรณ์พื้นขาว | ||
| เจียระบาดเสมียนละว้ามาแต่ลาว | ดูราวกับหนังแขกเมื่อแรกมี | ||
| สวมประคำดีควายตะพายย่าม | หมดจดงดงามกว่าปันหยี | ||
| กุมตระบองกันหมาจะราวี | ถือซอจรลีมาตามทาง ฯ ๖ คำ ฯ เพลงช้า | ||
| (ร่าย) | |||
| ๏ มาเอยมาถึง | เมืองหนึ่งสร้างใหม่ดูใหญ่กว้าง | ||
| ปราสาทเสาเล้าหมูอยู่กลาง | มีคอกโคอยู่ข้างกำแพงวัง | ||
| พระเยื้องย่างเข้าทางทวารา | หมู่หมาแห่ห้อมล้อมหน้าหลัง | ||
| แกว่งตระบองป้องปัดอยู่เก้กัง | พระทรงศักดิ์หยักรั้งคอยราญรอน ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | ||
| ๏ เมื่อนั้น | นางประแดะหูกลวงดวงสมร | ||
| ครั้นรุ่งเช้าท้าวประดู่ภูธร | เสด็จจรจากเวียงไปเลี้ยงวัว | ||
| โฉมเฉลาเนาในที่ไสยา | บรรจงหั่นกัญชาไว้ท่าผัว | ||
| แล้วอาบน้ำทาแป้งแต่งตัว | หวีหัวหาเหาเกล้าผมมวย | ||
| ได้ยินแว่วสำเนียงเสียงหมาเห่า | คิดว่าวัวเข้าในสวนกล้วย | ||
| จึงออกมาเผยแกลอยู่แร่รวย | ตวาดด้วยสุรเสียงสำเนียงนาง | ||
| พอเหลือบเห็นระเด่นลันได | อรไทผินผันหันข้าง | ||
| ชม้อยชม้ายชายเนตรดูพลาง | ชะน้อยฤๅรูปร่างราวกับกลึง | ||
| งามกว่าภัสดาสามี | ทั้งเมืองตานีไม่มีถึง | ||
| เกิดกำหนัดกลัดกลุ้มรุมรึง | นางตะลึงแลดูพระภูมี ฯ ๑๐ คำ ฯ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุวรรณลันไดเรืองศรี | ||
| เหลียวพบสบเนตรนางตานี | ภูมีพิศภักตร์ลักขณา ฯ ๒ คำ ฯ | ||
| (ชมโฉม) | |||
| ๏ สูงระหงทรงเพียวเรียวรูด | งามละม้ายคลายอูฐกะหลาป๋า | ||
| พิศแต่หัวตลอดเท้าขาวแต่ตา | ทั้งสองแก้มกัลยาดังลูกยอ | ||
| คิ้วก่งเหมือนกงเขาดีดฝ้าย | จมูกละม้ายคล้านพร้าขอ | ||
| หูกลวงดวงพักตร์หักงอ | ลำคอโตตันสั้นกลม | ||
| สองเต้าห้อยตุงดังถุงตะเคียว | โคนเหี่ยวแห้งรวบเหมือนบวบต้ม | ||
| เสวยสลายาจุกพระโอษฐ์อม | มันน่าเชยน่าชมนางเทวี ฯ ๖ คำ ฯ | ||
| (ร่าย) | |||
| ๏ นี่จะเป็นลูกสาวท้าวพระยา | ฤาว่าเป็นพระมเหสี | ||
| อกใจทึกทักรักเต็มที | ก็ทรงสีซอสุวรรณขึ้นทันใด ฯ ๒ คำ ฯ | ||
| (พัดชา) | |||
| ๏ ยักย้ายร่ายร้องเป็นลำนำ | มีอยู่สองคำจำไว้ได้ | ||
| สุวรรณหงษ์ถูกหอกอย่าบอกใคร | ถูกแล้วกลับไปได้เท่านั้น ฯ ๒ คำ ฯ | ||
| (ร่าย) | |||
| ๏ แล้วซ้ำสีอิกกระดิกนิ้ว | ทำยักคิ้วแลบลิ้นเล่นขบขัน | ||
| เห็นโฉมยงหัวร่ออยู่งองัน | พระทรงธรรม์ทำหนักชักเฉื่อยไป ฯ ๒ คำ ฯ มโหรี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | นางประแดะตานีศรีใส | ||
| สดับเสียงสีซอพอฤทัย | ให้วาบวับจับใจผูกพัน | ||
| ยิ่งคิดพิศวงพระทรงศักดิ์ | ลืมรักท้าวประดู่ผู้ผัวขวัญ | ||
| ทำไฉนจะได้พระทรงธรรม์ | มาเคียงพักตร์สักวันด้วยรักแรง | ||
| คิดพลางทางเข้าไปในห้อง | แล้วตักเอาเข้ากล้องมาสองแล่ง | ||
| ค่อยประจงลงใส่กระบะแดง | กับปลาสลิดแห้งห้าหกตัว | ||
| แล้งลงจากบรรไดมิได้ช้า | เข้ามานอบนบจบเหนือหัว | ||
| เอาปลาใส่ย่ามด้วยความกลัว | แล้วยอบตัวลงบังคมก้มพักตรา ฯ ๘ คำ ฯ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ลันไดให้แสนเสน่หา | ||
| อะรามรักยักคิ้วหลิ่วตา | พูดจาลดเลี้ยวเกี้ยวพาน ฯ ๒ คำ ฯ | ||
| (โอ้โลม) | |||
| ๏ งามเอยงามปลอด | ชีวิตพี่นี้รอดด้วยข้าวสาร | ||
| เป็นกุศลดลใจเจ้าให้ทาน | เยาวมาลย์แม่มีพระคุณนัก | ||
| พี่ขอถามนามท้าวเจ้ากรุงไกร | ชื่อเรียงเสียงไรไม่รู้จัก | ||
| เจ้าเป็นพระมเหสีที่รัก | ฤานงลักษณ์เป็นราชธิดา | ||
| รูปร่างอย่างว่ากะลาสี | พี่ให้มีใจรักเจ้าหนักหนา | ||
| ว่าพลางเข้าใกล้กัลยา | พระราชาฉวยฉุดยุดมือไว้ ฯ ๖ คำ ฯ | ||
| (ร่าย) | |||
| ๏ ทรงเอยทรงกระสอบ | ทำเล่นเห็นชอบฤาไฉน | ||
| ไม่รู้จักมักจี่นี่อะไร | มาเลี้ยวไล่ฉวยฉุดยุดข้อมือ | ||
| ยิ่งว่าก็ไม่วางทำอย่างนี้ | พระจะมีเงินช่วยข้าด้วยฤๅ | ||
| อวดว่ากล้าแข็งเข้าแย่งยื้อ | ลวนลามถามชื่อน้องทำไม | ||
| น้องมิใช่ตัวเปล่าเล่าเปลือย | หยาบเหมือนขี้เลื่อยเมื่อยหัวไหล่ | ||
| ลูกเขาเมียเขาไม่เข้าใจ | บาปกรรมอย่างไรก็ไม่รู้ ฯ ๖ คำ ฯ | ||
| (ชาตรี) | |||
| ๏ ดวงเอยดวงไต้ | สบถได้เจ็ดวัดทัดสองหู | ||
| ความจริงพี่มิเล่นเป็นเช่นชู้ | จะร่วมเรียงเคียงคู่กันโดยดี | ||
| ถึงมิใช่ตัวเปล่าเจ้ามีผัว | พี่ไม่กลัวบาปดอกนะโฉมศรี | ||
| อันนรกตกใจไปไยมี | ยมพระบาลกับพี่เป็นเกลอกัน | ||
| เพียงจับมือถือแขนอย่าแค้นเคือง | จะให้น้องสองเฟื้องอย่าหุนหัน | ||
| แล้วแก้เงินในไถ้ออกให้พลัน | นี่แลขันหมากหมั้นกัลยา | ||
| พอดึกดึกสักหน่อยนะน้องแก้ว | พี่จะลอดล่องแมวขึ้นไปหา | ||
| โฉมเฉลาเจ้าจงได้เมตตา | เปิดประตูไว้ท่าอย่าหลับนอน ฯ ๘ คำฯ | ||
| (ร่าย) | |||
| ๏ ทรงเอยทรงกระโถน | |||
| อย่ามาพักปลอบโยนให้โอนอ่อน | |||
| ไม่อยากได้เงินทองของภูธร | |||
| นางเคืองค้อนคืนให้ไม่อินัง | |||
| ช่างอวดอ้างว่านรกไม่ตกใจ | |||
| คนอะไรอย่างนี้ก็มีมั่ง | |||
| เชิญเสด็จรีบออกไปนอกวัง | |||
| อย่ามานั่งวิงวอนทำค่อนแคะ | |||
| เพียงแต่รู้จักกันกระนั้นพลาง | |||
| พอเป็นทางไมตรีกระนี้แหละ | |||
| เมื่อพระอดข้าวปลาจึงมาแวะ | |||
| น้องฤๅชื่อประแดะดวงใจ | |||
| ท่านท้าวประดู่ผู้เป็นผัว | |||
| ยังไปเลี้ยงวัวหากลับไม่ | |||
| แม้นยังช้าชีวันจะบรรลัย | |||
| เร่งไปเสียเถิดพระราชา ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| ลันไดยิ้มเยาะหัวเราะร่า | |||
| เราไม่เกรงกลัวอิทธิฤทธา | |||
| ท้าวประดู่จะมาทำไมใคร | |||
| พี่ก็ทรงศักดากล้าหาญ | |||
| แต่ข้าวสารเต็มกระบุงยังแบกไหว | |||
| ปลาแห้งพี่เอาเข้าเผาไฟ | |||
| ประเดี๋ยวใจเคี้ยวเล่นออกเป็นจุณ ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| นางประแดะเห็นความจะวามวุ่น | |||
| จึงนบนอบยอบตัวทำกลัวบุญ | |||
| ไม่รู้เลยพ่อคุณนี้มีฤทธิ์ | |||
| กระนั้นซิเมื่อพระเสด็จมา | |||
| หมูหมาย่นย่อไม่รอติด | |||
| ขอพระองค์จงฟังยั้งหยุดคิด | |||
| อย่าให้มีความผิดติดตัวน้อง | |||
| ท้าวประดู่ภูธรเธอขี้หึง | |||
| ถ้ารึ้งท้าวเธอจะทุบถอง | |||
| จงไปเสียก่อนเถิดพ่อรูปทอง | |||
| อย่าให้น้องชั่วช้าเป็นราคี | |||
| ว่าพลางทางสลัดปัดกร | |||
| ควักค้อนยักหน้าตาหยิบหยี | |||
| นาดกรอ่อนคอจรลี | |||
| เดินหนีมิให้มาใกล้กราย ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| ลันไดไม่สมอารมณ์หมาย | |||
| เห็นนางหน่ายหนีลี้กาย | |||
| โฉมฉายสลัดพลัดมือไป | |||
| มันให้ขัดสนยืนบ่นออด | |||
| เจ้ามาทอดทิ้งพี่หนีไปได้ | |||
| ตัวกูจะอยู่ไปทำไม | |||
| ก็ยกย่ามขึ้นไหล่ไปทั้งรัก ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
| (ช้า) | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| ท้าวประดู่สุริย์วงศ์ทรงกระฏัก | |||
| เที่ยวเลี้ยงวัวล้าเลื่อยเหนื่อยนัก | |||
| เข้าหยุดยั้งนั่งพักในศาลา | |||
| วันเมื่อมเหสีจะมีเหตุ | |||
| ให้กระตุกในเนตรทั้งซ้ายขวา | |||
| ตุ๊กแกตกลงตรงพักตรา | |||
| คลานไปคลานมาก็สิ้นใจ | |||
| แม่โคขึ้นสัดผลัดโคตัวผู้ | |||
| พิเคราะห์ดูหลากจิตคิดสงสัย | |||
| จะมีเหตุแม่นมั่นพรั่นพระทัย | |||
| ก็เลี้ยวไล่โคกลับเข้าพารา ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | |||
| (ร่าย) | |||
| ๏ ครั้นถึงขอบรั้วริมหัวป้อม | |||
| พระวิ่งอ้อมเลี้ยวลัดสกัดหน้า | |||
| ไล่เข้าคอกพลันมิทันช้า | |||
| เอาขี้หญ้าสุมควันกันริ้นยุง | |||
| ยืนลูบเนื้อตัวที่หัวบันได | |||
| แล้วเข้าในปรางค์รัตน์ผลัดผ้านุ่ง | |||
| ยุรยาตรเยื้องย่างมาข้างมุ้ง | |||
| เห็นกระบุงข้าวกล้องนั้นพร่องไป | |||
| ปลาสลิดในกระบายก็หายหมด | |||
| พระทรงยศแสนเสียดายน้ำลายไหล | |||
| กำลังหิวข้าเศร้าเสียใจ | |||
| ก็เอนองค์ลงในที่ไสยา | |||
| กวักพระหัตถ์ตรัสเรียกมเหสี | |||
| เข้ามานี่พุ่มพวงดวงยี่หวา | |||
| วันนี้มีใครไปมา | |||
| ยังพาราเราบ้างฤๅอย่างไร ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| นางประแดะฟังความที่ถามไถ่ | |||
| กราบทูลเยื้องยักกระอักกระไอ | |||
| ร้อนตัวกลัวภัยพระภูมี | |||
| ตั้งแต่พระเสด็จไปเลี้ยงวัว | |||
| น้องก็นอนซ่อนตัวอยู่ในที่ | |||
| ไม่เห็นใครไปมายังธานี | |||
| จงกราบใต้เกศีพระราชา ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| ท้าวประดู่ได้ฟังให้กังขา | |||
| จึงซักไซ้ไล่เลียงกัลยา | |||
| ว่าไม่มีใครมาน่าแคลงใจ | |||
| ทั้งข้าวทั้งปลาของข้าหาย | |||
| เขายักย้ายขายซื้อฤๅไฉน | |||
| ฤาลอบลักตักให้แก่ผู้ใด | |||
| จงบอกไปนะน้องนางอย่าพรางกัน ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| นางประแดะตกใจอยู่ไหวหวั่น | |||
| ด้วยแรกเริ่มเดิมทูลพระทรงธรรม์ | |||
| ว่าใครนั่นมิได้จะไปมา | |||
| ครั้นจะไม่ทูลความไปตามจริง | |||
| ก็เกรงกริ่งด้วยพิรุธมุสา | |||
| สารภาพกราบลงกับบาทา | |||
| วอนว่าอย่าโกรธจงโปรดปราน | |||
| วันนี้มีหน่อกระษัตรา | |||
| เที่ยวมาสีซอขอข้าวสาร | |||
| น้องเสียมิได้ก็ให้ทาน | |||
| สิ้นคำให้การแล้วผ่านฟ้า ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| ท้าวประดู่ได้ฟังนึกกังขา | |||
| ใครหนอหน่อเนื้อกระษัตรา | |||
| เที่ยวมาสีซอขอทาน | |||
| เห็นจะเป็นอ้ายระเด่นลันได | |||
| ที่ครอบครองกรุงไกรเทวฐาน | |||
| มันแสแสร้งแกล้งทำมาขอทาน | |||
| จะคิดอ่านตัดเสบียงเอาเวียงชัย | |||
| จึงชี้หน้าว่าเหม่มเหสี | |||
| มึงนี้เหมือนหนอนที่บ่อนไส้ | |||
| ขนเอาปลาข้าวให้เขาไป | |||
| วันนี้จะได้อะไรกิน | |||
| ถ้ามั่งมีศรีสุขก็ไม่ว่า | |||
| นี่สำเภาเลากาก็แตกสิ้น | |||
| แล้วมิหนำซ้ำตัวเป็นมลทิน | |||
| จะอยู่กินต่อไปให้คลางแคลง | |||
| เจ้าศรัทธาอาศัยอย่างไรกัน | |||
| ฤๅกระนี้กระนั้นก็ไม่แจ้ง | |||
| จะเลี้ยงไว้ไยเล่าเมื่อข้าวแพง | |||
| ฉวยชักพระแสงออกแกว่งไกว ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| นางประแดะเลี้ยวลอดกอดเอวได้ | |||
| เหมือนเล่นงูกินหางไม่ห่างไกล | |||
| นึกประหวั่นพรั่นใจอยู่รัวรัว | |||
| โปรดก่อนผ่อนถามเอาความจริง | |||
| เมื่อชั่วแล้วแทงทิ้งเถิดทูนหัว | |||
| อันพระสามีเป็นที่กลัวฅ | |||
| จะทำนอกใจผัวอย่าพึงคิด | |||
| พระหึงหวงมิได้ล่วงพระอาญา | |||
| ที่ให้ข้าให้ปลานั้นข้าผิด | |||
| น้องนี้ทำชั่วเพราะมัวมิด | |||
| ทำไมกับชีวิตไม่เอื้อเฟื้อ | |||
| น้องมิได้ศรัทธาอาศัย | |||
| จะลุยน้ำดำไฟเสียให้เชื่อ | |||
| ไม่มีอาลัยแก่เลือดเนื้อ | |||
| แต่เงื้อเงื้อไว้เถิดอย่าเพ่อแทง ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| ท้าวประดู่เดือดนักชักพระแสง | |||
| ถ้าบอกจริงให้กูอีหูแหว่ง | |||
| จะงดไว้ไม่แทงอย่าแย่งยุด | |||
| กูก็เคยเกี้ยวชู้รู้มารยา | |||
| มิใช่มึงโสดามหาอุด | |||
| มันเป็นถึงเพียงนี้ก็พิรุธ | |||
| ถึงดำน้ำร้อยผุดไม่เชื่อใจ | |||
| ยังจะท้าพิสูจน์รูดลอง | |||
| พ่อจะถองให้ยับจนตับไหล | |||
| เห็นว่ากูหลงรักแล้วหนักไป | |||
| เออระไรนี่หวาน้ำหน้ามึง | |||
| หาเอาใหม่ให้ดีกว่านี้อีก | |||
| ผิดก็เสียเงินปลีกสองสลึง | |||
| กังลังกริ้วโกรธาหน้าตึง | |||
| ถีบผึงถูกตะโพกโขยกไป ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| (โอ้) | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| นางประแดะเจ็บจุกลุกไม่ไหว | |||
| ค่อยยืนยันกะเผลกเขยกไป | |||
| เข้ายังครัวไปร้องไห้โฮ | |||
| ร้องดิ้นเร่าเร่าพ่อเจ้าเอ๋ย | |||
| ลูกไม่เคยโกหกพกโมโห | |||
| เสียแรงได้เป็นข้ามาแต่โซ | |||
| กลับพาโลโกรธาด่าตี | |||
| น้องก็ไร้ญาติวงศ์พงศา | |||
| หมายพึ่งบาทาพระโฉมศรี | |||
| โคตรพ่อโคตรแม่ก็ไม่มี | |||
| อยู่ถึงเมืองตานีเขาตีมา | |||
| ตะโพกโดกโดยเมียแทบคลาด | |||
| ถีบด้วยพระบาทดังชาติข้า | |||
| จะอยู่ไปไยเล่าไม่เข้ายา | |||
| ตายโหงตายห่าก็ตายไป ฯ ๘ คำ ฯ โอด | |||
| (ร่าย) | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| ท้าวประดู่ได้ฟังดังเพลิงไหม้ | |||
| ดูดู๋อีประแดะค่อนแคะได้ | |||
| กลับมาด่าได้อีใจเพชร | |||
| เอาแต่คารมเข้าข่มกลบ | |||
| กูจะจิกหัวตบเสียให้เข็ด | |||
| ชะช่างโศกาน้ำตาเล็ด | |||
| กูรู้เช่นเห็นเท็จทุกสิ่งอัน ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ ว่าพลางทางคว้าได้พร้าโต้ | |||
| ดุด่าตาโตเท่ากำปั้น | |||
| ผลักประตูครัวไฟเข้าไปพลัน | |||
| นางประแดะยืนยันลั่นกลอนไว้ | |||
| ผลักมาผลักไปอยู่เป็นครู่ | |||
| จะเข้าไปในประตูให้ให้จงได้ | |||
| กระทืบฟากโครมครามความแค้นใจ | |||
| อึกทึกทั่วไปในพารา ฯ ๔คำ เชิด ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | |||
| พวกหัวไม้กระดูกผีขี้ข้า | |||
| บ่อนเลิกกินเหล้าเมากลับมา | |||
| ได้ยินเสียงเถียงด่ากันอื้ออึง | |||
| จึงหยุดนั่งข้างนอกริมคอกวัว | |||
| ว่าเมียผัวคู่นี้มันขี้หึง | |||
| พอพลบค่ำราตรีตีตะบึง | |||
| อึงคะนึงนักหนาน่าขัดใจ | |||
| แล้วคว้าก้อนอิฐปาเข้าฝาโผง | |||
| ตกถูกโอ่งปาล้อแลหม้อไห | |||
| พลางตบมือร้องเย้ยเผยไยไย | |||
| แล้ววิ่งไปทางตะพานบ้านตะนาว ฯ ๖ คำ ฯ รัว | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| ท้าวประดู่ตาพองร้องบอกกล่าว | |||
| หยิบงอบครอบหัวตัวสั่นท้าว | |||
| อ้ายพ่อจ้าวชาวบ้านวานช่วยกัน | |||
| วัวน้ำวัวหลวงกูได้เลี้ยง | |||
| อิฐมาเปรี้ยงเปรี้ยงเสียงสนั่น | |||
| สาเหตุมีมาแต่กลางวัน | |||
| คงได้เล่นเห็นกันอ้ายลันได | |||
| ทั้งนี้เพราะอีมะเหเสือ | |||
| จะกินเลือดกินเนื้อกูให้ได้ | |||
| ขว้างวังครั้งนี้ไม่มีใคร | |||
| ชู้มึงฤๅมิใช่อีมารยา | |||
| พระฉวยได้ไม้ยุงปัดกวัดแกว่ง | |||
| สำคัญว่าพระแสงขึ้นเงื้อง่า | |||
| เลี้ยวไล่ฟาดฟันกัลยา | |||
| วิ่งมาวิ่งไปอยู่ในครัว ฯ ๘ คำฯ | |||
| (สับไทย) | |||
| ๏ เหม่เหม่ดูดู๋อีประแดะ | |||
| ทีนี้แหละเห็นประจักษ์ว่ารักผัว | |||
| หากกูรู้ตัว | |||
| หัวไม่แตกแตน | |||
| ขว้างแล้วหนีไป | |||
| มิได้ตอนแทน | |||
| ยิ่งคิดยิ่งแค้น | |||
| เลี้ยวเล่นไล่ตี ฯ ๔ คำฯ | |||
| (รื้อ) | |||
| ๏ ทรงเอยทรงกระบอก | |||
| น้องไม่เห็นด้วยดอกพระโฉมศรี | |||
| ปาวังครั้งนี้ | |||
| มิใช่ชู้น้อง | |||
| สืบสมดังว่า | |||
| สัญญาให้ถอง | |||
| วิ่งพลางทางร้อง | |||
| ตีน้องทำไม ฯ ๔คำฯ | |||
| ๏ เหลือเอยเหลือเถน | |||
| ขัดเขมรขบฟันมันไส้ | |||
| ปรานีมึงไย | |||
| ใครใช้มีชู้ | |||
| ไม่เลี้ยงเป็นเมีย | |||
| ไปเสียอย่าอยู่ | |||
| รั้ววังของกู | |||
| ปิดประตูตีแมว ฯ ๔ฯ เชิด | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| นางประแดะเหนื่อยอ่อนลงนอนแซ่ว | |||
| ยกมือท่วมหัวลูกกลัวแล้ว | |||
| กอดก้นผัวแก้วเข้าคร่ำครวญ ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| (โอ้) | |||
| ๏ โอ้พระยอดตองของน้องเอ๋ย | |||
| กระไรเลยช่างสลัดตัดเด็ดด้วน | |||
| แม้นชั่วช้าจริงจังก็บังควร | |||
| พ่อมาด่วนมุทะละดุดันไป | |||
| จงตีแต่พอหลาบปราบพอจำ | |||
| จะเฝ้าเวียนเฆี่ยนซ้ำไปถึงไหน | |||
| งอโทษโปรดเถิดพระภูวไนย | |||
| น้องยังไม่เคยไกลพระบาทา | |||
| ถึงไม่เลี้ยงเป็นพระมเหสี | |||
| จะขอพึ่งบารมีเป็นขี้ข้า | |||
| ไม่ถือว่าเป็นผัวเพราะชั่วข้า | |||
| จะก้มหน้าเป็นทาสกวาดขี้วัว | |||
| สิบคนเข้าไม่เท่าหนึ่งคนออก | |||
| อยู่กับคอกช่วยใช้พ่อทูนหัว | |||
| ร่ำพลางทางทุ่มทอดตัว | |||
| ตีอกชกหัวแล้วโศกา ฯ ๘ คำ ฯ โอด | |||
| (ร่าย) | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| ท้าวประดู่ได้ฟังนางร่ำว่า | |||
| ให้นึกสมเพชเวทนา | |||
| น้ำตาไหลนองสักสองครุ | |||
| หวนรำลึกนึกถึงอ้ายลันได | |||
| กลับเจ็บใจไม่เหือดเดือดดุ | |||
| โมโหมืดหน้าบ้ามุทะลุ | |||
| กระดูกผุเมื่อไรก็ไม่ลืม | |||
| กูไม่อยากเอาไว้ใช้สอย | |||
| นึกว่าปล่อยสิงสัตว์วัดสามปลื้ม | |||
| แต่ชั้นทอผ้ายังคาฟืม | |||
| ดีแต่ยืมเข้ากินอีสิ้นอาย | |||
| แม่เรือนเช่นนี้มิเป็นผล | |||
| มันจะลวงล้วงก้นจนฉิบหาย | |||
| ไปเสียมึงไปไม่เสียดาย | |||
| กูจะเป็นพ่อหม้ายสบายใจ | |||
| สาวสาวชาววังก็ยังถม | |||
| ไม่ปรารมภ์ปรารี้จะมีใหม่ | |||
| เก็บเงินค่านมผสมไว้ | |||
| หาไหนหาได้ไม่ทุกข์ร้อย ฯ ๑๐ คำฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| นางประแดะหูกลวงดวงสมร | |||
| สุดที่จะพรากจากจร | |||
| บังอรข้อนทรวงเข้าร่ำไร ฯ ๒ คำฯ | |||
| (โอ้) | |||
| ๏ โอ้พ่อใจบุญของเมียเอ๋ย | |||
| แปดค่ำพ่อเคยเชือดคอไก่ | |||
| ต้มปลาร้าตั้งหม้อกับหน่อไม้ | |||
| เมียยังอาลัยได้อยู่กิน | |||
| พระเคยรีดนมวัวให้เมียขาย | |||
| แม้สายที่ยังไม่หมดสิ้น | |||
| เหลือติดก้นกระบอกเอาจอกริน | |||
| ให้เมียกินวันละนิดคิดทุกวัน | |||
| แต่พอพลบรบเมียเข้ากระท่อม | |||
| พ่อนั่งกล่อมจนหลับแล้วรับขวัญ | |||
| ในมุ้งยุงชุมพ่อสุมควัน | |||
| สารพันทรงศักดิ์จะรักเมีย | |||
| จะกินอยู่พูวายสบายใจ | |||
| พ่อมอบไว้ให้วันละสิบเบี้ย | |||
| อกน้องดังไฟไหม้ลามเลีย | |||
| จะทิ้งเมียเสียได้ไม่ไยดี | |||
| เที่ยงนางกลางคืนพ่อทูนหัว | |||
| จะให้ออกนอกรั้วลูกกลัวผี | |||
| ก้นไต้ก้นไฟก็ไม่มี | |||
| ผัดรุ่งพรุ่งนี้เถิดพ่อคุณ | |||
| ถึงจะไม่ได้อยู่บนตำหนัก | |||
| ขอพึ่งพักอาศัยเพียงใต้ถุน | |||
| ยกโทษโปรดเถิดพ่อใจบุญ | |||
| เสียแรงได้เลี้ยงขุนมีคุณมา ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
| (ร่าย) | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| ท้าวประดู่ได้ฟังชังน้ำหน้า | |||
| น้อยฤๅอีขี้เค้าเจ้าน้ำตา | |||
| ยังจะร่ำไรว่ากวนใจกู | |||
| เมินเสียเถิดหวาอีหน้ารุ้ง | |||
| อย่าพูดอยู่ข้างมุ้งรำคาญหู | |||
| ไสหัวมึงออกนอกประตู | |||
| ขืนอยู่ช้าไปได้เล่นกัน | |||
| ว่าพลางปิดบานทวารโผง | |||
| เข้าในห้องท้องพระโรงขมีขมัน | |||
| ยกหม้อตุ้งก่าออกมาพลัน | |||
| พระทรงศักดิ์ชักควันโขมงไป ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| นางประแดะทุกข์ร้อนถอนใจใหญ่ | |||
| แล้วข่มขืนกลืนกลั้นชลนัยน์ | |||
| จะอยู่ไปไยเล่าไม่เข้าการ | |||
| แต่ทุบตีมิหนำแล้วซ้ำขับ | |||
| ให้อายอับเพื่อนรั้วหัวบ้าน | |||
| เช้าค่ำร่ำว่าด่าประจาน | |||
| ใครจะทานทนได้ในฝีมือ | |||
| กูจะหาผัวใหม่ให้ได้ดี | |||
| เอาโยคีกินไฟไม่ได้ฤๅ | |||
| ไหนไหนชาวเมืองก็เลื่องฦๅ | |||
| อึงอื้ออับอายขายพักตรา | |||
| คว้าถุงเบี้ยได้ใส่กระจาด | |||
| ฉวยผ้าแพรขาดขึ้นพาดบ่า | |||
| ลงจากบันไดไคลคลา | |||
| น้ำตาคลอคลอจรลี ฯ ๘ คำฯ ทยอย | |||
| (โอ้ร่าย) | |||
| ๏ ครั้นมาพ้นคอกวัวรั้วตราง | |||
| เหลียวหลังดูปรางค์ปราสาทศรี | |||
| เคยได้ค้างกายมาหลายปี | |||
| ครั้งนี้ตกยากจะจากไป | |||
| หยุดยืนสะอื้นอยู่อืดอืด | |||
| เดือนก็มืดเต็มทีไม่มีไต้ | |||
| ฝนตกพรำพรำทำอย่างไร | |||
| ก็หยุดยืนร้องไห้อยู่ที่ร้าน ฯ๔ คำ ฯ โอด | |||
| (ช้า) | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| โฉมระเด่นลันไดใจหาญ | |||
| ครั้นพลบค่ำเข็นบันไดไว้นอกชาน | |||
| ยกเชิงกรานสุมไฟใส่ฟืนตอง | |||
| แล้วเอนองค์ลงเหนือเสื่อกระจูด | |||
| นอนนิ่งกลิ้งทูดอยู่ในห้อง | |||
| เสนาะเสียงสำเนียงพิราบร้อง | |||
| ครางกระหึมครึ้มก้องบนกบทู | |||
| แว่วแว่วเค้าแมวในกลีบเมฆ | |||
| ดูวิเวกลงหลังคาเที่ยวหาหนู | |||
| พระเผยบัญชรแลชะแง้ดู | |||
| ดาวเดือนรุบรู่ไม่เห็นตัว | |||
| พระพายชายพัดอุตพิด | |||
| พระทรงฤทธิ์เต็มกลั้นจนสั่นหัว | |||
| หอมชื่นดอกอัญชันที่คันรั้ว | |||
| ฟุ้งตลบอบทั่วทั้งวังใน ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| (ร่าย) | |||
| ๏ หวนรำลึกนึกถึงนางประแดะ | |||
| ที่นัดแนะแต่เย็นเป็นไฉน | |||
| ดึกแล้วแก้วตาเห็นช้าไป | |||
| จะร้องไห้รำพึงถึงพี่ชาย | |||
| จำจะไปให้ทันดังสัญญา | |||
| ได้ย่องเบาเข้าหานางโฉมฉาย | |||
| จึงอาบน้ำทาแป้งแต่งกาย | |||
| สวมประคำดีควายสำหรับตัว | |||
| แหงนดูฤกษ์บนฝนพยับ | |||
| เดือนดับลับเมฆขมุกขมัว | |||
| ลงบันไดเดินออกมานอกรั้ว | |||
| โพกหัวกลัวอิฐคิดระอา | |||
| หลายครั้งตั้งแต่มันทิ้งกู | |||
| พระโฉมตรูเหลือบซ้ายแลขวา | |||
| แล้วผาดแผลงสำแดงเดชา | |||
| เดินมาตามตรอกซอกกำแพง ฯ ๘ คำ เชิด | |||
| ๏ ประเดี๋ยวหนึ่งก็ถึงคอกโคขัง | |||
| จะเข้าได้ดอกกระมังยังไม่แจ้ง | |||
| เห็นกองไฟใส่สุมอยู่แดงแดง | |||
| แอบแฝงฟังอยู่ดูท่าทาง | |||
| เห็นทีท้าวประดู่ผู้ผัว | |||
| จะนอนเฝ้าวัวอยู่ข้างล่าง | |||
| แต่โฉมศรีนิฤมลอยู่ปรางค์ | |||
| กูจะขึ้นหานางทางล่องแมว | |||
| จึงกลิ้งครกที่ใต้ถุนเข้าหนุนตีน | |||
| พระโฉมฉายป่ายปีนอยู่แด่วแด่ว | |||
| อกใจไม้ครูดขูดเป็นแนว | |||
| จะเห็นรักบ้างแล้วฤๅแก้วตา | |||
| พระประหวั่นพรั่นตัวกลัวจะตก | |||
| ทำหนูกกเจาะเจาะเคาะข้าฝา | |||
| ไฉนไม่คอยกันดังสัญญา | |||
| อนิจจานอนได้ไม่คอยรับ ฯ ๘คำฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| ท้าวประดู่สุริย์วงศ์โก้งโค้งหลับ | |||
| พอประสาทสะเทือนไหวตกใจวับ | |||
| ลุกขยับนิ่งฟังนั่งหลับตา | |||
| คิดว่ามเหสีที่ถูกถอง | |||
| แสบท้องหายโกรธเข้ามาหา | |||
| ให้นึกสมเพชเวทนา | |||
| สู้ทนทานด้านหน้ามาง้องอน | |||
| จะขับหนีตีไล่ไม่ไปจาก | |||
| อีร่วมเรือนเพื่อนยากมาแต่ก่อน | |||
| แล้วคลี่ผ้าคลุมหัวล้มตัวนอน | |||
| พระภูธรทำเฉยเลยหลับไป ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| ลันไดล้วงสลักชักกลอนได้ | |||
| เปิดประตูเยื้องย่องเข้าห้องใน | |||
| เข้านั่งใกล้ในจิตคิดว่านาง | |||
| สมพาสยักษ์ลักหลับขึ้นทับบน | |||
| ท้าวประดู่เต็มทนอยู่ข้างล่าง | |||
| พระสรวมสอดกอดไว้มิได้วาง | |||
| ช้อนคางพลางจูบแล้วลูบคลำ ฯ ๔ คำฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| ท้าวประดู่ผุดลุกขึ้นปลุกปล้ำ | |||
| ตกใจเต็มทีว่าผีอำ | |||
| ต่างคนต่างคลำกันวุ่นไป | |||
| เอ๊ะจริตผิดแล้วมิใช่ผี | |||
| จะว่าพระมเหสีก็มิใช่ | |||
| ขนอกรกนักทักว่าใคร | |||
| ตกใจฉวยตระบองร้องว่าคน | |||
| ลันไดโดดโผนโดนประตู | |||
| ท้าวประดู่ร้องโวยขโมยปล้น | |||
| ตะโกนเรียกเสนาสามนต์ | |||
| มันไม่มีสักคนก็จนใจ | |||
| ระเด่นโดดโลดออกมานอกรั้ว | |||
| ผิดตัวแล้วกูอยู่ไม่ได้ | |||
| ก็ผาดแผลงสำแดงฤทธิไกร | |||
| วิ่งไปตามกำลังไม่รั้งรอ ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ หมาหมู่กูไล่ไม่มีขวัญ | |||
| ปล่อยชันสามขาเหมือนม้าห้อ | |||
| เต็มประดาหน้ามืดหืดขึ้นคอ | |||
| ต้องหยุดยั้งรั้งรอมาตามทาง | |||
| ถึงโดยจะไล่ก็ไม่ทัน | |||
| ผิดนักสู้มันแต่ห่างห่าง | |||
| พอแว่วสำเนียงเหมือนเสียงคราง | |||
| อยู่ในร้านริมข้างหนทางจร | |||
| เอ๊ะผีฤๅคนขนลุกซ่า | |||
| พระหัตถ์คว้าฉวยอิฐได้สองก้อน | |||
| หยักรั้งตั้งท่าจะราญรอน | |||
| นี่หลอกหลอนเล่นข้าฤๅว่าไร | |||
| ครั้นได้ยินเสียงชัดเป็นสตรี | |||
| จะลองฤทธิ์สักทีหาหนีไม่ | |||
| กำหมัดเยื้องย่องมองเข้าไป | |||
| แก่สาวคราวไหนจะใคร่รู้ ฯ ๘ คำฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| นางประแดะนั่งซุ่มคลุมหัวอยู่ | |||
| สาละวนโศกาน้ำตาพรู | |||
| เห็นคนย่องมองดูก็ตกใจ | |||
| พอฟ้าแลบแปลบช่วงดวงพักตร์ | |||
| เห็นระเด่นรู้จักก็จำได้ | |||
| ทั้งสองข้างถอยทีดีใจ | |||
| ทรามวัยกราบก้มบังคมคัล ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| ระเด่นเห็นนางพลางรับขวัญ | |||
| นั่งลงซักไซ้ไล่เลียงกัน | |||
| ไฉนนั่นกัลยามาโศกี | |||
| พี่หลงขึ้นไปหานิจจะเอ๋ย | |||
| ไม่รู้เลยน้องแก้วแคล้วกับพี่ | |||
| พี่ไปพบท้าวประดุ่ผู้สามี | |||
| เกิดอึงมี่ตึงตังทั้งพารา | |||
| มันจะกลับจับพี่เป็นผู้ร้าย | |||
| จะฆ่าเสียให้ตายก็ขายหน้า | |||
| เขาจะค่อนติฉินนินทา | |||
| อดสูเทวาสุราลัย | |||
| จะเอาเมียแล้วมิหนำซ้ำฆ่าผัว | |||
| คิดกลัวบาปกรรมไม่ทำได้ | |||
| พี่ขอถามสาวน้อยกลอยใจ | |||
| เป็นไฉนกัลยามาโศกี ฯ ๘ คำฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| นางประแดะดวงยี่หวามารศรี | |||
| สะอื้นพลางทางทูลไปทันที | |||
| ทั้งนี้เพราะกรรมได้ทำไว้ | |||
| ครั้งนี้มิชั่วก็เหมือนชั่ว | |||
| นางตีอกชกหัวและร้องไห้ | |||
| ยังจะกลับมาเยาะนี่เพราะใคร | |||
| ดูแต่หลังไหล่เถิดพ่อคุณ | |||
| เขาขับหนีตีไล่ไสหัวส่ง | |||
| เพราะพระองค์ทำความจึงวามวุ่น | |||
| แต่รอดมาได้เห็นก็เป็นบุญ | |||
| อย่าอยู่เลยพ่อคุณเขาตีตาย ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| ลันไดได้ฟังนางโฉมฉาย | |||
| เขม้นมองดูหลังยังไม่ลาย | |||
| พระจูบซ้ายจูบขวาห้าหกที | |||
| เอาพระหัตถ์ช้อนคางแล้วพลางปลอบ | |||
| อยู่พะอืดพะออบเลยโฉมศรี | |||
| จะละห้อยน้อยใจไปไยมี | |||
| บุญพี่กับนางได้สร้างมา | |||
| อันระตูฤๅจะคู่กับอนงค์ | |||
| มิใช่วงศ์อสัญแดหวา | |||
| โฉมเฉลาเจ้าเหมือนบุษบา | |||
| จรกาฤๅจะควรกับนวลน้อง | |||
| ถ้าเป็นระเด่นเหมือนเช่นพี่ | |||
| จึงควรที่ร่วมภิรมย์ประสมสอง | |||
| ตรัสพลางทางชวนนวลละออง | |||
| เยื้องย่องนำพานางเดิน ฯ ๘ คำฯ เพลง | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงขึ้นบนตำหนัก | |||
| ตงหักกลัวจะตกงกเงิ่น | |||
| ค่อยพยุงจูงนางย่างดำเนิน | |||
| ชวนเชิญโฉมเฉลาเข้าที่นอน | |||
| ลดองค์ลงเหนือไสยาสน์ | |||
| พระยี่ภู่ปูลาดขาดสองท่อน | |||
| แล้วจึงมีมธุรสสุนทร | |||
| อ้อนวอนโฉมเฉลาให้เข้ามุ้ง ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| (โอ้โลม) | |||
| ๏ โฉมเอยโฉมเฉิด | |||
| เอนหลังบ้างเถิดจวนจะรุ่ง | |||
| เสียแรงพี่รักเจ้าเท่ากระบุง | |||
| จะไปนั่งทนยุงอยู่ทำไม | |||
| เชิญมาร่วมเรียงเคียงเขนย | |||
| อย่าทุกข์เลยพี่จะหามาเลี้ยงให้ | |||
| เรามั่งมีศรีสุขทุกข์อะไร | |||
| เงินทองถมไปที่ในคลัง | |||
| แต่ข้าวสารให้ทานพี่นี้ฤๅ | |||
| ไม่พักซื่อได้ขายเสียหลายถัง | |||
| ทั้งปลาแห้งปลาทูปูลัง | |||
| เสบียงกรังมีมากไม่ยากจน | |||
| ขี้คร้านขายนมวัวเหมือนผัวเจ้า | |||
| พี่ได้เปล่าสารพัดไม่ขัดสน | |||
| จงนั่งกินนอนกินสิ้นกังวล | |||
| พี่จะขวนขวายหาเอามาเลี้ยง | |||
| ว่าพลางทางตระโบมโลมเล้า | |||
| อะไรเล่าฮึดฮัดเฝ้าฟัดเหวี่ยง | |||
| อุแม่เอ๋ยมิได้เจ้าใกล้เคียง | |||
| จะตกเตียงไปแล้วแก้วกลอยใจ ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
| (ร่าย) | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| นางประแดะคลุ้มคลั่งผินหลังให้ | |||
| ถอยถดขยดหนีภูวไนย | |||
| นี่อะไรน่าเกลียดเบียดคะยิก | |||
| ลูกผัวหัวท้ายเขาไม่ขาด | |||
| ทำประมาทเปล่าเปล่าเฝ้าหยุกหยิก | |||
| ปัดกรค้อนควักผลักพลิก | |||
| อย่าจุกจิกกวนใจไม่สบาย | |||
| อย่าพักอวดสมบัติพัสถาน | |||
| ไม่ต้องการดอกจะสู้อยู่เป็นหม้าย | |||
| หนีศึกปะเสือเบื่อจะตาย | |||
| เฝ้ากอดก่ายไปได้ไม่ละวาง ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| (ชาตรี) | |||
| ๏ สุดเอยสุดลิ่ม | |||
| เชิญผินหน้ามายิ้มกับพี่บ้าง | |||
| เฝ้าถือโทษโกรธเกรี้ยวไปเจียวนาง | |||
| ไม่เห็นอกพี่บ้างที่อย่างนั้น | |||
| เหมือนน้ำอ้อยใกล้มดใครอดได้ | |||
| พี่ก็ไม่มีคู่ตุนาหงัน | |||
| ตั้งแต่นวดปวดท้องมาสองวัน | |||
| ใครจะกลั้นอดทนพ้นกำลัง | |||
| ทำไมกลับลูกผัวกลัวมันไย | |||
| ผิดก็เสียสินไหมให้ห้าชั่ง | |||
| จูบเชื่อเสียก็ได้แล้วไม่ฟัง | |||
| ลูบหน้าลูบหลังนั่งแอบอิง | |||
| น้อยฤๅนมแต่ละข้างช่างครัดเคร่ง | |||
| ปลั่งเปล่งใจหายคล้ายกล้วยปิ้ง | |||
| อุ้มขึ้นใส่ตักรักจริงจริง | |||
| อย่าสะบิ้งสะบัดตัดไมตรี | |||
| ยิ่งดิ้นยิ่งกอดสอดสัมผัส | |||
| อุยหน่าอย่ากัดพระหัตถ์พี่ | |||
| ปัดป้องว่องไวอยู่ในที | |||
| จนล้มกลิ้งลงบนที่บรรทมใน | |||
| อัศจรรย์ลั่นพิลึกกึกก้อง | |||
| ฟ้าร้องครั่นครื้นดังปืนใหญ่ | |||
| เกิดพายุโยนยวบสวบสาบไป | |||
| หลังคาพาไลแทบเปิดเปิง | |||
| ฝนตกห่าใหญ่ใส่ซู่ซู่ | |||
| ท่วมคูท่วมหนองออกนองเจิ่ง | |||
| คางคกขึ้นกระโดดโลดลองเชิง | |||
| อึ่งอ่างเริงร่าร้องแล้วพองคอ | |||
| นกกระจอกออกจากวิมานมะพร้าว | |||
| ต้องฝนทนหนาวอยู่งอนหง่อ | |||
| ขนคางหางปีกเปียกจนมอซอ | |||
| ฝนก็พอขาดเม็ดเสร็จบันดาล ฯ ๑๖ คำ โลม | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| นางประแดะหูกลวงห่วงสงสาร | |||
| ได้ร่วมรักชักเชยก็ชื่นบาน | |||
| เยาวมาลย์หมอบเมียงเคียงกาย | |||
| แล้วเชิญหม้อตุ้งก่าออกมาตั้ง | |||
| นางนั่งเป่าชุดจุดถวาย | |||
| ทรงศักดิ์ชักพลางทางยิ้มพราย | |||
| โฉมฉายขวั้นอ้อยคอยแก้คอ | |||
| ถูกเข้าสามจะหลิ่มยิ้มแหยะ | |||
| นางประแดะสรวลสันต์กลั้นหัวร่อ | |||
| พระโฉมยงทรงขับเพลงซอ | |||
| ฉลองหอทรงธรรม์แล้วบรรทม ฯ ๖ คำ ฯ ตระ | |||
| (ช้า) | |||
| ๏ มาจะกล่าวบทไป | |||
| ถึงนางกระแอทวายขายขนม | |||
| เจ้าเงินโปรดปรานพานอุดม | |||
| นุ่งห่มผืนผ้าค่าบาทเฟื้อง | |||
| ผูกดอกออกจากฟากเรือนนาย | |||
| ลดเลี้ยวเที่ยวขายข้าวเหนียวเหลือง | |||
| ตามตลาดเสาชิงช้ามาเนืองเนือง | |||
| ปลดเปลื้องเฟื้องไพได้ทุกวัน | |||
| กับโฉมยงองค์ระเด่นลันได | |||
| รักใคร่กันอยู่ก่อนเคยผ่อนผัน | |||
| เชื่อถือซื้อขายเป็นนิรันดร์ | |||
| เว้นวันสองวันหมั่นไปมา น ๖ คำ ฯ | |||
| (ร่าย) | |||
| ๏ วันเอยวันหนึ่ง | |||
| คิดถึงลันไดจะไปหา | |||
| นึ่งข้าเหนียวใส่กระจากยาตรา | |||
| ตรงมาหาชู้คู่ชมเชย | |||
| เที่ยวเตร็ดเตร่เร่ร้องแล้วท่องเที่ยว | |||
| ซื้อข้าวเหนียวหน้ากุ้งกินแม่เอ๋ย | |||
| ที่รู้จักทักถามกันตามเคย | |||
| บ้างเยาะเย้ยหยอกยื้อซื้อหากัน | |||
| พอเวลาตลาดวายสายแสง | |||
| กระเดียดตระแกรงกรีดกรายผายผัน | |||
| ทอดกรอ่อนคอจรจรัล | |||
| มาปราสาทสุวรรณเจ้าลันได ฯ ๖ คำ ฯ เพลงช้า | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงขึ้นบนนอกชาน | |||
| เห็นทวารบานปิดคิดสงสัย | |||
| ทั้งเสียงคนคุยกันอยู่ขั้นใน | |||
| ทรามวัยแหวกช่องมองดู | |||
| เห็นโฉมยงองค์ประแดะกับระเด่น | |||
| คลี่ผ้าหาเล็นกันง่วนอยู่ | |||
| โมโหมืดหน้าน้ำตาพลู | |||
| ดังหัวหูจะแยกแตกทำลาย | |||
| นี่เมียอ้ายประดู่อยู่หัวป้อม | |||
| ไยจึงมายินยอมกันง่ายง่าย | |||
| ทั้งสีจักรยักหล่มถ่มร้าย | |||
| มันจะให้ฉิบหายขายตน | |||
| ชิชะเจ้าระเด่นพึ่งเห็นฤทธิ์ | |||
| แต่ผ้านุ่งยังไม่มิดจะปิดก้น | |||
| จองหองสองเมียจะเสียคน | |||
| คิดว่ายากจนเฝ้าปรนปรือ | |||
| จึงแกล้งเรียกพลันเจ้าลันได | |||
| ค่าข้าเหนียวสองไพไม่ให้ฤๅ | |||
| ผ่อนผัดนัดหมายมาหลายมื้อ | |||
| แม่จะยื้อให้อายขายหน้าเมีย ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| โฉมระเด่นลันไดแรกได้เสีย | |||
| กำลังนั่งเคล้าเฝ้าคลอเคลีย | |||
| ชมโฉมโลมเมียอยู่ริมมุ้ง | |||
| ยกบาทพาดเพลาเกาสีข้าง | |||
| สัพยอกหยอกนางอย่างลิงถุง | |||
| แล้วยื่นมือมาจี้เข้าที่พุง | |||
| นางสะดุ้งดุกดิกพลิกตะแคง | |||
| เขาจะนอนดีดีเฝ้าจี้ไช | |||
| ช่างกระไรหน้าเป็นเอ็นแข็ง | |||
| จะนิ่งอยู่สักประเดี๋ยวทำเรี่ยวแรง | |||
| มาแหย่แย่งกวนใจไปทีเดียว | |||
| พอระเด่นลันไดยินเสียงเรียกหา | |||
| ก็รู้ว่าชู้เก่าเจ้าข้าวเหนียว | |||
| จึงร้องว่าใครนั่นขันจริงเจียว | |||
| จะมาเที่ยวจัณฑาลพาลเอาความ | |||
| ค่าข้าเหนียวสองไพข้าให้แล้ว | |||
| มาทำเสียงแจ้วแจ้วไม่เกรงขาม | |||
| ไม่ได้ติดค้างมาอย่าวู่วาม | |||
| ลุกลามสิ้นทีมีแต่อึง ฯ ๑๐ ฯ เจรจา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| นางทวายยิ่งพิโรธโกรธขึ้ง | |||
| ยืนกระทืบบนนอกชานอยู่ตึงตึง | |||
| หึงหวงด่าว่าท้าทาย | |||
| นี่แน่อ้ายสำเร็จเจ็ดตะคุก | |||
| มาลืมคุณข้าวสุกเสียง่ายง่าย | |||
| กูเชื่อหน้าคิดว่าลูกผู้ชาย | |||
| จึงสู้ขายติดค้างยังไม่รับ | |||
| ช่างโกหกพกลมประสมประสาน | |||
| จะประจานเสียให้สมที่สับปลับ | |||
| แต่เบี้ยติดสองไพยังไม่รับ | |||
| กูสิ้นนับถือแล้วอ้ายลันได ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | |||
| ระเด่นตอบตามอัชญาสัย | |||
| เขาขี้คร้านพูดจาอย่าหนักไป | |||
| ข้ารู้ใจเจ้าดอกกัลยา | |||
| เจ้าพิโรธโกรธขึ้งเพราะหึงหวง | |||
| จึงจาบจ้วงล่วงเกินเป็นหนักหนา | |||
| ข้าผิดแล้วกลอยใจได้เมตตา | |||
| เชิญเข้ามาเคหาปรึกษากัน ฯ ๔ คำฯ | |||
บทละคอนเรื่อง ระเด่นลันได ตามฉบับเดิม ที่ได้เคยเห็นมาแต่ก่อน เรื่องนี้ต่อไป นางทวายเข้าไปในเรือน เกิดทะเละ กับ นางประแดะ นางทวายไล่ตีนางประแดะ ลอดล่องหนีไป แล้วระเด่นลันได โลมนางทวายเข้าห้อง เป็นหมดเรื่อง เพียงนั้น พอได้เล่มสมุดไทย ๑ หนังสือเรื่องนี้ มีผู้ชอบกันมาก มันบ่นกันว่า เสียดายที่จบเสีย จึงมีผู้อื่นแต่งต่อ คิดผูกเรื่องต่อไป ตามอำเภอใจอีกยืดยาว อย่างเช่นพิมพ์ขายในตลาด สำนวนไม่ถึงตอนต้น ด้วยผู้แต่ง ไม่มีความสามารถ ในวรรณคดี เหมือนพระมหามนตรี (ทรัพย์) ทั้งเรื่องที่ต่อ ก็ไม่เป็นเรื่องจริง ดังตอนต้น จึงได้ตัดเสีย ไม่พิมพ์ในสมุดเล่มนี้ คงพิมพ์ที่พระมหามนตรี (ทรัพย์) แต่ง มีฉบับในหอพระสมุด ฯ เพียงเท่านี้
