กาพย์เห่เรือ พระนิพนธ์เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
()
()
 

รุ่นปัจจุบันของ 03:55, 5 สิงหาคม 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระนิพนธ์: เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์

บทประพันธ์

เห่ชมเรือกระบวน

โคลง
๏ ปางเสด็จประเวศด้าวชลาลัย
ทรงรัตนพิมานชัยกิ่งแก้ว
พรั่งพร้อมพวกพลไกรแหนแห่
เรือกระบวนต้นแพร้วเพริศพริ้งพายทอง ฯ
             
ช้าลวะเห่
๏ พระเสด็จโดยแดนชลทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย
กิ่งแก้วแพร้วพรรณรายพายอ่อนหยับจับงามงอน
๏ นาวาแน่นเป็นขนัดล้วนรูปสัตว์แสนยากร
เรือริ้วทิวธงสลอนสาครลั่นครั่นครื้นฟอง
๏ เรือครุฑยุดนาคหิ้วลิ่วลอยมาพาผันผยอง
พลพายกรายพายทองร้องโห่เห่โอ้เห่มา
๏ สรมุขมุขสี่ด้านเพียงพิมานผ่านเมฆา
ม่านกรองทองรจนาหลังคาแดงแย่งมังกร
๏ สมรรถชัยไกรกาบแก้วแสงแวววับจับสาคร
เรียบเรียงเคียงคู่จรดั่งร่อนฟ้ามาแดนดิน
๏ สุวรรณหงส์ทรงพู่ห้อยงามชดช้อยลอยหลังสินธุ์
เพียงหงส์ทรงพรหมินทร์ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม
๏ เรือชัยไวว่องวิ่งรวดเร็วจริงยิ่งอย่างลม
เสียงเส้าเร้าระดมห่มท้ายเยิ่นเดินคู่กัน ฯ
             
มูลวะเห่
๏ คชสีห์ทีผาดเผ่นดูดังเป็นเห็นขบขัน
ราชสีห์ที่ยืนยันคั่นสองคู่ดูยิ่งยง
๏ เรือม้าหน้ามุ่งน้ำแล่นเฉื่อยฉ่ำลำระหง
เพียงม้าอาชาทรงองค์พระพายผายผันผยอง
๏ เรือสิงห์วิ่งเผ่นโผนโจนตามคลื่นฝืนฝ่าฟอง
ดูยิ่งสิงห์ลำพองเป็นแถวท่องล่องตามกัน
๏ นาคาหน้าดังเป็นดูเขม้นเห็นขบขัน
มังกรถอนพายพันทันแข่งหน้าวาสุกรี
๏ เลียงผาง่าเท้าโผนเพียงโจนไปในวารี
นาวาหน้าอินทรีมีปีกเหมือนเลื่อนลอยโพยม
๏ ดนตรีมี่อึงอลก้องกาหลพลแห่โหม
โห่ฮึกครึกครื้นโครมโสมนัสชื่นรื่นเริงพล
๏ กรีธาหมู่นาเวศจากนคเรศโดยสาชล
เหิมหื่นชื่นกระมลยลมัจฉาสารพันมี ฯ
             

เห่ชมปลา

โคลง
๏ พิศพรรณปลาว่ายเคล้าคลึงกัน
ถวิลสุดาดวงจันทร์แจ่มหน้า
มัตสยาย่อมพัวพันพิศวาส
ควรฤพรากน้องช้าชวดเคล้าคลึงชม ฯ
             
ช้าลวะเห่
๏ พิศพรรณปลาว่ายเคล้าคิดถึงเจ้าเศร้าอารมณ์
มัตสยายังรู้ชมสาสมใจไม่พามา
๏ นวลจันทร์เป็นนวลจริงเจ้างามพริ้งยิ่งนวลปลา
คางเบือนเบือนหน้ามาไม่งามเท่าเจ้าเบือนชาย
๏ เพียนทองงามดั่งทองไม่เหมือนน้องห่มตาดพราย
กระแหแหห่างชายดั่งสายสวาทคลาดจากสม
             
ทรงแปลง
๏ แก้มช้ำช้ำใครต้องอันแก้มน้องช้ำเพราะชม
ปลาทุกทุกข์อกกรมเหมือนทุกข์พี่ที่จากนาง ฯ
             

ทรงแทรก ๕ บท

มูลวะเห่
๏ น้ำเงินคือเงินยวงขาวพรายช่วงสีสำอาง
ไม่เทียบเปรียบโฉมนางงามเรืองเรื่อเนื้อสองสี
๏ ปลากรายว่ายเคียงคู่เคล้ากันอยู่ดูงามดี
แต่นางห่างเหินพี่เห็นปลาเคล้าเศร้าใจจร
๏ หางไก่ว่ายแหวกว่ายหางไก่คล้ายไม่มีหงอน
คิดอนงค์องค์เอวอรผมประบ่าอ่าเอี่ยมไร
๏ ปลาสร้อยลอยล่องชลว่ายเวียนวนปนกันไป
เหมือนสร้อยทรงทรามวัยไม่เห็นเจ้าเศร้าบ่วาย
๏ เนื้ออ่อนอ่อนแต่ชื่อเนื้อน้องฤๅอ่อนทั้งกาย
ใครต้องข้องจิตชายไม่วายนึกตรึกตรึงทรวง
๏ ปลาเสือเหลือที่ตาเลื่อนแหลมกว่าปลาทั้งปวง
เหมือนตาสุดาดวงดูแหลมล้ำขำเพราคม
๏ แมลงภู่คู่เคียงว่ายเห็นคล้ายคล้ายน่าเชยชม
คิดความยามเมื่อสมสนิทเคล้าเจ้าเอวบาง
๏ หวีเกศเพศชื่อปลาคิดสุดาอ่าองค์นาง
หวีเกล้าเจ้าสระสางเส้นเกศสลวยรวยกลิ่นหอม
๏ ชะแวงแฝงฝั่งแนบชะวาดแอบแปบปนปลอม
เหมือนพี่แอบแนบถนอมจอมสวาทนาฏบังอร
๏ พิศดูหมู่มัจฉาว่ายแหวกมาในสาคร
คะนึงนุชสุดสายสมรมาด้วยพี่จะดีใจ ฯ
             

เห่ชมไม้

โคลง
๏ เรือชายชมมิ่งไม้มีพรรณ
ริมท่าสาครคันธ์กลิ่นเกลี้ยง
เพล็ดดอกออกแกมกันชูช่อ
หอมหื่นรื่นรสเพี้ยงกลิ่นเนื้อนวลนาง ฯ
             
ช้าลวะเห่
๏ เรือชายชมมิ่งไม้ริมท่าไสวหลากหลายพรรณ
เพล็ดดอกออกแกมกันส่งกลิ่นเกลี้ยงเพียงกลิ่นสมร
๏ ชมดวงพวงนางแย้มบานแสล้มแย้มเกสร
คิดความยามบังอรแย้มโอษฐ์ยิ้มพริ้มพรายงาม
๏ จำปาหนาแน่นเนื่องคลี่กลีบเหลืองเรืองอร่าม
คิดคะนึงถึงนงรามผิวเหลืองกว่าจำปาทอง
๏ ประยงค์ทรงพวงร้อยระย้าย้อยห้อยพวงกรอง
เหมือนอุบะนวลละอองเจ้าแขวนไว้ให้เรียมชม
๏ พุดจีบกลีบแสล้มพิกุลแกมแซมสุกรม
หอมชวยรวยตามลมเหมือนกลิ่นน้องต้องติดใจ
๏ สาวหยุดพุทธชาดบานเกลื่อนกลาดดาษดาไป
นึกน้องกรองมาลัยวางให้พี่ข้างที่นอน
             
มูลวะเห่
๏ พิกุลบุนนาคบานกลิ่นหอมหวานซ่านขจร
แม้นนุชสุดสายสมรเห็นจะวอนอ้อนพี่ชาย
๏ เต็งแต้วแก้วกาหลงบานบุษบงส่งกลิ่นอาย
หอมอยู่ไม่รู้หายคล้ายกลิ่นผ้าเจ้าตาตรู
๏ มะลิวัลย์พันจิกจวงดอกเป็นพวงร่วงเรณู
หอมมาน่าเอ็นดูชูชื่นจิตคิดวนิดา
๏ ลำดวนหวนหอมตรลบกลิ่นอายอบสบนาสา
นึกถวิลกลิ่นบุหงารำไปเจ้าเศร้าถึงนาง
๏ รวยรินกลิ่นรำเพยคิดพี่เคยเชยกลิ่นปราง
นั่งแนบแอบเอวบางห่อนแหห่างว่างเว้นวัน
๏ ชมดวงพวงมาลีศรีเสาวภาคย์หลากหลายพรรณ
วนิดามาด้วยกันจะอ้อนพี่ชี้ชมเชย ฯ
             

เห่ชมนก

โคลง
๏ รอนรอนสุริยโอ้อัสดง
เรื่อยเรื่อยลับเมรุลงค่ำแล้ว
รอนรอนจิตจำนงนุชพี่ เพียงแม่
เรื่อยเรื่อยเรียมคอยแก้วคลับคล้ายเรียมเหลียว ฯ
             
ช้าลวะเห่
๏ เรื่อยเรื่อยมารอนรอนทิพากรจะตกต่ำ
สนธยาจะใกล้ค่ำคำนึงหน้าเจ้าตาตรู
๏ เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียงนกบินเฉียงไปทั้งหมู่
ตัวเดียวมาพลัดคู่เหมือนพี่อยู่ผู้เดียวดาย
๏ เห็นฝูงยูงรำฟ้อนคิดบังอรร่อนรำกราย
สร้อยทองย่องเยื้องชายเหมือนสายสวาทนาดนวยจร
๏ สาลิกามาตามคู่ชมกันอยู่สู่สมสมร
แต่พี่นี้อาวรณ์ห่อนเห็นเจ้าเศร้าใจครวญ
๏ นางนวลนวลน่ารักไม่นวลพักตร์เหมือนทรามสงวน
แก้วพี่นี้สุดนวลดั่งนางฟ้าหน้าใยยอง
๏ นกแก้วแจ้วแจ่มเสียงจับไม้เรียงเคียงคู่สอง
เหมือนพี่นี้ประคองรับขวัญน้องต้องมือเรา ฯ
             
มูลวะเห่
๏ ไก่ฟ้ามาตัวเดียวเดินท่องเที่ยวเลี้ยวเหลี่ยมเขา
เหมือนพรากจากนงเยาว์เปล่าใจเปลี่ยวเหลียวหานาง
๏ แขกเต้าเคล้าคู่เคียงเรียงจับไม้ไซ้ปีกหาง
เรียมคะนึงถึงเอวบางเคยแนบข้างร้างแรมนาน
๏ ดุเหว่าเจ่าจับร้องสนั่นก้องซ้องเสียงหวาน
ไพเราะเพราะกังวานปานเสียงน้องร้องสั่งชาย
๏ โนรีสีปานชาดเหมือนช่างฉลาดวามแต้มลาย
ไม่เท่าเจ้าโฉมฉายห่มตาดพรายกรายกรมา
๏ สัตวาน่าเอ็นดูคอยหาคู่อยู่เอกา
เหมือนพี่ที่จากมาครวญหาเจ้าเศร้าเสียใจ
๏ ปักษีมีหลายพรรณบ้างชมกันขันเพรียกไพร
ยิ่งฟังวังเวงใจล้วนหลายหลากมากภาษา ฯ
             

เห่เรื่องกากี (ของเดิม)

โคลง
๏ กางกรอุ้มโอบแก้วกากี
ปีกกระพือพาศรีสู่งิ้ว
ฉวยฉาบคาบนาคีเป็นเหยื่อ
หางกระหวัดรัดหิ้วสู่ไม้รังเรียง ฯ
             
กาพย์
๏ กางกรอุ้มโอบแก้วเจ้างามแพร้วสบสรรพางค์
ปีกปกอกเอวนางพลางคลึงเคล้าเต้าจรจรัล
๏ ฉวบฉาบคาบนาคาเป็นภักษาพาผกผัน
หางกระหวัดรึงรัดพันดั้นเมฆามาสิมพลี
๏ ดลสถานพิมานมาศเกลียวกลมสวาทนาฎกากี
เหิมหวลยวลกามีปรีดาแนบแอบอิงองค์
๏ เริงรื่นชื่นเชยปรางพลางคลึงเคล้าเต้าบุษบง
กอดเกื้อเนื้อนวลหงปลงสวาทชมสมเสพย์สมร
๏ กากีแน่งน้อยนาฎอภิวาทประนมกร
ก้มเกล้ากล่าวชอ้อนซอนซบหน้าตาเมียงมัน
๏ ปักษีกรีฑาชมภิรมย์เปรมเกษมสันต์
กลมเกลียวเกี่ยวกรพันผันยั่วเย้าเคล้าคลึงชม
๏ สองสุขสองสังวาสแสนสุดสวาทสองสู่สม
สองสนิทนิทรารมณ์กลมเกลียวชู้สู่สมสอง
๏ แย้มยิ้มพริ้มพรักตราสาภิรมย์สมจิตปอง
แสนสนุกสุขสมพองในห้องแก้วแพรวพรรณราย
๏ ลมพัดกลัดเมฆเกลื่อนฟ้าลั่นเลื่อนแลบแสงพราย
วลาหกตกโปรยปรายสายสินธุ์นองท้องธารา
๏ เหราร่าเริงรื่นว่ายเคล้าคลื่นหื่นหรรษา
สองสมกลมกรีฑาเปนผาสุขทุกนิรันดร์ ฯ
             

เห่เรื่องกากี (ได้มาใหม่)

ช้าลวะเห่
๏ สุบรรณแผลงเดชล้ำบินบน
กางปีกบังสุริยนมืดฟ้า
ร่อนลงสู่ไพชยนต์ปรางค์มาศ
เข้านั่งแอบนุชเคล้าแนบเนื้อนวลสมร ฯ
             
มูลวะเห่
๏ สุบรรณสำแดงฤทธิ์ให้มืดมิดปิดอัมพร
ร่อนลงตรงบัญชรจรสู่น้องแก้วกากี
๏ กล่าวรสพจนาทสายสุดสวาทเจริญศรี
ผินหน้ามาพาทีพี่คือชายชาญสกา
๏ ประสงค์จำนงรักจึงลอบลักเข้ามาหา
หวังเชิญแก้วกานดาไปสู่ฟ้าพิมานจันทร์
๏ เสวยรมย์สมบัติพี่ในสิมพลีเกษมสันต์
แล้วจะพาเจ้าจรจรัลเที่ยวชมชั้นพระเมรุธร
๏ พี่จะชี้ชมทรายแก้วงามพรายแพร้วเชิงสิงขร
แม่น้ำสีทันดรสิงขรกั้นเป็นกันกง
๏ จะพาชมพิทยาธรฝูงกินนรแลเหมหงส์
เหล่าสัตว์ตระกูลวงศ์อยู่ในดงเขาสัตตภัณฑ์
๏ จะได้ชมนารีผลงามสกลดังแสร้งสรรค์
อยู่ยอดเขาอัสสกรรณฝูงคนธรรพ์มาชมเชย
๏ จะพาไปไกรลาสเฝ้าเบื้องบาทพระสยม
ดูเทพมาบังคมจับระบำรำผาลา
๏ เทพบุตรตีวงซ้ายสาวสวรรค์ย้ายมาฝ่ายขวา
แทรกเปลี่ยนเวียนไปมากรคว้าไขว่ไล่พัลวัน
๏ อย่าอาไลยมนุษย์เลยไปชมเชยพิมานสวรรค์
ว่าพลางทางติดพันผันจุมพิตชิดชมนาง ฯ
             

เห่เรื่องกากี (บทของเดิม)

ช้าลวะเห่
๏ กากีกรป้องปัดกรครุฑ
ไยจึงมายื้อยุดเหนี่ยวน้อง
ไม่เกรงพระปิ่นมกุฏจอมราช เลยนา
มาอาจออกคำพร้องล่อเลี้ยวเจรจา ฯ
             
มูลวะเห่
๏ กากีกรป้องปัดต้องสัมผัสด้วยปักษา
เสียวซ่านดาลกรีฑามานะใจให้อัปมาน
๏ ตอบรสพจน์วาทีต้องเจ้านี้โอหังการ
ไม่เกรงพระภูบาลทั้งไภยพาลในอบาย
๏ ถึงเป็นชายชาญสกาไม่เจตนาอย่างพักหมาย
ฝ่ายเจ้าก็เลิศชายสายสุริย์วงศ์พงศ์เทวัญ
๏ เสวยทิพย์พิมานทองฝูงนางน้องล้วนสาวสวรรค์
ไม่ควรมาผูกพันจะพากันตกนรกานต์
๏ ซึ่งว่าจะพาชมบรมสุขสนุกสนาน
ขอบรสพจมานไม่ควรการอย่าเจรจา
๏ ครุฑฟังสายสุดสวาทปรามาสกนิษฐา
เจ้าดวงทิพย์มณฑาวาจาจัดสารพัดงอน
๏ พี่ประมาทอาจหาญนักเพราะจงรักเจ้าสายสมร
เท่าฟ้าแผ่นดินดอนห่อนกลัวเวรเพราะหวังใจ
๏ ขอฝากไมตรีจิตกว่าชีวิตจะตักไษย
ว่าพลางทางคว้าไขว่สัพยอกเย้าหยอกนาง ฯ
             

เห่บทสังวาส

โคลง
๏ พี่ชมพี่เชยแล้วพลางถาม
เจ้ามิอืออำความไป่พร้อง
เจ้าเอื้อนมิเออขามเขินพี่ อยู่ฤา
ผินพักตรมาอย่าข้องขัดแค้นเคืองเลย ฯ
             
ช้าลวะเห่
๏ พี่ชมพี่เชยพลางพี่ถามนางเจ้าไม่อือ
เจ้าเอื้อนอายพี่ฤาพี่ขอถามความจริงนาง
๏ พิศวงทรงรวยรูปพลางกอดจูบลูบคอนาง
ฉุดชักสไบบางพลางคลึงเคล้าเย้ายวนสม
๏ พิศรูปก็น่ารักพิศพักตรก็น่าชม
อ้อนแอ้นอรเอวกลมชมชวัญน้องต้องตามชาย
๏ ใครเห็นเป็นขวัญเนตรลืมทุกข์เทวษเจตน์จงหมาย
มาดนุชสุดเสมอกายบ่วายรักสักนาที ฯ
             
มูลวะเห่
๏ โหยหวนครวญใคร่นางอกเพียงพ่างล้างชีวี
นั่งนอนห่อนฤามีสิ่งซึ่งสุขทุกเวลา
๏ คิดเคยเชยชมน้องไม่ห่างห้องสองเสน่หา
เป็นสุขทุกเวลามาจากได้ให้อาวรณ์
๏ อกเอ๋ยเคยสังวาสกรรมบำราศคลาศคลาสมร
นับเดือนเลื่อนปีจรห่อนเห็นแล้วแก้วตาเรียม
๏ พุ่มพวงดวงดอกฟ้าในใต้หล้าหาไหนเทียม
โฉมงามทรามเสงี่ยมเรียมรักเจ้าเท่าดวงใจ ฯ
             

เห่ครวญ

โคลง
๏ รอนรอนสุริยคล้อยสายัณห์
เรื่อยเรื่อยเรื่ยแสงจันทร์ส่องฟ้า
รอนรอนจิตกระสันเสียวสวาท แม่เอย
เรื่อยเรื่อยเรียมคอยถ้าที่นั้นห่อนเห็น ฯ
             
กาพย์
๏ เรื่อยเรื่อยมารอนรอนสุริยาจรเข้าสายัณห์
เรื่อรองส่องสีจันทร์ส่งแสงกล้าน่าพิศวง
๏ ริ่วริ่วจันทร์แจ่มฟ้าเหมือนพักตราหน้านวลผจง
สูงสวยรวยรูปทรงส่งสีเจ้าเท่าสีจันทร์
๏ เอวอ่อนชะอ้อนองค์โฉมอนงค์ทรงสาวสวรรค์
หาไหนไม่เทียมทันขวัญเนตรพี่นี้น่ารัก
๏ ขาวสุดพุดจีบจีนเจ้ามีสีนพี่มีศักดิ์
ทั้งวังเขาชังนักแต่พี่รักเจ้าคนเดียว
๏ นอนนั่งตั้งอาลัยสายสุดใจไม่แลเหลียว
หวังชมสมกลมเกลียวควรฤๅน้องข้องใจเคือง ฯ
             
ช้าลวะเห่
๏ ขาวสุดพุดซ้อนแซมเนื้อแอร่มอร่ามเหลือง
โฉมอ่ากว่าทั้งเมืองหนแห่งใดไม่เหมือนเลย
๏ ได้น้องทองนพมาศมาสังวาสพาดชมเชย
ร่วมเรือนเพื่อนพิงเขนยเคยวิงวอนอ่อนหวานคำ
๏ ฝนตกยกปีกป้องฟ้าร้องต้องเอาตนงำ
ชอกเชื้อเนื้อนวลขำอ่อนละมุนอุ่นอกเรียม
๏ รักนุชสุดสายใจต้องหฤทัยไม่เท่าเทียม
ขอต้องน้องอายเหนียมเกรียมจิตเจ้าเผ้าทุกข์ทน
๏ ฝนตกฝนหากตกแก้วกับแกอย่าโกรธฝน
ลมพัดรับขวัญบนแก้วโกมลมานอนเนา
๏ ฝนตกไม่ทั่วฟ้าเย็นแหล่งหล้าในภูเขา
ไม่เย็นในอกเราเพราะเพื่อนเคล้าเจ้าอยู่ไกล ฯ
             
มูลวะเห่
๏ เรียมร่ำน้ำตาตกอกร้อนรุ่มดังสุมไฟ
แสนคะนึงถึงสายใจเจ้าไกลสวาทนิราศเรียม ฯ
             
โคลง
๏ เสียงสรวลระรี่นี้เสียงใด
เสียงนุชพี่ฤๅใครใคร่รู้
เสียงสรวลเสียงทรามวัยนุชพี่ มาแม่
เสียงบังอรสมรผู้อื่นนั้นฤๅมี ฯ
             
มูลวะเห่
๏ เสียงสรวลระรี่นี้เสียงแก้วพี่หรือเสียงใคร
เสียงสรวลเสียงทรามวัยสุดสายใจพี่ตามมา
๏ ลมชวยรวยกลิ่นน้องหอมเรื่อยต้องคลองนาสา
เคลือบเคล้นเห็นคล้ายมาเหลียวหาเจ้าเปล่าวังเวง
๏ ยามสองฆ้องยามย่ำทุกคืนค่ำย่ำอกเอง
เสียงปี่มี่ครวญเครงเหมือนเรียมคร่ำร่ำครวญนาน
๏ ล่วงสามยามปลายแล้วจนไก่แก้วแว่วขันขาน
ม่อยหลับกลับบันดาลฝันเห็นน้องต้องติดต
๏ เพรางายวายเสพรสแสนกำสรดอดโอชา
อิ่มทุกข์อิ่มชลนาอิ่มโศกาหน้านองชล
๏ เวรามาทันแล้วจึงจำแคล้วแก้วโกมล
ให้แค้นแสนสุดทนทุกข์ถึงเจ้าเศร้าเสียดาย
๏ งามทรงวงดั่งวาดงามมารยาทนาดกรกราย
งานพริ้มยิ้มแย้มพรายงามคำหวานลานใจถวิล
๏ แต่เช้าเท่าถึงเย็นกล้ำกลืนเข็ญเป็นอาจิณ
ชายใดในแผ่นดินไม่เหมือนพี่ที่ตรอมใจ ฯ
             
โคลง
๏ เรียมทนทุกข์แต่เช้าถึงเย็น
มาสู่สุขคืนเข็ญหม่นไหม้
ชายใดจากสมรเป็นทุกข์เท่า เรียมเลย
จากคู่วันเดียวได้ทุกข์ปิ้มปานปี ฯ
             
สวะเห่
๏ เห่แลเรือ เห่ละเห่เห เห่โหวเห่โห เหโหวเห่เห้ เห่เหเห่เหเห่ โอละเห่
๏ สาละวะเห่ โหเห่เห เหเห่ เหเห่เห โอละเห่
๏ ช้าลวะเห่ เหเห่ เห่เหเห่ โอละเห่ เจ้าเอยก็พาย พี่ก็พาย พายเอยลง พายลงให้เต็มพาย โอวโอวเห่
๏ ช้าลวะเห่ โหเห่เห เหเห เหเห่เห โอละเห่ มูละเหเห่เห้ โอเห้มารา โอเห้เจ้าข้า โอเห้เจ้าข้า มารา ไชโย สีเอยไชย สีไชยแก้วเอย ไชยเอยแก้ว ไชยแก้ว พ่อเอย โอวโอว ฯ
             

เชิงอรรถ

อ้างอิง

เครื่องมือส่วนตัว