ลิลิตเสด็จไปขัดทัพพม่าเมืองกาญจน์ ๒๓๖๓

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(ขบวนทัพ)
(ข้อมูลเบื้องต้น)
 
(การแก้ไข 20 รุ่นระหว่างรุ่นที่เปรียบเทียบไม่แสดงผล)
แถว 1: แถว 1:
 +
== ข้อมูลเบื้องต้น ==
 +
{{เรียงลำดับ|ลิลิตสดเ็จปไขัดทัพพม่ามเืองกาญจน์ ๒๓๖๓}}
 +
[[หมวดหมู่:วรรณคดีไทย]]
 +
[[หมวดหมู่:วรรณคดีรัตนโกสินทร์]]
 +
[[หมวดหมู่:ลิลิต]]
 +
[[หมวดหมู่:นิราศ]]
 +
'''พระราชนิพนธ์:''' [[สมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ]]
 +
 +
== บทประพันธ์ ==
===  รับพระบรมราชโองการ  ===
===  รับพระบรมราชโองการ  ===
<tpoem>
<tpoem>
แถว 384: แถว 393:
</tpoem>
</tpoem>
-
===  ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา ===
+
===  จากกรุงเทพ ฯ ถึงคลองสุนัขหอน ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ พลพายเร่งถ้วนหน้า แลนา เคลื่อนนาวาคล้อยตำหนัก แลนา แปรพักตร์เห็นสุนงคํใน แลนา หวั่นฤทัยถึงพระน้อง แลนา เมินพักตร์...(ต้น ฉบับเลือน)...
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ สังข์กระจายนามวัดหน้า  ฉงนฉงาย
 +
สังข์ใครมาตกทลาย  แตกนี้
 +
ฤๅว่าสงฆ์เที่ยวกระจาย  กันอยู่
 +
ใครยังรู้บ้างชี้  นามให้หายแคลง ฯ
 +
 
 +
๏ เล็งเรือนราษฎรรั้ว  เชิงสวน
 +
ร่างไร้ฤๅพิศควร  เกลียดเหย้า
 +
ถวิลบ้านปานนี้ครวญ  เยือกสงัด แล้วเอย
 +
อกระหวยซ้ำเศร้า  หั่นหั้นหัทไทย ฯ
 +
 
 +
๏ จักไปบใคร่แคล้ว  ทรวงพี่ นักนา
 +
คิดใคร่คืนสมศรื  แนบน้อง
 +
กลับใดอย่าไปดี  โทษท้าว เคืยดฤๅ
 +
ตริรวนเรจำต้อง  สู่สู้สงคราม ฯ
 +
 
 +
๏ หนหลังเสาวภาคย์ล้วน  ห่วงรัก
 +
ดับฉันใดจึงจัก  เสื่อมเศร้า
 +
เรือมาแต่เพียบหนัก  ทั่วทุก ลำนา
 +
ฤๅเท่าหนักรักเร้า  ตํ่าหน้าจำจร ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ คลื่นนิกรเร่งรัด แลนา ถึงหน้าวัดอินทาราม แลนา ถัดคลองข้ามเนึ่องกัน แลนา นามวัดจันทร์อยู่กลาง แลนา ราชคฤห์สร้างนามเปลี่ยน แลนา ลานวัดเตียนดูสนุก แลนา สงฆ์สวดทุกอาวาส แลนา ยลแม่ค้ากลาดถอยทรง แลนา ไยมาลงเมินหน้า แลนา อายทำตาเย้าทัพ แลนา เกลี่ยตารับแสร้งเขิน แลนา ผ้าเลี่อนสะเทินห่มใหม่ แลนา เร่งพายไปอย่าแล แลนา ถึงคลองสะแกแน่นบ้าน แลนา ถับถึงด่านบางหลวง แลนา หวั่นทรวงล่วงด่านแล้ว ต่อใดจักได้แคล้ว กลับเหย้าสู่วัง ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ เรือหลังซ้ำเสียดซ้อง  สนั่นเพรียกถุ้มเถียงร้อง
 +
เมื่อเลี้ยวชิงกัน ฯ
 +
 
 +
๏ ปากง่ามนั่นเชี่ยวนํ้า  พายห่อนดีเรือขวํ้า
 +
แต่โพ้นหลากหลาย ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ ดลวัดปากนํ้าเร่ง  รำคาญ
 +
เจ็บใดยิ่งจากสถาน  ฤเถ้า
 +
สรรพสิ่งแต่กันดาร  ขาดทั่ว แคลนนา
 +
ใจเอ๋ยกลับยืดเย้า  แจ้งน้องด่านเลย ฯ
 +
 
 +
๏ ถึงคลองปากบางวัด  ขุนจันทร์
 +
ถวิลน้องรุมกระศัลย์  มุ่งหล้า
 +
เนาวังยามสายัณห์  ศุกรป้กษ์
 +
เคยแม่เคยสู่หน้า  ต่อด้วยแสงบุหลัน ฯ
 +
 
 +
๏ ดลอาวาสหนึ่งนั้น  นามสุกร
 +
ล้วนบ้านจีนแคะคอน  หมูค้า
 +
หากินผิดโลกอุดร  มิจฉา ชีพเอย
 +
มีอบายเที่ยงเบื้องหน้า  เพราะฆ่าสุกร ฯ
 +
 
 +
๏ กับแทบอาวาสวัด  นางชี
 +
แอหนังฤๅเห็นมี  ไหนเหล้า
 +
เขาสนองโพ้นเดิมที  มีคณะ ชีนา
 +
พวกกำเดาะหนุ่มเย้า  ต่างลี้ชีสูญ ฯ
 +
 
 +
๏ ถึงบ้านเผาถ่านไร้  ดูเรือน
 +
รุงรังรุกรุยเหมีอน  หยากเหยื้อ
 +
ผิว่าพิศใจเตือน  กลัวอา เจียนเอย
 +
อยู่สักหยาดหนึ่งเบื้อ  ไม่แล้ตรอมตาย ฯ
 +
 
 +
๏ ดลคลองอิตุแหน้น  บ้านคน
 +
ลงมาอัดริมชล  รูปร้าย
 +
เหนื่อยหน้าหน่ายตายล  หมกสาบ
 +
แม้ดั่งนี้ยาคล้าย  ติดแท้ตุตัง ฯ
 +
 
 +
๏ จรทุกจรเทิ้นแทบ  วัดหนัง
 +
ยินนามเร่งถวิลหวัง  เมื่อน้อง
 +
ยลหนังเรื่องกังตั๋ง  ชื่นชอบ ใจนา
 +
ถ้อสำรวลชวนพร้อง  ยั่วเย้ายวนใจ ฯ
 +
 
 +
๏ คลี่พลไคลเนาวัดนั้น  นางนอง
 +
หวั่นเทวษรุมเร่งหมอง  ช่ำหั้น
 +
จำไปด้วยใจปอง  ต่อภัก ดีนา
 +
อดอย่าเยียวเดียวกลั้น  นองนํ้าตากลืน ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ นาเวศดื่นกลาดหลาย เร่งพลพายคลาดคลา ถึงบางหว้าบางค้อ จรดวัดต่อจอมทอง ถับถึงคลองขุนเทียน ชะวากทุ่งเตียนปทุมน้อย คลองสวนอ้อยปทุมใหญ่ ดลวัดไทรบางมด จรจรดบ้านตะพุ่น นํ้าขอดขุ่นรำคาญ ล่วงระยะบ้านบางระแนะ ล้วนแค่นแคะหากิน เถื่อนแถวถิ่นเยงโยง ถึงสำโรงบางบอน สวนเชิงดอนแนวตลิ่ง ถึงวัดสิงห์บางสิบบาท นาเวศคลาดบางกก วัดร้างรกดูมลาก ถึงวัดนากวัดเลา แล้วนาเจ้ารามลักษมณ์ ดลตลิ่งหักท่าข้าม ฝั่งรำรามมากมี ลุคลองศีรษะกระบือ ล้วนพงปรือพงแฝก พงแขมแทรกพงคา แต่พงหญ้าพงเลา ล่วงถึงเสาพรมแดน อำเภอกำหนดแคว้นพระราชสีมา ท่านนา ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ กรีพลรีบเร็วลํ้า  ล่วงจร
 +
ลุสมุทรสาคร  ต่อแคว้น
 +
พอสุริยทิพากร  เที่ยงเท่า
 +
เร่งพายให้เรือแหล้น  จักได้พักพล ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ ดาลกระมลเหิมเศร้า  โอ้ปานนี้หนุ่มเหน้า
 +
แม่เอ้ยฉันใด ฯ
 +
 
 +
๏ พิศหมู่ไม้เทวษแท้  ตูบเต็มตาแล
 +
แลเหล้นตามจน ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ กุ่มกอกก้านกิ่งก้อม คดโค้งค่อมขันคู่ หมู่ลำพูลำแพน ตะบูนแน่นปนตะบัน มะฝ่อฟั่นลำบิด เหล่ากชิดหัวลิง ปริกปรูปริงเปราะปรง หิงหาดหงเหียนหัน แคคุยคันตอเค็ด พิศผลเมล็ดหลายหลาก บรู้จักมีมาก ใคร่รู้นามใด ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ ชาวมหาดไขไม้นั้น  โดยประจักษ์จำหมั้น
 +
ชี้ชื่อสนองทูล ฯ
 +
 
 +
๏ ครั้น ธ แจ้งมูลนามแล้ว  โอ้เวรใดจากแก้ว
 +
พรากได้มาชม ฯ
 +
 
 +
๏ คำนึงลมเปล่าว้า  ปนในใจเพียงบ้า
 +
เพื่อร้างแรมสมร ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ ทรวงดังขอนรุมไหม้ แลนา เรือครรไลบนาน แลนา แทบสถานคลองลัด แลนา สองฝั่งขัดชายเฟือย แลนา แลตรงเรื่อยเรือน้อย แลนา เร่งละห้อยกรรหาย แลนา พิศไพร่นายทุกคน แลนา โดยสถลกันดาร แลนา ล่วงแดนบ้านแดนนา แลนา บางพร้าน้อยคลองหนึ่ง แลนา ล่วงลุถึงแสมดำ แลนา มีบ้านทำฟืนขาย แลนา ล้วนแสมรายดงชัฏ แลนา อีกคลองลัดพร้าใหญ่ แลนา เข้ามหาขัยแลลิ่ว แลนา งามเรือทิวแถวถ่อง แลนา บรรลุคลองโคกขาม แลนา สองฝั่งข้ามมีบ้าน แลนา เถื่อนถิ่นฐานบ้านนอก แลนา ภาคภูมิบอกขัดสน แลนา ถึงตำบลบางขอม แลนา เร่งร้อนตรอมใจเศร้า แลนา ดลโคกเตำตะวันออก แลนา เขาบอกตำบลชี้ แลนา ว่าทรัพย์มีภูตเฝ้า แลนา นาเวศเนาเจตน์จาก แลนา สองฟากมีอาราม เรือที่นั่งเร่งบากข้าม ประทับท่ามหาชัย ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ เรือกลองชัยแปลงช้อน  ปี่รี่เรื่อยโอษฐ์อ้อน
 +
หน้าฉนวนถวายลำ ฯ
 +
 
 +
๏ หลังเสริดสํ่าเสียดแซ้  ชิงกันจอดฝั่งแล
 +
เยียดยัดอึงอล ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ ลับถึงดำหนักร้อน  มหาชัย
 +
เพลาอรุโณทย์ไคล  คล่อยคล้อย
 +
จึงเสด็จจรครรไล  สู่พลับ พลานา
 +
ทวยพลอัดยัดร้อย  เฝี่ยมเฝ้าบาทบงสุฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ ชาวบุเรศตรงต่อไท้  ต่างมาเคียมคัลไหว้
 +
เนื่องด้วยคำนัล ฯ
 +
 
 +
๏ ธ ให้ปันแบ่งส่วน  นายไพร่ทุกคนถ้วน
 +
ทั่วหน้าฤๅหลอ ฯ
 +
 
 +
๏ อยู่พอเลี้ยงกันเสร็จ  สรงเสวยแล้วรีบเสด็จ
 +
จากประทับโดยพลัน ฯ
 +
 
 +
๏ หมายสำคัญอ่าวออก  ด่านทวารชั้นนอก
 +
ชะวากเวิ้งใหญ่หลวง ฯ
 +
 
 +
๏ กระหนห่วงถึงน้อง  ทอดหน้าลงใคร่ร้อง
 +
ซ่อนหน้าใครเห็น ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ แสร้งเสเล่นเจรจา จนนาวาลุแหลม พิศสะแกแกมลำพู ตะบูนหมู่ปลอมแสม เหลียวลานแลเหล่าลิง ไวว่องวิ่งเวียนวน คอกขู่คนคึกคัก ห้าวฮึกฮักหกโหน โดดดื่นโดนดุดัน ปูเปี้ยวปั่นปี้ป่น เกลื่อนกลาดกล่นกลอกกลับ แลล่วงลับแหลมแล้ว โอ้พระนุชน้องแก้ว ฤๅได้มาเห็น บารนี ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ นาเวศลีลาศเต้า  ลุถึง
 +
เมืองสมุทรสาครรึง  รุ่มร้อน
 +
เห็นเมืองฤๅพิศพึง  ย่อมน้อย หนึ่งนา
 +
อยู่ตามจนแค่นข้อน  อยู่ได้ฉันใด ฯ
 +
 
 +
๏ ยลชายโดยทัพสิ้น  ห่อนมื
 +
พิศหญิงร่างไร้ดี  ยากได้
 +
ลำเนาหากินทวี  ของบาป
 +
บุญเราทำอย่าให้  ปะแคว้นประมง ฯ
 +
 
 +
๏ หงส์ยนตร์ที่นั่งล่วง  ท้ายเมือง
 +
ท่าจีนระยะเปลือง  สู่หน้า
 +
ดลบางจีนเตี้ยเหมือง  ทำนํ้า
 +
ล้วนแต่คนหยาบช้า  เกลียดหน้าอย่าแล ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ เขาสนองแน่ชี้บ้าน  บางขนของขี้คร้าน
 +
ยลแล้วเลยไป ฯ
 +
 
 +
๏ มิทันใดจรจรด  บ้านปากคลองขุนคช
 +
หย่อมเหย้าฤๅงาม ฯ
 +
 
 +
๏ ถึงนามบางอ้อเจ้า  หวั่นจิตคิดเสนหาเหน้า
 +
รับน้องเสด็จโดย ฯ
 +
 
 +
๏ รักกรรโหยระทึกท้อ  ถึงตำบลบ้านบ่อ
 +
กลับเท้อญฤๅไฉน ฯ
 +
 
 +
๏ ใช่แต่ใจเองนั้น  โองการใช่มาหั่น
 +
เศิกสู้สงคราม ฯ
 +
 
 +
๏ เขาแจ้งนามคลองแสดง  นั่นอิรำท่าแร้ง
 +
เกลืยดชื่อจริงเจียว ฯ
 +
 
 +
๏ สักประเดี๋ยวล่วงแคล้ว  ถึงคลองลัดสระแก้ว
 +
ขุดไว้ฤๅนาน ฯ
 +
 
 +
๏ บรรลุบ้านนาขวาง  นาเกลือเตียนไม่ว้าง
 +
แลลิ่วสุดตา ฯ
 +
 
 +
๏ เร่งนาวารีบรื้อ  พอถึงต้นย่านซื่อ
 +
คํ่าคลุ้มอัสดง ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ สุริยงลับเหลี่ยมเยื้อง  ขุนเขา
 +
ดารินกล่นพันเหา  เยี่ยมฟืา
 +
หวนถวิลสุนงค์เยาว์  เหียมหื่น ใจนา
 +
ฤๅฉันใดเห็นหน้า  นึกหน้าเห็นนาม ฯ
 +
 
 +
๏ ดาวจรัสสร่างส่องหน้า  จ่อใจ
 +
เรียมเรียกนุชไปไหน  ใหม่พร้อง
 +
เอะแล้วมะเมอไป  กระมัง กูเอย
 +
อายโอษฐ์แสร้งเสร้อง  บทแก้กลอนเลย ฯ
 +
 
 +
๏ ดาวฤกษ์นึกพิศเจ้า  จอมสมร เรียมเอย
 +
นอกฤกษ์ดาษอัมพร  ทั่วหล้า
 +
เหมือนอนงค์สลับสลอน  เฝี่ยมเฝ้า เราแฮ
 +
ชาวสนมปานนี้หน้า  ครํ่านํ้านองชล ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ จรดลล่วงเลี้ยวลด แลนา สามสิบสองคดยาก แลนา ลำบากด้วยกลางคืน แลนา เรีอดาษดื่นแออัด แลนา หน้าท้ายระมัดหลักตอ แลนา พรํ่าให้รอเรือหลัง แลนา บทันยั้งโดนกัน แลนา หน้าเหียนหันบอกท้าย แลนา ท้ายจะบ่ายบอกหน้า แลนา คลับคลาด้วยฟางไฟ แลนา ตกปลายย่านซื่อได้ ขุดคดจริงเจียว ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ พริบตาเดียวโรงเข้  ถึงสุนัขหอนเป็นเล่ห์
 +
ขาดนํ้าขอดลง ฯ
 +
</tpoem>
 +
=== จากคลองสุนัขหอนถึงสมุทรสงคราม ===
 +
<tpoem>
 +
๏ ธ ให้หยุดจัตุรงค์หยุดยั้ง  แออัดค้างเลนตั้ง
 +
คํ่าแล้สองยาม ฯ
 +
 
 +
๏ สี่ด้านตามตลิ่งล้อม  ฟากละสองกองพร้อม
 +
เกริ่นฆ้องเกราะตี ฯ
 +
 
 +
๏ เสียงมะมี่ยุงเร้า  แสบเนื้อฤๅแสบเท้า
 +
แสบเนื้อไกลนวล ฯ
 +
 
 +
๏ ชวนกันสรวลแก้เศร้า  ใครจำสิ่งใดเหล้า
 +
เรื่องโพ้นบรรยาย ฯ
 +
 
 +
๏ เอนระงับกายสักน้อย  กรกองเขนยไห้ละห้อย
 +
หมกไหม้หัวใจ ฯ
 +
 
 +
๏ ปรานีไทเท่าน้อง  ปานนื้เปลี่ยวเปล่าห้อง
 +
อยู่เดียวกำสรวล แม่เอย ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ เจ็บรักเจ็บรสร้อน  ฤๅดี เยียวนา
 +
เจ็บคิดเจ็บคืนลี  ลาศเหย้า
 +
เจ็บเช่นใครปรานี  วานฉ้วย สิลา
 +
พาเห็จเหาะสมเหน้า  รุ่งเช้าจึงจร ฯ
 +
 
 +
๏ เจ็บถึงโอรสน้อย  ดวงใจ พ่อเอย
 +
เจ็บฤๅดีเป็นไฉน  ใคร่รู้
 +
เจ็บรักไปเดียวไกล  เร่งเจ็บ ทรวงนา
 +
เจ็บคิดสุดเจ็บสู้  ซ่อนให้ใครยิน ฯ
 +
 
 +
๏ เจ็บถึงพระน้องผู้  นายประกัน
 +
เจ็บแม่เคยเกษมสันต์  จักเศร้า
 +
เจ็บสุดจะรำพัน  เจ็บยิ่ง เจ็บนา
 +
เจ็บฉันใดแม่เจ้า  จักได้นำเสนอ ฯ
 +
 
 +
๏ เจ็บถึงเอารสสิ้น  ทั้งหลาย
 +
บุตรีกุมารสาย  สืบเนื้อ
 +
เจ็บชาวแม่สนมหมาย  นึกหน้า ถึงนา
 +
เจ็บข้าบาทชิดเชื้อ  ทั่วทั้งวังใน ฯ
 +
 
 +
๏ เจ็บชู้ฤๅเจ็บสู้  จำจร
 +
เจ็บฤๅไวใจสมร  ห่อนได้
 +
นํ้าค้างใบตองบอน  เยียวง่าย ใจนา
 +
เจ็บละชู้ร้างไว้  ห่อนไว้ใจเลย ฯ
 +
 
 +
๏ เจ็บชู้นับหมื่นเสี้ยว  หนึ่งสนม
 +
หมื่นอนงค์เจ็บระบม  เทียบเท้า
 +
หนึ่งพระน้องร่วมภิรมย์  เจ็บจาก มาแม่
 +
เดชะสัจเทพเจ้า  ช่วยเท้อญคืนพลัน ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ แสงบุหลันเรื่อฟ้า ล่วงนาฬิกาสิบทุ่ม ฤๅทัยกลุ้มห่อนหลับ นํ้าขึ้นจับเปี่ยมฝั่ง ทุ่มฆ้องสั่งสัญญา ปลุกโยธาทวยพล เสียงอึงอลเซงแซ่ เรืออัดแอเสียดซ้อง ชิงเข้าคลองเยียดยัด คลองแคบอัดเหลือตรา คลับคลาเนื่องเหลือไตร ถึงมะขามใหญ่ท่าข้าม ล่องตามนํ้าเชี่ยวโชน ดลเสาประโคนกำหนด ท่าจีนจรดแม่กลอง ถึงปะโคกคลองบางปืน แสงหิรัญแผ้วพื้น หลากหล้าฟ้าขาว ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ ดับเดือนดาวคลาดคล้อย  จวนรุ่งตกตํ่าต้อย
 +
กลั้วนํ้าตาเตือน ฯ
 +
 
 +
๏ ประกายพรึกเหมือนนึกหน้า  สุกปิ้มย้อยหยัดฟ้า
 +
พักตร์น้องพะเยียร้อน ฯ
 +
 
 +
๏ ไก่สังหรณ์ขันเร้า  ดังแกล้งยียวนเย้า
 +
เร่งร้อนใจถึง ฯ
 +
 
 +
๏ ดุเหว่าอึงเกริ่นร้อง  เวลาเคยแนบน้อง
 +
อุ่นโอ้แอบองค์ ฯ
 +
 
 +
๏ กางเขนส่งเสียงพลอด  จอจ้อจ่อจ้อจอด
 +
พลอดคู่แข่งเสียง ฯ
 +
 
 +
๏ กดพุ่มเมียงเร่งนํ้า  เป้อปะปูดเปิงช้ำ
 +
ไม่แล้อยากยิน ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ ภู่ภุมรินร้องเรื่อย ลมว่าวเฉื่อยฉุนสมร นํ้าฟ้าร้อนอุรัศ สะพัตรผ้าคลุมทรง ฤๅอุ่นองค์เยือกเย็น จนพุ่งเผ่นองศา แจ้งอัมพรผุดใหม่ พอทัพแทบบางสะใภ้ รุ่งหล้าแดดเรือง ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ ชาวมหาดเนืองหน้าแทน  กำนัล
 +
งานเตรียมทุกสิ่งสรรพ์  พรั่งพร้อม
 +
ฟืนองค์จากที่บรรจ-  ถรณ์สถิต
 +
ต่างถวายเครื่องซ้อง  ย่อมเที้ยรอยู่วัง ฯ
 +
 
 +
๏ เขาสนองบางหนึ่งนั้น  นามมี
 +
คลองลัดเป็นล่วงลี  ลาศเต้า
 +
พลพายรีบเต็มที  จะประทับ เมืองนา
 +
ถับถึงบางตะบูนเข้า  วัดใต้ปากคลอง ฯ
 +
 
 +
๏ สงฆ์ลงนาเวศเที่ยว  ภิกขาจาร
 +
หยุดเรือที่นั่งบาน  จิตน้อม
 +
เจิมใจเสริมใสสานต์  โสมนัส
 +
จัดเครื่องสรรสิ่งพร้อม  ใส่ข้าวบาตรสงฆ์ ฯ
 +
 
 +
๏ จึงทรงอุทิศตั้ง  ปรารถนา
 +
ขอจงพบศาสดา  โปรดด้วย
 +
พร้อมทั้งอรหัตสัมพิชา  ดับพบ
 +
ป้จจุบันบุญจงฉ้วย  ลาศเหย้าอย่านาน ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ พิศสวนบ้านริมนํ้า  นาวาเรื่อยเร็วลํ้า
 +
ท่าลัดคลองเดิม ฯ
 +
 
 +
๏ ครรไลเกินคลาดแคล้ว  ถึงคลองสระจันแล้ว
 +
อีกโคกเดิมมี ฯ
 +
 
 +
๏ พอเพลาตีโมงเช้า  ถึงสมุทรสงครามเข้า
 +
เพริศพร้อมพักพล ฯ
 +
</tpoem>
 +
 
 +
=== จากสมุทรสงครามถึงราชบุรี ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ ประทับดลยังฉนวน ชาวงานจวบจวนจับงาน แต่งสถานโดยเขบ็จ รับเสด็จยังพลับพลา เพดานผ้าขาวดาด เสื่อพรมลาดม่านแพรพรรณ พนักพันผ้าขาว อีกพันราวทางเสด็จ ทอดยี่ภู่เสร็จเขนยทอง นํ้าสรงตรองเตรียมสรรพ ที่สำหรับบังคน ผ้าชุบชลทรงผลัด ชาวมหาดจัดเสร็จแล้ว จึงเสด็จจรคลาดแคล้ว ประทับแทบพลับพลา ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ พร้อมโยธาข้าบาท  กรมการแน่นเกลื่อนกลาด
 +
เฟี่ยมเฝ้าอภิจันทน์ ฯ
 +
 
 +
๏ เนื่องพากันมาออก  ชายหญิงจีนบ้านนอก
 +
คำนัลมากมี ฯ
 +
 
 +
๏ ทูลบาญชีถวายแล้ว  สั่งให้แจกทวยแกล้ว
 +
ทั่วสิ้นมูลมวล ฯ
 +
 
 +
๏ เขาเชิญชวนนายไพร่  อาหารเอามาให้
 +
เลี้ยงทั่วทุกคน ฯ
 +
 
 +
๏ บายศรีรับมาตั้ง  ทำขวัญเรือที่นั่ง
 +
ครื้นครั่นดุริยางค์ ฯ
 +
 
 +
๏ เขารีบวางเรือกระบวน  เพลาจรเสด็จจวน
 +
คลาดเคลื่อนจัตุรงค์ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ บังคนสรงเสร็จแล้ว  เสวย
 +
โอ้ฤๅเคยมาเคย  แค่นเคี้ยว
 +
ขาดพักตร์สุนงค์เชย  เฝี่ยมเฝ้า กูนา
 +
ดิบรสจืดปราศเปรื้ยว  แค่นเคี้ยวขืนกิน ฯ
 +
 
 +
๏ แล้วตริราชการใช่  บนาน
 +
ดำรัสสั่งกรมการ  ทั่วหน้า
 +
ทัพรักษาบางจาน  แก่งไผ่
 +
เร่งลำเลียงอย่าช้า  ขาดข้าวจวนแกน ฯ
 +
 
 +
๏ เสด็จเรือที่นั่งให้  กรีพล
 +
กำหนดฆ้องกาหล  โห่ห้าว
 +
จากสมุทรสงครามดล  ที่ประทับ
 +
เพลาสามโมงเช้า  คลาดเคลื่อนพลพฤนท์ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ ดังไหวดินฟ้าขวํ้า  นองระลอกกระฉอกนํ้า
 +
แหล่งหล้าอึงอล ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ก้านต่อดอก</sup>
 +
๏ หงส์ยนตร์ที่นั่งวิ่ง  ว่องไวจริงแทบเทียมลม
 +
พลพายไล่ระดม  ชมไชเยศประเวศคลา ฯ
 +
 
 +
๏ กระบวนหน้าเคลื่อนนำพล  สะบัดบนทั้งสัญญา
 +
กระบวนหลังเรือเหลือตรา  คลาเยียดยัดอัดสาคร ฯ
 +
 
 +
๏ เริงรื่นทั้งนายไพร่  มาดมุ่งหมายจักราญรอน
 +
ศึกสู้พลันม้วยมรณ์  ต้อนต่อยตับพรับตาเดียว ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ ลับถึงบางกั้งลาศ  เล่นแล
 +
กั้งมาปนปูแสม  ใช่ชู้
 +
ปูทะเลหม้ายลอยแพ  กินผู้ ผัวเอย
 +
เห็นหญิงคิดประวิงชู้  ห่อนไว้ใจหวัง ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ สองฟากฝั่งรัถยา แน่นพฤกษาถิ่นสวน ดังจะชวนแวะชม รื่นราบร่มบงซาง ล่วงลุบางนางจีน เชิงสวนตีนเลนสนุก ทุกบ้านทุกเรือนราย หมากพร้าวหมายแม้นเมฆ มะพร้าวเอกอันดก ตกจั่นตักตั้งดิน ลางพันธุ์กินเปลือกได้ ลางพร้าวไฟกะทิพันธุ์ ลางต้นนั้นเถนทุย บ้างต้อมตุ่ยพร้าวซอ แน่นรอบคอพันฝาด หงส์สิบบาทนาฬิเก พันธุ์ทะเลนาควารี อีกหมูสีนํ้าหอม พันธุ์เขียวขอมพร้าวเตย พิศจนเลยคลองโพงพาง เนาหนึ่งบางสวนหลวง ดูอเนกมะม่วงหลายเหล่า อัมพาเผ่าอัมพา ลุอัมพวาอีกมี ตาลตานีม่วงมัน ทิพรสพันธุ์แขกเต้า อีกแมวเซาหมอนทอง พันธุ์ตาลรองปากกระบอก ม่วงละมุดซอกส่งกลิ่น ลางร่องสิ้นม่วงทุเรืยน พรวนเสนเสียนกะล่อน พันธุ์ม่วงซ้อนชู้นัด ไอ้อวบอัดตับเป็ด ยินชื่อเข็ดพราหมณ์ขายเมีย ลางร่องเตี้ยตํ่าต้อย สาวละห้อยทืบหอ พิศพึงพอสังขยา พุ่มเสนหมาไม่แล ม่วงป่าแท้ทองคำ ทองขาวนํ้าตาลจีน แฟบหน้าปีนดกเด็ด ขี้ไต้เข็ดปราศเปรี้ยว มะตูมเขียวไข่กา ม่วงพลัดหลาหลายพันธุ์ ม่วงสำปั้นป้อมเปาะ อีกหมู่เหมาะทองปลายหัตถ์ ต้นแขนขัดวลัย ยังที่มิจำได้ ม่วงอื่นหลายพันธุ์ ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ แสนกระศัลย์โหยระหวย  แม้นพระน้องเสด็จโดยด้วย
 +
จะชี้ชวนชม ฯ
 +
 
 +
๏ ร้อนระบมทรวงยับ  เจ็บเรียมเจ็บโดยทัพ
 +
โอ้เอ้องค์เดียว ฯ
 +
 
 +
๏ สวนในเลี้ยวสวนนอก  ใช่แต่พร้าวม่วงดอก
 +
อื่นไม่คร้านกล่าว บารนี ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ ดลบางนางลิให้  อาวรณ์
 +
ยินว่านางฉุนสมร  อีกซ้ำ
 +
เร่งเลื่อนเคลื่อนนิกร  เลยล่วง
 +
ดิบฤดีรสกลํ้า  เนตรนํ้ากลอกกลืน ฯ
 +
 
 +
๏ บางจากเล่าจากสิ้น  เชิงสวน
 +
เราว่าเจ็บจากควร  ฤพร้อง
 +
ยลจากร้อนรัญจวน  จากเจ็บ จากนา
 +
ชังจากเพราะจากน้อง  ฤพ้องจากแล ฯ
 +
 
 +
๏ จรดลคลองหนึ่งน้อย  นามเกิน
 +
นํ้าขุ่นขาดแค่นเขิน  ขอดค้าง
 +
เป็นท่าคชาเดิน  ข้ามแต่ ก่อนนา
 +
เขาจึงเรียกบางช้าง  ชื่อช้างเดินคลอง ฯ
 +
 
 +
๏ บางแคแคดกล้วน  ดอกดาษ ดื่นนา
 +
คราวกับปาริชาต  ออกพร้อม
 +
อสุรานึกพยาบาท  อมเรศ
 +
ดังพม่าคิดล้อม  อยุธเยศอย่างกัน ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ บนานพลันล่วงแคว้น ลุสวนแดนต่อด้าว แม่กลองเข้าราชบุรี หย่อมบ้านที่ไร่นา หย่อมบ้านป่าบ้านทุ่ง เนาบางกุ้งมีศาล ถิ่นสถานอารักษ์ จีนสำนักนับถือ เขาเลื่องลือศักดิ์สิทธิ์ ที่สถิตสนุก ใหญ่กว่าทุกตำบล แผ่กุศลส่วนให้ ปัทวภัยอย่ามี ฯ
 +
</tpoem>
 +
(ต่อไปนี้ต้นฉบับขาดอ่านไม่ได้ความ )
 +
 
 +
=== ตั้งค่ายหลวงที่ราชบุรี ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ โหรบำบวงฤกษ์ไท้  เทวา
 +
สงฆ์ประจำโยธา  ทั่วข้าย
 +
โปรยปรายรอบปีกกา  เคร่าฤกษ์ คอยเอย
 +
ยํ่าแล้วเจ็ดบาทได้  ฤกษ์ลั่นฆ้องชัย ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ ทวยพลไกรโห่ฮึก เสียงก้องกึกดุริยางค์ แผ้วนภางค์หมดหมอก เดินรอกกว้านยกเสา ทุกหมู่เหล่าหน้าที่ นายด้านมี่เร่งกัน กะทู้หมั่นผูกรา ยกค่ายตาตั้งพิง ตะปูยิงชะเนารัด ปลายค่ายขัดแตะใส่ สนามเพลาะให้เร่งขุด ยกหอยุทธ์ทุกป้อม รั้วขวากล้อมเร่งทำ ลวงไม้ลำช่องปีน เพิงด่านดื่นมุงแฝก ห้าวาแทรกร้านรบ โรงสินธพคชา ท้องพระโรงหน้าตำหนักใน ทั้งน้อยใหญ่ ...(ต้นฉบับขาด) ... จักประทับดำริการ โรงราชยานนาฬิกา โรงเครื่องคชาพาชี ฉางข้าวที่ไว้กิน ทุกประตูสิ้นโรงปืนใหญ่ ข้างละบอกใส่ทรง ปีกกาวงด้านป่า จรดค่ายหน้าค่ายหลัง ปีกซ้ายกระทั่งปีกขวา ถัดค่ายหน้าเกียกกาย ต่อหลังค่ายยุกกระบัตร ทำป้อมหัดทนายปืน ปราบให้รื่นกันต่อ ด้านสำรอจวบคํ่า โหรว่ายํ่ารุ่งลํ้า สนามคํ่าจันทวาร ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ ขอเชิญเสด็จสู่ขึ้น  ค่ายหลวง
 +
ฤกษ์นครโดยกระทรวง  เลิศหล้า
 +
อย่ามีสิ้นทั้งปวง  ถอยกำ ลังนา
 +
บ่ายพักตร์ต่ออิสานอ้า  สวัสดิ์แท้เจริญชัย ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ ธ จึงตรัสสั่งให้หามา (ต้นฉบับขาด) พระยาพระหลวงขุนหมื่น ในกลางคืนพร้อมพรั่ง ทั้งผู้รั้งกรมการ (ต้นฉบับขาด) ทั้งกองขันเขมรดง พระมณเฑียรณรงค์หลากลาว กองพุงขาวพุงดำ (ต้นฉบับขาด) แกว่นทางด่านทางลาด พร้อมธุลีบาทแออัด ดำริจัดเป็นกอง กรมทวนทองพระอนุรักษ์ ธ ให้ชักพระเมืองบรรจบ ห้าร้อยครบไว้ค่ายหน้า รักษาปีกกาต่อกัน ปีกซ้ายนั้นหลวงนเรนทร์ ชาติสังหาร (ต้นฉบับขาด) พระองค์เจ้ากำกับ บรรจบสลับดั้งทอง พัตเบิดกองมอญใหม่ รามัญไทยสี่ร้อยทัด ค่ายหนึ่งจัดแผ่ปีกกา กองปีกขวา (ต้นฉบับขาด) พระองค์หนึ่งผูกกับช่วย รามัญด้วยสมทบ (ต้นฉบับขาด) ปีกกานี้ต่อกัน ค่ายหลังนั้นอาสาญี่ปุน ราชเดชขุนแทรกสลับ หม่อมเจ้ากำกับองค์หนึ่ง ไทยเขมรครึ่งกึ่งพัน ปีกกามั่นรักษาด้วย มีการช่วยทั้งสี่ค่าย กองเกียกกายพระองค์เจ้า พระมณเฑียรลาวเอามา ตำรวจวังหน้าไว้ด้วย พระยาบริรักษ์ช่วยตริการ เคยช่านาญคนเก่า เจ้ายังเยาว์ศึกทำ ไทยลาวประจำค่ายนี้ สิริบาญชีหกร้อยทัด กองยุกกระบัตรสั่งให้ พระยาอภัยรณฤทธิ์ บัญชาสิทธี้ผู้เดียว มหาดไทยเกี่ยวกองหนึ่ง หัวเมืองครึ่งคนใน กองช่างไว้กองนั้น คน (ต้นฉบับขาด) ร้อยคน ข้าวปลาขนรวบประมวล สิริการถ้วนเบ็ดเสร็จ กระบวนเสด็จ (ต้นฉบับขาด)  เสด็จโดยกระทรวงรักษา ชั้นนอกด้านหน้าไทย ที่ด้านในสามร้อยคน ด้านหลังพลเท่ากัน แสงพลพันแม่นปืนชำนาญ แปสองด้านไว้หมู่ใหญ่ กระลาโหมใส่วังหลวงหน้า วงโยธาด้านถึงพัน ชั้นกลางนั้นข้าในกรม สี่หมวดสมฝีพาย กองนอกค่ายบรรจบ ตำรวจทบเข้าช่วย เลขนครด้วยสองหมู่ เจ้ากรมอยู่ด้านหน้า ปลัดกรมรักษาด้านหลัง ด้านขวาทั้งศรวิชัย ด้านซ้ายไว้จ่าเนติ สองร้อยเศษเสมอกัน สี่หมวดพันหนึ่งทัด ชั้นในจัดสี่เวร มหาดเล็กเกณฑ์เป็นด้าน กองอาจารย์คนธุช แม่นปืนยุทธการนั้น (ต้นฉบับขาด) แบ่งการสลับเท่ากัน ด้านละร้อยปันเสร็จแล้ว สิริพลแกล้วค่ายหลวง สามพันตวงไพร่นาย ทั้งเจ็ดค่ายปีกกา รักษาป่าทวารดง จารึกลงบาญชีไว้ ห้าพันไพร่นายแปดร้อย จัดทัพคอยเสริดสู้ศึก ทั้งไพร่นายหาญฮึก ชื่นหน้าเริงรมย์ ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ ยังพลเมืองเหลือไว้  เขมรทั้งลาวอีกไทยไซ้
 +
พันแปดร้อยคน ฯ
 +
 
 +
๏ จีนกองขนลำเลียงด้วย  สมุทรสงครามฉ้วย
 +
ไว้เท้อญอีกกอง ฯ
 +
 
 +
๏ เป็นคนสองร้อยนี้  บรรจบไว้ที่นี่ชี้
 +
สิริถ้วนสองทัพ ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ แม้พม่ายกพยุหะเร้า  เราไป
 +
สองพันจักมอบไว้  ที่นี้
 +
ให้อมรินทฤๅชัย  รักษา เมืองนา
 +
ส่งลำเลียง (ต้นฉบับขาด )
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ สั่งการเสร็จนิทรา จวนสุริยาโอภาส เรืองจำรัสดาษฝ้าฟ้า ดวงจันทราตํ่าตก เสียงสกุณผกร้างรัง ส่งเสียงสั่งถิ่นนอน ไก่ป่าจรขันเพรียก นํ้าค้างเปียกโปรยละออง ว่าวพัดต้องทวยพล เยือกเอสกนธในเถื่อน ดังจะเตือนให้ถวิลหวัง พออรุณหวังฤกษ์ใต้ เสด็จครรไลสู่ค่ายหลวง พร้อมทั้งปวงข้าบาท ชาวมหาดตำรวจ นายกองหมวดทุกทัพ แน่นคอยรับถวายชัย เสด็จโดยทวารอิศวรไซ้ สถิตที่พระโรงคัล ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ สงฆ์ถวายปริตให้  วัฒนา
 +
โสตสองมังคลา  ดิเรกหล้า
 +
ยอดไม้รองบาทา  ทรงเหยียบ
 +
(ต้นฉบับขาด)
 +
 
 +
๏ แล้วทรงอังคาสไท้  ทั่วสงฆ์
 +
ถวายไทยถ้วนทุกองค์  ตามไต้
 +
อุทิศธาราปลง  ตั้งสัตย์
 +
เขาประทุษฐ์ก่อนจึ่งไซ้  จึ่งไต้ตอบสนอง ฯ
 +
 
 +
๏ เสร็จการตั้งค่ายหมั้น  ทัพชัย
 +
ชัยภูมิโอบนํ้าไหล  ตำรับรู้
 +
ตั้งหน้านาคนามไกร  เรืองเดช
 +
ไพรีต่อจักสู้  ให้ย่อยชัยปรา ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ จึงไตร่ตรากิจการ ถ่ายอาหารรวมไว้ เร่งสีใส่ฉางยุ้ง เก็บเรือยุ่งจัดเกวียน ไตร่ทางเตียนฤๅรก เขาว่าบกชัฏนัก ธ สั่งจักให้ไป ปลัดกรมในทวนทอง ไพร่หลวงสองร้อยถ้วน รีบด่วนโดยทำทาง กระทั่งถึงฉางกาญจน์บุรี กองทาง (ต้นฉบับขาด) เร่งบรรลุเรือเกณฑ์สรรพ แล้วจัดทัพคุมลำเลียง บกเรือเยี่ยงอย่างกัน กองลำเลียงผันเสร็จแล้ว โสมนัสฤทัยแผ้ว นักโอ้ทรวงวาย ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ บ่ายลมชายทุกวัน  นายไพร่ประชุมกัน
 +
พร้อมหน้าค่ายหลวง ฯ
 +
 
 +
๏ ตั้งค่ายลองฝึกช้าง  หัดช้างม้าทวนสล้าง
 +
ดาบง่าเขนดำ ฯ
 +
 
 +
๏ ซ้ำนายลำแม่นธนู  จัดกันเดินเป็นคู่
 +
เก่งเกาทัณฑ์แผลง ฯ
 +
 
 +
๏ ซ้ำนายแสงปืนแม่น  จัดทนายปืนแล่น
 +
ต่างเปลี่ยนยิงคำ ฯ
 +
 
 +
๏ ซ้ำนายหน้าทนายหอก  หอกแต่ล้วนเหลาหอก
 +
(ต้นฉบับขาด)
 +
 
 +
๏ ซ้ำนายแสดงนายง้าว  (ต้นฉบับขาด)
 +
ง่าง้าวฟันฟอน ฯ
 +
 
 +
๏ ซ้ำทนายมอญดาบตั้ง  ตั้งต่อตั้ง (ต้นฉบับขาด)
 +
(ต้นฉบับขาด)
 +
 
 +
๏ ซ้ำนาย (ต้นฉบับขาด)  โล่ต่อโล่ (ต้นฉบับขาด)
 +
(ต้นฉบับขาด)
 +
 
 +
๏ ซ้ำนายขยันทองปราย  ทำโยนย่างเยื้องกราย
 +
ยิงแม่นปืนดัง (ต้นฉบับขาด)
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ บนานมีโรคร้าย  รันทำ
 +
เออผิทำเทพทำ  ใดเหล้า
 +
พลทหารเหนื่อยใจจำ  การอ่อน มือนา
 +
หน้าเผือดเลือดซีดเศร้า  ทุกทั่วตัวคน ฯ
 +
 
 +
๏ ข่าวกรุงว่าโรครื้อ  กลับเป็น 
 +
โอ้เนื้อเข็ญกลับเข็ญ  ยิ่งแท้
 +
ปานนื้แม่จักเย็น  ทรวงเยือก แลฤๅ
 +
ดังใครแหวะอุระแล้  เจ็บเย้าคะนึงหลง ฯ
 +
 
 +
๏ แต่บำราศนุชน้อง  จอมสมร
 +
ตั้งแต่จากนคร  มาแม้
 +
ราตรินทิวากร  เสื่อมโศก เลยนา
 +
นับวันยิ่งเดือนแล้  ใคร่ได้คืนเมือ ฯ
 +
 
 +
๏ เวรุใดห่างเนื้อแนบ  เอกดล
 +
สุดที่ทนจำทน  เร่าร้อน
 +
งานศึกหน่ายใจจน  เทวษโอ่
 +
ยามผทมซ่อนทรวงข้อน  ฤให้ใครเห็น ฯ
 +
 
 +
๏ ถวิลถึงภคินิศไหม้  เว้นวัน นะแม่
 +
ทั้งพระน้องนายประกัน  อิกด้วย
 +
ขวัญน้อยเจิมใจจรร  โลงสวาท
 +
พรํ่าแต่แผ่กุศลฉ้วย  โรคร้ายอย่ากราย ฯ
 +
 
 +
๏ คิดจะให้รับเสด็จน้อง  โดยเมือ
 +
โรค ณ กองทัพเหลือ  ฤเว้น
 +
ยินข่าวโรคกรุงเจือ  หวั่นจิต เจ้านา
 +
สิ่งสนุกฤๅห่อนเหล้น  ก่อเกื้อแต่บุญ ฯ
 +
 
 +
๏ ยกกลดเก้าชั้นกั้น  ยอดปรางค์
 +
สิ่ทิศกับทั้งกลาง  เป็นห้า
 +
โกไสยแพรหนาบาง  ต่างสลับ
 +
ทรงมหาธาตุถ้วนหน้า  นายไพร่ตามมี ฯ
 +
 
 +
๏ แล้วตัดปฏากรูป  กุมภิล
 +
ป้กยอดไหมม่วงจิน  ตาดด้วย
 +
ลมพัดโบยโผผิน  ยันยับ
 +
ตามอากาศประทีปฉ้วย  สว่างฉ้วยแสงจันทร์ ฯ
 +
 
 +
๏ ทำฉัตรราชวัตรปัก  บูชา
 +
ลายชะลอมไขว่ตา  ตามได้
 +
ถางแผ้วญ่าแฝกคา  รานรก
 +
พอเป็นกุศลให้  ขจัดโรครันทำ ฯ
 +
 
 +
๏ ก่อทั้งอุเทศทราย  เจดีย์
 +
ลางใส่แพหยวกขจี  พอได้
 +
มาเลศเก็บตามมี  มาประดับ
 +
ต่างฉัตรธงแซมไว้  ทั่วไพร่นายทำ ฯ
 +
 
 +
๏ พลบคํ่าจวบรุ่งแส้  ทุกกอง
 +
จำเริญปริตเนืองนอง  ทั่วค่าย
 +
โดยวจีใจปอง  ซ้องสวด
 +
วาจุคตะจำด้าย  ฤได้หลงละเลิง ฯ
 +
 
 +
๏ เช้าเช้าใส่บาตรทั่ว  ทุกคน
 +
โดยกันดารตามจน  แค่นช้อน
 +
บ้างแต่กับช้อนปน  ส้มเข้า ใส่นา
 +
ลางทีขัดเร่ร้อน  เสียดแซ้หาทำ ฯ
 +
 
 +
๏ แล้วมีคาถาเวศ-  ยันดร
 +
สามกัณฑ์ถวายจีวร  ย่ามด้วย
 +
เงินติดทั่วนิกร  ทั้งทัพ
 +
บ้างเก็บมาเลศฉ้วย  กันร้อยลำชาย ฯ
 +
 
 +
๏ ชาวมหาดสรรดอกไม้  หลายพรรณ
 +
ทำต่างหากประจำกัณฑ์  พุ่มด้วย
 +
ทรวดทรงบ่เป็นอัน  ห่อนดู ได้เฮย
 +
เอาแต่ไส้ยอดกล้วย  แกะแทนมะลอกอ ฯ
 +
 
 +
๏ แล้วนิมนต์สงฆ์ให้  สวดมนต์
 +
ตั้งนํ้าแจกมงคล  วงด้าย
 +
ปรนนิบัติพระตามจน  ถวายผ้า ย่ามนา
 +
มีหนังมีน่าค่าย  เฉลิมอุเทศเจดีย์ฯ
 +
</tpoem>
 +
=== จากราชบุรีถึงนครชุม ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ แล้วคลาคลี่นิกร แทบสิงขรเขางู พากันกรูปีนป่า ทั้งไพร่นายเหื่อไหล ด้วยบันไดเต็มชัน แต่หมายหมั่นศรัทธา ตั้งหน้าสู่ยอดเขา แวะเก็บเอาดอกไม้ มีธงไปให้ตัดคัน แทบวลัญชบทบาท เอี่ยมสะอาดจำลอง ไพหารอ่องโอ่อ่า ยอดบรรพตาลาดรื่น ลมพัดชื่นเย็นใจ มีอุทกใสเปี่ยมอ่างแก้ว กินอาบแล้วหยุดอยู่พัก พอพร้อมพรักเนาวิหาร ชุลีการบทบาท แล้วดาดาษเข้าป่า สิ้นเวลามาค่าย รุ่งขึ้นบ่ายลมตก ชวนกันยกไปเขา สัตนารถเนาวิหาร นมัสการพระประทม ป้กธงลมอุทิศถวาย ห้อยเรียวปลายจระเข้ ต้องลมเร่ปลิวสะบัด ดูโสมนัสน่าศรัทธา แล้วลงมาจากบรรพต เที่ยวเลี้ยวลดในพนม บรรทับร่มพฤกษา ฟังสกุณาเขาขันคู เห็นจับคู่เสียวสมร คลี่นิกรคืนทัพ ร้อนอุรับเพียงพัง ริมทางสะพรั่งอาวาส ดูอนาถชำรุด รูปพระพุทธปฏิมา เปล่าหลังคาตากแดดฝน เร่งร้อนรนฤทัย จึงสั่งให้ข่วยกันระดม ปลูกเป็นร่มจากแฝกมุง พร้อมใจผดุงศรัทธา สามทิวาทำเสร็จ จักเสด็จสาลวัน ที่บัลลังก์อาสน์ศิลา บรมศาสดานิพพาน สวนอุทยานมลราช ที่ประพาสนอกบุรี นามธานีกุสินาราย ให้บาดหมายกำหนด อัสดรคชทวยพล จัดเป็นพหลพยุหทัพ ปีนนกสับตาวหอกทวน พร้อมตามกระบวนหน้าหลัง ปีกซ้ายทังกองขวา อิกกองหน้าปเดนนำ พอฆ้องยํ่าล่วงสามยาม ยกพลข้ามดำเนินก่อน ทำที่ร้อนรับแรมดง พอสุริยงเรื่อแสง อรุณแจ้งเวหาส เสด็จลีลาศขึ้นเกยทรง คชอนงค์เทียมลม ดูงามสมกูบสีทอง พลเนกนองอัญชุลิต หน้าหลังพิศสุดสายตา แต่ระอากระมลใน ปิ้มห่อนไปเยือกยะเยียบ เพราะพระประเทียบมิได้โดย สุชลโปรยปริ่มกลืน แหงนพักตร์ฝืนฤๅหาย หักใจหมายกุศล ฆ้องกำหนดพลให้คลี่ พาชีสี่สวนทางเดิน อิกสองเหินม้านำริ้ว ธงศึกปลิวคู่ทัด งามขุนอัศวหกนาย ใส่เสิ้อรายดอกทอง ขลิบครุยกรองโพกต่างสี ท้ายอานมีซองหอกซัด หนังข้างขัดดาบสอง หน้าอานซองปืนสั้น แล่งเกาทัณฑ์ธนู เสียดซองคู่แพนยูง ดูดุจจูงใจแกล้ว ถัดสองแถวถนัดปืน ล้วนทหารหื่นใจรบ ปลายปืนครบหอกปลาย มีหมวดนายสิบคุม นายร้อยชุมสิบหมวด หมวกเสิ้ออวดสีฉาด แดงสักหลาดขลิบโหมด ไถ้กระสุนโดดเขนงดิน คาดเอวสิ้นทั่วกัน เต้าชนวนนั้นแขวนคอ พิศพึงพอจะกลัวใคร วางปืนในแถวสาร พังขุนด่านขี่นำ แล้วพลายคํ้าปืนกลาง ที่สามช้างกลองแขก ที่สี่แทรกดั้งปืน ช้างหกครืนฆ้องกลอง ที่เจ็ดต้องแทรกดั้ง ช้างแปดทั้งปี่ตะโพน เปิงตีโยนขึ้นด้วย สองหลังช่วยจึงครบวง ดั้งพลายยงที่ก้าว มีขุนน้าวปีนกลาง ที่สิบวางพลายธนู ผูกเขนดูห้าวเหินเห็จ ที่สิบเอ็ดวางพลายคำ ขุนปีนประจำแทรกดั้งอีก พลายเพชรหลีกที่สิบสอง ผูกเขนรองอาวุธสรรพ พลายโจมทัพผูกดั้งใน ที่สิบสามใส่ขุนปืนแม่น โดยกำลังแล่นยิงบคลาศ คอยอริราชมุ่งประหาร สิบสี่สารจุมจอม ลักขณะพร้อมดูลออ ควาญละคอผูกพนาด ส่าหรับอาสน์เสด็จทรง ต่อณรงค์สง่าดี อิกกรินีกินนรรำ ผูกวอประจำที่นั่งโถง หลังเสือกโคลงฤๅเป็น ทรงประพาสเล่นลมตก ป่าหนามรกหลีกลอด บัดย่างทอดเร็วเบา สิริเข้ากระบวนหน้า เป็นสิบห้าทั้งพลายพัง หมอควาญดั้งปืนกลาง ล้วนเสื้อตางสอดสี ดั้งหน้ามีพร้าดาบ แม้นทุ่งราบป่าเตียน ดงไม้เกรียนระหง ควาญกะแชงลงหมอไส ปะป่าไผ่หนามชัฏ หยุดพร้าตัดดาบฟัน จึงให้ผันผกผาย ไม้เอนชายให้หลีกลัด กำหนดถนัดกันทุกช้าง อิกตำรวจวางต่อแถวปืน แล้วล้วนพื้นทนายหอก สองแถวนอกริมมรคา อิกอาสาขุนตำรวจนาย ดาบตะพายทุกตัวงาม แต่งสงครามอ่าอวด เสื้อสีรวดดังนัด รัตคดรัดทะมัดทะแมง ต่อถึงแวงรักษาราช ประจำบาทช้างที่นั่ง สี่ผ่รั่งถือทองปราย หมอที่นั่งนายภักดีกรรม์ ควาญนั้นสรรเอามหาด เคยธุลีบาทใช้ชิด เชิญพระย่ามติดคอยสั่ง เดินหลังผ่รั่งสองนายทาง ห่อนให้ห่างคอยที ตำบลชี้ทูลถวาย แล้วหมู่นายชาวมหาด ครบเครื่องดาษทุกงาน อิกนายหาญกำนันเชิญ หอกสั้นทวนทอง แสงง้าวรองหอกคู่ แสงปืนดูดาษตา แฝดสองหน้ามฤคี ต้นชุดมีชนวนปลาย ทั้งคอลายลำแดง ครบตำแหน่งแน่นเยียดยัด ดูแออัดเนืองนอง แล้วที่นั่งรองช้างเครื่องสี แล้วผูกศรีสักหลาด สองข้างดาษแถวทวน ต่อกระบวนกับปืนหลั่ง เดินไล่หลังฤๅหมด กระบวนพระวงศ์จรดเนื่องกัน แม่นสำคัญหน่อระเด่น ไม่ว่าเล่นงามจริงเจียว กูบแดงเขียวเชิงชายทอง ล้วนจำลองแม้ประเทียบโดย พิศพลางโหยหวั่นพระนุช สุดใจสุดแสนคะนึง ต่อพระวงศ์ถึงกระบวนหลัง ดูสะพรั่งช้างขุนนาง อัดแน่นทางชิงคลอง แล้วถึงกองเกวียนลูกหาบ เสบียงขนาบเต็มแล้ แน่นอัดแอเนืองนอง เสียงโห่ร้องครืนครั่น หน้าจรดป่าดั้น ละเมาะไม้เรียงราย ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ กองหลวงออกทุ่งแคว้น  ท้ายเมือง
 +
ช้างบัดย่างทางเปลือง  เร็วลํ้า
 +
ลับเวียงเพียงเนตรเคือง  ลับเนตร กูเฮย
 +
ถวิลเวียงยลเวียงซ้ำ  ให้ช้ำใจตรอม ฯ
 +
 
 +
๏ เขาสนองตำบลหว้า  วัดตาล
 +
แต่โบราณมีตาล  มากไซร้
 +
พิศดูบ่เห็นตาล  หวั่นเทวษ
 +
โอ้แต่ตาลยังไว้  แต่ชื่อสูญพรรณ ฯ
 +
 
 +
๏ ลับถึงบ้านพญาไม้  หนึ่งมี
 +
อาวาสกับเจดีย์  เก่าร้าง
 +
ชายทุ่งมีโศกศรี  มหาโพธิ สองนา
 +
แต่โคกหนึ่งตายหว้าง  พิศหว้างโพธี้คะนึง ฯ
 +
 
 +
๏ แล้วดลบ้านโคกหม้อ  พื้นลาว
 +
นั่งอัดริมทางฉาว  เสียดซ้อง
 +
พิศเลือกแต่หญิงสาว  ห่อนเมิล ดูแฮ
 +
เคืองเนตรยิ่งถวิลน้อง  เร่งช้างเร็วเดิน ฯ
 +
 
 +
๏ จรดลบางคลีเร่ง  รัญจวน ใจนา
 +
กลิ่นสะพักตรลบหวน  ซาบส้าน
 +
คลี่บรรทับอุระครวญ  พระน้อง กูเอย
 +
นับแต่วันจากบ้าน  ท่วนแล้วเดีอนตรอม ฯ
 +
 
 +
๏ ท่าราบราบแต่ชื่อ  ป่าพง
 +
ไม่สบายคิดจะลง  เดินเหล้น
 +
แค้นใจด้วยที่ปลง  ช้างขัด
 +
เพราะว่าชัฏทางเร้น  สัตว์ร้ายเกรงมี ฯ
 +
 
 +
๏ บ้านกล้วยล้วนสวนกล้วย  ริมทาง
 +
สั่งให้ตัดราบวาง  ทอดทิ้ง
 +
ช้างระหวยกินพลาง  ต่างนํ้า
 +
ระหวยรักพี่อิกหยิ้ง  กว่าช้างระหวยแรง ฯ
 +
 
 +
๏ บางกระกระทุ่มคู่  เรียงรัน
 +
แต่ต้นหนึ่งโดดกระสัน  เด่นแท้
 +
เหมือนอกพี่จาบัลย์  เดินป่า มานา
 +
ไม่วายคะนึงถึงแล้  ทุกคํ่ายามผทม ฯ
 +
 
 +
๏ เขาชี้บ้านซ่องไห้  หมู่เปล่า เรือนนา
 +
ล้วนแต่คนใจเบา  หนีเร้น
 +
กลางวันกลัวนายเขา  ซุกป่า อยู่เอย
 +
หากินดูชี้เช่น  อย่างเยี่ยงกาโจน ฯ
 +
 
 +
๏ กับถึงเจ็ดเสมียนเรียก  เสมียนนาย
 +
จดตำบลไปถวาย  พระน้อง
 +
พรรณไม้หลากประหลาดหลาย  ต่างต่าง
 +
คราวเมื่อทรงกลอนต้อง  การได้เลือกทรง ฯ
 +
 
 +
๏ เนาบ้านหางโตนดล้วน  หมู่ตาล
 +
เรียงเรียบล้วนตาลตระการ  ขนัดไซร้
 +
เขาขึ้นนํ้าตาลหวาน  สดส่ง ถวายนา
 +
เสพบ่รู้รสไร้  กลั้วกลิ่นคะนึงกลิ่น ฯ
 +
 
 +
๏ มาถึงบางแขยงยิ่ง  ยอกทรวง พี่เอย
 +
มุ่งลัดตัดทางหลวง  ตกทุ่ง
 +
แดดเอยดั่งแกล้งตวง  ต้องแดด ตากฤๅ
 +
ร้อนจนตาพรายรุ้ง  ฤร้อนแรมไกล ฯ
 +
 
 +
๏ จวบจนวัดปราสาทให้  อาวรณ์
 +
เมื่อเรายังดลนคร  ไต่เต้า
 +
ยลปราสาทสโมสร  เมิลถึง วังแฮ
 +
ยินแต่นามปราสาทเร้า  เปล่าฤๅดลวัง ฯ
 +
 
 +
๏ วัดใหม่ใครสร้างไว้  โมทนา
 +
เราก็พลอยปรีดา  ปยุตด้วย
 +
เดชะโสมนัสสา  รประโยชน์
 +
ขอกุศลจงฉ้วย  สู่น้องเร็ววัน ฯ
 +
 
 +
๏ โพธารามทางดื่น  ดาษดง กระถินนา
 +
เหลืองดั่งกาสาสงฆ์  คลุ่มไว้
 +
ร้อยกลิ่นฟุ้งตลบลง  ถวิลน้อง กูแฮ
 +
แม้พาโดยด้วยได้  จักแวะเก็บเพลิน ฯ
 +
 
 +
๏ บางเลาเหล่าบ้านเนื่อง  รามัญ
 +
หญิงชายสามิภักดิ์ครัน  ท่วนหน้า
 +
ตักนํ้าหมากพลูพัน  บุหรี่ ไฟนา
 +
ตั้งไวํริมทางท่า  แจกเจ้าหารพล ฯ
 +
 
 +
๏ ถับถึงนครชุมโอ้  บ่ายครัน
 +
ปลงช้างแรมพลขันธ์  หยุดยั้ง
 +
เคร่าหาบหน่วงห่อนทัน  ถึงหย่อย กันเอย
 +
หนักหาบได้หยุดหมั้ง  หนักร้างเราแรง ฯ
 +
 
 +
๏ พลับพลาใต้ร่มไม้  มะเดื่องาม
 +
ผลดกแดงสุกทราม  เล่ห์ย้อม
 +
ภายในหนอนบ่อนตาม  ไส้ช้ำ อกเอย
 +
เหมือนพี่โดยพยุหพร้อม  แซ่งชื่นทรวงกรม ฯ
 +
 
 +
๏ ทวยหาญตัดเรียวไม้  หนามมา
 +
ชักปืนเป็นรั้วรักษา  สี่ด้าน
 +
หนามเอยหนามหนั่นหนา  ถึงจะเหน็บ กูฤๅ
 +
กูฤเจ็บหนามคร้าน  เท่าร้างมาเดียว ฯ
 +
 
 +
๏ ปลูกทับนอกในรั้ว  ล้อมวง
 +
ช้างเกวียนทุกฟืนปลง  ทุ่มทิ้ง
 +
พอสิ้นแสงสุริยง  กองเพลิง รอบนา
 +
เพลิงร้อนร้อยกองยิ่ง  เท่าร้อนทรวงเรียม ฯ
 +
 
 +
๏ ฆ้องใหญ่เตือนตีทุ่ม  นาฬิกา
 +
ฆ้องโหม่งทุกกองดา  แซ่ซ้อง
 +
ฆ้องกระแตเกราะหนา  ตีรับ กันแฮ
 +
โอ้เร่งเจ็บจากน้อง  ยิ่งฆ้องโกร่งตี ฯ
 +
 
 +
๏ ถึงยามประโคมครื้น  สนั่นดง
 +
ทอดองค์บรรทมลง  ใคร่ร้อง
 +
กรก่ายนลาตทรง  แสนเทวษ นักนา
 +
แมนเทพช่วยสมน้อง  บ้างเท้อญนานตาย ฯ
 +
</tpoem>
 +
=== จากนครชุมถึงลูกแก ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ คิดจะย้ายเดินพล ต่อรุ่งจนจวบแดด เกรงร้อนแผดโยธี ในราตรีไสยาสน์ ทุรนหวาดบหลับ เนตรพรับเคลิ้มเห็นองค์ พระสุนงค์ผวาตื่น สมประดีฟื้นใช่วัง ผุดลุกนั่งทรวงกรม นํ้าค้างพรมฤๅเย็น แสร้งเสเล่นเจรจา จนนาฬิกาเจ็ดทุ่ม พอวายคลุ้มฤทัย จึงสั่งให้ยิ่งปืน สัญญาฟื้นตื่นพล ช้างม้ารณมาผูก เหล่าลูกหาบให้เดินพลาง พอเดือนสว่างแผ้วฟ้า คลี่นิกรช้างม้า จากประทับแรมไป ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ โดยแสงเตือนแจ่มฟ้า  บปาน
 +
พักตร์น้องกระมลบาน  ส่องสู้
 +
ดาเรศจรัสไพศาล  นามน้อง กูฤๅ
 +
โอ้บาปใดไร้คู่  ราศร้างเดินไพร ฯ
 +
 
 +
๏ ท่ายางออกทวารสิน  ด่านเมือง
 +
ราชบุรีระยะเปลือง  พันแล้ว
 +
ไผ่ชัฏรกทางเคือง  กลัดทรวง พี่นา
 +
เข้าอำเภอสุพรรณแคล้ว  หลักร้อยกรุยทาง ฯ
 +
 
 +
๏ เดินผิดทางดั้นป่า  บุกไป
 +
เห็นแต่ไกลโน่นไฟ  เร่งช้าง
 +
ใกล้ฤๅเห็นผิดใจ  ฉงนอยู่
 +
กลับเห็นไฟหลังข้าง  นี่แท้โขมดลวง ฯ
 +
 
 +
๏ ตีสิบเอ็ดจึงตัดได้  รอยทาง
 +
ตรงที่กรุยระยะวาง  หลักร้อย
 +
เร่งถวิลพระน้องนาง  แรงเทวษ
 +
กระซิกไห้โหยละห้อย  ห่อนให้ใครยิน ฯ
 +
 
 +
๏ เขาสนองดำบลนี้  บางพัง
 +
คูเนินเชิงเทินยัง  บอกชี้
 +
กุสินารายหวัง  แต่ก่อน
 +
นับฤๅกี่ร้อยกี้  กลับหล้าเป็นไพร ฯ
 +
 
 +
๏ ยินนามบางพังเร่ง  หนักทรวง พี่นา
 +
แรงกระหายทับทรวง  อิกเหล้า
 +
แม้นช้าจะพังทรวง  เหมือนบาง พังเอย
 +
เร็วได้กลับสู่เหย้า  รอดแล้วทรวงพัง ฯ
 +
 
 +
๏ ประกายพรึกพ้นเรื่อฟ้า  นภางค์
 +
แสงหิรัญสางสาง  ผาดแผ้ว
 +
ลับเดือนดาเรศจาง  สิ้นแสง ส่องนา
 +
เหมือนพี่บำราศแก้ว  จากน้องลับองค์ ฯ
 +
 
 +
๏ สกุณเพรียกดงร่อนร้อง  ตื่นตา
 +
เสนาะเสียงโกกิลา  เยือกเย้า
 +
ประหนี่งเดือนเหมือนเวลา  สถิตวัง กูแฮ
 +
เคยฟังเสียงดุเหว่าเร้า  ปลุกน้องชวนฟัง ฯ
 +
 
 +
๏ ไก่เถื่อนขันเสียงก้อง  ปรบปรือ
 +
จากรังแม่ไก่กระพือ  ตามเคล้า
 +
คราวไร้ดูไก่ฤๅ  ดีกว่า อิกนา
 +
โดยประพาสดงเด้า  อนาถโอ้แดเดียว ฯ
 +
 
 +
๏ กระทาเสียงจ่อจ้า  ในพง
 +
อยู่เป็นถิ่นจังหวัดวง  ปักก้อ
 +
ตัวใดลํ้าเเดนตรง  หวงถิ่น นักนา
 +
จึงมักเสียกลล่อ  ข่ายแพ้วดักลวง ฯ
 +
 
 +
๏ พอสว่างเห็นทั่วหน้า  ทวยพล
 +
ถับถึงลูเเกดล  หยุดยั้ง
 +
พักพวกพลาคน  ช้างม้า
 +
ที่พลับพลาร้อนตั้ง  หาดถ้าลูแก ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ หาดสุดแลสนุกลํ้า เร่งใจช้ำแรงถวิล แม้นยุพินเสด็จมา จักหรรษาสำราญ สรงชลธารเย็นสะอาด นี้บำราศนฤมล มิได้ดลเสร็จด้วย ทอดองค์ระหวยโหยแรง เช้าจนแสงสายแดด รอนร้อนแผดอบอาย กำหนดบ่ายลมตก จักยกเดินจัตุรงค์ สู่หาดสรงซ่อนตรอม จอมเจ้าพร้อมข้าบาท อิกมหาดตำรวจ พวกสี่หมวดล้อมวง ชวนกันลงเล่นน้ำ ว่ายผุดดำปรีดา บ้างค้นหาลูกกรวด จัดเป็นหมวดเหลืองแดง ม่วงหม่นแสงแมลงทับ บ้างโยนรับหยอกกัน ลางทำมั่นพูนทราย สนามเพลาะบ่ายหน้าสู่ ทุ่มกรวดพรูต่างปืน ตระไคร้นํ้าดื่นหักมา ต่างคทาโตมร บ้างเข้าซ่อนกอแฝง แล้วสำแดงดังพยัคฆ์ เล่นฮึกฮักฮาเฮ บ้างทำจระเข้หมอแทง ลางลองแรงปลํ้ากัน จึงจัดสรรคู่กระบี่ ทั้งตะบองตีดาบชะเลย ล้วนทหารเคยหอกแทง ต่างสำแดงศิลปศาสตร์ ดูโอ่อาตม์ทุกตน พลต่อพลชุลมุน ขุนต่อขุนเริงรื่น หมื่นต่อหมื่นองอาจ มหาดต่อมหาดอ้าอวด ตำรวจต่อตำรวจปะทะ พระต่อพระถ้วนหน้า พระยาต่อพระยารุ่นราว จ้าวต่อจ้าวทำที เยื้องท่ากระบี่ทรงลอง แต่พี่หมองแสนเทวษ พิศห่อนเพลินเต็มเนตร ฤๅสนุกหนึ่งเลย ฯ
 +
</tpoem>
 +
=== จากลูกแกถึงพระแท่นดงรัง ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ จากหาดสรงเสร็จแล้ว  กรีพล
 +
จากลูแกจรดล  ดัดดั้น
 +
ลัดป่าขุยแฝกปน  รกนัก ทางนา
 +
ลางสลับไม้ขั้น  ชัฏแท้เต็มเดิน ฯ
 +
 
 +
๏ ดำเนินพลตกท้ง  มีหนอง
 +
นามหนองปลอกบึงสอง  มีนํ้า
 +
นํ้าขุ่นขอดเต็มกรอง  สุดกลั้ว กลืนนา
 +
กระหายนํ้าพบขุ่นนํ้า  เช่นนํ้าใจตรอม ฯ
 +
 
 +
๏ เขาสนองว่าบึงหน้า  ยังมี
 +
ชวนกันรีบเต็มที  อยากนํ้า
 +
หนองมะตูมกว้างรี  นํ้าใส เปี่ยมนา
 +
พากันอาบกินกลํ้า  อิ่มแล้วพลันเมือ ฯ
 +
 
 +
๏ พ้นทุ่งเข้าดงร่ม  เย็นใจ
 +
หมู่กระถินพิมานไกว  กิ่งค้อม
 +
พิศกิ่งยิ่งไม้ใน  ใส่กระ ถางนา
 +
ลำต้นสมยอดพร้อม  อย่างเล่ห์ดัดทำ ฯ
 +
 
 +
๏ สุดตาสิ้นกระถินแล้ว  ดงตะโก
 +
เล็กโตล้วนตะโก  ทั้งสิ้น
 +
ดังแกล้งปลูกแต่ตะโก  อื่นไม่ มีนา
 +
พิศแต่ตะโกจนสิ้น  สุดสิ้นดงตะโก ฯ
 +
 
 +
๏ แล้วถึงดงเต็งล้วน  เต็งงาม
 +
ผลัดใบดอกออกทราม  กลิ่นฟุ้ง
 +
เต็งเอยน่าใคร่ถาม  ใครปลูก ไว้เฮย
 +
จึงแต่เต็งเต็มวุ้ง  แน่นล้วนหมู่เต็ง ฯ
 +
 
 +
๏ ถับถึงดงรังเล้า  แต่รัง
 +
ไม้อื่นบ่ปลอมรัง  เลยน้อย
 +
ยอดรังนั่นมีรัง  นกรัง นานแฮ
 +
พิศดูกิ่งรังห้อย  ยอดค้อมรังงาม ฯ
 +
 
 +
๏ แล้วอิกต้นพะยอมสิ้น  หมู่พะยอม
 +
ดกดอกพวงห้อยหอม  ดั่งร้อย
 +
เหมีอนอุบะแม่ถนอม  ฤช้ำ เลยนา
 +
ยามผทมแขวนสูตรห้อย  คิดเร่งถวิลวัง ฯ
 +
 
 +
๏ เขาแนะตำบลชี้  ดำหนักเย็น
 +
ล้วนแต่กาหลงเย็น  ร่มชื้อ
 +
จะประทับจวนเย็น  เสียดาย นักนา
 +
หอมดอกเย็นใจรื้อ  โหยละห้อยกลิ่นนวล ฯ
 +
 
 +
๏ เขาบอกจวนถึงแล้ว  รีบจร
 +
ตีพาทย์นำเร่งรอน  กลองยั้ง
 +
พลเดินสโมสร  โห่ฮึก สนั่นแฮ
 +
เหนื่อยจะได้หยุดหมั้ง  ตกท่งใจมา ฯ
 +
 
 +
๏ ห้าโมงพอล่วงเข้า  ประตูดง
 +
หลักปักจังหวัดวง  เขตแคว้น
 +
พะยอมรังเต็งยอดลง  สามสิ่ง สลับนา
 +
ง้อมกิ่งสู่พระแท่น  ทั่วสิ้นอัศจรรย์ ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ พอสุริยันไรไร กริเนศไคลแทบประทับ เกยตำแหน่งรับเสด็จมี ตำหนักที่แรมดง จึงเสด็จลงจากคช สั่งกำหนดพักพล ลานไพรสณฑ์สาลวัน เกณฑ์กันระวังพลับพลา ปักปวงป่าดาดาษ งามยศราชควรชม ถ้วนทุกกรมรักษา พรั่งหน้าเฝ้าอัญชุลิต โดยพระโรงที่สถิต แซ่ซ้องอเนกนาย ฯ
 +
</tpoem>
 +
=== นมัสการพระแท่นดงรัง ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ จึงภิปรายสั่งให้  แสวงเก็บพรรณดอกไม้
 +
ต่างต่างตามมี ฯ
 +
 
 +
๏ หมื่นขุนลีซอกเต้า  เหล่าบรู้กี่เหล่า
 +
เทียรย่อมมูลมอง ฯ
 +
 
 +
๏ พอเดือนส่องทั่วหล้า  ชวนกันพร้อมถ้วนหน้า
 +
สู่เบื้องวิหาร ฯ
 +
 
 +
๏ ธูปเทียนตระการดอกไม้  ถือทุกตนฤๅได้
 +
เว้นแต่สักคน ฯ
 +
 
 +
๏ โดยเสด็จดลพรั่งหน้า  แจ่มใสศรัทธากล้า
 +
จุดธูปเทียนถวาย ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ พระแท่นสรรเพชญ์สู่  นฤพาน
 +
เป็นที่เจดียฐาน  กราบเกล้า
 +
ทรงพระคุณพ้นประมาณ  ไว้ศาส- นาแฮ
 +
สงเคราะห์สัตว์ทั่วด้าว  ประโยชน์เที้ยรแทนองค์ ฯ
 +
 
 +
๏ ทั่วหน้าโหยละห้อยไห้  ทุกคน
 +
ต่างว่าน้อยใจตน  บุญน้อย
 +
เกิดฤๅทันทศพล  ครองชีพ อยู่นา
 +
ยังแต่แท่นเศร้าสร้อย  เปล่าโอ้อาดูร ฯ
 +
 
 +
๏ อันภพฤๅเที่ยงล้วน  อนิจจัง
 +
จงประกอบแต่บุญหวัง  ชอบแท้
 +
จักได้เป็นเสบียงหลัง  ยิ่งปโยค
 +
กว่าเสร็จศิวโมกข์แล้  ประมาทรื้อวันตาย ฯ
 +
 
 +
๏ แต่องค์สรรเพชญ์เลิศ  นรชน
 +
ยังไป่ครองชีพทน  อยู่ได้
 +
มาเราเร่งขวายขวน  เถิดพ่อ
 +
ยากจะได้มาไหว้  โดยง่ายกันดาร ฯ
 +
 
 +
๏ พร้อมกันนายไพร่แส้  สวดมนต์
 +
ตั้งแต่พลจวบจน  กึ่งคํ่า
 +
แล้วชุลิตจักดล  ที่ทัพ อยู่นา
 +
ออกจากเวหารคลํ้า  โดยด้วยแสงเดือน ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ ดาราเกลื่อนฉุนสมร พ้องนามกรแรงคำนึง ถึงวรราชเทพี แม้นภคินีแม่มา จักหรรษาโสมนัส คิดข้องขัดจำจน ลานแทบสถลราบรื่น ทรายรายพื้นขาวลออ น่าพึงพอเจิมใจ ดอกรังไกวพวงย้อย รังเรียงห้อยทุกต้นดก ลมโชยผกกลื่นรำจวน ดังยียวนให้เมือวัง พิศช่อหวังแซมล้อม โน้มกึ่งน้อมเด็ดทัด ลางต้นอัดหล่นกลาด ดังแกล้งสาดปรายโปรย ชมพลางทางกรรโหย แทบทับพลับพลา บารนี ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ นอนเดียวอ้าอ้างว้าง  กอดเขนยครึมไห้ช้าง
 +
จากน้องจำไกล ฯ
 +
 
 +
๏ แรมไพรหอมเพยียเร้า  กลั้วกลิ่นกลกลิ่นเจ้า
 +
พี่เฮยโรยแรง ฯ
 +
 
 +
๏ เดือนส่องแสงต้องหน้า  จักจิ่มเจียนจวนบ้า
 +
ฤๅพรับเนตรได้หลับเลย ฯ
 +
 
 +
๏ เรไรเรยเพรียกแส้  เสนาะดังดุริยางค์แล้
 +
วิเวกระงมดง ฯ
 +
 
 +
๏ เสียงสกุณหลงมะเมอร้อง  ถนัดดังนุชชอื้อพร้อง
 +
เที้ยรเคลิ้มจักผทม ฯ
 +
 
 +
๏ กระมลกรมอรอ้า  ถนัดนุชคล้ายเห็นหน้า
 +
มุ่งหน้าฤๅเห็น ฯ
 +
 
 +
๏ ไยมาเป็นดั่งนี้  ใช่ว่าหลับดอกกี้
 +
จักว่าเพื่อนฝัน ฯ
 +
 
 +
๏ ยามใครนั่นอย่าช้า  วานช่วยสรวลแก้หน้า
 +
เล่นให้คลายใจ หนึ่งเทอญ ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ พอเขาเกริ่นปลุกเรียก สามยามเพรียกโกร่งเกราะ พยัคฆ์เดาะปีปเฮ่อ ตามอำเภอชายดง หวั่นใจปลงวังเวก หนาวเฉกแซ่หทัย เย็นเขาไม้นํ้าฟ้า สะพักผ้าแพรพรรณ รู้กี่ชั้นฤๅอุ่นเลย ดลวังเคยแนบน้อง ฤๅมาต้องแพ้วลม ฝืนผทมฤๅหลับ จึ่งปลุกกันทั้งทัพ สู่ที่ลานพระ เถิดรา ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ ศรัทธามาท่วนหน้า  กันหมด
 +
จุดธูปเทียนประณต  กราบเกล้า
 +
กล่าวคำเป็นมคธ  ซ้องสวด
 +
ไชยปริตรุ่งเร้า  เพรียกพร้อมเพราะจริง ฯ
 +
 
 +
๏ สวดอยู่จนเรื่อแสง  สุวรรณ
 +
ชวนกันคืนผายผัน  ทัพยั้ง
 +
แต่จิตคิดตริฝัน  สืบเบื้อง บุญนา
 +
ทำสิ่งใดใจตั้ง  ยิ่งด้วยกันดาร ฯ
 +
 
 +
๏ สงฆ์ประจำอาวาสถ้วน  สี่องค์
 +
อาคันตุกะอิกสงฆ์  หนึ่งห้า
 +
นิมนต่ให้ท่านลง  บิณฑบาต
 +
ศรัทธาใส่ถ้วนหน้า  ตามไร้กันดาร ฯ
 +
 
 +
๏ เช้าเพลจัดแต่งเครื่อง  อุทิศถวาย
 +
เที้ยรว่ายังมีพระกาย  อยู่นั้น
 +
สำรับทำลำชาย  จำเพาะ สงฆ์นา
 +
สิ่งบ่รู้กี่หั้น  มากแล้มูลมอง ฯ
 +
 
 +
๏ คลุมบรรทมยำมุจิสี  ดอกคำ
 +
คนสื่อข่าวพระนุชนำ  ไปให้
 +
ว่าพระน้องประจงทำ  ย้อมด้วย หัตถ์นา
 +
รํ่าสะพักอุหรับไว้  เที้ยรแทนอบองค์ ฯ
 +
 
 +
๏ แต่ได้ได้สะพักแทน  แอบองค์
 +
สองทิวามาในดง  ฤเว้น
 +
โสมนัสด้วยใจจง  เปลื้องอุทิศ ถวายนา
 +
ขออย่านานเส้นเหร้น  หน่วงเนิ่นสมสมร ฯ
 +
 
 +
๏ จึงคลี่ทรงพระแท่น  ดาษลง
 +
เที้ยรว่าลาดอาสน์ผจง  เสร็จแล้ว
 +
จิตสำคัญว่าองค์  ไสยาสน์
 +
เหนือบัลลังก์ก่องแก้ว  ร่มไม้เรียงรัง ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ แล้วสั่งให้แจงจัด ให้ทำฉัตรกาสา จัดของป่าหาทำ บ้างวิ่งคลำวุ่นวาย ทำฉัตรรายราชวัตร ไม้สานขัดตามจน ธงโบกบนกุมภีล์ ดอกไม้มีในดง ต่างบรรจงร้อยกรอง มากมูลมองแขวนห้อย ลางบ้างร้อยตาไข่ ป้กพุ่มใส่บายศรี แว่นไม่มีให้ทำ พอเพลาคํ่าจัดพร้อม กรีพลล้อมเวหาร ถวายนมัสการจุดเทียน เบิกแว่นเวียนสมโภช เสียงอุโฆษครื้นครั่น ฆ้องชัยลั่นโห่ร้อง ปีพาทย์ก้องกลองตี กลองแขกปี่มลายู ทั่วหน้าดูโสมนัส เวียนวงวัดโดยระบอบ ครบเก้ารอบดับเทียนชัย เสร็จแล้วไปเขาถวายเพลิง รีบบันเทิงพึงพอ ดังแกล้งก่อเป็นขั้น เชิงอัฒจันทร์ตรงลิ่ว สองข้างทิวล้วนแก้ว สองแถวดื่นดอกดก กลาดดาษตกใต้ต้น ดังหนึ่งคนแกล้งโปรย ส่งกลิ่นโชยเย็นใจ เดือนดังไถงแจ่มหล้า ดูศิลารุ่งเรือง ทอแสงบรรเทืองจับเนตร ผิดสังเกตเปลี่ยนแสง ลางลุกแดงดังเทียน ลางบรรสานเขียนสอดรุ้ง ลางโพลงพลุ่งแทงทึก ดูพิลึกอัศจรรย์ ยอดเขานั้นมีมรฑป ที่พระบรมศพศาสดา ไว้วลัญชาบทบาท จำลองอาสน์จำหลัก มีรูปจักรลักษณา รูปพรหมาอมรินทร์ กลองระฆังพิณมโหระทึก สระพันลึกเบญจปทุม มีบัลลังก์พุ่มปาริกฉัตร ครบทั้งอัษฎาวุธ รูปมงกุฎราชกกุธภัณฑ์ ป่าหิมวันต์พระเมรุมาศ เนินไกรลาสอิสินธร อิกสิงขรสัตตบริภัณฑ์ ยุคุนธรมหันตบรรพต มีรูปกลดเศวตฉัตร ทั้งรูปสัตว์นานา หมู่ป้กษาจัตุบาท รํ่าฤๅอาจจำได้ มงคลรูปร้อยแปดไสร้ กล่าวพอเฉลิมกรรณ ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ น้อมอภิวันท์ถ้วนหน้า  จุดธูปเทียนลาดผ้า
 +
กราบเกล้าเบญจางค์ ฯ
 +
 
 +
๏ มาลาวางถวายไว้  ต่างต่างพรรณดอกไม้
 +
มากแล้มูลมอง ฯ
 +
 
 +
๏ ชวนกันซ้องสวดมนต์  ทั่วหน้าฤๅเว้นคน
 +
พรั่งพร้อมไพร่นาย ฯ
 +
 
 +
๏ จนเดือนบ่ายแล้วกลับ  จักคืนสู่ที่ประทับ
 +
ลงจากเนินไศล ฯ
 +
 
 +
๏ ฤๅสวนไปทางเก่า  เลี้ยวลงทางหนึ่งเล่า
 +
โดยด้วยแสงจันทร์ ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ พักเขาสั้นหนึ่งมี ควรเป็นที่อาศัย ศาสนไทชิโนรส ประพฤติพรตพรหมจรรย์ จำเริญอรัญญิกาวาส อัพโภกาศรุกขมูล ดูอดูลยปรีดา จรรโลงศรัทธาให้เจริญ เลี้ยวลงเนินชั้นตํ่า มีสระนํ้าหนึ่งใส กุฏิสร้างไว้น้อยน้อย เรียงเรียบร้อยสองแถวทาง อัมพาสล้างร่มชื้อชิด ควรสถิตโยคาวจร เหี้ยมกระหายร้อนฤๅมี ชอบเป็นที่สมณธรรม ศรัทธานำใคร่บรรพชิต มาราชกิจติดพะวงหลัง อธิษฐานหวังเบื้องหน้า ขอจงข้าเป็นบุรุษ ผนวชในพุทธศาสน์เจ้า กว่าเสร็จเข้านฤพาน เดชะสัตย์นาน สำเร็จโดยประสงค์ ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ ลงจากเนินไศลแล้ว  ลัดมา
 +
ดงชัฏอัดพฤกษา  ชิดชื้อ
 +
โรยกลิ่นรสผกา  หลายหลาก
 +
เสนาะสำเนียงเรไรอื้อ  เพรียกพร้องระงมดง ฯ
 +
 
 +
๏ เถื่อนดึกวังเวกแท้  เยือกอก กูเอย
 +
ป่าฤๅรกใจรก  อิกเหล้า
 +
มานานดาลวิตก  ร้อนเสน่ห์ นักนา
 +
ไยจะได้กลับเหย้า  เร่งเศร้าแรงคะนึง ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ จรดลถึงดำหนัก ที่บรรทับพักแรมดง ทอดองค์ลงไสยาสน์ ชาวมหาดเทียมกำนัล อยู่งานคัลบาทบงสุ์ รักษาองค์ตามตำแหน่ง ยามจัดแจงกันไปตรวจ พวกสี่หมวดชั้นใน นอกแนวไม้ล้อมวง ชั้นชายดงปวงป่า ห่างสิบวาตั้งกอง เสียงสนั่นฆ้องเกราะโกร่ง ย่อมเพลิงโพลงเถือกทั่ว ภัยฤๅกลัวสิ่งใด กลัวแต่ใจรึงสวาท ร้อนบำราศจริงเจียว ด้วยมาเดียวแรมเถื่อน ร้อนสิ่งใดฤๅเหมือนร้อนรัก อกโอ้เราเป็น ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ เดือนคล้อยเข็ญใจเร้า  ผิว่าเดีอนยังรู้เศร้า
 +
อับแสงอัสดง ฯ
 +
 
 +
๏ ตาเป็นผงตากแห้ง  พรับฤๅหลับเนตรแล้ง
 +
ขอดนํ้าชลนัยน์ ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ จวนอุทัยเฟื่อฟ้า เสียงไก่ป่าขันมี่ เพรียกป้กษีดุเหว่า กระทาเหล่าภูรโดก สุโนกแซ่หมู่ระหึง แมลงภู่ผึ้งบินภมร เคล้าเกสรดอกไม้ แมลงดินไคว่คูลอบ กางเขนตอบพลอดคู่ หมู่เขาคูไจ่ไจ่ แกตีนไคว่ลอมกา กากะพอกการ้องระงม อืดดัดผทมคร้านเครียด บิดองค์เอียดเสร็จสรง เรื่อสุริยงวรเวกฟ้า เฟ็ดโพยมหล้ารพีพรรณ ตื่นพร้อมกันทั่วพล พรั่งหน้าดลไพหาร จิตเบิกบานอัญชุลิต จุดเทียนธูปบูชิต รุ่งโรจน์ขัชวาล ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ เสียงบรรสานสอดซ้อง  ไชยปริตแซ่ก้อง
 +
เสนาะลั่นสนั่นดง ฯ
 +
 
 +
๏ ราธนาสงฆ์บิณฑบาต  คาวหวานถวายอังคาส
 +
พร้อมทั้งไทยธรรม์ ฯ
 +
 
 +
๏ แล้วอภิวันท์จากลาด  อยู่นานกริ่งกิจราช
 +
ฤๅไว้วางใจ ฯ
 +
 
 +
๏ คืนควรไลที่บรรทับ  กำหนดสั่งเสด็จกลับ
 +
เสวยแล้วจะคืนพล ฯ
 +
</tpoem>
 +
=== จากพระแท่นดงรังถึงลูกแก ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ ขุนพหลเหี้ยมช่านาญหาญ เร่งเตรียมการพยุหบาตร จัตุรงค์อาจกระบวนรบ ครบทุกหมู่ทุกหมวด ตรวจกันสรรพโดยเขบ็จ จัดกันเสร็จโดยขบวน ลูกหาบด่วนให้ล่วงก่อน กำหนดร้อนท่าเรือ พลหลายเหลือเสือกสํ่า ช้างม้าคลํ่ามาผูก บรรทุกดินลูกกระสุนเตรียม ช้างปืนเทียมต้นไม้ใหญ่ ขันฉ้อใช้จ่ารงค์ ผูกที่นั่งทรงจำลอง ผูกที่นั่งรองละคอ พังควาญหมอพร้อมสรรพ เขนผูกสลับเสริดเสร็จ คอยรับเสด็จพร้อมพรั่ง งามสารอัศวงามทั้ง พลแกล้วกลั่นงาม ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ เสร็จเสวยเสร็จสรงแล้ว  เสร็จทรง
 +
เครื่องประดับสำหรับองค์  พร้อมถ้วน
 +
ตามวันสอดสี่พระองค์  ออกยุทธ์
 +
อาวุธประจำหัตถ์ล้วน  ขจิตด้วยกุดั่นพราย ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เพลาสายสองโมงเศษ เสด็จประเวศจากพลับพลา หัตถ์ขวาทรงพระแสง กรายหัตถ์ซ้ายกุมชายภูษิต เสด็จสถิตยังเกยพลัน ทุ่มฆ้องลั่นสัญญาพล ขุนช้างรนควาญขับ ประทับเทียบเกยคอยที เสด็จขึ้นทรงกรินี ให้เคลื่อนพลพฤนท์ ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ สะท้านดินกึกก้อง  กลองนำปี่พาทย์ฆ้อง
 +
สะเทื้อนเท้าจรพล ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ นางคชกริเนศว่อง  เทียมลม
 +
บัดย่างเยื้องสวยสม  ส่ายหน้า
 +
ควรเป็นอาสน์แท่นผทม  แดนเด่า เด็จแฮ
 +
งามสรรพลักษณ์เลิศหล้า  เทพไท้รังสรรค์ ฯ
 +
 
 +
๏ ควาญหมอยอยศไท้  ใครปาน
 +
เฉลิมเกียรติทังบริวาร  หยาดฟ้า
 +
งามที่นั่งกูบบรรสาน  สอดสี ขจิตแฮ
 +
ดุจเสด็จสู่หล้า  สุทัศน์พื้นเมืองอินทร์ ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ คลี่พลพฤนท์คลาคลาย เร่งพลผายคลาศคลา ดั้นดงป่ารำไร ดั้นดงไผ่ชื้อชัฏ บากเลี้ยวลัดหลีกหนาม ออกรำรามละเมาะ ลางจำเพาะช่องแคบ ลางบ้างแอบเลียบหนอง ลางออกท้องทุ่งเตียน ลางทางเวียนวกวน ช้างต้นหนบากลัด ตักแต่ซื่อทางตรง เร่งจัตุรงค์รีบรัด ผงคลีกลัดเฟื่องฝุ่น ถึงบึงสนุ่นหนึ่งใหญ่ จักครรไลเลียบหนอง ยืดระยะสองหลักร้อย ทอนใหญ่น้อยบากข้าม ให้หาบหามข้ามก่อน ลำลองผ่อนจนหมด แล้วข้ามคชอัศวราช ด้วยรอยบาทลึกนัก จึงรอพักข้ามภายหลัง ข้ามบึงวังได้แล้ว ยั้งอยู่จัดพลแกล้ว เรียบร้อยตามกระบวน ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ เล็งแลเรียวเรือกรั้ว  เนือยตา
 +
เรือนฤๅรกรังกา  แม่นแม้น
 +
มุงแฝกฝาแซมคา  รุกรุย จริงแฮ
 +
บอกประเทศนอกแคว้น  หย่อมเหย้าฤๅงาม ฯ
 +
 
 +
๏ พิศเล่นเมื่อคราวไร้  มาแกน
 +
แถวเถื่อนลํ้าปลายแดน  ยากเยื้อ
 +
อกเอยเรามาแคลน  ยลสิ่ง ใดนา
 +
หาสิ่งงามไต่เบื้อ  ยากแล้มีงาม ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ เขาบอกนามตำบลชี้  บ้านท่าเรือเรื่องนี้
 +
ริมนํ้าเนื่องไป ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ จรดทางเลี้ยวใต้ท่า ถึงพลับพลาบรรทับร้อน เกยกุญชรรับเสด็จ เขาจัดเสร็จทุกสิ่ง ทอดเขนยอิงยี่ภู่ ลาดอาสน์ปูสุจหนี่ เสียงอึงมี่พักพล เสด็จจรดลยังพลับพลา พวกชาวป่ามาเคียมคัล เนื่องกำนันอเนกนอง มากมูลมองเหลือหลาย สั่งให้จ่ายพลหาญ พักพอสำราญลมตก ผันผายย้ายพลยก โดยเขบ็จเดินไพร ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ ลมหวนยวนสวาทเยือก  เย็นใจ
 +
สุริยะคล้อยไรไร  ร่มชื้อ
 +
จักเสด็จประพาสไพร  ชมพฤกษ์
 +
เทียบที่นั่งรองรื้อ  เครื่องทอดเสด็จทรง ฯ
 +
 
 +
๏ กรินีวรแน่งน้อย  จรดล
 +
สัตว์ฤๅรู้ดังคน  เลิศหล้า
 +
ไม้ชายยอบกายสกนธ์  หลีกลอด
 +
หนามรกงวงไขว่คว้า  ฉุดเหย้อเหนี่ยวหนาม ฯ
 +
 
 +
๏ แม้นไม้พุ่มใดดอก  ผลมี
 +
รอบัดย่างคอยที  เมี่ยงไม้
 +
ไกลหัตถ์นางกรินี  โน้มกิ่ง
 +
รู้อัชฌาดังใช้  ได้ด้วยจิตประสงค์ ฯ
 +
 
 +
๏ ประพาสไพรในแถวเถื่อน  ล่วงมา
 +
ถับถึงท่ามัดกา  กาซ้อง
 +
กาจับต้นเพกา  เป็นหมู่
 +
กาบ่บอกข่าวพร้อง  โอ้น้องฉันใด ฯ
 +
 
 +
๏ ล่วงดลสถลมารคลุ  หวายเหนียว
 +
ล้วนแต่หวายจริงเจียว  ฤหว้าง
 +
ล้วนหนามเห็นหนามเสียว  จักเหน็บ กูฤๅ
 +
เจ็บฤๅเท่ารสร้าง  หนามร้างเหน็บทรวง ฯ
 +
 
 +
๏ ลุถึงพงดึกชัฏ  ดึกดง
 +
อับแสงบังสุริยง  บดคลุ้ม
 +
ล้วนแต่ไผ่ขุยพง  สองฟาก ทางนา
 +
ป่าบ่คลุ้มใจกลุ้ม  เร่งกลุ้มใจเจียว ฯ
 +
 
 +
๏ ดั้นดงตกชายโดง  ลานแล
 +
ดลหลักร้อยลูแก  หย่อมเหย้า
 +
จวนคํ่าอุทัยแข  แรมบรรทับ พลนา
 +
สั่งกำหนดกันทั่วเหล้า  จะเคลื่อนพเนจร ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ ทวยนิกรทั่วหน้า  เตรียมการเสร็จบช้า
 +
ทุกด้านตามกอง ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เสียงโกร่งฆ้องมี่แซ่ วางกองแลชายป่า ย่อมเพลิงดาเถือกหาด งามยศราชทัพชัย นายแวงไขว่ตราตรวจ พร้อมตำรวจล้อมวง รักษาองค์ตามตำแหน่ง มหาดแสงปืนสรรพ วางกันเสร็จทั่วทัพ ต่างแคว้นไว้ระวัง ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ เสร็จแรมดลหาดถ้า  ลูแก
 +
เที่ยงคืนจำรัสเเข  แจ่มฟ้า
 +
พิศดวงบุหลันแล  ลานสวาท
 +
เดือนยะแย้มแย้มหน้า  ใคร่กลั้นใจตาย ฯ
 +
 
 +
๏ เห็นดาวดาวดาษห้อง  เวหน
 +
ถวิลนามเร่งแรงฉงน  พี่เศร้า
 +
แม่เอยจักรุมกระมล  ถึงพี่ ไฉนฤๅ
 +
รักแรงเร่งรักเร้า  รสเร้าแรงรุม ฯ
 +
 
 +
๏ ถวิลบ้านมาจากบ้าน  แรมไพร
 +
พรับเนตรฤๅหลับใหล  สักน้อย
 +
เสชมพวงมาลัยเจ้ามหาด  ถวายนา
 +
ต่างต่างสรรกลั่นร้อย  พิศเหล้นฤๅแล ฯ
 +
 
 +
๏ ยามแกนแทนดมกลิ่น  แก้ใจ
 +
ดมสุกรมกรมใน  อิกเหล้า
 +
ยมโดยจำโดยไกล  รสยม โดยเฮย
 +
นางแย้มเตือนแย้มเย้า  ยั่วเย้าไยดม ฯ
 +
 
 +
๏ ดวนดงดูดอกแม้น  ลำดวน
 +
กลีบบางชมกลีบชวน  เร่งช้ำ
 +
พญายุดจะยุดยวน  ใจเรา ไว้ฤๅ
 +
กลิ่นแก้วรสแก้วกลํ้า  กลิ่นแก้วกลอยใจ ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ ชมผกาไขว่เปลี่ยนวาง จนเสริดสร่างแสงสุวรรณ เดือนดาวพรรณเคลื่อนคล้อย อับแสงสร้อยเลื่อมสี หมดรัศมีอัสดง สุริยะยรรยงแผ่นโพยม ชาวงานประโคมดุริยางค์ แผ้วนภางค์เสียงมี่ เตรียมโยธีช้างม้า เตรียมกระบวนดาแออัด แน่นเยียดยัดยรรยง เสด็จขึ้นทรงกริเนศ ให้ประเวศพลากร เนื่องอเนกจรไล่หลัง ดลบังพังหึงนาน เร่งพลหาญคลายคลาย รีบพลพายคลาศคลา ดัดดั้นป่าแดนไร่ ไต่ทางหลวงล่วงทาง ถึงท่ายางยางระหง ฝูงยางลงชายหนอง เจ่าจับจ้องจิกปลา ลำแดนหน้ายำถง ชัฏป่าพงรกรุม แทบนครชุมจวนผอก ต้นหนบอกตำบล ให้หยุดพลพักร้อน กระหายผ่อนเอาทับ ด่านกองจับงานจวน แต่งตามกระบวนโดยเขบ็จ บรรทับเสด็จยังพลับพลา ข้าบาทดาทูลละออง มหาดซ้องแทนกำนัล เฝ้าคั่งคัลพร้อมสะพรั่ง งานเครื่องดั้งทุกสิ่งถวาย พอสุริย์ฉายเที่ยงระงม เอนองค์บรรทมร้อนรุม กลุ้มฤทัยคำนึง ถึงวรราช ณ พี่ โอ้บารนีฉันใด อิกสนมในหนุ่มหน้า หัตถ์ลูบทรวงโอ้อ้า มาร้างเรียมตรอม กูเฮย ฯ
 +
</tpoem>
 +
=== จากลูกแกถึงโพธาราม ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ สุริยะดลบ่ายน่อย  ลมโรย
 +
ฉํ่าเฉื่อยเรื่อยกันโหย  เหี้ยมเศร้า
 +
ดลเดียวกำเดาโดย  ดัดดั้น ดงฤๅ
 +
ฤๅจะพักไยเหล้า  เมื่อเท้อญลมลง ฯ
 +
 
 +
๏ จึงให้บันลือฆ้อง  ป่าวพล
 +
กำหนดจักจรดล  แรมหน้า
 +
ช้างม้าอัดอึงอล  ทั่วทวย หาญนา
 +
จับกระบวนพรั่งถ้า  คอยถ้าเสด็จคอย ฯ
 +
 
 +
๏ เสด็จทรงกริเนศเคลื่อน  พลากร
 +
ดูดุจเดือนเขจร  แจ่มหล้า
 +
พิศพลสลับสลอน  โดยเสด็จ
 +
แม้ดั่งดาวดาษฟ้า  เพียบพื้นอำพน ฯ
 +
 
 +
๏ โดยสถลลับถึงบ้าน  บางเลา
 +
ไยหนอร้างเรือนเขา  ดั่งนี้
 +
ให้อยู่ฤๅจักเอา  คำเพื่อน อิกนา
 +
นับด้วยรอยเราลี้  ลาศเหย้าเราเมือ ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ แต่ป่าเสือรำราม แต่ปาหนามรำไร แต่ป่าไผ่ขุยชัฏ แต่ป่าพนัสแนวพง แต่ป่าระหงดงโดด แต่ป่าโขมดดงดึก แต่ป่ามฤคบงช้าง แต่ป่าช้างเมามัน ฤๅอยู่ได้หวนหัน ไม่แล้วอย่าเลย ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ เขาทูลเฉลยแรมคํ่า  ประทับตั้งหาดริมนํ้า
 +
ตำบลบ้านโพธาราม ฯ
 +
 
 +
๏ เห็นบ้านตามแถวถิ่น  ยลหญิงร้างไร้สิ้น
 +
ดูดูชาวเรา ฯ
 +
 
 +
๏ เขาว่าเขาเพียงนี้  ยามไร้เยียดอกยี่
 +
ร้างไร้แก้จน ฯ
 +
 
 +
๏ อายหน้าคนสอนใด  ผีลอบเห็นจักไว้
 +
หน้าเก้อคอยใจ บารนี ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ ดลที่บรรทับแรม  พักพล
 +
ด่านกองมี่กาหล  ทั่วหน้า
 +
ประจำซองตำแหน่งตน  เสริดเสร็จ
 +
พร้อมทุกสิ่งฤๅช้า  ย่อมโชติกองเพลิง ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เสบันเทิงแก่ใจ ชาวมหาดไขเสสรวล สำรวจเล่นโดยคะนอง กล่าวลำพองเฮฮา จวนสุริยาอัสดง ยอแสงลงตํ่าตํ่า มืดคลุ้มคํ่าระเรื่อย ฉิวฉํ่าเฉื่อยฉุนสมร เดือนดารากรฟุ้งฟ้า ห้องเวหาดาดาษ ห้องเวหาสจำรัสฉาย เดือนหงายปิ้มกลางวัน พิศหาดพันสุดตา พิศหล้าพื้นทรายลออ พิศพึงพอเสด็จประพาส นุ่มบทบาทอ่อนละมุน ฤทัยฉุนเสียวสมร อาวรณ์ถึงภคินี โอ้ ณ พี่ฤๅจำไกล ดลวังไถงชองลา เคยปรีดาชมชื่น สำเริงรื่นด้วยกัน ยิ่งคิดกระสันคืนทัพ ทอดองค์กับยี่ภู่ ชลนัยน์ปรูปริ่มกลืน แหวกม่านฝืนชมเดือน แม้นพักตร์เหมือนเพาพะงา เรียมเรียกนุชหัตถ์คว้า อ่ออ้าเราหลง ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ อยู่เอสกนธ์อ้างว้าง  เวรใดจึงจำร้าง
 +
ละชู้ไกลเมีย ฯ
 +
 
 +
๏ แรมไพรเพยียตลบพร้อง  ขจรกลิ่นกลกลิ่นน้อง
 +
เกือบบ้าเสียคน ฯ
 +
 
 +
๏ คิดโฉมฉงนวอนว่า  นึกหน้าย่อมเห็นหน้า
 +
เปล่าหน้าสุดใจ เรียมเฮย ฯ
 +
 
 +
๏ ฉันใดเล่าเจ้ามหาด  นี่ฤๅรักษาราช
 +
ชวนกันหลับใหล ฯ
 +
 
 +
๏ จะแก่ใจขับร้อง  บ่ออกปากคำพร้อง
 +
ดั่งใบ้ฤๅควร ฯ
 +
 
 +
๏ จักได้สรวลแก้เศร้า  ลุกขึ้นเถิดชาวเจ้า
 +
อดหลับฤๅตาย ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ ชาวกำนัลนายพรั่งหน้า ขับเสภาท่อกัน เลือกจัดสรรเอาแต่ดี ชำนิตีกรนกรับ เรื่องเดินทัพจากพิจิตร หมื่นไวยคิดแรงคำนึง ถึงสวาทสร้อยศรีมาลา มาในป่าแรมดง ฟังยิ่งพะวงรุมเสน่ห์ เออเป็นเล่ห์แล้วนาย แรงกรรหายฤๅพ้อง ขับให้หมองใจกู สูฤๅรู้ใจเรา เราบ่ฟังแล้วเจ้า เรื่องนี้อย่าครวญ ฯ
 +
</tpoem>
 +
=== จากโพธารามถึงบางสองร้อย ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ เวลาจวนนํ้าขอด  นาฬิกา
 +
สามยามดาวจันทรา  คล้อยน้อย
 +
กำหนดพลโยธา  จักข้าม โพ้นแฮ
 +
ม้านับสิบช้างร้อย  พลร้อยสิบคูณ ฯ
 +
 
 +
๏ ข้ามช้างข้ามม้าข้าม  ทวยพล
 +
ลูกหาบลำเลียงขน  เรือซ้อง
 +
ลางเหล่าขัดเรือจน  ผูกเป็น แพนา
 +
ข้ามเรือข้ามแพพ่วง  ข้ามสิ้นหาบคอน ฯ
 +
 
 +
๏ เขาผ่อนแต่ฟากนี้  กันหมด
 +
จึงเสด็จจรข้ามคช  โดยด้าว
 +
นํ้าลึกพอบาทจรด  กึ่งร่อง มีนา
 +
ว่ายน่อยหนึ่งพอเท้า  หยั่งได้บหึง ฯ
 +
 
 +
๏ แม่นํ้ายังข้ามได้  โดยปอง
 +
คลาศเย่านับเดือนสอง  ล่วงแล้ว
 +
ศึกเอยเร่งเร็วประลอง  เสริดสู้ กันนา
 +
ทัพมารั้งรอแคล้ว  เปล่าคร้านเหนึ่อยใจ ฯ
 +
 
 +
๏ เสร็จข้ามแม่นํ้าแล้ว  บัดดล
 +
ยังจัดแจงทวยพล  พอพร้อม
 +
ลั่นฆ้องให้เดินพหล  เถือกคบ เพลิงแฮ
 +
โดยกระบวนพยุหล้อม  เพียบพื้นพงพี ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ เคลื่อนพลลีลาศเต้า  เขาบอกตำแหน่งเหย้า
 +
บ้านกล้วยกล้วยชุม ฯ
 +
๏ เนืองชุมนุมยลหน้า  แต่กะเหรี่ยงบ้านละว้า
 +
พิศกลุ้มหัวใจ ฯ
 +
 
 +
๏ เลียบเชิงไศลแลตะคุ่ม  กลางคืนดูอื้อชอุ่ม
 +
คิดคร้ามแสยงขน ฯ
 +
 
 +
๏ เสียงดังคนบ่นพึม  ลางหนึ่งให้ครางครึม
 +
ปู่เจ้าจักมี ฯ
 +
 
 +
๏ เขาบอกชี้ชื่อแล้ว  เขาเรียกเขานางแก้ว
 +
รีบร้นพลไคล ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ บุหลันไถงจิ่มฟ้า แลนา ใสส่องหล้าแจ่มกระจ่าง แลนา เดินทางเร่งชวนใจ แลนา พิศพรรณไม้เห็นถนัด แลนา ลมว่าวพัดเย็นทรวง แลนา นํ้าฟ้าร่วงปรายละออง แลนา ดังเล่ห์ซ้องสุหร่ายโปรย แลนา รวยรสโชยผกากลิ่น แลนา หอมประคิ่นดอกไม้ป่า แลนา ชื่อใครยังรู้อ้า ช่วยชี้นามแสดง ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ เขาแถลงทูลนามไม้  ลางรู้จักจำได้
 +
ลางถุ้มเถียงกัน ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ บุหลันดาเรศคล้อย  เวหา
 +
วิหคจับพฤกษา  เสียดเร้น
 +
บางหมู่บินโถบถา  ราร่อน
 +
บ้างจากรังไต่เต้น  พลอดจ้อจอแจ ฯ
 +
 
 +
๏ เบือนพักตร์แลหมู่นก  ใจหาย
 +
สกุณใดจักจำถวาย  สารได้
 +
พรรณวิหคมากล่าวกราย  ซ้องหน้า
 +
ดังจะอาสาไท้  ต่างพลอดสอดเสียง ฯ
 +
 
 +
๏ จึงเลือกสกุณได้  เจรจา
 +
กล่าวสยามภาษา  ชัดถ้อย
 +
มีแต่แก้วสาลิกา  สองหมู่
 +
วานสองนกนำสร้อย  ศุภสร้อยสารเสนอ ฯ
 +
 
 +
๏ สาลิกาไปเถิดพ่อ  เร็วไป
 +
บอกข่าวเราเดินไพร  ให้รู้
 +
จากมาพระชลไหล  ฤๅเว้น วันนา
 +
แล้วแวะลอดสอดชู้  ดูร้ายข่าวดี ฯ
 +
 
 +
๏ เจ้าแก้วก็ไปด้วย  เถิดรา
 +
จำเอาข่าวกระหนหา  ไปพร้อง
 +
ทูลสารแล้วรีบมา  เร็วพ่อ
 +
จักได้รู้ข่าวน้อง  สว่างร้อนใจเรียม ฯ
 +
 
 +
๏ ไก่ขันระรี่เรื่อย  ฉาดฉาน
 +
เสียงเสนาะกังวาน  จ่าแจ้ว
 +
เสียงปีกตีปีกประสาน  ตามถิ่น
 +
ลงจากรังคลาศแคล้ว  อาจก้อเผ่นผยอง ฯ
 +
 
 +
๏ แสงทองจำรัสฟ้า  จรูญจรัส
 +
กรีพลมาถึงวัด  หนึ่งนั้น
 +
เกาะนามมัธยัสถ์  ชื่อสำ- มถะเฮย
 +
แจ่มองศาเสริดหั้น  อรุณเรื้อรังสี ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ ข้างทางมีไศลหนึ่ง  เขาเรียกเขาวังสะดึง
 +
ชะโงกเงื้อมเพิงผา ฯ
 +
 
 +
๏ อมนุษย์น่าอาศัย  มีทั้งหมู่ไม้ใหญ่
 +
ควรเทพจักดล ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เดินพลลีบนาน ถึงตำบลบ้านหัวกรวด เลียบห้วยรวดครรไล เขาสนองไขทูลชี้ นามห้วยนี้ห้วยตะเข้ พิศกลเทธารลอย ทั้งใหญ่น้อยมากมี หมู่กุมภีล์ผุดกราย โบกหางว่ายฮุบปลา ลางขอบตาคิ้วแด่น ลางอาจแอ่นสองลอน ลางขึ้นนอนอ้าปาก ลางออกจากรามราม ลางบากข้ามหมายเงา ลางเหล่าเหลืองทองหลาง ลางเหล่าคางครํ่าขาว ลางเหล่าดูยาวผุดทอง สีดำปลอดนํ้ารัก ลางเขี้ยวสลักน่ากลัว ลางตัวดูสามลอน ลางผุดซ่อนแต่ปริ่ม ลางแอบริมชายเฟือย ลางดูเจื้อยไคลจับ มากกว่ามากคร้านนับ ยลยิ่งขนแสยง ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ เขาช่วยหยุดแทงเล่น  ทำบาปซ่อนบาปเร้น
 +
ห่อนได้อย่าเลย
 +
 
 +
๏ เดินพลเลยคลายคลาย  ถึงศาลาโคกกระต่าย
 +
ศาลาน้อยริมทาง ฯ
 +
 
 +
๏ ฝูงกระต่ายลางหนีเร้น  กระต่ายกระจายแตกเต้น
 +
วิ่งวุ่นตีนคน ฯ
 +
 
 +
๏ เร่งพลเลยรีบน้อย  จะบรรทับบางสองร้อย
 +
สายน่อยพอถึง ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ จึงชนวิ่งไขว่การ ทำสถานรับเสด็จ บัดเดี๋ยวเสร็จฉับพลัน พักพลขันธ์แรมประเวศ อยู่ทอดพระเนตรเลือกศิลา จะส่งมายังกรุง ข้าบาทมุงพรั่งหน้า ตริบัญชาดำรัสใช้ ราชกิจให้รุมระดม ทางลากหล่มถมริน แพจะติดดินคุ้ยขุย บ้างอุตลุดผูกแพ กองใครแร่เร่งกัน ช้างกระบือปันลากมา ทางแต่ท่าเขางู ห้าสิบดูเหมือนใกล้ บ้างบรรทุกใส่พ่วงแพ ทำอัดแออึงอล ทำอยู่จนจวบคํ่า พอคราวนํ้าไหลล่อง ตกคลองลงแม่นํ้าใหญ่ พออรุโณทัยเรื่อฟ้า จึงเคลื่อนพลลาศล่า จากท่าประทับแรม ฯ
 +
</tpoem>
 +
=== จากบางสองร้อยถึงค่ายทัพหลวงที่ราชบุรี ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ ทุ่งนาน่าชมเล่น  นาปรัง
 +
เขาเพียรปิดนาขัง  ขุดร่อง
 +
ยลสบฤทัยหวัง  แก่ราษ- ฎรเฮย
 +
หากินทำเลี้ยงท้อง  ยากด้วยแรงตน ฯ
 +
 
 +
๏ ความยากราษฎรแล้  แต่กาย
 +
ยากเรามาหนักหลาย  ศึกนี้
 +
ราษฎรเหนื่อยผ่อนวาย  หยุดได้
 +
เราเหนื่อยใจจักลี้  ห่อนได้ภัยหลัง ฯ
 +
 
 +
๏ ฤๅนานถึงบ้านหนึ่ง  วัดมี
 +
มหาธาตุเจดีย์  ใหญ่ร้าง
 +
อิกมีทั้งโคกศรี  มหาโพธิ
 +
เด่นสันโดษอ้างว้าง  เช่นว้างสวาทเรา ฯ
 +
 
 +
๏ เขาสนองตำบลหว้า  อารญิก
 +
รกแต่พงปรงปริก  ปรี่เอื้อง
 +
ซากมหิงส์หนึ่งแร้งจิก  อยู่ริม ทางนา
 +
ปลงจิตพิศอสุภเหนื้อง  เปรียบด้วยกายตน ฯ
 +
 
 +
๏ อันสัตว์ในโลกพ้น  ฤๅวาย
 +
ฤๅจะเร้นความตาย  ซ่อนได้
 +
ไปรอดชั่วแรงกระหาย  อัสสาสะ ปสาทฤๅ
 +
ฤๅประมาทดังนี้ไซร้  นับแท้กวีชาญ ฯ
 +
 
 +
๏ เมือพลดลบ้านเนึ่อง  หลากลาว
 +
นั่งอัดริมทางฉาว  เสียดซ้อง
 +
ยลหญิงแต่ไกลขาว  ผิวผาด อยู่แฮ
 +
พิศใกล้หน่ายพักตร์พ้อง  เหนึ่อยหน้าเกลียดทรง ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ กองหน้าตรงทางลัด ไปตระบัดบหึง ถึงเมืองเก่าข้ามคู เข้าประตูมะขามเรียง ปี่พาทย์เสียงระดมตี กลองแขกมี่ระดมดัง พลเดินหวังเหนึ่อยวาย บทันบ่ายดลค่ายหลวง พลเต็มตวงส่งเสด็จ จึงเสร็จจากเกยพลัน แล้วผายผันยังพระโรง ประทับที่นั่งโถง หยาดฟ้าตาแล ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ มาตยาแอเฟี้ยมบาท  ต่างคอยสนองกิจราช
 +
เบิกหน้าตาบาน ฯ
 +
 
 +
๏ รั้งกรมการเนกนอง  ลาวพระเขมรนายกอง
 +
พรั่งหน้าเคียมคัล ฯ
 +
 
 +
๏ ขุนหมื่นพันผู้น้อย  เฝ้าแออัดยัดร้อย
 +
พรึบสะพร้อมดูงาม ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ ดำรัสถามมนตรี อันภักดีต่างใจ ไว้ระไวต่างองค์ ดำรงทวยโยธา รักษาค่ายขอบคัน ราชกิจอัน ธ สั่งไว้ เทียรเราไปอยู่หลัง ฉันใดมั่งดังฤๅ เขาสนองคือสิ่งสั่ง เสร็จหมดหวังกิจการ ฤทัยใสเบิกบาน แผ้วหล้าเปรียบฤๅ ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ พักพลผ่อนเหนื่อยน้อย  บัญชา
 +
จัดเป็นกองกันหา  ขุดไม้
 +
ชักลากฉุดเอามา  ใส่พ่วง แพเฮย
 +
ต่างต่างอย่างสรรไว้  แต่ไม้ที่งาม ฯ
 +
 
 +
๏ แล้วบอกส่งต้นไม้  ศิลา
 +
ให้ปลัดอาสา  คุมเข้า
 +
มายังกรุงทวารา  ส่งเนื่อง
 +
ถวายแด่จอมมกุฎเกล้า  ประดับในสะตาหมัน ฯ
 +
</tpoem>
 +
=== ข่าวศึกพม่า ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ ฤๅนานวันหนื่งบ่าย พระในซ้ายเจ้ากรม เรือเร็วระดมสองลับ ถือบอกกับกาญจนบุรี แจ้งคดีสังขลา ว่าพม่าตีพระสุวรรณ ทั้งค่ายมั่นหลุมช้าง คนนั่งทางจับไป ขุนพลได้ไปมั่น กองตระเวนทันช่วยปะทะ มันจึงละถอยล่า ภักดีสงครามมาแจ้งการ พอพวกด่านพระพล ส่งคนบอกแก่งไผ่ ถึงทันใดความต้อง เก็บคดีสองบอกกรุง ดำริการจวบรุ่ง พร้อมนายทัพกอง ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ ทางด่านเราฤๅไว้  ใจเลย
 +
จักมานิ่งนอนเฉย  อยู่นี้
 +
แม้พม่าทวายเลย  เหยียบด่าน ใดนา
 +
จักมิเป็นเช่นชี้  หลุมช้างฉันใด ฯ
 +
 
 +
๏ จำจักถีบด่านเลียบ  ไตรตรา
 +
ราชการแม้นมีมา  ดั่งนั้น
 +
เหมีอนเอาชอบประกอบหา  มาให้ เจียวแฮ
 +
ทวยหาญเราฤๅพรั่น  ตีเล่นประลองมีอ ฯ
 +
 
 +
๏ นายทัพนายกองสิ้น  ทั้งหลาย
 +
เห็นชอบเสนอบรรยาย  พร้อมหน้า
 +
สั่งกำหนดบาดหมาย  รุ่งยก
 +
โดยด่วนเร็วอย่าช้า  อยู่บ้างแบ่งไป ฯ
 +
 
 +
๏ ยุกกระบัตรจัดทัพแล้ว  ทูลละออง
 +
ตรีเพชรพยุหกอง  ไว้ห้า
 +
จักโจมทัพศึกประลอง  เฉียวฉับ
 +
วางพลวางช้างม้า  นายไพร่สองพัน ฯ
 +
 
 +
๏ ทัพขันจ่ายปืนครึ่ง  กึ่งพล
 +
หามแล่นบอกสามคน  ร้อยถ้วน
 +
ทนายหอกสำหรับตน  ครบมือ กันเฮย
 +
แต่ลำลองกลั่นล้วน  คาดไถ้เอวประจำ ฯ
 +
 
 +
๏ อัสดงสุริยงคล้อย  สิ้นแสง
 +
เถือกแสงคบเพลิงแดง  สว่างหน้า
 +
แออัดมี่จัดแจง  เสียงอื้อ อึงเอย
 +
อึงพลอึงช้างม้า  เกวียนล้อโคกระบือ ฯ
 +
 
 +
๏ ราตรีฤๅสงัดเสียง  แจจัน
 +
แซ่สำเนียงเถียงกัน  เรียกร้อง
 +
จนจรัสเรึ่อสุริยัน  วรเวก โพยมนา
 +
สนั่นกลองปี่มี่ฆ้อง  ลองช้างอยู่เสียง ฯ
 +
 
 +
๏ ทินกรเด่นส่องหล้า  รพีพรรณ
 +
อกเรียมพิราศัลย์  เจ็บน้อง
 +
หมายกลับนับจวนวัน  สู่เย่า กูเฮย
 +
ฤๅกลับเสริดศึกทร้อง  จำต้องเดินไพร ฯ
 +
 
 +
๏ จักไปภายหน้าต่อ  ดัสกร
 +
ก็ไม่หนักหทัยถอน  หนึ่งน้อย
 +
หนักธุระเนิ่นจากสมร  น้องเสน่ห์ กูมา
 +
เพียงไศลทับอิกร้อย  หนึ่งไม่หนักใจ ฯ
 +
 
 +
๏ หักใจบำราศเต้า  จำคลา
 +
การแผ่นดินรักษา  เขตแคว้น
 +
ป้องกันวรศาสนา  อาณาจักร
 +
ใจอย่าอิดใจแค้น  ไว้ชื่อภาณรงค์ ฯ
 +
 
 +
๏ เสร็จสรงทรงเครื่องยุทธ์  ตามวัน
 +
เลื่อมประภัสสรสรรค์  ตาดพริ้ง
 +
ศุกรวารกุมเกาทัณฑ์  ขัดแล่ง
 +
งามสง่างามยศยิ่ง  งามกล้ากลั่นงาม ฯ
 +
 
 +
๏ แล้วเสร็จยุรยาตรเยื้อง  กรายกร
 +
งามเพียงราชไกรสร  จากถํ้า
 +
บัดถึงเกยกุญชร  เสด็จประทับ
 +
คอยท่าฤกษ์ยังคลํ้า  เมฆกลัดรวิวร ฯ
 +
</tpoem>
 +
 
 +
=== กรีธาทัพ ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ ขุนกุญชรควาญหมอ ขับประทับรอเทียบเกย กริเนศเคยคอยที ขยับบาทจรลีดำเนิน ไว้หน้าเหินยกหาง หูผึ่งกางลำพอง กิริยาคะนองกระสันแกล้ว องศาแผ้วเมฆหมด ขึ้นทรงคชกรินี ฆ้องชัยตีถวายชัย สั่งให้เดินพลไกร พยุหเคลื่อนพลากร ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ กระฉ่อนฆ้องกลองตี  ประโคมดุริยางค์มี่
 +
โครมครื้นสนั่นเสียง ฯ
 +
 
 +
๏ เสียงปืนเพียงแผ่นขวํ้า  โห่ประสานเสียงซ้ำ
 +
สนั่นหล้าแหล่งไหว ฯ
 +
 
 +
๏ ชวนหาญใจใจกล้า  พิศทหารถ้วนหน้า
 +
เริงร่ารณรงค์ ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ คชอนงค์ที่นั่ง  เทียมลม
 +
บัดย่างน้อยสวยสม  ไวว่อง
 +
มีสรรพลักษณ์พึงชม  ควรแต่ ถนอมนา
 +
โกญจนาทเกริ่นเสียงร้อง  แม่นแม้นเสียงสังข์ ฯ
 +
 
 +
๏ งามอานสุวรรณขจิต  จรัสลาย
 +
สีกูบป้กพรรณราย  ม่านแพร้ว
 +
กันชิงครํ่าชนักสาย  ไหมถัก
 +
รัดประคนพานหน้าแล้ว  หุ้มด้ายอ่อนละมุน ฯ
 +
 
 +
๏ หมอควาญงามโพกขลิบ  ชายครุย
 +
งามสนอบสนับเพลาฉุย  เหมาะหมั้น
 +
สวยสมสมป้กกรุย  กราดกรีด งามนา
 +
ยอยศเจ้าตนหั้น  ห่อนให้ใครเสมอ ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
 
 +
๏ ใครยลเลอลานพิศ  ดังเทพเทียมเนรมิต
 +
หยาดฟ้าสรรเสริญ ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ ม้าช้างเดินนำริ้ว สะบัดลมปลิวสัญญา กองหน้ามาทั้งกอง ม้าทวนทองม้าหอก หมู่แซงนอกแซงใน อิกม้าใช้เร็วรวด หมู่ม้าหมวดขัดดาบ หมู่ม้าสลาบแล่งศร หมู่ม้ามอญดาบดั้ง หมู่ม้าสะพรั่งปืนไฟ ขุนม้าไขว่สารวัด จัดแจงจัดเดินกระบวน ระยะควรพองาม พิศเครื่องพลามยรรยง ดูบรรจงเพริศแพร้ว ม้าล้วนแกล้วกลั่นศึก เหี้ยมหาญฮึกเผ่นผยอง ร่านร่าร้องเริงแรง คนขี่แข็งขับขัน เสริดศึกสรรอยู่ปืน สู้ศึกยืนบมิพ่าย ม้าขุนนายหมวดมาก พิศเสาวภาคย์โสภา แผ่ตนอ่างามสรรพ คนานับมากหมาย เฉิดเฉกชายแหล่งหล้า พิศงามทหารงามม้า ทัพหน้างามจริง ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ สิ้นทัพอัศวราชแล้ว  ทัพสาร
 +
ล้วนแต่สารเหี้ยมหาญ  ศึกรู้
 +
โดดคํ้าเคยประจัญบาน  แหกค่าย
 +
ทรหดอดทนสู้  เสริดสู้อยู่ปืน ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ ทัพช้างดื่นมหิมา ช้างดั้งดาเขนสลับ ช้างโจมทัพช้างแซง ช้างตำแหน่งยศถา อิกช้างบ้าเมามัน หมู่ช้างอันผูกปืน หมอควาญหมื่นขุนจัด ล้วนสันทัดทั่วหมด งานพระคชกรรกง ออกณรงค์บมิหนี ชำนิขี่สูงสาร ทั้งชำนาญศิลปเวท ที่พิเนศเทวกรรม์ แต่งกายมั่นงามแง่ แผ่ตนพึงช้างหมอ พิศพึงพอน่าดู ผิจะสู้สู้ยักษ์ ผิจะหักหักเขา จะเอาดาวก็ได้ดังถวิล จะเอาดินก็ได้ดังธวัช ดูเงื้อมอัดดังเมฆ  เพียบพื้นเฉกดาษดื่น โกญจนาทครื้นครางครึม เรียกมันกระหึมส่ายเซื่อง สล้างงาเมลื่องเสยสอย ขุนสารงามสารน้อย ไปฤๅเต็มใจ บารนี ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ เนื่องทัพคชสารสิ้น  ทัพหลวง
 +
อเนกทวยหาญตวง  เพียบหล้า
 +
รักษาราชโดยกระทรวง  ตำแหน่ง
 +
ดังทัพอินทร์หยาดฟ้า  โอ่อ้าลานแล ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เล็งพลแอยรรยง ธงรบลงเขียนคำ เดินหน้านำยะยับ กับกองร้อยกองกัน ดับกองขันกองแล่น แห่หน้าแน่นเหลือหลาย แห่แซงซ้ายดาษดา แห่แซงขวาโดยขบวน ขยายระยะควรเดินคู่ ถ้วนทุกหมู่ทุกหมวด ขุนตำรวจสารวัด แถวปืนขนัดเนื่องหอก วางแถวนอกริมทาง สองแถวกลางขัดดาบ ล้วนสลาบฝักบัง วางว่างที่นั่งพระชัย บรมธาตุไว้เครื่องสงคราม อิกดั้งตามปืนแม่น แล้วที่นั่งแล่นประพาสโถง ผูกโยงวอยอยศ อิกทวิรถรัตนาศน์ พระที่นั่งอาสน์ละเครื่อง จรดเนื่องต่อช้างที่นั่ง แวงจตุลังครักษา วางแวงหน้าแวงหลัง วางแวงทังขวาซ้าย วางแวงรายเท้าคช บาทสี่กำหนดกรรกง แวงองครักษ์ตาวฝักทอง สำหรับปองอาญาสิทธิ์ งานศึกผิดให้มล้าง อัดสองข้างเจ้ามหาด เครื่องสำหรับราชครบตำแหน่ง นายกำนัลแสงสรรพยุทธ์ สัตถาวุธนานา ตามเสด็จดาเนืองกัน สรรพ์ประโภคยศยาน สีวิกากาญจน์เก้าอี้ อัศวพาชีอิกสาม ผูกที่นั่งตามโดยเสด็จ ดุจเหาะเห็จเหินฟ้า หนื่งกลกาดำขลับ หนึ่งแซมสลับหม่นหมอก หนึ่งพื้นพอกผ่านแดง ร่านเริงแรงยอพยศ แล้วจึงคชจำลอง ที่นั่งรองช้างเครื่อง ลำดับเนึ่องกันไป ดาษหลังไสวอัดทวน สิ้นท้ายกระบวนบรรดา งามกองหลวงเลิศหล้า หล่มฟ้าดินขจร ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ สิ้นพลกองหลวงแล้ว  แออัด
 +
ลำดับกองยุกกระบัตร  หาบยั้น
 +
ต่างโคเกวียนเยียดยัด  อเนกเนื่อง
 +
เสียงเพลาเสียงดุมลั่น  อาดอ้าวบดละออง ฯ
 +
 
 +
๏ แล้วไว้กองหลังให้  ป้องกัน
 +
อย่าให้มีเหตุอัน  ใดได้
 +
กองลำเลียงสำคัญ  แรงศึก
 +
เดินระวังหลังไหล้  เร่งหาบเกวียนตาม ฯ
 +
 
 +
๏ ตรีเพชรพยุหทัพ  เดินพล
 +
งามเงื่อนทัพอินทร์บน  แผ่นฟ้า
 +
เบิกโขลนทวารดล  คู่เก่า
 +
วัดโรงช้างล่วงหน้า  เพียบพื้นทางหลวง ฯ
 +
</tpoem>
 +
=== จากราชบุรีถึงหนองบัว ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เมือพลล่วงเร็วรวด ถึงห้วยกรวดบนาน ถึงเชิงตะพานโดยปอง หนองหญ้าปล้องเนื่องกัน สุริโยพรรณแสงกล้า รีบเร่งคลาบหึง ถับลุถึงเนินม่วง ดัดดงร่วงฟุ้งผกา หวนตรลบป่าเสียดใจ เสชมไม้หลายหลาก สองฝ่ายฟากแถวทาง พิศหมู่ยางยางจับ แคป่าคับแคมอง ทองกวาวช่างทางเจาะ เสียงหนื่งเคาะค้อนดัง รังเรียงรังรังนาน แก้วแก้วขานสาวกอด ร้อนใจทอดจอดใจ พุ่มปุ่มไก่ไก่เร้น ยูงยูงเล่นแพนรำ เปล้าเปล้าประจำคู่คลอ หว้าหว้าจ้อลอดแล ตูมแกแกดาษดา คนทาจ้ากระทาปัก ไผ่ป่าพักฝูงไผ่ ลางลิงไขว่ลิงเล่น เค้าโมงเต้นโมงมุด พุ่มชาตบุตกะบุดพลอด งูพันลอดดีงู ตีนตุดตู่ตุดตู่ร้อง เค้าแมวมองพุ่มซ้องแมว หมู่สักแว่วเสียงกาสัก รอยช้างชักหักช้างน้าว ฝูงกระจาบฉาวพุงจาบ กาบินถาบจับตุมกา ขมิ้นล่าใต้ขมิ้นเครีอ มากหลายเหลือสัตว์ไม้ คนาฤๅจำได้ กว่านี้ยังอิก บารนี ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ พอเที่ยงประทับร้อน  หนองปลิง
 +
ช้างคนอาบนํ้าปลิง  เกาะกลุ้ม
 +
เขาเรียกว่าหนองปลิง  ปลิงชุม จริงนา
 +
นํ้าอาบกินคลื่นคลุ้ม  เกลียดกลุ้มสาบปลิง
 +
 
 +
๏ จวนบ่ายคลายคล้อยเคลื่อน  โยธา
 +
เสด็จกระบวนอัศวา  ป่ารื่น
 +
บัดถึงเขาอาชา  ที่พัก
 +
แสนสนุกปลุกใจชื้น  แข่งควบอัสดร ฯ
 +
 
 +
๏ เต็มพักลุหนองหนึ่ง  นามมี
 +
หนองตะโกวารี  ขอดแห้ง
 +
เหนึ่อยกระหายร้อนเต็มที  ทั้งม้า คนนา
 +
ร้อนทั้งทินกรแจ้ง  ร้อนแล้วจริงเจียว ฯ
 +
 
 +
๏ ร้อนแผ่นพิโยคพื้น  ธรณิศ
 +
ป่าแดงแจ้งห่อนปิด  บังได้
 +
ร้อนใดฤร้อนจิต  เจ็บจาก กูฤๅ
 +
ร้อนนี่ฤๅโลกไหม้  จักไหม้จวบกัน ฯ
 +
 
 +
๏ สัตตลุริเยศเรื้อง  รังสี
 +
ผลาญแผ่นไตรภพตรี  เฉกไหม้
 +
กำเดาะกำดาลทวี  ร้อนนัก กูเอย
 +
ร้อนปิ้มปานร้อนใกล้  เพลิงไหม้ประลัยกัลป์ ฯ
 +
 
 +
๏ จำจนทนเทวษเด้า  แรงโรย
 +
อกระอุเกรียนโกรย  เดินเรื้อ
 +
ดลเขาทะลุโปรย  หยาดฝน ปรอยนา
 +
พอเกลือกกลั้วผิวเนื้อ  เปียกทั่วพอเย็น ฯ
 +
 
 +
๏ ช่องแคบสองฝ่ายฟาก  ริมทาง
 +
ศึกมีควรที่วาง  ทัพหมั้น
 +
ไว้กองซ้ายขวากลาง  รบรับ
 +
ร้อยสู้หมื่นฤๅพรั่น  ที่ลํ้าภูมิชัย ฯ
 +
 
 +
๏ ที่ไศลเงื้อมชะโงกงํ้า  ดูดี
 +
พอกผาคูหามี  ทะลุถํ้า
 +
เกลืยวศิลาสลับสี  ดังแซ่ง ประสานเฮย
 +
ช่างเฉกทำฤๅลํ้า  เทียบเท่าเขาเป็น ฯ
 +
 
 +
๏ บ่ายน่อยคล้อยตะวันตก  ไปแล
 +
ลมบัดหาวเหินแบ  แบ่งให้
 +
พิศป่าคิดถวิลแฮ  ถึงอร อ่อนนา
 +
เยียวข่าวขวัญน้องไข้  ที่ถ้าถามขวัญ ฯ
 +
 
 +
๏ เจ้าแก้วสาลิกากู  ใช้ไป
 +
เออยังเชือนอยู่ไหน  จึ่งช้า
 +
ฤๅปะนางสกุณใด  หลงอยู่
 +
ให้กูนับวันถ้า  บ่นถ้าไปนาน ฯ
 +
 
 +
๏ ยอแสงคลุ้มคํ่าฟ้า  ถึงพลัน
 +
อาหารกระหายยัน  ย่อนไส้
 +
หนองบัวที่สำคัญ  แรมทัพ
 +
กองน่าเขาทำไว้  ชักไม้หนามวง ฯ
 +
 
 +
๏ พร้อมทัพปลงช้างม้า  หาบเกวียน
 +
วางกองดับรับเรียน  รอบรู้
 +
สามหอกเจ็ดหอกเจียน  ทางจบ
 +
ไว้กองแลเสริดสู้  อยู่ด้าวปลายทาง ฯ
 +
 
 +
๏ เสนาวางสนามเพลาะไว้  ห้วยมะสัง
 +
ทนายปืนชำนิหวัง  อิกชั้น
 +
ยี่สิบซ้อนตับดัง  หลุมอยู่
 +
แม้นมีเหตุอย่ายั้ง  บอกด้วยเสียงปืน ฯ
 +
 
 +
๏ ดับมั่นสรรพสิ่งถ้วน  ไตรตรา
 +
สุริโยพรรณคลา  ดับขวํ้า
 +
แขระรองเวหา  หาวหบ
 +
เรียมสยบใจคลํ้า  นึกหน้าบัวศรี ฯ
 +
 
 +
๏ แต่เรียมนิราศแก้ว  ไกลมา
 +
สู่สงัดครํ่าธารา  หม่นเศร้า
 +
กระหนกระหายหา  แรงร้าง
 +
วะว่องกามกลย่งเย้า  แย้มเย้ายวนยี ฯ
 +
 
 +
๏ เห็นเดือนเร่งเตือนแย้ม  ดุกแด
 +
นึกว่าจันทร์เจียรแถง  น่าน้อง
 +
ใช้พักตร์ฤเป็นแข  เคืองเนตร
 +
เจ็บจิ่มเจียนศรต้อง  ใคร่ร้องอิดอาย ฯ
 +
 
 +
๏ เสชมบุษบงลี้  ไปหนอง
 +
หนองบัวดอกแต่สอง  ตูมตั้ง
 +
ฉงนถันทึกถันปอง  คว้าไขว่
 +
หัตถ์ละเลิงกำพลั้ง  ฤพลั้งกำบัว ฯ
 +
 
 +
๏ เคล้าชมสาโรชแย้ม  บัวงาม
 +
บดแบ่งกลยำยาม  กลิ่นกลํ้า
 +
ตริตริบรสฤๅกาม  กมลาศ
 +
สุกสระสร้อยเสียดซ้ำ  ทิพถึกห่อนเอ ฯ
 +
 
 +
๏ เกษมสระสุรเทพท้าว  ไตรตรึงษ์
 +
จะเอาหนองบัวบึง  เทียบแก้ว
 +
สระสวรรค์อมฤตย์รึง  ธารทิพย์
 +
เสมอสระนงนุชแผ้ว  จิ่มฟ้าเจียมกัน ฯ
 +
 
 +
๏ ถวิลเดียวยุพโยคพ้น  พันทวี
 +
สงวนดวงบุษมาลี  เกลือกช้ำ
 +
โอ้มิ่งมาลัยศรี  เสาวรส เรียมนา
 +
ฤๅห่อนเอองค์กํ้า  วลีอ้ากูไฉน ฯ
 +
 
 +
๏ เทวาเทเวศร์เจ้า  ทรงฤทธิ์
 +
อันรักษาสิงสถิต  เถื่อนถํ้า
 +
สุรสุเรนทร์องค์อิทธิ์  สุรภาพ ใดเฮย
 +
เห็จพาสมเยาว์คํ่า  สว่างแล้วไปคืน ฯ
 +
 
 +
๏ หลัดหลัดฤๅเขินค้าง  เข็ญทรวง
 +
ทุรัศทุราดวง  แหบไห้
 +
โอ้แก้วยุเพ็ญพวง  กมลาศ
 +
มาจำรารมย์ไว้  ละให้หมองศรี ฯ
 +
 
 +
๏ เพรงเรารอยพรากสัตว์  พลัดรัง คู่ฤๅ
 +
ฤๅจับเอาเขาขัง  ไปไว้
 +
จะไปได้ฤๅไปยัง  กลับเผ่า รอดพ่อ
 +
กรรมรอยกรรมนำให้  เนื้อแท้กรรมสนอง ฯ
 +
 
 +
๏ สันโดษฤๅหลับง่วง  ฟังยาม
 +
อกกระอุยามสาม  ล่วงแล้ว
 +
สงัดอื้ออึดไอจาม  คนสยบ
 +
เรียมสยบถวิลแก้ว  จวบเคลิ้มใฝ่ฝัน ฯ
 +
 
 +
๏ ฝันเทพพาเห็จฟ้า  สมแด
 +
เทียมศศิสุริยเเข  แข่งแย้ม
 +
องคชาเยศแปร  พักตร์ร่อ กันนา
 +
ตื่นฤตริบรสแก้ม  กลิ่นแก้มติดใจ ฯ
 +
</tpoem>
 +
=== กรีธาทัพ ===
 +
<tpoem>
 +
๏ สุริโยทัยเรื่อฟ้า  รวิวร
 +
จำจะดั้นพเนจร  ลาศเต้า
 +
รุมฆ้องเรียกนิกร  เตรียมทัพ
 +
ผูกช้างม้าเร่งเร้า  เพรียกฆ้องกลองตี ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ จึงเสด็จผายลีลา มิช้าขึ้นช้างทรง ดูยรรยงโดยกระบวน ยลทัพควรยศถา พิศหน้าแน่นอัสดร เนืองกุญชรโดยคำ ดูดุจยํ่าเหยียบแดน ลุยศึกแสนเป็นผง พิศดูธงงามตรู พิศทหารหมู่เดินเท้า หมู่ปืนน้าวศรไฟ หามแล่นไล่ร้อยบอก ทนายหอกมากเหลือหลาย แวงเต้าซ้ายเหลือตรา แวงดาบขวาเหลีอไตร พิศหลังไสวทวนง้าว ปลิวพู่ขาวยรรยง แน่นแผ่นพงดงเลา อิกเหล่าหาบอาเกียรณ์ กระบือเกวียนโคต่าง กลัดหลังสล้างนกสับ ดูสิ้นทัพสุดตา กล่าวแต่ได้พอว่า กว่านี้ยังหลาย บารนื ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ คลี่พลย้ายโดยหวัง  ทัพจรดห้วยมะสัง
 +
หนองน้อยนํ้ามี ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ มะสังดงมะสังแน่น  แต่มะสัง
 +
เล็กใหญ่เสียดแซงมะสัง  รกเร้น
 +
ที่งามงามที่มะสัง  ดังมะสัง ดัดนา
 +
ใคร่หยุดหามะสังเหล้น  เที่ยวเฟ้นหามะสัง ฯ
 +
 
 +
๏ จนใจฤๅไว้ใจ  รีบเมือ
 +
เลียบด่านการศึกเสือ  ข่าวร้อน
 +
อิกระยะไกลเรือ  ยืดยาก ทางนา
 +
แม้หาได้ลาภย้อน  ไม่รอดป่วยแรง ฯ
 +
 
 +
๏ ปางดลตำบลหนึ่ง  หนองมี
 +
นามห้วยกาบวารี  แต่ห้วง
 +
ขอดนํ้าแห้งเต็มที  ดื่นกาบ หอยนา
 +
ฝูงค้อนหอยลงล่วง  จิกเหล้นเฟ้นหอย ฯ
 +
 
 +
๏ ลับถึงท่านางโอ้  จากนาง
 +
ฤๅยินนามนางหมาง  หม่นเศร้า
 +
นางใดมาอยู่กลาง  ป่าไร่ ดูฤๅ
 +
อยู่ไหนมานึ่เจ้า  เราไร้เหมือนกัน ฯ
 +
 
 +
๏ หับโอษฐ์เห็นนางคล้าย  ไปแล
 +
พรับเนตรฤๅหายแห  หลีกลี้
 +
ฤๅเทพธิดาแปร  รุกข์พุ่ม ไทรนา
 +
มาหยอกเย้าเรานี้  แล้วผ้ายลวงเรา ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เร่งพลเต้าโดยแคว้น แลนา ห้วยดินแดนอัศจรรย์ แลนา ภูมิภาคนั้นดินดี แลนา ต่างต่างสีดูมลาก แลนา สองฟากทางเนินละเมาะ แลนา แดงจำเพาะแต่ดง แลนา ลางพรายแสงพรายเมลือง แลนา ลางแต่เหลืองเหลืองตรู แลนา ลางดูขาวขาวสิ้น แลนา ลากลาดดินฤๅเป็น เออเรามาได้เห็น พลางพิศพอแก้ ใจจร ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ มาพักนัคเรศร้าง  ริมชล
 +
เย็นเยียบวังยล  ยิ่งเศร้า
 +
พรากสมรมาดล  นคเรศ แม่เฮย
 +
เมืองก็เย็นเสมอเหย้า  ถิ่นร้างเสมอเรียม ฯ
 +
 
 +
๏ แม่ลานาเวศเลี้ยว  ลับมา
 +
ลาพี่คิดวันลา  ร้างห้อง
 +
แม่ลาลาแม่คลา  คืนเวศ
 +
ลายิ่งลับลาน้อง  ทุกเลี้ยวลาสมร ฯ
 +
 
 +
๏ บำราญแรกร้อนน้อง  บำรุง
 +
ทรามกำดัดพอสูง  ดอกฟ้า
 +
เวรใดเด็ดใจจูง  จากอก ไปแม่
 +
คิดก็กรมใจบ้า  จิตด้วยเวรเบียน ฯ
 +
 
 +
๏ เร่งเร็วรีบเร่งร้อน  เร็วเรา
 +
หินหิกหวนหิวโหย  โหดเหี้ยม
 +
เขียงไข่ขึ้นแขวงเขา  ขาดเขต
 +
ต้อนเตือนตีต้อนเตี้ยม  ติดตาม ฯ
 +
 
 +
๏ ถึงวังยลพักตร์น้อง  แสนเกษม แม่เฮย
 +
แม่อยู่หลังกมลเปรม  ฤเศร้า
 +
พี่ไปคํ่าแต่เอม  โอชอด เสบยนา
 +
พอแต่กลั้วแกล้มเข้า  ล่อลิ้นเกลือกกลืน ฯ
 +
 
 +
๏ เรียมเคยบำราศร้าง  นางใด แม่เอย
 +
ฤๅเท่าเรียมนิราไกล  แนบน้อง
 +
เช้าคํ่าดังสายใจ  ยืดย้าว
 +
มาแม่มาจักพร้อง  ทุกข์แจ้งบรรยาย ฯ
 +
 
 +
๏ จูงกรเนาแท่นที่  นิทรา
 +
พี่จักแจ้งพรรณนา  พรํ่าพร้อง
 +
แม่เอยยามไสยา  เจียนชีพ ขาดแฮ
 +
เจ็บพี่พรากจากน้อง  ไปเอ้องค์เดียว ฯ
 +
 
 +
๏ มาทับอุระให้  อุ่นทรวง หน่อยแม่
 +
แต่เรียมนิราศดวง  ดอกฟ้า
 +
สุดพูดตั้งแต่ตวง  แสนทุเรศ
 +
ร้อนตั้งเพลิงรานกล้า  สุมไหม้ทรวงเรียม ฯ
 +
 
 +
๏ หวนหอมจอมสมรแม่  เทียมทิพย์
 +
เศียรสร้อยสุราลัยลิบ  เลิศฟ้า
 +
ดาลวิตกดังยกหยิบ  จากทรวง พี่เอย
 +
แนบบรรทับอุระอ้า  อ่อนโอ้เย็นทรวง ฯ
 +
 
 +
๏ ลมเอยไม่พัดแล้ว  หรือลม
 +
เราก็ไม่ปรารมภ์  ท่าเจ้า
 +
พระน้องเราสนิทสม  แนบเนื้อ เย็นนา
 +
ดีกว่าลมร้อยเท่า  เย็นซาบหัทไทย ฯ
 +
 
 +
๏ แม้นอยู่ราชบุรีแล้  กระหายลม
 +
นี่อยู่วังเทียมผทม  แนบน้อง
 +
ฤๅจะร้อนปรารมภ์  ถึงลน ไฟนา
 +
ร้อนแต่หัตถ์แม่ต้อง  ดับร้อนกว่าลม ฯ
 +
</tpoem>
 +
== เชิงอรรถ ==
 +
== อ้างอิง ==

รุ่นปัจจุบันของ 14:16, 10 กรกฎาคม 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: สมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ

บทประพันธ์

รับพระบรมราชโองการ

โคลงสี่
๏ แถลงปางบำราศเต้าการณรงค์
จำจากปิ่นพระสุนงค์สวาทร้อน
แม่เอยแต่สมประสงค์คลาศคํ่า วันนา
ปิ้มจะทุ่มทรวงข้อนร่านไห้ทรวงพัง ฯ
๏ ราชกิจฤๅขัดได้จำจร
งานรักษาพระนครเขตด้าว
ชายหาญไยจะรอนหน่ายศึก
จำจะอาสาท้าวกว่าสิ้นแรงตน ฯ
๏ หวังไทตั้งที่ไว้ขุนพล
หมื่นหาญอยู่ในตนเศิกสู้
เราก็เชื้อชาญชนสามารถ ศึกแฮ
ดั่งนักเลงปี่รู้เป่าเหล้นลองเพลง ฯ
๏ โหรกำหนดฤกษ์ลี้พลากร
ชลมารคจากนครรุ่งเช้า
สามโมงฮ่าบาทจรพุธสิบ สามนา
แรมเดือนยี่เร่งเร้าพลเท้อญมีชัย ฯ
๏ แล้วทูลชุลิตเบื้องอำลา
นบบาทใส่เกศาจักเต้า
เนาหน่อวงศ์อนุชาหลายเสด็จ
ข้าธุลีกราบเกล้าทั่วท้าวหาญพล ฯ
๏ สมเด็จนรนาถไท้อยู่หัว
ประทานฉลององศ์ตัวจีบริ้ว
มาลากุหล่าฉลัวเทริดเส้า สูงนา
ยี่กาเล่ห์ลายพลี้วอย่างนอกเรือนพลอย ฯ
๏ ประดับด้วยทมราชเนื้อน้ำขาว
อีกผูกดอกไม้พราวเพชรพร้อย
แซมขนวายุภักษ์หาวปลิวสะบัด
ธำมรงค์เพชรนํ้าย้อยเทียบแท้ปอกบัว ฯ
๏ แล้วประสาทอาญาให้พึงขาม
ใครผิดในสงครามอย่าเว้น
พระหลวงหมื่นขุนตามโดยทัพ
เอาไว้จักเป็นเช่นศึกผ้ายเสียชัย ฯ
๏ ตามอัยการศึกชี้โบราณ
โดยสิทธี์ผิดประหารอย่าไว้
แม้นชอบรอบริการบำเหน็จ
เสื้อสนอบเงินให้เลื่อนที่หมื่นขุน ฯ
๏ แล้วประทานฉลองให้เนาวงค์
ดิ่งประคำทองลงยาสายสร้อย
ถ้วนทั่วทุกทุกองค์โดยชอบ
ตามลำดับใหญ่น้อยจัดให้โดยธรรม์ ฯ
๏ บำเหน็จเสื้อผ้าขลิบครุยทอง
พระยาหลวงนายกองท่วนหน้า
ขุนหมื่นพันร้อยรองหมวดสิบ
ทนายปืนขุนช้างม้าสรรให้ตามควร ฯ
๏ พระบํระสาทชัยให้ทั่วกัน
ไบํอย่ามีไภยันใหญ่น้อย
ข้าศึกสู้ต่อบํระจัญแพ้พ่าย
ตายด้วยตาวยับหย้อยนอบเกล้าสยองเศียร ฯ
๏ รับพรธิราชไท้ใส่เศียร
ทั่วชุลิตจากมนเทียรที่เฝ้า
เร่งให้แจกหมายเขียนกำหนด กองนา
พร้อมกันสามโมงเช้าฤกษ์ลํ้าศุภวาร ฯ
             

เตรียมการ

๏ เสร็จจากนิเวศเท้าเนาวัง
ลดองค์ลงสถิตยังยี่ภู่
ข้าในกรมแน่นบํระดังเฟี่ยมเฝ้า
เตรียมจะโดยเสด็จสู้ขจัดเสื้ยนศึกผจญ ฯ
๏ เสื้อสนอบผ้าโพกเกล้าชายครุย
บำเหน็จทุกนายฉุยทั่วหน้า
แต่งกายดูกรายกรุยองอาจ
แม้นทหารกลั่นกล้าเศิกได้ต่อผจญ ฯ
๏ พระโหรมาพรั่งพร้อมชาวงาน
ตั้งตั่งดาดเพดานเศวตรล้วน
วงด้ายมงคลการบาตรนํ้า ปริตพ่อ
ผูกพระแสงสรรพยุทธ์ถ้วนครบเครื่องพระสนาน ฯ
๏ให้เก็บยอดมิ่งไม้หลายพันธุ์
มิตรชอบผูกทัดกรรณชื่อใช้
ที่ต้องนามไภยันรองบาท
ลาดที่สรงปูไว้เสร็จนั้นสรงสนาน ฯ
๏ แล้วปลูกศาลเทพไท้เพียงตา
ปูผ้าวงกาสารอบเท้า
ตั้งบัตรใส่เครื่องกระยาธงฉัตร
บายศรีตั้งต่อเข้าฤกษ์น้อมเทวัญ ฯ
๏ จึงเชิญบรมธาตุทั้งพระชัย
วัฒนามาตั้งในตั่งด้วย
แล้วให้ยกฤทธิไกรธงศึก
ลงคำสียอดกล้วยต้องด้วยสีวัน ฯ
๏ พอบ่ายสามโมงพร้อมคณะสงฆ์
สมเด็จอริยขัตติยวงศ์อีกทั้ง
อันดับสี่สิบองค์เศษเก้า
ราชาคณะหลายหนั้งอันดับทั้งบาเรียน ฯ
๏ จึงเสด็จยังที่ทอดอังกร
บูชิตขอสวัสดิพรเลิศล้น
สมาทานเบญจศีลสอนบำญัติ
ทรงพระมงคลหยันปริตซ้องทรงฟัง ฯ
             

ครวญลา

๏ สวดเสร็จเสด็จคืนเข้าเนาใน
ดำเนินทอดถอนใจโอ่น้อง
ฤๅพี่จะจำไกลหวนสวาท
แม่จะได้ใครพร้องเพื่อนน้องสนองคำ ฯ
๏ ถึงประทับแทบแถ้นอ่อนองค์ นะแม่
จำจิตจำใจจงจากน้อง
ตั้งแต่เนิ่นเสน่ห์ปลงร้อนจิต พี่เอย
มาแม่มาจักต้องหนึ่งน้อยจักไกล ฯ
๏ ประทับอุระโอ้อาดูร อกเอย
อยู่หลังจงอนุกูลทั่วข้า
กุศลแม่อย่าสูญเร่งเพี่ม ทำนา
จักได้พลันเห็นหน้าสู่น้องเร็ววัน ฯ
๏ พิศพักตร์หักโศกเศร้าฉันใด กูเอย
รักฤๅเคยรักไกลเร่งเศร้า
แนบเนื้อเนื้อเย็นใจร้อนดับ
หนาวพี่แอบอุ่นเคล้าฤๅเว้นเทียมผทม ฯ
๏ จุมพิตพิศโฉมแล้วถอนใจ
บำราศพิศทำไฉนนะแม่
เร่งพิศสุชลไหลสุดกลั้น กลืนนา
เร่งคะนึงตะลึงแท้เนตรช้ำนองชล ฯ
๏ นํ้าเชี่ยวจักทดสู้ลงรอ
การสงครามฤๅขอขัดได้
เป็นแต่นายใช้พอเบี่ยงบ่าย ได้แม่
เงินคำควรคึงให้เทียรย่อมห่างชม ฯ
๏ จวบคํ่ายิ่งช้ำโอ้อนา ทรเอย
ยังอยู่แต่ทิวาเดียวแล้ว
จะร้างรสเสน่หาสิ่งสุข นะแม่
จงพระน้องอยู่แคล้วโรคร้อนรันทำ ฯ
๏ ขอฝากเทพยเจ้ารักษา
บรรดารับเครื่องกระยาที่ให้
กุศลอุทิศธาราหลั่ง
ให้พระน้องขจัดไข้เสื่อมเศร้าโศกวาย ฯ
๏ นาฬิกายามล่วงแล้วไสยา
มาแม่มาเทอญมาแม่แม้
แนบบรรทับอุรภาค์พี่น่อย
รุ่งจะจำจากแล้เร่งให้เชยชม ฯ
๏ ต่างเชยต่างท่อถ้อยสนองกัน
อวยสวัสดี์พรถนอมขวัญเร่งเศร้า
ราตรีฤๅวายกระศัลย์พรับเนตร เลยนา
จนดุเหว่าเร่าเร้าเร่งรุ่งไยเร็ว ฯ
๏ ซ้ำยินสกุณไก่เพรียกตื่นตา
กาเซ็งแซ่แถกถาร่อนร้อง
แม่เอยจวนนาฬิกาจักรุ่ง แล้วเอย
พักตร์ซบพักตร์พักตร์ซ้องอืดไห้ทวีครวญ ฯ
             
ร่าย
๏ เวลาจวนสั่งเสร็จ จักเสด็จจากอาสน์ ถนอมนาฏพระนุช กำสรดสุดถอนใจ ฤๅครรไลไปรอด ทิ้งกายทอดทุ่มตน โอ้นฤมลแม่นา ดังดวงตาหัทไทย ชีพิตไว้โดยเดียว เกรียกแสนเสี้ยวภัคินิศ ร่วมอุทรชิดบปาน เคยแต่สมานคืนคํ่า ฤๅจะปลํ้าใจจาก โอ้กรรมพรากอันใด แดดาลไห้จนรุ่ง อุทัยพุ่งแสงทอง กรตระกองปฤษฎางค์ สว่างแล้วน้องพี่ ลุกจากที่ยืดองค์ ฝืนดำรงกุมกร มาจะจรจากอาสน์ เสด็จลีลาศด้วยกัน แสนกระศัลย์สุดเสียว ด้วยจะเปลี่ยวเอองค์ จึงโสรจสรงมุขแผ้ว ครั้นแล้วสู่บังคน เสร็จสรงชลวารี ชำระสีมุลทิน ทรงสุคนธ์กลิ่นรำจวน เสด็จโดยด่วนที่เสวย พนักงานเคยเตรียมพร้อม กำนัลน้อมเหลือตรา เฝ้าซ้ายขวาเหลีอไตร ปิ่นสุนงค์ในเจิมจอม เอารสพร้อมพรั่งพรู อาลัยอยู่ทุกตน พ่อกลั้นทนบำราศ แต่กุมารราชเยาว์เดียว แลสุดเสียวอาวรณ์ ด้วยยังอ่อนจะจำไกล ฝืนฤทัยแค่นเสวย สรรสิ่งเคยขืนเคี้ยว รสปราศเปรี้ยวเค็มจืด ยามยืดบรู้รส เร่งรัดทดจักจากน้อง พอเขาสนองทูลเชิญ สงฆ์เจริญชัยพร้อมแล้ว ถอนใจฝืนคลาศแคล้ว สู่ท้องพระโรงพลัน ฯ
             

แต่งองค์

โคลงสี่
๏ อภิวันทน์น้อมเกล้านมัสการ
บรมธาตุพุทธิษฐานตั้งไว้
อีกทั้งปฏิมาบานแจ่มจิต
พระสธรรมอีกสงฆ์ไซ้รับทั้งศีลทรง ฯ
๏ แล้วเสด็จแทบแถ้นสู่ที่สรง
บ่ายพักตร์พายัพจงขจัดร้าย
เสร็จเหนือไม้ลาดลงรองบาท
ให้ข่มนามอรินผ้ายยับย่อยปราชัย ฯ
๏ พระโหรให้ลั่นฆ้องถวายชัย
สงฆ์อวยสวัสดิไกรแซ่ซ้อง
ปีพาทย์กลองแขกไฉนบัณเฑาะว์
มโหรีมี่เสียงก้องฤกษ์ให้สนานสรง ฯ
๏ สรงสนานเสร็จสรงนํ้าพุทธมนต์
พ่อพราหมณ์สังข์กาหลเป่าด้วย
สังข์กลศรดกายสกนธ์ตามเพศ
ถวายยอดไม้มนต์ช่วยโอษฐ์โอ้คำพราหมณ์ ฯ
๏ เวฬุวใบไม้เวทรับมา
ทรงทัดกรรณเบื้องขวาเสร็จไส้
แล้วผลัดพระภูษาเปลื้องถอด
พราหมณ์โหรตำแหน่งได้ต่างช่วงชิงกัน ฯ
๏ แล้วทรงคันธรสฟุ้งกลิ่นเกลา
หวนถวิลพระสุนงค์เยาว์คู่ม้วย
รื้นฝืนสติเนาดำรงจิต ไว้นา
ตั้งสัจกุศลฉ้วยไม่เท้อญเร็วเมือ ฯ
๏ ผินมุขต่อฉายส่องเงาองค์
ปรัดพักตร์แป้งว่านทรงยุทธ์หยิ้ง
แล้วทรงภูษาผจงคำขจิต เขียนนา
แย่งสลับทองพื้นพริ้งต้องด้วยสีวัน ฯ
๏ รัดองค์กรองเขียวพื้นปักทอง
ธำมรงค์ร้อยแถวสองยิ่งค่า
เพชรแมงดาเรือนรองอีกทับ ทิมนา
มรกตสดสีจ้าเทียบเท่าเทียมบัว ฯ
๏ อีกบุษย์เหลี่ยมนอกนํ้าโปร่งใส
หนึ่งโกเมนประไพสนิทเนื้อ
แสงหาวเห็นซับในหนุนเลื่อม เงินนา
มุกดาหมอกเรื่อเรื้ออย่างเล่ห์ควันเพลิง ฯ
๏ นํ้าพิศองค์หนึ่งช่างแตมกู
จักดั่งทับทิมตรูแดงจ้า
อีกเพชรฑูรย์ใสชูซับเนื้อ แข็งนา
สังวาลสามสายกล้าเลิศลํ้าฤๅแคลง ฯ
๏ องค์หนึ่งนพรัตน์เรื้องเรือนรัง
มงคลบ่าก้านฝังเพชรแพร้ว
อีกองค์ใหญ่รอบหวังสำหรับ ศึกนา
เนาวรัตน์ลงขจัดแล้วเนื่องข้างลายพลอย ฯ
๏ ธำมรงค์สิบเบ็ดถ้วนแพลมพลาม
ร้อยรัดพระองค์งามยิ่งไซ้
ทรงคาดออกสงครามต่างสลับ
ประวิชล้วนควรค่าไว้คู่ด้วยจอมพล ฯ
๏ ฉลององค์หงอนไก่ชั้นเดียวทรง
ชั้นนอกจีบบั้นพระองค์ริ่วเรื้อย
รัดเข็มขัดเพชรประจงเหมาะมั่น
ขัดกั้นหยั่นสร้อยเฟือยดอกไม้ประจำงาม ฯ
๏ พระประคำทองร่อนเรื้องสวมทรง
สอดสังวาลกุดั่นผจงเพริศพรื้ง
ทั้งพระดิ่งตะกรุดลงสายถัก คำนา
อีกเครื่องนพยศหยิ้งเคยได้ทดลอง ฯ
๏ แล้วทรงธำมรงค์นื้วหัตถา
เพชรสองทรงเบื้องขวารุ่งเร้า
มรกตเขียวจับตาซ้ายสอง องค์แฮ
ทรงมาลาเทริดเส้าฤกษ์ถ้าเสด็จจร ฯ
             

ขบวนทัพ

ร่าย
๏ ดวงทิวากรบดบัง บ่ายพักตร์ตั้งเพ่งดู พรุณปรูปรายละออง พอลั่นฆ้องได้ฤกษ์ องศาเบิกแจ่มดวง สงฆ์ทั้งบ่วงถวายชัย อัญชุลิตไหว้อำลา จันทกาลาเคลาคล่อง อาวุธว่องกุมทรง แสงกระบี่ลงลายยา ด้ามนาคาพลอยประดับ สู่พายัพจรลี เศียรวาสุกรีรองเหยียบ ซ้องเสียงเพรียบดุริยางค์ สกุณฤกษ์วางบินมา พอเสียงคลาจากวัง เชิญเสด็จยังโดยฉนวน พิศกระบวนเตรียมคอย เรือที่นั่งงามใช่น้อย ประทับท่าเสด็จลง ฯ
             
โคลงสี่
๏ หงส์ยนตร์ที่นั่งถ้วนสิบสาม
ผูกผ้าป้กเลื่อมพลามเพริศพริ้ง
ดาวกุดั่นจีนจาม-รีพู่ ผ่องนา
พนักหลังลายจำหลักหยิ้งแม่นแม้นกุดั่นทอง ฯ
๏ ม่านเรือจั่วแผ่ล้วนงามตรู
โยงน่าหลังปัศตูหุ้มได้
ท้ายผูกแสงทวนดูเป็นสง่า
โยงน่าผูกง้าวไว้คู่ใช้หอกทรง ฯ
๏ พนักหลังข้างนอกนั้นแสงปืน
สิบองค์ตั้งผูกยืนเรืยบร้อย
ใส่ถุงทองขวางดื่นกันชีพ งามแฮ
หน้าอีกสามบอกห้อยกันชีพพร้อมปัศตัน ฯ
๏ พนักหลังข้างในทอดแสงกริช ผูกนา
ฝักด้ามล้วนคำขจิตข้างละคู่
แสงดาบทอดข้างสถิตซ้ายขวา อีกแฮ
ข้างละสองฤๅรู้เป่าเส้นผมสอง ฯ
๏ ฝีพายกางเกงใส่ริ้วเหลือง
เสื้อปัศตูแดงประเทืองขลิบขั้น
แขนเขียวสลับเมลืองหมวกสอด สีนา
มงคลใส่เหมาะหมั้นทั่วสิ้นลำทรง ฯ
๏ โยงหน้าบันไดแก้ววางปืน
ดาบบโทนผูกยืนสิบถ้วน
เขนงเต้าไถ้กระสุนปืนสำหรับ ลำนา
ทองปรายอาวุธล้วนครบถ้วนพลพาย ฯ
๏ แสงปืนสองนายแหม้นปืนประจำ
อยู่หน้าโยงดูขำเสริดสู้
ใส่เสื้ออัตลัดดำเกี้ยวสี่ กลีบนา
รัตคดคาดมั่นรู้ชำนิแท้ปืนยิง ฯ
๏ ชาวมหาดสี่ลงหน้าล้วนนาย
เวรปลัดนายยามถวายเครื่องใช้
ใส่เสื้อดวงทองรายคาดขลิบ ครุยนา
ล้วนเคยโดยเสด็จใกล้ต่างแทนกำนัล ฯ
๏ ลงท้ายทั้งหมอนวดหมอยา
มหาดสองอีกรักษาเครื่องด้วย
แต่งกายเสื้อเพราตาอ่าอวด
อัตลัดสียอดกล้วยขลิบเกี้ยวทุกคน ฯ
๏ เสด็จสู่ที่นั่งแล้วพลพาย
ยอกรภิวันทน์ถวายนอบน้อม
ลั่นฆ้องสัญญาหมายตั้งโห่
ออกเรือพระที่นั่งพร้อมพยู่ห์เคลื่อนถอยพล ฯ
๏ แซ่เสียงฆ้องกระแตเพรียกทุกลำ
โห่สนั่นกองหน้านำเรื่อยท้าย
เสียงโห่แน่นใช่จำใจโห่
แม้นใครรบฤๅผ้ายชนะแท้ห่อนแถลง ฯ
๏ คนฟังหญิงชายเพรียกอวยชัย
ให้พระยศสวัสดิไกรเทิดพ่อ
พลหาญบรรดาไปโดยเสด็จ
จงอย่าได้ย่อท้อต่อด้วยไพริน ฯ
             
ร่าย
๏ เรือกลองนำออกหน้า สู่นาคาพายัพ มีธงทัพสีแดง จางวางแวงตำรวจ นายลำอวดโอ่อา เสื้อเข้มขาบผ้าโพกขลิบ สามสิบทัดพลพาย ทั้งไพร่นายเศษห้า ปืนคทาครบมือ เหลืองอ่อนเรื่อนาวี เสื้อแดงสีปัศตู โขนทั้งคู่หน้าท้าย ผูกดาวรายผ้ากรองทอง ลำที่สองจวนชวา สีหลังคาชายทองโหมด สิบสองโสดทรงพระชัย พระธาตุใส่ดอกบัวทอง กำมะหยี่รองทองขวางม่าน เพดานในขาวบริสุทธิ์ ธงพิชัยยุทธ์เขียวตามวัน ดาวกุดั่นพู่จามรี ผ้ากำมะหยี่ทองขวางจีน ผู้มีศีลกับโหรา งานรักษาเป็นนายลำ คนธงนำรอบรู้ เคยศึกสู้ทั้งสามนาย ล้วนแต่งกายใส่เสื้อลง ผ้ากระหวัดวงกระแบงมาน ประเจียดว่านย้อมยา เครื่องเตรืยมมาสำหรับยุทธ์ ดิ่งตะกรุดมงคล เพื่อทวยพลจับจ่าย ทั่วฝีพายประจำลำ ใส่เสื้อขำแดงป้ศตู แล้วถึงคู่เรือง้าว อาสาห้าวรามัญ ผูกปืนมั่นหน้าเรือ ดูงามเหลือลำทอง ฝรั่งสองประจำซ้ำ นายลำสมิงทอง หมวกขลิบทองตุ้มปี่ เสื้อกำมะหยี่ดำขลับ นั่งเขนรับสมกัน อาวุธมั่นปืนหอก ธงสีหมอกหม่นหมึก พลพายฮึกเสื้อแดง แม่นลำแข่งคู่หน้า เรือเหราอีกสองคู่ กูบงามตรูสีสักหลาด ธงเขียนมาศดูแดงเหลือง มีครบเครื่องเหมือนกัน สมิงรามัญเป็นนาย พลพายมอญอาสา ปืนใหญ่หน้าจ่ารง ฝรั่งลงทั้งสี่ลำ อยู่ประจำลำละสอง คู่ชิงคลองกระบวนหน้า ศรีนาวาแปดลำ ดูไพร่นายเลิศลํ้า กลั่นกล้าราญณรงค์ ฯ
             
โคลงสี่
๏ ถึงลำพระที่นั่งเจ้าเสด็จทรง
ฝีพายกรายพายผจงเพริศพริ้ง
งามสรรพดูยรรยงสมสง่า
ควรเป็นจอมพลยิ่งเลิศแล้วใครจะปาน ฯ
๏ แล้วล่องลงมาแทบท่าฉนวน
พระน้องส่งเสด็จจวนแพพ้อง
กับแสนอนงค์นวลพรั่งหน้า
คิดจะใคร่เกริ่นร้องสั่งน้องในใจ ฯ
๏ พระน้องประณตน้อมชุลีกร
พี่ก็อวยสวัสดิพรประสิทธิ์ให้
แม่อยู่จงถาวรเสื่อมโศก นะแม่
โรคร้ายอย่ากรายใกล้ศึกสิ้นคืนเมือง ฯ
๏ เรือคล้อยพี่พิศน้องสุดตา
แค้นด้วยตาไยตาหลับเหล้า
ตาเอ๋ยเคืองนัยน์ตาตาเจ็บ ตาฤๅ
โฉมแม่ติดตาเร้าเร่งนํ้าตาคลอ ฯ
             
ร่าย
๏ ต่อกระบวนหลังตาม อ่าอวดงามล้วนที่นั่ง ดูสะพรั่งหน่อพระวงค์ ห้าพระองค์เจ้าโดยเสด็จ หม่อมเจ้าเสด็จอีกห้า เนื่องกันมาเป็นลำดับ พึงพิศสรรพทุกลำ แต่งองค์ขำทุกองค์ ดั่งสุริย์วงค์ระเด่น จะชี้เช่นบควร สิริถ้วนสิบเบ็ด ดุจหาวเห็จเหินฟ้า ถัดลงมาที่นั่งรอง เรือเครื่องสองถึงขุนนาง สองจางวางพระตำรวจ แต่งประกวดตามพระยา พระอาสาทวนทอง หนึ่งพระรองราชปลัด หลวงขุนจัดตามกรม ไพร่หลวงสนมกลางขวาซ้าย ทหารในฝ่ายขวาแบ่ง กลองชนะแล่งแตรบรรจบ อาสาขวาสมทบทวนทอง อาสาญี่ปุนกองสำคัญ แสงพลพันซ้ายขวา เจ้ามหาดจ่าหุ้มแพร เนื่องอัดแอเรือในกรม เริงรื่นรมย์ภักดี เจ้ากรมตรีตราไตร่ ปลัดกรมไขว่ตราตรวจ นายแวงตำรวจรายลำ ปลัดแวงประจำเรือแซง มหาดครบตำแหน่งเวรละห้า นายเวรดาประดังดาษ ปลัดเวรลาดล่องตาม นายยามสามทุกเวร สิริครบเกณฑ์เรือหน้าหลัง เจ็ดสิบหวังเศษหก กรีพลยกเนืองนอง สนั่นสำเนืยงโห่ฆ้อง กึกก้องสาชล ฯ
             
การ
๏ ล่วงจรดลโขลนทวารสงฆ์อวยชัยนมัสการ
น้อมเกล้าอภิวันทน์ ฯ
๏ นํ้ามนต์ปันพรมให้ทั่วทุกลำนายไพร่
ชื่นหน้าใหม่ศรี ฯ
๏ ฆ้องชัยตีแตรซ้องดุริยางค์พิณแซ่ก้อง
ชีพ่อเป่าสังข์ ฯ
             
โคลงสี่
๏ สมเด็จนรนาถไท้ทรงธรรม์
เสด็จยังคงคาสวรรค์ฉนวนนํ้า
ส่งทัพให้ใจบันเทิงทั่ว ทหารนา
ดังองค์อินทร์เลิศซ้ำเชิดหน้าชูชัย ฯ
๏ เรือที่นั่งจรดเข้าเทียบตำหนักแพ
พลพายลงทวนกระแสหยุดยั้ง
พร้อมพรั่งพิศพึงแลท่วนหน้า
ยอกรอัญชุลิตตั้งบาทไท้อยู่หัว ฯ
๏ โองการออกโอษฐ์เอื้อนดำรัส
ไปจงมีชัยสวัสดิ์เทิดผ้อ
ไพรีอย่าเทียมทัดมือต่อ ได้เอย
จงอย่าได้ย่อท้อทั่วเจ้าหาญพล ฯ
๏ รับกฤษฎีกาไว้แหวกเศียร ใส่นา
ไพร่แลนายหนึ่งเจียนสู่ร้อย
ถึงจะด่วนคระวีเวียนเห็จเหาะ มาฤๅ
หวั่นฤๅเท่ากิ่งก้อยไม่เท้อญอย่าแถลง ฯ
             

จากกรุงเทพ ฯ ถึงคลองสุนัขหอน

ร่าย
๏ พลพายเร่งถ้วนหน้า แลนา เคลื่อนนาวาคล้อยตำหนัก แลนา แปรพักตร์เห็นสุนงคํใน แลนา หวั่นฤทัยถึงพระน้อง แลนา เมินพักตร์...(ต้น ฉบับเลือน)...
             
โคลงสี่
๏ สังข์กระจายนามวัดหน้าฉงนฉงาย
สังข์ใครมาตกทลายแตกนี้
ฤๅว่าสงฆ์เที่ยวกระจายกันอยู่
ใครยังรู้บ้างชี้นามให้หายแคลง ฯ
๏ เล็งเรือนราษฎรรั้วเชิงสวน
ร่างไร้ฤๅพิศควรเกลียดเหย้า
ถวิลบ้านปานนี้ครวญเยือกสงัด แล้วเอย
อกระหวยซ้ำเศร้าหั่นหั้นหัทไทย ฯ
๏ จักไปบใคร่แคล้วทรวงพี่ นักนา
คิดใคร่คืนสมศรืแนบน้อง
กลับใดอย่าไปดีโทษท้าว เคืยดฤๅ
ตริรวนเรจำต้องสู่สู้สงคราม ฯ
๏ หนหลังเสาวภาคย์ล้วนห่วงรัก
ดับฉันใดจึงจักเสื่อมเศร้า
เรือมาแต่เพียบหนักทั่วทุก ลำนา
ฤๅเท่าหนักรักเร้าตํ่าหน้าจำจร ฯ
             
ร่าย
๏ คลื่นนิกรเร่งรัด แลนา ถึงหน้าวัดอินทาราม แลนา ถัดคลองข้ามเนึ่องกัน แลนา นามวัดจันทร์อยู่กลาง แลนา ราชคฤห์สร้างนามเปลี่ยน แลนา ลานวัดเตียนดูสนุก แลนา สงฆ์สวดทุกอาวาส แลนา ยลแม่ค้ากลาดถอยทรง แลนา ไยมาลงเมินหน้า แลนา อายทำตาเย้าทัพ แลนา เกลี่ยตารับแสร้งเขิน แลนา ผ้าเลี่อนสะเทินห่มใหม่ แลนา เร่งพายไปอย่าแล แลนา ถึงคลองสะแกแน่นบ้าน แลนา ถับถึงด่านบางหลวง แลนา หวั่นทรวงล่วงด่านแล้ว ต่อใดจักได้แคล้ว กลับเหย้าสู่วัง ฯ
             
การ
๏ เรือหลังซ้ำเสียดซ้องสนั่นเพรียกถุ้มเถียงร้อง
เมื่อเลี้ยวชิงกัน ฯ
๏ ปากง่ามนั่นเชี่ยวนํ้าพายห่อนดีเรือขวํ้า
แต่โพ้นหลากหลาย ฯ
             
โคลงสี่
๏ ดลวัดปากนํ้าเร่งรำคาญ
เจ็บใดยิ่งจากสถานฤเถ้า
สรรพสิ่งแต่กันดารขาดทั่ว แคลนนา
ใจเอ๋ยกลับยืดเย้าแจ้งน้องด่านเลย ฯ
๏ ถึงคลองปากบางวัดขุนจันทร์
ถวิลน้องรุมกระศัลย์มุ่งหล้า
เนาวังยามสายัณห์ศุกรป้กษ์
เคยแม่เคยสู่หน้าต่อด้วยแสงบุหลัน ฯ
๏ ดลอาวาสหนึ่งนั้นนามสุกร
ล้วนบ้านจีนแคะคอนหมูค้า
หากินผิดโลกอุดรมิจฉา ชีพเอย
มีอบายเที่ยงเบื้องหน้าเพราะฆ่าสุกร ฯ
๏ กับแทบอาวาสวัดนางชี
แอหนังฤๅเห็นมีไหนเหล้า
เขาสนองโพ้นเดิมทีมีคณะ ชีนา
พวกกำเดาะหนุ่มเย้าต่างลี้ชีสูญ ฯ
๏ ถึงบ้านเผาถ่านไร้ดูเรือน
รุงรังรุกรุยเหมีอนหยากเหยื้อ
ผิว่าพิศใจเตือนกลัวอา เจียนเอย
อยู่สักหยาดหนึ่งเบื้อไม่แล้ตรอมตาย ฯ
๏ ดลคลองอิตุแหน้นบ้านคน
ลงมาอัดริมชลรูปร้าย
เหนื่อยหน้าหน่ายตายลหมกสาบ
แม้ดั่งนี้ยาคล้ายติดแท้ตุตัง ฯ
๏ จรทุกจรเทิ้นแทบวัดหนัง
ยินนามเร่งถวิลหวังเมื่อน้อง
ยลหนังเรื่องกังตั๋งชื่นชอบ ใจนา
ถ้อสำรวลชวนพร้องยั่วเย้ายวนใจ ฯ
๏ คลี่พลไคลเนาวัดนั้นนางนอง
หวั่นเทวษรุมเร่งหมองช่ำหั้น
จำไปด้วยใจปองต่อภัก ดีนา
อดอย่าเยียวเดียวกลั้นนองนํ้าตากลืน ฯ
             
ร่าย
๏ นาเวศดื่นกลาดหลาย เร่งพลพายคลาดคลา ถึงบางหว้าบางค้อ จรดวัดต่อจอมทอง ถับถึงคลองขุนเทียน ชะวากทุ่งเตียนปทุมน้อย คลองสวนอ้อยปทุมใหญ่ ดลวัดไทรบางมด จรจรดบ้านตะพุ่น นํ้าขอดขุ่นรำคาญ ล่วงระยะบ้านบางระแนะ ล้วนแค่นแคะหากิน เถื่อนแถวถิ่นเยงโยง ถึงสำโรงบางบอน สวนเชิงดอนแนวตลิ่ง ถึงวัดสิงห์บางสิบบาท นาเวศคลาดบางกก วัดร้างรกดูมลาก ถึงวัดนากวัดเลา แล้วนาเจ้ารามลักษมณ์ ดลตลิ่งหักท่าข้าม ฝั่งรำรามมากมี ลุคลองศีรษะกระบือ ล้วนพงปรือพงแฝก พงแขมแทรกพงคา แต่พงหญ้าพงเลา ล่วงถึงเสาพรมแดน อำเภอกำหนดแคว้นพระราชสีมา ท่านนา ฯ
             
โคลงสี่
๏ กรีพลรีบเร็วลํ้าล่วงจร
ลุสมุทรสาครต่อแคว้น
พอสุริยทิพากรเที่ยงเท่า
เร่งพายให้เรือแหล้นจักได้พักพล ฯ
             
การ
๏ ดาลกระมลเหิมเศร้าโอ้ปานนี้หนุ่มเหน้า
แม่เอ้ยฉันใด ฯ
๏ พิศหมู่ไม้เทวษแท้ตูบเต็มตาแล
แลเหล้นตามจน ฯ
             
ร่าย
๏ กุ่มกอกก้านกิ่งก้อม คดโค้งค่อมขันคู่ หมู่ลำพูลำแพน ตะบูนแน่นปนตะบัน มะฝ่อฟั่นลำบิด เหล่ากชิดหัวลิง ปริกปรูปริงเปราะปรง หิงหาดหงเหียนหัน แคคุยคันตอเค็ด พิศผลเมล็ดหลายหลาก บรู้จักมีมาก ใคร่รู้นามใด ฯ
             
การ
๏ ชาวมหาดไขไม้นั้นโดยประจักษ์จำหมั้น
ชี้ชื่อสนองทูล ฯ
๏ ครั้น ธ แจ้งมูลนามแล้วโอ้เวรใดจากแก้ว
พรากได้มาชม ฯ
๏ คำนึงลมเปล่าว้าปนในใจเพียงบ้า
เพื่อร้างแรมสมร ฯ
             
ร่าย
๏ ทรวงดังขอนรุมไหม้ แลนา เรือครรไลบนาน แลนา แทบสถานคลองลัด แลนา สองฝั่งขัดชายเฟือย แลนา แลตรงเรื่อยเรือน้อย แลนา เร่งละห้อยกรรหาย แลนา พิศไพร่นายทุกคน แลนา โดยสถลกันดาร แลนา ล่วงแดนบ้านแดนนา แลนา บางพร้าน้อยคลองหนึ่ง แลนา ล่วงลุถึงแสมดำ แลนา มีบ้านทำฟืนขาย แลนา ล้วนแสมรายดงชัฏ แลนา อีกคลองลัดพร้าใหญ่ แลนา เข้ามหาขัยแลลิ่ว แลนา งามเรือทิวแถวถ่อง แลนา บรรลุคลองโคกขาม แลนา สองฝั่งข้ามมีบ้าน แลนา เถื่อนถิ่นฐานบ้านนอก แลนา ภาคภูมิบอกขัดสน แลนา ถึงตำบลบางขอม แลนา เร่งร้อนตรอมใจเศร้า แลนา ดลโคกเตำตะวันออก แลนา เขาบอกตำบลชี้ แลนา ว่าทรัพย์มีภูตเฝ้า แลนา นาเวศเนาเจตน์จาก แลนา สองฟากมีอาราม เรือที่นั่งเร่งบากข้าม ประทับท่ามหาชัย ฯ
             
การ
๏ เรือกลองชัยแปลงช้อนปี่รี่เรื่อยโอษฐ์อ้อน
หน้าฉนวนถวายลำ ฯ
๏ หลังเสริดสํ่าเสียดแซ้ชิงกันจอดฝั่งแล
เยียดยัดอึงอล ฯ
             
โคลงสี่
๏ ลับถึงดำหนักร้อนมหาชัย
เพลาอรุโณทย์ไคลคล่อยคล้อย
จึงเสด็จจรครรไลสู่พลับ พลานา
ทวยพลอัดยัดร้อยเฝี่ยมเฝ้าบาทบงสุฯ
             
การ
๏ ชาวบุเรศตรงต่อไท้ต่างมาเคียมคัลไหว้
เนื่องด้วยคำนัล ฯ
๏ ธ ให้ปันแบ่งส่วนนายไพร่ทุกคนถ้วน
ทั่วหน้าฤๅหลอ ฯ
๏ อยู่พอเลี้ยงกันเสร็จสรงเสวยแล้วรีบเสด็จ
จากประทับโดยพลัน ฯ
๏ หมายสำคัญอ่าวออกด่านทวารชั้นนอก
ชะวากเวิ้งใหญ่หลวง ฯ
๏ กระหนห่วงถึงน้องทอดหน้าลงใคร่ร้อง
ซ่อนหน้าใครเห็น ฯ
             
ร่าย
๏ แสร้งเสเล่นเจรจา จนนาวาลุแหลม พิศสะแกแกมลำพู ตะบูนหมู่ปลอมแสม เหลียวลานแลเหล่าลิง ไวว่องวิ่งเวียนวน คอกขู่คนคึกคัก ห้าวฮึกฮักหกโหน โดดดื่นโดนดุดัน ปูเปี้ยวปั่นปี้ป่น เกลื่อนกลาดกล่นกลอกกลับ แลล่วงลับแหลมแล้ว โอ้พระนุชน้องแก้ว ฤๅได้มาเห็น บารนี ฯ
             
โคลงสี่
๏ นาเวศลีลาศเต้าลุถึง
เมืองสมุทรสาครรึงรุ่มร้อน
เห็นเมืองฤๅพิศพึงย่อมน้อย หนึ่งนา
อยู่ตามจนแค่นข้อนอยู่ได้ฉันใด ฯ
๏ ยลชายโดยทัพสิ้นห่อนมื
พิศหญิงร่างไร้ดียากได้
ลำเนาหากินทวีของบาป
บุญเราทำอย่าให้ปะแคว้นประมง ฯ
๏ หงส์ยนตร์ที่นั่งล่วงท้ายเมือง
ท่าจีนระยะเปลืองสู่หน้า
ดลบางจีนเตี้ยเหมืองทำนํ้า
ล้วนแต่คนหยาบช้าเกลียดหน้าอย่าแล ฯ
             
การ
๏ เขาสนองแน่ชี้บ้านบางขนของขี้คร้าน
ยลแล้วเลยไป ฯ
๏ มิทันใดจรจรดบ้านปากคลองขุนคช
หย่อมเหย้าฤๅงาม ฯ
๏ ถึงนามบางอ้อเจ้าหวั่นจิตคิดเสนหาเหน้า
รับน้องเสด็จโดย ฯ
๏ รักกรรโหยระทึกท้อถึงตำบลบ้านบ่อ
กลับเท้อญฤๅไฉน ฯ
๏ ใช่แต่ใจเองนั้นโองการใช่มาหั่น
เศิกสู้สงคราม ฯ
๏ เขาแจ้งนามคลองแสดงนั่นอิรำท่าแร้ง
เกลืยดชื่อจริงเจียว ฯ
๏ สักประเดี๋ยวล่วงแคล้วถึงคลองลัดสระแก้ว
ขุดไว้ฤๅนาน ฯ
๏ บรรลุบ้านนาขวางนาเกลือเตียนไม่ว้าง
แลลิ่วสุดตา ฯ
๏ เร่งนาวารีบรื้อพอถึงต้นย่านซื่อ
คํ่าคลุ้มอัสดง ฯ
             
โคลงสี่
๏ สุริยงลับเหลี่ยมเยื้องขุนเขา
ดารินกล่นพันเหาเยี่ยมฟืา
หวนถวิลสุนงค์เยาว์เหียมหื่น ใจนา
ฤๅฉันใดเห็นหน้านึกหน้าเห็นนาม ฯ
๏ ดาวจรัสสร่างส่องหน้าจ่อใจ
เรียมเรียกนุชไปไหนใหม่พร้อง
เอะแล้วมะเมอไปกระมัง กูเอย
อายโอษฐ์แสร้งเสร้องบทแก้กลอนเลย ฯ
๏ ดาวฤกษ์นึกพิศเจ้าจอมสมร เรียมเอย
นอกฤกษ์ดาษอัมพรทั่วหล้า
เหมือนอนงค์สลับสลอนเฝี่ยมเฝ้า เราแฮ
ชาวสนมปานนี้หน้าครํ่านํ้านองชล ฯ
             
ร่าย
๏ จรดลล่วงเลี้ยวลด แลนา สามสิบสองคดยาก แลนา ลำบากด้วยกลางคืน แลนา เรีอดาษดื่นแออัด แลนา หน้าท้ายระมัดหลักตอ แลนา พรํ่าให้รอเรือหลัง แลนา บทันยั้งโดนกัน แลนา หน้าเหียนหันบอกท้าย แลนา ท้ายจะบ่ายบอกหน้า แลนา คลับคลาด้วยฟางไฟ แลนา ตกปลายย่านซื่อได้ ขุดคดจริงเจียว ฯ
             
การ
๏ พริบตาเดียวโรงเข้ถึงสุนัขหอนเป็นเล่ห์
ขาดนํ้าขอดลง ฯ
             

จากคลองสุนัขหอนถึงสมุทรสงคราม

๏ ธ ให้หยุดจัตุรงค์หยุดยั้งแออัดค้างเลนตั้ง
คํ่าแล้สองยาม ฯ
๏ สี่ด้านตามตลิ่งล้อมฟากละสองกองพร้อม
เกริ่นฆ้องเกราะตี ฯ
๏ เสียงมะมี่ยุงเร้าแสบเนื้อฤๅแสบเท้า
แสบเนื้อไกลนวล ฯ
๏ ชวนกันสรวลแก้เศร้าใครจำสิ่งใดเหล้า
เรื่องโพ้นบรรยาย ฯ
๏ เอนระงับกายสักน้อยกรกองเขนยไห้ละห้อย
หมกไหม้หัวใจ ฯ
๏ ปรานีไทเท่าน้องปานนื้เปลี่ยวเปล่าห้อง
อยู่เดียวกำสรวล แม่เอย ฯ
             
โคลงสี่
๏ เจ็บรักเจ็บรสร้อนฤๅดี เยียวนา
เจ็บคิดเจ็บคืนลีลาศเหย้า
เจ็บเช่นใครปรานีวานฉ้วย สิลา
พาเห็จเหาะสมเหน้ารุ่งเช้าจึงจร ฯ
๏ เจ็บถึงโอรสน้อยดวงใจ พ่อเอย
เจ็บฤๅดีเป็นไฉนใคร่รู้
เจ็บรักไปเดียวไกลเร่งเจ็บ ทรวงนา
เจ็บคิดสุดเจ็บสู้ซ่อนให้ใครยิน ฯ
๏ เจ็บถึงพระน้องผู้นายประกัน
เจ็บแม่เคยเกษมสันต์จักเศร้า
เจ็บสุดจะรำพันเจ็บยิ่ง เจ็บนา
เจ็บฉันใดแม่เจ้าจักได้นำเสนอ ฯ
๏ เจ็บถึงเอารสสิ้นทั้งหลาย
บุตรีกุมารสายสืบเนื้อ
เจ็บชาวแม่สนมหมายนึกหน้า ถึงนา
เจ็บข้าบาทชิดเชื้อทั่วทั้งวังใน ฯ
๏ เจ็บชู้ฤๅเจ็บสู้จำจร
เจ็บฤๅไวใจสมรห่อนได้
นํ้าค้างใบตองบอนเยียวง่าย ใจนา
เจ็บละชู้ร้างไว้ห่อนไว้ใจเลย ฯ
๏ เจ็บชู้นับหมื่นเสี้ยวหนึ่งสนม
หมื่นอนงค์เจ็บระบมเทียบเท้า
หนึ่งพระน้องร่วมภิรมย์เจ็บจาก มาแม่
เดชะสัจเทพเจ้าช่วยเท้อญคืนพลัน ฯ
             
ร่าย
๏ แสงบุหลันเรื่อฟ้า ล่วงนาฬิกาสิบทุ่ม ฤๅทัยกลุ้มห่อนหลับ นํ้าขึ้นจับเปี่ยมฝั่ง ทุ่มฆ้องสั่งสัญญา ปลุกโยธาทวยพล เสียงอึงอลเซงแซ่ เรืออัดแอเสียดซ้อง ชิงเข้าคลองเยียดยัด คลองแคบอัดเหลือตรา คลับคลาเนื่องเหลือไตร ถึงมะขามใหญ่ท่าข้าม ล่องตามนํ้าเชี่ยวโชน ดลเสาประโคนกำหนด ท่าจีนจรดแม่กลอง ถึงปะโคกคลองบางปืน แสงหิรัญแผ้วพื้น หลากหล้าฟ้าขาว ฯ
             
การ
๏ ดับเดือนดาวคลาดคล้อยจวนรุ่งตกตํ่าต้อย
กลั้วนํ้าตาเตือน ฯ
๏ ประกายพรึกเหมือนนึกหน้าสุกปิ้มย้อยหยัดฟ้า
พักตร์น้องพะเยียร้อน ฯ
๏ ไก่สังหรณ์ขันเร้าดังแกล้งยียวนเย้า
เร่งร้อนใจถึง ฯ
๏ ดุเหว่าอึงเกริ่นร้องเวลาเคยแนบน้อง
อุ่นโอ้แอบองค์ ฯ
๏ กางเขนส่งเสียงพลอดจอจ้อจ่อจ้อจอด
พลอดคู่แข่งเสียง ฯ
๏ กดพุ่มเมียงเร่งนํ้าเป้อปะปูดเปิงช้ำ
ไม่แล้อยากยิน ฯ
             
ร่าย
๏ ภู่ภุมรินร้องเรื่อย ลมว่าวเฉื่อยฉุนสมร นํ้าฟ้าร้อนอุรัศ สะพัตรผ้าคลุมทรง ฤๅอุ่นองค์เยือกเย็น จนพุ่งเผ่นองศา แจ้งอัมพรผุดใหม่ พอทัพแทบบางสะใภ้ รุ่งหล้าแดดเรือง ฯ
             
โคลงสี่
๏ ชาวมหาดเนืองหน้าแทนกำนัล
งานเตรียมทุกสิ่งสรรพ์พรั่งพร้อม
ฟืนองค์จากที่บรรจ-ถรณ์สถิต
ต่างถวายเครื่องซ้องย่อมเที้ยรอยู่วัง ฯ
๏ เขาสนองบางหนึ่งนั้นนามมี
คลองลัดเป็นล่วงลีลาศเต้า
พลพายรีบเต็มทีจะประทับ เมืองนา
ถับถึงบางตะบูนเข้าวัดใต้ปากคลอง ฯ
๏ สงฆ์ลงนาเวศเที่ยวภิกขาจาร
หยุดเรือที่นั่งบานจิตน้อม
เจิมใจเสริมใสสานต์โสมนัส
จัดเครื่องสรรสิ่งพร้อมใส่ข้าวบาตรสงฆ์ ฯ
๏ จึงทรงอุทิศตั้งปรารถนา
ขอจงพบศาสดาโปรดด้วย
พร้อมทั้งอรหัตสัมพิชาดับพบ
ป้จจุบันบุญจงฉ้วยลาศเหย้าอย่านาน ฯ
             
การ
๏ พิศสวนบ้านริมนํ้านาวาเรื่อยเร็วลํ้า
ท่าลัดคลองเดิม ฯ
๏ ครรไลเกินคลาดแคล้วถึงคลองสระจันแล้ว
อีกโคกเดิมมี ฯ
๏ พอเพลาตีโมงเช้าถึงสมุทรสงครามเข้า
เพริศพร้อมพักพล ฯ
             

จากสมุทรสงครามถึงราชบุรี

ร่าย
๏ ประทับดลยังฉนวน ชาวงานจวบจวนจับงาน แต่งสถานโดยเขบ็จ รับเสด็จยังพลับพลา เพดานผ้าขาวดาด เสื่อพรมลาดม่านแพรพรรณ พนักพันผ้าขาว อีกพันราวทางเสด็จ ทอดยี่ภู่เสร็จเขนยทอง นํ้าสรงตรองเตรียมสรรพ ที่สำหรับบังคน ผ้าชุบชลทรงผลัด ชาวมหาดจัดเสร็จแล้ว จึงเสด็จจรคลาดแคล้ว ประทับแทบพลับพลา ฯ
             
การ
๏ พร้อมโยธาข้าบาทกรมการแน่นเกลื่อนกลาด
เฟี่ยมเฝ้าอภิจันทน์ ฯ
๏ เนื่องพากันมาออกชายหญิงจีนบ้านนอก
คำนัลมากมี ฯ
๏ ทูลบาญชีถวายแล้วสั่งให้แจกทวยแกล้ว
ทั่วสิ้นมูลมวล ฯ
๏ เขาเชิญชวนนายไพร่อาหารเอามาให้
เลี้ยงทั่วทุกคน ฯ
๏ บายศรีรับมาตั้งทำขวัญเรือที่นั่ง
ครื้นครั่นดุริยางค์ ฯ
๏ เขารีบวางเรือกระบวนเพลาจรเสด็จจวน
คลาดเคลื่อนจัตุรงค์ฯ
             
โคลงสี่
๏ บังคนสรงเสร็จแล้วเสวย
โอ้ฤๅเคยมาเคยแค่นเคี้ยว
ขาดพักตร์สุนงค์เชยเฝี่ยมเฝ้า กูนา
ดิบรสจืดปราศเปรื้ยวแค่นเคี้ยวขืนกิน ฯ
๏ แล้วตริราชการใช่บนาน
ดำรัสสั่งกรมการทั่วหน้า
ทัพรักษาบางจานแก่งไผ่
เร่งลำเลียงอย่าช้าขาดข้าวจวนแกน ฯ
๏ เสด็จเรือที่นั่งให้กรีพล
กำหนดฆ้องกาหลโห่ห้าว
จากสมุทรสงครามดลที่ประทับ
เพลาสามโมงเช้าคลาดเคลื่อนพลพฤนท์ฯ
             
การ
๏ ดังไหวดินฟ้าขวํ้านองระลอกกระฉอกนํ้า
แหล่งหล้าอึงอล ฯ
             
ก้านต่อดอก
๏ หงส์ยนตร์ที่นั่งวิ่งว่องไวจริงแทบเทียมลม
พลพายไล่ระดมชมไชเยศประเวศคลา ฯ
๏ กระบวนหน้าเคลื่อนนำพลสะบัดบนทั้งสัญญา
กระบวนหลังเรือเหลือตราคลาเยียดยัดอัดสาคร ฯ
๏ เริงรื่นทั้งนายไพร่มาดมุ่งหมายจักราญรอน
ศึกสู้พลันม้วยมรณ์ต้อนต่อยตับพรับตาเดียว ฯ
             
โคลงสี่
๏ ลับถึงบางกั้งลาศเล่นแล
กั้งมาปนปูแสมใช่ชู้
ปูทะเลหม้ายลอยแพกินผู้ ผัวเอย
เห็นหญิงคิดประวิงชู้ห่อนไว้ใจหวัง ฯ
             
ร่าย
๏ สองฟากฝั่งรัถยา แน่นพฤกษาถิ่นสวน ดังจะชวนแวะชม รื่นราบร่มบงซาง ล่วงลุบางนางจีน เชิงสวนตีนเลนสนุก ทุกบ้านทุกเรือนราย หมากพร้าวหมายแม้นเมฆ มะพร้าวเอกอันดก ตกจั่นตักตั้งดิน ลางพันธุ์กินเปลือกได้ ลางพร้าวไฟกะทิพันธุ์ ลางต้นนั้นเถนทุย บ้างต้อมตุ่ยพร้าวซอ แน่นรอบคอพันฝาด หงส์สิบบาทนาฬิเก พันธุ์ทะเลนาควารี อีกหมูสีนํ้าหอม พันธุ์เขียวขอมพร้าวเตย พิศจนเลยคลองโพงพาง เนาหนึ่งบางสวนหลวง ดูอเนกมะม่วงหลายเหล่า อัมพาเผ่าอัมพา ลุอัมพวาอีกมี ตาลตานีม่วงมัน ทิพรสพันธุ์แขกเต้า อีกแมวเซาหมอนทอง พันธุ์ตาลรองปากกระบอก ม่วงละมุดซอกส่งกลิ่น ลางร่องสิ้นม่วงทุเรืยน พรวนเสนเสียนกะล่อน พันธุ์ม่วงซ้อนชู้นัด ไอ้อวบอัดตับเป็ด ยินชื่อเข็ดพราหมณ์ขายเมีย ลางร่องเตี้ยตํ่าต้อย สาวละห้อยทืบหอ พิศพึงพอสังขยา พุ่มเสนหมาไม่แล ม่วงป่าแท้ทองคำ ทองขาวนํ้าตาลจีน แฟบหน้าปีนดกเด็ด ขี้ไต้เข็ดปราศเปรี้ยว มะตูมเขียวไข่กา ม่วงพลัดหลาหลายพันธุ์ ม่วงสำปั้นป้อมเปาะ อีกหมู่เหมาะทองปลายหัตถ์ ต้นแขนขัดวลัย ยังที่มิจำได้ ม่วงอื่นหลายพันธุ์ ฯ
             
การ
๏ แสนกระศัลย์โหยระหวยแม้นพระน้องเสด็จโดยด้วย
จะชี้ชวนชม ฯ
๏ ร้อนระบมทรวงยับเจ็บเรียมเจ็บโดยทัพ
โอ้เอ้องค์เดียว ฯ
๏ สวนในเลี้ยวสวนนอกใช่แต่พร้าวม่วงดอก
อื่นไม่คร้านกล่าว บารนี ฯ
             
โคลงสี่
๏ ดลบางนางลิให้อาวรณ์
ยินว่านางฉุนสมรอีกซ้ำ
เร่งเลื่อนเคลื่อนนิกรเลยล่วง
ดิบฤดีรสกลํ้าเนตรนํ้ากลอกกลืน ฯ
๏ บางจากเล่าจากสิ้นเชิงสวน
เราว่าเจ็บจากควรฤพร้อง
ยลจากร้อนรัญจวนจากเจ็บ จากนา
ชังจากเพราะจากน้องฤพ้องจากแล ฯ
๏ จรดลคลองหนึ่งน้อยนามเกิน
นํ้าขุ่นขาดแค่นเขินขอดค้าง
เป็นท่าคชาเดินข้ามแต่ ก่อนนา
เขาจึงเรียกบางช้างชื่อช้างเดินคลอง ฯ
๏ บางแคแคดกล้วนดอกดาษ ดื่นนา
คราวกับปาริชาตออกพร้อม
อสุรานึกพยาบาทอมเรศ
ดังพม่าคิดล้อมอยุธเยศอย่างกัน ฯ
             
ร่าย
๏ บนานพลันล่วงแคว้น ลุสวนแดนต่อด้าว แม่กลองเข้าราชบุรี หย่อมบ้านที่ไร่นา หย่อมบ้านป่าบ้านทุ่ง เนาบางกุ้งมีศาล ถิ่นสถานอารักษ์ จีนสำนักนับถือ เขาเลื่องลือศักดิ์สิทธิ์ ที่สถิตสนุก ใหญ่กว่าทุกตำบล แผ่กุศลส่วนให้ ปัทวภัยอย่ามี ฯ
             

(ต่อไปนี้ต้นฉบับขาดอ่านไม่ได้ความ )

ตั้งค่ายหลวงที่ราชบุรี

โคลงสี่
๏ โหรบำบวงฤกษ์ไท้เทวา
สงฆ์ประจำโยธาทั่วข้าย
โปรยปรายรอบปีกกาเคร่าฤกษ์ คอยเอย
ยํ่าแล้วเจ็ดบาทได้ฤกษ์ลั่นฆ้องชัย ฯ
             
ร่าย
๏ ทวยพลไกรโห่ฮึก เสียงก้องกึกดุริยางค์ แผ้วนภางค์หมดหมอก เดินรอกกว้านยกเสา ทุกหมู่เหล่าหน้าที่ นายด้านมี่เร่งกัน กะทู้หมั่นผูกรา ยกค่ายตาตั้งพิง ตะปูยิงชะเนารัด ปลายค่ายขัดแตะใส่ สนามเพลาะให้เร่งขุด ยกหอยุทธ์ทุกป้อม รั้วขวากล้อมเร่งทำ ลวงไม้ลำช่องปีน เพิงด่านดื่นมุงแฝก ห้าวาแทรกร้านรบ โรงสินธพคชา ท้องพระโรงหน้าตำหนักใน ทั้งน้อยใหญ่ ...(ต้นฉบับขาด) ... จักประทับดำริการ โรงราชยานนาฬิกา โรงเครื่องคชาพาชี ฉางข้าวที่ไว้กิน ทุกประตูสิ้นโรงปืนใหญ่ ข้างละบอกใส่ทรง ปีกกาวงด้านป่า จรดค่ายหน้าค่ายหลัง ปีกซ้ายกระทั่งปีกขวา ถัดค่ายหน้าเกียกกาย ต่อหลังค่ายยุกกระบัตร ทำป้อมหัดทนายปืน ปราบให้รื่นกันต่อ ด้านสำรอจวบคํ่า โหรว่ายํ่ารุ่งลํ้า สนามคํ่าจันทวาร ฯ
             
โคลงสี่
๏ ขอเชิญเสด็จสู่ขึ้นค่ายหลวง
ฤกษ์นครโดยกระทรวงเลิศหล้า
อย่ามีสิ้นทั้งปวงถอยกำ ลังนา
บ่ายพักตร์ต่ออิสานอ้าสวัสดิ์แท้เจริญชัย ฯ
             
ร่าย
๏ ธ จึงตรัสสั่งให้หามา (ต้นฉบับขาด) พระยาพระหลวงขุนหมื่น ในกลางคืนพร้อมพรั่ง ทั้งผู้รั้งกรมการ (ต้นฉบับขาด) ทั้งกองขันเขมรดง พระมณเฑียรณรงค์หลากลาว กองพุงขาวพุงดำ (ต้นฉบับขาด) แกว่นทางด่านทางลาด พร้อมธุลีบาทแออัด ดำริจัดเป็นกอง กรมทวนทองพระอนุรักษ์ ธ ให้ชักพระเมืองบรรจบ ห้าร้อยครบไว้ค่ายหน้า รักษาปีกกาต่อกัน ปีกซ้ายนั้นหลวงนเรนทร์ ชาติสังหาร (ต้นฉบับขาด) พระองค์เจ้ากำกับ บรรจบสลับดั้งทอง พัตเบิดกองมอญใหม่ รามัญไทยสี่ร้อยทัด ค่ายหนึ่งจัดแผ่ปีกกา กองปีกขวา (ต้นฉบับขาด) พระองค์หนึ่งผูกกับช่วย รามัญด้วยสมทบ (ต้นฉบับขาด) ปีกกานี้ต่อกัน ค่ายหลังนั้นอาสาญี่ปุน ราชเดชขุนแทรกสลับ หม่อมเจ้ากำกับองค์หนึ่ง ไทยเขมรครึ่งกึ่งพัน ปีกกามั่นรักษาด้วย มีการช่วยทั้งสี่ค่าย กองเกียกกายพระองค์เจ้า พระมณเฑียรลาวเอามา ตำรวจวังหน้าไว้ด้วย พระยาบริรักษ์ช่วยตริการ เคยช่านาญคนเก่า เจ้ายังเยาว์ศึกทำ ไทยลาวประจำค่ายนี้ สิริบาญชีหกร้อยทัด กองยุกกระบัตรสั่งให้ พระยาอภัยรณฤทธิ์ บัญชาสิทธี้ผู้เดียว มหาดไทยเกี่ยวกองหนึ่ง หัวเมืองครึ่งคนใน กองช่างไว้กองนั้น คน (ต้นฉบับขาด) ร้อยคน ข้าวปลาขนรวบประมวล สิริการถ้วนเบ็ดเสร็จ กระบวนเสด็จ (ต้นฉบับขาด)      เสด็จโดยกระทรวงรักษา ชั้นนอกด้านหน้าไทย ที่ด้านในสามร้อยคน ด้านหลังพลเท่ากัน แสงพลพันแม่นปืนชำนาญ แปสองด้านไว้หมู่ใหญ่ กระลาโหมใส่วังหลวงหน้า วงโยธาด้านถึงพัน ชั้นกลางนั้นข้าในกรม สี่หมวดสมฝีพาย กองนอกค่ายบรรจบ ตำรวจทบเข้าช่วย เลขนครด้วยสองหมู่ เจ้ากรมอยู่ด้านหน้า ปลัดกรมรักษาด้านหลัง ด้านขวาทั้งศรวิชัย ด้านซ้ายไว้จ่าเนติ สองร้อยเศษเสมอกัน สี่หมวดพันหนึ่งทัด ชั้นในจัดสี่เวร มหาดเล็กเกณฑ์เป็นด้าน กองอาจารย์คนธุช แม่นปืนยุทธการนั้น (ต้นฉบับขาด) แบ่งการสลับเท่ากัน ด้านละร้อยปันเสร็จแล้ว สิริพลแกล้วค่ายหลวง สามพันตวงไพร่นาย ทั้งเจ็ดค่ายปีกกา รักษาป่าทวารดง จารึกลงบาญชีไว้ ห้าพันไพร่นายแปดร้อย จัดทัพคอยเสริดสู้ศึก ทั้งไพร่นายหาญฮึก ชื่นหน้าเริงรมย์ ฯ
             
การ
๏ ยังพลเมืองเหลือไว้เขมรทั้งลาวอีกไทยไซ้
พันแปดร้อยคน ฯ
๏ จีนกองขนลำเลียงด้วยสมุทรสงครามฉ้วย
ไว้เท้อญอีกกอง ฯ
๏ เป็นคนสองร้อยนี้บรรจบไว้ที่นี่ชี้
สิริถ้วนสองทัพ ฯ
             
โคลงสี่
๏ แม้พม่ายกพยุหะเร้าเราไป
สองพันจักมอบไว้ที่นี้
ให้อมรินทฤๅชัยรักษา เมืองนา
ส่งลำเลียง (ต้นฉบับขาด )
             
ร่าย
๏ สั่งการเสร็จนิทรา จวนสุริยาโอภาส เรืองจำรัสดาษฝ้าฟ้า ดวงจันทราตํ่าตก เสียงสกุณผกร้างรัง ส่งเสียงสั่งถิ่นนอน ไก่ป่าจรขันเพรียก นํ้าค้างเปียกโปรยละออง ว่าวพัดต้องทวยพล เยือกเอสกนธในเถื่อน ดังจะเตือนให้ถวิลหวัง พออรุณหวังฤกษ์ใต้ เสด็จครรไลสู่ค่ายหลวง พร้อมทั้งปวงข้าบาท ชาวมหาดตำรวจ นายกองหมวดทุกทัพ แน่นคอยรับถวายชัย เสด็จโดยทวารอิศวรไซ้ สถิตที่พระโรงคัล ฯ
             
โคลงสี่
๏ สงฆ์ถวายปริตให้วัฒนา
โสตสองมังคลาดิเรกหล้า
ยอดไม้รองบาทาทรงเหยียบ
(ต้นฉบับขาด)
๏ แล้วทรงอังคาสไท้ทั่วสงฆ์
ถวายไทยถ้วนทุกองค์ตามไต้
อุทิศธาราปลงตั้งสัตย์
เขาประทุษฐ์ก่อนจึ่งไซ้จึ่งไต้ตอบสนอง ฯ
๏ เสร็จการตั้งค่ายหมั้นทัพชัย
ชัยภูมิโอบนํ้าไหลตำรับรู้
ตั้งหน้านาคนามไกรเรืองเดช
ไพรีต่อจักสู้ให้ย่อยชัยปรา ฯ
             
ร่าย
๏ จึงไตร่ตรากิจการ ถ่ายอาหารรวมไว้ เร่งสีใส่ฉางยุ้ง เก็บเรือยุ่งจัดเกวียน ไตร่ทางเตียนฤๅรก เขาว่าบกชัฏนัก ธ สั่งจักให้ไป ปลัดกรมในทวนทอง ไพร่หลวงสองร้อยถ้วน รีบด่วนโดยทำทาง กระทั่งถึงฉางกาญจน์บุรี กองทาง (ต้นฉบับขาด) เร่งบรรลุเรือเกณฑ์สรรพ แล้วจัดทัพคุมลำเลียง บกเรือเยี่ยงอย่างกัน กองลำเลียงผันเสร็จแล้ว โสมนัสฤทัยแผ้ว นักโอ้ทรวงวาย ฯ
             
การ
๏ บ่ายลมชายทุกวันนายไพร่ประชุมกัน
พร้อมหน้าค่ายหลวง ฯ
๏ ตั้งค่ายลองฝึกช้างหัดช้างม้าทวนสล้าง
ดาบง่าเขนดำ ฯ
๏ ซ้ำนายลำแม่นธนูจัดกันเดินเป็นคู่
เก่งเกาทัณฑ์แผลง ฯ
๏ ซ้ำนายแสงปืนแม่นจัดทนายปืนแล่น
ต่างเปลี่ยนยิงคำ ฯ
๏ ซ้ำนายหน้าทนายหอกหอกแต่ล้วนเหลาหอก
(ต้นฉบับขาด)
๏ ซ้ำนายแสดงนายง้าว(ต้นฉบับขาด)
ง่าง้าวฟันฟอน ฯ
๏ ซ้ำทนายมอญดาบตั้งตั้งต่อตั้ง (ต้นฉบับขาด)
(ต้นฉบับขาด)
๏ ซ้ำนาย (ต้นฉบับขาด)โล่ต่อโล่ (ต้นฉบับขาด)
(ต้นฉบับขาด)
๏ ซ้ำนายขยันทองปรายทำโยนย่างเยื้องกราย
ยิงแม่นปืนดัง (ต้นฉบับขาด)
             
โคลงสี่
๏ บนานมีโรคร้ายรันทำ
เออผิทำเทพทำใดเหล้า
พลทหารเหนื่อยใจจำการอ่อน มือนา
หน้าเผือดเลือดซีดเศร้าทุกทั่วตัวคน ฯ
๏ ข่าวกรุงว่าโรครื้อกลับเป็น
โอ้เนื้อเข็ญกลับเข็ญยิ่งแท้
ปานนื้แม่จักเย็นทรวงเยือก แลฤๅ
ดังใครแหวะอุระแล้เจ็บเย้าคะนึงหลง ฯ
๏ แต่บำราศนุชน้องจอมสมร
ตั้งแต่จากนครมาแม้
ราตรินทิวากรเสื่อมโศก เลยนา
นับวันยิ่งเดือนแล้ใคร่ได้คืนเมือ ฯ
๏ เวรุใดห่างเนื้อแนบเอกดล
สุดที่ทนจำทนเร่าร้อน
งานศึกหน่ายใจจนเทวษโอ่
ยามผทมซ่อนทรวงข้อนฤให้ใครเห็น ฯ
๏ ถวิลถึงภคินิศไหม้เว้นวัน นะแม่
ทั้งพระน้องนายประกันอิกด้วย
ขวัญน้อยเจิมใจจรรโลงสวาท
พรํ่าแต่แผ่กุศลฉ้วยโรคร้ายอย่ากราย ฯ
๏ คิดจะให้รับเสด็จน้องโดยเมือ
โรค ณ กองทัพเหลือฤเว้น
ยินข่าวโรคกรุงเจือหวั่นจิต เจ้านา
สิ่งสนุกฤๅห่อนเหล้นก่อเกื้อแต่บุญ ฯ
๏ ยกกลดเก้าชั้นกั้นยอดปรางค์
สิ่ทิศกับทั้งกลางเป็นห้า
โกไสยแพรหนาบางต่างสลับ
ทรงมหาธาตุถ้วนหน้านายไพร่ตามมี ฯ
๏ แล้วตัดปฏากรูปกุมภิล
ป้กยอดไหมม่วงจินตาดด้วย
ลมพัดโบยโผผินยันยับ
ตามอากาศประทีปฉ้วยสว่างฉ้วยแสงจันทร์ ฯ
๏ ทำฉัตรราชวัตรปักบูชา
ลายชะลอมไขว่ตาตามได้
ถางแผ้วญ่าแฝกคารานรก
พอเป็นกุศลให้ขจัดโรครันทำ ฯ
๏ ก่อทั้งอุเทศทรายเจดีย์
ลางใส่แพหยวกขจีพอได้
มาเลศเก็บตามมีมาประดับ
ต่างฉัตรธงแซมไว้ทั่วไพร่นายทำ ฯ
๏ พลบคํ่าจวบรุ่งแส้ทุกกอง
จำเริญปริตเนืองนองทั่วค่าย
โดยวจีใจปองซ้องสวด
วาจุคตะจำด้ายฤได้หลงละเลิง ฯ
๏ เช้าเช้าใส่บาตรทั่วทุกคน
โดยกันดารตามจนแค่นช้อน
บ้างแต่กับช้อนปนส้มเข้า ใส่นา
ลางทีขัดเร่ร้อนเสียดแซ้หาทำ ฯ
๏ แล้วมีคาถาเวศ-ยันดร
สามกัณฑ์ถวายจีวรย่ามด้วย
เงินติดทั่วนิกรทั้งทัพ
บ้างเก็บมาเลศฉ้วยกันร้อยลำชาย ฯ
๏ ชาวมหาดสรรดอกไม้หลายพรรณ
ทำต่างหากประจำกัณฑ์พุ่มด้วย
ทรวดทรงบ่เป็นอันห่อนดู ได้เฮย
เอาแต่ไส้ยอดกล้วยแกะแทนมะลอกอ ฯ
๏ แล้วนิมนต์สงฆ์ให้สวดมนต์
ตั้งนํ้าแจกมงคลวงด้าย
ปรนนิบัติพระตามจนถวายผ้า ย่ามนา
มีหนังมีน่าค่ายเฉลิมอุเทศเจดีย์ฯ
             

จากราชบุรีถึงนครชุม

ร่าย
๏ แล้วคลาคลี่นิกร แทบสิงขรเขางู พากันกรูปีนป่า ทั้งไพร่นายเหื่อไหล ด้วยบันไดเต็มชัน แต่หมายหมั่นศรัทธา ตั้งหน้าสู่ยอดเขา แวะเก็บเอาดอกไม้ มีธงไปให้ตัดคัน แทบวลัญชบทบาท เอี่ยมสะอาดจำลอง ไพหารอ่องโอ่อ่า ยอดบรรพตาลาดรื่น ลมพัดชื่นเย็นใจ มีอุทกใสเปี่ยมอ่างแก้ว กินอาบแล้วหยุดอยู่พัก พอพร้อมพรักเนาวิหาร ชุลีการบทบาท แล้วดาดาษเข้าป่า สิ้นเวลามาค่าย รุ่งขึ้นบ่ายลมตก ชวนกันยกไปเขา สัตนารถเนาวิหาร นมัสการพระประทม ป้กธงลมอุทิศถวาย ห้อยเรียวปลายจระเข้ ต้องลมเร่ปลิวสะบัด ดูโสมนัสน่าศรัทธา แล้วลงมาจากบรรพต เที่ยวเลี้ยวลดในพนม บรรทับร่มพฤกษา ฟังสกุณาเขาขันคู เห็นจับคู่เสียวสมร คลี่นิกรคืนทัพ ร้อนอุรับเพียงพัง ริมทางสะพรั่งอาวาส ดูอนาถชำรุด รูปพระพุทธปฏิมา เปล่าหลังคาตากแดดฝน เร่งร้อนรนฤทัย จึงสั่งให้ข่วยกันระดม ปลูกเป็นร่มจากแฝกมุง พร้อมใจผดุงศรัทธา สามทิวาทำเสร็จ จักเสด็จสาลวัน ที่บัลลังก์อาสน์ศิลา บรมศาสดานิพพาน สวนอุทยานมลราช ที่ประพาสนอกบุรี นามธานีกุสินาราย ให้บาดหมายกำหนด อัสดรคชทวยพล จัดเป็นพหลพยุหทัพ ปีนนกสับตาวหอกทวน พร้อมตามกระบวนหน้าหลัง ปีกซ้ายทังกองขวา อิกกองหน้าปเดนนำ พอฆ้องยํ่าล่วงสามยาม ยกพลข้ามดำเนินก่อน ทำที่ร้อนรับแรมดง พอสุริยงเรื่อแสง อรุณแจ้งเวหาส เสด็จลีลาศขึ้นเกยทรง คชอนงค์เทียมลม ดูงามสมกูบสีทอง พลเนกนองอัญชุลิต หน้าหลังพิศสุดสายตา แต่ระอากระมลใน ปิ้มห่อนไปเยือกยะเยียบ เพราะพระประเทียบมิได้โดย สุชลโปรยปริ่มกลืน แหงนพักตร์ฝืนฤๅหาย หักใจหมายกุศล ฆ้องกำหนดพลให้คลี่ พาชีสี่สวนทางเดิน อิกสองเหินม้านำริ้ว ธงศึกปลิวคู่ทัด งามขุนอัศวหกนาย ใส่เสิ้อรายดอกทอง ขลิบครุยกรองโพกต่างสี ท้ายอานมีซองหอกซัด หนังข้างขัดดาบสอง หน้าอานซองปืนสั้น แล่งเกาทัณฑ์ธนู เสียดซองคู่แพนยูง ดูดุจจูงใจแกล้ว ถัดสองแถวถนัดปืน ล้วนทหารหื่นใจรบ ปลายปืนครบหอกปลาย มีหมวดนายสิบคุม นายร้อยชุมสิบหมวด หมวกเสิ้ออวดสีฉาด แดงสักหลาดขลิบโหมด ไถ้กระสุนโดดเขนงดิน คาดเอวสิ้นทั่วกัน เต้าชนวนนั้นแขวนคอ พิศพึงพอจะกลัวใคร วางปืนในแถวสาร พังขุนด่านขี่นำ แล้วพลายคํ้าปืนกลาง ที่สามช้างกลองแขก ที่สี่แทรกดั้งปืน ช้างหกครืนฆ้องกลอง ที่เจ็ดต้องแทรกดั้ง ช้างแปดทั้งปี่ตะโพน เปิงตีโยนขึ้นด้วย สองหลังช่วยจึงครบวง ดั้งพลายยงที่ก้าว มีขุนน้าวปีนกลาง ที่สิบวางพลายธนู ผูกเขนดูห้าวเหินเห็จ ที่สิบเอ็ดวางพลายคำ ขุนปีนประจำแทรกดั้งอีก พลายเพชรหลีกที่สิบสอง ผูกเขนรองอาวุธสรรพ พลายโจมทัพผูกดั้งใน ที่สิบสามใส่ขุนปืนแม่น โดยกำลังแล่นยิงบคลาศ คอยอริราชมุ่งประหาร สิบสี่สารจุมจอม ลักขณะพร้อมดูลออ ควาญละคอผูกพนาด ส่าหรับอาสน์เสด็จทรง ต่อณรงค์สง่าดี อิกกรินีกินนรรำ ผูกวอประจำที่นั่งโถง หลังเสือกโคลงฤๅเป็น ทรงประพาสเล่นลมตก ป่าหนามรกหลีกลอด บัดย่างทอดเร็วเบา สิริเข้ากระบวนหน้า เป็นสิบห้าทั้งพลายพัง หมอควาญดั้งปืนกลาง ล้วนเสื้อตางสอดสี ดั้งหน้ามีพร้าดาบ แม้นทุ่งราบป่าเตียน ดงไม้เกรียนระหง ควาญกะแชงลงหมอไส ปะป่าไผ่หนามชัฏ หยุดพร้าตัดดาบฟัน จึงให้ผันผกผาย ไม้เอนชายให้หลีกลัด กำหนดถนัดกันทุกช้าง อิกตำรวจวางต่อแถวปืน แล้วล้วนพื้นทนายหอก สองแถวนอกริมมรคา อิกอาสาขุนตำรวจนาย ดาบตะพายทุกตัวงาม แต่งสงครามอ่าอวด เสื้อสีรวดดังนัด รัตคดรัดทะมัดทะแมง ต่อถึงแวงรักษาราช ประจำบาทช้างที่นั่ง สี่ผ่รั่งถือทองปราย หมอที่นั่งนายภักดีกรรม์ ควาญนั้นสรรเอามหาด เคยธุลีบาทใช้ชิด เชิญพระย่ามติดคอยสั่ง เดินหลังผ่รั่งสองนายทาง ห่อนให้ห่างคอยที ตำบลชี้ทูลถวาย แล้วหมู่นายชาวมหาด ครบเครื่องดาษทุกงาน อิกนายหาญกำนันเชิญ หอกสั้นทวนทอง แสงง้าวรองหอกคู่ แสงปืนดูดาษตา แฝดสองหน้ามฤคี ต้นชุดมีชนวนปลาย ทั้งคอลายลำแดง ครบตำแหน่งแน่นเยียดยัด ดูแออัดเนืองนอง แล้วที่นั่งรองช้างเครื่องสี แล้วผูกศรีสักหลาด สองข้างดาษแถวทวน ต่อกระบวนกับปืนหลั่ง เดินไล่หลังฤๅหมด กระบวนพระวงศ์จรดเนื่องกัน แม่นสำคัญหน่อระเด่น ไม่ว่าเล่นงามจริงเจียว กูบแดงเขียวเชิงชายทอง ล้วนจำลองแม้ประเทียบโดย พิศพลางโหยหวั่นพระนุช สุดใจสุดแสนคะนึง ต่อพระวงศ์ถึงกระบวนหลัง ดูสะพรั่งช้างขุนนาง อัดแน่นทางชิงคลอง แล้วถึงกองเกวียนลูกหาบ เสบียงขนาบเต็มแล้ แน่นอัดแอเนืองนอง เสียงโห่ร้องครืนครั่น หน้าจรดป่าดั้น ละเมาะไม้เรียงราย ฯ
             
โคลงสี่
๏ กองหลวงออกทุ่งแคว้นท้ายเมือง
ช้างบัดย่างทางเปลืองเร็วลํ้า
ลับเวียงเพียงเนตรเคืองลับเนตร กูเฮย
ถวิลเวียงยลเวียงซ้ำให้ช้ำใจตรอม ฯ
๏ เขาสนองตำบลหว้าวัดตาล
แต่โบราณมีตาลมากไซร้
พิศดูบ่เห็นตาลหวั่นเทวษ
โอ้แต่ตาลยังไว้แต่ชื่อสูญพรรณ ฯ
๏ ลับถึงบ้านพญาไม้หนึ่งมี
อาวาสกับเจดีย์เก่าร้าง
ชายทุ่งมีโศกศรีมหาโพธิ สองนา
แต่โคกหนึ่งตายหว้างพิศหว้างโพธี้คะนึง ฯ
๏ แล้วดลบ้านโคกหม้อพื้นลาว
นั่งอัดริมทางฉาวเสียดซ้อง
พิศเลือกแต่หญิงสาวห่อนเมิล ดูแฮ
เคืองเนตรยิ่งถวิลน้องเร่งช้างเร็วเดิน ฯ
๏ จรดลบางคลีเร่งรัญจวน ใจนา
กลิ่นสะพักตรลบหวนซาบส้าน
คลี่บรรทับอุระครวญพระน้อง กูเอย
นับแต่วันจากบ้านท่วนแล้วเดีอนตรอม ฯ
๏ ท่าราบราบแต่ชื่อป่าพง
ไม่สบายคิดจะลงเดินเหล้น
แค้นใจด้วยที่ปลงช้างขัด
เพราะว่าชัฏทางเร้นสัตว์ร้ายเกรงมี ฯ
๏ บ้านกล้วยล้วนสวนกล้วยริมทาง
สั่งให้ตัดราบวางทอดทิ้ง
ช้างระหวยกินพลางต่างนํ้า
ระหวยรักพี่อิกหยิ้งกว่าช้างระหวยแรง ฯ
๏ บางกระกระทุ่มคู่เรียงรัน
แต่ต้นหนึ่งโดดกระสันเด่นแท้
เหมือนอกพี่จาบัลย์เดินป่า มานา
ไม่วายคะนึงถึงแล้ทุกคํ่ายามผทม ฯ
๏ เขาชี้บ้านซ่องไห้หมู่เปล่า เรือนนา
ล้วนแต่คนใจเบาหนีเร้น
กลางวันกลัวนายเขาซุกป่า อยู่เอย
หากินดูชี้เช่นอย่างเยี่ยงกาโจน ฯ
๏ กับถึงเจ็ดเสมียนเรียกเสมียนนาย
จดตำบลไปถวายพระน้อง
พรรณไม้หลากประหลาดหลายต่างต่าง
คราวเมื่อทรงกลอนต้องการได้เลือกทรง ฯ
๏ เนาบ้านหางโตนดล้วนหมู่ตาล
เรียงเรียบล้วนตาลตระการขนัดไซร้
เขาขึ้นนํ้าตาลหวานสดส่ง ถวายนา
เสพบ่รู้รสไร้กลั้วกลิ่นคะนึงกลิ่น ฯ
๏ มาถึงบางแขยงยิ่งยอกทรวง พี่เอย
มุ่งลัดตัดทางหลวงตกทุ่ง
แดดเอยดั่งแกล้งตวงต้องแดด ตากฤๅ
ร้อนจนตาพรายรุ้งฤร้อนแรมไกล ฯ
๏ จวบจนวัดปราสาทให้อาวรณ์
เมื่อเรายังดลนครไต่เต้า
ยลปราสาทสโมสรเมิลถึง วังแฮ
ยินแต่นามปราสาทเร้าเปล่าฤๅดลวัง ฯ
๏ วัดใหม่ใครสร้างไว้โมทนา
เราก็พลอยปรีดาปยุตด้วย
เดชะโสมนัสสารประโยชน์
ขอกุศลจงฉ้วยสู่น้องเร็ววัน ฯ
๏ โพธารามทางดื่นดาษดง กระถินนา
เหลืองดั่งกาสาสงฆ์คลุ่มไว้
ร้อยกลิ่นฟุ้งตลบลงถวิลน้อง กูแฮ
แม้พาโดยด้วยได้จักแวะเก็บเพลิน ฯ
๏ บางเลาเหล่าบ้านเนื่องรามัญ
หญิงชายสามิภักดิ์ครันท่วนหน้า
ตักนํ้าหมากพลูพันบุหรี่ ไฟนา
ตั้งไวํริมทางท่าแจกเจ้าหารพล ฯ
๏ ถับถึงนครชุมโอ้บ่ายครัน
ปลงช้างแรมพลขันธ์หยุดยั้ง
เคร่าหาบหน่วงห่อนทันถึงหย่อย กันเอย
หนักหาบได้หยุดหมั้งหนักร้างเราแรง ฯ
๏ พลับพลาใต้ร่มไม้มะเดื่องาม
ผลดกแดงสุกทรามเล่ห์ย้อม
ภายในหนอนบ่อนตามไส้ช้ำ อกเอย
เหมือนพี่โดยพยุหพร้อมแซ่งชื่นทรวงกรม ฯ
๏ ทวยหาญตัดเรียวไม้หนามมา
ชักปืนเป็นรั้วรักษาสี่ด้าน
หนามเอยหนามหนั่นหนาถึงจะเหน็บ กูฤๅ
กูฤเจ็บหนามคร้านเท่าร้างมาเดียว ฯ
๏ ปลูกทับนอกในรั้วล้อมวง
ช้างเกวียนทุกฟืนปลงทุ่มทิ้ง
พอสิ้นแสงสุริยงกองเพลิง รอบนา
เพลิงร้อนร้อยกองยิ่งเท่าร้อนทรวงเรียม ฯ
๏ ฆ้องใหญ่เตือนตีทุ่มนาฬิกา
ฆ้องโหม่งทุกกองดาแซ่ซ้อง
ฆ้องกระแตเกราะหนาตีรับ กันแฮ
โอ้เร่งเจ็บจากน้องยิ่งฆ้องโกร่งตี ฯ
๏ ถึงยามประโคมครื้นสนั่นดง
ทอดองค์บรรทมลงใคร่ร้อง
กรก่ายนลาตทรงแสนเทวษ นักนา
แมนเทพช่วยสมน้องบ้างเท้อญนานตาย ฯ
             

จากนครชุมถึงลูกแก

ร่าย
๏ คิดจะย้ายเดินพล ต่อรุ่งจนจวบแดด เกรงร้อนแผดโยธี ในราตรีไสยาสน์ ทุรนหวาดบหลับ เนตรพรับเคลิ้มเห็นองค์ พระสุนงค์ผวาตื่น สมประดีฟื้นใช่วัง ผุดลุกนั่งทรวงกรม นํ้าค้างพรมฤๅเย็น แสร้งเสเล่นเจรจา จนนาฬิกาเจ็ดทุ่ม พอวายคลุ้มฤทัย จึงสั่งให้ยิ่งปืน สัญญาฟื้นตื่นพล ช้างม้ารณมาผูก เหล่าลูกหาบให้เดินพลาง พอเดือนสว่างแผ้วฟ้า คลี่นิกรช้างม้า จากประทับแรมไป ฯ
             
โคลงสี่
๏ โดยแสงเตือนแจ่มฟ้าบปาน
พักตร์น้องกระมลบานส่องสู้
ดาเรศจรัสไพศาลนามน้อง กูฤๅ
โอ้บาปใดไร้คู่ราศร้างเดินไพร ฯ
๏ ท่ายางออกทวารสินด่านเมือง
ราชบุรีระยะเปลืองพันแล้ว
ไผ่ชัฏรกทางเคืองกลัดทรวง พี่นา
เข้าอำเภอสุพรรณแคล้วหลักร้อยกรุยทาง ฯ
๏ เดินผิดทางดั้นป่าบุกไป
เห็นแต่ไกลโน่นไฟเร่งช้าง
ใกล้ฤๅเห็นผิดใจฉงนอยู่
กลับเห็นไฟหลังข้างนี่แท้โขมดลวง ฯ
๏ ตีสิบเอ็ดจึงตัดได้รอยทาง
ตรงที่กรุยระยะวางหลักร้อย
เร่งถวิลพระน้องนางแรงเทวษ
กระซิกไห้โหยละห้อยห่อนให้ใครยิน ฯ
๏ เขาสนองดำบลนี้บางพัง
คูเนินเชิงเทินยังบอกชี้
กุสินารายหวังแต่ก่อน
นับฤๅกี่ร้อยกี้กลับหล้าเป็นไพร ฯ
๏ ยินนามบางพังเร่งหนักทรวง พี่นา
แรงกระหายทับทรวงอิกเหล้า
แม้นช้าจะพังทรวงเหมือนบาง พังเอย
เร็วได้กลับสู่เหย้ารอดแล้วทรวงพัง ฯ
๏ ประกายพรึกพ้นเรื่อฟ้านภางค์
แสงหิรัญสางสางผาดแผ้ว
ลับเดือนดาเรศจางสิ้นแสง ส่องนา
เหมือนพี่บำราศแก้วจากน้องลับองค์ ฯ
๏ สกุณเพรียกดงร่อนร้องตื่นตา
เสนาะเสียงโกกิลาเยือกเย้า
ประหนี่งเดือนเหมือนเวลาสถิตวัง กูแฮ
เคยฟังเสียงดุเหว่าเร้าปลุกน้องชวนฟัง ฯ
๏ ไก่เถื่อนขันเสียงก้องปรบปรือ
จากรังแม่ไก่กระพือตามเคล้า
คราวไร้ดูไก่ฤๅดีกว่า อิกนา
โดยประพาสดงเด้าอนาถโอ้แดเดียว ฯ
๏ กระทาเสียงจ่อจ้าในพง
อยู่เป็นถิ่นจังหวัดวงปักก้อ
ตัวใดลํ้าเเดนตรงหวงถิ่น นักนา
จึงมักเสียกลล่อข่ายแพ้วดักลวง ฯ
๏ พอสว่างเห็นทั่วหน้าทวยพล
ถับถึงลูเเกดลหยุดยั้ง
พักพวกพลาคนช้างม้า
ที่พลับพลาร้อนตั้งหาดถ้าลูแก ฯ
             
ร่าย
๏ หาดสุดแลสนุกลํ้า เร่งใจช้ำแรงถวิล แม้นยุพินเสด็จมา จักหรรษาสำราญ สรงชลธารเย็นสะอาด นี้บำราศนฤมล มิได้ดลเสร็จด้วย ทอดองค์ระหวยโหยแรง เช้าจนแสงสายแดด รอนร้อนแผดอบอาย กำหนดบ่ายลมตก จักยกเดินจัตุรงค์ สู่หาดสรงซ่อนตรอม จอมเจ้าพร้อมข้าบาท อิกมหาดตำรวจ พวกสี่หมวดล้อมวง ชวนกันลงเล่นน้ำ ว่ายผุดดำปรีดา บ้างค้นหาลูกกรวด จัดเป็นหมวดเหลืองแดง ม่วงหม่นแสงแมลงทับ บ้างโยนรับหยอกกัน ลางทำมั่นพูนทราย สนามเพลาะบ่ายหน้าสู่ ทุ่มกรวดพรูต่างปืน ตระไคร้นํ้าดื่นหักมา ต่างคทาโตมร บ้างเข้าซ่อนกอแฝง แล้วสำแดงดังพยัคฆ์ เล่นฮึกฮักฮาเฮ บ้างทำจระเข้หมอแทง ลางลองแรงปลํ้ากัน จึงจัดสรรคู่กระบี่ ทั้งตะบองตีดาบชะเลย ล้วนทหารเคยหอกแทง ต่างสำแดงศิลปศาสตร์ ดูโอ่อาตม์ทุกตน พลต่อพลชุลมุน ขุนต่อขุนเริงรื่น หมื่นต่อหมื่นองอาจ มหาดต่อมหาดอ้าอวด ตำรวจต่อตำรวจปะทะ พระต่อพระถ้วนหน้า พระยาต่อพระยารุ่นราว จ้าวต่อจ้าวทำที เยื้องท่ากระบี่ทรงลอง แต่พี่หมองแสนเทวษ พิศห่อนเพลินเต็มเนตร ฤๅสนุกหนึ่งเลย ฯ
             

จากลูกแกถึงพระแท่นดงรัง

โคลงสี่
๏ จากหาดสรงเสร็จแล้วกรีพล
จากลูแกจรดลดัดดั้น
ลัดป่าขุยแฝกปนรกนัก ทางนา
ลางสลับไม้ขั้นชัฏแท้เต็มเดิน ฯ
๏ ดำเนินพลตกท้งมีหนอง
นามหนองปลอกบึงสองมีนํ้า
นํ้าขุ่นขอดเต็มกรองสุดกลั้ว กลืนนา
กระหายนํ้าพบขุ่นนํ้าเช่นนํ้าใจตรอม ฯ
๏ เขาสนองว่าบึงหน้ายังมี
ชวนกันรีบเต็มทีอยากนํ้า
หนองมะตูมกว้างรีนํ้าใส เปี่ยมนา
พากันอาบกินกลํ้าอิ่มแล้วพลันเมือ ฯ
๏ พ้นทุ่งเข้าดงร่มเย็นใจ
หมู่กระถินพิมานไกวกิ่งค้อม
พิศกิ่งยิ่งไม้ในใส่กระ ถางนา
ลำต้นสมยอดพร้อมอย่างเล่ห์ดัดทำ ฯ
๏ สุดตาสิ้นกระถินแล้วดงตะโก
เล็กโตล้วนตะโกทั้งสิ้น
ดังแกล้งปลูกแต่ตะโกอื่นไม่ มีนา
พิศแต่ตะโกจนสิ้นสุดสิ้นดงตะโก ฯ
๏ แล้วถึงดงเต็งล้วนเต็งงาม
ผลัดใบดอกออกทรามกลิ่นฟุ้ง
เต็งเอยน่าใคร่ถามใครปลูก ไว้เฮย
จึงแต่เต็งเต็มวุ้งแน่นล้วนหมู่เต็ง ฯ
๏ ถับถึงดงรังเล้าแต่รัง
ไม้อื่นบ่ปลอมรังเลยน้อย
ยอดรังนั่นมีรังนกรัง นานแฮ
พิศดูกิ่งรังห้อยยอดค้อมรังงาม ฯ
๏ แล้วอิกต้นพะยอมสิ้นหมู่พะยอม
ดกดอกพวงห้อยหอมดั่งร้อย
เหมีอนอุบะแม่ถนอมฤช้ำ เลยนา
ยามผทมแขวนสูตรห้อยคิดเร่งถวิลวัง ฯ
๏ เขาแนะตำบลชี้ดำหนักเย็น
ล้วนแต่กาหลงเย็นร่มชื้อ
จะประทับจวนเย็นเสียดาย นักนา
หอมดอกเย็นใจรื้อโหยละห้อยกลิ่นนวล ฯ
๏ เขาบอกจวนถึงแล้วรีบจร
ตีพาทย์นำเร่งรอนกลองยั้ง
พลเดินสโมสรโห่ฮึก สนั่นแฮ
เหนื่อยจะได้หยุดหมั้งตกท่งใจมา ฯ
๏ ห้าโมงพอล่วงเข้าประตูดง
หลักปักจังหวัดวงเขตแคว้น
พะยอมรังเต็งยอดลงสามสิ่ง สลับนา
ง้อมกิ่งสู่พระแท่นทั่วสิ้นอัศจรรย์ ฯ
             
ร่าย
๏ พอสุริยันไรไร กริเนศไคลแทบประทับ เกยตำแหน่งรับเสด็จมี ตำหนักที่แรมดง จึงเสด็จลงจากคช สั่งกำหนดพักพล ลานไพรสณฑ์สาลวัน เกณฑ์กันระวังพลับพลา ปักปวงป่าดาดาษ งามยศราชควรชม ถ้วนทุกกรมรักษา พรั่งหน้าเฝ้าอัญชุลิต โดยพระโรงที่สถิต แซ่ซ้องอเนกนาย ฯ
             

นมัสการพระแท่นดงรัง

การ
๏ จึงภิปรายสั่งให้แสวงเก็บพรรณดอกไม้
ต่างต่างตามมี ฯ
๏ หมื่นขุนลีซอกเต้าเหล่าบรู้กี่เหล่า
เทียรย่อมมูลมอง ฯ
๏ พอเดือนส่องทั่วหล้าชวนกันพร้อมถ้วนหน้า
สู่เบื้องวิหาร ฯ
๏ ธูปเทียนตระการดอกไม้ถือทุกตนฤๅได้
เว้นแต่สักคน ฯ
๏ โดยเสด็จดลพรั่งหน้าแจ่มใสศรัทธากล้า
จุดธูปเทียนถวาย ฯ
             
โคลงสี่
๏ พระแท่นสรรเพชญ์สู่นฤพาน
เป็นที่เจดียฐานกราบเกล้า
ทรงพระคุณพ้นประมาณไว้ศาส- นาแฮ
สงเคราะห์สัตว์ทั่วด้าวประโยชน์เที้ยรแทนองค์ ฯ
๏ ทั่วหน้าโหยละห้อยไห้ทุกคน
ต่างว่าน้อยใจตนบุญน้อย
เกิดฤๅทันทศพลครองชีพ อยู่นา
ยังแต่แท่นเศร้าสร้อยเปล่าโอ้อาดูร ฯ
๏ อันภพฤๅเที่ยงล้วนอนิจจัง
จงประกอบแต่บุญหวังชอบแท้
จักได้เป็นเสบียงหลังยิ่งปโยค
กว่าเสร็จศิวโมกข์แล้ประมาทรื้อวันตาย ฯ
๏ แต่องค์สรรเพชญ์เลิศนรชน
ยังไป่ครองชีพทนอยู่ได้
มาเราเร่งขวายขวนเถิดพ่อ
ยากจะได้มาไหว้โดยง่ายกันดาร ฯ
๏ พร้อมกันนายไพร่แส้สวดมนต์
ตั้งแต่พลจวบจนกึ่งคํ่า
แล้วชุลิตจักดลที่ทัพ อยู่นา
ออกจากเวหารคลํ้าโดยด้วยแสงเดือน ฯ
             
ร่าย
๏ ดาราเกลื่อนฉุนสมร พ้องนามกรแรงคำนึง ถึงวรราชเทพี แม้นภคินีแม่มา จักหรรษาโสมนัส คิดข้องขัดจำจน ลานแทบสถลราบรื่น ทรายรายพื้นขาวลออ น่าพึงพอเจิมใจ ดอกรังไกวพวงย้อย รังเรียงห้อยทุกต้นดก ลมโชยผกกลื่นรำจวน ดังยียวนให้เมือวัง พิศช่อหวังแซมล้อม โน้มกึ่งน้อมเด็ดทัด ลางต้นอัดหล่นกลาด ดังแกล้งสาดปรายโปรย ชมพลางทางกรรโหย แทบทับพลับพลา บารนี ฯ
             
การ
๏ นอนเดียวอ้าอ้างว้างกอดเขนยครึมไห้ช้าง
จากน้องจำไกล ฯ
๏ แรมไพรหอมเพยียเร้ากลั้วกลิ่นกลกลิ่นเจ้า
พี่เฮยโรยแรง ฯ
๏ เดือนส่องแสงต้องหน้าจักจิ่มเจียนจวนบ้า
ฤๅพรับเนตรได้หลับเลย ฯ
๏ เรไรเรยเพรียกแส้เสนาะดังดุริยางค์แล้
วิเวกระงมดง ฯ
๏ เสียงสกุณหลงมะเมอร้องถนัดดังนุชชอื้อพร้อง
เที้ยรเคลิ้มจักผทม ฯ
๏ กระมลกรมอรอ้าถนัดนุชคล้ายเห็นหน้า
มุ่งหน้าฤๅเห็น ฯ
๏ ไยมาเป็นดั่งนี้ใช่ว่าหลับดอกกี้
จักว่าเพื่อนฝัน ฯ
๏ ยามใครนั่นอย่าช้าวานช่วยสรวลแก้หน้า
เล่นให้คลายใจ หนึ่งเทอญ ฯ
             
ร่าย
๏ พอเขาเกริ่นปลุกเรียก สามยามเพรียกโกร่งเกราะ พยัคฆ์เดาะปีปเฮ่อ ตามอำเภอชายดง หวั่นใจปลงวังเวก หนาวเฉกแซ่หทัย เย็นเขาไม้นํ้าฟ้า สะพักผ้าแพรพรรณ รู้กี่ชั้นฤๅอุ่นเลย ดลวังเคยแนบน้อง ฤๅมาต้องแพ้วลม ฝืนผทมฤๅหลับ จึ่งปลุกกันทั้งทัพ สู่ที่ลานพระ เถิดรา ฯ
             
โคลงสี่
๏ ศรัทธามาท่วนหน้ากันหมด
จุดธูปเทียนประณตกราบเกล้า
กล่าวคำเป็นมคธซ้องสวด
ไชยปริตรุ่งเร้าเพรียกพร้อมเพราะจริง ฯ
๏ สวดอยู่จนเรื่อแสงสุวรรณ
ชวนกันคืนผายผันทัพยั้ง
แต่จิตคิดตริฝันสืบเบื้อง บุญนา
ทำสิ่งใดใจตั้งยิ่งด้วยกันดาร ฯ
๏ สงฆ์ประจำอาวาสถ้วนสี่องค์
อาคันตุกะอิกสงฆ์หนึ่งห้า
นิมนต่ให้ท่านลงบิณฑบาต
ศรัทธาใส่ถ้วนหน้าตามไร้กันดาร ฯ
๏ เช้าเพลจัดแต่งเครื่องอุทิศถวาย
เที้ยรว่ายังมีพระกายอยู่นั้น
สำรับทำลำชายจำเพาะ สงฆ์นา
สิ่งบ่รู้กี่หั้นมากแล้มูลมอง ฯ
๏ คลุมบรรทมยำมุจิสีดอกคำ
คนสื่อข่าวพระนุชนำไปให้
ว่าพระน้องประจงทำย้อมด้วย หัตถ์นา
รํ่าสะพักอุหรับไว้เที้ยรแทนอบองค์ ฯ
๏ แต่ได้ได้สะพักแทนแอบองค์
สองทิวามาในดงฤเว้น
โสมนัสด้วยใจจงเปลื้องอุทิศ ถวายนา
ขออย่านานเส้นเหร้นหน่วงเนิ่นสมสมร ฯ
๏ จึงคลี่ทรงพระแท่นดาษลง
เที้ยรว่าลาดอาสน์ผจงเสร็จแล้ว
จิตสำคัญว่าองค์ไสยาสน์
เหนือบัลลังก์ก่องแก้วร่มไม้เรียงรัง ฯ
             
ร่าย
๏ แล้วสั่งให้แจงจัด ให้ทำฉัตรกาสา จัดของป่าหาทำ บ้างวิ่งคลำวุ่นวาย ทำฉัตรรายราชวัตร ไม้สานขัดตามจน ธงโบกบนกุมภีล์ ดอกไม้มีในดง ต่างบรรจงร้อยกรอง มากมูลมองแขวนห้อย ลางบ้างร้อยตาไข่ ป้กพุ่มใส่บายศรี แว่นไม่มีให้ทำ พอเพลาคํ่าจัดพร้อม กรีพลล้อมเวหาร ถวายนมัสการจุดเทียน เบิกแว่นเวียนสมโภช เสียงอุโฆษครื้นครั่น ฆ้องชัยลั่นโห่ร้อง ปีพาทย์ก้องกลองตี กลองแขกปี่มลายู ทั่วหน้าดูโสมนัส เวียนวงวัดโดยระบอบ ครบเก้ารอบดับเทียนชัย เสร็จแล้วไปเขาถวายเพลิง รีบบันเทิงพึงพอ ดังแกล้งก่อเป็นขั้น เชิงอัฒจันทร์ตรงลิ่ว สองข้างทิวล้วนแก้ว สองแถวดื่นดอกดก กลาดดาษตกใต้ต้น ดังหนึ่งคนแกล้งโปรย ส่งกลิ่นโชยเย็นใจ เดือนดังไถงแจ่มหล้า ดูศิลารุ่งเรือง ทอแสงบรรเทืองจับเนตร ผิดสังเกตเปลี่ยนแสง ลางลุกแดงดังเทียน ลางบรรสานเขียนสอดรุ้ง ลางโพลงพลุ่งแทงทึก ดูพิลึกอัศจรรย์ ยอดเขานั้นมีมรฑป ที่พระบรมศพศาสดา ไว้วลัญชาบทบาท จำลองอาสน์จำหลัก มีรูปจักรลักษณา รูปพรหมาอมรินทร์ กลองระฆังพิณมโหระทึก สระพันลึกเบญจปทุม มีบัลลังก์พุ่มปาริกฉัตร ครบทั้งอัษฎาวุธ รูปมงกุฎราชกกุธภัณฑ์ ป่าหิมวันต์พระเมรุมาศ เนินไกรลาสอิสินธร อิกสิงขรสัตตบริภัณฑ์ ยุคุนธรมหันตบรรพต มีรูปกลดเศวตฉัตร ทั้งรูปสัตว์นานา หมู่ป้กษาจัตุบาท รํ่าฤๅอาจจำได้ มงคลรูปร้อยแปดไสร้ กล่าวพอเฉลิมกรรณ ฯ
             
การ
๏ น้อมอภิวันท์ถ้วนหน้าจุดธูปเทียนลาดผ้า
กราบเกล้าเบญจางค์ ฯ
๏ มาลาวางถวายไว้ต่างต่างพรรณดอกไม้
มากแล้มูลมอง ฯ
๏ ชวนกันซ้องสวดมนต์ทั่วหน้าฤๅเว้นคน
พรั่งพร้อมไพร่นาย ฯ
๏ จนเดือนบ่ายแล้วกลับจักคืนสู่ที่ประทับ
ลงจากเนินไศล ฯ
๏ ฤๅสวนไปทางเก่าเลี้ยวลงทางหนึ่งเล่า
โดยด้วยแสงจันทร์ ฯ
             
ร่าย
๏ พักเขาสั้นหนึ่งมี ควรเป็นที่อาศัย ศาสนไทชิโนรส ประพฤติพรตพรหมจรรย์ จำเริญอรัญญิกาวาส อัพโภกาศรุกขมูล ดูอดูลยปรีดา จรรโลงศรัทธาให้เจริญ เลี้ยวลงเนินชั้นตํ่า มีสระนํ้าหนึ่งใส กุฏิสร้างไว้น้อยน้อย เรียงเรียบร้อยสองแถวทาง อัมพาสล้างร่มชื้อชิด ควรสถิตโยคาวจร เหี้ยมกระหายร้อนฤๅมี ชอบเป็นที่สมณธรรม ศรัทธานำใคร่บรรพชิต มาราชกิจติดพะวงหลัง อธิษฐานหวังเบื้องหน้า ขอจงข้าเป็นบุรุษ ผนวชในพุทธศาสน์เจ้า กว่าเสร็จเข้านฤพาน เดชะสัตย์นาน สำเร็จโดยประสงค์ ฯ
             
โคลงสี่
๏ ลงจากเนินไศลแล้วลัดมา
ดงชัฏอัดพฤกษาชิดชื้อ
โรยกลิ่นรสผกาหลายหลาก
เสนาะสำเนียงเรไรอื้อเพรียกพร้องระงมดง ฯ
๏ เถื่อนดึกวังเวกแท้เยือกอก กูเอย
ป่าฤๅรกใจรกอิกเหล้า
มานานดาลวิตกร้อนเสน่ห์ นักนา
ไยจะได้กลับเหย้าเร่งเศร้าแรงคะนึง ฯ
             
ร่าย
๏ จรดลถึงดำหนัก ที่บรรทับพักแรมดง ทอดองค์ลงไสยาสน์ ชาวมหาดเทียมกำนัล อยู่งานคัลบาทบงสุ์ รักษาองค์ตามตำแหน่ง ยามจัดแจงกันไปตรวจ พวกสี่หมวดชั้นใน นอกแนวไม้ล้อมวง ชั้นชายดงปวงป่า ห่างสิบวาตั้งกอง เสียงสนั่นฆ้องเกราะโกร่ง ย่อมเพลิงโพลงเถือกทั่ว ภัยฤๅกลัวสิ่งใด กลัวแต่ใจรึงสวาท ร้อนบำราศจริงเจียว ด้วยมาเดียวแรมเถื่อน ร้อนสิ่งใดฤๅเหมือนร้อนรัก อกโอ้เราเป็น ฯ
             
การ
๏ เดือนคล้อยเข็ญใจเร้าผิว่าเดีอนยังรู้เศร้า
อับแสงอัสดง ฯ
๏ ตาเป็นผงตากแห้งพรับฤๅหลับเนตรแล้ง
ขอดนํ้าชลนัยน์ ฯ
             
ร่าย
๏ จวนอุทัยเฟื่อฟ้า เสียงไก่ป่าขันมี่ เพรียกป้กษีดุเหว่า กระทาเหล่าภูรโดก สุโนกแซ่หมู่ระหึง แมลงภู่ผึ้งบินภมร เคล้าเกสรดอกไม้ แมลงดินไคว่คูลอบ กางเขนตอบพลอดคู่ หมู่เขาคูไจ่ไจ่ แกตีนไคว่ลอมกา กากะพอกการ้องระงม อืดดัดผทมคร้านเครียด บิดองค์เอียดเสร็จสรง เรื่อสุริยงวรเวกฟ้า เฟ็ดโพยมหล้ารพีพรรณ ตื่นพร้อมกันทั่วพล พรั่งหน้าดลไพหาร จิตเบิกบานอัญชุลิต จุดเทียนธูปบูชิต รุ่งโรจน์ขัชวาล ฯ
             
การ
๏ เสียงบรรสานสอดซ้องไชยปริตแซ่ก้อง
เสนาะลั่นสนั่นดง ฯ
๏ ราธนาสงฆ์บิณฑบาตคาวหวานถวายอังคาส
พร้อมทั้งไทยธรรม์ ฯ
๏ แล้วอภิวันท์จากลาดอยู่นานกริ่งกิจราช
ฤๅไว้วางใจ ฯ
๏ คืนควรไลที่บรรทับกำหนดสั่งเสด็จกลับ
เสวยแล้วจะคืนพล ฯ
             

จากพระแท่นดงรังถึงลูกแก

ร่าย
๏ ขุนพหลเหี้ยมช่านาญหาญ เร่งเตรียมการพยุหบาตร จัตุรงค์อาจกระบวนรบ ครบทุกหมู่ทุกหมวด ตรวจกันสรรพโดยเขบ็จ จัดกันเสร็จโดยขบวน ลูกหาบด่วนให้ล่วงก่อน กำหนดร้อนท่าเรือ พลหลายเหลือเสือกสํ่า ช้างม้าคลํ่ามาผูก บรรทุกดินลูกกระสุนเตรียม ช้างปืนเทียมต้นไม้ใหญ่ ขันฉ้อใช้จ่ารงค์ ผูกที่นั่งทรงจำลอง ผูกที่นั่งรองละคอ พังควาญหมอพร้อมสรรพ เขนผูกสลับเสริดเสร็จ คอยรับเสด็จพร้อมพรั่ง งามสารอัศวงามทั้ง พลแกล้วกลั่นงาม ฯ
             
โคลงสี่
๏ เสร็จเสวยเสร็จสรงแล้วเสร็จทรง
เครื่องประดับสำหรับองค์พร้อมถ้วน
ตามวันสอดสี่พระองค์ออกยุทธ์
อาวุธประจำหัตถ์ล้วนขจิตด้วยกุดั่นพราย ฯ
             
ร่าย
๏ เพลาสายสองโมงเศษ เสด็จประเวศจากพลับพลา หัตถ์ขวาทรงพระแสง กรายหัตถ์ซ้ายกุมชายภูษิต เสด็จสถิตยังเกยพลัน ทุ่มฆ้องลั่นสัญญาพล ขุนช้างรนควาญขับ ประทับเทียบเกยคอยที เสด็จขึ้นทรงกรินี ให้เคลื่อนพลพฤนท์ ฯ
             
การ
๏ สะท้านดินกึกก้องกลองนำปี่พาทย์ฆ้อง
สะเทื้อนเท้าจรพล ฯ
             
โคลงสี่
๏ นางคชกริเนศว่องเทียมลม
บัดย่างเยื้องสวยสมส่ายหน้า
ควรเป็นอาสน์แท่นผทมแดนเด่า เด็จแฮ
งามสรรพลักษณ์เลิศหล้าเทพไท้รังสรรค์ ฯ
๏ ควาญหมอยอยศไท้ใครปาน
เฉลิมเกียรติทังบริวารหยาดฟ้า
งามที่นั่งกูบบรรสานสอดสี ขจิตแฮ
ดุจเสด็จสู่หล้าสุทัศน์พื้นเมืองอินทร์ ฯ
             
ร่าย
๏ คลี่พลพฤนท์คลาคลาย เร่งพลผายคลาศคลา ดั้นดงป่ารำไร ดั้นดงไผ่ชื้อชัฏ บากเลี้ยวลัดหลีกหนาม ออกรำรามละเมาะ ลางจำเพาะช่องแคบ ลางบ้างแอบเลียบหนอง ลางออกท้องทุ่งเตียน ลางทางเวียนวกวน ช้างต้นหนบากลัด ตักแต่ซื่อทางตรง เร่งจัตุรงค์รีบรัด ผงคลีกลัดเฟื่องฝุ่น ถึงบึงสนุ่นหนึ่งใหญ่ จักครรไลเลียบหนอง ยืดระยะสองหลักร้อย ทอนใหญ่น้อยบากข้าม ให้หาบหามข้ามก่อน ลำลองผ่อนจนหมด แล้วข้ามคชอัศวราช ด้วยรอยบาทลึกนัก จึงรอพักข้ามภายหลัง ข้ามบึงวังได้แล้ว ยั้งอยู่จัดพลแกล้ว เรียบร้อยตามกระบวน ฯ
             
โคลงสี่
๏ เล็งแลเรียวเรือกรั้วเนือยตา
เรือนฤๅรกรังกาแม่นแม้น
มุงแฝกฝาแซมคารุกรุย จริงแฮ
บอกประเทศนอกแคว้นหย่อมเหย้าฤๅงาม ฯ
๏ พิศเล่นเมื่อคราวไร้มาแกน
แถวเถื่อนลํ้าปลายแดนยากเยื้อ
อกเอยเรามาแคลนยลสิ่ง ใดนา
หาสิ่งงามไต่เบื้อยากแล้มีงาม ฯ
             
การ
๏ เขาบอกนามตำบลชี้บ้านท่าเรือเรื่องนี้
ริมนํ้าเนื่องไป ฯ
             
ร่าย
๏ จรดทางเลี้ยวใต้ท่า ถึงพลับพลาบรรทับร้อน เกยกุญชรรับเสด็จ เขาจัดเสร็จทุกสิ่ง ทอดเขนยอิงยี่ภู่ ลาดอาสน์ปูสุจหนี่ เสียงอึงมี่พักพล เสด็จจรดลยังพลับพลา พวกชาวป่ามาเคียมคัล เนื่องกำนันอเนกนอง มากมูลมองเหลือหลาย สั่งให้จ่ายพลหาญ พักพอสำราญลมตก ผันผายย้ายพลยก โดยเขบ็จเดินไพร ฯ
             
โคลงสี่
๏ ลมหวนยวนสวาทเยือกเย็นใจ
สุริยะคล้อยไรไรร่มชื้อ
จักเสด็จประพาสไพรชมพฤกษ์
เทียบที่นั่งรองรื้อเครื่องทอดเสด็จทรง ฯ
๏ กรินีวรแน่งน้อยจรดล
สัตว์ฤๅรู้ดังคนเลิศหล้า
ไม้ชายยอบกายสกนธ์หลีกลอด
หนามรกงวงไขว่คว้าฉุดเหย้อเหนี่ยวหนาม ฯ
๏ แม้นไม้พุ่มใดดอกผลมี
รอบัดย่างคอยทีเมี่ยงไม้
ไกลหัตถ์นางกรินีโน้มกิ่ง
รู้อัชฌาดังใช้ได้ด้วยจิตประสงค์ ฯ
๏ ประพาสไพรในแถวเถื่อนล่วงมา
ถับถึงท่ามัดกากาซ้อง
กาจับต้นเพกาเป็นหมู่
กาบ่บอกข่าวพร้องโอ้น้องฉันใด ฯ
๏ ล่วงดลสถลมารคลุหวายเหนียว
ล้วนแต่หวายจริงเจียวฤหว้าง
ล้วนหนามเห็นหนามเสียวจักเหน็บ กูฤๅ
เจ็บฤๅเท่ารสร้างหนามร้างเหน็บทรวง ฯ
๏ ลุถึงพงดึกชัฏดึกดง
อับแสงบังสุริยงบดคลุ้ม
ล้วนแต่ไผ่ขุยพงสองฟาก ทางนา
ป่าบ่คลุ้มใจกลุ้มเร่งกลุ้มใจเจียว ฯ
๏ ดั้นดงตกชายโดงลานแล
ดลหลักร้อยลูแกหย่อมเหย้า
จวนคํ่าอุทัยแขแรมบรรทับ พลนา
สั่งกำหนดกันทั่วเหล้าจะเคลื่อนพเนจร ฯ
             
การ
๏ ทวยนิกรทั่วหน้าเตรียมการเสร็จบช้า
ทุกด้านตามกอง ฯ
             
ร่าย
๏ เสียงโกร่งฆ้องมี่แซ่ วางกองแลชายป่า ย่อมเพลิงดาเถือกหาด งามยศราชทัพชัย นายแวงไขว่ตราตรวจ พร้อมตำรวจล้อมวง รักษาองค์ตามตำแหน่ง มหาดแสงปืนสรรพ วางกันเสร็จทั่วทัพ ต่างแคว้นไว้ระวัง ฯ
             
โคลงสี่
๏ เสร็จแรมดลหาดถ้าลูแก
เที่ยงคืนจำรัสเเขแจ่มฟ้า
พิศดวงบุหลันแลลานสวาท
เดือนยะแย้มแย้มหน้าใคร่กลั้นใจตาย ฯ
๏ เห็นดาวดาวดาษห้องเวหน
ถวิลนามเร่งแรงฉงนพี่เศร้า
แม่เอยจักรุมกระมลถึงพี่ ไฉนฤๅ
รักแรงเร่งรักเร้ารสเร้าแรงรุม ฯ
๏ ถวิลบ้านมาจากบ้านแรมไพร
พรับเนตรฤๅหลับใหลสักน้อย
เสชมพวงมาลัยเจ้ามหาดถวายนา
ต่างต่างสรรกลั่นร้อยพิศเหล้นฤๅแล ฯ
๏ ยามแกนแทนดมกลิ่นแก้ใจ
ดมสุกรมกรมในอิกเหล้า
ยมโดยจำโดยไกลรสยม โดยเฮย
นางแย้มเตือนแย้มเย้ายั่วเย้าไยดม ฯ
๏ ดวนดงดูดอกแม้นลำดวน
กลีบบางชมกลีบชวนเร่งช้ำ
พญายุดจะยุดยวนใจเรา ไว้ฤๅ
กลิ่นแก้วรสแก้วกลํ้ากลิ่นแก้วกลอยใจ ฯ
             
ร่าย
๏ ชมผกาไขว่เปลี่ยนวาง จนเสริดสร่างแสงสุวรรณ เดือนดาวพรรณเคลื่อนคล้อย อับแสงสร้อยเลื่อมสี หมดรัศมีอัสดง สุริยะยรรยงแผ่นโพยม ชาวงานประโคมดุริยางค์ แผ้วนภางค์เสียงมี่ เตรียมโยธีช้างม้า เตรียมกระบวนดาแออัด แน่นเยียดยัดยรรยง เสด็จขึ้นทรงกริเนศ ให้ประเวศพลากร เนื่องอเนกจรไล่หลัง ดลบังพังหึงนาน เร่งพลหาญคลายคลาย รีบพลพายคลาศคลา ดัดดั้นป่าแดนไร่ ไต่ทางหลวงล่วงทาง ถึงท่ายางยางระหง ฝูงยางลงชายหนอง เจ่าจับจ้องจิกปลา ลำแดนหน้ายำถง ชัฏป่าพงรกรุม แทบนครชุมจวนผอก ต้นหนบอกตำบล ให้หยุดพลพักร้อน กระหายผ่อนเอาทับ ด่านกองจับงานจวน แต่งตามกระบวนโดยเขบ็จ บรรทับเสด็จยังพลับพลา ข้าบาทดาทูลละออง มหาดซ้องแทนกำนัล เฝ้าคั่งคัลพร้อมสะพรั่ง งานเครื่องดั้งทุกสิ่งถวาย พอสุริย์ฉายเที่ยงระงม เอนองค์บรรทมร้อนรุม กลุ้มฤทัยคำนึง ถึงวรราช ณ พี่ โอ้บารนีฉันใด อิกสนมในหนุ่มหน้า หัตถ์ลูบทรวงโอ้อ้า มาร้างเรียมตรอม กูเฮย ฯ
             

จากลูกแกถึงโพธาราม

โคลงสี่
๏ สุริยะดลบ่ายน่อยลมโรย
ฉํ่าเฉื่อยเรื่อยกันโหยเหี้ยมเศร้า
ดลเดียวกำเดาโดยดัดดั้น ดงฤๅ
ฤๅจะพักไยเหล้าเมื่อเท้อญลมลง ฯ
๏ จึงให้บันลือฆ้องป่าวพล
กำหนดจักจรดลแรมหน้า
ช้างม้าอัดอึงอลทั่วทวย หาญนา
จับกระบวนพรั่งถ้าคอยถ้าเสด็จคอย ฯ
๏ เสด็จทรงกริเนศเคลื่อนพลากร
ดูดุจเดือนเขจรแจ่มหล้า
พิศพลสลับสลอนโดยเสด็จ
แม้ดั่งดาวดาษฟ้าเพียบพื้นอำพน ฯ
๏ โดยสถลลับถึงบ้านบางเลา
ไยหนอร้างเรือนเขาดั่งนี้
ให้อยู่ฤๅจักเอาคำเพื่อน อิกนา
นับด้วยรอยเราลี้ลาศเหย้าเราเมือ ฯ
             
ร่าย
๏ แต่ป่าเสือรำราม แต่ปาหนามรำไร แต่ป่าไผ่ขุยชัฏ แต่ป่าพนัสแนวพง แต่ป่าระหงดงโดด แต่ป่าโขมดดงดึก แต่ป่ามฤคบงช้าง แต่ป่าช้างเมามัน ฤๅอยู่ได้หวนหัน ไม่แล้วอย่าเลย ฯ
             
การ
๏ เขาทูลเฉลยแรมคํ่าประทับตั้งหาดริมนํ้า
ตำบลบ้านโพธาราม ฯ
๏ เห็นบ้านตามแถวถิ่นยลหญิงร้างไร้สิ้น
ดูดูชาวเรา ฯ
๏ เขาว่าเขาเพียงนี้ยามไร้เยียดอกยี่
ร้างไร้แก้จน ฯ
๏ อายหน้าคนสอนใดผีลอบเห็นจักไว้
หน้าเก้อคอยใจ บารนี ฯ
             
โคลงสี่
๏ ดลที่บรรทับแรมพักพล
ด่านกองมี่กาหลทั่วหน้า
ประจำซองตำแหน่งตนเสริดเสร็จ
พร้อมทุกสิ่งฤๅช้าย่อมโชติกองเพลิง ฯ
             
ร่าย
๏ เสบันเทิงแก่ใจ ชาวมหาดไขเสสรวล สำรวจเล่นโดยคะนอง กล่าวลำพองเฮฮา จวนสุริยาอัสดง ยอแสงลงตํ่าตํ่า มืดคลุ้มคํ่าระเรื่อย ฉิวฉํ่าเฉื่อยฉุนสมร เดือนดารากรฟุ้งฟ้า ห้องเวหาดาดาษ ห้องเวหาสจำรัสฉาย เดือนหงายปิ้มกลางวัน พิศหาดพันสุดตา พิศหล้าพื้นทรายลออ พิศพึงพอเสด็จประพาส นุ่มบทบาทอ่อนละมุน ฤทัยฉุนเสียวสมร อาวรณ์ถึงภคินี โอ้ ณ พี่ฤๅจำไกล ดลวังไถงชองลา เคยปรีดาชมชื่น สำเริงรื่นด้วยกัน ยิ่งคิดกระสันคืนทัพ ทอดองค์กับยี่ภู่ ชลนัยน์ปรูปริ่มกลืน แหวกม่านฝืนชมเดือน แม้นพักตร์เหมือนเพาพะงา เรียมเรียกนุชหัตถ์คว้า อ่ออ้าเราหลง ฯ
             
การ
๏ อยู่เอสกนธ์อ้างว้างเวรใดจึงจำร้าง
ละชู้ไกลเมีย ฯ
๏ แรมไพรเพยียตลบพร้องขจรกลิ่นกลกลิ่นน้อง
เกือบบ้าเสียคน ฯ
๏ คิดโฉมฉงนวอนว่านึกหน้าย่อมเห็นหน้า
เปล่าหน้าสุดใจ เรียมเฮย ฯ
๏ ฉันใดเล่าเจ้ามหาดนี่ฤๅรักษาราช
ชวนกันหลับใหล ฯ
๏ จะแก่ใจขับร้องบ่ออกปากคำพร้อง
ดั่งใบ้ฤๅควร ฯ
๏ จักได้สรวลแก้เศร้าลุกขึ้นเถิดชาวเจ้า
อดหลับฤๅตาย ฯ
             
ร่าย
๏ ชาวกำนัลนายพรั่งหน้า ขับเสภาท่อกัน เลือกจัดสรรเอาแต่ดี ชำนิตีกรนกรับ เรื่องเดินทัพจากพิจิตร หมื่นไวยคิดแรงคำนึง ถึงสวาทสร้อยศรีมาลา มาในป่าแรมดง ฟังยิ่งพะวงรุมเสน่ห์ เออเป็นเล่ห์แล้วนาย แรงกรรหายฤๅพ้อง ขับให้หมองใจกู สูฤๅรู้ใจเรา เราบ่ฟังแล้วเจ้า เรื่องนี้อย่าครวญ ฯ
             

จากโพธารามถึงบางสองร้อย

โคลงสี่
๏ เวลาจวนนํ้าขอดนาฬิกา
สามยามดาวจันทราคล้อยน้อย
กำหนดพลโยธาจักข้าม โพ้นแฮ
ม้านับสิบช้างร้อยพลร้อยสิบคูณ ฯ
๏ ข้ามช้างข้ามม้าข้ามทวยพล
ลูกหาบลำเลียงขนเรือซ้อง
ลางเหล่าขัดเรือจนผูกเป็น แพนา
ข้ามเรือข้ามแพพ่วงข้ามสิ้นหาบคอน ฯ
๏ เขาผ่อนแต่ฟากนี้กันหมด
จึงเสด็จจรข้ามคชโดยด้าว
นํ้าลึกพอบาทจรดกึ่งร่อง มีนา
ว่ายน่อยหนึ่งพอเท้าหยั่งได้บหึง ฯ
๏ แม่นํ้ายังข้ามได้โดยปอง
คลาศเย่านับเดือนสองล่วงแล้ว
ศึกเอยเร่งเร็วประลองเสริดสู้ กันนา
ทัพมารั้งรอแคล้วเปล่าคร้านเหนึ่อยใจ ฯ
๏ เสร็จข้ามแม่นํ้าแล้วบัดดล
ยังจัดแจงทวยพลพอพร้อม
ลั่นฆ้องให้เดินพหลเถือกคบ เพลิงแฮ
โดยกระบวนพยุหล้อมเพียบพื้นพงพี ฯ
             
การ
๏ เคลื่อนพลลีลาศเต้าเขาบอกตำแหน่งเหย้า
บ้านกล้วยกล้วยชุม ฯ
๏ เนืองชุมนุมยลหน้าแต่กะเหรี่ยงบ้านละว้า
พิศกลุ้มหัวใจ ฯ
๏ เลียบเชิงไศลแลตะคุ่มกลางคืนดูอื้อชอุ่ม
คิดคร้ามแสยงขน ฯ
๏ เสียงดังคนบ่นพึมลางหนึ่งให้ครางครึม
ปู่เจ้าจักมี ฯ
๏ เขาบอกชี้ชื่อแล้วเขาเรียกเขานางแก้ว
รีบร้นพลไคล ฯ
             
ร่าย
๏ บุหลันไถงจิ่มฟ้า แลนา ใสส่องหล้าแจ่มกระจ่าง แลนา เดินทางเร่งชวนใจ แลนา พิศพรรณไม้เห็นถนัด แลนา ลมว่าวพัดเย็นทรวง แลนา นํ้าฟ้าร่วงปรายละออง แลนา ดังเล่ห์ซ้องสุหร่ายโปรย แลนา รวยรสโชยผกากลิ่น แลนา หอมประคิ่นดอกไม้ป่า แลนา ชื่อใครยังรู้อ้า ช่วยชี้นามแสดง ฯ
             
การ
๏ เขาแถลงทูลนามไม้ลางรู้จักจำได้
ลางถุ้มเถียงกัน ฯ
             
โคลงสี่
๏ บุหลันดาเรศคล้อยเวหา
วิหคจับพฤกษาเสียดเร้น
บางหมู่บินโถบถาราร่อน
บ้างจากรังไต่เต้นพลอดจ้อจอแจ ฯ
๏ เบือนพักตร์แลหมู่นกใจหาย
สกุณใดจักจำถวายสารได้
พรรณวิหคมากล่าวกรายซ้องหน้า
ดังจะอาสาไท้ต่างพลอดสอดเสียง ฯ
๏ จึงเลือกสกุณได้เจรจา
กล่าวสยามภาษาชัดถ้อย
มีแต่แก้วสาลิกาสองหมู่
วานสองนกนำสร้อยศุภสร้อยสารเสนอ ฯ
๏ สาลิกาไปเถิดพ่อเร็วไป
บอกข่าวเราเดินไพรให้รู้
จากมาพระชลไหลฤๅเว้น วันนา
แล้วแวะลอดสอดชู้ดูร้ายข่าวดี ฯ
๏ เจ้าแก้วก็ไปด้วยเถิดรา
จำเอาข่าวกระหนหาไปพร้อง
ทูลสารแล้วรีบมาเร็วพ่อ
จักได้รู้ข่าวน้องสว่างร้อนใจเรียม ฯ
๏ ไก่ขันระรี่เรื่อยฉาดฉาน
เสียงเสนาะกังวานจ่าแจ้ว
เสียงปีกตีปีกประสานตามถิ่น
ลงจากรังคลาศแคล้วอาจก้อเผ่นผยอง ฯ
๏ แสงทองจำรัสฟ้าจรูญจรัส
กรีพลมาถึงวัดหนึ่งนั้น
เกาะนามมัธยัสถ์ชื่อสำ- มถะเฮย
แจ่มองศาเสริดหั้นอรุณเรื้อรังสี ฯ
             
การ
๏ ข้างทางมีไศลหนึ่งเขาเรียกเขาวังสะดึง
ชะโงกเงื้อมเพิงผา ฯ
๏ อมนุษย์น่าอาศัยมีทั้งหมู่ไม้ใหญ่
ควรเทพจักดล ฯ
             
ร่าย
๏ เดินพลลีบนาน ถึงตำบลบ้านหัวกรวด เลียบห้วยรวดครรไล เขาสนองไขทูลชี้ นามห้วยนี้ห้วยตะเข้ พิศกลเทธารลอย ทั้งใหญ่น้อยมากมี หมู่กุมภีล์ผุดกราย โบกหางว่ายฮุบปลา ลางขอบตาคิ้วแด่น ลางอาจแอ่นสองลอน ลางขึ้นนอนอ้าปาก ลางออกจากรามราม ลางบากข้ามหมายเงา ลางเหล่าเหลืองทองหลาง ลางเหล่าคางครํ่าขาว ลางเหล่าดูยาวผุดทอง สีดำปลอดนํ้ารัก ลางเขี้ยวสลักน่ากลัว ลางตัวดูสามลอน ลางผุดซ่อนแต่ปริ่ม ลางแอบริมชายเฟือย ลางดูเจื้อยไคลจับ มากกว่ามากคร้านนับ ยลยิ่งขนแสยง ฯ
             
การ
๏ เขาช่วยหยุดแทงเล่นทำบาปซ่อนบาปเร้น
ห่อนได้อย่าเลย
๏ เดินพลเลยคลายคลายถึงศาลาโคกกระต่าย
ศาลาน้อยริมทาง ฯ
๏ ฝูงกระต่ายลางหนีเร้นกระต่ายกระจายแตกเต้น
วิ่งวุ่นตีนคน ฯ
๏ เร่งพลเลยรีบน้อยจะบรรทับบางสองร้อย
สายน่อยพอถึง ฯ
             
ร่าย
๏ จึงชนวิ่งไขว่การ ทำสถานรับเสด็จ บัดเดี๋ยวเสร็จฉับพลัน พักพลขันธ์แรมประเวศ อยู่ทอดพระเนตรเลือกศิลา จะส่งมายังกรุง ข้าบาทมุงพรั่งหน้า ตริบัญชาดำรัสใช้ ราชกิจให้รุมระดม ทางลากหล่มถมริน แพจะติดดินคุ้ยขุย บ้างอุตลุดผูกแพ กองใครแร่เร่งกัน ช้างกระบือปันลากมา ทางแต่ท่าเขางู ห้าสิบดูเหมือนใกล้ บ้างบรรทุกใส่พ่วงแพ ทำอัดแออึงอล ทำอยู่จนจวบคํ่า พอคราวนํ้าไหลล่อง ตกคลองลงแม่นํ้าใหญ่ พออรุโณทัยเรื่อฟ้า จึงเคลื่อนพลลาศล่า จากท่าประทับแรม ฯ
             

จากบางสองร้อยถึงค่ายทัพหลวงที่ราชบุรี

โคลงสี่
๏ ทุ่งนาน่าชมเล่นนาปรัง
เขาเพียรปิดนาขังขุดร่อง
ยลสบฤทัยหวังแก่ราษ- ฎรเฮย
หากินทำเลี้ยงท้องยากด้วยแรงตน ฯ
๏ ความยากราษฎรแล้แต่กาย
ยากเรามาหนักหลายศึกนี้
ราษฎรเหนื่อยผ่อนวายหยุดได้
เราเหนื่อยใจจักลี้ห่อนได้ภัยหลัง ฯ
๏ ฤๅนานถึงบ้านหนึ่งวัดมี
มหาธาตุเจดีย์ใหญ่ร้าง
อิกมีทั้งโคกศรีมหาโพธิ
เด่นสันโดษอ้างว้างเช่นว้างสวาทเรา ฯ
๏ เขาสนองตำบลหว้าอารญิก
รกแต่พงปรงปริกปรี่เอื้อง
ซากมหิงส์หนึ่งแร้งจิกอยู่ริม ทางนา
ปลงจิตพิศอสุภเหนื้องเปรียบด้วยกายตน ฯ
๏ อันสัตว์ในโลกพ้นฤๅวาย
ฤๅจะเร้นความตายซ่อนได้
ไปรอดชั่วแรงกระหายอัสสาสะ ปสาทฤๅ
ฤๅประมาทดังนี้ไซร้นับแท้กวีชาญ ฯ
๏ เมือพลดลบ้านเนึ่องหลากลาว
นั่งอัดริมทางฉาวเสียดซ้อง
ยลหญิงแต่ไกลขาวผิวผาด อยู่แฮ
พิศใกล้หน่ายพักตร์พ้องเหนึ่อยหน้าเกลียดทรง ฯ
             
ร่าย
๏ กองหน้าตรงทางลัด ไปตระบัดบหึง ถึงเมืองเก่าข้ามคู เข้าประตูมะขามเรียง ปี่พาทย์เสียงระดมตี กลองแขกมี่ระดมดัง พลเดินหวังเหนึ่อยวาย บทันบ่ายดลค่ายหลวง พลเต็มตวงส่งเสด็จ จึงเสร็จจากเกยพลัน แล้วผายผันยังพระโรง ประทับที่นั่งโถง หยาดฟ้าตาแล ฯ
             
การ
๏ มาตยาแอเฟี้ยมบาทต่างคอยสนองกิจราช
เบิกหน้าตาบาน ฯ
๏ รั้งกรมการเนกนองลาวพระเขมรนายกอง
พรั่งหน้าเคียมคัล ฯ
๏ ขุนหมื่นพันผู้น้อยเฝ้าแออัดยัดร้อย
พรึบสะพร้อมดูงาม ฯ
             
ร่าย
๏ ดำรัสถามมนตรี อันภักดีต่างใจ ไว้ระไวต่างองค์ ดำรงทวยโยธา รักษาค่ายขอบคัน ราชกิจอัน ธ สั่งไว้ เทียรเราไปอยู่หลัง ฉันใดมั่งดังฤๅ เขาสนองคือสิ่งสั่ง เสร็จหมดหวังกิจการ ฤทัยใสเบิกบาน แผ้วหล้าเปรียบฤๅ ฯ
             
โคลงสี่
๏ พักพลผ่อนเหนื่อยน้อยบัญชา
จัดเป็นกองกันหาขุดไม้
ชักลากฉุดเอามาใส่พ่วง แพเฮย
ต่างต่างอย่างสรรไว้แต่ไม้ที่งาม ฯ
๏ แล้วบอกส่งต้นไม้ศิลา
ให้ปลัดอาสาคุมเข้า
มายังกรุงทวาราส่งเนื่อง
ถวายแด่จอมมกุฎเกล้าประดับในสะตาหมัน ฯ
             

ข่าวศึกพม่า

ร่าย
๏ ฤๅนานวันหนื่งบ่าย พระในซ้ายเจ้ากรม เรือเร็วระดมสองลับ ถือบอกกับกาญจนบุรี แจ้งคดีสังขลา ว่าพม่าตีพระสุวรรณ ทั้งค่ายมั่นหลุมช้าง คนนั่งทางจับไป ขุนพลได้ไปมั่น กองตระเวนทันช่วยปะทะ มันจึงละถอยล่า ภักดีสงครามมาแจ้งการ พอพวกด่านพระพล ส่งคนบอกแก่งไผ่ ถึงทันใดความต้อง เก็บคดีสองบอกกรุง ดำริการจวบรุ่ง พร้อมนายทัพกอง ฯ
             
โคลงสี่
๏ ทางด่านเราฤๅไว้ใจเลย
จักมานิ่งนอนเฉยอยู่นี้
แม้พม่าทวายเลยเหยียบด่าน ใดนา
จักมิเป็นเช่นชี้หลุมช้างฉันใด ฯ
๏ จำจักถีบด่านเลียบไตรตรา
ราชการแม้นมีมาดั่งนั้น
เหมีอนเอาชอบประกอบหามาให้ เจียวแฮ
ทวยหาญเราฤๅพรั่นตีเล่นประลองมีอ ฯ
๏ นายทัพนายกองสิ้นทั้งหลาย
เห็นชอบเสนอบรรยายพร้อมหน้า
สั่งกำหนดบาดหมายรุ่งยก
โดยด่วนเร็วอย่าช้าอยู่บ้างแบ่งไป ฯ
๏ ยุกกระบัตรจัดทัพแล้วทูลละออง
ตรีเพชรพยุหกองไว้ห้า
จักโจมทัพศึกประลองเฉียวฉับ
วางพลวางช้างม้านายไพร่สองพัน ฯ
๏ ทัพขันจ่ายปืนครึ่งกึ่งพล
หามแล่นบอกสามคนร้อยถ้วน
ทนายหอกสำหรับตนครบมือ กันเฮย
แต่ลำลองกลั่นล้วนคาดไถ้เอวประจำ ฯ
๏ อัสดงสุริยงคล้อยสิ้นแสง
เถือกแสงคบเพลิงแดงสว่างหน้า
แออัดมี่จัดแจงเสียงอื้อ อึงเอย
อึงพลอึงช้างม้าเกวียนล้อโคกระบือ ฯ
๏ ราตรีฤๅสงัดเสียงแจจัน
แซ่สำเนียงเถียงกันเรียกร้อง
จนจรัสเรึ่อสุริยันวรเวก โพยมนา
สนั่นกลองปี่มี่ฆ้องลองช้างอยู่เสียง ฯ
๏ ทินกรเด่นส่องหล้ารพีพรรณ
อกเรียมพิราศัลย์เจ็บน้อง
หมายกลับนับจวนวันสู่เย่า กูเฮย
ฤๅกลับเสริดศึกทร้องจำต้องเดินไพร ฯ
๏ จักไปภายหน้าต่อดัสกร
ก็ไม่หนักหทัยถอนหนึ่งน้อย
หนักธุระเนิ่นจากสมรน้องเสน่ห์ กูมา
เพียงไศลทับอิกร้อยหนึ่งไม่หนักใจ ฯ
๏ หักใจบำราศเต้าจำคลา
การแผ่นดินรักษาเขตแคว้น
ป้องกันวรศาสนาอาณาจักร
ใจอย่าอิดใจแค้นไว้ชื่อภาณรงค์ ฯ
๏ เสร็จสรงทรงเครื่องยุทธ์ตามวัน
เลื่อมประภัสสรสรรค์ตาดพริ้ง
ศุกรวารกุมเกาทัณฑ์ขัดแล่ง
งามสง่างามยศยิ่งงามกล้ากลั่นงาม ฯ
๏ แล้วเสร็จยุรยาตรเยื้องกรายกร
งามเพียงราชไกรสรจากถํ้า
บัดถึงเกยกุญชรเสด็จประทับ
คอยท่าฤกษ์ยังคลํ้าเมฆกลัดรวิวร ฯ
             

กรีธาทัพ

ร่าย
๏ ขุนกุญชรควาญหมอ ขับประทับรอเทียบเกย กริเนศเคยคอยที ขยับบาทจรลีดำเนิน ไว้หน้าเหินยกหาง หูผึ่งกางลำพอง กิริยาคะนองกระสันแกล้ว องศาแผ้วเมฆหมด ขึ้นทรงคชกรินี ฆ้องชัยตีถวายชัย สั่งให้เดินพลไกร พยุหเคลื่อนพลากร ฯ
             
การ
๏ กระฉ่อนฆ้องกลองตีประโคมดุริยางค์มี่
โครมครื้นสนั่นเสียง ฯ
๏ เสียงปืนเพียงแผ่นขวํ้าโห่ประสานเสียงซ้ำ
สนั่นหล้าแหล่งไหว ฯ
๏ ชวนหาญใจใจกล้าพิศทหารถ้วนหน้า
เริงร่ารณรงค์ ฯ
             
โคลงสี่
๏ คชอนงค์ที่นั่งเทียมลม
บัดย่างน้อยสวยสมไวว่อง
มีสรรพลักษณ์พึงชมควรแต่ ถนอมนา
โกญจนาทเกริ่นเสียงร้องแม่นแม้นเสียงสังข์ ฯ
๏ งามอานสุวรรณขจิตจรัสลาย
สีกูบป้กพรรณรายม่านแพร้ว
กันชิงครํ่าชนักสายไหมถัก
รัดประคนพานหน้าแล้วหุ้มด้ายอ่อนละมุน ฯ
๏ หมอควาญงามโพกขลิบชายครุย
งามสนอบสนับเพลาฉุยเหมาะหมั้น
สวยสมสมป้กกรุยกราดกรีด งามนา
ยอยศเจ้าตนหั้นห่อนให้ใครเสมอ ฯ
             
การ
๏ ใครยลเลอลานพิศดังเทพเทียมเนรมิต
หยาดฟ้าสรรเสริญ ฯ
             
ร่าย
๏ ม้าช้างเดินนำริ้ว สะบัดลมปลิวสัญญา กองหน้ามาทั้งกอง ม้าทวนทองม้าหอก หมู่แซงนอกแซงใน อิกม้าใช้เร็วรวด หมู่ม้าหมวดขัดดาบ หมู่ม้าสลาบแล่งศร หมู่ม้ามอญดาบดั้ง หมู่ม้าสะพรั่งปืนไฟ ขุนม้าไขว่สารวัด จัดแจงจัดเดินกระบวน ระยะควรพองาม พิศเครื่องพลามยรรยง ดูบรรจงเพริศแพร้ว ม้าล้วนแกล้วกลั่นศึก เหี้ยมหาญฮึกเผ่นผยอง ร่านร่าร้องเริงแรง คนขี่แข็งขับขัน เสริดศึกสรรอยู่ปืน สู้ศึกยืนบมิพ่าย ม้าขุนนายหมวดมาก พิศเสาวภาคย์โสภา แผ่ตนอ่างามสรรพ คนานับมากหมาย เฉิดเฉกชายแหล่งหล้า พิศงามทหารงามม้า ทัพหน้างามจริง ฯ
             
โคลงสี่
๏ สิ้นทัพอัศวราชแล้วทัพสาร
ล้วนแต่สารเหี้ยมหาญศึกรู้
โดดคํ้าเคยประจัญบานแหกค่าย
ทรหดอดทนสู้เสริดสู้อยู่ปืน ฯ
             
ร่าย
๏ ทัพช้างดื่นมหิมา ช้างดั้งดาเขนสลับ ช้างโจมทัพช้างแซง ช้างตำแหน่งยศถา อิกช้างบ้าเมามัน หมู่ช้างอันผูกปืน หมอควาญหมื่นขุนจัด ล้วนสันทัดทั่วหมด งานพระคชกรรกง ออกณรงค์บมิหนี ชำนิขี่สูงสาร ทั้งชำนาญศิลปเวท ที่พิเนศเทวกรรม์ แต่งกายมั่นงามแง่ แผ่ตนพึงช้างหมอ พิศพึงพอน่าดู ผิจะสู้สู้ยักษ์ ผิจะหักหักเขา จะเอาดาวก็ได้ดังถวิล จะเอาดินก็ได้ดังธวัช ดูเงื้อมอัดดังเมฆ      เพียบพื้นเฉกดาษดื่น โกญจนาทครื้นครางครึม เรียกมันกระหึมส่ายเซื่อง สล้างงาเมลื่องเสยสอย ขุนสารงามสารน้อย ไปฤๅเต็มใจ บารนี ฯ
             
โคลงสี่
๏ เนื่องทัพคชสารสิ้นทัพหลวง
อเนกทวยหาญตวงเพียบหล้า
รักษาราชโดยกระทรวงตำแหน่ง
ดังทัพอินทร์หยาดฟ้าโอ่อ้าลานแล ฯ
             
ร่าย
๏ เล็งพลแอยรรยง ธงรบลงเขียนคำ เดินหน้านำยะยับ กับกองร้อยกองกัน ดับกองขันกองแล่น แห่หน้าแน่นเหลือหลาย แห่แซงซ้ายดาษดา แห่แซงขวาโดยขบวน ขยายระยะควรเดินคู่ ถ้วนทุกหมู่ทุกหมวด ขุนตำรวจสารวัด แถวปืนขนัดเนื่องหอก วางแถวนอกริมทาง สองแถวกลางขัดดาบ ล้วนสลาบฝักบัง วางว่างที่นั่งพระชัย บรมธาตุไว้เครื่องสงคราม อิกดั้งตามปืนแม่น แล้วที่นั่งแล่นประพาสโถง ผูกโยงวอยอยศ อิกทวิรถรัตนาศน์ พระที่นั่งอาสน์ละเครื่อง จรดเนื่องต่อช้างที่นั่ง แวงจตุลังครักษา วางแวงหน้าแวงหลัง วางแวงทังขวาซ้าย วางแวงรายเท้าคช บาทสี่กำหนดกรรกง แวงองครักษ์ตาวฝักทอง สำหรับปองอาญาสิทธิ์ งานศึกผิดให้มล้าง อัดสองข้างเจ้ามหาด เครื่องสำหรับราชครบตำแหน่ง นายกำนัลแสงสรรพยุทธ์ สัตถาวุธนานา ตามเสด็จดาเนืองกัน สรรพ์ประโภคยศยาน สีวิกากาญจน์เก้าอี้ อัศวพาชีอิกสาม ผูกที่นั่งตามโดยเสด็จ ดุจเหาะเห็จเหินฟ้า หนื่งกลกาดำขลับ หนึ่งแซมสลับหม่นหมอก หนึ่งพื้นพอกผ่านแดง ร่านเริงแรงยอพยศ แล้วจึงคชจำลอง ที่นั่งรองช้างเครื่อง ลำดับเนึ่องกันไป ดาษหลังไสวอัดทวน สิ้นท้ายกระบวนบรรดา งามกองหลวงเลิศหล้า หล่มฟ้าดินขจร ฯ
             
โคลงสี่
๏ สิ้นพลกองหลวงแล้วแออัด
ลำดับกองยุกกระบัตรหาบยั้น
ต่างโคเกวียนเยียดยัดอเนกเนื่อง
เสียงเพลาเสียงดุมลั่นอาดอ้าวบดละออง ฯ
๏ แล้วไว้กองหลังให้ป้องกัน
อย่าให้มีเหตุอันใดได้
กองลำเลียงสำคัญแรงศึก
เดินระวังหลังไหล้เร่งหาบเกวียนตาม ฯ
๏ ตรีเพชรพยุหทัพเดินพล
งามเงื่อนทัพอินทร์บนแผ่นฟ้า
เบิกโขลนทวารดลคู่เก่า
วัดโรงช้างล่วงหน้าเพียบพื้นทางหลวง ฯ
             

จากราชบุรีถึงหนองบัว

ร่าย
๏ เมือพลล่วงเร็วรวด ถึงห้วยกรวดบนาน ถึงเชิงตะพานโดยปอง หนองหญ้าปล้องเนื่องกัน สุริโยพรรณแสงกล้า รีบเร่งคลาบหึง ถับลุถึงเนินม่วง ดัดดงร่วงฟุ้งผกา หวนตรลบป่าเสียดใจ เสชมไม้หลายหลาก สองฝ่ายฟากแถวทาง พิศหมู่ยางยางจับ แคป่าคับแคมอง ทองกวาวช่างทางเจาะ เสียงหนื่งเคาะค้อนดัง รังเรียงรังรังนาน แก้วแก้วขานสาวกอด ร้อนใจทอดจอดใจ พุ่มปุ่มไก่ไก่เร้น ยูงยูงเล่นแพนรำ เปล้าเปล้าประจำคู่คลอ หว้าหว้าจ้อลอดแล ตูมแกแกดาษดา คนทาจ้ากระทาปัก ไผ่ป่าพักฝูงไผ่ ลางลิงไขว่ลิงเล่น เค้าโมงเต้นโมงมุด พุ่มชาตบุตกะบุดพลอด งูพันลอดดีงู ตีนตุดตู่ตุดตู่ร้อง เค้าแมวมองพุ่มซ้องแมว หมู่สักแว่วเสียงกาสัก รอยช้างชักหักช้างน้าว ฝูงกระจาบฉาวพุงจาบ กาบินถาบจับตุมกา ขมิ้นล่าใต้ขมิ้นเครีอ มากหลายเหลือสัตว์ไม้ คนาฤๅจำได้ กว่านี้ยังอิก บารนี ฯ
             
โคลงสี่
๏ พอเที่ยงประทับร้อนหนองปลิง
ช้างคนอาบนํ้าปลิงเกาะกลุ้ม
เขาเรียกว่าหนองปลิงปลิงชุม จริงนา
นํ้าอาบกินคลื่นคลุ้มเกลียดกลุ้มสาบปลิง
๏ จวนบ่ายคลายคล้อยเคลื่อนโยธา
เสด็จกระบวนอัศวาป่ารื่น
บัดถึงเขาอาชาที่พัก
แสนสนุกปลุกใจชื้นแข่งควบอัสดร ฯ
๏ เต็มพักลุหนองหนึ่งนามมี
หนองตะโกวารีขอดแห้ง
เหนึ่อยกระหายร้อนเต็มทีทั้งม้า คนนา
ร้อนทั้งทินกรแจ้งร้อนแล้วจริงเจียว ฯ
๏ ร้อนแผ่นพิโยคพื้นธรณิศ
ป่าแดงแจ้งห่อนปิดบังได้
ร้อนใดฤร้อนจิตเจ็บจาก กูฤๅ
ร้อนนี่ฤๅโลกไหม้จักไหม้จวบกัน ฯ
๏ สัตตลุริเยศเรื้องรังสี
ผลาญแผ่นไตรภพตรีเฉกไหม้
กำเดาะกำดาลทวีร้อนนัก กูเอย
ร้อนปิ้มปานร้อนใกล้เพลิงไหม้ประลัยกัลป์ ฯ
๏ จำจนทนเทวษเด้าแรงโรย
อกระอุเกรียนโกรยเดินเรื้อ
ดลเขาทะลุโปรยหยาดฝน ปรอยนา
พอเกลือกกลั้วผิวเนื้อเปียกทั่วพอเย็น ฯ
๏ ช่องแคบสองฝ่ายฟากริมทาง
ศึกมีควรที่วางทัพหมั้น
ไว้กองซ้ายขวากลางรบรับ
ร้อยสู้หมื่นฤๅพรั่นที่ลํ้าภูมิชัย ฯ
๏ ที่ไศลเงื้อมชะโงกงํ้าดูดี
พอกผาคูหามีทะลุถํ้า
เกลืยวศิลาสลับสีดังแซ่ง ประสานเฮย
ช่างเฉกทำฤๅลํ้าเทียบเท่าเขาเป็น ฯ
๏ บ่ายน่อยคล้อยตะวันตกไปแล
ลมบัดหาวเหินแบแบ่งให้
พิศป่าคิดถวิลแฮถึงอร อ่อนนา
เยียวข่าวขวัญน้องไข้ที่ถ้าถามขวัญ ฯ
๏ เจ้าแก้วสาลิกากูใช้ไป
เออยังเชือนอยู่ไหนจึ่งช้า
ฤๅปะนางสกุณใดหลงอยู่
ให้กูนับวันถ้าบ่นถ้าไปนาน ฯ
๏ ยอแสงคลุ้มคํ่าฟ้าถึงพลัน
อาหารกระหายยันย่อนไส้
หนองบัวที่สำคัญแรมทัพ
กองน่าเขาทำไว้ชักไม้หนามวง ฯ
๏ พร้อมทัพปลงช้างม้าหาบเกวียน
วางกองดับรับเรียนรอบรู้
สามหอกเจ็ดหอกเจียนทางจบ
ไว้กองแลเสริดสู้อยู่ด้าวปลายทาง ฯ
๏ เสนาวางสนามเพลาะไว้ห้วยมะสัง
ทนายปืนชำนิหวังอิกชั้น
ยี่สิบซ้อนตับดังหลุมอยู่
แม้นมีเหตุอย่ายั้งบอกด้วยเสียงปืน ฯ
๏ ดับมั่นสรรพสิ่งถ้วนไตรตรา
สุริโยพรรณคลาดับขวํ้า
แขระรองเวหาหาวหบ
เรียมสยบใจคลํ้านึกหน้าบัวศรี ฯ
๏ แต่เรียมนิราศแก้วไกลมา
สู่สงัดครํ่าธาราหม่นเศร้า
กระหนกระหายหาแรงร้าง
วะว่องกามกลย่งเย้าแย้มเย้ายวนยี ฯ
๏ เห็นเดือนเร่งเตือนแย้มดุกแด
นึกว่าจันทร์เจียรแถงน่าน้อง
ใช้พักตร์ฤเป็นแขเคืองเนตร
เจ็บจิ่มเจียนศรต้องใคร่ร้องอิดอาย ฯ
๏ เสชมบุษบงลี้ไปหนอง
หนองบัวดอกแต่สองตูมตั้ง
ฉงนถันทึกถันปองคว้าไขว่
หัตถ์ละเลิงกำพลั้งฤพลั้งกำบัว ฯ
๏ เคล้าชมสาโรชแย้มบัวงาม
บดแบ่งกลยำยามกลิ่นกลํ้า
ตริตริบรสฤๅกามกมลาศ
สุกสระสร้อยเสียดซ้ำทิพถึกห่อนเอ ฯ
๏ เกษมสระสุรเทพท้าวไตรตรึงษ์
จะเอาหนองบัวบึงเทียบแก้ว
สระสวรรค์อมฤตย์รึงธารทิพย์
เสมอสระนงนุชแผ้วจิ่มฟ้าเจียมกัน ฯ
๏ ถวิลเดียวยุพโยคพ้นพันทวี
สงวนดวงบุษมาลีเกลือกช้ำ
โอ้มิ่งมาลัยศรีเสาวรส เรียมนา
ฤๅห่อนเอองค์กํ้าวลีอ้ากูไฉน ฯ
๏ เทวาเทเวศร์เจ้าทรงฤทธิ์
อันรักษาสิงสถิตเถื่อนถํ้า
สุรสุเรนทร์องค์อิทธิ์สุรภาพ ใดเฮย
เห็จพาสมเยาว์คํ่าสว่างแล้วไปคืน ฯ
๏ หลัดหลัดฤๅเขินค้างเข็ญทรวง
ทุรัศทุราดวงแหบไห้
โอ้แก้วยุเพ็ญพวงกมลาศ
มาจำรารมย์ไว้ละให้หมองศรี ฯ
๏ เพรงเรารอยพรากสัตว์พลัดรัง คู่ฤๅ
ฤๅจับเอาเขาขังไปไว้
จะไปได้ฤๅไปยังกลับเผ่า รอดพ่อ
กรรมรอยกรรมนำให้เนื้อแท้กรรมสนอง ฯ
๏ สันโดษฤๅหลับง่วงฟังยาม
อกกระอุยามสามล่วงแล้ว
สงัดอื้ออึดไอจามคนสยบ
เรียมสยบถวิลแก้วจวบเคลิ้มใฝ่ฝัน ฯ
๏ ฝันเทพพาเห็จฟ้าสมแด
เทียมศศิสุริยเเขแข่งแย้ม
องคชาเยศแปรพักตร์ร่อ กันนา
ตื่นฤตริบรสแก้มกลิ่นแก้มติดใจ ฯ
             

กรีธาทัพ

๏ สุริโยทัยเรื่อฟ้ารวิวร
จำจะดั้นพเนจรลาศเต้า
รุมฆ้องเรียกนิกรเตรียมทัพ
ผูกช้างม้าเร่งเร้าเพรียกฆ้องกลองตี ฯ
             
ร่าย
๏ จึงเสด็จผายลีลา มิช้าขึ้นช้างทรง ดูยรรยงโดยกระบวน ยลทัพควรยศถา พิศหน้าแน่นอัสดร เนืองกุญชรโดยคำ ดูดุจยํ่าเหยียบแดน ลุยศึกแสนเป็นผง พิศดูธงงามตรู พิศทหารหมู่เดินเท้า หมู่ปืนน้าวศรไฟ หามแล่นไล่ร้อยบอก ทนายหอกมากเหลือหลาย แวงเต้าซ้ายเหลือตรา แวงดาบขวาเหลีอไตร พิศหลังไสวทวนง้าว ปลิวพู่ขาวยรรยง แน่นแผ่นพงดงเลา อิกเหล่าหาบอาเกียรณ์ กระบือเกวียนโคต่าง กลัดหลังสล้างนกสับ ดูสิ้นทัพสุดตา กล่าวแต่ได้พอว่า กว่านี้ยังหลาย บารนื ฯ
             
การ
๏ คลี่พลย้ายโดยหวังทัพจรดห้วยมะสัง
หนองน้อยนํ้ามี ฯ
             
โคลงสี่
๏ มะสังดงมะสังแน่นแต่มะสัง
เล็กใหญ่เสียดแซงมะสังรกเร้น
ที่งามงามที่มะสังดังมะสัง ดัดนา
ใคร่หยุดหามะสังเหล้นเที่ยวเฟ้นหามะสัง ฯ
๏ จนใจฤๅไว้ใจรีบเมือ
เลียบด่านการศึกเสือข่าวร้อน
อิกระยะไกลเรือยืดยาก ทางนา
แม้หาได้ลาภย้อนไม่รอดป่วยแรง ฯ
๏ ปางดลตำบลหนึ่งหนองมี
นามห้วยกาบวารีแต่ห้วง
ขอดนํ้าแห้งเต็มทีดื่นกาบ หอยนา
ฝูงค้อนหอยลงล่วงจิกเหล้นเฟ้นหอย ฯ
๏ ลับถึงท่านางโอ้จากนาง
ฤๅยินนามนางหมางหม่นเศร้า
นางใดมาอยู่กลางป่าไร่ ดูฤๅ
อยู่ไหนมานึ่เจ้าเราไร้เหมือนกัน ฯ
๏ หับโอษฐ์เห็นนางคล้ายไปแล
พรับเนตรฤๅหายแหหลีกลี้
ฤๅเทพธิดาแปรรุกข์พุ่ม ไทรนา
มาหยอกเย้าเรานี้แล้วผ้ายลวงเรา ฯ
             
ร่าย
๏ เร่งพลเต้าโดยแคว้น แลนา ห้วยดินแดนอัศจรรย์ แลนา ภูมิภาคนั้นดินดี แลนา ต่างต่างสีดูมลาก แลนา สองฟากทางเนินละเมาะ แลนา แดงจำเพาะแต่ดง แลนา ลางพรายแสงพรายเมลือง แลนา ลางแต่เหลืองเหลืองตรู แลนา ลางดูขาวขาวสิ้น แลนา ลากลาดดินฤๅเป็น เออเรามาได้เห็น พลางพิศพอแก้ ใจจร ฯ
             
โคลงสี่
๏ มาพักนัคเรศร้างริมชล
เย็นเยียบวังยลยิ่งเศร้า
พรากสมรมาดลนคเรศ แม่เฮย
เมืองก็เย็นเสมอเหย้าถิ่นร้างเสมอเรียม ฯ
๏ แม่ลานาเวศเลี้ยวลับมา
ลาพี่คิดวันลาร้างห้อง
แม่ลาลาแม่คลาคืนเวศ
ลายิ่งลับลาน้องทุกเลี้ยวลาสมร ฯ
๏ บำราญแรกร้อนน้องบำรุง
ทรามกำดัดพอสูงดอกฟ้า
เวรใดเด็ดใจจูงจากอก ไปแม่
คิดก็กรมใจบ้าจิตด้วยเวรเบียน ฯ
๏ เร่งเร็วรีบเร่งร้อนเร็วเรา
หินหิกหวนหิวโหยโหดเหี้ยม
เขียงไข่ขึ้นแขวงเขาขาดเขต
ต้อนเตือนตีต้อนเตี้ยมติดตาม ฯ
๏ ถึงวังยลพักตร์น้องแสนเกษม แม่เฮย
แม่อยู่หลังกมลเปรมฤเศร้า
พี่ไปคํ่าแต่เอมโอชอด เสบยนา
พอแต่กลั้วแกล้มเข้าล่อลิ้นเกลือกกลืน ฯ
๏ เรียมเคยบำราศร้างนางใด แม่เอย
ฤๅเท่าเรียมนิราไกลแนบน้อง
เช้าคํ่าดังสายใจยืดย้าว
มาแม่มาจักพร้องทุกข์แจ้งบรรยาย ฯ
๏ จูงกรเนาแท่นที่นิทรา
พี่จักแจ้งพรรณนาพรํ่าพร้อง
แม่เอยยามไสยาเจียนชีพ ขาดแฮ
เจ็บพี่พรากจากน้องไปเอ้องค์เดียว ฯ
๏ มาทับอุระให้อุ่นทรวง หน่อยแม่
แต่เรียมนิราศดวงดอกฟ้า
สุดพูดตั้งแต่ตวงแสนทุเรศ
ร้อนตั้งเพลิงรานกล้าสุมไหม้ทรวงเรียม ฯ
๏ หวนหอมจอมสมรแม่เทียมทิพย์
เศียรสร้อยสุราลัยลิบเลิศฟ้า
ดาลวิตกดังยกหยิบจากทรวง พี่เอย
แนบบรรทับอุระอ้าอ่อนโอ้เย็นทรวง ฯ
๏ ลมเอยไม่พัดแล้วหรือลม
เราก็ไม่ปรารมภ์ท่าเจ้า
พระน้องเราสนิทสมแนบเนื้อ เย็นนา
ดีกว่าลมร้อยเท่าเย็นซาบหัทไทย ฯ
๏ แม้นอยู่ราชบุรีแล้กระหายลม
นี่อยู่วังเทียมผทมแนบน้อง
ฤๅจะร้อนปรารมภ์ถึงลน ไฟนา
ร้อนแต่หัตถ์แม่ต้องดับร้อนกว่าลม ฯ
             

เชิงอรรถ

อ้างอิง

เครื่องมือส่วนตัว