กาพย์เห่เรือ พระนิพนธ์เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(เห่ชมนก)
()
 
(การแก้ไข 10 รุ่นระหว่างรุ่นที่เปรียบเทียบไม่แสดงผล)
แถว 1: แถว 1:
== ข้อมูลเบื้องต้น ==
== ข้อมูลเบื้องต้น ==
-
{{เรียงลำดับ|กาพย์ห่เรเือ พระนิพนธ์ จ้เาฟ้าธรรมธิบเศร์}}
+
{{เรียงลำดับ|กาพย์ห่เรเือ พระนิพนธ์จ้เาฟ้าธรรมธิบเศร}}
[[หมวดหมู่:วรรณคดีไทย]]
[[หมวดหมู่:วรรณคดีไทย]]
[[หมวดหมู่:วรรณคดีอยุธยา]]
[[หมวดหมู่:วรรณคดีอยุธยา]]
แถว 173: แถว 173:
๏ ปักษีมีหลายพรรณ  บ้างชมกันขันเพรียกไพร
๏ ปักษีมีหลายพรรณ  บ้างชมกันขันเพรียกไพร
ยิ่งฟังวังเวงใจ  ล้วนหลายหลากมากภาษา ฯ
ยิ่งฟังวังเวงใจ  ล้วนหลายหลากมากภาษา ฯ
 +
</tpoem>
 +
 +
=== เห่เรื่องกากี (ของเดิม) ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลง</sup>
 +
๏ กางกรอุ้มโอบแก้ว  กากี
 +
ปีกกระพือพาศรี  สู่งิ้ว
 +
ฉวยฉาบคาบนาคี  เป็นเหยื่อ
 +
หางกระหวัดรัดหิ้ว  สู่ไม้รังเรียง ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>กาพย์</sup>
 +
๏ กางกรอุ้มโอบแก้ว  เจ้างามแพร้วสบสรรพางค์
 +
ปีกปกอกเอวนาง  พลางคลึงเคล้าเต้าจรจรัล
 +
๏ ฉวบฉาบคาบนาคา  เป็นภักษาพาผกผัน
 +
หางกระหวัดรึงรัดพัน  ดั้นเมฆามาสิมพลี
 +
๏ ดลสถานพิมานมาศ  เกลียวกลมสวาทนาฎกากี
 +
เหิมหวลยวลกามี  ปรีดาแนบแอบอิงองค์
 +
๏ เริงรื่นชื่นเชยปราง  พลางคลึงเคล้าเต้าบุษบง
 +
กอดเกื้อเนื้อนวลหง  ปลงสวาทชมสมเสพย์สมร
 +
๏ กากีแน่งน้อยนาฎ  อภิวาทประนมกร
 +
ก้มเกล้ากล่าวชอ้อน  ซอนซบหน้าตาเมียงมัน
 +
๏ ปักษีกรีฑาชม  ภิรมย์เปรมเกษมสันต์
 +
กลมเกลียวเกี่ยวกรพัน  ผันยั่วเย้าเคล้าคลึงชม
 +
๏ สองสุขสองสังวาส  แสนสุดสวาทสองสู่สม
 +
สองสนิทนิทรารมณ์  กลมเกลียวชู้สู่สมสอง
 +
๏ แย้มยิ้มพริ้มพรักตรา  สาภิรมย์สมจิตปอง
 +
แสนสนุกสุขสมพอง  ในห้องแก้วแพรวพรรณราย
 +
๏ ลมพัดกลัดเมฆเกลื่อน  ฟ้าลั่นเลื่อนแลบแสงพราย
 +
วลาหกตกโปรยปราย  สายสินธุ์นองท้องธารา
 +
๏ เหราร่าเริงรื่น  ว่ายเคล้าคลื่นหื่นหรรษา
 +
สองสมกลมกรีฑา  เปนผาสุขทุกนิรันดร์ ฯ
 +
</tpoem>
 +
 +
=== เห่เรื่องกากี (ได้มาใหม่) ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>ช้าลวะเห่</sup>
 +
๏ สุบรรณแผลงเดชล้ำ  บินบน
 +
กางปีกบังสุริยน  มืดฟ้า
 +
ร่อนลงสู่ไพชยนต์  ปรางค์มาศ
 +
เข้านั่งแอบนุชเคล้า  แนบเนื้อนวลสมร ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>มูลวะเห่</sup>
 +
๏ สุบรรณสำแดงฤทธิ์  ให้มืดมิดปิดอัมพร
 +
ร่อนลงตรงบัญชร  จรสู่น้องแก้วกากี
 +
๏ กล่าวรสพจนาท  สายสุดสวาทเจริญศรี
 +
ผินหน้ามาพาที  พี่คือชายชาญสกา
 +
๏ ประสงค์จำนงรัก  จึงลอบลักเข้ามาหา
 +
หวังเชิญแก้วกานดา  ไปสู่ฟ้าพิมานจันทร์
 +
๏ เสวยรมย์สมบัติพี่  ในสิมพลีเกษมสันต์
 +
แล้วจะพาเจ้าจรจรัล  เที่ยวชมชั้นพระเมรุธร
 +
๏ พี่จะชี้ชมทรายแก้ว  งามพรายแพร้วเชิงสิงขร
 +
แม่น้ำสีทันดร  สิงขรกั้นเป็นกันกง
 +
๏ จะพาชมพิทยาธร  ฝูงกินนรแลเหมหงส์
 +
เหล่าสัตว์ตระกูลวงศ์  อยู่ในดงเขาสัตตภัณฑ์
 +
๏ จะได้ชมนารีผล  งามสกลดังแสร้งสรรค์
 +
อยู่ยอดเขาอัสสกรรณ  ฝูงคนธรรพ์มาชมเชย
 +
๏ จะพาไปไกรลาส  เฝ้าเบื้องบาทพระสยม
 +
ดูเทพมาบังคม  จับระบำรำผาลา
 +
๏ เทพบุตรตีวงซ้าย  สาวสวรรค์ย้ายมาฝ่ายขวา
 +
แทรกเปลี่ยนเวียนไปมา  กรคว้าไขว่ไล่พัลวัน
 +
๏ อย่าอาไลยมนุษย์เลย  ไปชมเชยพิมานสวรรค์
 +
ว่าพลางทางติดพัน  ผันจุมพิตชิดชมนาง ฯ
 +
</tpoem>
 +
 +
=== เห่เรื่องกากี (บทของเดิม) ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>ช้าลวะเห่</sup>
 +
๏ กากีกรป้องปัด  กรครุฑ
 +
ไยจึงมายื้อยุด  เหนี่ยวน้อง
 +
ไม่เกรงพระปิ่นมกุฏ  จอมราช เลยนา
 +
มาอาจออกคำพร้อง  ล่อเลี้ยวเจรจา ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>มูลวะเห่</sup>
 +
๏ กากีกรป้องปัด  ต้องสัมผัสด้วยปักษา
 +
เสียวซ่านดาลกรีฑา  มานะใจให้อัปมาน
 +
๏ ตอบรสพจน์วาที  ต้องเจ้านี้โอหังการ
 +
ไม่เกรงพระภูบาล  ทั้งไภยพาลในอบาย
 +
๏ ถึงเป็นชายชาญสกา  ไม่เจตนาอย่างพักหมาย
 +
ฝ่ายเจ้าก็เลิศชาย  สายสุริย์วงศ์พงศ์เทวัญ
 +
๏ เสวยทิพย์พิมานทอง  ฝูงนางน้องล้วนสาวสวรรค์
 +
ไม่ควรมาผูกพัน  จะพากันตกนรกานต์
 +
๏ ซึ่งว่าจะพาชม  บรมสุขสนุกสนาน
 +
ขอบรสพจมาน  ไม่ควรการอย่าเจรจา
 +
๏ ครุฑฟังสายสุดสวาท  ปรามาสกนิษฐา
 +
เจ้าดวงทิพย์มณฑา  วาจาจัดสารพัดงอน
 +
๏ พี่ประมาทอาจหาญนัก  เพราะจงรักเจ้าสายสมร
 +
เท่าฟ้าแผ่นดินดอน  ห่อนกลัวเวรเพราะหวังใจ
 +
๏ ขอฝากไมตรีจิต  กว่าชีวิตจะตักไษย
 +
ว่าพลางทางคว้าไขว่  สัพยอกเย้าหยอกนาง ฯ
 +
</tpoem>
 +
 +
=== เห่บทสังวาส ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลง</sup>
 +
๏ พี่ชมพี่เชยแล้ว  พลางถาม
 +
เจ้ามิอืออำความ  ไป่พร้อง
 +
เจ้าเอื้อนมิเออขาม  เขินพี่ อยู่ฤา
 +
ผินพักตรมาอย่าข้อง  ขัดแค้นเคืองเลย ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ช้าลวะเห่</sup>
 +
๏ พี่ชมพี่เชยพลาง  พี่ถามนางเจ้าไม่อือ
 +
เจ้าเอื้อนอายพี่ฤา  พี่ขอถามความจริงนาง
 +
๏ พิศวงทรงรวยรูป  พลางกอดจูบลูบคอนาง
 +
ฉุดชักสไบบาง  พลางคลึงเคล้าเย้ายวนสม
 +
๏ พิศรูปก็น่ารัก  พิศพักตรก็น่าชม
 +
อ้อนแอ้นอรเอวกลม  ชมชวัญน้องต้องตามชาย
 +
๏ ใครเห็นเป็นขวัญเนตร  ลืมทุกข์เทวษเจตน์จงหมาย
 +
มาดนุชสุดเสมอกาย  บ่วายรักสักนาที ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>มูลวะเห่</sup>
 +
๏ โหยหวนครวญใคร่นาง  อกเพียงพ่างล้างชีวี
 +
นั่งนอนห่อนฤามี  สิ่งซึ่งสุขทุกเวลา
 +
๏ คิดเคยเชยชมน้อง  ไม่ห่างห้องสองเสน่หา 
 +
เป็นสุขทุกเวลา  มาจากได้ให้อาวรณ์
 +
๏ อกเอ๋ยเคยสังวาส  กรรมบำราศคลาศคลาสมร
 +
นับเดือนเลื่อนปีจร  ห่อนเห็นแล้วแก้วตาเรียม
 +
๏ พุ่มพวงดวงดอกฟ้า  ในใต้หล้าหาไหนเทียม
 +
โฉมงามทรามเสงี่ยม  เรียมรักเจ้าเท่าดวงใจ ฯ
</tpoem>
</tpoem>
=== เห่ครวญ ===
=== เห่ครวญ ===
<tpoem>
<tpoem>
-
<sup>โคลง </sup>
+
<sup>โคลง</sup>
 +
๏ รอนรอนสุริยคล้อย  สายัณห์
 +
เรื่อยเรื่อยเรื่ยแสงจันทร์  ส่องฟ้า
 +
รอนรอนจิตกระสัน  เสียวสวาท แม่เอย
 +
เรื่อยเรื่อยเรียมคอยถ้า  ที่นั้นห่อนเห็น ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>กาพย์</sup>
 +
๏ เรื่อยเรื่อยมารอนรอน  สุริยาจรเข้าสายัณห์
 +
เรื่อรองส่องสีจันทร์  ส่งแสงกล้าน่าพิศวง
 +
๏ ริ่วริ่วจันทร์แจ่มฟ้า  เหมือนพักตราหน้านวลผจง
 +
สูงสวยรวยรูปทรง  ส่งสีเจ้าเท่าสีจันทร์
 +
๏ เอวอ่อนชะอ้อนองค์  โฉมอนงค์ทรงสาวสวรรค์
 +
หาไหนไม่เทียมทัน  ขวัญเนตรพี่นี้น่ารัก
 +
๏ ขาวสุดพุดจีบจีน  เจ้ามีสีนพี่มีศักดิ์
 +
ทั้งวังเขาชังนัก  แต่พี่รักเจ้าคนเดียว
 +
๏ นอนนั่งตั้งอาลัย  สายสุดใจไม่แลเหลียว
 +
หวังชมสมกลมเกลียว  ควรฤๅน้องข้องใจเคือง ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ช้าลวะเห่</sup>
 +
๏ ขาวสุดพุดซ้อนแซม  เนื้อแอร่มอร่ามเหลือง
 +
โฉมอ่ากว่าทั้งเมือง  หนแห่งใดไม่เหมือนเลย
 +
๏ ได้น้องทองนพมาศ  มาสังวาสพาดชมเชย
 +
ร่วมเรือนเพื่อนพิงเขนย  เคยวิงวอนอ่อนหวานคำ
 +
๏ ฝนตกยกปีกป้อง  ฟ้าร้องต้องเอาตนงำ
 +
ชอกเชื้อเนื้อนวลขำ  อ่อนละมุนอุ่นอกเรียม
 +
๏ รักนุชสุดสายใจ  ต้องหฤทัยไม่เท่าเทียม
 +
ขอต้องน้องอายเหนียม  เกรียมจิตเจ้าเผ้าทุกข์ทน
 +
๏ ฝนตกฝนหากตก  แก้วกับแกอย่าโกรธฝน
 +
ลมพัดรับขวัญบน  แก้วโกมลมานอนเนา
 +
๏ ฝนตกไม่ทั่วฟ้า  เย็นแหล่งหล้าในภูเขา
 +
ไม่เย็นในอกเรา  เพราะเพื่อนเคล้าเจ้าอยู่ไกล ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>มูลวะเห่</sup>
 +
๏ เรียมร่ำน้ำตาตก  อกร้อนรุ่มดังสุมไฟ
 +
แสนคะนึงถึงสายใจ  เจ้าไกลสวาทนิราศเรียม ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลง</sup>
๏ เสียงสรวลระรี่นี้  เสียงใด
๏ เสียงสรวลระรี่นี้  เสียงใด
เสียงนุชพี่ฤๅใคร  ใคร่รู้
เสียงนุชพี่ฤๅใคร  ใคร่รู้
แถว 184: แถว 347:
</tpoem>
</tpoem>
<tpoem>
<tpoem>
-
<sup>กาพย์ยานี ๑๑</sup>
+
<sup>มูลวะเห่</sup>
๏ เสียงสรวลระรี่นี้  เสียงแก้วพี่หรือเสียงใคร
๏ เสียงสรวลระรี่นี้  เสียงแก้วพี่หรือเสียงใคร
-
เสียงสรวลเสียงทรามวัย  สุดสายใจพี่ตามมา
+
เสียงสรวลเสียงทรามวัย  สุดสายใจพี่ตามมา
๏ ลมชวยรวยกลิ่นน้อง  หอมเรื่อยต้องคลองนาสา
๏ ลมชวยรวยกลิ่นน้อง  หอมเรื่อยต้องคลองนาสา
-
เคลือบเคล้นเห็นคล้ายมา  เหลียวหาเจ้าเปล่าวังเวง
+
เคลือบเคล้นเห็นคล้ายมา  เหลียวหาเจ้าเปล่าวังเวง
๏ ยามสองฆ้องยามย่ำ  ทุกคืนค่ำย่ำอกเอง
๏ ยามสองฆ้องยามย่ำ  ทุกคืนค่ำย่ำอกเอง
-
เสียงปี่มี่ครวญเครง  เหมือนเรียมคร่ำร่ำครวญนาน
+
เสียงปี่มี่ครวญเครง  เหมือนเรียมคร่ำร่ำครวญนาน
๏ ล่วงสามยามปลายแล้ว  จนไก่แก้วแว่วขันขาน
๏ ล่วงสามยามปลายแล้ว  จนไก่แก้วแว่วขันขาน
-
ม่อยหลับกลับบันดาล  ฝันเห็นน้องต้องติดตา ฯ
+
ม่อยหลับกลับบันดาล  ฝันเห็นน้องต้องติดต
๏ เพรางายวายเสพรส  แสนกำสรดอดโอชา
๏ เพรางายวายเสพรส  แสนกำสรดอดโอชา
-
อิ่มทุกข์อิ่มชลนา  อิ่มโศกาหน้านองชล
+
อิ่มทุกข์อิ่มชลนา  อิ่มโศกาหน้านองชล
๏ เวรามาทันแล้ว  จึงจำแคล้วแก้วโกมล
๏ เวรามาทันแล้ว  จึงจำแคล้วแก้วโกมล
-
ให้แค้นแสนสุดทน  ทุกข์ถึงเจ้าเศร้าเสียดาย
+
ให้แค้นแสนสุดทน  ทุกข์ถึงเจ้าเศร้าเสียดาย
๏ งามทรงวงดั่งวาด  งามมารยาทนาดกรกราย
๏ งามทรงวงดั่งวาด  งามมารยาทนาดกรกราย
-
งานพริ้มยิ้มแย้มพราย  งามคำหวานลานใจถวิล
+
งานพริ้มยิ้มแย้มพราย  งามคำหวานลานใจถวิล
๏ แต่เช้าเท่าถึงเย็น  กล้ำกลืนเข็ญเป็นอาจิณ
๏ แต่เช้าเท่าถึงเย็น  กล้ำกลืนเข็ญเป็นอาจิณ
ชายใดในแผ่นดิน  ไม่เหมือนพี่ที่ตรอมใจ ฯ
ชายใดในแผ่นดิน  ไม่เหมือนพี่ที่ตรอมใจ ฯ
</tpoem>
</tpoem>
<tpoem>
<tpoem>
-
<sup>โคลง </sup>
+
<sup>โคลง</sup>
๏ เรียมทนทุกข์แต่เช้า  ถึงเย็น
๏ เรียมทนทุกข์แต่เช้า  ถึงเย็น
มาสู่สุขคืนเข็ญ  หม่นไหม้
มาสู่สุขคืนเข็ญ  หม่นไหม้
ชายใดจากสมรเป็น  ทุกข์เท่า เรียมเลย
ชายใดจากสมรเป็น  ทุกข์เท่า เรียมเลย
จากคู่วันเดียวได้  ทุกข์ปิ้มปานปี ฯ
จากคู่วันเดียวได้  ทุกข์ปิ้มปานปี ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>สวะเห่</sup>
 +
๏ เห่แลเรือ เห่ละเห่เห เห่โหวเห่โห เหโหวเห่เห้ เห่เหเห่เหเห่ โอละเห่
 +
๏ สาละวะเห่ โหเห่เห เหเห่ เหเห่เห โอละเห่
 +
๏ ช้าลวะเห่ เหเห่ เห่เหเห่ โอละเห่ เจ้าเอยก็พาย พี่ก็พาย พายเอยลง พายลงให้เต็มพาย โอวโอวเห่
 +
๏ ช้าลวะเห่ โหเห่เห เหเห เหเห่เห โอละเห่ มูละเหเห่เห้ โอเห้มารา โอเห้เจ้าข้า โอเห้เจ้าข้า มารา ไชโย สีเอยไชย สีไชยแก้วเอย ไชยเอยแก้ว ไชยแก้ว พ่อเอย โอวโอว ฯ
</tpoem>
</tpoem>
== เชิงอรรถ ==
== เชิงอรรถ ==
== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

รุ่นปัจจุบันของ 03:55, 5 สิงหาคม 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระนิพนธ์: เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์

บทประพันธ์

เห่ชมเรือกระบวน

โคลง
๏ ปางเสด็จประเวศด้าวชลาลัย
ทรงรัตนพิมานชัยกิ่งแก้ว
พรั่งพร้อมพวกพลไกรแหนแห่
เรือกระบวนต้นแพร้วเพริศพริ้งพายทอง ฯ
             
ช้าลวะเห่
๏ พระเสด็จโดยแดนชลทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย
กิ่งแก้วแพร้วพรรณรายพายอ่อนหยับจับงามงอน
๏ นาวาแน่นเป็นขนัดล้วนรูปสัตว์แสนยากร
เรือริ้วทิวธงสลอนสาครลั่นครั่นครื้นฟอง
๏ เรือครุฑยุดนาคหิ้วลิ่วลอยมาพาผันผยอง
พลพายกรายพายทองร้องโห่เห่โอ้เห่มา
๏ สรมุขมุขสี่ด้านเพียงพิมานผ่านเมฆา
ม่านกรองทองรจนาหลังคาแดงแย่งมังกร
๏ สมรรถชัยไกรกาบแก้วแสงแวววับจับสาคร
เรียบเรียงเคียงคู่จรดั่งร่อนฟ้ามาแดนดิน
๏ สุวรรณหงส์ทรงพู่ห้อยงามชดช้อยลอยหลังสินธุ์
เพียงหงส์ทรงพรหมินทร์ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม
๏ เรือชัยไวว่องวิ่งรวดเร็วจริงยิ่งอย่างลม
เสียงเส้าเร้าระดมห่มท้ายเยิ่นเดินคู่กัน ฯ
             
มูลวะเห่
๏ คชสีห์ทีผาดเผ่นดูดังเป็นเห็นขบขัน
ราชสีห์ที่ยืนยันคั่นสองคู่ดูยิ่งยง
๏ เรือม้าหน้ามุ่งน้ำแล่นเฉื่อยฉ่ำลำระหง
เพียงม้าอาชาทรงองค์พระพายผายผันผยอง
๏ เรือสิงห์วิ่งเผ่นโผนโจนตามคลื่นฝืนฝ่าฟอง
ดูยิ่งสิงห์ลำพองเป็นแถวท่องล่องตามกัน
๏ นาคาหน้าดังเป็นดูเขม้นเห็นขบขัน
มังกรถอนพายพันทันแข่งหน้าวาสุกรี
๏ เลียงผาง่าเท้าโผนเพียงโจนไปในวารี
นาวาหน้าอินทรีมีปีกเหมือนเลื่อนลอยโพยม
๏ ดนตรีมี่อึงอลก้องกาหลพลแห่โหม
โห่ฮึกครึกครื้นโครมโสมนัสชื่นรื่นเริงพล
๏ กรีธาหมู่นาเวศจากนคเรศโดยสาชล
เหิมหื่นชื่นกระมลยลมัจฉาสารพันมี ฯ
             

เห่ชมปลา

โคลง
๏ พิศพรรณปลาว่ายเคล้าคลึงกัน
ถวิลสุดาดวงจันทร์แจ่มหน้า
มัตสยาย่อมพัวพันพิศวาส
ควรฤพรากน้องช้าชวดเคล้าคลึงชม ฯ
             
ช้าลวะเห่
๏ พิศพรรณปลาว่ายเคล้าคิดถึงเจ้าเศร้าอารมณ์
มัตสยายังรู้ชมสาสมใจไม่พามา
๏ นวลจันทร์เป็นนวลจริงเจ้างามพริ้งยิ่งนวลปลา
คางเบือนเบือนหน้ามาไม่งามเท่าเจ้าเบือนชาย
๏ เพียนทองงามดั่งทองไม่เหมือนน้องห่มตาดพราย
กระแหแหห่างชายดั่งสายสวาทคลาดจากสม
             
ทรงแปลง
๏ แก้มช้ำช้ำใครต้องอันแก้มน้องช้ำเพราะชม
ปลาทุกทุกข์อกกรมเหมือนทุกข์พี่ที่จากนาง ฯ
             

ทรงแทรก ๕ บท

มูลวะเห่
๏ น้ำเงินคือเงินยวงขาวพรายช่วงสีสำอาง
ไม่เทียบเปรียบโฉมนางงามเรืองเรื่อเนื้อสองสี
๏ ปลากรายว่ายเคียงคู่เคล้ากันอยู่ดูงามดี
แต่นางห่างเหินพี่เห็นปลาเคล้าเศร้าใจจร
๏ หางไก่ว่ายแหวกว่ายหางไก่คล้ายไม่มีหงอน
คิดอนงค์องค์เอวอรผมประบ่าอ่าเอี่ยมไร
๏ ปลาสร้อยลอยล่องชลว่ายเวียนวนปนกันไป
เหมือนสร้อยทรงทรามวัยไม่เห็นเจ้าเศร้าบ่วาย
๏ เนื้ออ่อนอ่อนแต่ชื่อเนื้อน้องฤๅอ่อนทั้งกาย
ใครต้องข้องจิตชายไม่วายนึกตรึกตรึงทรวง
๏ ปลาเสือเหลือที่ตาเลื่อนแหลมกว่าปลาทั้งปวง
เหมือนตาสุดาดวงดูแหลมล้ำขำเพราคม
๏ แมลงภู่คู่เคียงว่ายเห็นคล้ายคล้ายน่าเชยชม
คิดความยามเมื่อสมสนิทเคล้าเจ้าเอวบาง
๏ หวีเกศเพศชื่อปลาคิดสุดาอ่าองค์นาง
หวีเกล้าเจ้าสระสางเส้นเกศสลวยรวยกลิ่นหอม
๏ ชะแวงแฝงฝั่งแนบชะวาดแอบแปบปนปลอม
เหมือนพี่แอบแนบถนอมจอมสวาทนาฏบังอร
๏ พิศดูหมู่มัจฉาว่ายแหวกมาในสาคร
คะนึงนุชสุดสายสมรมาด้วยพี่จะดีใจ ฯ
             

เห่ชมไม้

โคลง
๏ เรือชายชมมิ่งไม้มีพรรณ
ริมท่าสาครคันธ์กลิ่นเกลี้ยง
เพล็ดดอกออกแกมกันชูช่อ
หอมหื่นรื่นรสเพี้ยงกลิ่นเนื้อนวลนาง ฯ
             
ช้าลวะเห่
๏ เรือชายชมมิ่งไม้ริมท่าไสวหลากหลายพรรณ
เพล็ดดอกออกแกมกันส่งกลิ่นเกลี้ยงเพียงกลิ่นสมร
๏ ชมดวงพวงนางแย้มบานแสล้มแย้มเกสร
คิดความยามบังอรแย้มโอษฐ์ยิ้มพริ้มพรายงาม
๏ จำปาหนาแน่นเนื่องคลี่กลีบเหลืองเรืองอร่าม
คิดคะนึงถึงนงรามผิวเหลืองกว่าจำปาทอง
๏ ประยงค์ทรงพวงร้อยระย้าย้อยห้อยพวงกรอง
เหมือนอุบะนวลละอองเจ้าแขวนไว้ให้เรียมชม
๏ พุดจีบกลีบแสล้มพิกุลแกมแซมสุกรม
หอมชวยรวยตามลมเหมือนกลิ่นน้องต้องติดใจ
๏ สาวหยุดพุทธชาดบานเกลื่อนกลาดดาษดาไป
นึกน้องกรองมาลัยวางให้พี่ข้างที่นอน
             
มูลวะเห่
๏ พิกุลบุนนาคบานกลิ่นหอมหวานซ่านขจร
แม้นนุชสุดสายสมรเห็นจะวอนอ้อนพี่ชาย
๏ เต็งแต้วแก้วกาหลงบานบุษบงส่งกลิ่นอาย
หอมอยู่ไม่รู้หายคล้ายกลิ่นผ้าเจ้าตาตรู
๏ มะลิวัลย์พันจิกจวงดอกเป็นพวงร่วงเรณู
หอมมาน่าเอ็นดูชูชื่นจิตคิดวนิดา
๏ ลำดวนหวนหอมตรลบกลิ่นอายอบสบนาสา
นึกถวิลกลิ่นบุหงารำไปเจ้าเศร้าถึงนาง
๏ รวยรินกลิ่นรำเพยคิดพี่เคยเชยกลิ่นปราง
นั่งแนบแอบเอวบางห่อนแหห่างว่างเว้นวัน
๏ ชมดวงพวงมาลีศรีเสาวภาคย์หลากหลายพรรณ
วนิดามาด้วยกันจะอ้อนพี่ชี้ชมเชย ฯ
             

เห่ชมนก

โคลง
๏ รอนรอนสุริยโอ้อัสดง
เรื่อยเรื่อยลับเมรุลงค่ำแล้ว
รอนรอนจิตจำนงนุชพี่ เพียงแม่
เรื่อยเรื่อยเรียมคอยแก้วคลับคล้ายเรียมเหลียว ฯ
             
ช้าลวะเห่
๏ เรื่อยเรื่อยมารอนรอนทิพากรจะตกต่ำ
สนธยาจะใกล้ค่ำคำนึงหน้าเจ้าตาตรู
๏ เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียงนกบินเฉียงไปทั้งหมู่
ตัวเดียวมาพลัดคู่เหมือนพี่อยู่ผู้เดียวดาย
๏ เห็นฝูงยูงรำฟ้อนคิดบังอรร่อนรำกราย
สร้อยทองย่องเยื้องชายเหมือนสายสวาทนาดนวยจร
๏ สาลิกามาตามคู่ชมกันอยู่สู่สมสมร
แต่พี่นี้อาวรณ์ห่อนเห็นเจ้าเศร้าใจครวญ
๏ นางนวลนวลน่ารักไม่นวลพักตร์เหมือนทรามสงวน
แก้วพี่นี้สุดนวลดั่งนางฟ้าหน้าใยยอง
๏ นกแก้วแจ้วแจ่มเสียงจับไม้เรียงเคียงคู่สอง
เหมือนพี่นี้ประคองรับขวัญน้องต้องมือเรา ฯ
             
มูลวะเห่
๏ ไก่ฟ้ามาตัวเดียวเดินท่องเที่ยวเลี้ยวเหลี่ยมเขา
เหมือนพรากจากนงเยาว์เปล่าใจเปลี่ยวเหลียวหานาง
๏ แขกเต้าเคล้าคู่เคียงเรียงจับไม้ไซ้ปีกหาง
เรียมคะนึงถึงเอวบางเคยแนบข้างร้างแรมนาน
๏ ดุเหว่าเจ่าจับร้องสนั่นก้องซ้องเสียงหวาน
ไพเราะเพราะกังวานปานเสียงน้องร้องสั่งชาย
๏ โนรีสีปานชาดเหมือนช่างฉลาดวามแต้มลาย
ไม่เท่าเจ้าโฉมฉายห่มตาดพรายกรายกรมา
๏ สัตวาน่าเอ็นดูคอยหาคู่อยู่เอกา
เหมือนพี่ที่จากมาครวญหาเจ้าเศร้าเสียใจ
๏ ปักษีมีหลายพรรณบ้างชมกันขันเพรียกไพร
ยิ่งฟังวังเวงใจล้วนหลายหลากมากภาษา ฯ
             

เห่เรื่องกากี (ของเดิม)

โคลง
๏ กางกรอุ้มโอบแก้วกากี
ปีกกระพือพาศรีสู่งิ้ว
ฉวยฉาบคาบนาคีเป็นเหยื่อ
หางกระหวัดรัดหิ้วสู่ไม้รังเรียง ฯ
             
กาพย์
๏ กางกรอุ้มโอบแก้วเจ้างามแพร้วสบสรรพางค์
ปีกปกอกเอวนางพลางคลึงเคล้าเต้าจรจรัล
๏ ฉวบฉาบคาบนาคาเป็นภักษาพาผกผัน
หางกระหวัดรึงรัดพันดั้นเมฆามาสิมพลี
๏ ดลสถานพิมานมาศเกลียวกลมสวาทนาฎกากี
เหิมหวลยวลกามีปรีดาแนบแอบอิงองค์
๏ เริงรื่นชื่นเชยปรางพลางคลึงเคล้าเต้าบุษบง
กอดเกื้อเนื้อนวลหงปลงสวาทชมสมเสพย์สมร
๏ กากีแน่งน้อยนาฎอภิวาทประนมกร
ก้มเกล้ากล่าวชอ้อนซอนซบหน้าตาเมียงมัน
๏ ปักษีกรีฑาชมภิรมย์เปรมเกษมสันต์
กลมเกลียวเกี่ยวกรพันผันยั่วเย้าเคล้าคลึงชม
๏ สองสุขสองสังวาสแสนสุดสวาทสองสู่สม
สองสนิทนิทรารมณ์กลมเกลียวชู้สู่สมสอง
๏ แย้มยิ้มพริ้มพรักตราสาภิรมย์สมจิตปอง
แสนสนุกสุขสมพองในห้องแก้วแพรวพรรณราย
๏ ลมพัดกลัดเมฆเกลื่อนฟ้าลั่นเลื่อนแลบแสงพราย
วลาหกตกโปรยปรายสายสินธุ์นองท้องธารา
๏ เหราร่าเริงรื่นว่ายเคล้าคลื่นหื่นหรรษา
สองสมกลมกรีฑาเปนผาสุขทุกนิรันดร์ ฯ
             

เห่เรื่องกากี (ได้มาใหม่)

ช้าลวะเห่
๏ สุบรรณแผลงเดชล้ำบินบน
กางปีกบังสุริยนมืดฟ้า
ร่อนลงสู่ไพชยนต์ปรางค์มาศ
เข้านั่งแอบนุชเคล้าแนบเนื้อนวลสมร ฯ
             
มูลวะเห่
๏ สุบรรณสำแดงฤทธิ์ให้มืดมิดปิดอัมพร
ร่อนลงตรงบัญชรจรสู่น้องแก้วกากี
๏ กล่าวรสพจนาทสายสุดสวาทเจริญศรี
ผินหน้ามาพาทีพี่คือชายชาญสกา
๏ ประสงค์จำนงรักจึงลอบลักเข้ามาหา
หวังเชิญแก้วกานดาไปสู่ฟ้าพิมานจันทร์
๏ เสวยรมย์สมบัติพี่ในสิมพลีเกษมสันต์
แล้วจะพาเจ้าจรจรัลเที่ยวชมชั้นพระเมรุธร
๏ พี่จะชี้ชมทรายแก้วงามพรายแพร้วเชิงสิงขร
แม่น้ำสีทันดรสิงขรกั้นเป็นกันกง
๏ จะพาชมพิทยาธรฝูงกินนรแลเหมหงส์
เหล่าสัตว์ตระกูลวงศ์อยู่ในดงเขาสัตตภัณฑ์
๏ จะได้ชมนารีผลงามสกลดังแสร้งสรรค์
อยู่ยอดเขาอัสสกรรณฝูงคนธรรพ์มาชมเชย
๏ จะพาไปไกรลาสเฝ้าเบื้องบาทพระสยม
ดูเทพมาบังคมจับระบำรำผาลา
๏ เทพบุตรตีวงซ้ายสาวสวรรค์ย้ายมาฝ่ายขวา
แทรกเปลี่ยนเวียนไปมากรคว้าไขว่ไล่พัลวัน
๏ อย่าอาไลยมนุษย์เลยไปชมเชยพิมานสวรรค์
ว่าพลางทางติดพันผันจุมพิตชิดชมนาง ฯ
             

เห่เรื่องกากี (บทของเดิม)

ช้าลวะเห่
๏ กากีกรป้องปัดกรครุฑ
ไยจึงมายื้อยุดเหนี่ยวน้อง
ไม่เกรงพระปิ่นมกุฏจอมราช เลยนา
มาอาจออกคำพร้องล่อเลี้ยวเจรจา ฯ
             
มูลวะเห่
๏ กากีกรป้องปัดต้องสัมผัสด้วยปักษา
เสียวซ่านดาลกรีฑามานะใจให้อัปมาน
๏ ตอบรสพจน์วาทีต้องเจ้านี้โอหังการ
ไม่เกรงพระภูบาลทั้งไภยพาลในอบาย
๏ ถึงเป็นชายชาญสกาไม่เจตนาอย่างพักหมาย
ฝ่ายเจ้าก็เลิศชายสายสุริย์วงศ์พงศ์เทวัญ
๏ เสวยทิพย์พิมานทองฝูงนางน้องล้วนสาวสวรรค์
ไม่ควรมาผูกพันจะพากันตกนรกานต์
๏ ซึ่งว่าจะพาชมบรมสุขสนุกสนาน
ขอบรสพจมานไม่ควรการอย่าเจรจา
๏ ครุฑฟังสายสุดสวาทปรามาสกนิษฐา
เจ้าดวงทิพย์มณฑาวาจาจัดสารพัดงอน
๏ พี่ประมาทอาจหาญนักเพราะจงรักเจ้าสายสมร
เท่าฟ้าแผ่นดินดอนห่อนกลัวเวรเพราะหวังใจ
๏ ขอฝากไมตรีจิตกว่าชีวิตจะตักไษย
ว่าพลางทางคว้าไขว่สัพยอกเย้าหยอกนาง ฯ
             

เห่บทสังวาส

โคลง
๏ พี่ชมพี่เชยแล้วพลางถาม
เจ้ามิอืออำความไป่พร้อง
เจ้าเอื้อนมิเออขามเขินพี่ อยู่ฤา
ผินพักตรมาอย่าข้องขัดแค้นเคืองเลย ฯ
             
ช้าลวะเห่
๏ พี่ชมพี่เชยพลางพี่ถามนางเจ้าไม่อือ
เจ้าเอื้อนอายพี่ฤาพี่ขอถามความจริงนาง
๏ พิศวงทรงรวยรูปพลางกอดจูบลูบคอนาง
ฉุดชักสไบบางพลางคลึงเคล้าเย้ายวนสม
๏ พิศรูปก็น่ารักพิศพักตรก็น่าชม
อ้อนแอ้นอรเอวกลมชมชวัญน้องต้องตามชาย
๏ ใครเห็นเป็นขวัญเนตรลืมทุกข์เทวษเจตน์จงหมาย
มาดนุชสุดเสมอกายบ่วายรักสักนาที ฯ
             
มูลวะเห่
๏ โหยหวนครวญใคร่นางอกเพียงพ่างล้างชีวี
นั่งนอนห่อนฤามีสิ่งซึ่งสุขทุกเวลา
๏ คิดเคยเชยชมน้องไม่ห่างห้องสองเสน่หา
เป็นสุขทุกเวลามาจากได้ให้อาวรณ์
๏ อกเอ๋ยเคยสังวาสกรรมบำราศคลาศคลาสมร
นับเดือนเลื่อนปีจรห่อนเห็นแล้วแก้วตาเรียม
๏ พุ่มพวงดวงดอกฟ้าในใต้หล้าหาไหนเทียม
โฉมงามทรามเสงี่ยมเรียมรักเจ้าเท่าดวงใจ ฯ
             

เห่ครวญ

โคลง
๏ รอนรอนสุริยคล้อยสายัณห์
เรื่อยเรื่อยเรื่ยแสงจันทร์ส่องฟ้า
รอนรอนจิตกระสันเสียวสวาท แม่เอย
เรื่อยเรื่อยเรียมคอยถ้าที่นั้นห่อนเห็น ฯ
             
กาพย์
๏ เรื่อยเรื่อยมารอนรอนสุริยาจรเข้าสายัณห์
เรื่อรองส่องสีจันทร์ส่งแสงกล้าน่าพิศวง
๏ ริ่วริ่วจันทร์แจ่มฟ้าเหมือนพักตราหน้านวลผจง
สูงสวยรวยรูปทรงส่งสีเจ้าเท่าสีจันทร์
๏ เอวอ่อนชะอ้อนองค์โฉมอนงค์ทรงสาวสวรรค์
หาไหนไม่เทียมทันขวัญเนตรพี่นี้น่ารัก
๏ ขาวสุดพุดจีบจีนเจ้ามีสีนพี่มีศักดิ์
ทั้งวังเขาชังนักแต่พี่รักเจ้าคนเดียว
๏ นอนนั่งตั้งอาลัยสายสุดใจไม่แลเหลียว
หวังชมสมกลมเกลียวควรฤๅน้องข้องใจเคือง ฯ
             
ช้าลวะเห่
๏ ขาวสุดพุดซ้อนแซมเนื้อแอร่มอร่ามเหลือง
โฉมอ่ากว่าทั้งเมืองหนแห่งใดไม่เหมือนเลย
๏ ได้น้องทองนพมาศมาสังวาสพาดชมเชย
ร่วมเรือนเพื่อนพิงเขนยเคยวิงวอนอ่อนหวานคำ
๏ ฝนตกยกปีกป้องฟ้าร้องต้องเอาตนงำ
ชอกเชื้อเนื้อนวลขำอ่อนละมุนอุ่นอกเรียม
๏ รักนุชสุดสายใจต้องหฤทัยไม่เท่าเทียม
ขอต้องน้องอายเหนียมเกรียมจิตเจ้าเผ้าทุกข์ทน
๏ ฝนตกฝนหากตกแก้วกับแกอย่าโกรธฝน
ลมพัดรับขวัญบนแก้วโกมลมานอนเนา
๏ ฝนตกไม่ทั่วฟ้าเย็นแหล่งหล้าในภูเขา
ไม่เย็นในอกเราเพราะเพื่อนเคล้าเจ้าอยู่ไกล ฯ
             
มูลวะเห่
๏ เรียมร่ำน้ำตาตกอกร้อนรุ่มดังสุมไฟ
แสนคะนึงถึงสายใจเจ้าไกลสวาทนิราศเรียม ฯ
             
โคลง
๏ เสียงสรวลระรี่นี้เสียงใด
เสียงนุชพี่ฤๅใครใคร่รู้
เสียงสรวลเสียงทรามวัยนุชพี่ มาแม่
เสียงบังอรสมรผู้อื่นนั้นฤๅมี ฯ
             
มูลวะเห่
๏ เสียงสรวลระรี่นี้เสียงแก้วพี่หรือเสียงใคร
เสียงสรวลเสียงทรามวัยสุดสายใจพี่ตามมา
๏ ลมชวยรวยกลิ่นน้องหอมเรื่อยต้องคลองนาสา
เคลือบเคล้นเห็นคล้ายมาเหลียวหาเจ้าเปล่าวังเวง
๏ ยามสองฆ้องยามย่ำทุกคืนค่ำย่ำอกเอง
เสียงปี่มี่ครวญเครงเหมือนเรียมคร่ำร่ำครวญนาน
๏ ล่วงสามยามปลายแล้วจนไก่แก้วแว่วขันขาน
ม่อยหลับกลับบันดาลฝันเห็นน้องต้องติดต
๏ เพรางายวายเสพรสแสนกำสรดอดโอชา
อิ่มทุกข์อิ่มชลนาอิ่มโศกาหน้านองชล
๏ เวรามาทันแล้วจึงจำแคล้วแก้วโกมล
ให้แค้นแสนสุดทนทุกข์ถึงเจ้าเศร้าเสียดาย
๏ งามทรงวงดั่งวาดงามมารยาทนาดกรกราย
งานพริ้มยิ้มแย้มพรายงามคำหวานลานใจถวิล
๏ แต่เช้าเท่าถึงเย็นกล้ำกลืนเข็ญเป็นอาจิณ
ชายใดในแผ่นดินไม่เหมือนพี่ที่ตรอมใจ ฯ
             
โคลง
๏ เรียมทนทุกข์แต่เช้าถึงเย็น
มาสู่สุขคืนเข็ญหม่นไหม้
ชายใดจากสมรเป็นทุกข์เท่า เรียมเลย
จากคู่วันเดียวได้ทุกข์ปิ้มปานปี ฯ
             
สวะเห่
๏ เห่แลเรือ เห่ละเห่เห เห่โหวเห่โห เหโหวเห่เห้ เห่เหเห่เหเห่ โอละเห่
๏ สาละวะเห่ โหเห่เห เหเห่ เหเห่เห โอละเห่
๏ ช้าลวะเห่ เหเห่ เห่เหเห่ โอละเห่ เจ้าเอยก็พาย พี่ก็พาย พายเอยลง พายลงให้เต็มพาย โอวโอวเห่
๏ ช้าลวะเห่ โหเห่เห เหเห เหเห่เห โอละเห่ มูละเหเห่เห้ โอเห้มารา โอเห้เจ้าข้า โอเห้เจ้าข้า มารา ไชโย สีเอยไชย สีไชยแก้วเอย ไชยเอยแก้ว ไชยแก้ว พ่อเอย โอวโอว ฯ
             

เชิงอรรถ

อ้างอิง

เครื่องมือส่วนตัว