พงศาวดารà¸à¸§à¸™
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(การแก้ไขหนึ่งรุ่นระหว่างรุ่นที่เปรียบเทียบไม่แสดงผล) | |||
แถว 1: | แถว 1: | ||
- | + | == ข้อมูลเบื้องต้น == | |
+ | [[หมวดหมู่:ประวัติศาสตร์]] | ||
+ | [[หมวดหมู่:ประชุมพงศาวดาร]] | ||
+ | [[หมวดหมู่:ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๒๘]] | ||
+ | เป็นส่วนหนึ่งใน[[ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๒๘]] | ||
+ | == บทประพันธ์ == | ||
+ | เจ้าคุณผู้ช่วยกรมท่า เก็บเรื่องความเมืองญวนแต่ก่อนมาเรียบเรียงเข้าไว้ไม่สู้เลอียดแจ่มแจ้งนัก ด้วยฉบับเดิมเจ้าพนักงานแต่ก่อนรักษาต่อ ๆ กันมาให้ฉบับหายเสียบ้าง ปลวกกินเสียบ้าง ได้ความประการใดก็เรียงไว้พอเปนของสำหรับแผ่นดินไปเบื้องหน้า ค้นหาได้ความว่าเมื่อครั้งแผ่นดินสมเด็จพระพุทะยอดฟ้าจุฬาโลกนั้น มีรับสั่งให้ขุนราชมนตรี ขุนศรีเสนา ขุนราชาวดี ล่ามแปลคำองเปดกลึง องเปด จัดพวกองไชสือไว้ เมื่อ ณ วันเดือน ๙ ขึ้น ๓ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๕๕ ปีฉลูเบญจศก ได้ความว่า | ||
- | |||
- | + | เดิมเมืองญวนนั้นเมืองตังเกี๋ยเปนเมืองหลวง เจ้ากินเปนเจ้าเมืองสืบกระษัตริย์ได้ ๖ องค์ กระษัตริย์ ในที่ ๖ ชื่อหุงเมือง ครั้งนั้นพระเจ้ากรุงปักกิ่งให้ขุนนางชื่อเลียวท่าง เปนแม่ทัพมาตีเมืองตังเกี๋ยได้ เลียวท่างจับหุงเมืองแลพวกพ้องฆ่าเสียสิ้น แล้วเลียวท่างก็อยู่รักษาเมืองตังเกี๋ย ๆ ก็ขึ้นแก่เมืองจีนตั้งแต่นั้นมา | |
- | |||
- | + | ครั้นนานมาเกิดญวนผู้มีบุญชื่อเลเลยอยู่ณบ้านลำเซินเลเลยฝันเห็นว่าเทวดามาบอกว่าเลเลยจะได้เปนเจ้าแผ่นดิน ชายผู้หนึ่งชื่อเวียนกรายจะได้เปนมหาอุปราช ดวงตรากับกระบี่สำหรับกระ ษัตริย์อยู่ที่ตำบลหวยนำ ครั้นเพลาเช้าเลเลยก็ไปเที่ยวดูที่ตำบลหวย นำก็ได้เห็นดวงตรากับกระบี่สมคำที่เทวดาบอก จึงเอาดวงตรากับกระบี่มาเก็บไว้ที่บ้าน ฝ่ายเวียนกรายนั้นเที่ยวมาอาศรัยนอนอยู่ในศาลเทพารักษ์ มีเทวดาบอกในฝันว่าชายชื่อเลเลยจะได้เปนเจ้าแผ่นดินในเมืองญวน ตัวท่านจะได้เปนมหาอุปราช ถ้าท่านจะใคร่พบเลเลยก็ให้ไป ณ บ้านลำเซิน ถ้าไม่รู้จักเรือนเลเลยเพลากลางคืนให้ดูรัศมีสว่างอยู่ที่เรือนใด เรือนนั้นแลเปนเรือนเลเลย ครั้นตื่นชิ้นเพลาเช้าเวียนกรายก็ออกจากศาลเทพารักษ์ เดิรมาถึงบ้านลำเซินพอเพลาค่ำ จึงคอยดูเห็นเรือนหนึ่งรัศมีสว่างสมกับคำเทวดาบอก เวียนกรายก็เข้าไปหาเลเลย ๆ กับเวียนกรายพบกันแล้ว ก็ไถ่ถามชื่อเสียงรู้จักกันสมกับความฝันทั้งสองฝ่าย เวียนกรายขอดูดวงตราแลกระบี่ของเลเลย เลเลยก็ให้ดู เวียนกรายไม่มีความสงสัยแน่แก่ใจแล้ว จึงว่าเราทั้งสองคงจะได้เปนใหญ่ในเมืองตังเกี๋ย จึงให้เลเลยตั้งกองเกลี้ยกล่อมผู้คนอยู่ที่บ้านลำเซิน ตัวเวียนกรายจะไปเที่ยวเกลี้ยกล่อมคนในแขวงเมืองตังเกี๋ย ครั้นเกลี้ยกล่อมคนเข้าด้วยมากแล้ว เวียนกรายกับเลเลยก็เปนกระบถ คุมคนยกเข้าตีเอาเมืองตังเกี๋ยได้ จับเจ้าเมืองฆ่าเสีย เลเลยก็ตั้งตัวขึ้นเปนเจ้า ตั้งเวียนกรายขึ้นเปนมหาอุปราช | |
- | + | ||
- | + | ||
- | + | ||
- | |||
- | + | ฝ่ายพระเจ้ากรุงจีนรู้ว่าเลเลยกับเวียนกรายฆ่าเจ้าเมืองตังเกี๋ยเสียจึงแต่งกองทัพไปตีเมืองตังเกี๋ย เลเลยกับเวียนกรายเห็นกองทัพจีน ยกมามากนักจะสู้รบมิได้ จึงเอาทองคำทำเปนรูปเจ้าเมืองตังเกี๋ยกับเครื่องราชบรรณาการ ให้ทูตคุมไปให้กับแม่ทัพเมืองจีน ขอโทษตัวยอมเปนเมืองขึ้นตามเดิม แม่ทัพจึงมีหนังสือบอกขึ้นไปณเมืองหลวง พระเจ้ากรุงจีนจึงมีหนังสือตอบมา ให้แม่ทัพตั้งเลเลยเปน เจ้าเมืองตังเกี๋ยเถิด แม่ทัพทำตามหนังสือรับสั่งแล้วก็ยกทัพกลับไปเลเลยจึงให้เวียนกรายผู้เปนมหาอุปราช เปนผู้สำเร็จราชการบ้านเมืองทั้งปวง แลเวียนกรายนั้นมีบุตรหญิงคนหนึ่งชื่องกงจัว บุตรชายคนหนึ่งชื่อจัวเตียน บุตรหญิงนั้นยกให้เปนภรรยาตื่นเฮกยิ่ม ซึ่งเปนเสนาบดีในเมืองตัวเกี๋ย | |
- | + | ||
- | + | ||
- | |||
- | |||
- | |||
- | + | ครั้นนานมามหาอุปราชจึงทูลลาเจ้าเมืองตังเกี๋ย ว่าตัวแก่ชราแล้วจะขอลาออกจากราชการ จะขอให้ตีนเฮกยิ่มบุตรเขยเปนที่อุปราชแทนตัวไปกว่าจัวเตียนบุตรชายจะใหญ่ขึ้น ถ้าบุตรใหญ่แล้วจะขอให้บุตรเปนมหาอุปราชสืบไป เจ้าเมืองตังเกี๋ยก็ยอมให้ ครั้นเวียนกรายอุปราชตายแล้ว ตีนเฮกยิ่มบุตรเขยก็คิดจะฆ่าจัวเตียนน้องภรรยาเสีย นางกงจัวพี่สาวรู้ความจึงกระซิบบอกน้องชายให้รู้ตัว ให้น้องชายทำเปนบ้าเสีย จัวเตียนก็ทำตามคำพี่สาว ๆ จึงคิดอุบายบอกแก่ตีนเฮกยิ่มผู้ผัวว่า จัวเตียนเปนบ้าไปแล้ว จะเลี้ยงไว้ก็ขายหน้า ขอให้ขับไปเสียให้พ้นบ้านพ้นเมืองเถิด ตีนเฮกยิ่มไม่ ทันคิด จึงไปทูลกับเจ้าาเมืองตังเกี๋ย ให้ขับจัวเตียนเสียจากเมืองเจ้าเมืองตังเกี๋ยก็ยอมตาม ตีนเฮกยิ่มจึงแต่งเรื่องแลคนให้คุมตัวจัวเตียนลงมาส่งข้างทิศใต้ให้ขึ้นที่ป่าชื่อโว๊จอ ที่นั้นเปนแดนข่า ถ้าจะเดิรมาแต่เมืองตังเกี๋ยประมาณ ๑๕ วันจึงถึง คนที่มาส่งนั้นก็อยู่ด้วยจัวเตียนหากลับขึ้นไปไม่ จัวเตียนจึงตั้งช่องเกลี้ยกล่อมผู้คนอยู่ที่นั้น ครั้นได้คนมากขึ้นก็สร้างเมืองขึ้นที่ป่าโวจ๊อ ให้ชื่อว่าเมืองเว้ | |
- | + | ||
- | |||
- | + | ฝ่ายองตีนเฮกยิ่มพี่เขยรู้จึงให้องลักเบาคุมกองทัพยก มาตีเมืองเว้ ได้รบพุ่งกันเป็นสามารถ องลักเบาตาย กองทัพแตกกลับไปเมืองตังเกี๋ย ภายหลังจัวเตียนเจ้าเมืองเว้กลัวว่าจะเป็นศึกติดพันกันไปจึงแต่งเครื่องราช บรรณาการให้จิ้มก้ององเตียนเฮกยิ่มพี่เขยขอโทษตัวแล้วยอมเป็นเมืองขึ้น เจ้าเมืองตังเกี๋ยก็ยกโทษให้ จัวเตียนได้ครองเมืองเว้สืบลูกหลานมาได้ ๖ ชั่วเจ้าเมือง คือ จัวเตียนบุตรเวียนกรายที่ ๑ จัวสายบุตรจัวเตียนที่ ๒ จัวเทิ่งบุตรจัวสายที่ ๓ กับจัวเหียนบุตรจัวเทิ่งที่ ๔ จัวค่างบุตรจัวเหียนที่ ๕ องเฮียวหูเวียงบุตรจัวค่างที่ ๖ เป็น ๖ เจ้าเมืองด้วยกัน ครั้นเมื่อองเฮียวหูเวียงได้เป็นเจ้าเมืองเว้ก็ตั้งแข็งเมืองไม่ไปขึ้นกับ เมืองตังเกี๋ยเหมือนแต่ก่อน เจ้าเมืองตังเกี๋ยก็จัดกองทัพไปตีเมืองเว้หลายครั้งก็ไม่ได้ องเฮียวหูเวียงจึงให้ตั้งด่านทางบกลงไว้ที่ตำบลโปจัน ตำบลโปจันนั้นตั้งอยู่ริมแม่น้ำซงยัน ฟากแม่น้ำซงยันข้างตะวันออกเป็นแดนเมืองตังเกี๋ย ด่านโปจันทุกวันนี้เขาเรียกว่าเมืองกวางเบือง ทางน้ำนั้นให้เอาโซ่ขึงแม่น้ำกงเหยไว้ไม่ให้พวกเมืองตังเกี๋ยมาเมืองเว้ได้ เมืองเว้ก็ขาดจิ้มก้องเมืองตังเกี๋ยมาหลายปี ตั้งตัวเป็นกษัตริย์ขึ้นด้วยกันทั้งสองเมือง องเฮียวหูเวียงนั้นมีราชบุตร ๕ องคือ องดิกหมูที่ ๑ องเฮียวคางเวียงที่ ๒ องเทิงกวางที่ ๓ กับองเชียงฉุนที่ ๔ องทางที่ ๕ | |
- | |||
- | + | ฝ่ายองดิกหมูราชบุตรใหญ่นั้นมีบุตรชายชื่อองหวางคน ๑ องเฮียงคางเวียราชบุตรที่ ๒ มีบุตร ๓ คนคือ องยาบา ๑ องหมัน ๑ องไชสือ ๑ องดิกหมู องคางเวียงตายก่อนพระราชบิดา ครั้นองเฮียวหูเวียงพระราชบิดาตาย องกวักภัยขุนนางผู้ใหญ่ก็ยกกองเทิงกวางพระราชบุตรที่ ๓ ขึ้นเป็นเจ้าเมืองเว้ แล้วองกวักภ้อก็เป็นผู้สำเร็จราชการสิทธิ์ขาดอยู่แต่ผู้เดียว เสนาบดีและราษฎรไม่เต็มใจ บ้านเมืองก็เกิดจลาจลต่างๆ | |
- | |||
+ | ครั้นอยู่มาองยากเป็นโจรป่าอยู่แดนเมืองกุยเยิน องยากมีน้องชายสองคนชื่อองบาย ๑ องดาม ๑ ครั้นอยู่มาองกรุมหวดผู้เป็นบิดาตาย พี่น้องสามคนหาหมอดูที่ฝังศพ หมอดูว่าที่เขากวางนำนั้นเป็นที่ฮวงซุ้ยดี มีเขาเป็นรูปปากมังกร ถ้าผู้ใดได้ฝังศพบิดามารดาลงที่นั้น นานไปลูกหลานจะได้ดี พี่น้องทั้งสามก็เอาศพบิดามารดาลงไปฝังที่เขานั้น เมื่อขุดหลุมลงไปนั้นได้ทองสองไหแง แล้วจึงเอาศพบิดาฝังลงไว้ที่นั้น พี่น้องทั้งสามก็เอาทองนั้นมาขาย ครั้นได้เงินก็เอาไปช่วยที่ทุกข์ยากปล่อยเสีย แล้วเกลี้ยกล่อมผู้คนได้มาก จึงปรึกษากันจะชิงเอาราชสมบัติในเมืองเว้ ด้วยเห็นว่าองเทิงกวาง องกวักภ้อไม่เอาใจใส่ในราชการ ตั้งแต่เสพสุราเล่นงิ้วเป็นการสนุก แต่บรรดาขุนนางก็เอาใจออกหากอยู่สิ้น พี่น้องทั้งสามเห็นการดังนั้นก็ปรึกษากันว่า ผู้คนนิยมกับเรามากอยู่แล้ว เห็นพอจะคิดการใหญ่ได้ จึงให้องบายเอาทองคำหลายลิ่ม ๆ ละ ๑๐ ตำลึงใส่กะบะเข้าไปให้เจ้าเมืองกวางนำขอทำราชการด้วย เจ้าเมืองกวางนำก็รับไว้ ครั้นนานมาเจ้าเมืองกวางนำเห็นว่าองบายมีสติปัญญาและความเพียรมาก ก็ให้ว่าราชการสิทธิ์ขาดแทนตัว ด้วยตัวเป็นคนชรา องบายเกลี้ยกล่อมให้ไพร่บ้านพลเมืองรักใคร่ก็ได้พวกพ้องเปนอันมาก | ||
- | + | ฝ่ายองยากพี่ชายองตามน้องชายก็คุมไพร่พลอยู่ในป่า จึงพูดจาว่าองเทิงกวางเจ้าเมืองเว้คนนี้หาอยู่ในยุติธรรมไม่ เราจะคิดกำจัดเสีย จะยกหวางคนซึ่งเปนบุตรองดิกหมูขึ้นเปนเจ้าจึงจะควร แลองหวางตนคนนี้มีคนรักมาก เพราะดังนั้นคนทั้งปวงก็เห็นด้วยพี่น้องทั้งสาม ๆ ก็ตั้งแขงเมืองกวางนำไว้ ความรู้ไปถึงเจ้าเมืองเว้ ๆ จึงให้องก้อมาเปนแม่ทัพ คุมกองทัพมาตีเมืองกวางนำ องบายผู้สำเร็จราชการเมืองกวางนำก็มีหนังสือไปเกลี้ยกล่อมองก้อมาเปนแม่ทัพ ว่าจะคิดเอาราชสมบัติให้กับองหวางตน องภ้อมาแม่ทัพก็เห็นด้วย จึงยอมเข้าด้วยองบาย ๆ ก็มีหนังสือไปถึงองยากพี่ชาย องดามน้องชายให้ยกพวกโจรแลคนเข้าเกลี้ยกล่อมเข้าสมทบกับกองทัพองภ้อมา องบายก็เปนแม่ทัพคุมคนเมืองกวางนำไปด้วย ก็เข้าตีเอาเมืองเว้ได้ องเทิงกวางเจ้าเมืองเว้แลองเชียงฉุนน้องชาย กับองยาบา องไชสือ องหมัน ก็ลงเรือหนีมาอยู่เมืองไซ่ง่อน แต่องหวางตนไม่หนีเพราะรู้ข่าวว่าเขาจะยกตัวขึ้นเปนเจ้า | |
+ | |||
+ | |||
+ | องทั้งสามได้เมืองเว้แล้ว ก็ให้เอาตัวองหวางตนไปไว้เมืองกุยเยิน องหวางตนเห็นว่าองทั้งสามไม่สุจริต คิดเปนอุบายจเอาราชสมบัติเอง ก็ไม่ไว้ใจจึงหนีลงมาอยู่เมืองไซ่ง่อนกับองเทิงกวางด้วยกัน องเทิงกวางปรึกษากับพี่น้องแลขุนนางทั้งปวงว่าจะยกองหวางตนผู้หลานขึ้นเปนเจ้าเมืองไซ่ง่อน จะได้เกณฑ์กองทัพไปตีเอาเมืองเว้คืน กองทัพเมืองไซ่ง่อนยังไม่ทันจะยกไป องทั้งสามก็ยกทัพมาตีเอาเมืองไซง่อนได้ จับองเทิงกวาง องหวางตนฆ่าเสีย องเซียงฉุนนั้นหนีมาตั้งอยู่เมืองพุทไธมาศ องเซียงฉุนมีบุตรชายชื่อองกลัด บุตรหญิงชื่อหมูเสพวกไทยเรียกว่าโกเงิน ขณะนั้นเจ้ากรุงไทยคือเจ้าตากยกกองทัพออกไปตีเมืองพุทไธมาศ องเซียงฉุนกับพวกพ้องก็เข้ามาฝากตัวอยู่กับเจ้าตากณกรุงเทพฯ ครั้นภายหลังคิดจะหนีกลับไปเมืองญวน เจ้าตากรู้ ให้ประหารชีวิตองเซียงฉุนกับพวกพ้องเสีย | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ฝ่ายองยาบาพี่ องหมันน้อง กับองไชสือ หนีอยู่ในป่าแขวงเมืองไซง่อน องทั้งสามสืบรู้ให้ไปจับได้องยาบา องหมันพี่น้องสองคนให้ประหารชีวิตเสีย แต่องไชสือหนีไปได้ องยากได้เมืองไซ่ง่อนแล้วก็ตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้าชื่อองไกรเซิน ครองราชย์สมบัติอยู่ณเมืองกุยเยิน องบายน้องกลางเป็นเจ้า ชื่อบากบินเวืองเปนใหญ่อยู่เมืองไซ่ง่อน องดามน้องน้อยเปนเจ้าชื่อล่องเยืองอยู่รักษาเมืองเว้ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ฝ่ายองล่องเยืองซึ่งเปนเจ้าเมืองเว้ คิดจะไปตีเมืองตังเกี๋ย จึงทำอุบายเขียนชื่อองไชสือหลานเจ้าเก่าลงในธง ให้ทหารพูดจากันว่าทัพองไชสือยกมา เจ้าเมืองตังเกี๋ยแลขุนนางราษฏรก็ยินดี สำคัญว่าเปนทัพองไชสือจึงเปิดประตูเมืองรับ องลองเยืองเข้าเมืองตังเกี๋ยได้ ให้จับแต่บรรดาพี่น้องเจ้าเมืองฆ่าเสีย ตัวเจ้าเมืองตังเกี๋ยวนั้นรากเลือดตาย มหาอุปราชก็เชือดคอตาย องลองเยืองจึงตั้งใต้องเจียวทุงบุตรองกวางตรีหลานเจ้าเมืองตังเกี๋ย ให้เปนเจ้าเมืองตังเกี๋ย องล่องเยืองก็เก็บเอาทรัพย์สิ่งของปืนใหญ่น้อยเครื่องศัสตราวุธมาเสียสิ้น องเจียวท่งคิดแค้นก็มีหนังสือขึ้นไปให้กราบทูลเจ้าเมืองกรุงจีน ๆ ให้จงตกเปนแม่ทัพมารบกับองลองเยือง ๆ ก็ยกไปตีทัพเมืองจีนแตกไป องเจียงท่งเจ้าเมืองตัวเกี๋ยกับพรรคพวกก็อพยพหนีไปอยู่ ณ เมืองจีน องลองเยืองจึงตั้งองกะวิบุตรหัวปีของตัวให้เปนเจ้าเมืองตังเกี๋ย แล้วองลองเยืองก็กลับลงมาอยู่เมืองเว้ ครั้นภายหลังองลองเยืองป่วยตาย เสนาบดีจึงยกองกลัดบุตรที่ ๒ ขึ้นเปนเจ้าเมืองเว้สืบวงศต่อไป | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ฝ่ายองไชสือเมื่อแตกทัพนั้นพลัดกันกับพี่น้อง จึงหนีไปอยู่ที่บ้านป่าชื่อบ้านไกเต๋า เปนบ้านเขมรลับแลขัดสนด้วยเสบียงอาหา จึงใช้อ้ายจูผู้เปนบ่าวสนิทให้ไปเที่ยวหาเสบียงอาหารมาสู่กันกิน อ้ายจูลงเรือไปที่เมืองเตกเชียะ จึงไปบอกกับองตรีเจ้าเมืองเตกเชียะ ว่าองไชสือมาอาศรัยอยู่ที่บ้านไกเต๋าอยู่ในป่าอดอยากลำบากนัก องตรีเจ้าเมืองเตกเชียะครั้นรู้ความก็จัดแจงเสบียงอาหารให้อ้ายจูมา แล้วจึงสั่งอ้ายจูว่าถ้าสิ้นเสบียงเมื่อไร ก็ให้มาเอาอีกจะจัดแจงให้ มิให้ขัดสน แต่องไชสือมาอาศรัยอยู่ที่บ้านเขมรลับแลนั้นประมาณ ๓ ปี ๔ ปี พวกญวนไปเที่ยวตีผึ้งในป่าหลายพวกรู้ว่าองเซียงสือลูกหลานเจ้านายมาอยู่ที่บ้านนั้นได้ความลำบาก ก็ชวนกันแบ่งเสบียงอาหารไปให้ทุกพวก | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ส่วนจีนทัดกับพวกญวนตีผึ้งคิดอ่านกันว่า องไกรเซินคิดกระบถจับเจ้านายเราฆ่าเสีย ตั้งตัวขึ้นเปนเจ้าเมืองเว้ บัดนี้องไชสือหลานเจ้านายเราหนีมาออาศรัยอยู่ในป่าได้ความลำบากนัก เราจะคิดอ่านตีเอาบ้านเอาเมืองคืนให้องไชสือจงได้ จีนทัดจึงคิดอ่านเกลี้ยกล่อมชักชวนพวกจีนพวกญวนในเมืองไซ่ง่อน ครั้นได้พวกพ้องมากก็ยกเข้าตีเมืองไซ่ง่อนได้ องบากบินเวืองเจ้าเมืองหนีขึ้นไปเมืองกุยเยิน จีนทัดก็ตั้งตัวขึ้นเปนองกงเซิน แล้วแต่งให้คนไปรับองไชสือเข้ามาให้เปนเจ้าเมืองไซ่ง่อน องไชสือจึงตั้งจีนทัดซึ่งเปนองกงเซินนั้น ให้เลื่อนขึ้นเปนองเทืองกงขุนนางผู้ใหญ่ ๆ กลับเปนกระบถ คิดกันกับจีนที่เปนพวกพ้องของตัวจะชิงเอาสมบัติเปนเจ้าในเมืองไซ่ง่อน ฝ่ายอ้ายจูบ่าวองไชสือเสพสุราเมาไปเที่ยวนอนอยู่โรงจีน ได้ยินพวกจีนเล่าให้กันฟัง ว่าบัดนี้องเทืองกงจะคิดฆ่าองไชสือเสีย อ้ายจูจึงรีบเอาความมาบอกกับองไชสือ ๆ รู้ตัวแล้ว จึงคิดเปนอุบายให้กั้นม่านไว้ที่ตนอยู่สามชั้น แล้วให้คนสนิทถืออาวุธเตรียมอยู่ในม่านประมาณ ๒๐๐ คน องไชสือทำเปนป่วยนอนอยู่ในม่าน แล้วสั่งคนสนิทว่าถ้าองเทืองกงเข้ามาเยี่ยมถึงม่านชั้นใน ถ้าคิดกระบถจริงก็คงจะมียาพิษมาให้เรากิน เราก็จะรับถ้วยยาเทเสียในกระโถน แล้วจะดีดเคาะกระโถนเข้าเปนสำคัญ ท่านทั้งปวงจงรุมกันเข้าจับตัวองเทืองกงฆ่าเสียเถิด | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ฝ่ายองเทืองกงรู้ว่าองไชสือป่วยก็ทำยาพิษใส่ถ้วยถือไป หมายจะให้องไชสือกินจะให้ตายเสีย พอเข้าไปถึงม่านชั้นใน องไชสือจึงทักว่าท่านมาเยี่ยมเราฤา องเทืองกงตอบว่า ข้าพเจ้ารู้ความว่าท่านป่วยจึงขึ้นมาเยี่ยม จะเอายามาให้กินด้วยท่านจึงจะหายโดยเร็ว ครั้นว่าแล้วจึงส่งถ้วยยาให้องไชสือ ๆ ก็เห็นความจริงเหมือนอย่างคิดไว้ จึงรับเอาถ้วยยามาเทเสียแล้วเคาะกระโถนขึ้นตามสัญญา คนสนิทได้ยินแล้วก็เข้ามากลุ้มรุมจับองเทืองกงได้แล้วเอาไปฆ่าเสีย แล้วองไชสือจึงสั่งว่า แต่บรรดาจีนที่เปนพวกองเทืองกงนั้นให้จับฆ่าเสียให้สิ้น ฝ่ายจีนแจจีนเล็กเปนพ่อค้าผู้ใหญ่อยู่ในเมืองไซ่ง่อน จึงมาว่ากับองไชสือว่า ซึ่งท่านจะให้ฆ่าพวกจีนในเมืองไซ่ง่อนเสียนั้นนานไปพวกจีนจะกลัวจะไม่มาค้าขายในเมืองไซ่ง่อน บ้านเมืองจะร่วงโรยไป กับประการหนึ่งพวกจีนในเมืองไซ่ง่อน ถ้ารู้ว่าท่านสั่งให้จับฆ่าแล้วก็จะชักชวนกันเปนกระบถขึ้น การศึกข้างองไกรเซินก็ยังติดพันกันอยู่ ขอให้ท่านเอาใจพวกจีนเหล่านี้ไว้ก่อน องไชสือก็เห็นชอบด้วยจึงให้งดไว้ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ครั้นอยู่มาองไกรเซิน จึงจัดขุนนางนายทหารคุมพล ๓๐๐๐ ยกมาทางบก จะตีเมืองไซ่ง่อนจังองไชสือฆ่าเสีย องไชสือรู้ตัวก็ให้จัดเรือเสาเรือใบพาครอบครัวหนีมาจากเมืองไซ่ง่อน จะเข้ามาพึ่งพระบารมีอยู่ ณ กรุงเทพฯ ครั้นมาถึงเกาะกระบือได้ความว่าองเซียงฉุนซึ่งเปนอาของตัวเข้าไปอยู่ณกรุงเทพฯ เจ้าตากฆ่าเสีย องไชสือก็กลัวหาอาจเข้า ณ กรุงเทพฯ ไม่จึงยั้งอยู่ที่เกาะกระบือแขวงเมืองกระโพงสม | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ครั้นอยู่มาพระยาชลบุรีกับพระระยองออกไปตามปังกะลิมาแขกซึ่งหนีออกไปแต่กรุงฯ ไปถึงเกาะกระบือจึงพบกับองไชสือ ๆ เล่าความให้พระยาชลบุรี พระระยอง ๆ จึงชวนองไชสือเข้ามากรุง ฯ องไชสือจึงตอบว่ากลัวจะเข้าไปตายเสียเหมือนองเซียงฉุน พระยาชลบุรี พระระยองจึงว่า บัดนี้ที่กรุงเทพฯ เปลี่ยนแผ่นดินใหม่ เจ้าตากนั้นตายเสียแล้ว พระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ของเรามีพระไทยโอบอ้อมแก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินแลนานาประเทศทั้งปวง ท่านจงเข้าไปเถิดหาเปนอันตรายไม่ องไชสือจึงหมายว่าพระยาชลบุรีจะเปนที่พึ่งได้ จึงฝากตัวเปนบุตรเลี้ยงพระยาชลบุรี องไชสือนั้นปีมะเมียอายุ ๓๓ ปี พระยาชลบุรี พระระยอง จึงพาองไชสือกับครอบครัวเข้ามากรุงฯ ในเดือน ๔ ปีขาลจัตวาศก จึงแจ้งความกับท่านเสนาบดี ว่าองไชสือคนนี้เปนหลานเจ้าเมืองเว้ บ้านเมืองเสียแก่องไกรเซิน จะขอเข้ามาพึ่งพระบารมีกับครอบครัวชายหญิงใหญ่น้อย ๑๕๐ คน ครั้นเสนาบดีเอาเนื้อความขึ้นกราบทูล จึงโปรดให้องไชสือกับพวกพ้องลงไปตั้งบ้านตั้งเรือนอยู่ ณ ตำบลต้นสำโรงคอกควาย พระราชทานเบี้ยหวัดให้ปีละ ๕ ตำลึง แลเครื่องยศ พานหมาก คนโท กลดคันสั้น ชุบเลี้ยงเหมือนเจ้าเขมร ให้เฝ้าข้างพระเฉลียงท้องพระโรงด้านตะวันตก นั่งขัดสมาธิ์ตางเพศญวนเสมอหน้ากับเจ้ากรมพระตำรวจ มารดาองไชสือกับองโดยองดาขุนนางซึ่งเข้ามาด้วยนั้น ก็ได้รับเบี้ยหวัดตามสมควร แล้วโปรดตรัสสั่งไปถึงเจ้าเมืองกรมการด่านปากน้ำ ว่าพวกญวนจะเข้าอกไปมาหากินตามท้องชเล อย่าให้กักขังห้ามปรามเปนอันขาด | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ครั้งองไชสือเข้ามาอยู่ได้ ๒ ปี ถึงปีมะโรงศักราช ๑๑๔๖ จึงตรัสสั่งให้จัดกองทัพเรือ ให้พระเจ้าหลานเธอ กรมหลวงเทพหริรักษ์เปนแม่ทัพกำกับองไชสือไปด้วย ให้พระยานครสวรรค์เปนทัพหน้า ยกออกไปตีเมืองญวน เข้าทางปากน้ำเมืองนำก๊กตีทัพพวกองไกรเซินเตกขึ้นไปจนถึงคลองว่ำน่าว ฝ่ายพระยานครสวรรค์แม่ทัพหน้าคิดมิชอบเปนใจกับพวกญวน จึงมีตราให้หาเข้ามา ณ กรุงฯ ให้ประหารชีวิตเสีย ส่วนกองทัพไทยตั้งอยู่คลองว่ำน่าวนั้น พวกญวนตัดหลังมาทางคลองวงเจิงเปนทัพกระหนาบ กองทัพเรือไทยเห็นพวกญวนปิดไว้ทั้งต้นคลองทั้งปลายคลอง กลัวจะออกไม่ได้ ทั้งขัดเสบียงอาหารลงด้วยก็ทิ้งเรือใบเรือไล่เสียขึ้นบกหนีมาทางเมืองเขมร | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ครั้นถึงปีมะเส็งศักราช ๑๑๔๗ เสด็จไปตีเมืองทวายทั้งสองพระองค์ มีรับสั่งให้องไชสือไปในกองทัพด้วย ครั้นเลิกทัพกลับมากแล้ว องไชสือเข้ามาอยู่ณกรุงฯ ได้ ๕ ปี จึงใช้องกวาน องยี ไปตั้งต่อเรือที่เกาะสีชังลำหนึ่งปากประมาณ ๓ วา องไชสือจึงกำชับองกวาน องยี ว่าต่อเรือเสร็จแล้วเราจะออกไปคิดการศึกคืนเอาบ้านเอาเมืองให้จงได้ ท่านทั้งสองจงจัดแจงเชือกเสาเพลาใบบรรทุกอัยเฉาไว้ให้พร้อม ให้ทอดสมอคอยอยู่ที่เกาะสีชัง | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ครั้นถึงเดือนยี่ปีมะเมีย ๑๑๔๘ องไชสือก็พาครอบครัวกับญวนเก่าที่กรุงฯ องเกาโลเจ้ากรมช่างหล่อ รวม ๓ คน แล้วองไชสือให้หาตัวนายจัน นายเมือง นายอยู่ ตำรวจกรมหลวงเทพหริรักษ์ ๓ คน กับนายบัวบุตรจีนมารดาเปนญวนคนหนึ่ง คนเหล่านี้ชอบกันกับองไชสือ ๆ จึงให้หาไปเลี้ยงสุรา แล้วให้แพรย่นสีทับทิมคนละผืน ครั้นนายบัว นายจัน นายเมือง นายอยู่เมาแล้ว องไชสือแกล้งพาลเอาผิด ให้จับคนทั้ง ๔ มัดมือใส่ลงในท้องเมือปิดฝาจับโพล่เสียแล้ว ก็ให้ถอนสมอล่องเรือไปจากกรุงฯ ในเพลากลางคืน เปนเรือ ๔ ลำด้วยกัน คนประมาณ ๑๕๐ คน ครั้นเรือออกปากอ่าวเมืองสมุทปราการแล้วขัดลมใช้ใบไปไม่ได้ องไชสือจึงจุดธุปจุดเทียนเผากระดาษบูชาเทวดาแล้ว จึงเอาเครื่องยศกลดขึ้นตั้งบนท้ายเรือ จึงอธิษฐานว่าถ้าข้าพเจ้าออกไปทำศึก จะคืนเอาบ้านเอาเมืองได้สมความปรารถนาแล้ว ขอให้มีลมพัดส่งให้ได้ไปโดยสดวก ลมยังไม่ทันพัด องไชสือเห็นเรือพระที่นั่งกรมพระราชวัง กับเรืองข้าหลวงตามออกไปเปนอันมากก็กลัวจะตามทันจึงซักตายออกจะเชือดคอตายเสีย องภูเว้กระโดเข้าชิงเอาดาบไว้ได้ ปลายดาบบาดเอาปากองภูเว้ องไชสือก็ทิ้งดาบเสียสักครู่หนึ่งลมตะวันตกก็พัดกกล้ามา จึงได้ใช้ใบไปหาเรือใหญ่ที่องกวาน องยีต่อไว้ณเกาะสีชัง | ||
+ | |||
+ | |||
+ | องไชสือก็พาครอบครัวขึ้นบนเรือใหญ่ แล้วถามองจองว่าจะไปพักอยู่ที่ไหนดี องจองว่าให้ไปพักอยู่เกาะกูดเถิดด้วยที่เกาะนั้นมีน้ำจืด เรือใหญ่ก็เข้าออกได้ ส่วนนายบัวกับนายจัน นายเมือง นายอยู่ก็ไปลำเดียวกับองไชสือ เรือเล็ก ๔ ลำนั้นองเหยิม เจ้ากรมช่างสลักขี่ลำ ๑ องหับเจ้ากรมช่างไม้ขี่ลำ ๑ องเกาโล เจ้ากรมช่างหล่อขี่ลำ ๑ กับเรือเล็กขององไชสือขี่ลงไปแต่กรุงฯ นั้น องไชสือให้บ่าวไพร่ของตัวขี่ไป เข้ากันเปนเรือ ๕ ลำ ใช้ใบไป ๗ วัน ๗ คืนถึงเกาะกูด ๆ นั้นอยู่กลางชเลฦกไม่มีผู้คน องไชสือจึงอาศรัยอยู่ที่เกาะกูด แต่หามีเข้ากินไม่ ได้กินแต่เนื้อเต่าเนื้อปลา กับมันกับกลอย | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ครั้นอยู่มาองไชสือเห็นเรือแล่นเข้ามาที่เกาะลำหนึ่งก็ตกใจให้พาครอบครัวเข้าไปซ่อนอยู่ในป่า แล้วใช้ให้องจองลงเรือเล็กไปถามว่าเรือนี้มาแต่ไหน จีนหุ่นผัวอำแดงโคกอยู่เมืองจันทบุรีบอกว่าบรรทุกเข้าสารมาแต่เมืองจันทบุรี ๓๐ เกวียน จะไปขายที่เมืองเขมร เมืองเตกเชียะ ต้องพยุเรือซัดออกไป องจองจึงบอกจีนหุ่นว่า องไชสือหนีออกมาอยู่ที่เกาะนี้ ให้จีนหุ่นขึ้นไปหาองไชสือด้วยกัน ครั้นจีนหุ่นขึ้นไป องไชสือว่า แต่เรามาอยู่มาอยู่ที่เกาะกูดนี้ได้ ๗ เดือนแล้ว ผู้คนหามีเข้าจะกินไม่ เรือจีนหุ่นซัดออกมามีเข้าสารก็ดีแล้ว เงินซึ่งพระเจ้ากรุงไทยประทานให้เราแลมารดาของเรา ๆ เก็บประสมไว้เปนเงินตรา ๑๗ ชั่ง ๑๐ ตำลึง เราจะขอซื้อเข้าสารตามแต่จะขายให้เถิด จีนหุ่นจึงว่ากับองไชสือว่า ท่านมาจอดอยู่ที่กันดารอดอาหารนักเข้าสาร ๓๐ เกวียนนั้นข้าพเจ้าจะให้เปล่าทั้งสิ้นไม่คิดเอาราคาเลย องไชสือก็ขอบคุณจีนหุ่น จึงเขียนหนังสือสัญญาปิดตรารูปมังกรให้ไว้ว่า ถ้าเราออกไปตีได้บ้านได้เมืองของเราสมความคิดแล้วให้จีนหุ่นออกไปหาเถิดจะแทนคุณให้ถึงขนาด จีนหุ่นจึงให้ขนเข้าสารขึ้นแล้วลาองไชสือกลับมาณเมืองจันทบุรี | ||
+ | |||
+ | |||
+ | องไชสืออยู่ที่เกาะกูดนั้น ๗ เดือน ๘ เดือน จึงให้องจองเข้ามาสืบราชการ ณ เมืองญวน เกลี้ยกล่อมผู้คนที่เมืองปาสักก็ได้พวกพ้องเปนอันมาก องจองกก็พาองไชสือเข้ามาอาศัยอยู่ปากน้ำเมืองปาสัก | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ครั้นภายหลังองโฮ่เตืองกิต องทางพี่น้อง พาครอบครัวมาทางเมืองลาว เข้ามาตามองไชสือ ณ กรุงเทพฯ เข้าเฝ้าสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงมีรับสั่งบอกว่าองไชสือหนีกลับออกไปจากกรุง ฯ แล้ว ตรัสสั่งให้องโฮ่เตืองกิต องทาง พาครอบครัวไปอยู่ที่บ้านบางโพก่อนเถิด แล้วพระราชทานเรือรบที่กรุง ฯ ให้องโฮ่เตองกิตลำ ๑ องทางลำ ๑ ออกไปตามองไชสือ องโฮ่เตืองกิต องทาง ออกไปพบองไชสือ ที่ปากน้ำเมืองปาสัก ก็พากันไปตีเมืองสแดก เมืองล่องโฮ เมืองสมิทอได้โดยง่าย แล้วยกไปตีเมืองไซ่ง่อน องชมทหารองไกรเซินซึ่งอยู่รักเมืองไซ่ง่อนกลัวองไชสือก็ยอมยก เมืองไซ่ง่อนให้ แลองชมก็อยู่ทำราชการด้วยองไชสือ ครั้งองไชสือได้เมืองไซ่ง่อนได้ ๗ วัน แล้วจึงไปต่อเรือที่คลองบางแง่ องฮั่นบ่าวองชมเปนตำรวจนำองไชสือไป จึงทูลองไชสือว่า องชมเข้าชิงเอาหอกในมือข้าพเจ้า องไชสือว่าองชมทำทั้งนี้ผิด ท่วงทีจะเปนกระบถ จึงสั่งให้เอาองชมไปฆ่าเสีย. | ||
+ | |||
+ | |||
+ | '''หมดฉบับเท่านี้''' | ||
+ | == เชิงอรรถ == | ||
+ | == อ้างอิง == |
รุ่นปัจจุบันของ 16:21, 12 พฤศจิกายน 2553
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
เป็นส่วนหนึ่งในประชุมพงศาวดารภาคที่ ๒๘
บทประพันธ์
เจ้าคุณผู้ช่วยกรมท่า เก็บเรื่องความเมืองญวนแต่ก่อนมาเรียบเรียงเข้าไว้ไม่สู้เลอียดแจ่มแจ้งนัก ด้วยฉบับเดิมเจ้าพนักงานแต่ก่อนรักษาต่อ ๆ กันมาให้ฉบับหายเสียบ้าง ปลวกกินเสียบ้าง ได้ความประการใดก็เรียงไว้พอเปนของสำหรับแผ่นดินไปเบื้องหน้า ค้นหาได้ความว่าเมื่อครั้งแผ่นดินสมเด็จพระพุทะยอดฟ้าจุฬาโลกนั้น มีรับสั่งให้ขุนราชมนตรี ขุนศรีเสนา ขุนราชาวดี ล่ามแปลคำองเปดกลึง องเปด จัดพวกองไชสือไว้ เมื่อ ณ วันเดือน ๙ ขึ้น ๓ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๕๕ ปีฉลูเบญจศก ได้ความว่า
เดิมเมืองญวนนั้นเมืองตังเกี๋ยเปนเมืองหลวง เจ้ากินเปนเจ้าเมืองสืบกระษัตริย์ได้ ๖ องค์ กระษัตริย์ ในที่ ๖ ชื่อหุงเมือง ครั้งนั้นพระเจ้ากรุงปักกิ่งให้ขุนนางชื่อเลียวท่าง เปนแม่ทัพมาตีเมืองตังเกี๋ยได้ เลียวท่างจับหุงเมืองแลพวกพ้องฆ่าเสียสิ้น แล้วเลียวท่างก็อยู่รักษาเมืองตังเกี๋ย ๆ ก็ขึ้นแก่เมืองจีนตั้งแต่นั้นมา
ครั้นนานมาเกิดญวนผู้มีบุญชื่อเลเลยอยู่ณบ้านลำเซินเลเลยฝันเห็นว่าเทวดามาบอกว่าเลเลยจะได้เปนเจ้าแผ่นดิน ชายผู้หนึ่งชื่อเวียนกรายจะได้เปนมหาอุปราช ดวงตรากับกระบี่สำหรับกระ ษัตริย์อยู่ที่ตำบลหวยนำ ครั้นเพลาเช้าเลเลยก็ไปเที่ยวดูที่ตำบลหวย นำก็ได้เห็นดวงตรากับกระบี่สมคำที่เทวดาบอก จึงเอาดวงตรากับกระบี่มาเก็บไว้ที่บ้าน ฝ่ายเวียนกรายนั้นเที่ยวมาอาศรัยนอนอยู่ในศาลเทพารักษ์ มีเทวดาบอกในฝันว่าชายชื่อเลเลยจะได้เปนเจ้าแผ่นดินในเมืองญวน ตัวท่านจะได้เปนมหาอุปราช ถ้าท่านจะใคร่พบเลเลยก็ให้ไป ณ บ้านลำเซิน ถ้าไม่รู้จักเรือนเลเลยเพลากลางคืนให้ดูรัศมีสว่างอยู่ที่เรือนใด เรือนนั้นแลเปนเรือนเลเลย ครั้นตื่นชิ้นเพลาเช้าเวียนกรายก็ออกจากศาลเทพารักษ์ เดิรมาถึงบ้านลำเซินพอเพลาค่ำ จึงคอยดูเห็นเรือนหนึ่งรัศมีสว่างสมกับคำเทวดาบอก เวียนกรายก็เข้าไปหาเลเลย ๆ กับเวียนกรายพบกันแล้ว ก็ไถ่ถามชื่อเสียงรู้จักกันสมกับความฝันทั้งสองฝ่าย เวียนกรายขอดูดวงตราแลกระบี่ของเลเลย เลเลยก็ให้ดู เวียนกรายไม่มีความสงสัยแน่แก่ใจแล้ว จึงว่าเราทั้งสองคงจะได้เปนใหญ่ในเมืองตังเกี๋ย จึงให้เลเลยตั้งกองเกลี้ยกล่อมผู้คนอยู่ที่บ้านลำเซิน ตัวเวียนกรายจะไปเที่ยวเกลี้ยกล่อมคนในแขวงเมืองตังเกี๋ย ครั้นเกลี้ยกล่อมคนเข้าด้วยมากแล้ว เวียนกรายกับเลเลยก็เปนกระบถ คุมคนยกเข้าตีเอาเมืองตังเกี๋ยได้ จับเจ้าเมืองฆ่าเสีย เลเลยก็ตั้งตัวขึ้นเปนเจ้า ตั้งเวียนกรายขึ้นเปนมหาอุปราช
ฝ่ายพระเจ้ากรุงจีนรู้ว่าเลเลยกับเวียนกรายฆ่าเจ้าเมืองตังเกี๋ยเสียจึงแต่งกองทัพไปตีเมืองตังเกี๋ย เลเลยกับเวียนกรายเห็นกองทัพจีน ยกมามากนักจะสู้รบมิได้ จึงเอาทองคำทำเปนรูปเจ้าเมืองตังเกี๋ยกับเครื่องราชบรรณาการ ให้ทูตคุมไปให้กับแม่ทัพเมืองจีน ขอโทษตัวยอมเปนเมืองขึ้นตามเดิม แม่ทัพจึงมีหนังสือบอกขึ้นไปณเมืองหลวง พระเจ้ากรุงจีนจึงมีหนังสือตอบมา ให้แม่ทัพตั้งเลเลยเปน เจ้าเมืองตังเกี๋ยเถิด แม่ทัพทำตามหนังสือรับสั่งแล้วก็ยกทัพกลับไปเลเลยจึงให้เวียนกรายผู้เปนมหาอุปราช เปนผู้สำเร็จราชการบ้านเมืองทั้งปวง แลเวียนกรายนั้นมีบุตรหญิงคนหนึ่งชื่องกงจัว บุตรชายคนหนึ่งชื่อจัวเตียน บุตรหญิงนั้นยกให้เปนภรรยาตื่นเฮกยิ่ม ซึ่งเปนเสนาบดีในเมืองตัวเกี๋ย
ครั้นนานมามหาอุปราชจึงทูลลาเจ้าเมืองตังเกี๋ย ว่าตัวแก่ชราแล้วจะขอลาออกจากราชการ จะขอให้ตีนเฮกยิ่มบุตรเขยเปนที่อุปราชแทนตัวไปกว่าจัวเตียนบุตรชายจะใหญ่ขึ้น ถ้าบุตรใหญ่แล้วจะขอให้บุตรเปนมหาอุปราชสืบไป เจ้าเมืองตังเกี๋ยก็ยอมให้ ครั้นเวียนกรายอุปราชตายแล้ว ตีนเฮกยิ่มบุตรเขยก็คิดจะฆ่าจัวเตียนน้องภรรยาเสีย นางกงจัวพี่สาวรู้ความจึงกระซิบบอกน้องชายให้รู้ตัว ให้น้องชายทำเปนบ้าเสีย จัวเตียนก็ทำตามคำพี่สาว ๆ จึงคิดอุบายบอกแก่ตีนเฮกยิ่มผู้ผัวว่า จัวเตียนเปนบ้าไปแล้ว จะเลี้ยงไว้ก็ขายหน้า ขอให้ขับไปเสียให้พ้นบ้านพ้นเมืองเถิด ตีนเฮกยิ่มไม่ ทันคิด จึงไปทูลกับเจ้าาเมืองตังเกี๋ย ให้ขับจัวเตียนเสียจากเมืองเจ้าเมืองตังเกี๋ยก็ยอมตาม ตีนเฮกยิ่มจึงแต่งเรื่องแลคนให้คุมตัวจัวเตียนลงมาส่งข้างทิศใต้ให้ขึ้นที่ป่าชื่อโว๊จอ ที่นั้นเปนแดนข่า ถ้าจะเดิรมาแต่เมืองตังเกี๋ยประมาณ ๑๕ วันจึงถึง คนที่มาส่งนั้นก็อยู่ด้วยจัวเตียนหากลับขึ้นไปไม่ จัวเตียนจึงตั้งช่องเกลี้ยกล่อมผู้คนอยู่ที่นั้น ครั้นได้คนมากขึ้นก็สร้างเมืองขึ้นที่ป่าโวจ๊อ ให้ชื่อว่าเมืองเว้
ฝ่ายองตีนเฮกยิ่มพี่เขยรู้จึงให้องลักเบาคุมกองทัพยก มาตีเมืองเว้ ได้รบพุ่งกันเป็นสามารถ องลักเบาตาย กองทัพแตกกลับไปเมืองตังเกี๋ย ภายหลังจัวเตียนเจ้าเมืองเว้กลัวว่าจะเป็นศึกติดพันกันไปจึงแต่งเครื่องราช บรรณาการให้จิ้มก้ององเตียนเฮกยิ่มพี่เขยขอโทษตัวแล้วยอมเป็นเมืองขึ้น เจ้าเมืองตังเกี๋ยก็ยกโทษให้ จัวเตียนได้ครองเมืองเว้สืบลูกหลานมาได้ ๖ ชั่วเจ้าเมือง คือ จัวเตียนบุตรเวียนกรายที่ ๑ จัวสายบุตรจัวเตียนที่ ๒ จัวเทิ่งบุตรจัวสายที่ ๓ กับจัวเหียนบุตรจัวเทิ่งที่ ๔ จัวค่างบุตรจัวเหียนที่ ๕ องเฮียวหูเวียงบุตรจัวค่างที่ ๖ เป็น ๖ เจ้าเมืองด้วยกัน ครั้นเมื่อองเฮียวหูเวียงได้เป็นเจ้าเมืองเว้ก็ตั้งแข็งเมืองไม่ไปขึ้นกับ เมืองตังเกี๋ยเหมือนแต่ก่อน เจ้าเมืองตังเกี๋ยก็จัดกองทัพไปตีเมืองเว้หลายครั้งก็ไม่ได้ องเฮียวหูเวียงจึงให้ตั้งด่านทางบกลงไว้ที่ตำบลโปจัน ตำบลโปจันนั้นตั้งอยู่ริมแม่น้ำซงยัน ฟากแม่น้ำซงยันข้างตะวันออกเป็นแดนเมืองตังเกี๋ย ด่านโปจันทุกวันนี้เขาเรียกว่าเมืองกวางเบือง ทางน้ำนั้นให้เอาโซ่ขึงแม่น้ำกงเหยไว้ไม่ให้พวกเมืองตังเกี๋ยมาเมืองเว้ได้ เมืองเว้ก็ขาดจิ้มก้องเมืองตังเกี๋ยมาหลายปี ตั้งตัวเป็นกษัตริย์ขึ้นด้วยกันทั้งสองเมือง องเฮียวหูเวียงนั้นมีราชบุตร ๕ องคือ องดิกหมูที่ ๑ องเฮียวคางเวียงที่ ๒ องเทิงกวางที่ ๓ กับองเชียงฉุนที่ ๔ องทางที่ ๕
ฝ่ายองดิกหมูราชบุตรใหญ่นั้นมีบุตรชายชื่อองหวางคน ๑ องเฮียงคางเวียราชบุตรที่ ๒ มีบุตร ๓ คนคือ องยาบา ๑ องหมัน ๑ องไชสือ ๑ องดิกหมู องคางเวียงตายก่อนพระราชบิดา ครั้นองเฮียวหูเวียงพระราชบิดาตาย องกวักภัยขุนนางผู้ใหญ่ก็ยกกองเทิงกวางพระราชบุตรที่ ๓ ขึ้นเป็นเจ้าเมืองเว้ แล้วองกวักภ้อก็เป็นผู้สำเร็จราชการสิทธิ์ขาดอยู่แต่ผู้เดียว เสนาบดีและราษฎรไม่เต็มใจ บ้านเมืองก็เกิดจลาจลต่างๆ
ครั้นอยู่มาองยากเป็นโจรป่าอยู่แดนเมืองกุยเยิน องยากมีน้องชายสองคนชื่อองบาย ๑ องดาม ๑ ครั้นอยู่มาองกรุมหวดผู้เป็นบิดาตาย พี่น้องสามคนหาหมอดูที่ฝังศพ หมอดูว่าที่เขากวางนำนั้นเป็นที่ฮวงซุ้ยดี มีเขาเป็นรูปปากมังกร ถ้าผู้ใดได้ฝังศพบิดามารดาลงที่นั้น นานไปลูกหลานจะได้ดี พี่น้องทั้งสามก็เอาศพบิดามารดาลงไปฝังที่เขานั้น เมื่อขุดหลุมลงไปนั้นได้ทองสองไหแง แล้วจึงเอาศพบิดาฝังลงไว้ที่นั้น พี่น้องทั้งสามก็เอาทองนั้นมาขาย ครั้นได้เงินก็เอาไปช่วยที่ทุกข์ยากปล่อยเสีย แล้วเกลี้ยกล่อมผู้คนได้มาก จึงปรึกษากันจะชิงเอาราชสมบัติในเมืองเว้ ด้วยเห็นว่าองเทิงกวาง องกวักภ้อไม่เอาใจใส่ในราชการ ตั้งแต่เสพสุราเล่นงิ้วเป็นการสนุก แต่บรรดาขุนนางก็เอาใจออกหากอยู่สิ้น พี่น้องทั้งสามเห็นการดังนั้นก็ปรึกษากันว่า ผู้คนนิยมกับเรามากอยู่แล้ว เห็นพอจะคิดการใหญ่ได้ จึงให้องบายเอาทองคำหลายลิ่ม ๆ ละ ๑๐ ตำลึงใส่กะบะเข้าไปให้เจ้าเมืองกวางนำขอทำราชการด้วย เจ้าเมืองกวางนำก็รับไว้ ครั้นนานมาเจ้าเมืองกวางนำเห็นว่าองบายมีสติปัญญาและความเพียรมาก ก็ให้ว่าราชการสิทธิ์ขาดแทนตัว ด้วยตัวเป็นคนชรา องบายเกลี้ยกล่อมให้ไพร่บ้านพลเมืองรักใคร่ก็ได้พวกพ้องเปนอันมาก
ฝ่ายองยากพี่ชายองตามน้องชายก็คุมไพร่พลอยู่ในป่า จึงพูดจาว่าองเทิงกวางเจ้าเมืองเว้คนนี้หาอยู่ในยุติธรรมไม่ เราจะคิดกำจัดเสีย จะยกหวางคนซึ่งเปนบุตรองดิกหมูขึ้นเปนเจ้าจึงจะควร แลองหวางตนคนนี้มีคนรักมาก เพราะดังนั้นคนทั้งปวงก็เห็นด้วยพี่น้องทั้งสาม ๆ ก็ตั้งแขงเมืองกวางนำไว้ ความรู้ไปถึงเจ้าเมืองเว้ ๆ จึงให้องก้อมาเปนแม่ทัพ คุมกองทัพมาตีเมืองกวางนำ องบายผู้สำเร็จราชการเมืองกวางนำก็มีหนังสือไปเกลี้ยกล่อมองก้อมาเปนแม่ทัพ ว่าจะคิดเอาราชสมบัติให้กับองหวางตน องภ้อมาแม่ทัพก็เห็นด้วย จึงยอมเข้าด้วยองบาย ๆ ก็มีหนังสือไปถึงองยากพี่ชาย องดามน้องชายให้ยกพวกโจรแลคนเข้าเกลี้ยกล่อมเข้าสมทบกับกองทัพองภ้อมา องบายก็เปนแม่ทัพคุมคนเมืองกวางนำไปด้วย ก็เข้าตีเอาเมืองเว้ได้ องเทิงกวางเจ้าเมืองเว้แลองเชียงฉุนน้องชาย กับองยาบา องไชสือ องหมัน ก็ลงเรือหนีมาอยู่เมืองไซ่ง่อน แต่องหวางตนไม่หนีเพราะรู้ข่าวว่าเขาจะยกตัวขึ้นเปนเจ้า
องทั้งสามได้เมืองเว้แล้ว ก็ให้เอาตัวองหวางตนไปไว้เมืองกุยเยิน องหวางตนเห็นว่าองทั้งสามไม่สุจริต คิดเปนอุบายจเอาราชสมบัติเอง ก็ไม่ไว้ใจจึงหนีลงมาอยู่เมืองไซ่ง่อนกับองเทิงกวางด้วยกัน องเทิงกวางปรึกษากับพี่น้องแลขุนนางทั้งปวงว่าจะยกองหวางตนผู้หลานขึ้นเปนเจ้าเมืองไซ่ง่อน จะได้เกณฑ์กองทัพไปตีเอาเมืองเว้คืน กองทัพเมืองไซ่ง่อนยังไม่ทันจะยกไป องทั้งสามก็ยกทัพมาตีเอาเมืองไซง่อนได้ จับองเทิงกวาง องหวางตนฆ่าเสีย องเซียงฉุนนั้นหนีมาตั้งอยู่เมืองพุทไธมาศ องเซียงฉุนมีบุตรชายชื่อองกลัด บุตรหญิงชื่อหมูเสพวกไทยเรียกว่าโกเงิน ขณะนั้นเจ้ากรุงไทยคือเจ้าตากยกกองทัพออกไปตีเมืองพุทไธมาศ องเซียงฉุนกับพวกพ้องก็เข้ามาฝากตัวอยู่กับเจ้าตากณกรุงเทพฯ ครั้นภายหลังคิดจะหนีกลับไปเมืองญวน เจ้าตากรู้ ให้ประหารชีวิตองเซียงฉุนกับพวกพ้องเสีย
ฝ่ายองยาบาพี่ องหมันน้อง กับองไชสือ หนีอยู่ในป่าแขวงเมืองไซง่อน องทั้งสามสืบรู้ให้ไปจับได้องยาบา องหมันพี่น้องสองคนให้ประหารชีวิตเสีย แต่องไชสือหนีไปได้ องยากได้เมืองไซ่ง่อนแล้วก็ตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้าชื่อองไกรเซิน ครองราชย์สมบัติอยู่ณเมืองกุยเยิน องบายน้องกลางเป็นเจ้า ชื่อบากบินเวืองเปนใหญ่อยู่เมืองไซ่ง่อน องดามน้องน้อยเปนเจ้าชื่อล่องเยืองอยู่รักษาเมืองเว้
ฝ่ายองล่องเยืองซึ่งเปนเจ้าเมืองเว้ คิดจะไปตีเมืองตังเกี๋ย จึงทำอุบายเขียนชื่อองไชสือหลานเจ้าเก่าลงในธง ให้ทหารพูดจากันว่าทัพองไชสือยกมา เจ้าเมืองตังเกี๋ยแลขุนนางราษฏรก็ยินดี สำคัญว่าเปนทัพองไชสือจึงเปิดประตูเมืองรับ องลองเยืองเข้าเมืองตังเกี๋ยได้ ให้จับแต่บรรดาพี่น้องเจ้าเมืองฆ่าเสีย ตัวเจ้าเมืองตังเกี๋ยวนั้นรากเลือดตาย มหาอุปราชก็เชือดคอตาย องลองเยืองจึงตั้งใต้องเจียวทุงบุตรองกวางตรีหลานเจ้าเมืองตังเกี๋ย ให้เปนเจ้าเมืองตังเกี๋ย องล่องเยืองก็เก็บเอาทรัพย์สิ่งของปืนใหญ่น้อยเครื่องศัสตราวุธมาเสียสิ้น องเจียวท่งคิดแค้นก็มีหนังสือขึ้นไปให้กราบทูลเจ้าเมืองกรุงจีน ๆ ให้จงตกเปนแม่ทัพมารบกับองลองเยือง ๆ ก็ยกไปตีทัพเมืองจีนแตกไป องเจียงท่งเจ้าเมืองตัวเกี๋ยกับพรรคพวกก็อพยพหนีไปอยู่ ณ เมืองจีน องลองเยืองจึงตั้งองกะวิบุตรหัวปีของตัวให้เปนเจ้าเมืองตังเกี๋ย แล้วองลองเยืองก็กลับลงมาอยู่เมืองเว้ ครั้นภายหลังองลองเยืองป่วยตาย เสนาบดีจึงยกองกลัดบุตรที่ ๒ ขึ้นเปนเจ้าเมืองเว้สืบวงศต่อไป
ฝ่ายองไชสือเมื่อแตกทัพนั้นพลัดกันกับพี่น้อง จึงหนีไปอยู่ที่บ้านป่าชื่อบ้านไกเต๋า เปนบ้านเขมรลับแลขัดสนด้วยเสบียงอาหา จึงใช้อ้ายจูผู้เปนบ่าวสนิทให้ไปเที่ยวหาเสบียงอาหารมาสู่กันกิน อ้ายจูลงเรือไปที่เมืองเตกเชียะ จึงไปบอกกับองตรีเจ้าเมืองเตกเชียะ ว่าองไชสือมาอาศรัยอยู่ที่บ้านไกเต๋าอยู่ในป่าอดอยากลำบากนัก องตรีเจ้าเมืองเตกเชียะครั้นรู้ความก็จัดแจงเสบียงอาหารให้อ้ายจูมา แล้วจึงสั่งอ้ายจูว่าถ้าสิ้นเสบียงเมื่อไร ก็ให้มาเอาอีกจะจัดแจงให้ มิให้ขัดสน แต่องไชสือมาอาศรัยอยู่ที่บ้านเขมรลับแลนั้นประมาณ ๓ ปี ๔ ปี พวกญวนไปเที่ยวตีผึ้งในป่าหลายพวกรู้ว่าองเซียงสือลูกหลานเจ้านายมาอยู่ที่บ้านนั้นได้ความลำบาก ก็ชวนกันแบ่งเสบียงอาหารไปให้ทุกพวก
ส่วนจีนทัดกับพวกญวนตีผึ้งคิดอ่านกันว่า องไกรเซินคิดกระบถจับเจ้านายเราฆ่าเสีย ตั้งตัวขึ้นเปนเจ้าเมืองเว้ บัดนี้องไชสือหลานเจ้านายเราหนีมาออาศรัยอยู่ในป่าได้ความลำบากนัก เราจะคิดอ่านตีเอาบ้านเอาเมืองคืนให้องไชสือจงได้ จีนทัดจึงคิดอ่านเกลี้ยกล่อมชักชวนพวกจีนพวกญวนในเมืองไซ่ง่อน ครั้นได้พวกพ้องมากก็ยกเข้าตีเมืองไซ่ง่อนได้ องบากบินเวืองเจ้าเมืองหนีขึ้นไปเมืองกุยเยิน จีนทัดก็ตั้งตัวขึ้นเปนองกงเซิน แล้วแต่งให้คนไปรับองไชสือเข้ามาให้เปนเจ้าเมืองไซ่ง่อน องไชสือจึงตั้งจีนทัดซึ่งเปนองกงเซินนั้น ให้เลื่อนขึ้นเปนองเทืองกงขุนนางผู้ใหญ่ ๆ กลับเปนกระบถ คิดกันกับจีนที่เปนพวกพ้องของตัวจะชิงเอาสมบัติเปนเจ้าในเมืองไซ่ง่อน ฝ่ายอ้ายจูบ่าวองไชสือเสพสุราเมาไปเที่ยวนอนอยู่โรงจีน ได้ยินพวกจีนเล่าให้กันฟัง ว่าบัดนี้องเทืองกงจะคิดฆ่าองไชสือเสีย อ้ายจูจึงรีบเอาความมาบอกกับองไชสือ ๆ รู้ตัวแล้ว จึงคิดเปนอุบายให้กั้นม่านไว้ที่ตนอยู่สามชั้น แล้วให้คนสนิทถืออาวุธเตรียมอยู่ในม่านประมาณ ๒๐๐ คน องไชสือทำเปนป่วยนอนอยู่ในม่าน แล้วสั่งคนสนิทว่าถ้าองเทืองกงเข้ามาเยี่ยมถึงม่านชั้นใน ถ้าคิดกระบถจริงก็คงจะมียาพิษมาให้เรากิน เราก็จะรับถ้วยยาเทเสียในกระโถน แล้วจะดีดเคาะกระโถนเข้าเปนสำคัญ ท่านทั้งปวงจงรุมกันเข้าจับตัวองเทืองกงฆ่าเสียเถิด
ฝ่ายองเทืองกงรู้ว่าองไชสือป่วยก็ทำยาพิษใส่ถ้วยถือไป หมายจะให้องไชสือกินจะให้ตายเสีย พอเข้าไปถึงม่านชั้นใน องไชสือจึงทักว่าท่านมาเยี่ยมเราฤา องเทืองกงตอบว่า ข้าพเจ้ารู้ความว่าท่านป่วยจึงขึ้นมาเยี่ยม จะเอายามาให้กินด้วยท่านจึงจะหายโดยเร็ว ครั้นว่าแล้วจึงส่งถ้วยยาให้องไชสือ ๆ ก็เห็นความจริงเหมือนอย่างคิดไว้ จึงรับเอาถ้วยยามาเทเสียแล้วเคาะกระโถนขึ้นตามสัญญา คนสนิทได้ยินแล้วก็เข้ามากลุ้มรุมจับองเทืองกงได้แล้วเอาไปฆ่าเสีย แล้วองไชสือจึงสั่งว่า แต่บรรดาจีนที่เปนพวกองเทืองกงนั้นให้จับฆ่าเสียให้สิ้น ฝ่ายจีนแจจีนเล็กเปนพ่อค้าผู้ใหญ่อยู่ในเมืองไซ่ง่อน จึงมาว่ากับองไชสือว่า ซึ่งท่านจะให้ฆ่าพวกจีนในเมืองไซ่ง่อนเสียนั้นนานไปพวกจีนจะกลัวจะไม่มาค้าขายในเมืองไซ่ง่อน บ้านเมืองจะร่วงโรยไป กับประการหนึ่งพวกจีนในเมืองไซ่ง่อน ถ้ารู้ว่าท่านสั่งให้จับฆ่าแล้วก็จะชักชวนกันเปนกระบถขึ้น การศึกข้างองไกรเซินก็ยังติดพันกันอยู่ ขอให้ท่านเอาใจพวกจีนเหล่านี้ไว้ก่อน องไชสือก็เห็นชอบด้วยจึงให้งดไว้
ครั้นอยู่มาองไกรเซิน จึงจัดขุนนางนายทหารคุมพล ๓๐๐๐ ยกมาทางบก จะตีเมืองไซ่ง่อนจังองไชสือฆ่าเสีย องไชสือรู้ตัวก็ให้จัดเรือเสาเรือใบพาครอบครัวหนีมาจากเมืองไซ่ง่อน จะเข้ามาพึ่งพระบารมีอยู่ ณ กรุงเทพฯ ครั้นมาถึงเกาะกระบือได้ความว่าองเซียงฉุนซึ่งเปนอาของตัวเข้าไปอยู่ณกรุงเทพฯ เจ้าตากฆ่าเสีย องไชสือก็กลัวหาอาจเข้า ณ กรุงเทพฯ ไม่จึงยั้งอยู่ที่เกาะกระบือแขวงเมืองกระโพงสม
ครั้นอยู่มาพระยาชลบุรีกับพระระยองออกไปตามปังกะลิมาแขกซึ่งหนีออกไปแต่กรุงฯ ไปถึงเกาะกระบือจึงพบกับองไชสือ ๆ เล่าความให้พระยาชลบุรี พระระยอง ๆ จึงชวนองไชสือเข้ามากรุง ฯ องไชสือจึงตอบว่ากลัวจะเข้าไปตายเสียเหมือนองเซียงฉุน พระยาชลบุรี พระระยองจึงว่า บัดนี้ที่กรุงเทพฯ เปลี่ยนแผ่นดินใหม่ เจ้าตากนั้นตายเสียแล้ว พระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ของเรามีพระไทยโอบอ้อมแก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินแลนานาประเทศทั้งปวง ท่านจงเข้าไปเถิดหาเปนอันตรายไม่ องไชสือจึงหมายว่าพระยาชลบุรีจะเปนที่พึ่งได้ จึงฝากตัวเปนบุตรเลี้ยงพระยาชลบุรี องไชสือนั้นปีมะเมียอายุ ๓๓ ปี พระยาชลบุรี พระระยอง จึงพาองไชสือกับครอบครัวเข้ามากรุงฯ ในเดือน ๔ ปีขาลจัตวาศก จึงแจ้งความกับท่านเสนาบดี ว่าองไชสือคนนี้เปนหลานเจ้าเมืองเว้ บ้านเมืองเสียแก่องไกรเซิน จะขอเข้ามาพึ่งพระบารมีกับครอบครัวชายหญิงใหญ่น้อย ๑๕๐ คน ครั้นเสนาบดีเอาเนื้อความขึ้นกราบทูล จึงโปรดให้องไชสือกับพวกพ้องลงไปตั้งบ้านตั้งเรือนอยู่ ณ ตำบลต้นสำโรงคอกควาย พระราชทานเบี้ยหวัดให้ปีละ ๕ ตำลึง แลเครื่องยศ พานหมาก คนโท กลดคันสั้น ชุบเลี้ยงเหมือนเจ้าเขมร ให้เฝ้าข้างพระเฉลียงท้องพระโรงด้านตะวันตก นั่งขัดสมาธิ์ตางเพศญวนเสมอหน้ากับเจ้ากรมพระตำรวจ มารดาองไชสือกับองโดยองดาขุนนางซึ่งเข้ามาด้วยนั้น ก็ได้รับเบี้ยหวัดตามสมควร แล้วโปรดตรัสสั่งไปถึงเจ้าเมืองกรมการด่านปากน้ำ ว่าพวกญวนจะเข้าอกไปมาหากินตามท้องชเล อย่าให้กักขังห้ามปรามเปนอันขาด
ครั้งองไชสือเข้ามาอยู่ได้ ๒ ปี ถึงปีมะโรงศักราช ๑๑๔๖ จึงตรัสสั่งให้จัดกองทัพเรือ ให้พระเจ้าหลานเธอ กรมหลวงเทพหริรักษ์เปนแม่ทัพกำกับองไชสือไปด้วย ให้พระยานครสวรรค์เปนทัพหน้า ยกออกไปตีเมืองญวน เข้าทางปากน้ำเมืองนำก๊กตีทัพพวกองไกรเซินเตกขึ้นไปจนถึงคลองว่ำน่าว ฝ่ายพระยานครสวรรค์แม่ทัพหน้าคิดมิชอบเปนใจกับพวกญวน จึงมีตราให้หาเข้ามา ณ กรุงฯ ให้ประหารชีวิตเสีย ส่วนกองทัพไทยตั้งอยู่คลองว่ำน่าวนั้น พวกญวนตัดหลังมาทางคลองวงเจิงเปนทัพกระหนาบ กองทัพเรือไทยเห็นพวกญวนปิดไว้ทั้งต้นคลองทั้งปลายคลอง กลัวจะออกไม่ได้ ทั้งขัดเสบียงอาหารลงด้วยก็ทิ้งเรือใบเรือไล่เสียขึ้นบกหนีมาทางเมืองเขมร
ครั้นถึงปีมะเส็งศักราช ๑๑๔๗ เสด็จไปตีเมืองทวายทั้งสองพระองค์ มีรับสั่งให้องไชสือไปในกองทัพด้วย ครั้นเลิกทัพกลับมากแล้ว องไชสือเข้ามาอยู่ณกรุงฯ ได้ ๕ ปี จึงใช้องกวาน องยี ไปตั้งต่อเรือที่เกาะสีชังลำหนึ่งปากประมาณ ๓ วา องไชสือจึงกำชับองกวาน องยี ว่าต่อเรือเสร็จแล้วเราจะออกไปคิดการศึกคืนเอาบ้านเอาเมืองให้จงได้ ท่านทั้งสองจงจัดแจงเชือกเสาเพลาใบบรรทุกอัยเฉาไว้ให้พร้อม ให้ทอดสมอคอยอยู่ที่เกาะสีชัง
ครั้นถึงเดือนยี่ปีมะเมีย ๑๑๔๘ องไชสือก็พาครอบครัวกับญวนเก่าที่กรุงฯ องเกาโลเจ้ากรมช่างหล่อ รวม ๓ คน แล้วองไชสือให้หาตัวนายจัน นายเมือง นายอยู่ ตำรวจกรมหลวงเทพหริรักษ์ ๓ คน กับนายบัวบุตรจีนมารดาเปนญวนคนหนึ่ง คนเหล่านี้ชอบกันกับองไชสือ ๆ จึงให้หาไปเลี้ยงสุรา แล้วให้แพรย่นสีทับทิมคนละผืน ครั้นนายบัว นายจัน นายเมือง นายอยู่เมาแล้ว องไชสือแกล้งพาลเอาผิด ให้จับคนทั้ง ๔ มัดมือใส่ลงในท้องเมือปิดฝาจับโพล่เสียแล้ว ก็ให้ถอนสมอล่องเรือไปจากกรุงฯ ในเพลากลางคืน เปนเรือ ๔ ลำด้วยกัน คนประมาณ ๑๕๐ คน ครั้นเรือออกปากอ่าวเมืองสมุทปราการแล้วขัดลมใช้ใบไปไม่ได้ องไชสือจึงจุดธุปจุดเทียนเผากระดาษบูชาเทวดาแล้ว จึงเอาเครื่องยศกลดขึ้นตั้งบนท้ายเรือ จึงอธิษฐานว่าถ้าข้าพเจ้าออกไปทำศึก จะคืนเอาบ้านเอาเมืองได้สมความปรารถนาแล้ว ขอให้มีลมพัดส่งให้ได้ไปโดยสดวก ลมยังไม่ทันพัด องไชสือเห็นเรือพระที่นั่งกรมพระราชวัง กับเรืองข้าหลวงตามออกไปเปนอันมากก็กลัวจะตามทันจึงซักตายออกจะเชือดคอตายเสีย องภูเว้กระโดเข้าชิงเอาดาบไว้ได้ ปลายดาบบาดเอาปากองภูเว้ องไชสือก็ทิ้งดาบเสียสักครู่หนึ่งลมตะวันตกก็พัดกกล้ามา จึงได้ใช้ใบไปหาเรือใหญ่ที่องกวาน องยีต่อไว้ณเกาะสีชัง
องไชสือก็พาครอบครัวขึ้นบนเรือใหญ่ แล้วถามองจองว่าจะไปพักอยู่ที่ไหนดี องจองว่าให้ไปพักอยู่เกาะกูดเถิดด้วยที่เกาะนั้นมีน้ำจืด เรือใหญ่ก็เข้าออกได้ ส่วนนายบัวกับนายจัน นายเมือง นายอยู่ก็ไปลำเดียวกับองไชสือ เรือเล็ก ๔ ลำนั้นองเหยิม เจ้ากรมช่างสลักขี่ลำ ๑ องหับเจ้ากรมช่างไม้ขี่ลำ ๑ องเกาโล เจ้ากรมช่างหล่อขี่ลำ ๑ กับเรือเล็กขององไชสือขี่ลงไปแต่กรุงฯ นั้น องไชสือให้บ่าวไพร่ของตัวขี่ไป เข้ากันเปนเรือ ๕ ลำ ใช้ใบไป ๗ วัน ๗ คืนถึงเกาะกูด ๆ นั้นอยู่กลางชเลฦกไม่มีผู้คน องไชสือจึงอาศรัยอยู่ที่เกาะกูด แต่หามีเข้ากินไม่ ได้กินแต่เนื้อเต่าเนื้อปลา กับมันกับกลอย
ครั้นอยู่มาองไชสือเห็นเรือแล่นเข้ามาที่เกาะลำหนึ่งก็ตกใจให้พาครอบครัวเข้าไปซ่อนอยู่ในป่า แล้วใช้ให้องจองลงเรือเล็กไปถามว่าเรือนี้มาแต่ไหน จีนหุ่นผัวอำแดงโคกอยู่เมืองจันทบุรีบอกว่าบรรทุกเข้าสารมาแต่เมืองจันทบุรี ๓๐ เกวียน จะไปขายที่เมืองเขมร เมืองเตกเชียะ ต้องพยุเรือซัดออกไป องจองจึงบอกจีนหุ่นว่า องไชสือหนีออกมาอยู่ที่เกาะนี้ ให้จีนหุ่นขึ้นไปหาองไชสือด้วยกัน ครั้นจีนหุ่นขึ้นไป องไชสือว่า แต่เรามาอยู่มาอยู่ที่เกาะกูดนี้ได้ ๗ เดือนแล้ว ผู้คนหามีเข้าจะกินไม่ เรือจีนหุ่นซัดออกมามีเข้าสารก็ดีแล้ว เงินซึ่งพระเจ้ากรุงไทยประทานให้เราแลมารดาของเรา ๆ เก็บประสมไว้เปนเงินตรา ๑๗ ชั่ง ๑๐ ตำลึง เราจะขอซื้อเข้าสารตามแต่จะขายให้เถิด จีนหุ่นจึงว่ากับองไชสือว่า ท่านมาจอดอยู่ที่กันดารอดอาหารนักเข้าสาร ๓๐ เกวียนนั้นข้าพเจ้าจะให้เปล่าทั้งสิ้นไม่คิดเอาราคาเลย องไชสือก็ขอบคุณจีนหุ่น จึงเขียนหนังสือสัญญาปิดตรารูปมังกรให้ไว้ว่า ถ้าเราออกไปตีได้บ้านได้เมืองของเราสมความคิดแล้วให้จีนหุ่นออกไปหาเถิดจะแทนคุณให้ถึงขนาด จีนหุ่นจึงให้ขนเข้าสารขึ้นแล้วลาองไชสือกลับมาณเมืองจันทบุรี
องไชสืออยู่ที่เกาะกูดนั้น ๗ เดือน ๘ เดือน จึงให้องจองเข้ามาสืบราชการ ณ เมืองญวน เกลี้ยกล่อมผู้คนที่เมืองปาสักก็ได้พวกพ้องเปนอันมาก องจองกก็พาองไชสือเข้ามาอาศัยอยู่ปากน้ำเมืองปาสัก
ครั้นภายหลังองโฮ่เตืองกิต องทางพี่น้อง พาครอบครัวมาทางเมืองลาว เข้ามาตามองไชสือ ณ กรุงเทพฯ เข้าเฝ้าสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงมีรับสั่งบอกว่าองไชสือหนีกลับออกไปจากกรุง ฯ แล้ว ตรัสสั่งให้องโฮ่เตืองกิต องทาง พาครอบครัวไปอยู่ที่บ้านบางโพก่อนเถิด แล้วพระราชทานเรือรบที่กรุง ฯ ให้องโฮ่เตองกิตลำ ๑ องทางลำ ๑ ออกไปตามองไชสือ องโฮ่เตืองกิต องทาง ออกไปพบองไชสือ ที่ปากน้ำเมืองปาสัก ก็พากันไปตีเมืองสแดก เมืองล่องโฮ เมืองสมิทอได้โดยง่าย แล้วยกไปตีเมืองไซ่ง่อน องชมทหารองไกรเซินซึ่งอยู่รักเมืองไซ่ง่อนกลัวองไชสือก็ยอมยก เมืองไซ่ง่อนให้ แลองชมก็อยู่ทำราชการด้วยองไชสือ ครั้งองไชสือได้เมืองไซ่ง่อนได้ ๗ วัน แล้วจึงไปต่อเรือที่คลองบางแง่ องฮั่นบ่าวองชมเปนตำรวจนำองไชสือไป จึงทูลองไชสือว่า องชมเข้าชิงเอาหอกในมือข้าพเจ้า องไชสือว่าองชมทำทั้งนี้ผิด ท่วงทีจะเปนกระบถ จึงสั่งให้เอาองชมไปฆ่าเสีย.
หมดฉบับเท่านี้