สุขุมาลนิพนธ์
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == หมวดหมู่:วรรณคดีไทย [[หมวดหมู่…') |
(→ที่มา) |
||
(การแก้ไข 15 รุ่นระหว่างรุ่นที่เปรียบเทียบไม่แสดงผล) | |||
แถว 6: | แถว 6: | ||
===โคลงดั้นสุภาสิตวชิรญาณ=== | ===โคลงดั้นสุภาสิตวชิรญาณ=== | ||
ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๑ | ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๑ | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ คราวเข็ญจะเฝ้าแต่ โศกศัลย์ | ||
+ | โศกจะดับขุ่นเข็ญ ห่อนได้ | ||
+ | ยิ่งโศกยิ่งจักพลัน รอญชีพ | ||
+ | ควรปลดควรเปลื้องให้ โศกคลาย ฯ | ||
+ | ๏ ละโศกเร่งตริรู้ สึกเข็ญ ตนนา | ||
+ | รู้เข็ดเข็ญคงวาย ว่างบ้าง | ||
+ | ทิ้งชั่วยึดที่เปน ทางชอบ | ||
+ | จึงจักเริศร้างพ้น เหตุภัย ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
===โคลงสุภาสิต=== | ===โคลงสุภาสิต=== | ||
เริ่มทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๑ | เริ่มทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๑ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | '''คำอธิบาย''' | ||
+ | |||
+ | โคลงสุภาษิตนี้ทรงแต่งตามเค้าโครงสุภาสิตใหม่ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์กับเจ้านายที่บางปอิน เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๐ (ฉบับพิมพ์เรียกว่า “โคลงสุภาษิตใหม่” ) สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าฯ ทรงพระนิพนธ์โคลงสุภาสิตนี้ทรงกับเจ้านายผู้หญิงอีกหลายพระองค์ด้วยกัน คัดเอามาพิมพ์ในสมุดนี้แต่โคลงพระนิพนธ์ของสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | '''ความรัก'''<tpoem> | ||
+ | ๏ รักเรียนต้องกอปด้วย วิริยะ | ||
+ | รักยศควรอุสาหะ กิจไท้ | ||
+ | รักทรัพย์อย่าพึงสละ ทรัพย์จ่าย เฝือนา | ||
+ | รักชอบกอบกิจให้ ถ่องแท้ยุติธรรม ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ รักตนประพฤติล้วน สุจริต | ||
+ | รักลูกเพียรดัดจิต ลูกไว้ | ||
+ | รักมิตรมากที่มิตร รักตอบ | ||
+ | รักบ่าวเมื่อคราวใช้ ไป่ลี้หนีงาร ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | '''ความชัง'''<tpoem> | ||
+ | ๏ ชังพูดเปนเล่ห์เลี้ยว หลอกหลอน | ||
+ | ชังชาตินิรคุณบอน บ่อนไส้ | ||
+ | ชังโจรเที่ยวซอกซอน ลักทรัพย์ ท่านนา | ||
+ | ชังมากบอยากใกล้ เผ่าพ้องอสัทธรรม ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | '''ความกล้า'''<tpoem> | ||
+ | ๏ กล้าคิดเพราะเหตุด้วย ใจมาน | ||
+ | กล้าเชื่อเพื่อปฏิญาณ สัตย์ไว้ | ||
+ | กล้าพูดเพราะเชื่อชาญ เชาวน์ว่อง | ||
+ | กล้ารักชักกล้าให้ สู่สู้ริปูแทน ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | '''ความกลัว'''<tpoem> | ||
+ | ๏ อาญาไทธิราชเผ้า แผ่นสยาม | ||
+ | เกรงไป่มีโมงยาม ว่างน้อ | ||
+ | ภัยพิบัติมัจจุราชตาม ฉกชีพ | ||
+ | กลัวบ่เว้นทุ่มท้อ จิตลี้หนีไฉน ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ กลัวบาปบส่อให้ โทษถึง ท่านนา | ||
+ | กลัวท่านผูกเวรตรึง ติดติ้ว | ||
+ | กลัวกรรมจักตามดึง ตนสู้ อบายพ่อ | ||
+ | กลัวชอบบุญหอบหิ้ว อาตม์ขึ้นสุขภูมิ์ ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | '''ความเพียร'''<tpoem> | ||
+ | ๏ เพียรประพฤติสุจริตอ้าง อวยผล | ||
+ | เพียรประพฤติยุติธรรมดล ดับไร้ | ||
+ | เพียรประพฤติกอปกุศล บุญส่ง สุขนา | ||
+ | เพียรประพฤติเมตตจิตได้ ห่างพ้นคนชัง ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ เพียรประพฤติทุจริตร้อน แรงไฟ นรกพ่อ | ||
+ | เพียรประพฤติฉ้อฉกภัย จักพ้อง | ||
+ | เพียรประพฤติบาปบไกล ทุกข์ถับ ถึงนา | ||
+ | เพียรประพฤติเหี้ยมโหดต้อง ตกข้างคนฉิน ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ หมั่นเขียนหมั่นอ่านอ้าง อักษร | ||
+ | เพียรแต่งโคลงลิลิตกลอน ดอกสร้อย | ||
+ | กลบทอีกบทละคอน ฉันท์กาพย์ | ||
+ | เพียรดั่งนี้ฤาคล้อย คลาดผู้ชาญกวี ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | '''ความเกียจคร้าน'''<tpoem> | ||
+ | ๏ โกสัชชัดเชิดอ้าง โทษา | ||
+ | ฉัพพรรคอรรถกถา กล่าวแจ้ง | ||
+ | นรชาติปราศวิริยา นฤสุข | ||
+ | จักสฤษดิกิจใดแสร้ง ผัดเพี้ยนผ่อนตน ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ หนาวหนักจักกอปเกื้อ การใด ได้พ่อ | ||
+ | บางผ่อนร้อนจัดใจ จักหวิ้น | ||
+ | บางคาบก็ขานไข ยลย่ำ แล้วนา | ||
+ | กอปกิจบควรสิ้น รติแผ้วควรทำ ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ยามพรุกพร่ำผัดเพี้ยน ทำงน มากนา | ||
+ | งายหน่อยจึงจักขวน กิจไซร้ | ||
+ | บางผ่อนอุทรรน ร้อนภักษ์ ภุญช์พ่อ | ||
+ | บางผัดอิ่มหนักให้ หย่อนน้อยค่อยทำ ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ สันดานประกอบด้วย โกสัช | ||
+ | ผิสฤษดิ์กิจใดผัด พรุ่งเพล้ | ||
+ | เพี้ยนหนาวผัดร้อนจัด อิ่มพร่อง อุทรนา | ||
+ | กว่าจะเสร็จประสงค์เอ้ อูดพ้นพันทวี ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | '''ความซื่อ'''<tpoem> | ||
+ | ๏ พุทธรัตน์ธรรมรัตน์ทั้ง สงฆ์สรรพ์ พิสุทธิ์แฮ | ||
+ | อีกชนกชนนีอัน เกิดเกล้า | ||
+ | สยามรัฐดิลกธรร มิกแห่ง ตนฤา | ||
+ | ควรซื่อสุจริตเช้า ค่ำน้อมนมัสการ ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | '''ความโกง'''<tpoem> | ||
+ | ๏ โกงคิดทรยศผู้ บำรุง ตนแฮ | ||
+ | หมายลาภเปิดลับจุง โทษให้ | ||
+ | ความชั่วติดตัวนุง เหนียวเหนอะ | ||
+ | สบลาภก็พลันไร้ เพื่อร้อนแรงกรรม ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | '''ความอาลัย'''<tpoem> | ||
+ | ๏ อาลัยลูกจักเมื้อ ยุรเปียน ทวีปแฮ | ||
+ | ใจคิดเปนนิจเวียน วาบว้ำ | ||
+ | อาลัยเพื่อเคยเสถียร สถิตสุข เสมอนา | ||
+ | ใจห่วงเหลือจักปล้ำ ปลิดให้อาลัยสูญ ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | '''ความเบื่อ'''<tpoem> | ||
+ | ๏ เบื่อโลกเห็นโลกล้วน อนิจจัง | ||
+ | เบื่อทุกข์ทุกวันประดัง รุกเร้า | ||
+ | เบื่อเคราะห์เบื่อกรรมฝัง รกราก | ||
+ | เบื่อหน่ายตายเกิดเฝ้า รับท้นทุกข์ทวี ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | '''ความโสมนัส'''<tpoem> | ||
+ | ๏ ราชภัยพิบัติแม้ หลีกหนี | ||
+ | อัคนิภัยพิบัติลี ลาศแคล้ว | ||
+ | โจรภัยพิบัติมี หลบรอด โจรนา | ||
+ | สามสิ่งโสมนัสแผ้ว ผ่องชื้นกมลเปรม ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ยินดีได้ลาภล้น มูลมอง | ||
+ | ยินลาภยศศักดิ์ปอง ศักดิ์ได้ | ||
+ | ยินดีอนี้ตรอง ตรึกรงับ บ้างพ่อ | ||
+ | ยินลาภนักมักให้ ช่องให้ชนหยัน ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | '''ความโทมนัส'''<tpoem> | ||
+ | ๏ กลางประชุมแม้ว่าต้อง ถูกทัก | ||
+ | โดยเท็จหรือจริงประจักษ์ สุดพื้น | ||
+ | เก่าเหลือที่จะหัก ใจกลับ ใหม่แม่ | ||
+ | โทมนัสขัดจิตตื้น อกน้ำตาคลอ<sup>(๑)</sup> ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ คิดเห็นประโยชน์แล้ว จึ่งทำ | ||
+ | กลายกลับเปนผิดนำ โทษพ้อง | ||
+ | เสียใจที่ใจสำ คัญผิด | ||
+ | โทษอื่นบได้ต้อง โทษแท้ตนเอง ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | '''ความริษยา'''<tpoem> | ||
+ | ๏ ริษยาเกิดขึ้นเพราะด้วย เสียจิต ก่อนนา | ||
+ | เสียจิตเพาะริษยา กอปสร้าง | ||
+ | สองอย่างต่างประชันปิด ประชันส่อ กันแฮ | ||
+ | ปวงปราชญ์อาจมละล้าง คู่ข้อมลายสูญ ฯ | ||
+ | </tpoem><sup>(๑) ในโคลงบทนี้ทรงใช้ศัพท์แผลง ซึ่งชอบพูดกันในสมัยนั้นหลายศัพท์ คือ “ทัก” หมายความ ว่าปราสัยเปนคำทารุณ “พื้น” หมายความว่าสำผัสใจ “เก่า” หมายความว่าเกิดโทษะ “ใหม่” หมายความว่าสิ้นโทษะ</sup> | ||
+ | |||
+ | |||
+ | |||
+ | '''ความพยาบาท'''<tpoem> | ||
+ | ๏ พยาบาทนี่นี้ขาด ทางธรรม นะพ่อ | ||
+ | ผิเกิดไป่คนึงรำ งับแล้ว | ||
+ | ดังฤาจักดลสำ ราญสุข พ่อเอย | ||
+ | ไปปรโลกฤาจักแคล้ว คลาดพ้นเวรจอง ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ปราชญ์มองเห็นโทษแท้ จึ่งประหาร ขาดนา | ||
+ | เวรรงับดับเวรผลาญ หมดเชื้อ | ||
+ | อาฆาฏขาดจิตสราญ รมย์ยิ่ง ยงแฮ | ||
+ | เขษมสุขประจวบเมื้อ สู่ยั้งนฤพาน ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | '''ความปรารถนา'''<tpoem> | ||
+ | ๏ ประสงค์ศิลปศาสตรต้อง เติมเพียร | ||
+ | ประสงค์มั่งมีทรัพย์เรียน เรื่องค้า | ||
+ | ประสงค์ยศจุ่งหมั่นเวียน เฝ้าบพิตร เสมอนา | ||
+ | ประสงค์สุขหน่วงจิตคว้า สัตย์ไว้นิจกาล ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | '''ความหยิ่ง'''<tpoem> | ||
+ | ๏ หยิ่งยศถือยศก้ำ เกินคน | ||
+ | หยิ่งศักดิ์หวังศักดิ์ตน ใหญ่กว้าง | ||
+ | หยิ่งทรัพย์ส่ายทรัพย์กล ดั่งทรัพย์ จักรฤา | ||
+ | สามหยิ่งจักพาค้าง ขาดสิ้นนิจผล ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
===โคลงทรงตอบพระราชนิพนธ์ เมื่อสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงประชวร=== | ===โคลงทรงตอบพระราชนิพนธ์ เมื่อสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงประชวร=== | ||
ในระหว่าง พ.ศ. ๒๔๓๖ กับ พ.ศ. ๒๔๓๗ | ในระหว่าง พ.ศ. ๒๔๓๖ กับ พ.ศ. ๒๔๓๗ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ''''โคลงพระราชนิพนธ์'''<tpoem> | ||
+ | ๏ เจ็บนานหนักอกผู้ บริรักษ์ ปวงแฮ | ||
+ | คิดใคร่ลาลาญทัก ปลดเปลื้อง | ||
+ | ความเหนื่อยแห่งสูจัก พลันเสื่อม | ||
+ | ตูจะสู่ภพเบื้อง น่านั้นพลันเขษม | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | '''โคลงตอบ'''<tpoem> | ||
+ | ๏ สรวมชีพข้าบาท ภักดี | ||
+ | พระราชเทวีทรง สฤษดิ์ให้ | ||
+ | สุขุมาลมารศรี เสนอยศ นี้นา | ||
+ | ขอกราบทูลท่านไท้ ธิราชเจ้าจอมสยาม ฯ | ||
+ | ๏ ประชวรนานหนักอกข้า ทั้งหลาย ยิ่งแล | ||
+ | ทุกทิวาวันบวาย คิดแก้ | ||
+ | สิ่งใดซึ่งจักมลาย พระโรค เร็วแฮ | ||
+ | สุดยากเท่าใดแม้ มาทม้วยควรแสวง ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ หนักแรงกายเจ็บเพี้ยง เท่าใด ก็ดี | ||
+ | ยังบหย่อนหฤทัย สักน้อย | ||
+ | แม้พระจะด่วนไกล ข้าบาท ปวงแฮ | ||
+ | อกจะพองหนองย้อย ทั่วหน้าสนมนาง ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
===โคลงสุภาสิตเบ็ดเตล็ด=== | ===โคลงสุภาสิตเบ็ดเตล็ด=== | ||
+ | '''ความลอาย'''<tpoem> | ||
+ | ๏ มีอายอาจสกัดกั้น กันทาง ชั่วแฮ | ||
+ | จักประพฤติชั่วอายขวาง ขัดไว้ | ||
+ | ผู้มีหฤทัยจาง จืดต่อ หิรินา | ||
+ | จึงประพฤติความชั่วได้ แน่แท้เทียวเธอ ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ อุด<sup>(๑)</sup>นานแรกออกนั้น แสนอาย | ||
+ | ลมล่อยพลอยจับกาย รริกเริ้ม | ||
+ | หน้ามือจักษุลาย แลพร่าง | ||
+ | เหงื่อหยดขาสั่นเทิ้ม อุทัจด้วยคนดู ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | '''ความงาม'''<tpoem> | ||
+ | ๏ เพ็ญบูรณ์เกียรติยศทั้ง บริวาร | ||
+ | งามเลิศใดบปาน เปรียบได้ | ||
+ | เพ็ญทรัพย์อีกคำขาน สัตย์ทุก เมื่อนา | ||
+ | งามยิ่งงามแท้ให้ ทั่วผู้สรรเสริญ ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | '''ความสรรเสริญ'''<tpoem> | ||
+ | ๏ ผู้หาญราญเศิกสู้ ไป่หนี | ||
+ | หนึ่งเหล่าคณะเมธี ทั่วหน้า | ||
+ | อีกสงฆ์พิสุทธิ์ศี ลวัตยิ่ง ยงเฮย | ||
+ | หญิงซื่อสุจริตกล้า สี่นี้ควรชม ฯ | ||
+ | </tpoem><sup>(๑) อุด เปนคำแผลง หมายความว่าอยู่แต่ในที่อันเดียว</sup> | ||
===โคลงสุภาสิต ทรงถอดความจากวชิรญาณสุภาสิต=== | ===โคลงสุภาสิต ทรงถอดความจากวชิรญาณสุภาสิต=== | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ บุญมากหากกอปเกื้อ ปัญญา มากนา | ||
+ | โดยป่วยก็พลันหาย ห่างไข้ | ||
+ | มากคนรักไปมา เช้าค่ำ | ||
+ | เคยเกลียดกลับรักได้ เพราะบุญ ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ บุญต่ำนำชักให้ หมดความ คิดนา | ||
+ | กำเริบไข้แรงรุน โรคร้าย | ||
+ | มิตรญาติขาดรักยาม บุญอับ | ||
+ | พบปะก็คล้ายคล้าย แขกเมิน ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ความรู้มีมากล้น เพียงใด ก็ดี | ||
+ | แต่ขาดความเพียรใจ เกียจคร้าน | ||
+ | เฉกผู้มากทรัพย์ใน เรือนฟุ่ม เฟือยนา | ||
+ | ตระหนี่เก็บไว้แต่บ้าน ห่างใช้ไฉนเติม ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ วิชาเดิมมีน้อยแต่ มีเพียร มากฮา | ||
+ | ยังบ่ทราบใดเรียน มากไว้ | ||
+ | ผู้น้อยทรัพย์ค่อยเบียน ทรัพย์จ่าย เสมอนอ | ||
+ | ทรัพย์จะเสริมเติมได้ มากด้วยแรงเพียร ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
===โคลงสุภาสิตทรงแต่งเล่นกับเจ้านายผู้หญิง=== | ===โคลงสุภาสิตทรงแต่งเล่นกับเจ้านายผู้หญิง=== | ||
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๓ | เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๓ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | '''ความเพลิน'''<tpoem> | ||
+ | ๏ ความเพลินมีทั่วทั้ง ฝ่ายดี ทรามเฮย | ||
+ | สุดแต่ผู้เพลินมี สติค้น | ||
+ | เพลินชอบก็พลันทวี ลาภยศ ปวงแฮ | ||
+ | เพลินผิดก็ไป่พ้น ภาคร้ายเร็วถึง ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | '''ความรำคาญ'''<tpoem> | ||
+ | ๏ รูปต่ำซ้ำศิระงุ้ม ปานปม เปรอะนา | ||
+ | รสพลับแช่ฝาดขุย เกาะลิ้น | ||
+ | กลิ่นสาบมนุษย์ระดม กลิ่นอุต พิษแฮ | ||
+ | เสียงพูดปลอกปลิ้นปลี้ เปล่าความ ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ งามโฉมแต่หยุดอ้า อาตม์โฉม | ||
+ | ฤาแต่งเกินพองาม เงื่อนหน้า | ||
+ | มารยาทลุกลนโครม ครามเตะ ต่อยเฮย | ||
+ | ปวงกล่าวทั้งนี้ข้า สุดรำคาญ ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | '''ความปรารถนา'''<tpoem> | ||
+ | ๏ ปรารถนาของมนุษย์นั้น หมดไฉน ท่านเฮย | ||
+ | แม้จักพรรณาไป ไป่สิ้น | ||
+ | แต่ผู้ว่องวุฒิไวย รู้เลือก สรรแฮ | ||
+ | ควรดับฤาควรดิ้น โดดยั้งตามควร ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
===ร่ายประทานพระพรกรมพระดำรงในวันประสูติ=== | ===ร่ายประทานพระพรกรมพระดำรงในวันประสูติ=== | ||
ทรงนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๒ | ทรงนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๒ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ ขษณพระพุทธศก ตกสองพันสี่ร้อย | ||
+ | ห้อยเศษหกสิบสองปี วีสะดิถีมิถุนายน | ||
+ | ดลอภิลักขิตสมัย ในพระเจ้าบรมวงศ์ | ||
+ | กรมพระยาดำรงราชานุภาพ คาบพระชนม์คำณวน | ||
+ | ประมวลกึ่งสตพรรษ อีกเศษอัฐฉนำกาล | ||
+ | มานพระหฤทัยจำนง ประสงค์กอปกุศลอุทิศ | ||
+ | เปนนิรามิสราชพลี แด่ภูวบดีปิยมหาราช | ||
+ | ทั้งพระบาทบรมอัยกา ราชปิตุลาบวรอิศเรศ | ||
+ | เหตุสมภาคมายุสม์ ลุอำนวยทานสงฆ์ | ||
+ | ปลงธนสารบำรุง ผดุงสภากาชาดสยาม | ||
+ | พยาบาลพระนามบัญญัติ ข้อยมีมนัสปราโมทย์ | ||
+ | มาโนชในพระกุศล จึงนิพนธ์ถวายชัย | ||
+ | ด้วยน้ำใจสุทธิ์สอาด สรวมอำนาจพระรัตนตรัย | ||
+ | อีกไทยเทพทรงมหิทธิศักดิ์ ซึ่งพิทักษ์สยามณาเขต | ||
+ | สรวมพระเดชนฤบดินทร์ เจ้าสยามินทร์ห้าพระองค์ | ||
+ | ทรงแผ่พระเดชานุภาพ ปราบปวงอุปัทวภัย | ||
+ | ไกลอุปสัคไกลโศก นิราสโรคนิราสทุกข์ | ||
+ | เนืองนิตย์ยุกต์สุขารมณ์ อุดมพระปรีชาเชาวน์ | ||
+ | เนาประมุขโบราณคดี ทวีพระยศฦาเลื่อง | ||
+ | เฟื่องกิตติคุณฦาเลวง ล้ำยิ่งเพรงบันดาล | ||
+ | พระชนมานยืนยง ธำรงวังวรดิศ | ||
+ | พิพิธสุขพิศาล กอปศฤงคารไพบูลย์ | ||
+ | วงศ์ประยูรพรั่งพร้อม น้อมมนัธยาศัย | ||
+ | ในพระเมตตาคุณ การุญรักษ์ดิเรก | ||
+ | เฉกโพธิพฤกษ์ฉายา ร่มบริจาร์แลดนัย | ||
+ | เหล่าข้าไทยทั้งผอง ใดธปองจงประสบ | ||
+ | ใดธปรารภจงสัมฤทธิ์ สิทธิดังมโนหวัง | ||
+ | ดังข้อยผู้ภคินี อื้นวจีพจน์สุนทร | ||
+ | อำนวยพระพรถวายฉนี้ สรวมเทพช่วยชี้ | ||
+ | ช่องให้คงเขษม โสตถิ เทอญ ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
===โคลงตอบกรมพระดำรงฯ ถวายพระพรสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์ในวันประสูติ=== | ===โคลงตอบกรมพระดำรงฯ ถวายพระพรสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์ในวันประสูติ=== | ||
ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๒ | ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๒ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | '''โคลงของกรมพระยาดำรงราชานุภาพ''' | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ ฝาตลับรูปไข่ถ้วย ทูลถวาย | ||
+ | เฉกเช่นไข่ขวัญหมาย อรรถชี้ | ||
+ | นิพนธ์พจนแทนบาย ศรีปาก ชามแฮ | ||
+ | สมโภชวันเฉลิมนี้ เพิ่มพร้อมพรถวาย ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ สมเด็จพระพี่เจ้า จอมสยาม | ||
+ | จงโปร่งปราศพยาธิความ ขุ่นไข้ | ||
+ | เสวยสุขสวัสดิ์งาม วรรณผ่อง เพ็ญเทอญ | ||
+ | เจริญพละพระชนม์ให้ ร่วมร้อยปีประมาณ ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | '''โคลงทรงตอบแทนทูลกระหม่อมหญิง''' | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ ไข่ถ้วยแทนไข่เข้า เฉลิมขวัญ | ||
+ | อีกพจนประพันธ์อวย สวัสดิ์พร้อม | ||
+ | ประทานลูกสมัยวัน อุปัติศก นี้นา | ||
+ | ลูกธมาโนชน้อม นบน้อมขอบพระคุณ ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
===กาพย์ตอบกรมพระดำรงฯ ถวายพระพรสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์ในวันประสูติ=== | ===กาพย์ตอบกรมพระดำรงฯ ถวายพระพรสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์ในวันประสูติ=== | ||
ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๓ | ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๓ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | '''กาพย์กรมพระยาดำรงราชานุภาพ''' | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | <sub>๑๖</sub> | ||
+ | ๏ สถิติสถานบ้านแป้งแหล่งตำบล จวบกันยายน | ||
+ | สิบสี่ประสบครบดิถี | ||
+ | ๏ เฉลิมชนม์พระเชฏฐภคินี สมเด็จกษัตรี | ||
+ | ศรีรัตนโกสินทร์สมร | ||
+ | ๏ อยู่ไกลใคร่จะถวายพร จึงเพียรเขียนกลอน | ||
+ | จำทูลถวายอย่างต่างตน | ||
+ | ๏ ลูกหลานว่านเครือหลายคน ก็บอกยุบล | ||
+ | ให้กราบบาทมูลทูลผสม | ||
+ | ๏ ร่วมใจปรีดาสารภิรมย์ ยอกรบังคม | ||
+ | ถวายพรพิพัฒน์สวัสดี | ||
+ | ๏ ให้ทรงสุขเกษมเปรมปรีดิ์ ทุกทิวาราตรี | ||
+ | อย่ารู้นิราสคลาดคลาย | ||
+ | ๏ ผ่องพระฉวีพรรณราย ดุจเดือนเด่นฉาย | ||
+ | มลทินพยาธิขาดสูญ | ||
+ | ๏ เจริญพละพระกำลังเพิ่มพูน สมบุรณบริบูรณ | ||
+ | ทุกสิ่งทรงมาทปรารถนา | ||
+ | ๏ ขอให้เจริญพระชันษา ยั่งยืนวัฒนา | ||
+ | การเกิดประโยชน์โพธิผล | ||
+ | ๏ ได้ทรงสมาทานการกุศล ปรฏิบัติพระชน | ||
+ | นีแลเลี้ยงเหล่าประยูร | ||
+ | ๏ อุปการ์ข้าไทเอาธูร โอบเอื้อเกื้อกูล | ||
+ | ตลอดจนเหล่าชาวประชา | ||
+ | ๏ จิรฐิติกาลนานช้า เรือนร้อยพรรษา | ||
+ | ให้สมดังสัจอธิฐาน ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | '''ทรงตอบแทนทูลกระหม่อมหญิง''' | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | <sub>๑๖</sub> | ||
+ | ๏ จวบวันอุบัติกาล ณวารที่สิบสี่กันย์ | ||
+ | ได้รับลายพระหัตถ์อัน ไพเราะห์พจนพาที | ||
+ | ๏ ข้อยมีมนัสนึก รฦกในพระอารี | ||
+ | แก่ภาคินัยมี ประจำมั่นนิรันดร | ||
+ | ๏ ขอโอนศิโรดม บังคมรับบวรพร | ||
+ | ด้วยกาพย์ลำเนากลอน อันแต่งโดยพระมารดา | ||
+ | ๏ อนึ่งปวงประยูรวงศ์ ทุกองค์ร่วมพระหัทยา | ||
+ | แด่ปิตุลปิตา อำนวยศุภมงคล | ||
+ | ๏ ขอเธอทั้งหลายจง ธำรงสุขสถาผล | ||
+ | โรคภัยอันใดดล พลันบำราศประลาตไกล | ||
+ | ๏ สรวมพรชมัยพร จงประสิทธิ์ทุกสิ่งไกษย | ||
+ | อำนาจสัจวจีใจ ประจวบปองสนองเสนอ ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
===โคลงแลกลอนสำหรับสอดในชักเปี๊ยะพร้อมกับแหวน=== | ===โคลงแลกลอนสำหรับสอดในชักเปี๊ยะพร้อมกับแหวน=== | ||
ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๔ | ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๔ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | '''คำอธิบาย''' | ||
+ | |||
+ | เมื่อปีระกา พ.ศ. ๒๔๖๔ สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า ฯ เจริญพระชันษาครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ ในงานฉลองพระชันษาได้ทรงเชิญเสด็จพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวกับพระบรมวงศ์ทั้งพระองค์ชายและพระองค์หญิงไปเสวยเวลาค่ำ ณ วังบางขุนพรหม เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคมเนื่องในของซึ่งแจกชำร่วยที่โต๊ะเสวยนั้น สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า ฯ ทรงพระดำริห์ให้สร้างพระธำมรงค์ลงยาสีตามวันประสูติของเจ้านายที่ประทับเสวยทุกพระองค์ แล้วทรงพระนิพนธ์กลอนต่างๆ ซึ่งพิมพ์ต่อไปนี้บทหนึ่ง สำหรับกำกับพระธำมรงค์วงหนึ่ง หมายจะซ่อนไว้ด้วยกันในห่อชักเปี๊ยะวางไว้ตรงที่ประทับทุกพระองค์ สำหรับจะได้ทรงชักเปี๊ยะได้ธำมรงค์แลทรงอ่านบทกลอนเปนของฉลากประกอบความรื่นเริง แต่ต่อมาเปลี่ยน กระแสพระดำริห์ งดบทกลอนเหล่านี้ มาได้พิมพ์ห่อพระธำมรงค์แจกไม่ | ||
+ | |||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ ประวิชวรรณประจำวาร ประสูติท่านทุกองค์มา | ||
+ | ประชุมเลี้ยงกระยาพา หทัยเริงสราญรมย์ | ||
+ | ๏ ผิทรงจับฉลากได้ มิตรงสีประสูติสม | ||
+ | พระหัตถ์สอดมิชวนชม นิยมใช้บมีดี | ||
+ | ๏ ประทานส่งพระวงศ์ใด ประสบวรรณประสูติมี | ||
+ | ประสงค์เสาะฉเพาะสี ประสูติทรงจะส่งสวย | ||
+ | ๏ เจริญอายุวรรณ สุขเพิ่มพลังรวย | ||
+ | พระยศยิ่งภิยโยพวย พพุ่งเกียรติกำจร ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ---- | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ สียาในประวิชนี้ สำหรับ วันแฮ | ||
+ | ท่านอุบัติวันใดจับ ฉลากได้ | ||
+ | ไป่เหมาะจุ่งเปลี่ยนสับ กันแหละ กันนา | ||
+ | ให้สบวันท่านใช้ สอดนิ้วในงาร ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ---- | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ ประวิชน้อยห้อย ส.ม. มีสีพอครบเจ็ดวัน | ||
+ | ชักเปี๊ยะฉลากอัน บรรจงห่อมาวางถวาย | ||
+ | ๏ แม้สีมิต้องวาร ประสูติท่านจงขวนขวาย | ||
+ | แลกเปลี่ยนอย่าดูดาย ให้สีตรงจึงทรงงาม ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ---- | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ ธำมรงค์วงน้อยในฉลาก | ||
+ | มีสีมากเบ็จเสร็จครบเจ็ดสี | ||
+ | ผิดสีวันประสูติใช้ไม่เข้าที | ||
+ | ทรงเปลี่ยนกันสรรที่สีตรงวัน ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ---- | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ ฉลากแหวนก้านพลูน้อย สีต่างห้อยนามสุขุมาล | ||
+ | เสร็จเสวยพระอาหาร โปรดสรรทรงให้ตรงวัน ฯ | ||
+ | ๏ สีแหวนแผกมิพ้องวาร อุบัติท่านจงแปรผัน | ||
+ | เปลี่ยนผัดซึ่งกันแลกัน คงได้เหมาะฉเพาะสี ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ---- | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ ฉลากแหวนแทนขอบพระคุณเหลือ | ||
+ | ที่ทรงเอื้อเสด็จมาเลี้ยงอาหาร | ||
+ | สีน้ำยานี้ประสงค์ให้ตรงวาร | ||
+ | ประสูติท่านทุกพระองค์ที่ทรงรับ | ||
+ | แม้นสีไม่เหมาะส่งพระวงศ์แลก | ||
+ | ถ้ายังแผกสีเวียนเที่ยวเปลี่ยนสับ | ||
+ | คงสบเหมาะเพราะได้คิดพินิจนับ | ||
+ | ได้ตรงกับวันพระวงศ์ทุกองค์ เอย ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ---- | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ ธำมรงค์ที่ทรงจับฉลากได้ | ||
+ | ถ้าสีไม่เหมาะวันพระชันษา | ||
+ | โปรดส่งสับกับองค์ที่มีสียา | ||
+ | ตามตำรานามวันฉนั้น เทอญฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ---- | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ ธำมรงค์ไร้มณีสียาต่าง | ||
+ | ถ้วนเจ็ดอย่างตามวันพระชันษา | ||
+ | สีไม่ถูกวันอุบัติขัดตำรา | ||
+ | ทรงไปไหนขายหน้าท่าไม่ดี | ||
+ | จงเปลี่ยนกันกับพระวงศ์ที่ทรงรับ | ||
+ | คงจะจับได้วงที่ตรงสี | ||
+ | สวมพระหัตถ์วัฒนสวัสดี | ||
+ | ทุกเมื่อมีสุขเกษมเปรมกมล ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ---- | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ สีแสงแดงโลหิต คู่วันอาทิตย์พิศตาตรู | ||
+ | สีด่อนจันทรหรู สีชมพูคู่วันอังคาร | ||
+ | ๏ พุธเขียวพฤหัสเหลือง ศุกร์เรืองน้ำเงินสอ้าน | ||
+ | เสาร์ดำคล้ำสคราน ถ้วนเจ็ดวารสีธำมรงค์ | ||
+ | ๏ ท่านได้ไม่ถูกวัน เชิญเปลี่ยนกันตามประสงค์ | ||
+ | เลือกสรรให้สีตรง ทรงสวมหัตถ์เพิ่มสวัสดี ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ---- | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ แหวนสีแดงท่านให้แต่งวันอาทิตย์ | ||
+ | ฉลากผิดวันพระองค์จงหาใหม่ | ||
+ | แลกเจ้าน้องหรือเจ้าพี่มีถมไป | ||
+ | ได้สวมใส่นิ้วพระหัตถ์ชัดตำรา ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ---- | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ พระจันทรจรกระจ่างในกลางหาว | ||
+ | แหวนสกาวเทียบสีดีหนักหนา | ||
+ | ถ้าไม่พ้องวันพระองค์จงทรงพา | ||
+ | แหวนที่ได้ไปหาแลกมาทรง ฯ | ||
+ | ประวิชสีที่ทรงจับฉลากได้ | ||
+ | ถ้ามีไม่เหมาะวันพระชันษา | ||
+ | จงเปลี่ยนสับกับท่านทุกองค์มา | ||
+ | เสวยอาหารด้วยกันวันนี้ เทอญ ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ---- | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ วันใดท่านสมภพ สบสีใดในประวิชน้อย | ||
+ | จุ่งท่านสรรสอดก้อย เพื่อต้องตามวัน ท่านนา ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ---- | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ ถ้าแหวนผิดวันพระองค์ทรงสมภพ | ||
+ | จงปรารภแลกลองพี่น้องท่าน | ||
+ | แม้ประสบพบสีที่ตรงวาร | ||
+ | ขอประทานเปลี่ยนมาอย่าช้าที ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ---- | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ ประวิชวงที่ทรงหัตถ์ ถ้าสีซัดมิต้องวัน | ||
+ | ใครเห็นจะเย้ยหยัน จงแลกกันให้ตรงวาร ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ---- | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ อังคารคู่ชมพูสีที่ประวิช | ||
+ | ถ้าแม้ผิดวันพระองค์จงเปลี่ยนผลัด | ||
+ | ให้ต้องสีเหมาะตรงไม่หลงพลัด | ||
+ | สวมพระหัตถ์วัฒนสถาพร ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ---- | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ ถ้าได้แหวนผิดวันจงหันเหียน | ||
+ | เวียนถามตามพี่น้องท่าน | ||
+ | คงสมใจได้สีที่ต้องการ | ||
+ | ขอประทานเปลี่ยนวงสมทรงงาม ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ---- | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ แหวนเอยแหวนลงยา | ||
+ | สีสัปดาห์ครบวันท่านอุบัติ | ||
+ | ดูจงดีอย่าให้สีมันจับพลัด | ||
+ | ทรงสวมหัตถ์จะได้งามตามบุราณ ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ---- | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ แหวนสีสัปดาหะ กะถ้วนวันประสูติแล้ว | ||
+ | ผิวท่านได้ฉลากแคล้ว คลาดพ้องเชิญเปลี่ยน กันนา ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
===โคลงสุภาสิต=== | ===โคลงสุภาสิต=== | ||
ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๗ และ ๒๔๖๘ | ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๗ และ ๒๔๖๘ | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | ๏ นฤบดีเสื่อมเพราะใช้ มนตรี ชั่วแฮ | ||
+ | เสื่อมพรตเพราะกลี คลุกเคล้า | ||
+ | ลูกเสื่อมเพราะปล่อยฟรี ฟุ้งเฟิสต์ เคยแล | ||
+ | พราห์มณเสื่อมเพราะค่ำเช้า ครุ่นคร้านเรียนมนต์ ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ลูกชั่วชักให้เสื่อม สกุลตน | ||
+ | ศีลเสื่อมเพราะปนพาล เพาะมล้าง | ||
+ | อายเสื่อมเพราะโม่ห์มนท์ เมาดื่ม | ||
+ | เพาะปลูกเสื่อมทรามร้าง เพราะคร้านดูแล ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ เสื่อมสิเน่ห์เพราะเริศร้าง แรมไกล | ||
+ | เสื่อมมิตรเพราะเอื้อใน มิตรน้อย | ||
+ | เสื่อมทรัพย์เพราะรั่วไหล จ่ายมาก | ||
+ | เสื่อมสัจตนต่ำต้อย เสื่อมผู้บูชา ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
===เพลงยาวกลบท=== | ===เพลงยาวกลบท=== | ||
+ | |||
+ | เพลงยาวกลบท | ||
+ | |||
+ | '''ปรารภ''' | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | <sub>ตะเข็บไต่ขอน</sub> | ||
+ | ๏ หทัยประสงค์ผจงลิขิตประดิษฐ์สนอง | ||
+ | เสนอขนิษฐ์พินิจยุบลนุสนธิ์คนอง | ||
+ | ขณสมองฟฟุ้งฟเฟื่องวิชากวี | ||
+ | สถิตณเรือนเสมือนธุระบพะบพ้อง | ||
+ | จะตฤกจะตรองก็คล่องอุราประสาประสี | ||
+ | ผิบทลบองมิต้องระบอบระเบียบวิธี | ||
+ | ก็หวังธมีพระทัยนุเคราะห์เฉพาะกรุณย์ | ||
+ | ฤาเขินฤาขวางณทางอักษรแลกลอนสำผัส | ||
+ | ก็คงจะตัดจะเติมประดับสนับสนุน | ||
+ | ผสานผสมนุกรมลำนำช่วยค้ำช่วยจุน | ||
+ | จะขอบพระคุณมิรู้จะเบื่อละเมื่อละคราว | ||
+ | ณกลอนขบวรเชิงชวนสังวาสนิราสแลภ้อ | ||
+ | จะเรียบจะเรียงมิเพียงมิพอจะกล้อจะกล่าว | ||
+ | เพราะมิใช่นิสัยหทัยสัตรีมีเรื่องมีราว | ||
+ | ข้างชู้ข้างสาวเสมือนนักเลงมิเกรงมิคร้าม | ||
+ | คะโลงสุภาสิตานุสรไว้ก่อนไว้เก่า | ||
+ | ลล้วนสำเนาสำนวนสุภาพมิหยาบมิหยาม | ||
+ | มิเยาะมิแยงแสดงคติพึงตริพึงตาม | ||
+ | จะต่ำจะทรามก็พอจะกลั้วรรัวราง ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ---- | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | '''โทษฉิบหาย ๖ ประการ''' | ||
+ | <sub>โตเล่นหาง</sub> | ||
+ | ๏ ดำเนิรความตามทำนองปองลิขิต | ||
+ | เปิดภาสิตวรรณพฤติยึดที่อ้าง | ||
+ | ธิบายเหตุฉิบหายหกยกมาวาง | ||
+ | ไว้เปนทางเดิรขบวรสำนวนกลอน | ||
+ | |||
+ | (๑) สุราเมรยบานชาญฉกาจ | ||
+ | ผรุสวาทพาลประทุษไม่หยุดหย่อน | ||
+ | เส้นประสาทอาจพิกลทุรนร้อน | ||
+ | ทรัพย์จะล่อนหมดตัวอย่ามัวมนท์ | ||
+ | (๒) ลับไถงอย่าครรไลไถลเที่ยว | ||
+ | ทางตรอกเปลี่ยวปลอดฉวางกลางถนน | ||
+ | คนเดียวเดิรเมินประมาทขาดผู้คน | ||
+ | ศัตรูพบหลบไม่พ้นภัยศัตรู | ||
+ | (๓) สัมมัชชาก็อย่าทัศนานัก | ||
+ | ไร้ประโยชน์โทษหนักข้างลักขู | ||
+ | มหรศพสารพันแม้หมั่นดู | ||
+ | มีเงินอู๋ก็คงเลี่ยนด้วยลายละเลิง | ||
+ | (๔) การพนันทุกทุกพรรค์พลันพินาศ | ||
+ | มาทสนุกขุกพลาดสิเลยเหลิง | ||
+ | แรกเล่นนึกว่านิดหน่อยค่อยประเทิง | ||
+ | เลยเปิดเปิงถึงจำนำระยำยับ | ||
+ | (๕) อนึ่งอย่าปณิธานสมานจิต | ||
+ | เสวนาลามกมิตรจิตสับปลับ | ||
+ | ยามเรามีตีสนิธหวังปลิดทรัพย์ | ||
+ | เราซวยกลับหลีกละสละเมิน | ||
+ | (๖) จงคนึงถึงโทษจิตโหดคร้าน | ||
+ | ธุระงารคฤหาอย่างห่างเหิน | ||
+ | พึงสะสมธนไว้เจริญ | ||
+ | มุ่งดำเนิรพิริยจรรยา | ||
+ | |||
+ | เหตุพินาศอนุสาสนแสดงอรรถ | ||
+ | ฉัพพิธจัดแจงประมวญล้วนโทษา | ||
+ | นรชาติปราชญ์ละดังพรรณา | ||
+ | เพื่อสถาพรพิพัฒน์สวัสดี | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | ---- | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | '''โทษสุรา ๖ ประการ''' | ||
+ | <sub>กระแตไต่ไม้</sub> | ||
+ | ๏ โทษสุราพรรณาสุราโทษ | ||
+ | ศรีเฉลิมเพิ่มประโยชน์เฉลิมศรี | ||
+ | คดีธรรมเลิศล้ำธรรมคดี | ||
+ | นานมามีในบาฬีมีมานาน | ||
+ | สาสนูสัพพัญญูอนุสาสน์ | ||
+ | สารแก่นแท้แผ่โอวาทเปนแก่นสาร | ||
+ | ชาญปรีชานรชนปรีชาชาญ | ||
+ | แรงร้ายรู้มัชบานฤทธิ์ร้ายแรง | ||
+ | ฉพิธเภทภีตเหตุเภทฉพิธ | ||
+ | แจ้งประจักษ์ตระหนักจิตประจักษ์แจ้ง | ||
+ | แสดงความตามเมธีชึ้ความแสดง | ||
+ | โลกาแจงแจกไว้ในโลกา | ||
+ | (๑) คือสิ้นสูญทุนทรัพย์ยับสูญสิ้น | ||
+ | ค่าเสียซื้อเหล้ากินสิ้นเสียค่า | ||
+ | เวลาคุ้นเคยอาตม์ผิขาดเวลา | ||
+ | รทมใจไม่มีผาสุกใจรทม | ||
+ | (๒) หากลเหตุมุ่งร้ายหมายกลหา | ||
+ | ขรมเสียงเถียงท้าส่งเสียงขรม | ||
+ | ตะบมตีต่อยปะเตะต่อยตีตะบม | ||
+ | มัวเมามุดุรดมด้วยเมามัว | ||
+ | (๓) พยาธิ์ภัยสรรพไข้เกิดภัยพยาธิ์ | ||
+ | หัวหูสั่นหวั่นหวาดสั่นหูหัว | ||
+ | ตัวรูปบวมบ้างก็ซูบผิดรูปตัว | ||
+ | เมาน้ำกลืนกล้ำกลั้วมัวน้ำเมา | ||
+ | (๔) ร้ายยินบ่นดำเนียนเบียนยินร้าย | ||
+ | เฉาโฉดชั่วทั่วหญิงชายว่าโฉดเฉา | ||
+ | เบาสติริแต่ฟู้<sup>(๑)</sup>คนดูเบา | ||
+ | ยศศักดิ์เศร้าเสื่อมสลายวายศักดิ์ยศ | ||
+ | (๕) ขาดความอายเว้นกายสังวรขาด | ||
+ | หมดกลัวขลาดความนินทากล้าทำหมด | ||
+ | ลดเกรงบาปหยาบช้าไม่ลาลด | ||
+ | กรรมเพราะซดน้ำเหล้าเฝ้าก่อกรรม | ||
+ | (๖) เสื่อมกำลังทั้งปัญญาก็พาเสื่อม | ||
+ | ถลำเหลื่อมชอบผิดความคิดถลำ | ||
+ | ทำลายบุญหนุนบาปห่อนทราบธรรม | ||
+ | งงงมโง่โมหะซ้ำให้งำงง | ||
+ | |||
+ | โทษสุราหกประการบรรหารโทษ | ||
+ | หลงมาโนชก็ล่มด้วยแรงหลง | ||
+ | คงเสื่อมสิ้นสินทรัพย์ไม่กลับคง | ||
+ | อบายกรรมนำส่งตรงอบาย | ||
+ | |||
+ | บัณฑิตชนยลธรรมล้ำบัณฑิต | ||
+ | หมายจดจำคำภาสิตจิตจงหมาย | ||
+ | วายว่างเว้นเสพย์สุราทุกทิวาวาย | ||
+ | ดลความสุขทุกพายวายทุกข์ดล ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | <sup>(๑) “ฟู้” เปนคำแผลง เดิมหมายว่าความรู้สึกเหมือนอย่างกับวาโยธาตุเป่าออก มาทางปากแลจมูก ทำให้อารมณ์ไม่ปรกติ ภายหลังมาใช้หมายความแต่ว่าสติอารมณ์ไม่ปรกติ</sup> | ||
===พระโอวาทประทานทูลกระหม่อมพระองค์ชาย เมื่อจะเสด็จไปทรงศึกษาในยุโรป=== | ===พระโอวาทประทานทูลกระหม่อมพระองค์ชาย เมื่อจะเสด็จไปทรงศึกษาในยุโรป=== | ||
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๗ | เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๗ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ขอให้โอวาทแก่พ่อผู้เปนลูกยอดรักของแม่ ในสมัยที่พ่อจะจากแม่ไปยุโรป ดังนี้ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๑. การที่พ่อต้องไปเล่าเรียนถึงประเทศยุโรปนั้น ขอให้พึงเข้าใจว่า ทูลหม่อมท่านสู้เสียพระราชทรัพย์เปนอันมาก เพราะท่านทรงพระเมตตากรุณาแก่พ่อซึ่งนับว่าเปน ลูก เพื่อให้ได้รับวิชาความรู้อันสุขุมละเอียด อันจะเปนสเบียงเลี้ยงตัวไปในภายหน้า ขอให้พ่อตั้งใจอุสาหะเล่าเรียนให้สมดังพระราชประสงค์ อย่าให้ต้องเปนอันสูญเสียเปล่าแห่งพระราชทรัพย์ กลับมาจะได้รับราชการฉลองราชการฉลองพระเดชพระคุณเปนชื่อเปนหน้าแล เปนคุณเปนประโยชน์แก่ตัวสืบไป | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๒. ในเวลาตั้งแต่ได้ออกจากกรุงเทพฯ ไปจนถึงอยู่ในประเทศยุโรป ต้องรู้สึกว่าตัวอยู่ในที่อันมิใช่บ้านเกิดเมืองนอนของตัว แลห่างไกลจากฝ่าพระบาททูลหม่อม แลไกลจากผู้ที่เคยบำรุงรักษา พ่อจงอุตส่าห์ฝากตัวกลัวเกรงเสด็จอาว์ <sup>(๑)</sup> แลแสดงกิริยาอ่อนน้อม (มิใช่ถึงไหว้กราบ) ต่อพวกข้าราชการที่เขาเปนใหญ่ ที่สุดจนมองซิเออร์ยัคมิน <sup>(๒)</sup> ซึ่งเปนผู้กำกับไป เมื่อเขาจะว่ากล่าวตักเตือนประการใด ก็ต้องเชื่อฟังเขาตามสมควร อย่าทำให้เปนที่รังเกียจเกลียดชังแก่เขาทั้งหลายเหล่านั้นได้ เผื่อว่าจะมีทุกข์ขุกไข้หรือขัดข้องอย่างไร เขาจะได้ช่วยแนะนำแก้ไขให้โดยความกรุณา | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๓. ทูลหม่อมพระองค์โต <sup>(๓)</sup> นั้น พ่อย่อมทราบอยู่แล้วว่าท่านจะเปนอย่างไร พ่อจงนับถือรักใคร่ฝากตัวท่านให้จงมาก ในเวลานี้ก็ต้องเปนผู้ที่พลัดบ้านเมืองไปด้วยกัน มีทุกข์สุขประการใดก็ได้เห็นหน้ากันตามประสาพี่น้องดียิ่งกว่าผู้อื่น แม้ถ้าได้รักใคร่สนิธสนมกันเสียแต่ยังเล็กๆด้วยกันเช่นนี้แล้ว เมื่อต่อไปภายหน้าก็จะได้ไม่เปนที่รังกียจกินแหนง ซึ่งเปนหนทางอันตรายในตัวพ่อเมื่อเวลาที่โตขึ้นด้วยกันนั้นด้วย | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๔. เจ้านายพี่น้องทั้งปวงบันดาที่อยู่นอกด้วยกันนั้น พ่อต้องคิดว่าทุกๆองค์แต่ล้วนเปนลูกของทูลหม่อมเหมือนกันกับตัวพ่อทั้งนั้น พ่ออย่าแสดงกิริยาหรือกล่าววาจาอันเปนการหมิ่นประมาทต่อเธอโดยถือว่าสูงกว่าเธอ จงนบนอบเล่นหัวตามฉันพี่น้องที่เสมอกัน ถึงกับคนอื่นก็เหมือนกัน เมื่อเจ้านายเหล่านั้นเธอไว้วางตัวเธอเพียงชั้นใดสถานใด พ่อจงวางตัวให้เสมอกับเจ้านายเหล่านั้น จะได้ไม่เปนที่รังเกียจในเจ้านายพี่น้อง แลไม่กีดตาผู้ด้วย | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๕.สรรพหนังสือ แลวิชาทั้งปวงอันได้เรียนรู้แล้วนั้น ถ้าจะมีผู้ไล่เลียงไต่ถาม ก็จงแสดงแต่ที่แม่นยำชำนาญ อย่าอวดรู้ให้เกินกับภูมิความรู้ สิ่งใดข้อใดที่ยังไม่รู้หรือรู้แล้วแต่ไม่แม่นยำ ถึงแม้จะบอกว่ายังมิได้รู้ก็ไม่เปนที่เสียหายอันใด | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๖.ส่วนความรู้สึกในใจอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่สมควรจะแสดงกิริยาหรือกล่าววาจาให้คนทั้งหลายรู้ คือให้รู้สึกแต่ในใจของตัวว่าตัวเกิดมาในชาติตระกูลอันสูง จำเปนที่จะต้องรักษาตัวให้สมกับที่ตัวเปนผู้สูงชาติ จงตั้งหน้าเล่าเรียนให้เต็มกำลังแลสติปัญญาของตัว อย่าเพลิดเพลินในการเล่นสนุกให้เกินไป ให้ได้รู้จริงทุกอย่างทุกประการ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | พระบรมราโชวาทของทูลหม่อมแลถ้อยคำของแม่ที่ได้พรรณามาครั้งนี้ แลจะได้ว่าต่อไปนั้น พ่อจงหมั่นดำริห์ตริตรองแล้วแลประพฤติตามจงทุกประการ เมื่อพ่อเจริญขึ้นโดยลำดับแล้ว จะได้เปนที่พึ่งของแม่ในภายหน้า ในที่สุดโอวาทของแม่ฉบับนี้ แม่ขอบอกแก่พ่อผู้เปนลูกที่รักแลที่หวังความสุขของแม่ให้ทราบว่าตัวแม่นี้เปนมนุษย์ที่อาภัพ มักจะได้รับแต่ความทุกข์อยู่เปนเนืองนิจ แม่มิได้มีอันใดซึ่งจะเปนเครื่องเจริญตาเจริญใจอันจะดับทุกข์ได้ นอกจากลูก เมื่อเวลาที่พ่ออยู่กับแม่แต่เล็กๆมา ถึงหากว่าแม่จะมีความทุกข์มาสักเท่าใดๆ เมื่อแม่ได้เห็นหน้าลูกแล้วก็อาจจะรงับดับเสียได้ด้วยความรักแลความยินดีของแม่ในตัวลูก ก็ในเวลาซึ่งพ่อไปเล่าเรียนในประเทศยุโรปนี้ พ่อจงรู้เถิดว่า ข่าวความงามความดีของพ่อนั้นแลจะเปนเครื่องดับความทุกข์ของแม่ ถ้าพ่อรักแม่ก็จงสงสารแม่ อย่าทำให้เสียความรักของแม่ แลอย่าประพฤติชั่วนอกคำสั่งสอนของแม่ จงตั้งหน้าเล่าเรียนให้ได้รับความรู้โดยเร็ว จะได้กลับมาหาแม่โดยไม่นานปี | ||
+ | ---- | ||
+ | <sup> | ||
+ | (๑) คือสมเด็จกรมพระสวัสดิ์วัตนวิศิษฎ | ||
+ | |||
+ | (๒) เปนที่ปรึกษาราชการ ต่อมาได้เปนเจ้าพระยาอภัยราชา ครั้งนั้นทูลลากลับไปเยี่ยมบ้านเมือง จึงโปรดฯ ให้เปนผู้ดูแลทูลกระหม่อมแลนักเรียนไทยไปในเวลาเดิรทาง | ||
+ | |||
+ | (๓) คือพระบาทสมเด็จฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เวลานั้นเสด็จดำรงพระยศเปนสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ยังทรงศึกษาอยู่ในยุโรป | ||
+ | </sup> | ||
===พระนิพนธ์ที่สุด ลายพระหัตถ์ประทานพระพรในวันประสูติกรมพระยาดำราชานุภาพ=== | ===พระนิพนธ์ที่สุด ลายพระหัตถ์ประทานพระพรในวันประสูติกรมพระยาดำราชานุภาพ=== | ||
+ | วังบางขุนพรหม | ||
+ | |||
+ | วันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๐ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ทูลกรมพระดำรง | ||
+ | |||
+ | |||
+ | วันประสูติของเธอฉันรู้สึกว่าได้ผ่านพ้นไปโดยไม่ได้มาถวายพรด้วยตนเองถึงสองสามคราวมาแล้ว แต่เมื่อจวนจะถึงวันประสูติเข้าเมื่อใดก็เตรียมตัวเสมอที่จะได้มาถวายพรด้วยตนเองหรือด้วยหนังสือ แต่ปีนี้รู้สึกว่ายินดีมาก เพราะคิดว่าจะไม่มีชีวิตอยู่ทัน เมื่อมาถึงเข้าในวันนี้จึงขอถวายพร ตามที่สมองเปนนุ่นอยู่เท่าที่นึกได้ว่า | ||
+ | <tpoem> | ||
+ | โส อตฺถลทฺโธ สุขิโต วิรุฬฺโห พุทธฺสาสเน | ||
+ | อโรโค สุขิโต โหหิ สุโข ทีฆายุโก ภว | ||
+ | </tpoem> | ||
+ | สุขุมาล. | ||
== เชิงอรรถ == | == เชิงอรรถ == | ||
แถว 46: | แถว 727: | ||
สุขุมาลนิพนธ์ พระนิพนธ์กาพย์กลอนแลร้อยแก้วของ สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต โปรดให้พิมพ์เนื่องในการทรงบำเพ็ญพระกุศลสนองพระคุณสมเด็จพระชนนี เมื่อพระศพครบปัญญาสมวาร ณ วันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๗๐ โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร | สุขุมาลนิพนธ์ พระนิพนธ์กาพย์กลอนแลร้อยแก้วของ สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต โปรดให้พิมพ์เนื่องในการทรงบำเพ็ญพระกุศลสนองพระคุณสมเด็จพระชนนี เมื่อพระศพครบปัญญาสมวาร ณ วันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๗๐ โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร | ||
- | (ขอขอบคุณ | + | (ขอขอบคุณ คุณหญิง.มะ ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน) |
รุ่นปัจจุบันของ 07:58, 24 กุมภาพันธ์ 2553
ข้อมูลเบื้องต้น
พระนิพนธ์: สมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี
บทประพันธ์
โคลงดั้นสุภาสิตวชิรญาณ
ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๑
๏ คราวเข็ญจะเฝ้าแต่ | โศกศัลย์ | ||
โศกจะดับขุ่นเข็ญ | ห่อนได้ | ||
ยิ่งโศกยิ่งจักพลัน | รอญชีพ | ||
ควรปลดควรเปลื้องให้ | โศกคลาย ฯ | ||
๏ ละโศกเร่งตริรู้ | สึกเข็ญ ตนนา | ||
รู้เข็ดเข็ญคงวาย | ว่างบ้าง | ||
ทิ้งชั่วยึดที่เปน | ทางชอบ | ||
จึงจักเริศร้างพ้น | เหตุภัย ฯ | ||
โคลงสุภาสิต
เริ่มทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๑
คำอธิบาย
โคลงสุภาษิตนี้ทรงแต่งตามเค้าโครงสุภาสิตใหม่ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์กับเจ้านายที่บางปอิน เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๐ (ฉบับพิมพ์เรียกว่า “โคลงสุภาษิตใหม่” ) สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าฯ ทรงพระนิพนธ์โคลงสุภาสิตนี้ทรงกับเจ้านายผู้หญิงอีกหลายพระองค์ด้วยกัน คัดเอามาพิมพ์ในสมุดนี้แต่โคลงพระนิพนธ์ของสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า ฯ
๏ รักเรียนต้องกอปด้วย | วิริยะ | ||
รักยศควรอุสาหะ | กิจไท้ | ||
รักทรัพย์อย่าพึงสละ | ทรัพย์จ่าย เฝือนา | ||
รักชอบกอบกิจให้ | ถ่องแท้ยุติธรรม ฯ | ||
๏ รักตนประพฤติล้วน | สุจริต | ||
รักลูกเพียรดัดจิต | ลูกไว้ | ||
รักมิตรมากที่มิตร | รักตอบ | ||
รักบ่าวเมื่อคราวใช้ | ไป่ลี้หนีงาร ฯ | ||
๏ ชังพูดเปนเล่ห์เลี้ยว | หลอกหลอน | ||
ชังชาตินิรคุณบอน | บ่อนไส้ | ||
ชังโจรเที่ยวซอกซอน | ลักทรัพย์ ท่านนา | ||
ชังมากบอยากใกล้ | เผ่าพ้องอสัทธรรม ฯ | ||
๏ กล้าคิดเพราะเหตุด้วย | ใจมาน | ||
กล้าเชื่อเพื่อปฏิญาณ | สัตย์ไว้ | ||
กล้าพูดเพราะเชื่อชาญ | เชาวน์ว่อง | ||
กล้ารักชักกล้าให้ | สู่สู้ริปูแทน ฯ | ||
๏ อาญาไทธิราชเผ้า | แผ่นสยาม | |||
เกรงไป่มีโมงยาม | ว่างน้อ | |||
ภัยพิบัติมัจจุราชตาม | ฉกชีพ | |||
กลัวบ่เว้นทุ่มท้อ | จิตลี้หนีไฉน ฯ | |||
๏ กลัวบาปบส่อให้ | โทษถึง ท่านนา | |||
กลัวท่านผูกเวรตรึง | ติดติ้ว | |||
กลัวกรรมจักตามดึง | ตนสู้ อบายพ่อ | |||
กลัวชอบบุญหอบหิ้ว | อาตม์ขึ้นสุขภูมิ์ ฯ | |||
๏ เพียรประพฤติสุจริตอ้าง | อวยผล | ||
เพียรประพฤติยุติธรรมดล | ดับไร้ | ||
เพียรประพฤติกอปกุศล | บุญส่ง สุขนา | ||
เพียรประพฤติเมตตจิตได้ | ห่างพ้นคนชัง ฯ | ||
๏ เพียรประพฤติทุจริตร้อน | แรงไฟ นรกพ่อ | ||
เพียรประพฤติฉ้อฉกภัย | จักพ้อง | ||
เพียรประพฤติบาปบไกล | ทุกข์ถับ ถึงนา | ||
เพียรประพฤติเหี้ยมโหดต้อง | ตกข้างคนฉิน ฯ | ||
๏ หมั่นเขียนหมั่นอ่านอ้าง | อักษร | ||
เพียรแต่งโคลงลิลิตกลอน | ดอกสร้อย | ||
กลบทอีกบทละคอน | ฉันท์กาพย์ | ||
เพียรดั่งนี้ฤาคล้อย | คลาดผู้ชาญกวี ฯ | ||
๏ โกสัชชัดเชิดอ้าง | โทษา | ||
ฉัพพรรคอรรถกถา | กล่าวแจ้ง | ||
นรชาติปราศวิริยา | นฤสุข | ||
จักสฤษดิกิจใดแสร้ง | ผัดเพี้ยนผ่อนตน ฯ | ||
๏ หนาวหนักจักกอปเกื้อ | การใด ได้พ่อ | ||
บางผ่อนร้อนจัดใจ | จักหวิ้น | ||
บางคาบก็ขานไข | ยลย่ำ แล้วนา | ||
กอปกิจบควรสิ้น | รติแผ้วควรทำ ฯ | ||
๏ ยามพรุกพร่ำผัดเพี้ยน | ทำงน มากนา | ||
งายหน่อยจึงจักขวน | กิจไซร้ | ||
บางผ่อนอุทรรน | ร้อนภักษ์ ภุญช์พ่อ | ||
บางผัดอิ่มหนักให้ | หย่อนน้อยค่อยทำ ฯ | ||
๏ สันดานประกอบด้วย | โกสัช | ||
ผิสฤษดิ์กิจใดผัด | พรุ่งเพล้ | ||
เพี้ยนหนาวผัดร้อนจัด | อิ่มพร่อง อุทรนา | ||
กว่าจะเสร็จประสงค์เอ้ | อูดพ้นพันทวี ฯ | ||
๏ พุทธรัตน์ธรรมรัตน์ทั้ง | สงฆ์สรรพ์ พิสุทธิ์แฮ | ||
อีกชนกชนนีอัน | เกิดเกล้า | ||
สยามรัฐดิลกธรร | มิกแห่ง ตนฤา | ||
ควรซื่อสุจริตเช้า | ค่ำน้อมนมัสการ ฯ | ||
๏ โกงคิดทรยศผู้ | บำรุง ตนแฮ | ||
หมายลาภเปิดลับจุง | โทษให้ | ||
ความชั่วติดตัวนุง | เหนียวเหนอะ | ||
สบลาภก็พลันไร้ | เพื่อร้อนแรงกรรม ฯ | ||
๏ อาลัยลูกจักเมื้อ | ยุรเปียน ทวีปแฮ | ||
ใจคิดเปนนิจเวียน | วาบว้ำ | ||
อาลัยเพื่อเคยเสถียร | สถิตสุข เสมอนา | ||
ใจห่วงเหลือจักปล้ำ | ปลิดให้อาลัยสูญ ฯ | ||
๏ เบื่อโลกเห็นโลกล้วน | อนิจจัง | ||
เบื่อทุกข์ทุกวันประดัง | รุกเร้า | ||
เบื่อเคราะห์เบื่อกรรมฝัง | รกราก | ||
เบื่อหน่ายตายเกิดเฝ้า | รับท้นทุกข์ทวี ฯ | ||
๏ ราชภัยพิบัติแม้ | หลีกหนี | ||
อัคนิภัยพิบัติลี | ลาศแคล้ว | ||
โจรภัยพิบัติมี | หลบรอด โจรนา | ||
สามสิ่งโสมนัสแผ้ว | ผ่องชื้นกมลเปรม ฯ | ||
๏ ยินดีได้ลาภล้น | มูลมอง | ||
ยินลาภยศศักดิ์ปอง | ศักดิ์ได้ | ||
ยินดีอนี้ตรอง | ตรึกรงับ บ้างพ่อ | ||
ยินลาภนักมักให้ | ช่องให้ชนหยัน ฯ | ||
๏ กลางประชุมแม้ว่าต้อง | ถูกทัก | ||
โดยเท็จหรือจริงประจักษ์ | สุดพื้น | ||
เก่าเหลือที่จะหัก | ใจกลับ ใหม่แม่ | ||
โทมนัสขัดจิตตื้น | อกน้ำตาคลอ(๑) ฯ | ||
๏ คิดเห็นประโยชน์แล้ว | จึ่งทำ | ||
กลายกลับเปนผิดนำ | โทษพ้อง | ||
เสียใจที่ใจสำ | คัญผิด | ||
โทษอื่นบได้ต้อง | โทษแท้ตนเอง ฯ | ||
๏ ริษยาเกิดขึ้นเพราะด้วย | เสียจิต ก่อนนา | ||
เสียจิตเพาะริษยา | กอปสร้าง | ||
สองอย่างต่างประชันปิด | ประชันส่อ กันแฮ | ||
ปวงปราชญ์อาจมละล้าง | คู่ข้อมลายสูญ ฯ | ||
๏ พยาบาทนี่นี้ขาด | ทางธรรม นะพ่อ | ||
ผิเกิดไป่คนึงรำ | งับแล้ว | ||
ดังฤาจักดลสำ | ราญสุข พ่อเอย | ||
ไปปรโลกฤาจักแคล้ว | คลาดพ้นเวรจอง ฯ | ||
๏ ปราชญ์มองเห็นโทษแท้ | จึ่งประหาร ขาดนา | ||
เวรรงับดับเวรผลาญ | หมดเชื้อ | ||
อาฆาฏขาดจิตสราญ | รมย์ยิ่ง ยงแฮ | ||
เขษมสุขประจวบเมื้อ | สู่ยั้งนฤพาน ฯ | ||
๏ ประสงค์ศิลปศาสตรต้อง | เติมเพียร | ||
ประสงค์มั่งมีทรัพย์เรียน | เรื่องค้า | ||
ประสงค์ยศจุ่งหมั่นเวียน | เฝ้าบพิตร เสมอนา | ||
ประสงค์สุขหน่วงจิตคว้า | สัตย์ไว้นิจกาล ฯ | ||
๏ หยิ่งยศถือยศก้ำ | เกินคน | ||
หยิ่งศักดิ์หวังศักดิ์ตน | ใหญ่กว้าง | ||
หยิ่งทรัพย์ส่ายทรัพย์กล | ดั่งทรัพย์ จักรฤา | ||
สามหยิ่งจักพาค้าง | ขาดสิ้นนิจผล ฯ | ||
โคลงทรงตอบพระราชนิพนธ์ เมื่อสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงประชวร
ในระหว่าง พ.ศ. ๒๔๓๖ กับ พ.ศ. ๒๔๓๗
๏ เจ็บนานหนักอกผู้ | บริรักษ์ ปวงแฮ | ||
คิดใคร่ลาลาญทัก | ปลดเปลื้อง | ||
ความเหนื่อยแห่งสูจัก | พลันเสื่อม | ||
ตูจะสู่ภพเบื้อง | น่านั้นพลันเขษม | ||
๏ สรวมชีพข้าบาท | ภักดี | ||
พระราชเทวีทรง | สฤษดิ์ให้ | ||
สุขุมาลมารศรี | เสนอยศ นี้นา | ||
ขอกราบทูลท่านไท้ | ธิราชเจ้าจอมสยาม ฯ | ||
๏ ประชวรนานหนักอกข้า | ทั้งหลาย ยิ่งแล | ||
ทุกทิวาวันบวาย | คิดแก้ | ||
สิ่งใดซึ่งจักมลาย | พระโรค เร็วแฮ | ||
สุดยากเท่าใดแม้ | มาทม้วยควรแสวง ฯ | ||
๏ หนักแรงกายเจ็บเพี้ยง | เท่าใด ก็ดี | ||
ยังบหย่อนหฤทัย | สักน้อย | ||
แม้พระจะด่วนไกล | ข้าบาท ปวงแฮ | ||
อกจะพองหนองย้อย | ทั่วหน้าสนมนาง ฯ | ||
โคลงสุภาสิตเบ็ดเตล็ด
ความลอาย๏ มีอายอาจสกัดกั้น | กันทาง ชั่วแฮ | ||
จักประพฤติชั่วอายขวาง | ขัดไว้ | ||
ผู้มีหฤทัยจาง | จืดต่อ หิรินา | ||
จึงประพฤติความชั่วได้ | แน่แท้เทียวเธอ ฯ | ||
๏ อุด(๑)นานแรกออกนั้น | แสนอาย | ||
ลมล่อยพลอยจับกาย | รริกเริ้ม | ||
หน้ามือจักษุลาย | แลพร่าง | ||
เหงื่อหยดขาสั่นเทิ้ม | อุทัจด้วยคนดู ฯ | ||
๏ เพ็ญบูรณ์เกียรติยศทั้ง | บริวาร | ||
งามเลิศใดบปาน | เปรียบได้ | ||
เพ็ญทรัพย์อีกคำขาน | สัตย์ทุก เมื่อนา | ||
งามยิ่งงามแท้ให้ | ทั่วผู้สรรเสริญ ฯ | ||
๏ ผู้หาญราญเศิกสู้ | ไป่หนี | ||
หนึ่งเหล่าคณะเมธี | ทั่วหน้า | ||
อีกสงฆ์พิสุทธิ์ศี | ลวัตยิ่ง ยงเฮย | ||
หญิงซื่อสุจริตกล้า | สี่นี้ควรชม ฯ | ||
โคลงสุภาสิต ทรงถอดความจากวชิรญาณสุภาสิต
๏ บุญมากหากกอปเกื้อ | ปัญญา มากนา | |||
โดยป่วยก็พลันหาย | ห่างไข้ | |||
มากคนรักไปมา | เช้าค่ำ | |||
เคยเกลียดกลับรักได้ | เพราะบุญ ฯ | |||
๏ บุญต่ำนำชักให้ | หมดความ คิดนา | |||
กำเริบไข้แรงรุน | โรคร้าย | |||
มิตรญาติขาดรักยาม | บุญอับ | |||
พบปะก็คล้ายคล้าย | แขกเมิน ฯ | |||
๏ ความรู้มีมากล้น | เพียงใด ก็ดี | |||
แต่ขาดความเพียรใจ | เกียจคร้าน | |||
เฉกผู้มากทรัพย์ใน | เรือนฟุ่ม เฟือยนา | |||
ตระหนี่เก็บไว้แต่บ้าน | ห่างใช้ไฉนเติม ฯ | |||
๏ วิชาเดิมมีน้อยแต่ | มีเพียร มากฮา | |||
ยังบ่ทราบใดเรียน | มากไว้ | |||
ผู้น้อยทรัพย์ค่อยเบียน | ทรัพย์จ่าย เสมอนอ | |||
ทรัพย์จะเสริมเติมได้ | มากด้วยแรงเพียร ฯ | |||
โคลงสุภาสิตทรงแต่งเล่นกับเจ้านายผู้หญิง
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๓
๏ ความเพลินมีทั่วทั้ง | ฝ่ายดี ทรามเฮย | ||
สุดแต่ผู้เพลินมี | สติค้น | ||
เพลินชอบก็พลันทวี | ลาภยศ ปวงแฮ | ||
เพลินผิดก็ไป่พ้น | ภาคร้ายเร็วถึง ฯ | ||
๏ รูปต่ำซ้ำศิระงุ้ม | ปานปม เปรอะนา | ||
รสพลับแช่ฝาดขุย | เกาะลิ้น | ||
กลิ่นสาบมนุษย์ระดม | กลิ่นอุต พิษแฮ | ||
เสียงพูดปลอกปลิ้นปลี้ | เปล่าความ ฯ | ||
๏ งามโฉมแต่หยุดอ้า | อาตม์โฉม | ||
ฤาแต่งเกินพองาม | เงื่อนหน้า | ||
มารยาทลุกลนโครม | ครามเตะ ต่อยเฮย | ||
ปวงกล่าวทั้งนี้ข้า | สุดรำคาญ ฯ | ||
๏ ปรารถนาของมนุษย์นั้น | หมดไฉน ท่านเฮย | ||
แม้จักพรรณาไป | ไป่สิ้น | ||
แต่ผู้ว่องวุฒิไวย | รู้เลือก สรรแฮ | ||
ควรดับฤาควรดิ้น | โดดยั้งตามควร ฯ | ||
ร่ายประทานพระพรกรมพระดำรงในวันประสูติ
ทรงนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๒
๏ ขษณพระพุทธศก | ตกสองพันสี่ร้อย | ||
ห้อยเศษหกสิบสองปี | วีสะดิถีมิถุนายน | ||
ดลอภิลักขิตสมัย | ในพระเจ้าบรมวงศ์ | ||
กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | คาบพระชนม์คำณวน | ||
ประมวลกึ่งสตพรรษ | อีกเศษอัฐฉนำกาล | ||
มานพระหฤทัยจำนง | ประสงค์กอปกุศลอุทิศ | ||
เปนนิรามิสราชพลี | แด่ภูวบดีปิยมหาราช | ||
ทั้งพระบาทบรมอัยกา | ราชปิตุลาบวรอิศเรศ | ||
เหตุสมภาคมายุสม์ | ลุอำนวยทานสงฆ์ | ||
ปลงธนสารบำรุง | ผดุงสภากาชาดสยาม | ||
พยาบาลพระนามบัญญัติ | ข้อยมีมนัสปราโมทย์ | ||
มาโนชในพระกุศล | จึงนิพนธ์ถวายชัย | ||
ด้วยน้ำใจสุทธิ์สอาด | สรวมอำนาจพระรัตนตรัย | ||
อีกไทยเทพทรงมหิทธิศักดิ์ | ซึ่งพิทักษ์สยามณาเขต | ||
สรวมพระเดชนฤบดินทร์ | เจ้าสยามินทร์ห้าพระองค์ | ||
ทรงแผ่พระเดชานุภาพ | ปราบปวงอุปัทวภัย | ||
ไกลอุปสัคไกลโศก | นิราสโรคนิราสทุกข์ | ||
เนืองนิตย์ยุกต์สุขารมณ์ | อุดมพระปรีชาเชาวน์ | ||
เนาประมุขโบราณคดี | ทวีพระยศฦาเลื่อง | ||
เฟื่องกิตติคุณฦาเลวง | ล้ำยิ่งเพรงบันดาล | ||
พระชนมานยืนยง | ธำรงวังวรดิศ | ||
พิพิธสุขพิศาล | กอปศฤงคารไพบูลย์ | ||
วงศ์ประยูรพรั่งพร้อม | น้อมมนัธยาศัย | ||
ในพระเมตตาคุณ | การุญรักษ์ดิเรก | ||
เฉกโพธิพฤกษ์ฉายา | ร่มบริจาร์แลดนัย | ||
เหล่าข้าไทยทั้งผอง | ใดธปองจงประสบ | ||
ใดธปรารภจงสัมฤทธิ์ | สิทธิดังมโนหวัง | ||
ดังข้อยผู้ภคินี | อื้นวจีพจน์สุนทร | ||
อำนวยพระพรถวายฉนี้ | สรวมเทพช่วยชี้ | ||
ช่องให้คงเขษม | โสตถิ เทอญ ฯ | ||
โคลงตอบกรมพระดำรงฯ ถวายพระพรสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์ในวันประสูติ
ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๒
โคลงของกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
๏ ฝาตลับรูปไข่ถ้วย | ทูลถวาย | ||
เฉกเช่นไข่ขวัญหมาย | อรรถชี้ | ||
นิพนธ์พจนแทนบาย | ศรีปาก ชามแฮ | ||
สมโภชวันเฉลิมนี้ | เพิ่มพร้อมพรถวาย ฯ | ||
๏ สมเด็จพระพี่เจ้า | จอมสยาม | ||
จงโปร่งปราศพยาธิความ | ขุ่นไข้ | ||
เสวยสุขสวัสดิ์งาม | วรรณผ่อง เพ็ญเทอญ | ||
เจริญพละพระชนม์ให้ | ร่วมร้อยปีประมาณ ฯ | ||
โคลงทรงตอบแทนทูลกระหม่อมหญิง
๏ ไข่ถ้วยแทนไข่เข้า | เฉลิมขวัญ | ||
อีกพจนประพันธ์อวย | สวัสดิ์พร้อม | ||
ประทานลูกสมัยวัน | อุปัติศก นี้นา | ||
ลูกธมาโนชน้อม | นบน้อมขอบพระคุณ ฯ | ||
กาพย์ตอบกรมพระดำรงฯ ถวายพระพรสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์ในวันประสูติ
ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๓
กาพย์กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
๑๖ | |||
๏ สถิติสถานบ้านแป้งแหล่งตำบล | จวบกันยายน | ||
สิบสี่ประสบครบดิถี | |||
๏ เฉลิมชนม์พระเชฏฐภคินี | สมเด็จกษัตรี | ||
ศรีรัตนโกสินทร์สมร | |||
๏ อยู่ไกลใคร่จะถวายพร | จึงเพียรเขียนกลอน | ||
จำทูลถวายอย่างต่างตน | |||
๏ ลูกหลานว่านเครือหลายคน | ก็บอกยุบล | ||
ให้กราบบาทมูลทูลผสม | |||
๏ ร่วมใจปรีดาสารภิรมย์ | ยอกรบังคม | ||
ถวายพรพิพัฒน์สวัสดี | |||
๏ ให้ทรงสุขเกษมเปรมปรีดิ์ | ทุกทิวาราตรี | ||
อย่ารู้นิราสคลาดคลาย | |||
๏ ผ่องพระฉวีพรรณราย | ดุจเดือนเด่นฉาย | ||
มลทินพยาธิขาดสูญ | |||
๏ เจริญพละพระกำลังเพิ่มพูน | สมบุรณบริบูรณ | ||
ทุกสิ่งทรงมาทปรารถนา | |||
๏ ขอให้เจริญพระชันษา | ยั่งยืนวัฒนา | ||
การเกิดประโยชน์โพธิผล | |||
๏ ได้ทรงสมาทานการกุศล | ปรฏิบัติพระชน | ||
นีแลเลี้ยงเหล่าประยูร | |||
๏ อุปการ์ข้าไทเอาธูร | โอบเอื้อเกื้อกูล | ||
ตลอดจนเหล่าชาวประชา | |||
๏ จิรฐิติกาลนานช้า | เรือนร้อยพรรษา | ||
ให้สมดังสัจอธิฐาน ฯ | |||
ทรงตอบแทนทูลกระหม่อมหญิง
๑๖ | |||
๏ จวบวันอุบัติกาล | ณวารที่สิบสี่กันย์ | ||
ได้รับลายพระหัตถ์อัน | ไพเราะห์พจนพาที | ||
๏ ข้อยมีมนัสนึก | รฦกในพระอารี | ||
แก่ภาคินัยมี | ประจำมั่นนิรันดร | ||
๏ ขอโอนศิโรดม | บังคมรับบวรพร | ||
ด้วยกาพย์ลำเนากลอน | อันแต่งโดยพระมารดา | ||
๏ อนึ่งปวงประยูรวงศ์ | ทุกองค์ร่วมพระหัทยา | ||
แด่ปิตุลปิตา | อำนวยศุภมงคล | ||
๏ ขอเธอทั้งหลายจง | ธำรงสุขสถาผล | ||
โรคภัยอันใดดล | พลันบำราศประลาตไกล | ||
๏ สรวมพรชมัยพร | จงประสิทธิ์ทุกสิ่งไกษย | ||
อำนาจสัจวจีใจ | ประจวบปองสนองเสนอ ฯ | ||
โคลงแลกลอนสำหรับสอดในชักเปี๊ยะพร้อมกับแหวน
ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๔
คำอธิบาย
เมื่อปีระกา พ.ศ. ๒๔๖๔ สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า ฯ เจริญพระชันษาครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ ในงานฉลองพระชันษาได้ทรงเชิญเสด็จพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวกับพระบรมวงศ์ทั้งพระองค์ชายและพระองค์หญิงไปเสวยเวลาค่ำ ณ วังบางขุนพรหม เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคมเนื่องในของซึ่งแจกชำร่วยที่โต๊ะเสวยนั้น สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า ฯ ทรงพระดำริห์ให้สร้างพระธำมรงค์ลงยาสีตามวันประสูติของเจ้านายที่ประทับเสวยทุกพระองค์ แล้วทรงพระนิพนธ์กลอนต่างๆ ซึ่งพิมพ์ต่อไปนี้บทหนึ่ง สำหรับกำกับพระธำมรงค์วงหนึ่ง หมายจะซ่อนไว้ด้วยกันในห่อชักเปี๊ยะวางไว้ตรงที่ประทับทุกพระองค์ สำหรับจะได้ทรงชักเปี๊ยะได้ธำมรงค์แลทรงอ่านบทกลอนเปนของฉลากประกอบความรื่นเริง แต่ต่อมาเปลี่ยน กระแสพระดำริห์ งดบทกลอนเหล่านี้ มาได้พิมพ์ห่อพระธำมรงค์แจกไม่
๏ ประวิชวรรณประจำวาร | ประสูติท่านทุกองค์มา | ||
ประชุมเลี้ยงกระยาพา | หทัยเริงสราญรมย์ | ||
๏ ผิทรงจับฉลากได้ | มิตรงสีประสูติสม | ||
พระหัตถ์สอดมิชวนชม | นิยมใช้บมีดี | ||
๏ ประทานส่งพระวงศ์ใด | ประสบวรรณประสูติมี | ||
ประสงค์เสาะฉเพาะสี | ประสูติทรงจะส่งสวย | ||
๏ เจริญอายุวรรณ | สุขเพิ่มพลังรวย | ||
พระยศยิ่งภิยโยพวย | พพุ่งเกียรติกำจร ฯ | ||
๏ สียาในประวิชนี้ | สำหรับ วันแฮ | ||
ท่านอุบัติวันใดจับ | ฉลากได้ | ||
ไป่เหมาะจุ่งเปลี่ยนสับ | กันแหละ กันนา | ||
ให้สบวันท่านใช้ | สอดนิ้วในงาร ฯ | ||
๏ ประวิชน้อยห้อย ส.ม. | มีสีพอครบเจ็ดวัน | ||
ชักเปี๊ยะฉลากอัน | บรรจงห่อมาวางถวาย | ||
๏ แม้สีมิต้องวาร | ประสูติท่านจงขวนขวาย | ||
แลกเปลี่ยนอย่าดูดาย | ให้สีตรงจึงทรงงาม ฯ | ||
๏ ธำมรงค์วงน้อยในฉลาก | |||
มีสีมากเบ็จเสร็จครบเจ็ดสี | |||
ผิดสีวันประสูติใช้ไม่เข้าที | |||
ทรงเปลี่ยนกันสรรที่สีตรงวัน ฯ | |||
๏ ฉลากแหวนก้านพลูน้อย | สีต่างห้อยนามสุขุมาล | ||
เสร็จเสวยพระอาหาร | โปรดสรรทรงให้ตรงวัน ฯ | ||
๏ สีแหวนแผกมิพ้องวาร | อุบัติท่านจงแปรผัน | ||
เปลี่ยนผัดซึ่งกันแลกัน | คงได้เหมาะฉเพาะสี ฯ | ||
๏ ฉลากแหวนแทนขอบพระคุณเหลือ | |||
ที่ทรงเอื้อเสด็จมาเลี้ยงอาหาร | |||
สีน้ำยานี้ประสงค์ให้ตรงวาร | |||
ประสูติท่านทุกพระองค์ที่ทรงรับ | |||
แม้นสีไม่เหมาะส่งพระวงศ์แลก | |||
ถ้ายังแผกสีเวียนเที่ยวเปลี่ยนสับ | |||
คงสบเหมาะเพราะได้คิดพินิจนับ | |||
ได้ตรงกับวันพระวงศ์ทุกองค์ เอย ฯ | |||
๏ ธำมรงค์ที่ทรงจับฉลากได้ | |||
ถ้าสีไม่เหมาะวันพระชันษา | |||
โปรดส่งสับกับองค์ที่มีสียา | |||
ตามตำรานามวันฉนั้น เทอญฯ | |||
๏ ธำมรงค์ไร้มณีสียาต่าง | |||
ถ้วนเจ็ดอย่างตามวันพระชันษา | |||
สีไม่ถูกวันอุบัติขัดตำรา | |||
ทรงไปไหนขายหน้าท่าไม่ดี | |||
จงเปลี่ยนกันกับพระวงศ์ที่ทรงรับ | |||
คงจะจับได้วงที่ตรงสี | |||
สวมพระหัตถ์วัฒนสวัสดี | |||
ทุกเมื่อมีสุขเกษมเปรมกมล ฯ | |||
๏ สีแสงแดงโลหิต | คู่วันอาทิตย์พิศตาตรู | ||
สีด่อนจันทรหรู | สีชมพูคู่วันอังคาร | ||
๏ พุธเขียวพฤหัสเหลือง | ศุกร์เรืองน้ำเงินสอ้าน | ||
เสาร์ดำคล้ำสคราน | ถ้วนเจ็ดวารสีธำมรงค์ | ||
๏ ท่านได้ไม่ถูกวัน | เชิญเปลี่ยนกันตามประสงค์ | ||
เลือกสรรให้สีตรง | ทรงสวมหัตถ์เพิ่มสวัสดี ฯ | ||
๏ แหวนสีแดงท่านให้แต่งวันอาทิตย์ | |||
ฉลากผิดวันพระองค์จงหาใหม่ | |||
แลกเจ้าน้องหรือเจ้าพี่มีถมไป | |||
ได้สวมใส่นิ้วพระหัตถ์ชัดตำรา ฯ | |||
๏ พระจันทรจรกระจ่างในกลางหาว | |||
แหวนสกาวเทียบสีดีหนักหนา | |||
ถ้าไม่พ้องวันพระองค์จงทรงพา | |||
แหวนที่ได้ไปหาแลกมาทรง ฯ | |||
ประวิชสีที่ทรงจับฉลากได้ | |||
ถ้ามีไม่เหมาะวันพระชันษา | |||
จงเปลี่ยนสับกับท่านทุกองค์มา | |||
เสวยอาหารด้วยกันวันนี้ เทอญ ฯ | |||
๏ วันใดท่านสมภพ | สบสีใดในประวิชน้อย | ||
จุ่งท่านสรรสอดก้อย | เพื่อต้องตามวัน ท่านนา ฯ | ||
๏ ถ้าแหวนผิดวันพระองค์ทรงสมภพ | |||
จงปรารภแลกลองพี่น้องท่าน | |||
แม้ประสบพบสีที่ตรงวาร | |||
ขอประทานเปลี่ยนมาอย่าช้าที ฯ | |||
๏ ประวิชวงที่ทรงหัตถ์ | ถ้าสีซัดมิต้องวัน | ||
ใครเห็นจะเย้ยหยัน | จงแลกกันให้ตรงวาร ฯ | ||
๏ อังคารคู่ชมพูสีที่ประวิช | |||
ถ้าแม้ผิดวันพระองค์จงเปลี่ยนผลัด | |||
ให้ต้องสีเหมาะตรงไม่หลงพลัด | |||
สวมพระหัตถ์วัฒนสถาพร ฯ | |||
๏ ถ้าได้แหวนผิดวันจงหันเหียน | |||
เวียนถามตามพี่น้องท่าน | |||
คงสมใจได้สีที่ต้องการ | |||
ขอประทานเปลี่ยนวงสมทรงงาม ฯ | |||
๏ แหวนเอยแหวนลงยา | |||
สีสัปดาห์ครบวันท่านอุบัติ | |||
ดูจงดีอย่าให้สีมันจับพลัด | |||
ทรงสวมหัตถ์จะได้งามตามบุราณ ฯ | |||
๏ แหวนสีสัปดาหะ | กะถ้วนวันประสูติแล้ว | ||
ผิวท่านได้ฉลากแคล้ว | คลาดพ้องเชิญเปลี่ยน กันนา ฯ | ||
โคลงสุภาสิต
ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๗ และ ๒๔๖๘
๏ นฤบดีเสื่อมเพราะใช้ | มนตรี ชั่วแฮ | ||
เสื่อมพรตเพราะกลี | คลุกเคล้า | ||
ลูกเสื่อมเพราะปล่อยฟรี | ฟุ้งเฟิสต์ เคยแล | ||
พราห์มณเสื่อมเพราะค่ำเช้า | ครุ่นคร้านเรียนมนต์ ฯ | ||
๏ ลูกชั่วชักให้เสื่อม | สกุลตน | ||
ศีลเสื่อมเพราะปนพาล | เพาะมล้าง | ||
อายเสื่อมเพราะโม่ห์มนท์ | เมาดื่ม | ||
เพาะปลูกเสื่อมทรามร้าง | เพราะคร้านดูแล ฯ | ||
๏ เสื่อมสิเน่ห์เพราะเริศร้าง | แรมไกล | ||
เสื่อมมิตรเพราะเอื้อใน | มิตรน้อย | ||
เสื่อมทรัพย์เพราะรั่วไหล | จ่ายมาก | ||
เสื่อมสัจตนต่ำต้อย | เสื่อมผู้บูชา ฯ | ||
เพลงยาวกลบท
เพลงยาวกลบท
ปรารภ
ตะเข็บไต่ขอน | |||
๏ หทัยประสงค์ผจงลิขิตประดิษฐ์สนอง | |||
เสนอขนิษฐ์พินิจยุบลนุสนธิ์คนอง | |||
ขณสมองฟฟุ้งฟเฟื่องวิชากวี | |||
สถิตณเรือนเสมือนธุระบพะบพ้อง | |||
จะตฤกจะตรองก็คล่องอุราประสาประสี | |||
ผิบทลบองมิต้องระบอบระเบียบวิธี | |||
ก็หวังธมีพระทัยนุเคราะห์เฉพาะกรุณย์ | |||
ฤาเขินฤาขวางณทางอักษรแลกลอนสำผัส | |||
ก็คงจะตัดจะเติมประดับสนับสนุน | |||
ผสานผสมนุกรมลำนำช่วยค้ำช่วยจุน | |||
จะขอบพระคุณมิรู้จะเบื่อละเมื่อละคราว | |||
ณกลอนขบวรเชิงชวนสังวาสนิราสแลภ้อ | |||
จะเรียบจะเรียงมิเพียงมิพอจะกล้อจะกล่าว | |||
เพราะมิใช่นิสัยหทัยสัตรีมีเรื่องมีราว | |||
ข้างชู้ข้างสาวเสมือนนักเลงมิเกรงมิคร้าม | |||
คะโลงสุภาสิตานุสรไว้ก่อนไว้เก่า | |||
ลล้วนสำเนาสำนวนสุภาพมิหยาบมิหยาม | |||
มิเยาะมิแยงแสดงคติพึงตริพึงตาม | |||
จะต่ำจะทรามก็พอจะกลั้วรรัวราง ฯ | |||
โทษฉิบหาย ๖ ประการ | |||
โตเล่นหาง | |||
๏ ดำเนิรความตามทำนองปองลิขิต | |||
เปิดภาสิตวรรณพฤติยึดที่อ้าง | |||
ธิบายเหตุฉิบหายหกยกมาวาง | |||
ไว้เปนทางเดิรขบวรสำนวนกลอน | |||
(๑) สุราเมรยบานชาญฉกาจ | |||
ผรุสวาทพาลประทุษไม่หยุดหย่อน | |||
เส้นประสาทอาจพิกลทุรนร้อน | |||
ทรัพย์จะล่อนหมดตัวอย่ามัวมนท์ | |||
(๒) ลับไถงอย่าครรไลไถลเที่ยว | |||
ทางตรอกเปลี่ยวปลอดฉวางกลางถนน | |||
คนเดียวเดิรเมินประมาทขาดผู้คน | |||
ศัตรูพบหลบไม่พ้นภัยศัตรู | |||
(๓) สัมมัชชาก็อย่าทัศนานัก | |||
ไร้ประโยชน์โทษหนักข้างลักขู | |||
มหรศพสารพันแม้หมั่นดู | |||
มีเงินอู๋ก็คงเลี่ยนด้วยลายละเลิง | |||
(๔) การพนันทุกทุกพรรค์พลันพินาศ | |||
มาทสนุกขุกพลาดสิเลยเหลิง | |||
แรกเล่นนึกว่านิดหน่อยค่อยประเทิง | |||
เลยเปิดเปิงถึงจำนำระยำยับ | |||
(๕) อนึ่งอย่าปณิธานสมานจิต | |||
เสวนาลามกมิตรจิตสับปลับ | |||
ยามเรามีตีสนิธหวังปลิดทรัพย์ | |||
เราซวยกลับหลีกละสละเมิน | |||
(๖) จงคนึงถึงโทษจิตโหดคร้าน | |||
ธุระงารคฤหาอย่างห่างเหิน | |||
พึงสะสมธนไว้เจริญ | |||
มุ่งดำเนิรพิริยจรรยา | |||
เหตุพินาศอนุสาสนแสดงอรรถ | |||
ฉัพพิธจัดแจงประมวญล้วนโทษา | |||
นรชาติปราชญ์ละดังพรรณา | |||
เพื่อสถาพรพิพัฒน์สวัสดี | |||
โทษสุรา ๖ ประการ | |||
กระแตไต่ไม้ | |||
๏ โทษสุราพรรณาสุราโทษ | |||
ศรีเฉลิมเพิ่มประโยชน์เฉลิมศรี | |||
คดีธรรมเลิศล้ำธรรมคดี | |||
นานมามีในบาฬีมีมานาน | |||
สาสนูสัพพัญญูอนุสาสน์ | |||
สารแก่นแท้แผ่โอวาทเปนแก่นสาร | |||
ชาญปรีชานรชนปรีชาชาญ | |||
แรงร้ายรู้มัชบานฤทธิ์ร้ายแรง | |||
ฉพิธเภทภีตเหตุเภทฉพิธ | |||
แจ้งประจักษ์ตระหนักจิตประจักษ์แจ้ง | |||
แสดงความตามเมธีชึ้ความแสดง | |||
โลกาแจงแจกไว้ในโลกา | |||
(๑) คือสิ้นสูญทุนทรัพย์ยับสูญสิ้น | |||
ค่าเสียซื้อเหล้ากินสิ้นเสียค่า | |||
เวลาคุ้นเคยอาตม์ผิขาดเวลา | |||
รทมใจไม่มีผาสุกใจรทม | |||
(๒) หากลเหตุมุ่งร้ายหมายกลหา | |||
ขรมเสียงเถียงท้าส่งเสียงขรม | |||
ตะบมตีต่อยปะเตะต่อยตีตะบม | |||
มัวเมามุดุรดมด้วยเมามัว | |||
(๓) พยาธิ์ภัยสรรพไข้เกิดภัยพยาธิ์ | |||
หัวหูสั่นหวั่นหวาดสั่นหูหัว | |||
ตัวรูปบวมบ้างก็ซูบผิดรูปตัว | |||
เมาน้ำกลืนกล้ำกลั้วมัวน้ำเมา | |||
(๔) ร้ายยินบ่นดำเนียนเบียนยินร้าย | |||
เฉาโฉดชั่วทั่วหญิงชายว่าโฉดเฉา | |||
เบาสติริแต่ฟู้(๑)คนดูเบา | |||
ยศศักดิ์เศร้าเสื่อมสลายวายศักดิ์ยศ | |||
(๕) ขาดความอายเว้นกายสังวรขาด | |||
หมดกลัวขลาดความนินทากล้าทำหมด | |||
ลดเกรงบาปหยาบช้าไม่ลาลด | |||
กรรมเพราะซดน้ำเหล้าเฝ้าก่อกรรม | |||
(๖) เสื่อมกำลังทั้งปัญญาก็พาเสื่อม | |||
ถลำเหลื่อมชอบผิดความคิดถลำ | |||
ทำลายบุญหนุนบาปห่อนทราบธรรม | |||
งงงมโง่โมหะซ้ำให้งำงง | |||
โทษสุราหกประการบรรหารโทษ | |||
หลงมาโนชก็ล่มด้วยแรงหลง | |||
คงเสื่อมสิ้นสินทรัพย์ไม่กลับคง | |||
อบายกรรมนำส่งตรงอบาย | |||
บัณฑิตชนยลธรรมล้ำบัณฑิต | |||
หมายจดจำคำภาสิตจิตจงหมาย | |||
วายว่างเว้นเสพย์สุราทุกทิวาวาย | |||
ดลความสุขทุกพายวายทุกข์ดล ฯ | |||
(๑) “ฟู้” เปนคำแผลง เดิมหมายว่าความรู้สึกเหมือนอย่างกับวาโยธาตุเป่าออก มาทางปากแลจมูก ทำให้อารมณ์ไม่ปรกติ ภายหลังมาใช้หมายความแต่ว่าสติอารมณ์ไม่ปรกติ
พระโอวาทประทานทูลกระหม่อมพระองค์ชาย เมื่อจะเสด็จไปทรงศึกษาในยุโรป
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๗
ขอให้โอวาทแก่พ่อผู้เปนลูกยอดรักของแม่ ในสมัยที่พ่อจะจากแม่ไปยุโรป ดังนี้
๑. การที่พ่อต้องไปเล่าเรียนถึงประเทศยุโรปนั้น ขอให้พึงเข้าใจว่า ทูลหม่อมท่านสู้เสียพระราชทรัพย์เปนอันมาก เพราะท่านทรงพระเมตตากรุณาแก่พ่อซึ่งนับว่าเปน ลูก เพื่อให้ได้รับวิชาความรู้อันสุขุมละเอียด อันจะเปนสเบียงเลี้ยงตัวไปในภายหน้า ขอให้พ่อตั้งใจอุสาหะเล่าเรียนให้สมดังพระราชประสงค์ อย่าให้ต้องเปนอันสูญเสียเปล่าแห่งพระราชทรัพย์ กลับมาจะได้รับราชการฉลองราชการฉลองพระเดชพระคุณเปนชื่อเปนหน้าแล เปนคุณเปนประโยชน์แก่ตัวสืบไป
๒. ในเวลาตั้งแต่ได้ออกจากกรุงเทพฯ ไปจนถึงอยู่ในประเทศยุโรป ต้องรู้สึกว่าตัวอยู่ในที่อันมิใช่บ้านเกิดเมืองนอนของตัว แลห่างไกลจากฝ่าพระบาททูลหม่อม แลไกลจากผู้ที่เคยบำรุงรักษา พ่อจงอุตส่าห์ฝากตัวกลัวเกรงเสด็จอาว์ (๑) แลแสดงกิริยาอ่อนน้อม (มิใช่ถึงไหว้กราบ) ต่อพวกข้าราชการที่เขาเปนใหญ่ ที่สุดจนมองซิเออร์ยัคมิน (๒) ซึ่งเปนผู้กำกับไป เมื่อเขาจะว่ากล่าวตักเตือนประการใด ก็ต้องเชื่อฟังเขาตามสมควร อย่าทำให้เปนที่รังเกียจเกลียดชังแก่เขาทั้งหลายเหล่านั้นได้ เผื่อว่าจะมีทุกข์ขุกไข้หรือขัดข้องอย่างไร เขาจะได้ช่วยแนะนำแก้ไขให้โดยความกรุณา
๓. ทูลหม่อมพระองค์โต (๓) นั้น พ่อย่อมทราบอยู่แล้วว่าท่านจะเปนอย่างไร พ่อจงนับถือรักใคร่ฝากตัวท่านให้จงมาก ในเวลานี้ก็ต้องเปนผู้ที่พลัดบ้านเมืองไปด้วยกัน มีทุกข์สุขประการใดก็ได้เห็นหน้ากันตามประสาพี่น้องดียิ่งกว่าผู้อื่น แม้ถ้าได้รักใคร่สนิธสนมกันเสียแต่ยังเล็กๆด้วยกันเช่นนี้แล้ว เมื่อต่อไปภายหน้าก็จะได้ไม่เปนที่รังกียจกินแหนง ซึ่งเปนหนทางอันตรายในตัวพ่อเมื่อเวลาที่โตขึ้นด้วยกันนั้นด้วย
๔. เจ้านายพี่น้องทั้งปวงบันดาที่อยู่นอกด้วยกันนั้น พ่อต้องคิดว่าทุกๆองค์แต่ล้วนเปนลูกของทูลหม่อมเหมือนกันกับตัวพ่อทั้งนั้น พ่ออย่าแสดงกิริยาหรือกล่าววาจาอันเปนการหมิ่นประมาทต่อเธอโดยถือว่าสูงกว่าเธอ จงนบนอบเล่นหัวตามฉันพี่น้องที่เสมอกัน ถึงกับคนอื่นก็เหมือนกัน เมื่อเจ้านายเหล่านั้นเธอไว้วางตัวเธอเพียงชั้นใดสถานใด พ่อจงวางตัวให้เสมอกับเจ้านายเหล่านั้น จะได้ไม่เปนที่รังเกียจในเจ้านายพี่น้อง แลไม่กีดตาผู้ด้วย
๕.สรรพหนังสือ แลวิชาทั้งปวงอันได้เรียนรู้แล้วนั้น ถ้าจะมีผู้ไล่เลียงไต่ถาม ก็จงแสดงแต่ที่แม่นยำชำนาญ อย่าอวดรู้ให้เกินกับภูมิความรู้ สิ่งใดข้อใดที่ยังไม่รู้หรือรู้แล้วแต่ไม่แม่นยำ ถึงแม้จะบอกว่ายังมิได้รู้ก็ไม่เปนที่เสียหายอันใด
๖.ส่วนความรู้สึกในใจอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่สมควรจะแสดงกิริยาหรือกล่าววาจาให้คนทั้งหลายรู้ คือให้รู้สึกแต่ในใจของตัวว่าตัวเกิดมาในชาติตระกูลอันสูง จำเปนที่จะต้องรักษาตัวให้สมกับที่ตัวเปนผู้สูงชาติ จงตั้งหน้าเล่าเรียนให้เต็มกำลังแลสติปัญญาของตัว อย่าเพลิดเพลินในการเล่นสนุกให้เกินไป ให้ได้รู้จริงทุกอย่างทุกประการ
พระบรมราโชวาทของทูลหม่อมแลถ้อยคำของแม่ที่ได้พรรณามาครั้งนี้ แลจะได้ว่าต่อไปนั้น พ่อจงหมั่นดำริห์ตริตรองแล้วแลประพฤติตามจงทุกประการ เมื่อพ่อเจริญขึ้นโดยลำดับแล้ว จะได้เปนที่พึ่งของแม่ในภายหน้า ในที่สุดโอวาทของแม่ฉบับนี้ แม่ขอบอกแก่พ่อผู้เปนลูกที่รักแลที่หวังความสุขของแม่ให้ทราบว่าตัวแม่นี้เปนมนุษย์ที่อาภัพ มักจะได้รับแต่ความทุกข์อยู่เปนเนืองนิจ แม่มิได้มีอันใดซึ่งจะเปนเครื่องเจริญตาเจริญใจอันจะดับทุกข์ได้ นอกจากลูก เมื่อเวลาที่พ่ออยู่กับแม่แต่เล็กๆมา ถึงหากว่าแม่จะมีความทุกข์มาสักเท่าใดๆ เมื่อแม่ได้เห็นหน้าลูกแล้วก็อาจจะรงับดับเสียได้ด้วยความรักแลความยินดีของแม่ในตัวลูก ก็ในเวลาซึ่งพ่อไปเล่าเรียนในประเทศยุโรปนี้ พ่อจงรู้เถิดว่า ข่าวความงามความดีของพ่อนั้นแลจะเปนเครื่องดับความทุกข์ของแม่ ถ้าพ่อรักแม่ก็จงสงสารแม่ อย่าทำให้เสียความรักของแม่ แลอย่าประพฤติชั่วนอกคำสั่งสอนของแม่ จงตั้งหน้าเล่าเรียนให้ได้รับความรู้โดยเร็ว จะได้กลับมาหาแม่โดยไม่นานปี
(๑) คือสมเด็จกรมพระสวัสดิ์วัตนวิศิษฎ
(๒) เปนที่ปรึกษาราชการ ต่อมาได้เปนเจ้าพระยาอภัยราชา ครั้งนั้นทูลลากลับไปเยี่ยมบ้านเมือง จึงโปรดฯ ให้เปนผู้ดูแลทูลกระหม่อมแลนักเรียนไทยไปในเวลาเดิรทาง
(๓) คือพระบาทสมเด็จฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เวลานั้นเสด็จดำรงพระยศเปนสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ยังทรงศึกษาอยู่ในยุโรป
พระนิพนธ์ที่สุด ลายพระหัตถ์ประทานพระพรในวันประสูติกรมพระยาดำราชานุภาพ
วังบางขุนพรหม
วันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๐
ทูลกรมพระดำรง
วันประสูติของเธอฉันรู้สึกว่าได้ผ่านพ้นไปโดยไม่ได้มาถวายพรด้วยตนเองถึงสองสามคราวมาแล้ว แต่เมื่อจวนจะถึงวันประสูติเข้าเมื่อใดก็เตรียมตัวเสมอที่จะได้มาถวายพรด้วยตนเองหรือด้วยหนังสือ แต่ปีนี้รู้สึกว่ายินดีมาก เพราะคิดว่าจะไม่มีชีวิตอยู่ทัน เมื่อมาถึงเข้าในวันนี้จึงขอถวายพร ตามที่สมองเปนนุ่นอยู่เท่าที่นึกได้ว่า
โส อตฺถลทฺโธ สุขิโต | วิรุฬฺโห พุทธฺสาสเน | ||
อโรโค สุขิโต โหหิ | สุโข ทีฆายุโก ภว | ||
สุขุมาล.
เชิงอรรถ
ที่มา
สุขุมาลนิพนธ์ พระนิพนธ์กาพย์กลอนแลร้อยแก้วของ สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต โปรดให้พิมพ์เนื่องในการทรงบำเพ็ญพระกุศลสนองพระคุณสมเด็จพระชนนี เมื่อพระศพครบปัญญาสมวาร ณ วันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๗๐ โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร
(ขอขอบคุณ คุณหญิง.มะ ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน)