บทละครเรื่à¸à¸‡à¸à¸´à¹€à¸«à¸™à¸² พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
												
			
		 (→)  | 
		 (→ที่มา)  | 
		||
| (การแก้ไข 11 รุ่นระหว่างรุ่นที่เปรียบเทียบไม่แสดงผล) | |||
| แถว 3,391: | แถว 3,391: | ||
.  | .  | ||
</tpoem>  | </tpoem>  | ||
| + | ===ศึกกะหมังกุหนิง===  | ||
| + | <tpoem>  | ||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี  | ||
| + | เสด็จเหนือแท่นรัตน์มณี   ภูมีเห็นสองอนุชา  | ||
| + | จึ่งตรัสเรียกให้นั่งร่วมอาสน์   สำราญราชฤทัยหรรษา  | ||
| + | แล้วปราไสระตูบรรดามา   ยังปรีดาผาสุกหรือทุกข์ภัย  | ||
| + | ซึ่งเราให้หามาทั้งนี้   จะไปตีดาหากรุงใหญ่  | ||
| + | ระตูทุกนครอย่านอนใจ   ช่วยเราชิงชัยให้ทันการ  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   เหล่าระตูปรีดิ์เปรมเกษมสานต์  | ||
| + | จึงสนองมธุรสพจมาน   พระมีการสงครามแต่ละครั้ง  | ||
| + | จะตั้งหน้าอาสาออกชิงชัย   มิได้ย่อท้อถอยหลัง  | ||
| + | สู้ตายไม่เสียดายแก่ชีวัง   กว่าจะสิ้นกำลังของข้านี้  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี  | ||
| + | ฟังระตูตอบชอบที   สมถวิลยินดีปรีดา  | ||
| + | จึงตรัสว่าท่านมาเหนื่อยนัก   จงไปพักพลขันธ์ให้หรรษา  | ||
| + | ตรัสพลางทางชวนอนุชา   เข้ามหาปราสาทรูจี  | ||
| + | |||
| + | ๏ ลดองค์ลงนั่งบนแท่นทอง   กับด้วยพระน้องทั้งสองศรี  | ||
| + | จึงตรัสเล่าความตามคดี   จนใช้เสนีถือสารไป  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   สองกษัตริย์ฟังแจ้งแถลงไข  | ||
| + | จึงทูลขัดทัดทานทันใด   เป็นไฉนผ่านเกล้ามาเบาความ  | ||
| + | อันสุริย์วงศ์เทวันอสัญหยา   เรืองเดขเดชาชาญสนาม  | ||
| + | ทั้งโยธีก็ชำนาญการสงคราม   ลือนามในชะวาระอาฤทธิ์  | ||
| + | กรุงกษัตริย์ขอขึ้นก็นับร้อย   เราเป็นเมืองน้อยกะจิหริด  | ||
| + | ดังหิ่งห้อยจะแข่งแสงอาทิตย์   เห็นผิดระบอบโบราณมา  | ||
| + | ใช่จะไร้ธิดาทุกธานี   มีงามแต่บุตรีท้าวดาหา  | ||
| + | พระองค์จงควรตรึกตรา   ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์จะร้อนนัก  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงมีศักดิ์  | ||
| + | จึงบ่ายเบี่ยงเลี่ยงตอบพระน้องรัก   ใช่จะหักหาญวงศ์เทวัน  | ||
| + | ด้วยบัดนี้บุตรีดาหา   จรกาให้มาตุนาหงัน  | ||
| + | เราจะยกพลไกรไปโรมรัน   ช่วงชิงนางนั้นกับจรกา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   สองระตูทูลตอบพระเชษฐา  | ||
| + | เมื่อนางยังอยู่กับบิดา   ที่ในดาหากรุงไกร  | ||
| + | แม้เกิดการสงครามช่วงชิง   ท้าวดาหาหรือจะนิ่งดูได้  | ||
| + | จะบอกความไปสามเวียงชัย   กรีธาทัพใหญ่มามากมาย  | ||
| + | ก็จะเป็นศึกกระหนาบหน้าหลัง   เหลือกำลังโยธาทั้งหลาย  | ||
| + | ถ้าเสียทีเพลี่ยงพล้ำสิซ้ำร้าย   จะอัประยศอดอายแก่จรกา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงนาถา  | ||
| + | จึงตรัสตอบสองพระน้องยา   ซึ่งว่านี้เจ้าไม่เข้าใจ  | ||
| + | อันระเด่นมนตรีกุเรปัน   ก็ขัดข้องเคืองกันเป็นข้อใหญ่  | ||
| + | ไปอยู่เมืองหมันหยากว่าปีไป   ที่ไหนจะยกพลมา  | ||
| + | แต่กาหลังสิงหัดส่าหรี   จะกลัวดีเป็นกระไรหนักหนา  | ||
| + | ฝ่ายเราเล่าก็สามพารา   เป็นใหญ่ในชะวาแว่นแคว้น  | ||
| + | ถึงทัพจรกาล่าสำนั้น   พี่ไม่พรั่นให้มาสักสิบแสน  | ||
| + | จะหักโหมโจมตีให้แตกแตน   พักเดียวก็จะแล่นเข้าป่าไป  | ||
| + | เจ้าอย่าย่อท้าไม่พอที่   แต่เพียงนี้ไม่พรั่นหวั่นไหว  | ||
| + | เอ็นดูนัดดาโศกาลัย   ว่ามิได้อรทัยจะมรณา  | ||
| + | แม้นวิหยาสะกำมอดม้วย   พี่จะตายด้วยโอรสา  | ||
| + | ไหน ๆ คงจะวายชีวา   ถึงเร็วถึงช้าก็เหมือนกัน  | ||
| + | ผิดก็ทำสงครามดูตามที   เคราะห์ดีก็จะได้ดังใฝ่ฝัน  | ||
| + | พี่ดังพฤกษาพนาวัน   จะอาสัญเพราะลูกเหมือนกล่าวมา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   สองกษัตริย์ฟังตรัสพระเชษฐา  | ||
| + | จะเซ้าซี้ก็จะขัดพระอัชฌา   ต่างก้มพักตราไม่พาที  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี  | ||
| + | ชวนสองอนุชาธิบดี   เข้าสู่ที่บรรทมสำราญ  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ฝ่ายทูตจำทูลราชสาร  | ||
| + | เดินทางอรัญกันดาร   รีบมาประมาณสิบห้าวัน  | ||
| + | ครั้นถึงด่านดาหาธานี   ก็หยุดยั้งโยธีอยู่ที่นั่น  | ||
| + | จึงบอกแก่ขุนด่านด้วยพลัน   ตามบัญชาใช้ให้มา  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ขุนด่านซึ่งพิทักษ์รักษา  | ||
| + | ถามไถ่ไม่แคลงกิจจา   ก็ขึ้นม้าควบขับเข้าธานี  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงศาลาลูกขุนใน   จึงกราบไหว้เสนาทั้งสี่  | ||
| + | แล้วเรียนเรื่องความตามมี   ถ้วนถี่แถลงให้แจ้งใจ  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ทั้งสี่เสนีผู้ใหญ่  | ||
| + | ได้ฟังกิจจาก็คลาไคล   เข้าไปยังท้องพระโรงคัล  | ||
| + | ก้มเกล้าประณตบทบงสุ์   พระวงศ์เทวากระยาหงัน  | ||
| + | ทูลว่าท้าวกะหมังกุหนิงนั้น   แต่งเครื่องสุวรรณบรรณาการ  | ||
| + | ให้ทูตถือมาถึงธานี   บัดนี้ยังหยุดอยู่ปลายด่าน  | ||
| + | จะขอเข้ามาเฝ้าบทมาลย์   พระผู้ผ่านเขตต์ขัณฑ์ศวรรยา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระองค์ทรงพิภพดาหา  | ||
| + | จึงตรัสสั่งดะหมังเสนา   เร่งไปรับเข้ามาบัดนี้  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ดะหมังรับสั่งใส่เกศี  | ||
| + | ก้มเกล้ากราบงามสามที   มากะเกณฑ์ตามมีพจมาน  | ||
| + | จัดเครื่องแห่แหนต่าง ๆ   ตามอย่างเคยรับราชสาร  | ||
| + | ครั้นเสร็จพร้อมกันมิทันนาน   ให้เจ้าพนักงานรีบไป  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   เสนีนายร้อยน้อยใหญ่  | ||
| + | นำกระบวนโยธาคลาไคล   ออกจากเวียงชัยฉับพลัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงจึงแจ้งกิจจา   แก่ทูตานุทูตคนขยัน  | ||
| + | แล้วคำนับรับราชสารพลัน   แห่แหนแน่นนันต์เข้าธานี  | ||
| + | |||
| + | ๏ พาไปสู่ศาลาที่อาศัย   ทั้งนายไพร่เป็นสุขเกษมศรี  | ||
| + | จ่ายเสบียงเลี้ยงเหล่าโยธี   มิให้มีเดือดร้อนวิญญาณ์  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ตำมะหงงดะหมังยาสา  | ||
| + | ครั้นถึงวันแขกเมืองจะเข้ามา   ก็ตรวจตราตามเคยเหมือนทุกครั้ง  | ||
| + | ให้ผูกเครื่องม้าช้างนางพระยา   เอาพานทางรองหญ้าเข้ามาตั้ง  | ||
| + | บรรดาโรงปืนใหญ่ที่ในวัง   เกณฑ์ฝรั่งอยู่ประจำรายไป  | ||
| + | เหล่านั่งกลาบาตนั้นจัดแจง   เอาเสื้อแดงหมวกแดงมาให้ใส่  | ||
| + | ราชวัติรายคั่นกันไว้   พนักงานของใครก็ตรวจดู  | ||
| + | บ้างตกแต่งปราสาทราชฐาน   เพดานระย้าย้อยห้อยพู่  | ||
| + | พรมเจียมสะอาดลาดปู   แท่นที่ตั้งอยู่ท่ามกลาง  | ||
| + | เครื่องอานพานพระศรีและพระแสง   จัดแจงแต่งตั้งตามยศอย่าง  | ||
| + | ผูกม่านสุวรรณกั้นกาง   พวกขุนนางนั่งเฝ้าเป็นเหล่ามา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระองค์ทรงพิภพดาหา  | ||
| + | ครั้นสุริย์ฉายบ่ายสามนาฬิกา   ก็โสรจสรงคงคาอ่าองค์  | ||
| + | ทรงเครื่องประดับสรรพเสร็จ   แล้วเสด็จย่างเยื้องยุรหงส์  | ||
| + | ออกจากพระโรงคัลบรรจง   นั่งลงบนบัลลังก์รูจี  | ||
| + | ยาสาบังคมบรมนาถ   เบิกทูตถือราชสารศรี  | ||
| + | จึงดำรัสตรัสสั่งไปทันที   ให้เสนีนำแขกเมืองมา  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   อำมาตย์รับสั่งใส่เกศา  | ||
| + | ออกไปพาสองทูตา   เข้ามาประณตบทมาลย์  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   เสนีผู้ใหญ่ฝ่ายทหาร  | ||
| + | จึงให้อาลักษณ์พนักงาน   รับราชสารมาอ่านพลัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ ในสารพระผู้ผ่านนคเรศ   กะหมังกุหนิงนิเวศน์เขตต์ขัณฑ์  | ||
| + | ขอถวายประณมบังคมคัล   พระผู้วงศ์เทวันอันศักดา  | ||
| + | ไม่ควรเคืองเบื้องบาทบทศรี   ด้วยข้าน้อยนี้มีโอรสา  | ||
| + | เดิมไปไล่ล้อมมฤคา   ได้รูปพระธิดาในกลางไพร  | ||
| + | ชะรอยเป็นบุพเพนิวาสา   เทวาอารักษ์มาชักให้  | ||
| + | ความแสนเวทนาอาลัย   แต่หลงใหลใฝ่ฝันรันทด  | ||
| + | หวังเป็นเกือกทองรองบาทา   พระผู้วงศ์เทวาอันปรากฏ  | ||
| + | จะขอพระบุตรีมียศ   ให้โอรสข้าน้อยดังจินดา  | ||
| + | อันกรุงไกรไอศูรย์ทั้งสอง   จะเป็นทองแผ่นเดียวไปวันหน้า  | ||
| + | ขอพำนักพักพึ่งพระเดชา   ไปกว่าชีวันจะบรรลัย  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   องค์ศรีปัตหราเป็นใหญ่  | ||
| + | ฟังสารทราบอัตถ์แล้วตรัสไป   แก่เสนาในทั้งสองนั้น  | ||
| + | อันอะนะบุษบาบังอร   ครั้งก่อนจรกาตุนาหงัน  | ||
| + | ได้ปลดปลงลงใจให้ปัน   นัดกันจะแต่งการวิวาห์  | ||
| + | ซึ่งจะรับของสู่ระตูนี้   เห็นผิดประเพณีหนักหนา  | ||
| + | ฝูงคนทั้งแผ่นดินจะนินทา   สิ่งของที่เอามาจงคืนไป  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ทูตานุทูตแถลงไข  | ||
| + | ท้าวกะหมังกุหนิงภูวไนย   สั่งให้ข้าทูลพระภูมี  | ||
| + | ถ้าแม้มิยินยอมอนุญาต   ให้พระราชธิดามารศรี  | ||
| + | เร่งระวังพระองค์ให้จงดี   ตกแต่งบุรีให้มั่นคง  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระผู้ผ่านไอศูรย์สูงส่ง  | ||
| + | ปกาสิตสีหนาทอาจอง   จะทำการณรงค์ก็ตามใจ  | ||
| + | ตรัสพลางย่งเยื้องยุรยาตร   จากอาสน์แท่นทองผ่องใส  | ||
| + | พนักงานปิดม่านทันใด   เสด็จขึ้นข้างในฉับพลัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ทูตานุทูตก็ผายผัน  | ||
| + | ออกจากพาราดาหานั้น   พากันกลับไปมิได้ช้า  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระสุริย์วงศ์องค์ศรีปัตหรา  | ||
| + | เผยสีหบัญชรแล้วบัญชา   ตรัสสั่งเสนาธิบดี  | ||
| + | จงเร่งไปทูลเหตุพระเชษฐา   อีกองค์อนุชาทั้งสองศรี  | ||
| + | บอกระตูจรกาอย่าช้าที   ว่าไพรีจะยกมาชิงชัย  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   เสนีสี่นายบังคมไหว้  | ||
| + | มาขึ้นม้าเร็วรีบไป   ออกจากกรุงไกรพร้อมกัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงสิงหัดส่าหรี   ก็ลงจากพาชีขมีขมัน  | ||
| + | ให้ยาสาพาเข้าไปเฝ้าพลัน   บังคมคัลทูลแจ้งกิจจา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวสิงหัดส่าหรีนาถา  | ||
| + | ครั้นทราบดังนั้นจึงบัญชา   เสนาเร่งกลับไปฉับไว  | ||
| + | ทูลพระเชษฐาสุริย์วงศ์   อย่าให้ทรงพระวิตกหมกไหม้  | ||
| + | เราจะให้สุหรานากงไป   ช่วยพระชิงชัยด้วยไพรี  | ||
| + | ๏ บัดนั้น   เสนาประณตบทศรี  | ||
| + | บังคมลามาขึ้นพาชี   รีบไปบุรีไม่หยุดยั้ง  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ฝ่ายอำมาตย์ที่มากาหลัง  | ||
| + | ครั้นถึงนคเรศนิเวศน์วัง   ก็ไปยังพระโรงรัตน์ชัชวาล  | ||
| + | จึงบังคมก้มเกล้าเคารพ   พระองค์ทรงพิภพราชฐาน  | ||
| + | ทูลแถลงแจ้งเหตุทุกประการ   ให้ทราบบทมาลย์พระผ่านฟ้า  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกาหลังฟังแจ้งไม่กังขา  | ||
| + | จึงมีพจนาตถ์ประภาษมา   พระเชษฐาทำผิดจะโทษใคร  | ||
| + | เอาอะนะไปยกให้ระตู   ศัตรูจึงประมาทหมิ่นได้  | ||
| + | แล้วสั่งตำมะหงงเสนาใน   เร่งตรวจเตรียมทัพชัยอย่าช้าที  | ||
| + | ท่านเป็นแม่ทัพกับดะหมัง   ยกไปยังดาหากรุงศรี  | ||
| + | สั่งเสร็จเสด็จจรลี   เข้าปราสาทมณีพรายพรรณ  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ฝ่ายเสนาม้าใช้คนขยัน  | ||
| + | รีบมาถึงกรุงกุเรปัน   จึงแจ้งความทั้งนั้นแก่เสนา  | ||
| + | แล้วพากันคลาไคลเข้าไปเฝ้า   ก้มเกล้าบังคมเหนือเกศา  | ||
| + | กราบทูลคดีซึ่งมีมา   ให้ทราบบาทาทุกประการ  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระปิ่นภพกุเรปันราชฐาน  | ||
| + | แจ้งว่าไพรีมารอนราญ   พระจึงให้แต่งสารหนังสือลับ  | ||
| + | ครั้นเสร็จสั่งสองเสนา   จงถือไปหมันหยาสองฉบับ  | ||
| + | ใบหนึ่งนั้นเร่งกองทัพ   กำชับอิเหนาให้ยกมา  | ||
| + | ใบหนึ่งให้แก่ระตู   ท้าวผู้ผ่านเมืองหมันหยา  | ||
| + | จงรีบไปให้ถึงพารา   แต่ในสิบห้าราตรี  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ดะหมังรับสั่งใส่เกศี  | ||
| + | จึงนำสาราจรลี   มาจากที่พระโรงชัยฉับพลัน  | ||
| + | เรียกหาบ่าวไพร่ได้พร้อมหน้า   ดะหมังขึ้นขี่ม้าผายผัน  | ||
| + | ออกจากนคเรศกุเรปัน   พากันเร่งรีบคลาไคล  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   องค์ท้ากุเรปันเป็นใหญ่  | ||
| + | ครั้นดะหมังเสนาทูลลาไป   พระตรึกไตรในคดีด้วยปรีชา  | ||
| + | แล้วตรัสแก่กะหรัดติปาตี   อันสงคามครั้งนี้เห็นหนักหนา  | ||
| + | จะเปลี่ยวเปล่าเศร้าใจอนุชา   ไม่มีที่ปรึกษาหารือใคร  | ||
| + | เจ้าจงยกพลขันธ์ไปบรรจบ   สมทบทัพอิเหนาให้จงได้  | ||
| + | ชวนกันยกรีบเร็วไป   อย่าให้ทันปัจจามิตรติดพารา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   กะหรัดติปาตีโอรสา  | ||
| + | ก้มเกล้าทูลสนองพระบัญชา   จะถวายบังคมลาพรุ่งนี้  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระปิ่นภพกุเรปันกรุงศรี  | ||
| + | ฟังโอรสาพาที   จึงตรัสสั่งเสนีทันใด  | ||
| + | จงเร่งเกณฑ์พวกพลรณยุทธ   ให้สรรพด้วยอาวุธน้อยใหญ่  | ||
| + | กำหนดกันให้ทันยกไป   แต่ในย่ำรุ่งสุริยา  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ปาเตะรับสั่งใส่เกศา  | ||
| + | รีบออกไปยังศาลา   ให้หาพ้นพุฒพันพรหม  | ||
| + | |||
| + | ๏ เร่งรัดขุนหมื่นสัสดี   ทำบัญชีหางว่าวเหล่าเลขสม  | ||
| + | เกณฑ์ทหารพลเรืองเตือนระดม   มาพร้อมกันทุกกรมมากมาย  | ||
| + | ขุนนางเจ้าตำแหน่งแสงนอก   เอาดาบหอกปืนผามาจ่าย  | ||
| + | หมวกเสื้อสำหรับรบครบไพร่นาย   แจกจำหน่ายลูกดินศิลา  | ||
| + | ผู้กำกับนับอ่านประมาณคน   ได้สิบหมื่นพื้นพลอาสา  | ||
| + | ตั้งกองท้องสนามตามตำรา   เตรียมรถคชาพาชี  | ||
| + | ให้ผูกสินธพที่นั่งทรง   พร้อมขนัดจัตุรงค์อึงมี่  | ||
| + | ที่บ่าวไพร่ใครมาไม่ทันที   นายหมวดตรวจตีกันวุ่นไป  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   กะหรัดติปาตีศรีใส  | ||
| + | ครั้นรุ่งรางสุริยาก็คลาไคล   เข้าในที่สนานสำราญองค์  | ||
| + | |||
| + | ๏ รดชำระมลทินอินทรีย์   มูรธาวารีภิเษกสรง  | ||
| + | ลูบไล้เสาวคนธ์ธารทรง   บรรจงสอดซับสนับเพลา  | ||
| + | ภูษายกพื้นดำอำไพ   สอดใส่ฉลององค์ทรงวันเสาร์  | ||
| + | เจียรบาดคาดรัดหน่วงเนา   ปั้นเหน่งเพ็ชร์เพริดเพราพรรณราย  | ||
| + | ตาบทิศทับทรวงห่วงห้อย   สวมสร้อยสังวาลประสานสาย  | ||
| + | ทองกรแก้วกิ่งพริ้งพราย   ธำมรงค์เรือนรายพลอยเพ็ชร์  | ||
| + | ทรงชฎามาลัยดอกไม้ทัด   กรรเจียกจอนจำรัสตรัสเตร็จ  | ||
| + | เหน็บพระแสงกั้นหยั่งกัลเม็ด   แล้วเสด็จขึ้นเฝ้าพระบิดา  | ||
| + | |||
| + | ๏ ก้มเกล้าเคารพอภิวาท   พระปิ่นภูวนาถนาถา  | ||
| + | ยับยั้งคอยฟังพระวาจา   จะบัญชาให้ยกโยธี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   องค์ท้าวกุเรปันเรืองศรี  | ||
| + |  จึงอำนวยอวยพรสวัสดี   ให้เจ้ามีเดชาวราฤทธิ์  | ||
| + | อันเหล่าศัตรูหมู่ร้าย   จงแพ้พ่ายอย่ารอต่อติก  | ||
| + | อานุภาพปราบไปทั่วทิศ   ปัจจามิตรจงเกรงฤทธิรอน  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   กะหรัดติปาตีชาญสมร  | ||
| + | กราบถวายบังคมประณมกร   รับพรพระบิดาแล้วคลาไคล  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงเกยชาลาหน้าพระลาน   พร้อมหมู่ทวยหาญน้อยใหญ่  | ||
| + | เสด็จทรงมิ่งม้าอาชาไนย   ให้เคลื่อนพลไกรยาตรา  | ||
| + | |||
| + | ๏ รอนแรมมาในพนาเวศ   ถึงทางร่วมนัคเรศหมันหยา  | ||
| + | พระสั่งให้หยุดพลโยธา   คอยท่าทัพระเด่นมนตรี  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ฝ่ายดะหมังสิงหัดส่าหรี  | ||
| + | เร่งกะเกณฑ์พลขันธ์ทันที   ตามบัญชีใหม่เก่าเข้างบ  | ||
| + | |||
| + | ๏ เลือกเหล่าอาสาล้วนกล้าหาญ   วิชชาการโล่เขนเจนจบ  | ||
| + | แปดหมื่นพื้นฉกรรจ์ครันครบ   เคยรุกรบไพรีมีฝีมือ  | ||
| + | ไพร่นายชำนาญในการยุทธ   เลือกหาอาวุธสำหรับถือ  | ||
| + | ทดลองคะนองฝึกปรือ   แต่ออกชื่อไพรีก็ดีใจ  | ||
| + | ตั้งกองเต็มท้องสนามนอก   ทวนธงดาบหอกออกไสว  | ||
| + | ม้าช้างต่างตรวจเตรียมไว้   ปืนใหญ่ใส่ล้อลากมา  | ||
| + | เกณฑ์ถ้วนกระบวนทัพหน้าหลัง   พร้อมพรั่งปีกซ้ายปีกขวา  | ||
| + | ผูกสินธพประทับกับเกยลา   คอยท่ารับเสด็จจรลี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   สุหรานากงเรืองศรี  | ||
| + | ครั้นอรุณรุ่งราษราตรี   ก็เข้าที่สระสรงคงคา  | ||
| + | |||
| + | ๏ สระสรงทรงสุคนธ์ปนทอง   ชมพูนุทผุดผ่องมังสา  | ||
| + | สอดใส่สนับเพลาเพราตา   ภูษาเชิงกรวยเจ็ดตะครี  | ||
| + | ฉลององค์โหมดม่วงดวงระยับ   เจียรบาดคาดทับสลับสี  | ||
| + | ปั้นเหน่งลงยาราชาวดี   ทับทรวงดวงมณีเจียระไน  | ||
| + | สังวาลเพ็ชร์พรรณรายสายสร้อย   เฟื่องห้อยพลอยแดงแสงใส  | ||
| + | ทองกรภุกามแก้วแววไว   สอดใส่เนาวรัตน์ธำมรงค์  | ||
| + | ทรงชฎาประดับเพ็ชร์เตร็จตรัจ   ห้อยทัดพวงสุวรรณตันหยง  | ||
| + | ถือเช็ดหน้าเหน็บกฤชฤทธิรงค์   มาทรงมโนมัยชัยชาญ  | ||
| + | |||
| + | ๏ ได้ฤกษ์ให้เลิกโยธี   แสนสุรเสนีทวยหาญ  | ||
| + | เข้าในไพรระหงดงดาน   ข้ามห้วยเหวธารผ่านไป  | ||
| + | </tpoem>  | ||
| + | |||
| + | === ===  | ||
| + | <tpoem>  | ||
| + | ๏ บัดนั้น   ตำมะหงงกาหลังกรุงใหญ่  | ||
| + | ทั้งดะหมังมหาเสนาใน   เร่งเกณฑ์ทัพชัยฉับพลัน  | ||
| + | จัดทหารอาสาได้ห้าหมื่น   แต่พื้นกำแหงแข็งขัน  | ||
| + | ช้างม้าอาวุธครบครัน   ธงสำคัญคอยนำดำเนินพลี  | ||
| + | ทั้งสองเสนีขึ้นขี่ม้า   โยธาเยียดยัดอัดถนน  | ||
| + | ทนายเดินเคียงข้างกางสัปทน   ยกพลออกจากพารา  | ||
| + | |||
| + | ๏ มาถึงทางร่วมริมดง   พบสุหรานากงวงศา  | ||
| + | สองทัพสมทบโยธา   ยกร่วมมรรคามาพร้อมกัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ทั้งสองทูตาคนขยัน  | ||
| + | ซึ่งถือสารไปเมืองดาหานั้น   พากันรีบกลับมาฉับไว  | ||
| + | ถึงกะหมังกุหนิงนคเรศ   มายังนิเวศน์วังใหญ่  | ||
| + | พอเวลาเฝ้าท้าวไทย   ก็เข้าไปพระโรงรจนา  | ||
| + | |||
| + | ๏ จึงประณมก้มเกล้าเคารพ   ทูลพระองค์ทรงพิภพนาถา  | ||
| + | ข้าไปได้ถวายสารา   ท้าวดาหาทราบสิ้นทุกประการ  | ||
| + | ตรัสขาดว่าราชบุตรี   จรกาธิบดีมาว่าขาน  | ||
| + | พระยกให้ได้กำหนดนัดงาน   ยังแต่จะแต่งการวิวาห์กัน  | ||
| + | บรรดาของถวายนั้นไม่รับ   ส่งกลับคืนมาทุกสิ่งสรรพ์  | ||
| + | มิได้คิดเกรงองค์พระทรงธรรม   บากบั่นสลัดตัดรอน  | ||
| + | ข้าทูลความตามสั่งนอกสารา   ว่ามิให้ธิดาดวงสมร  | ||
| + | จงเร่งตกแต่งพระนคร   รับทัพภูธรจะยกมา  | ||
| + | จะชิงนางโฉมยงให้จงได้   ใครมีชัยก็จะสมปรารถนา  | ||
| + | ท้าวตรัสว่าตามแต่วิญญาณ์   พระราชาจงทราบบาทมูล  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงนเรนทร์สูร  | ||
| + | ได้ฟังทั้งสองทูตทูล   ให้อาดูรเดือดใจดังไฟฟ้า  | ||
| + | จึงบัญชาตรัสด้วยขัดเคือง   ดูดู๋เจ้าเมืองดาหา  | ||
| + | เราอ่อนง้อขอไปในสารา   แต่ว่าจะรับไว้ก็ไม่มี  | ||
| + | ถึงจรกามากล่าวนางไว้   ได้ยกให้เขาก่อนก็ควรที่  | ||
| + | จะโอภาปราไสเป็นไรมี   นี่สิตัดไมตรีให้ขาดทาง  | ||
| + | เราก็เรืองฤทธาศักดาเดช   อาณาจักรนัคเรศกว้างขวาง  | ||
| + | จำมีมานะไม่ละวาง   จะชิงนางบุษบาลาวัณย์  | ||
| + | แม้นมิได้สมคิดดังจิตต์ปอง   ไม่คืนครองกรุงไกรไอศวรรย์  | ||
| + | จะสงครามตามตีติดพัน   ไปกว่าชีวันจะบรรลัย  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   สองทูตทูลแจ้งแถลงไข  | ||
| + | ข้าได้ยินตระหนักประจักษ์ใจ   ท้าวดาหาตรัสใช้เสนี  | ||
| + | ให้รีบไปแจ้งเหตุพระเชษฐา   กับพาราสิงหัดส่าหรี  | ||
| + | อนุชากาหลังธิบดี   อีกบุรีระตูจรกา  | ||
| + | เห็นกษัตริย์ทั้งสี่ธานีนั้น   จะมาช่วยป้องกันกรุงดาหา  | ||
| + | เมื่อวันข้าออกจากเมืองมา   เสนาก็ไปพร้อมกัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงแข็งขัน  | ||
| + | ได้ฟังกริ้วโกรธดังเพลิงกัลป์   จึงกระชั้นสิงหนาทประภาษไป  | ||
| + | ถึงว่ากษัตริย์ทั้งสี่กรุง   จะมาช่วยรบพุ่งเป็นศึกใหญ่  | ||
| + | กูก็ไม่ครั่นคร้ามขามใจ   จะหักให้เป็นภัสม์ธุลีลง  | ||
| + | ว่าพลางทางมีพจนาตถ์   สั่งอำมาตย์ดะหมังตำมะหงง  | ||
| + | เร่งเกณฑ์พวกพลรณรงค์   ที่สามารถอาจองค์ในสงคราม  | ||
| + | เลือกสรรโยธีทั้งสี่หมู่   เคยทำลายค่ายคูขวากหนาม  | ||
| + | แต่กองร้อยรบพันไม่ครั่นคร้าม   ให้ครบสามสิบหมื่นพื้นตัวดี  | ||
| + | เอาวิหยาสะกำเป็นกองหน้า   ตรวจตราเตรียมกระบวนจงถ้วนถี่  | ||
| + | อันกองหลังรั้งพลมนตรี   ทั้งสองศรีอนุชาผู้ใจภักดิ์  | ||
| + | กูจะเป็นจอมพลโยธา   หนุนทัพลูกยาเข้าโหมหัก  | ||
| + | ไม่เกรงวงศ์เทวาสุรารักษ์   ให้ปรากฏยศศักดิ์เสียครั้งนี้  | ||
| + | ครั้นเสร็จสั่งมหาเสนา   จึงถามขุนโหราทั้งสี่  | ||
| + | เราจะยกพลไกรไปต่อตี   พรุ่งนี้ดีร้ายประการใด  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   โหราราชครูผู้ใหญ่  | ||
| + | รับรสพจนาตถ์ภูวไนย   คลี่ตำหรับขับไล่ไปมา  | ||
| + | เทียบดูดวงชตาพระทรงยศ   กับโอรสถึงฆาตชันษา  | ||
| + | ตั้งชั้นโชคโยคยามยาตรา   พระเคราะห์ขัดฤกษ์พาสารพัน  | ||
| + | จึงทูลว่าถ้ายกวันพรุ่งนี้   จะเสียชัยไพรีเป็นแม่นมั่น  | ||
| + | งดอยู่อย่าเสด็จสักเจ็ดวัน   ถ้าพันนั้นก็เห็นไม่เป็นไร  | ||
| + | ขอพระองค์จงกำหนดงดยาตรา   ฟังคำโหราหาฤกษ์ใหม่  | ||
| + | อันการยุทธยิงชิงชัย   หนักหน่วยน้ำพระทัยดูให้ดี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี  | ||
| + | ได้ฟังโหราพาที   จึงมีพจนาตถ์ประภาษไป  | ||
| + | เมื่อบัญชาการกำหนดทัพ   แล้วจะกลับงดอยู่อย่างไรได้  | ||
| + | อายแก่ไพร่ฟ้าเสนาใน   จะว่ากลัวฤทธิไกรไพริน  | ||
| + | จำจะไปต้านต่อรอฤทธิ์   ถึงม้วยมิดมิให้ใครดูหมิ่น  | ||
| + | เกียรติยศจะไว้ในธรณิน   จนสุดสิ้นดินแดนแผ่นฟ้า  | ||
| + | ประการหนึ่งถ้าว่าช้าวันไป   ทัพใหญ่จะมาพร้อมยังดาหา  | ||
| + | จะต้องหักหนักมือโยธา   เห็นจะยากยิ่งกว่านี้ไป  | ||
| + | สุดแท้แต่บุญกับกรรม   จะฟังคำโหรานั้นหาไม่  | ||
| + | ตรัสพลางเสด็จคลาไคล   เข้าในไพชยนต์มนเทียรทอง  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ตำมะหงงดะหมังทั้งสอง  | ||
| + | ให้ประชุมนายทัพนายกอง   พร้อมกันที่ท้องสนามใน  | ||
| + | |||
| + | ๏ จึงกะเกณฑ์กำหนดกฎหมาย   ทุกมูลนายตรวจตราหาไพร่  | ||
| + | หมวดหมู่ผู้คนของใคร   จะบอกขาดป่วยไข้นั้นไม่ฟัง  | ||
| + | ที่มีเกวียนเกณฑ์บรรทุกลำเลียง   ใส่เสบียงครบคนละสิบถัง  | ||
| + | ไพร่หลวงต่างกรมสมกำลัง   พร้อมพรั่งแออัดขนัดปืน  | ||
| + | บ้างจัดหาหอกดาบหาบคอน   จอบพร้าผ้าผ่อนหลายผืน  | ||
| + | เอาโคต่างช้างม้าออกมายืน   คั่งคับนับหมื่นมากมาย  | ||
| + | พวกกองนอกนั้นเกณฑ์ทำทาง   ปลูกฉางถางที่ตั้งค่าย  | ||
| + | แบ่งกองป้องกันอันตราย   ไพร่นายทั้งปวงให้ล่วงไป  | ||
| + | จัดถ้วนกระบวนทัพหน้าหลัง   กองฝรั่งตั้งเตรียมปืนใหญ่  | ||
| + | แล้วเทียมรถประทับกับเกยไว้   สารวัดตรวจไตรไปมา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงนาถา  | ||
| + | บรรทมตื่นฟื้นฟังนาฬิกา   พอเวลาย่ำรุ่งราตรี  | ||
| + | จึงตรัสเรียกโอรสยศยง   ชวนองค์อนุชาทั้งสองศรี  | ||
| + | ต่างเสด็จจากแท่นมณี   ไปเข้าที่โสรจสรงคงคาลัย  | ||
| + | |||
| + | ๏ สี่องค์ชำระสระสนาน   สำราญสรรพางค์ผ่องใส  | ||
| + | สุคนธารกลิ่นฟุ้งจรุงใจ   ต่างใส่สนับเพลาเชิงงอน  | ||
| + | ภูษายกแย่งครุฑภุชงค์   ฉลององค์ตาดโหมดม่วงอ่อน  | ||
| + | ผ้าทิพย์ขลิบสลับซับซ้อน   ปั้นเหน่งค่าพระนครคาดรัด  | ||
| + | ทับทรวงสังวาลประดับเพ็ชร์   น้ำหนักแต่ละเม็ดเจ็ดกะหรัด  | ||
| + | ทองกรมุกดาดวงช่วงชัด   ธำมรงค์เนาวรัตน์รจนา  | ||
| + | ทรงใส่ชฎาแก้วแพรวพราย   กรรเจียกห้อยพลอยรายซ้ายขวา  | ||
| + | เหน็บกฤชฤทธิไกรแล้วไคลคลา   เสด็จไปเกยชาลาหน้าพระลาน  | ||
| + | |||
| + | ๏ ต่างองค์ขึ้นทรงรถมณี   ให้คลายคลี่กรีธาทวยหาญ  | ||
| + | ออกตามทิศพิธีโขลนทวาร   ล่วงด่านผ่านมาในอารญ  | ||
| + | |||
| + | ๏ รถเอยราชรถแก้ว   ทั้งสี่รถพรายแพรวเวหน  | ||
| + | บัลลังก์ลอยคล้อยเคลื่อนมากลางพล   งอนระหงธงบนสะบัดปลาย  | ||
| + | สารถีนั่งหน้าถือธนู   เทียมอาชาห้าคู่ผันผาย  | ||
| + | เครื่องสูงครบเคียงเรียงราย   อภิรุมชุมสายพรายพรรณ  | ||
| + | กองหน้าแต่พื้นถือปืนแดง   ม้าแซงช้างเขนสลับคั่น  | ||
| + | กองหลวงกองหลังคั่งกัน   ประโคมฆ้องกลองลั่นสนั่นดง  | ||
| + | ทัพหนุนเนื่องแน่นพนาสิน   ลูกดินหาบหามตามส่ง  | ||
| + | บ้างลากปืนจินดาจ่ารง   สำคัญธงนำหน้าคลาไคล  | ||
| + | |||
| + | ๏ มาถึงแดนเมืองบุหราหงัน   เขตต์ขัณฑ์ดาหากรุงใหญ่  | ||
| + | จึงตรัสสั่งเสนาบรรดาไป   หมวดกองของใครกำชับกัน  | ||
| + | หยุดไหนให้ตั้งค่ายนอน   ทุกสำนักพักผ่อนพลขันธ์  | ||
| + | จะเดินทัพหน้าหลังทั้งนั้น   ให้กองพันกองร้อยระวังระไว  | ||
| + | เกลือกศัตรูจะจู่โจมตี   ในทางที่จะข้ามแม่น้ำใหญ่  | ||
| + | ถึงช่องแคบช่องเขาแห่งไร   อย่าไว้ใจจัดกองออกป้องกัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   เสนาสามนต์คนขยัน  | ||
| + | รับสั่งพระองค์ทรงธรรม์   มาบอกกันกำชับทั้งทัพชัย  | ||
| + | นายกองซ้ายขวาหน้าหลัง   คอยระวังมิให้เสียกระบวนได้  | ||
| + | หยุดพลจตุรงค์ลงไว้   ตรวจไตรตามพระบัญชาการ  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ฝ่ายพวกกองเกณฑ์ตระเวนด่าน  | ||
| + | นั่งทางอยู่กลางดงดาน   คอยเหตุเภทพาลไพรี  | ||
| + | ได้ยินเสียงฟันไม้ในไพรเพรียก   ก็ร้อยเรียกพวกเพื่อนออกจากที่  | ||
| + | มาแอบฟังริมฝั่งวารี   เสียงช้างม้ามี่อึงไป  | ||
| + | บ้างชวนกันขึ้นบนต้นไม้มอง   แลเห็นเป็นกองทัพใหญ่  | ||
| + | หมายประมาณพวกพลสกลไกร   ดูไปไม่สิ้นสุดตา  | ||
| + | ต่างคนแจ้งใจในเหตุการณ์   ก็ลนลานลงจากพฤกษา  | ||
| + | ค่อยเล็ดลอดดอดด้อมมองมา   ที่ชายดงพงคาป่าชัฎ  | ||
| + | พบคนสองคนด้นตัดไม้   พร้อมกันออกไล่ล้อมสกัด  | ||
| + | รุมจับตัวได้ให้ผูกมัด   แล้วพาลัดเลาะป่ามานอกทาง  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงเมืองรีบมาหาผู้รั้ง   ให้บ่าวคุมคนนั่งอยู่ข้างล่าง  | ||
| + | ขุนด่านคลานขึ้นศาลากลาง   กราบพลางทางเรียนเนื้อความไป  | ||
| + | ข้าเลียบด่านพานพบกองทัพ   ก็ซุ่มอยู่จู่จับคนได้  | ||
| + | ชาวกะหมังกุหนิงกรุงไกร   เห็นจะเป็นศึกใหญ่ยกมา  | ||
| + | ไพร่พลนับแสนแน่นดง   ทวนธงแดงดาษไปทั้งป่า  | ||
| + | แต่ทีพบกองทัพกับพารา   แม้นว่าเดินลำลองก็สองวัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ระตูผู้รั้งบุหราหงัน  | ||
| + | ยกกระบัตรปลัดนั่งพร้อมกัน   ฟังข่าวคิดพรั่นอยู่ในใจ  | ||
| + | ท่านเจ้าเมืองจึงสั่งบังคับ   เอาตัวคนที่จับมาได้  | ||
| + | พะทำมะรงจงถามซักไซ้   ว่าผู้ใดใครมาเป็นแม่ทัพ  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   พะทำมะรงพร้อมพรั่งนั่งกำกับ  | ||
| + | เอาคนโทษออกมาถามตามบังคับ   บ้างสำทับขู่ว่าจะฆ่าตี  | ||
| + | พวกพลเท่าไรใครยกมา   เร่งว่าตามจริงจงถ้วนถี่  | ||
| + | จะเป็นศึกเสนาบดี   หรือทัพท้าวเจ้าบุรียกมา  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   สองคนจวนตัวกลัวจะฆ่า  | ||
| + | ยกมือไหว้ใจนึกภาวนา   ให้การว่าตามจริงทุกสิ่งอัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ผู้รั้งฟังความเห็นเหมาะมั่น  | ||
| + | จึงปรึกษากรมการทั้งนั้น   จำจะคิดป้องกันเมืองไว้  | ||
| + | ว่าพลางทางสั่งหลวงพล   เร่งแบ่งคนผ่อนครัวเสียจงได้  | ||
| + | บ้านเมืองรายทางที่ห่างไกล   ออกไปบอกกันให้ทันที  | ||
| + | แล้วเกณฑ์คนเข้ามารักษาค่าย   จงรอบรายประจำทุกหน้าที่  | ||
| + | ปืนผาอาวุธของใครมี   กฤชกระบี่สำหรับมือถือมา  | ||
| + | ข้าศึกสองคนที่จับได้   มหาดไทยคุมตัวไปดาหา  | ||
| + | แต่งหนังสือบอกคดีตีตรา   รีบไปในเวลาพรุ่งนี้  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   พระหลวงขุนหมื่นอึงมี่  | ||
| + | รับคำผู้รั้งสั่งคดี   ต่างไปจากที่ศาลา     | ||
| + | บ้างกะเกณฑ์ผู้คนอลหม่าน   นายบ้านเที่ยวเร่งเรียกหา  | ||
| + | ทั้งนอกเมืองในเมืองเนื่องมา   พร้อมกันยังหน้าศาลากลาง  | ||
| + | ตัวนายจ่ายปืนสำหรับยุทธ   ตรวจเตรียมอาวุธต่าง ๆ  | ||
| + | ยกปืนฉัตรชัยขึ้นใส่ราง   ผูกประจำที่ทางทุกป้อมไป  | ||
| + | บ้างบอกเหล่าชาวบ้านให้รู้ทั่ว   จงผ่อนครัววัวควายแอกไถ  | ||
| + | เร่งเก็บของข้างอย่าเอาไว้   อพยพยกไปในพรุ่งนี้  | ||
| + | มหาดไทยให้ทำหนังสือบอก   จำลองลอกลงกระดาษถ้วนถี่  | ||
| + | เรียกหาบ่าวไพร่ได้ทันที   ให้คุมไพรีที่จับมา  | ||
| + | จำตะโหงกใส่ลิ่มขื่อมือ   ผู้คุมถือเชือกเดินนำหน้า  | ||
| + | แล้วขุนมหาดไทยไปขึ้นม้า   เร่งรัดรีบพรากันคลาไคล  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ฝูงคนชนบทน้อยใหญ่  | ||
| + | ครั้นรู้ข่าวศึกมาไม่ไว้ใจ   บ้านช่องของใครก็ผ่อนครั้ว  | ||
| + | พวกผู้หญิงวิ่งหาแสรกคาน   ลนลานแบ่งเสบียงไว้ให้ผัว  | ||
| + | เอาผ้าคาดอกมั่นพันพัว   เตรียมตัวเก็บของใส่หาบคอน  | ||
| + | บ้างขนของน้าป้าย่ายาย   ฝืมผ้ายฟูกเบาะเมาะหมอน  | ||
| + | ช่วยกันหาบหิ้วหอบที่นอน   ลูกอ่อนอุ้มจูงมารุงรัง  | ||
| + | บ้างชวนชักพรรคพวกพี่น้อง   ยักย้ายเงินทองไปเที่ยวฝัง  | ||
| + | ซุบซิบพูดกันมิให้ดัง   ซ่อนมิดปิดบังไม่บอกใคร  | ||
| + | เหล่าพวกแม่หม้ายไร้ลูกผัว   หาบคอนของตัวมาตามได้  | ||
| + | เข้าประสมกรมการที่คุมไป   พูดจาเกลี่ยไกล่เป็นไมตรี  | ||
| + | ทุกถิ่นฐานบ้านเรือนรายทาง   ก็ยกครัววัวต่างออกจากที่  | ||
| + | ทั้งครอบครัวหัวเมืองบรรดามี   อพยพหลบหนีเข้าป่าดง  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงสูงส่ง  | ||
| + | หยุดสำนักพักพลจตุรงค์   ประทับแรมริมดงพงไพร  | ||
| + | ครั้นอรุณเรื่อแรงแสงทอง   ให้ลั่นฆ้องสำคัญหวั่นไหว  | ||
| + | ทัพหน้าดำเนินธงชัย   คลายเคลื่อนพลไกรจรจรัล  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงริมฝั่งคงคา   ฟากท่าหน้าเมืองบุหราหงัน  | ||
| + | เห็นป้อมค่ายคูรอบขอบคัน   หอรบนางจรัลเรียงราย  | ||
| + | จึงดำรัสตรัสสั่งบังคับ   แก่นายทัพนายกองทั้งหลาย  | ||
| + | เร่งข้ามพหลพลนิกาย   เดินค่ายเข้าประชิดติดพารา  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   เสนีนายกองทัพหน้า  | ||
| + | ได้แจ้งแห่งราชบัญชา   ต่างคุมโยธามาทันใด  | ||
| + | วางกองเหนือน้ำประจำฝั่ง   ขุดสนามเพลาะบังปืนใหญ่  | ||
| + | ลูกหาบเร่งรัดตัดไม้   ขนส่งลงไปริมวารี  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ชาวเมืองไม่ท้อถอยหนี  | ||
| + | ประจุปืนป้อมพลันทันที   หมายที่ท่าข้ามคนประชุม  | ||
| + | เห็นตรงทางแล้ววางใหญ่   ฉัตรชัยมณฑกนกคุ่ม  | ||
| + | จุดปืนหลักลั่นควันคลุ้ม   กลบกลุ้มไปกลางคงคา  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   พวกทหารชาญชัยใจกล้า  | ||
| + | พูนสนามเพลาะตั้งบังตา   วัดวาหน้าที่ทำการ  | ||
| + | บ้างลงหลักปักเรือกออกไป   ผ่าไม้ตีตะล่อมอลหม่าน  | ||
| + | ขนศิลามาใส่เป็นเสาตะพาน   ตะม่อค้ำซ้ำกรานขาทราย  | ||
| + | บนหลังรอดทอดตงเรียงชิด   ผูกบิดลูกชะเนาะเปลาะหวาย  | ||
| + | ที่น้ำลึกเป็นห้วงพ่วงแพราย   ทอดสายทุ่นถ่วงหน่วงรั้ง  | ||
| + | บ้างตีเรือกรัดขัดลายสาม   ปูพื้นตะพานข้ามไปถึงฝั่ง  | ||
| + | แล้วฉายที่ตลิ่งชันกันดินพัง   ประชิดตั้งค่ายตับขึ้นฉับพลัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   กรมการตัวนายในค่ายมั่น  | ||
| + | จัดแจงแบ่งคนได้สามพัน   ยกออกทะลวงฟันทันที  | ||
| + | ทหารปืนยืนยิงกลางแปลง   บ้างวิ่งเข้าโถมแทงจนถึงที่  | ||
| + | หักด่านตะพานเรือกริมวารี   ต่อตีตะลุมบอนรอนรบ  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   พวกกองทัพรับไว้ไม่หลีกหลบ  | ||
| + | แย้งยิงปืนระดมสมทบ   รุกรบไพรีตีประดา  | ||
| + | เหล่าพวกลำลองกองแซง   ขับม้าทวนทางแข่งหน้า  | ||
| + | แยกปืนหลีกเลยลงมา   กระหนาบข้างซ้ายขวาฝ่าแทง  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ชาวเมืองบุหราหงันขันแข็ง  | ||
| + | คนน้อยถอยล่อต่อแย้ง   แอบแฝงไม้ยิงหยุดรับ  | ||
| + | ผลัดกันรั้งหลังระวังทาง   หนีพลางวางปืนปล่อยตับ  | ||
| + | ตีฆ้องสำคัญสัญญาทัพ   ม้วนธงถอยกลับเข้าในเมือง  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   พวกทัพหน้าทัพหนุนแน่นเนื่อง  | ||
| + | ขุดดินค่ายตับขยับเยื้อง   ถึงมุมเมืองคูคั่นชั้นใน  | ||
| + | ทำหอรบเสร็จสรรพ์วิหลั่นบัง   ยกตั้งประชิดเข้าไปใกล้  | ||
| + | เกณฑ์คนขึ้นคอยประจำไว้   ปืนใหญ่ยิงตอบกันไปมา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   วิหยาสะกำใจกล้า  | ||
| + | ให้กองทัพประชิดติดพารา   เห็นว่าเกือบใกล้ได้ท่วงที  | ||
| + | จึงตรัสสั่งสารวัดตรวจค่าย   จงไปบอกตัวนายทุกหน้าที่  | ||
| + | เร่งคนปล้นปีนเข้าบุรี   รีบตีอย่าไว้ให้ช้าวัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   สารวัดกองตรวจกวดขัน  | ||
| + | รับสั่งแล้วรีบเร็วพลัน   ไปบอกกันตามมีพระบัญชา  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   พวกทหารตัวนายค่ายหน้า  | ||
| + | ให้ตีกลองสำคัญสัญญา   ต่างต้อนโยธาเข้าชิงชัย  | ||
| + | ทะลายรั้วขวากลงตรงประตู   เอาแตะทิ้งทับคูข้ามไปได้  | ||
| + | ระดมปืนครีนครั่นสนั่นไป   ยกบันไดพาดปืนขึ้นทันที  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ชาวเมืองซึ่งประจำหน้าที่  | ||
| + | สอดแทงแย้งยิงไพรี   ไม่ท้อถอยคอยทีต้านทาน  | ||
| + | วางปืนตับตอบรอบค่าย   คนรายรักษาทุกหน้าด้าน  | ||
| + | ชักปีกกากั้นประจัญบาน   บ้างทุ่มทิ้งหินผาตังห่าฝน  | ||
| + | ตัวนายรายกำกับพวกพล   ต่างคนคอยรบรับไว้  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   พวกทหารโห่สนั่นหวั่นไหว  | ||
| + | ยัดปืนยืนยิงชิงชัย   หนุนกันขึ้นไปมากมาย  | ||
| + | บ้างวิ่งทึ้งถอนขวากเขากวาง   คืนขว้างเข้าไปในค่าย  | ||
| + | เอาเชื้อชุดจุดคบเพลิงพลาย   เผาทำลายค่ายล่อหอคอย  | ||
| + | กองช้างขับช้างเข้าง้างแย่ง   งวงคว้างาแทงไม่ท้อถอย  | ||
| + | กรุยแตะเสาไต้ใหญ่น้อย   ทั้งทัพยับย่อยลงทันใด  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ชาวเมืองหน้าด่านไม่ทานได้  | ||
| + | ต่างทิ้งปืนผาอาวุธไว้   วิ่งวนซนไปออกประตู  | ||
| + | ผู้รั้งทั้งปลัดหลวงพล   สะกัดกั้นฟันคนไว้ไม่อยู่  | ||
| + | ข้างด้านหลังพังเขื่อนขวากคู   เหยียบกันไม่รู้ว่าไพร่นาย  | ||
| + | บ้างโจนจากสนามเพลาะเลาะลัด   บุกพงหลงพลัดเข้าเซิงหวาย  | ||
| + | บ้างปีนขึ้นต้นไม้ไต่ตะกาย   จวนตัวกลัวตายเต็มที  | ||
| + | ลางคนสุดกำลังลงนั่งหอบ   เสียงใบไม้กรอบก็วิ่งหนี  | ||
| + | แลเห็นพวกเพื่อนว่าไพรี   ท่อยทีตื่นตระหนกตกใจ  | ||
| + | บ้างบุกชัฎลัดดงหลงป่า   ไม่รู้ว่าหนทางอยู่ข้างไหน     | ||
| + | ต่างคนต่างพลัดกันไป   นายไพร่ไม่เป็นสมประดี  | ||
| + | </tpoem>  | ||
| + | === ===  | ||
| + | <tpoem>  | ||
| + | ๏ บัดนั้น   พวกทหารองอาจดังราชสีห์  | ||
| + | ครั้นหักเข้าไปได้ในบุรี   ขึ้นค้นทุกหน้าที่ทั่วไป  | ||
| + | เก็บเอาหอกดาบปืนผา   ศาสตราอาวุธน้อยใหญ่  | ||
| + | ขนมาศาลากลางวางไว้   ส่งให้นายหมวดนายกอง  | ||
| + | บ้างจัดแจงแต่งพลโยธา   ไปลาดหาเสบียงทุกบ้านช่อง  | ||
| + | ให้เหล่าทหารปืนพื้นลำลอง   ตั้งกองประจำไว้ในพารา  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ฝ่ายขุนมหาดไทยใจกล้า     | ||
| + | ถือหนังสือคุมคนโทษมา   นอนทางกลางป่าหลายวัน  | ||
| + | ลุถึงดาหาธานี   ลงจากพาชีขมีขมัน  | ||
| + | จึงนำเอาหนังสือบอกนั้น   พากันมายังวังใน  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงจึงตรงไปศาลา   วางตราเสมียนเวรผู้ใหญ่  | ||
| + | แล้วนำนักโทษนั้นเข้าไป   กราบไหว้แจ้งการท่านเสนา  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ปาเตะได้ฟังไม่กังขา  | ||
| + | ก็ลนลานลงจากศาลา   รีบมาพระโรงคัลมิทันนาน  | ||
| + | |||
| + | ๏ ก้มเกล้ากราบทูลมูลเหตุ   พระปิ่นปักนัคเรศราชฐาน  | ||
| + | บัดนี้มีหนังสือกรรมการ   บอกขานข่าวศึกมาติดพัน  | ||
| + | จับคนมาได้ให้การว่า   จะตีพาราบุหราหงัน  | ||
| + | ราษฎาผ่อนครัวเข้าไพรวัน   พระทรงธรรม์จงทราบฝ่าธุลี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระผ่านภพดาหากรุงศรี  | ||
| + | ได้ฟังข่าวราชไพรี   ภูมีสั่งปะหรัดกะติกา  | ||
| + | ไปตรวจทัพเมืองขึ้นของเรานั้น   มาพร้อมกันอยู่นอกดาหา  | ||
| + | ให้ตั้งค่ายรายรอบพารา   รักษาเป็นสองชั้นมั่นไว้  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ปะหรัดกะติกาบังคมไหว้  | ||
| + | รับพระบัญชาแล้วคลาไคล   รีบไปเร็วพลันทันที  | ||
| + | |||
| + | ๏ จึงบอกกล่าวท้าวพระยาทั้งหลาย   เร่งตั้งค่ายรายรอบกรุงศรี  | ||
| + | ข้าศึกเห็นจะมาถึงธานี   รับสั่งทั้งนี้อย่านอนใจ  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ท้าวพระยาน้อยใหญ่  | ||
| + | ฟังกำหนดพจนาตถ์ภูวไนย   ก็ตรวจตราหาไพร่ได้พรั่งพร้อม  | ||
| + | เร่งตั้งค่ายรายรอบกำแพงเมือง   ยักเยื้องมิให้บังหน้าป้อม  | ||
| + | ชักปีกกาถึงกันเป็นหลั่นล้อม   วงอ้อมโอบรอบขอบคู  | ||
| + | ยกหอรบหอคอยลอยตระหง่าน   สับกระดานต้านตั้งบังอยู่  | ||
| + | รั้วขวากชั้นในไว้ประตู   เสากระทู้เขื่อนขันธ์มั่นคง  | ||
| + | ทุกหน้าค่ายภายนอกออกไป   ก็ก่นไม้ขุดตอไม่หลอหลง  | ||
| + | ฉายจอมปลวกปราบราบลง   ให้เตียนตรงป้อมปืนในพารา  | ||
| + | สนามเพลาะในค่ายรายปืนน้อย   วางคนประจำคอยอยู่รักษา  | ||
| + | แล้วนายกองรีบรัดจัดโยธา   เป็นหมู่หวดตรวจตราทุกราตรี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ฝ่ายวิหยาสะกำเรืองศรี  | ||
| + | ครั้นหักศึกมีชัยได้บุรี   ให้ตรวจเตรียมโยธีทุกกระทรวง  | ||
| + | แล้วยกพลนิกรกองหน้า   ยาตราดำเนินนำทัพหลวง  | ||
| + | ตีเมืองรายทางทั้งปวง   เลยล่วงไปตามมรคา  | ||
| + | |||
| + | ๏ สิบวันดั้นเดินในไพรพง   ก็สิ้นดงตกทุ่งกรุงดาหา  | ||
| + | แลไปเห็นกำแพงพารา   ทั้งมหาปราสาทเรียงรัน  | ||
| + | จึงยับยั้งฟังองค์พระทรงยศ   จะกำหนดให้ตั้งค่ายมั่น  | ||
| + | กองทัพนับแสนแน่นนันต์   พร้อมกันหยุดอยู่ชายไพร  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงเป็นใหญ่  | ||
| + | เร่งรีบรี้พลสกลไกร   มาใกล้ทิวทุ่งธานี  | ||
| + | เห็นละหานธารน้ำไหลหลั่ง   ร่มไทรใบบังสุริย์ศรี  | ||
| + | จึงดำรัสตรัสสั่งเสนี   ให้ตั้งที่นาคนามตามตำรา  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ดะหมังรับสั่งใส่เกศา  | ||
| + | ออกมาเกณฑ์กันดังบัญชา   ให้โยธาถางที่นี่นัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ ทำค่ายหน้าค่ายหลังตั้งบรรจบ   ยกหอรบขึ้นปรับสับวิหลั่น  | ||
| + | ชักปีกกาขึงไปถึงกัน   ผูกคร่าวสามชั้นขันสะเนาะ  | ||
| + | วางป้อมเป็นจังหวะระยะแย่ง   ใส่บังตางาแซงมั่นเหมาะ  | ||
| + | พูนดินเต็มตรมสนามเพลาะ   ไม่ไผ่เจาะรวงปล้องเป็นช่องปืน  | ||
| + | บ้างปลูกโรงรถคชา   ทั้งที่ผูกช้างม้ามิให้ตื่น  | ||
| + | เสาตะลุงหลักแหล่งแปลงปืน   พ่างพื้นปราบเลี่ยนเตียนตา  | ||
| + | บ้างเร่งทำตำหนักน้อยใหญ่   เพิงรายรอบในซ้ายขวา  | ||
| + | ข้างนอกค่ายปักขวากดาษดา   ชักเขื่อนเข้าหาประจบมุม  | ||
| + | บ้างจัดคนลำลองทุกกองเกณฑ์   ออกตระเวนนั่งทางวางหลุม  | ||
| + | คอยเล็ดลอดสอดแนมจับกุม   ชั้นในให้ประชุมจตุรงค์  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงสูงส่ง  | ||
| + | เห็นตั้งค่ายเสร็จพลันมั่นคง   จึงชวนองค์โอรสธิบดี  | ||
| + | ตรัสเรียกสองราชอนุชา   เสด็จจากรถาเรืองศรี  | ||
| + | พร้อมด้วยกิดาหยันเสนี   จรลีขึ้นสุวรรณพลับพลา  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   กองร้อยคอยเหตุข้างดาหา  | ||
| + | ออกสอดแนมอยู่นอกพารา   เห็นไพรียกมาถึงชายไพร  | ||
| + | กระบวนทัพหน้าหลังมาตั้งลง   ทิวธงซ้อนซับไม่นับได้  | ||
| + | เสียงคนอึงอัดตัดไม้   ราบไปทั้งป่าพนาลี  | ||
| + | ต่างคนต่างเผ่นขึ้นหลังม้า   พลางประมาณหมายตาดูถ้วนถี่  | ||
| + | แล้วอ้อมออกนอกทุ่งทันที   ขับควบพาชีเข้าเวียงชัย  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงจึงไปแจ้งกิจจา   แก่ปาเตะเสนาผู้ใหญ่  | ||
| + | เล่าความแต่ต้นจนปลายไป   โดยได้เห็นสิ้นทุกสิ่งอัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ปาเตะตกใจไหวหวั่น  | ||
| + | ให้จดเอาถ้อยคำสำคัญ   แล้วผายผันเข้าพระโรงรจนา  | ||
| + | |||
| + | ๏ ก้มเกล้าประณตบทบงสุ์   ทูลพระองค์ทรงพิภพดาหา  | ||
| + | ว่าไพรีตีเมืองล่วงมา   รี้พลโยธามากมาย  | ||
| + | ม้ารถคชกรรม์ครั่นครื้น   ดังเสียงคลื่นในสมุทไม่ขาดสาย  | ||
| + | บัดนี้มาตั้งยังเนินทราย   ที่ชายทุ่งกับป่าต่อกัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   องค์ศรีปัตหรารังสรรค์  | ||
| + | ได้ฟังปาเตะทูลพลัน   พระทรงธรรม์ตริตรึกนึกใน  | ||
| + | อันศึกครั้งนี้ซึ่งมีมา   เพราะเขาขอบุษบาเราไม่ให้  | ||
| + | จึงเป็นเสี้ยนศัตรูหมู่ภัย   น้อยใจด้วยอิเหนานัดดา  | ||
| + | แกล้งจะให้เกิดการโกลาหล   ร้อนรนไปทั่วทุกเส้นหญ้า  | ||
| + | เสื่อมเดชเพศพงศ์เทวา   ศึกมาถึงราชธานี  | ||
| + | คิดพลางทางสั่งเสนาใน   เร่งให้เกณฑ์คนขึ้นหน้าที่  | ||
| + | รักษามั่นไว้ในบุรี   จะดูทีข้าศึกซึ่งยกมา  | ||
| + | อนึ่งจะคอยท่าม้าใช้   ที่ให้ไปแจ้งเหตุพระเชษฐา  | ||
| + | กับสองศรีราชอนุชา   ยังจะมาช่วยหรือประการใด  | ||
| + | แม้นจะเคืองขัดตัดรอน   ทั้งสามพระนครหาช่วยไม่  | ||
| + | แต่ผู้เดียวจะเคี่ยวสงครามไป   จะยากเย็นเป็นกระไรก็ตามที  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ปาเตะประณตบทศรี  | ||
| + | ออกมาเกณฑ์ไพร่พลมนตรี   ตามมีพระบัญชาการ  | ||
| + | |||
| + | ๏ เร่งรัดจัดพลอาสา   ขึ้นประจำเสมาทุกหน้าด้าน  | ||
| + | ประตูเมืองสี่ทิศให้ปิดบาน   ลงเขื่อนมั่นลั่นดาลทันใด  | ||
| + | เหล่าพวกกองฝรั่งพรั่งพร้อม   ขึ้นอยู่ป้อมประจะปืนใหญ่  | ||
| + | กะเกณฑ์กองกลางวางไว้   เสียงปืนหนักไหนให้ไปทัน  | ||
| + | อันโยธาอาสาหกเหล่า   ทั้งเกณฑ์หัดจัดเข้าเป็นกองขัน  | ||
| + | สามารถอาจออกทะลวงฟัน   รายกันตั้งกองริมกำแพง  | ||
| + | ล้อมวังตั้งล้อมพระนิเวศน์   วางม้าคอยเหตุไว้สี่แห่ง  | ||
| + | กองตระเวนสารวัดจัดแจง   ตกแต่งตรวจตราทั้งธานี  | ||
| + | |||
| + | ๏ มาจะกล่าวบทไป   ถึงสุหรานากงเรืองศรี  | ||
| + | กับเสนากาหลังบุรี   ยกพลมนตรีรับมา  | ||
| + | แรมร้อนนอนป่าสิบห้าวัน   ก็ละถึงเขตต์ขัณฑ์ดาหา  | ||
| + | ได้ข่าวปัจจามิตรติดพารา   ก็เร่งยกโยธาเข้ากรุงไกร  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้งถึงกึ่งกลางพระนคร   จึงหยุดพลนิกรน้อยใหญ่  | ||
| + | แล้วชวนตำมะหงงคลาไคล   เข้าไปที่เฝ้าพระผ่านฟ้า  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระองค์ทรงพิภพดาหา  | ||
| + | เห็นสุหรานางนัดดา   กับเสนากาหลังบุรี  | ||
| + | จึงมีบัญชาปราไส   เราขอบใจอนุชาทั้งสองศรี  | ||
| + | ให้ยกมาช่วยต่อตี   ก็เห็นชอบท่วงทีดีนัก  | ||
| + | แต่การศึกครั้งนี้ไม่ควรเป็น   เกิดเข็ญเพราะลูกอัประลักษณ์  | ||
| + | จะมีคู่ผู้ชายก็ไม่รัก   จึงหักให้สาสมใจ  | ||
| + | อันองค์พระบรมเชษฐา   เห็นจะให้ใครมาหรือหาไม่  | ||
| + | เจ้ามาในทางพนาลัย   ยังได้ข่าวบ้างหรือนัดดา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   สุหรานากงวงศา  | ||
| + | ก้มเกล้าทูลสนองพระบัญชา   ข้ามาแจ้งข่าวที่กลางคัน  | ||
| + | พระปิ่นภพกุเรปันธานี   ให้กะหรัดติปาตีเป็นทัพขัน  | ||
| + | ยกจากเวียงชัยได้หลายวัน   บรรจบกันกับระเด่นมนตรีมา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระองค์ทรงพิภพดาหา  | ||
| + | ฟังสุหรานากงนัดดา   จึงมีบัญชาว่าไป  | ||
| + | อันกะหรัดติปาตีจะมาช่วย   เห็นจะจริงอยู่ด้วยไม่สงสัย  | ||
| + | แต่อิเหนาเขาจะมาทำไม   ผิดไปเจ้าอย่าเจรจา  | ||
| + | พระเชษฐาให้สารไปกี่ครั้ง   เขายังไม่จากหมันยา  | ||
| + | จนสลัดตัดการวิวาห์   ศึกติดพาราก็เพราะใคร  | ||
| + | เห็นจะรักเมียงจริงยิ่งกว่าญาติ   ไหนจะคลาดจากเมืองหมันยาได้  | ||
| + | ถึงมาตรจะมาก็จำใจ   ด้วยกลัวภัยพระราชบิดา  | ||
| + | เราอย่าคอยเขาเลยนะหลานรัก   ก้มพักตร์รบศึกไปดีกว่า  | ||
| + | แต่ว่าวันนี้เจ้าเหนื่อยมา   จงไปพักโยธาให้สำราญ  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   สุหรานากงใจหาญ  | ||
| + | ก้มเกล้าสนองพจมาน   อันการสงครามครั้งนี้  | ||
| + | จะขอเอาเมืองขึ้นบรรดามา   กับโยธาสิงหัดส่าหรี  | ||
| + | ยกออกโรมรันประจัญตี   ดูทีฝีมือปัจจามิตร  | ||
| + | ถ้าเห็นศึกย่นย่อท้อกำลัง   จะโหมหักมิให้ตั้งตัวติด  | ||
| + | ขออาสากว่าจะสิ้นสุดฤทธิ์   ชีวิตอยู่ใต้บาทบงสุ์  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระผ่านภพดาหาสูงส่ง  | ||
| + | จึงตรัสตอบสุหรานากง   เจ้าคิดอ่านการณรงค์ทนงนัก  | ||
| + | ทัพเขายกมาย่อมสามารถ   ทั้งสิทธิ์ขาดความคิดแหลมหลัก  | ||
| + | ม้ารถคชพลก็พร้อมพรัก   หมายจะหักที่กล้าด้วยกัน  | ||
| + | ไม่ควรจะด่วนออกชิงชัย   ชอบอยู่ในพารารักษามั่น  | ||
| + | แม้นข้าศึกประชิดติดพัน   บุกบั่นเข้าปล้นปีนกำแพง  | ||
| + | เราจะรบรับไว้ให้หยุดยั้ง   แต่พอผ่อนหย่อนกำลังเข้มแข็ง  | ||
| + | จึงยกหนักออกหักเอากลางแปลง   จะมีชัยไม่แคลงวิญญาณ์  | ||
| + | ทัพช่วยก็ไม่ช้าจะมาทัน   พร้อมกันตีกระหนาบหลังหน้า  | ||
| + | รุกรบกระทบนอกเข้ามา   เห็นศึกก็จะล่าเลิกไป  | ||
| + | เจ้าเป็นผู้บัญชาในธานี   โยธาหน้าที่เอาใจใส่  | ||
| + | ตรัสแล้วลีลาคลาไคล   เข้าในปราสาทรจนา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   สุหรานากงวงศา  | ||
| + | ครั้นเสด็จขึ้นแล้วก็ไคลคลา   ออกมาที่อยู่ภูมี  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ฝ่ายดะหมังกุเรปันกรุงศรี  | ||
| + | ครั้นถึงหมันยาธานี   ก็ตรงไปยังที่ประเสบัน  | ||
| + | ขึ้นบนชาลพักตำหนักนอก   พอเห็นเสด็จออกกิดาหยัน  | ||
| + | จึงเข้าไปใกล้องค์พระทรงธรรม์   อภิวันท์แล้วถวายสารา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา  | ||
| + | คลี่สารสมเด็จพระบิดา   พลางทอดทัศนาทันใด  | ||
| + | |||
| + | ๏ ในลักษณ์นั้นว่าปัจจามิตร   มาตั้งติดดาหากรุงใหญ่  | ||
| + | จงเร่งรีบรี้พลสกลไกร   ไปช่วยชิงชัยให้ทันที  | ||
| + | ถึงไม่เลี้ยงบุษบาเห็นว่าชั่ว   แต่เขารู้อยู่ว่าตัวนั้นเป็นพี่  | ||
| + | อันองค์ท้าวดาหาธิบดี   นั้นมิใช่อาหรือว่าไร  | ||
| + | มาตรแม้นเสียเมืองดาหา   จะพลอยอายขายหน้าหรือหาไม่  | ||
| + | ซึ่งเกิดศึกสาเหตุเภทภัย   ก็เพราะใครทำความไว้งามพักตร์  | ||
| + | ครั้งหนึ่งก็ให้เสียวาจา   อายชาวดาหาอาณาจักร  | ||
| + | ครั้งนี้เร่งคิดดูจงนัก   จะซ้ำให้เสียศักดิ์ก็ตามที  | ||
| + | แม้นมิยกพลไกรไปช่วย   ถึงเราม้วยก็อย่ามาดูผี  | ||
| + | อย่าดูทั้งเปลวอัคคี   แต่วันนี้ขาดกันจนบรรลัย  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นอ่านสารเสร็จสิ้นพระทรงฤทธิ์   ถอนฤาทัยให้คิดสงสัย  | ||
| + | บุษบาจักงามสักเพียงไร   จึงต้องใจระตูทุกบุรี  | ||
| + | หลงรักรูปนางแต่อย่างนั้น   จะพากันมาม้วยไม่พอที่  | ||
| + | แม้นงามเหมือนจินตะหราวาตี   ถึงจะเสียชีวีก็ควรนัก  | ||
| + | แล้วตรัสแก่ดะหมังเสนา   เราจะยกโยธาไปโหมหัก  | ||
| + | มิให้เสียวงศาสุรารักษ์   งดสักเจ็ดวันจะยกไป  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ดะหมังบังคมประณมไหว้  | ||
| + | ทูลว่าช้านักภูวไนย   เกลือกไปไม่ทันจะเสียที  | ||
| + | เชิญเสด็จคลาไคลไปก่อน   แล้วจึงค่อยผันผ่อนมากรุงศรี  | ||
| + | อันข้าศึกยกมาต่อตี   ป่านนี้จะประชิดติดกรุงไกร  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระสุริย์วงศ์เทวาอัชฌาสัย  | ||
| + | สุดที่จะบิดเบือนเลื่อนวันไป   ด้วยเกรงในบิตุเรศตัดมา  | ||
| + | ความกลัวความรักสลักทรวง   ให้เป็นห่วงหนหลังกังวลหน้า  | ||
| + | แต่เรรวนหวนนึกตรึกตรา   พระราชาสะท้อนถอนใจ  | ||
| + | จึงดำรัสตรัสสั่งตำมะหงง   เร่งเตรียมจตุรงค์ทัพใหญ่  | ||
| + | ม้ารถคชสารชาญชัย   รีบรัดจัดไว้ให้ครบครัน  | ||
| + | เลือกสรรโยธาจงสามารถ   ที่อยู่คงองอาจแข็งขัน  | ||
| + | แต่ปืนตึงก็ถึงทันควัน   เข้าโรมรุกบุกบันฟันแทง  | ||
| + | เราจะตัดศึกใหญ่ให้ย่อย่น   ด้วยกำลังรี้พลเข้มแข็ง  | ||
| + | แม้นไพรีหนีมือกลางแปลง   เห็นหักได้ไม่แคลงวิญญาณ์  | ||
| + | ฤกษ์รุ่งพรุ่งนี้จะยกไป   ชิงชัยช่วยกรุงดาหา  | ||
| + | สั่งเสร็จเสด็จทรงอาชา   ไปเฝ้าท้าวหมันหยาฉับพลัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงนิเวศน์วังใน   ลงจากมโนมัยผายผัน  | ||
| + | ยุรยาตรนาดกรจรจรัล   เข้าพระโรงสุวรรณทันใด  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ดะหมังกุเรปันกรุงใหญ่  | ||
| + | จึงรีบไปหาเสนาใน   แถลงไขข้อความตามคดี  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   อำมาตย์หมันหยากรุงศรี  | ||
| + | ได้แจ้งแห่งดะหมังเสนี   ก็พาไปในที่พระโรงคัล  | ||
| + | |||
| + | ๏ ก้มเกล้าประณตบทมาลย์   พระผู้ผ่านเวียงชัยไอศวรรย์  | ||
| + | ทูลเบิกดะหมังเสนานั้น   ว่าพระปิ่นกุเรปันใช้มา  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ดะหมังผู้มียศฐาน์  | ||
| + | นบนิ้วบังคมคัลวันทา   ทูลถวายสาราพระภูมี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระตูหมันหยากรุงศรี  | ||
| + | รับสารมาจากเสนี   แล้วคลี่ออกอ่านทันใด  | ||
| + | |||
| + | ๏ ในลักษณ์อักษรสารา   ว่าระตูหมันหยาเป็นผู้ใหญ่  | ||
| + | มีราชธิดายาใจ   แกล้งให้แต่งตัวไว้ยั่วชาย  | ||
| + | จนลูกเราร้างคู่ตุนาหงัน   ไปหลงรักผูกพันมั่นหมาย  | ||
| + | จะให้ชิงผัวเขาเอาเด็ดตาย   ช่างไม่อายไพร่ฟ้าประชาชน  | ||
| + | บัดนี้ศึกประชิดติดดาหา   กิจจาลือแจ้งทุกแห่งหน  | ||
| + | เสียการงานวิวาห์จลาจล   ต่างคนค่างข้องหมองใจ  | ||
| + | การสงครามครั้งนี้มิไปช่วย   ยังเห็นชอยอยู่ด้วยหรือไฉน  | ||
| + | จะตัดวงศ์ตัดญาติให้ขาดไป   ก็ตามแต่น้ำใจจะเห็นดี  | ||
| + | |||
| + | ๏ ทรงอ่านสารเสร็จสิ้นเรื่อง   กลัวจะเคืองขุ่นข้องหมองศรี  | ||
| + | จึงยื่นสารให้ระเด่นมนตรี   แล้วมีพจนาตถ์วาจา  | ||
| + | เห็นงามอยู่แล้วหรือหลานรัก   เจ้าหาญหักไม่ฟังคำข้า  | ||
| + | มาพลอยได้ความผิดด้วยนัดดา   หาให้อยู่กับจินตะหราไม่  | ||
| + | อย่าหน่วงหนักชักช้าเร่งคลาไคล   รีบไปให้ทันท่วงที  | ||
| + | อันระเด่นดาหยนวงศา   จงคุมพลหมันหยากรุงศรี  | ||
| + | สมทบทัพระเด่นมนตรี   ได้ฤกษ์รุ่งพรุ่งนี้จงยาตรา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา  | ||
| + | รับสั่งแล้วบังคมลา   ไปปราสาทจินตะหราวาตี  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงแท่นสุวรรณบรรจง   นั่งแนบองค์นางโฉมศรี  | ||
| + | ทอดถอนฤทัยพลางทางพาที   ภูมีแจ้งความแก่ทรามวัย  | ||
| + | บัดนี้ดะหมังเสนา   ถือสารพระบิดามาให้  | ||
| + | เป็นเหตุด้วยดาหาเวียงชัย   เกิดการศึกใหญ่ไพรี  | ||
| + | ให้พี่กรีธาทัพขัน   ไปช่วยป้องกันกรุงศรี  | ||
| + | จะรีบยกพหลมนตรี   พรุ่งนี้ให้ทันพระบัญชา  | ||
| + | อยู่จงดีเถิดพี่จะลาน้อง   อย่าหม่นหมองเศร้าสร้อยละห้อยหา  | ||
| + | เสร็จศึกวันไรจะไคลคลา   กลับมาสู่สมภิรมรัก  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   จินตะหราวาตีมีศักดิ์  | ||
| + | ฟังตรัสขัดแค้นฤทัยนัก   สะบัดพักตร์ผินหลังไม่บังคม  | ||
| + | แล้วตอบถ้อยน้อยหรือพระทรงฤทธิ์   ช่างประดิดคิดความพองามสม  | ||
| + | ล้วนกล่าวแกล้งแสร้งเสเล่ห์ลม   คดคมแยบคายหลายชั้น  | ||
| + | พระจะไปดาหาปราบข้าศึก   หรือรำลึกถึงคู่ตุนาหงัน  | ||
| + | ด้วยสงครามในจิตต์ติดพัน   จึงบิดผันพจนาไม่อาลัย  | ||
| + | ไหนพระผ่านฟ้าสัญญาน้อง   จะปกป้องครองความพิสมัย  | ||
| + | ไม่นิราศแรมร้างห่างไกล   จนบรรลัยมอดม้วยไปด้วยกัน  | ||
| + | พระวาจาน่าเชื่อเป็นพ้นนัก   จึงหลงรักภักดีไม่เดียดฉัน  | ||
| + | พาซื่อสุจริตคิดสำคัญ   หมายมั่นว่าเมตตาปราณี  | ||
| + | มิรู้มาอาภัพกลับกลาย   จะหลีกเลี่ยงเบี่ยงบ่ายหน่ายหนี  | ||
| + |  ยังสมคำสัญญาพาที   กี่ร้อยปีพระจะกลับคืนมา  | ||
| + | </tpoem>  | ||
| + | === ===  | ||
| + | <tpoem>  | ||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระสุริย์วงศ์เทวันอสัญหยา  | ||
| + | โลมนางพลางกล่าววาจา   จงผินมาพาทีด้วยพี่ชาย  | ||
| + | เป็นสัจจาจริงไม่ทิ้งน้อง   ว่าจะครองไมตรีไม่หนีหน่าย  | ||
| + | มิได้แกล้งพาทีภิปราย   อย่าสงกาว่าจะวายคลายรัก  | ||
| + | จะจำจากโฉมเฉลาเยาวเรศ   เพราะเกรงเดชบิตุรงค์ทรงศักดิ์  | ||
| + | ข้อความงามแคลงกินแหนงนัก   ด้วยเจ้าไม่ประจักษ์ที่จริงใจ  | ||
| + | สมเด็จพระบิดาให้หาพี่   ใช่แต่ครั้งนี้นั้นหาไม่  | ||
| + | ถึงสองครั้งพี่ขัดรับสั่งไว้   ยังมิได้บอกเจ้าให้แจ้งการ  | ||
| + | บัดนี้เกิดศึกก็สุดคิด   จนจิตต์ที่จะขัดพระบรรหาร  | ||
| + | สารามีมาเป็นพยาน   พระยื่นสารให้นางทัศนา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา  | ||
| + | ค้อนให้ไม่แลดูสารา   กัลยาคั่งแค้นแน่นใจ  | ||
| + | โอ้ว่าอนิจจาความรัก   พึ่งประจักษ์ดังสายน้ำไหล  | ||
| + | ตั้งแต่จะเชี่ยวเป็นเกลียวไป   ไหนเลยจะไหลกลับมา  | ||
| + | สตรีใดในพิภพจบแดน   ไม่มีใครได้แค้นเหมือนอกข้า  | ||
| + | ด้วยใฝ่รักให้เกินพักตรา   จะมีแต่เวทนาเป็นเนืองนิตย์  | ||
| + | โอ้ว่าน่าเสียดายตัวนัก   เพราะเชื่อลิ้นหลงรักจึงช้ำจิตต์  | ||
| + | จะออกชื่อลือชั่วไปทั่วทิศ   เมื่อพลั้งคิดผิดแล้วจะโทษใคร  | ||
| + | เสียแรงหวังฝังฝากชีวี   พระจะมีเมตตาก็หาไม่  | ||
| + | หมายบำเหน็จจะเสด็จรีบไป   พอรู้เท่าเข้าใจในทำนอง  | ||
| + | ด้วยระเด่นบุษบาโฉมตรู   ควรคู่ภิรมย์สมสอง  | ||
| + | ไม่ต่ำศักดิ์รูปชั่วเหมือนตัวน้อง   ทั้งพวกพ้องสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์  | ||
| + | โอ้แต่นี้สืบไปภายหน้า   จะอายชาวดาหาเป็นแม่นมั่น  | ||
| + | เขาจะค่อนนินทาทุกสิ่งอัน   นางรำพรรณว่าพลางทางโศกา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระสุริย์วงศ์เทวันอสัญหยา  | ||
| + | ปลอบนางพลางเช็ดชลนา   ดวงยิหวาอย่าทรงโศกี  | ||
| + | จงสร่างสิ้นกินแหนงแคลงใจ   ที่ในบุษบามารศรี  | ||
| + | พี่สลัดตัดใจไม่ไยดี   มิได้มีปรารถนาอาลัย  | ||
| + | จรกาจึงได้ไปว่าขาน   กำหนดนัดทำงานการใหญ่  | ||
| + | พอกะหมังกุหนิงรู้ไป   ก็ซ้ำให้มากล่าวกัลยา  | ||
| + | ครั้นขอนางมิได้ดังใจจง   จึงเกิดการณรงค์ในดาหา  | ||
| + | เพราะแหนหวงช่วงชิงวนิดา   ใช่ว่านางเปล่าอยู่เมื่อไร  | ||
| + | อันลือข่าวบุษบาว่างามนัก   จะดีกว่าน้องรักนั้นหาไม่  | ||
| + | นี่จำเป็นจึงจำจากไป   เพราะกลัวภัยพระราชบิดา  | ||
| + | แม้นเสียดาหาก็เสียวงศ์   อัประยศถึงองค์อสัญหยา  | ||
| + | เจ้ากับพี่ก็จะมีแต่นินทา   แก้วตาจงดำริตริตรอง  | ||
| + | ถึงไปก็ไม่อยู่นาน   เยาวมาลย์อย่าโศกเศร้าหมอง  | ||
| + | พระจุมพิตชิดเชยปรางทอง   กรประคองนฤมลขึ้นบนเพลา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   จินตะหราวาตีโฉมเฉลา  | ||
| + | ได้เห็นสารทราบความตามสำเนา   ค่อยบรรเทาเบาทุกข์ที่แคลงใจ  | ||
| + | จึงเคลื่อนองค์ลงจากพระเพลาพลาง   น้องนางบังคมทูลแถลงไข  | ||
| + | ซึ่งพระจะเสด็จไปชิงชัย   ก็ตามใจไม่ขัดอัธยา  | ||
| + | แม้นสำเร็จราชการงานศึก   แล้วรำลึกอย่าลืมหมันหยา  | ||
| + | จงเร่งรีบยกทัพกลับมา   น้องจะนับวันท่าภูวไนย  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระทรงโฉมประโลมพิสมัย  | ||
| + | รับขวัญกัลยาแล้วว่าไป   พี่จะลืมปลื้มใจไยมี  | ||
| + | เป็นเวลากรรมจำจาก   ขอฝากมาหยารัศมี  | ||
| + | กับนางสะการะวาต   ด้วยทรามวัยไร้ที่พึ่งพา  | ||
| + | นางไกลบิตุราชมาตุรงค์   โฉมยงอย่าเคียดขึ้งหึงสา  | ||
| + | ถ้าพลั้งผิดสิ่งใดได้เมตตา   อย่าถือโทษโกรธาเทวี  | ||
| + | ว่าพลางทางเปลื้องสังวาลทรง   ให้องค์จินตะหรามารศรี  | ||
| + | เจ้าจงเอาเครื่องประดับนี้   ไว้ดูต่างพักตร์พี่จะขอลา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา  | ||
| + | ได้ฟังพระราชบัญชา   กัลยานอบนบอภิวันท์  | ||
| + | แล้วทูลว่าพระองค์อย่าสงสัย   น้องมิได้รังเกียจเดียดฉันท์  | ||
| + | จะรักใคร่ในสองนางนั้น   เหมือนพี่น้องร่วมครรภ์กันมา  | ||
| + | ว่าพลางนางเปลื้องสไบทรง   ถวายองค์ทรงเดชพระเชษฐา  | ||
| + | เกลือกจะลืมคำมั่นสัญญา   ได้เห็นผ้าเป็นเพื่อนเตือนฤาทัย  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นมนตรีศรีใส  | ||
| + | เห็นนางค่อยสร่างโศกาลัย   ภูวไนยตรัสบอกบังอร  | ||
| + | บัดนี้พี่จะขออำลา   ไปสั่งสอนสุดาดวงสมร  | ||
| + | ว่าพลางผันผายกรายกร   บทจรไปห้องสองนารี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เสด็จนั่งบัลลังก์รัตน์รจนา   แล้วตรัสบอกมาหยารัศมี  | ||
| + | ทั้งนางสะการะวาตี   ตามในสารศรีซึ่งมีมา  | ||
| + | พรุ่งนี้พี่จะลาเจ้าไป   ชิงชัยไพรีถึงดาหา  | ||
| + | ค่อยอยู่เถิดนวลน้องสองสุดา   อุสส่าห์อุปถัมภ์บำรุงกัน  | ||
| + | จะผิดชอบสิ่งไรให้ปรองดอง   มิควรข้องเคืองขุ่นอย่าหุนหัน  | ||
| + | เจ้าก็ร่วมสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์   ถนอมน้ำใจกันไว้ให้ดี  | ||
| + | จงอดออมถ่อมคำจำนรรจา   ฝากตัวจินตะหรามารศรี  | ||
| + | โฉมเฉลาอย่าเศร้าโศกี   พอศึกเสร็จแล้วพี่จะกลับมา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   สองนางแน่งน้อยเสน่หา  | ||
| + | ได้ฟังดังจะม้วยชีวา   กัลยาครวญคร่ำรำพรรณ  | ||
| + | โอ้อนิจจานะอกเอ๋ย   กะไรเลยไม่วายที่โศกศัลย์  | ||
| + | จากบิดามารดามานั้น   ก็โศกาจาบัลย์พันทวี  | ||
| + | ได้พึ่งบาทบงสุ์พระทรงเดช   ดังฉัตรแก้วกั้นเกศเกศี  | ||
| + | หรือจะซ้ำจำจากพระภูมี   ครั้งนี้จะบ่ายหน้าไปหาใคร  | ||
| + | จะกินแต่น้ำตาต่างอาหาร   ทนทุกข์ทรมานหม่นไหม้  | ||
| + | ชะรอยเวรากรรมทำไว้   จึงจำให้ได้ความเวทนา  | ||
| + | โอ้แต่นี้นับจะลับเนตร   แสนเทวษเศร้าสร้อยละห้อยหา  | ||
| + | ร่ำพลางบังอราค่อนอุรา   กอดบาทภัสดาเข้าโศกี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นมนตรีเรืองศรี  | ||
| + | เห็นสองสุดานารี   โศกีกอดบาทไม่คลาดคลาย  | ||
| + | พระจุมพิตชิดชมเชยปราง   โลมลูบปฤษฎางคนางโฉมฉาย  | ||
| + | เช็ดชลนาพลางทางภิปราย   เจ้าสายสุดที่รักจงหักใจ  | ||
| + | จำเป็นจำร้างห่างห้อง   กรรมของเราแล้วจะทำไฉน  | ||
| + | พี่นี้มิใคร่จะจากไป   แต่จนใจด้วยกิจการณรงค์  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   สองนางแน่งน้อยนวลหงศ์  | ||
| + | ฟังถ้อยค่อยคลายกำสรดทรง   โฉมลงทูลฝากน้องรัก  | ||
| + | อันสังคามาระตากุมาร   ไม่ชำนาญการรบหาญหัก  | ||
| + | ทั้งความคิดติดจะเยาว์เบานัก   พระทรงศักดิ์จงได้เมตตา  | ||
| + | เกลือกจะประมาทในราชกิจ   ถ้าพลั้งผิดพระจะลงโทษา  | ||
| + | จงโปรดปรานขอประทานชีวา   เหมือนเห็นแก่ข้าทั้งสองนี้  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระผู้วงศ์เทวาในราศี  | ||
| + | ฟังนางพลางกล่าววาที   แก้วพี่อย่าประหวั่นพรั่นใจ  | ||
| + | อันองค์พระน้องของเจ้า   พี่รักเท่าดวงตาก็ว่าได้  | ||
| + | ถึงผิดพลั้งจะสั่งสอนไป   จะเอาไว้เป็นเพื่อนชีวี  | ||
| + | ว่าพลางทางถอดธำมรงค์   ให้โฉมยงมาหยารัศมี  | ||
| + | ทรงเปลื้องซ่าโบ๊ะของภูมี   ให้สะการะวาตีกัลยา  | ||
| + | แล้ว่าซ่าโบ๊ะกับธำมรงค์   สองอนงค์เอาไว้ดูต่างหน้า  | ||
| + | พอระงับดับความโศกา   ให้คลายทุกข์ถวิลหาอาวรณ์  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   นวลนางพี่น้องสองสมร  | ||
| + | ได้ธำมรงค์ทรงสะพักภูธร   บังอรค่อยคลายวายโศกี  | ||
| + | นางมาหยารัศมีนงลักษณ์   จึงถอดปิ่นที่ปักเกศี  | ||
| + | นวลนางสะการะวาตี   ถอดสะพังมณีออกจากกรรณ  | ||
| + | ต่างประณมก้มกราบกับบาทา   ทูลถวายภัสดารังสรรค์  | ||
| + | แต่พอได้ไปเห็นเป็นสำคัญ   ให้ทรงธรรม์ชมพลางต่างพักตรา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระโฉมยงองค์อสัญแดหวา  | ||
| + | เห็นเครื่องทรงของสองสุดา   ยิ่งแสนเสน่หาอาลัย  | ||
| + | กรกอดประทับไว้กับทรวง   เป็นห่วงด้วยความพิสมัย  | ||
| + | ชมโฉมโลมเล้าเอาใจ   เห็นทรามวัยคล่อยคลายจาบัลย์  | ||
| + | จึงตรัสว่าพี่ยาจะลาแล้ว   จงผ่องแผ้วผาสุกเกษมสันต์  | ||
| + | สั่งนางพลางเสด็จจรจรัล   ไปปราสาทแก้วกัลยาณี  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงห้องทองรจนา   พระกุมกรจินตะหรามารศรี  | ||
| + | ขึ้นบนแท่นรัตน์รูจี   พระภูมีสวมสอดกอดประคอง  | ||
| + | หยอกเย้าเคล้าดวงบุษบง   โฉมยงยึดพระหัตถ์ปัดป้อง  | ||
| + | พระจุมพิตชิดเชยปรางทอง   นวลละอองค้อนคมนัยนา  | ||
| + | รสรักหนักจิตต์พิศวง   สองทรงโศกสั่งเสน่หา  | ||
| + | พลางภิรมย์สมสนิทนิทรา   อยู่บนแท่นไสยาพรายพรรณ  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ดะหมังเสนาคนขยัน  | ||
| + | กับสี่พี่เลี้ยงทรงธรรม์   พากันมาจัดโยธา  | ||
| + | |||
| + | ๏ กะเกณฑ์พลขันธ์บรรจบ   สมทบกองทัพหมันหยา  | ||
| + | ตั้งเป็นกระบวนเบญจเสนา   ทัพหน้าทัพหลังทั้งปวง  | ||
| + | จัดทหารหน้าช้างพระที่นั่ง   พร้อมพรั่งทวนทองกองหลวง  | ||
| + | ปีกซ้ายปีกขวาตามกระทรวง   มิให้ล่วงหมู่หมวดตรวจกัน  | ||
| + | จัดช้างชะนะงาออกมายืน   ผูกปืนสัปประคับเครื่องมั่น  | ||
| + | โลดแล่นโจมทัพซับมัน   พลายพังดั้งกันแทรกแซง  | ||
| + | เกณฑ์ถ้วนกระบวนทัพคชสาร   หมอควาญขับขี่เข้มแข็ง  | ||
| + | ล้วนใส่เสื่อแดงหมวกแดง   ตกแต่งเตรียมไว้ทั้งไพร่นาย  | ||
| + | ผูกช้างพระที่นั่งหลังคาทอง   เรืองรองพระสูตรรูดสาย  | ||
| + | ประสันตาตัวดีขึ้นขี่ท้าย   คอยเสด็จพระโฉมฉายจรลี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นมนตรีเรืองศรี  | ||
| + | บรรทมเหนือแท่นรัตน์รูจี   ด้วยจินตะหราวาตีกัลยา  | ||
| + | ประคองเชยชื่นชมสมสวาท   แล้วทุกข์ที่จะนิราศเสน่หา  | ||
| + | แต่เวียนสั่งทรามวัยอาลัยลา   จนสุริยาเยี่ยมยอดยุคันธร  | ||
| + | ไก่ขันกระชั้นเสียงอยู่แจ้ว ๆ   ฟังแว่วหวั่นใจจะไกลสมร  | ||
| + | พิศพักตร์พนิดายิ่งอาวรณ์   พลางสะท้อนถอนจิตต์จาบัลย์  | ||
| + | |||
| + | ๏ อุ้มองค์นงลักษณ์ใส่ตักไว้   ลูบไล้โลมนางพลางรับขวัญ  | ||
| + | จำเป็นจำพรากจากกัน   สาวสวรรค์ค่อยอยู่สวัสดี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   นวลนางจินตะหรามารศรี  | ||
| + | ให้ละห้อยสร้อยเศร้าแสนทวี   สงสารที่ถ้อยคำพระอำลา  | ||
| + | ก้มพักตร์ลงเช็ดชลเนตร   พลางทูลภูวเรศเชษฐา  | ||
| + | น้องจะอยู่ผู้เดียวเปลี่ยววิญญาณ์   ทุกข์ถึงคะนึงหาไม่เว้นวาย  | ||
| + | เสด็จไปจงดีมีสุข   ให้ห่างภัยไกลทุกข์ทั้งหลาย  | ||
| + | อันศัตรูนอกกายในกาย   สารพัตรแพ้พ่ายอย่าพ้องพาน  | ||
| + | แม้นเสร็จศึกนึกกลับหมันหยา   ให้สมซึ่งสัญญาได้ว่าขาน  | ||
| + | อย่าลืมคำลืมเคยที่โปรดปราน   เยาวมาลย์ทูลพลางทางโศกี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นมนตรีเรืองศรี  | ||
| + | ตรัสปลอบกนิษฐาแล้วพาที   แก้วพี่อย่าพะวงสงกา  | ||
| + | ถึงตัวพี่จะไปรณรงค์   แต่ใจจงพุ่มพวงดวงยิหวา  | ||
| + | พอเสร็จพันตูไม่อยู่ช้า   จะเร่งรีบกลับมาหาน้อง  | ||
| + | ประโลมลาลูบหลังแล้วสั่งเล่า   ขวัญข้าวค่อยอยู่อย่าหม่นหมอง  | ||
| + | ตรัสพลางย่างเยื้องจากแท่นทอง   เสด็จไปยังห้องสองนารี  | ||
| + | |||
| + | ๏ นั่งแนบแอบองค์กัลยา   ประคองชมมาหยารัศมี  | ||
| + | เชยปรางนางสะการะวาตี   ตรัสสั่งสองศรีด้วยสุนทร  | ||
| + | ค่อยอยู่เถิดนะน้องอย่าหมองไหม้   พี่จะลาทรามวัยไปก่อน  | ||
| + | อย่ากรรแสงโศกาอาวรณ์   เป็นกรรมจำจรจากกัน  | ||
| + | จงรู้รักอดออมถนอมจิตต์   สิ่งใดอย่าได้คิดเดียดฉันท์  | ||
| + | สั่งเสร็จพระเสด็จจรจรัล   ขึ้นเฝ้าทรงธรรม์เจ้าธานี  | ||
| + | |||
| + | ๏ ก้มเกล้าประณตบทบงสุ์   ทูลองค์ประหมันทั้งสองศรี  | ||
| + | พระองค์จงอยู่สวัสดี   หลานนี้ขอถวายบังคมลา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระตูผู้ผ่านหมันหยา  | ||
| + | ทั้งประไหมสุหรีศรีโสภา   ฟังราชนัดดาก็อาวรณ์  | ||
| + | ต่างองค์อำนวยอวยชัย   เจ้าไปเป็นสุขสโมสร  | ||
| + | อันเหล่าอาสัจดัสกร   จงพ่ายแพ้ฤทธิรอนพระหลานรัก  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นมนตรีมีศักดิ์  | ||
| + | รับพรภูวไนยด้วยใจภักดิ์   บังคมลามาตำหนักประเสบัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงมนเทียรที่ข้างหน้า   พร้อมหมู่เสนากิดาหยัน  | ||
| + | เสด็จเข้ามณฑลพิธีกรรม์   นั่งเหนือเตียงสุวรรณบรรจง  | ||
| + | ราชครูบีกูประมาหนา   ถวายอาเศียรพาทภิเษกสรง  | ||
| + | ลูบไล้สุคนธาอ่าองค์   บรรจงทรงเครื่องวันอาทิตย์  | ||
| + | |||
| + | ๏ ทรงภูษาแย่งยกกระหนกกระหนาบ   ฉลององค์เข้มขายคดกฤช  | ||
| + | ห้อยหน้าปักทองกรองดอกชิด   สังวลาวรรณอันวิจิตรจำรัสเรือง  | ||
| + | ทับทรวงพวงเพ็ชร์เม็อแตง   ทองกรแก้วแดงประดังเนื่อง  | ||
| + | ธำมรงค์รจนาค่าเมือง   อร่ามเรืองเพ็ชร์รัตน์ตรัจไตร  | ||
| + | ทรงมงกุฎกรรเจียกจอนสุวรรณ   วาวแววแก้วกุดั่นดอกไม้ไหว  | ||
| + | ห้อยอุบะบุหงามาลัย   เหน็บกฤชฤทธิไกรแล้วไคลคลา  | ||
| + | |||
| + | ๏ ขึ้นเกยกิริณีที่ประทับ   ผันพักตร์สู่พายัพทิศา  | ||
| + | พร้อมหมู่อำมาตย์มาตยา   โหราธิบดีชีพราหมณ์  | ||
| + | พอได้ศุภฤกษ์ก็ลั่นฆ้อง   ประโคมคึกกึกก้องท้องสนาม  | ||
| + | ปุโรหิตฟันไม้ข่มนาม   ทำตามตำราพิชัยยุทธ์  | ||
| + | ทัพหน้าทัพหลวงทัพหลัง   พร้อมพรั่งตั้งโห่อึงอตม์  | ||
| + | ทหารโบกธงทองกระบี่ครุฑ   ฝรั่งจุดปืนใหญ่เป็นสัญญา  | ||
| + | บีกูก็เบิกโขลนทวาร   โอมอ่านอาคมคาถา  | ||
| + | โห่สนั่นลั่นฆ้องขึ้นสามลา   คลายเคลื่อนโยธาทุกหมวดกอง  | ||
| + | |||
| + | ๏ ช้างเอยช้างที่นั่ง   สะพักพังหลังดีไม่มีสอง  | ||
| + | งามสรรพสรรพางค์หางบังคลอง   ผูกจำลองจำหลักลายพรายพรรณ  | ||
| + | สองหูพู่ห้อยพรอยแพรว   จงกลแก้วแวววาวดาวกุดั่น  | ||
| + | ปกกระพองพรรณรายข่ายสุวรรณ   ผูกชนักจักรันรึงรัด  | ||
| + | ประดับอภิรุมชุมสาย   ธงฉานธงชายมุยรฉัตร  | ||
| + | อาชาแซงนอกล้วนหอกซัด   เบียดเสียดเยียดยัดอัดแอ  | ||
| + | ขนัดหอกขนัดดาบโล่ดั้ง   คับคั่งธงทวนกระบวนแห่  | ||
| + | สนั่นเสียงปี่กลองฆ้องกระแต   สังข์แตรแซ่เสนาะเพราะเพรียง  | ||
| + | เสียงช้างเสียงม้าโกลาหล   เสียงคนอึงอื้อบันลือเสียง  | ||
| + | กองหลังรั้งท้ายคุมลำเลียง   รีบร้นขนเสบียงตามไป  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นออกมานอกนคเรศ   พระทรงเดชเศร้าสร้อยละห้อยไห้  | ||
| + | เหลียงหลังตั้งตาดูเวียงชัย   ฤาทัยหวั่น ๆ ถึงกัลยา  | ||
| + | โอ้ว่าเจ้าดวงยิหวาพี่   ป่านนี้จะคร่ำครวญหวนหา  | ||
| + | ใครจะปลอบโฉมงามสามสุดา   แต่พอพาใจเศร้าบรรเทาคลาย  | ||
| + | สงสารน้ำคำที่พร่ำสั่ง   คิดถึงความหลังแล้วใจหาย  | ||
| + | ครวญพลางกำสรดระทดกาย   แล้วคิดอายพวกพลมนตรี  | ||
| + | จึงชักม่านทองทั้งสี่ทิศ   ดังจะปิดบังแสงพระสุริย์ศรี  | ||
| + | ลมหวนอวลกลิ่นสุมาลี   เหมือนผ้ายาหยีซึ่งเปลี่ยนมา  | ||
| + | แว่วเสียงสำเนียงบุหรงร้อง   ว่าเสียงสามนิ่มน้องเสน่หา  | ||
| + | พระแย้มเยี่ยมม่านทองทัศนา   เห็นแต่ป่าพุ่มไม้ใบบัง  | ||
| + | เอนองค์ลงอิงพิงเขนย   กรเกยก่ายพักตร์ถวิลหวัง     | ||
| + | รสรักร้อนรนพ้นกำลัง   ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ประสันตาพี่เลี้ยงพระโฉมฉาย  | ||
| + | ขี่ช้างพระที่นั่งมาข้างท้าย   เห็นพระไม่สบายคลายทุกข์ทน  | ||
| + | จึงเสแสร้งแกล้งกล่าววาจา   ป่านี้สนุกกว่าทุกแห่งหน  | ||
| + | แต่เห็นมามากมายหลายตำบล   ก็ยังไม่ชอบกลเหมือนป่านี้  | ||
| + | แม้นไม่มีราชการงานเดือน   คงจะมาปลูกเรือนอยู่ที่นี่  | ||
| + | น้ำท่าหาง่ายสบายดี   สารพัตรจะมีไม่ยากใจ  | ||
| + | ถ้าเลิกทัพกลับมาหมันหยา   จะจำป่าไว้ทูลแถลงไข  | ||
| + | ให้พระพาสามสมรอรทัย   มาประพาสพรรณไม้ให้สำราญ  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระสุริย์วงศ์เทวาศักดาหาญ  | ||
| + | นิ่งฟังประสันตาอยู่ช้านาน   ค่อยคลายร้อนรำคาญวิญญาณ์  | ||
| + | จึงลุกขึ้นตรัสถามทันที   ป่านี้หรือสนุกหนักหนา  | ||
| + | ตรัสพลางแหวกม่านทัศนา   ไหนชี้บอกมาอย่าลวงกัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ประสันตาแสนกลคนขยัน  | ||
| + | ทำตกใจทูลองค์พระทรงธรรม์   ข้าสำคัญมั่นคงอยู่ดงนี้  | ||
| + | ด้วยช้างบาทย่างทีสะเทิน   เดินเกินตำบลมาพ้นที่  | ||
| + | เขาว่าดงหน้าก็ยังมี   จึงจะชี้ทูลเชิญให้ทัศนา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา  | ||
| + | ยิ้มพลางทางตอบวาจา   ปดเล่นต่อหน้าไม่อายใจ  | ||
| + | ครั้นซักไซ้ไล่หาความจริง   ยังกลอกกลิ้งกลับลวงไปใหม่  | ||
| + | ชอบผลักให้พลัดตกลงไป   คนอะไรเช่นนี้ก็ยังมี  | ||
| + | |||
| + | ๏ ว่าพลางทางชมคณานก   โผนผกจับไม้อึงมี่  | ||
| + | เบญจวรรณจับวัลย์ชาลี   เหมือนวันพี่จากสามสุดามา  | ||
| + | นางนวลจับนางนวลนอน   เหมือนพี่แนบนวลสมรจินตะหรา  | ||
| + | จากพรากจับจากจำนรรจา   เหมือนจากนางสะการะวาตี  | ||
| + | แขกเต้าจับเต่าร้างร้อง   เหมือนร้างน้องมาหยารัศมี  | ||
| + | นกแก้วจับแก้วพาที   เหมือนแก้วพี่ทั้งสามสั่งความมา  | ||
| + | ตระเวนไพรร่อนร้องตระเวนไพร   เหมือนเวรใดให้นิราศเสน่หา  | ||
| + | เค้าโมงจับโมงอยู่เอกา   เหมือนพี่นับโมงมาที่ไกลนาง  | ||
| + | คับแคจับแคสันโดษเดี่ยว   เหมือนเปล่าเปลี่ยวคับใจในไพรกว้า  | ||
| + | ชมวิหคนกไม้ไปตามทาง   คะนึงนางพลางรีบโยธี  | ||
| + | |||
| + | ๏ แรมร้อนผ่อนพักมาหลายวัน   ถึงทางร่วมกุเรปันกรุงศรี  | ||
| + | พบทัพกะหรัดติปาตี   ภูมีให้หยุดโยธา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   กะหรัดปาตีเชษฐา  | ||
| + | เห็นระเด่นมนตรีก็ปรีดา   จึงเสด็จมาหาทันใด  | ||
| + | แล้วทูลว่าสมเด็จพระบิดร   ให้ข้าคุมนิกรน้อยใหญ่  | ||
| + | มาบรรจบทัพพระองค์ไป   ช่วยพิชัยดาหาธานี  | ||
| + | หลายวันแล้วแต่มาคอยท่า   ยับยั้งโยธาอยู่ที่นี่  | ||
| + | ข่าวศึกว่าประชิดติดบุรี   มาจะจรลีรีบไป  | ||
| + | </tpoem>  | ||
| + | === ===  | ||
| + | <tpoem>  | ||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นมนตรีเฉลยไข  | ||
| + | ข้าก็เร่งรีบร้อนไม่นอนใจ   แต่ทางไกลอ้อมกว่ากุเรปัน  | ||
| + | ว่าแล้วสองกษัตริย์ก็จัดทัพ   พร้อมสรรพพหลพลขันธ์  | ||
| + | เข้ากระบวนสมทบบรรจบกัน   แล้วยกจากที่นั่นรีบมา  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงเนินทรายชายทุ่ง   แว่นแควันแดนกรุงดาหา  | ||
| + | จึงให้หยุดกองทัพตั้งพลับพลา   ที่ต้องนามครุฑาเกรียงไกร  | ||
| + | แล้วบัญชาใช้ตำมะหงง   ท่านจงรีบเข้าไปกรุงใหญ่  | ||
| + | ทูลศรีปัตหราเรืองชัย   แก้ไขอย่าให้เคืองพระบาทา  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ตำมะหงงรับสั่งใส่เกศา  | ||
| + | ก้มเกล้ากราบถวายบังคมลา   มาขึ้นม้าควบขับไปฉับพลัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงจึงแจ้งคดี   แก่ยาสาเสนีคนขยัน  | ||
| + | บัดนี้องค์อิเหนากุเรปัน   กรีธาทัพขันยกมา  | ||
| + | สองทัพกับกะหรัดติปาตี   มาช่วยบุรีดาหา  | ||
| + | จงพาเราเข้าเฝ้าพระผ่านฟ้า   จะกราบทูลกิจจาให้แจ้งการ  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ยาสาปรีดิ์เปรมเกษมสานต์  | ||
| + | จึงพากันเข้าไปมิทันนาน   ยังสถานท้องพระโรงรูจี  | ||
| + | |||
| + | ๏ นบนิ้งประณมบังคมคัล   กราบทูลทรงธรรม์ถ้วนถี่  | ||
| + | บัดนี้ระเด่นมนตรี   กับกะหรัดติปาตียกมา  | ||
| + | รี้พลมากมายหลายแสน   ตั้งอยู่ปลายแดนกรุงดาหา  | ||
| + | ใช้ให้ตำมะหงงเสนา   เข้ามาเฝ้าเบื้องบาทบงสุ์  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระปิ่นปักนัคเรศสูงส่ง  | ||
| + | แจ้งว่าอิเหนาสุริย์วงศ์   มาช่วยรณรงค์ราวี  | ||
| + | มีความเกษมสันต์หรรษา   ดังได้ผ่านเมืองฟ้าราศี  | ||
| + | ด้วยนัดดาเรืองอิทธิฤทธี   เห็นว่าบุรีไม่อันตราย  | ||
| + | พระเปรมปรีดิ์ดีใจอยู่ในพักตร์   มิให้ประจักษ์คนทั้งหลาย  | ||
| + | จึงเยื้อนเอื้อนโอษฐ์อภิปราย   ซึ่งหลานชายเราอุสส่าห์มา  | ||
| + | ตำมะหงงไปบอกให้ถ้วนถี่   ว่ากูนี้ขอบใจนักหนา  | ||
| + | เชิญให้เข้ามาในพารา   จะได้พักโยธาให้สำราญ  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ตำมะหงงได้ฟังพระบรรหาร  | ||
| + | จึงสนองมธุรสพจมาน   พระหลานรักถวายบังคมมา  | ||
| + | ให้ข้าทูลองค์พระทรงฤทธิ์   ด้วยโทษผิดติดพันอยู่หนักหนา  | ||
| + | จะขอทำการสนองพระบาทา   เสร็จแล้วจึงจะมาอัญชลี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระผู้ผ่านดาหากรุงศรี  | ||
| + | ได้ฟังตำมะหงงเสนี   มิได้มีพจมานประการใด  | ||
| + | จึงผินพระพักตร์มาบัญชา   แก่สุหรานางกงศรีใส  | ||
| + | บัดนี้อิเหนาชาญชัย   กรีธาทัพใหญ่ยกมา  | ||
| + | กับกะหรัดติปาตีพี่ยานั้น   แม่นมั่นเหมือนคำของเจ้าว่า  | ||
| + | เจ้าจะอยู่ทำการในพารา   หรือจะช่วยเชษฐาราวี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   สุหรานากงเรืองศรี  | ||
| + | ได้ฟังผ่านฟ้าพาที   อัญชลีแล้วสนองพระบัญชา  | ||
| + | แต่มาอยู่ดาหาก็ช้านาน   ยังมิได้ทำการอาสา  | ||
| + | ขอกราบบาทภูวนาถบังคมลา   ออกไปช่วงเชษฐาชิงชัย  | ||
| + | ทูลพลางทางถวายอัญชลี   ลาศรีปัตหราเป็นใหญ่  | ||
| + | ออกมาที่อยู่ภูวไนย   ตรวจเตรียมทัพชัยฉับพลัน  | ||
| + | ครั้นเสร็จเสด็จทรงอาชา   พร้อมพี่เลี้ยงเสนากิดาหยัน  | ||
| + | ยกจากพระนครจรจรัล   ตำมะหงงกุเรปันก็ตามมา  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงจึงหยุดจตุรงค์   เสด็จไปเฝ้าองค์พระเชษฐา  | ||
| + | ถ้อยทีมีใจปรีดา   ตรัสสั่งสนทนาพาที  | ||
| + | แล้วแถลงแจ้งเหตุบรรยาย   แต่ต้นจนปลายถ้วนถี่  | ||
| + | วันเมื่อน้องมาถึงธานี   ได้ทูลว่าพระพี่จะยกมา  | ||
| + | ดูทีท้าวตรัสเห็นขัดเคือง   ว่าไหนจะจากเมืองหมันหยา  | ||
| + | เมียเขาเขารักดังแก้วตา   หรือจะอาจคลาดคลาเห็นผิดไป  | ||
| + | แต่พระเชษฐาให้หาตัว   ก็ไม่มีความกลัวยังขัดได้     | ||
| + | เกิดณรงค์สงครามก็เพราะใคร   จนเดือดร้อนทั่วไปทั้งธานี  | ||
| + | นับประสาอะไรกับตัวเรา   ถึงตายเขาก็ไม่ดูผี  | ||
| + | เห็นเคืองขัดตรัสซ้ำอยู่ดังนี้   พระภูมีจงทราบบามาลย์  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นมนตรีใจหาญ  | ||
| + | ฟังสุหรานากงแจ้งการ   จึงตอบพจมานอนุชา  | ||
| + | ซึ่งท่านขุ่นแค้นเคืองนัก   ก็ประจักษ์แจ้งใจไม่กังขา  | ||
| + | ไม่ถือโทษโกรธตอบพระผ่านฟ้า   จะตั้งหน้าหักหาญพาลภัย  | ||
| + | เสร็จศึกจะเข้าไปอัญชลี   จะด่าตีก็ตามอัชฌาสัย  | ||
| + | เมื่อได้เกินแล้วก็จนใจ   ตามแต่ภูวไนยจะปราณี  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ตำมะหงงบังคมเหนือเกศี  | ||
| + | จึงกราบทูลแถลงแจ้งคดี   องค์ศรีปัตหรารับสั่งมา  | ||
| + | ให้ข้าบังคมทูลภูวไนย   ว่าชี้ชอบขอบพระทัยหนักหนา  | ||
| + | ขอเชิญเข้าไปในพารา   จะได้พักโยธาพลากร  | ||
| + | ข้าจึงทูลสนองพจมาน   พระนัดดาจะทำการแก้ตัวก่อน  | ||
| + | เสร็จศึกจึงจะบทจร   มาเฝ้าภูธรธิบดี  | ||
| + | พระมิได้ตรัสตอบว่าขาน   ตรัสแต่กิจการกรุงศรี  | ||
| + | แต่ดูพระกิริยาพาที   เหมือนจะเคลื่อนคลายที่โกรธา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระโฉมยงองค์อสัญแดหวา  | ||
| + | ได้ฟังตำมะหงงเสนา   เกษมสันต์หรรษาเป็นพ้นไป  | ||
| + | จึงเสด็จคลาไคลเข้าในห้อง   ให้ชักปิดม่านทองสองไข  | ||
| + | สุหรานากงทรงชัย   ก็กลับไปที่ประทับพลับพลา  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ฝ่ายกองร้อยคอยเหตุอาสา  | ||
| + | ชาวกะหมังกุหนิงพารา   เห็นทัพใหญ่ยกมามากมี  | ||
| + | รี้พลคณนานับแสน   อเนกแน่นรถรัถหัตถี  | ||
| + | ต่างตื่นตกใจไม่สมประดี   เผ่นขึ้นพาชีกลับไป  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงจึงเข้าในค่ายหลวง   เอากิจจาทั้งปวงแถลงไข  | ||
| + | บอกแก่ยาสาเสนาใน   โดยได้ไปเห็นรี้พล  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ยาสาได้แจ้งแห่งเหตุผล  | ||
| + | จึงพาม้าใช้สองคน   รีบร้นมายังพลับพลาชัย  | ||
| + | |||
| + | ๏ ก้มเกล้ากราบทูลภูวเรศ   ว่าคอยเหตุได้เห็นทัพใหญ่  | ||
| + | ยกมาแน่นดงพงไพร   ดูไปไม่สิ้นโยธา  | ||
| + | เซ็งแซ่แตรสังข์ฆ้องกลอง   ช้างร้องเรียกมันสนั่นป่า  | ||
| + | เสียงโกลนกระทบแผงข้างม้า   ดังว่าเสียงพยุห์อึงอล  | ||
| + | อันแสงอาวุธหอกดาบ   ปลาบแปลบแวบวับเวหน  | ||
| + | ฝุ่นคลุ้มกลุ้มกลบพะโยมบน   บดบังสุริยนในท้องฟ้า  | ||
| + | ธงหน้ามาปักลงบัดใจ   แลไปไม้รายไปทั้งป่า  | ||
| + | แล้วมีทัพออกมาจากพารา   เข้าหาสมทบบรรจบกัน  | ||
| + | กำลังสงครามครั้งนี้   ดูทียิ่งยวดกวดขัน  | ||
| + | พรุ่งนี้เห็นทีจะโรมรัน   พระทรงธรรม์จงทราบฝ่าธุลี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี  | ||
| + | ได้ฟังยาสาเสนี   จึงมีสีหนาทประภาษไป  | ||
| + | กูเห็นจะเป็นจรกา   ทั้งเชษฐาล่าสำกรุงใหญ่  | ||
| + | บรรจบกับทัพชาวเวียงชัย   พลไกรจึงมาโดยประมาณ  | ||
| + | แต่อรุณฤกษ์รุ่งพรุ่งนี้   จำจะยกไปตีให้แตกฉาน  | ||
| + | จงตรวจตราม้าช้างที่ชำนาญ   จัดทัพทวยหาญเตรียมไว้  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   เสนารับสั่งบังคมไหว้  | ||
| + | มาเร่งรัดจัดทัพทันใด   ตามในพระราชบัญชา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เกณฑ์ทหารหอกปืนพื้นลำลอง   เป็นกองสอดแนมขึ้นหน้า  | ||
| + | แล้วกองร้อยคอยหนุนเนื่องมา   กระทั้งถึงโยธากองพัน  | ||
| + | อันกองซุ่มเสือป่าแมวเซา   ให้ลอบเข้าโจมตีทัพขัน  | ||
| + | กองกลางห้าหมื่นพื้นฉกรรจ์   หนักไหนช่วยนั่นให้ทันที  | ||
| + | เกณฑ์ถ้วนกระบวนทัพหน้า   กองวิหยาสะกำเรืองศรี  | ||
| + | ทัพหลวงล้วนทหารตัวดี   สิบหมื่นพื้นมีฝีมือรบ  | ||
| + | โยธาปาหยังประหมัน   เป็นปีกป้องกองขันบรรจบ  | ||
| + | ตำมะหงงรั้งหลังตั้งครบ   พลรบกองละห้าหมื่นปลาย  | ||
| + | แล้วให้ผูกสินธพอาชา   คอยท่ารับเสด็จผันผาย  | ||
| + | พรั่งพร้อมพหลพลนิกาย   ตัวนายตรวจตราในราตรี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี  | ||
| + | ครั้นแสงทองส่องพื้นปถพี   พระตื่นจากที่บรรทมใน  | ||
| + | จึงชวนสองระตูอนุชา   กับโอรสาพิสมัย  | ||
| + | บทจรจากอาสน์อำไพ   เสด็จไปที่สรงคงคา  | ||
| + | |||
| + | ๏ สี่องค์สรงน้ำทิพย์สนาน   สุคนธ์ธารประทิ่นกลิ่นบุหงา  | ||
| + | ต่างใส่สนับเพลารจนา   ทรงภูษาแย่งยกกระหนกพัน  | ||
| + | เกราะเพ็ชร์เก็จกรองฉลององค์   เจียรบาดบรรจงทรงกระสัน  | ||
| + | คาดปั้นเหน่งพรรณรายสายสุวรรณ   สลับคั่นประจำยามอร่ามเรือง  | ||
| + | ใส่สังวาลสำหรับรณรงค์   ทัพทรวงทรงสายสร้อยห้อยเฟื่อง  | ||
| + | ตาบทิศทับทิมแสงประเทือง   ทองกรประดับเนื่องเนาวรัตน์  | ||
| + | ทรงมหาธำมรงค์เรือนครุฑ   ทรงมงกุฎกรรเจียกจอนจำรัส  | ||
| + | อุบะเพ็ชร์พวงผจงทรงทัด   สี่กษัตริย์ทรงกฤชแล้วคลาไคล  | ||
| + | |||
| + | ๏ เสด็จยังเกยรัตน์รูจี   พร้อมกระบวนโยธีทัพใหญ่  | ||
| + | ต่างองค์ขึ้นทรงมโนมัย   เสนาในอภิวาทดาษดา  | ||
| + | ได้ฤกษ์เลิกพลรณรงค์   ให้ดำเนินเดินธงทัพหน้า  | ||
| + | สารวัดรัดเร่งโยธา   ออกจากค่ายชายป่าพนาลี  | ||
| + | |||
| + | ๏ พระรีบเร่งพลขันธ์แล้วผันผาย   มาตามชายทิวทุ่งกรุงศรี  | ||
| + | ทอดพระเนตร์แลดูหมู่โยธี   ภูมีเห็นเป็นอัศจรรย์  | ||
| + | อันทวนทองธงฉานธงชัย   แลไปไม่มีสีสัน  | ||
| + | จะดูดินฟ้าพนาวัน   สารพันอัประภาคหลากลาง  | ||
| + | มิ่งม้าพาชีที่นั่งทรง   พะเอินงงงวยเงื่อเยื้องย่าง  | ||
| + | กาเหนี่ยวเฉี่ยวฉาบมาริมทาง   ข้ามขวางหน้าฉานผ่านไป  | ||
| + | ให้อาเพศเหตุเห็นวิปริต   ก็แจ้งจิตต์ว่าจะม้วยไม่สงสัย  | ||
| + | ยิ่งคิดคร้ามครั่นพรั่นใจ   พระสั่งให้หยุดพลมนตรี  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   เสนารับสั่งใส่เกศี  | ||
| + | ให้นายกองเอาฆ้องกระแตตี   สัญญาโยธีให้หยุดยั้ง  | ||
| + | ขุนพลผู้ใหญ่ไปตรวจตรา   วางกองโยธาหน้าหลัง  | ||
| + | ปีกขวาปีกซ้ายรายระวัง   จัดตั้งให้ต้องนามนาคา  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ฝ่ายทหารกุเรปันแกล้วกล้า  | ||
| + | นั่งทางอยู่ท้ายพารา   เห็นไพรียกมาแต่ชายไพร  | ||
| + | ม้ารถคชพลคับคั่ง   หยุดตั้งกลางทุ่งกรุงใหญ่  | ||
| + | ต่างคนเผ่นขึ้นมโนมัย   ควบขับกลับไปพลับพลา  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงจึงลงจากพาชี   เห็นเสนีพี่เลี้ยงพร้อมหน้า  | ||
| + | จึงเข้าไปแจ้งความตามกิจจา   โดยได้เห็นโยธาไพรี  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   พระพี่เลี้ยงแจ้งเหตุถ้วนถี่  | ||
| + | ก็เข้าไปบังคมคัลอัญชลี   ทูลระเด่นมนตรีกุเรปัน  | ||
| + | บัดนี้ม้าคอยเหตุมรคา   กลับมาแต่ชายพนาสัณฑ์  | ||
| + | เห็นทัพท้าวกะหมังกุหนิงนั้น   ออกจากค่ายมั่นยกมา  | ||
| + | หยุดยั้งตั้งกองอยู่ชายทุ่ง   ที่เนินทรายท้ายกรุงดาหา  | ||
| + | ขอพระองค์ผู้ทรงศักดา   จงทราบบาทาฝ่าธุลี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระผู้พงศ์เทวาในราศี  | ||
| + | ได้ฟังพี่เลี้ยงทูลคดี   จึงมีพระบัญชาการ  | ||
| + | ตำมะหงงจงเร่งไปตรวจตรา   เกณฑ์พลโยธาทวยหาญ  | ||
| + | เราจะออกหักโหมโรมราญ   รีบรัดจัดการให้พร้อมไว้  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ตำมะหงงกุเรปันกรุงใหญ่  | ||
| + | รับสั่งบังคมลาคลาไคล   ออกไปจัดทัพฉับพลัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ เกณฑ์กระบวนทัพหน้าห้าหมื่น   แต่พื้นพวกปักมาหงัน  | ||
| + | จัดลำลองกองร้อยกองพัน   ทั้งกองกันกองแล่นล้วนตัวดี  | ||
| + | ปีกซ้ายนายไพร่พร้อมหน้า   ล้วนโยธาสิงหัดส่าหรี  | ||
| + | ปีกขวากองกะหรัดติปาตี   จัดพลโยธีให้เท่ากัน  | ||
| + | พวกอาสาพาชีช้างเขน   ต่างเกณฑ์เป็นกองแซงแข็งขัน  | ||
| + | ทัพหลวงล้วนทหารกุเรปัน   เก้าหมื่นพื้นฉกรรจ์สรรมา  | ||
| + | กองหลังรั้งท้ายทั้งนายไพร่   พื้นพวกพลพิชัยหมันหยา  | ||
| + | เกณฑ์ถ้วนกระบวนเบ็ญจเสนา   นายหมวดตรวจตราทั้งห้าทัพ  | ||
| + | แล้วให้ผูกพาชีที่นั่งทรง   เครื่องกุดั่นบรรจงดาวประดับ  | ||
| + | จตุรงค์พร้อมพรั่งคั่งคับ   เตรียมทัพรับเสด็จจรจรัล  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระผู้พงศ์เทวากระยาหงัน  | ||
| + | ครั้นฤกษ์ดีแจ่มดวงสุริยัน   ทรงธรรม์ชวนกะหรัดติปาตี  | ||
| + | ทั้งสุหรานากงอนุชา   สังคามาระตาเรืองศรี  | ||
| + | กับระเด่นดาหยนผู้ภักดี   มาเข้าที่สรงน้ำทิพยมนตร์  | ||
| + | |||
| + | ๏ ห้าองค์ชำระสระสนาน   กิดาหยันถวายพานเครื่องต้น  | ||
| + | บรรจงทรงทาพระสุคนธ์   ปรุงปนเกสรสุมาลี  | ||
| + | สอดใส่สนับเพลาภูษาทรง   ฉลององค์โหมดตาดต่างสี  | ||
| + | เจียรบาดคาดรัดรูจี   ปั้นเหน่งเพ็ชร์พลอยมณีหนุนซับ  | ||
| + | ทรงมหาสังวาลพิชัยยุทธ   ชมพูนุทเฟื่องห้อยพลอยประดับ  | ||
| + | ทองกรแก้วพุกามวามวับ   ธำมรงค์รุ้งระยังจับตา  | ||
| + | ทรงมงกุฎกุณฑลทัดตรัสเตร็จ   อุบะเพ็ชร์แพรวพรายเวหา  | ||
| + | เหน็บกฤชฤทธิไกรแล้วไคลคลา   เสด็จมายังเกยแก้วมณี  | ||
| + | |||
| + | ๏ ต่างองค์ขึ้นทรงม้าต้น   พร้อมพลจตุรงค์ทั้งสี่  | ||
| + | กิดาหยันพี่เลี้ยงเคียงพาชี   ถวายกลดโหมดสีต่างกัน  | ||
| + | ให้เดินทัพโยธาห้ากอง   เสียงกลองเสียงปืนครื้นครั่น  | ||
| + | ผงคลีมืดคลุ้มฉะอุ่มควัน   รีบร้นพลขันธ์คลาไคล  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นมาใกล้กองทัพไพรี   เห็นโยธีธงทิวปลิวไสว  | ||
| + | ช้างม้าดาทุ่งเป็นแถวไป   พระสั่งให้หยุดพลจตุรงค์  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   จึงมหาเสนาตำมะหงง  | ||
| + | รับราชบัญชาพระโฉมยง   ให้หยุดธงสำคัญสัญญา  | ||
| + | แล้วรีบรัดจัดพลรณยุทธ   ตั้งที่นามครุฑปักษา  | ||
| + | วางกองเยื้องกันเป็นฟันปลา   ให้โยธาคอยยิงชิงชัย  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงเป็นใหญ่  | ||
| + | เห็นทัพมาตั้งมั่นกันเมืองไว้   พลไกรเพียบพื้นปถพี  | ||
| + | จึงตรัสเรียกโอรสยศยง   กับองค์อนุชาทั้งสองศรี  | ||
| + | ต่างรีบกะระตะพาชี   ออกยืนที่ประจำโยธา  | ||
| + | แล้วมีสิงหนาทโองการ   ประกาศสั่งทวยหาญกองหน้า  | ||
| + | จงเร่งตีทัพให้อัปรา   หักเอาดาหาในวันนี้  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ดะหมังรับสั่งใส่เกศี  | ||
| + | ก็เร่งพลเร่งพวกพาชี   เข้าต่อตีหักโหมโจมทัพ  | ||
| + | บ้างเป่าชุดจุดยิงปืนใหญ่   ฉัตรชัยมณฑกนกสับ  | ||
| + | นายกอกแกว่งดาบวาบวับ   ต่างขับพลวิ่งเข้าชิงชัย  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   นายทหารกุเรปันไม่หวั่นไหว  | ||
| + | ให้ระดาปืนตับรับไว้   แล้วไล่โยธีตีประจัญ  | ||
| + | ต่างมีฝืมือดื้อดึง   วางวิ่งเข้าถึงอาวุธสั้น   | ||
| + | ดาบสองมือถือโถมทะลวงฟัน   เหล่ากฤชติดพันประจัญรบ  | ||
| + | ทหารหอกกลอกกลับสัประยุทธ   ป้องปัดอาวุธไม่หลีกหลบ  | ||
| + | พวกพลพาชีตีกระทบ   รำทวนสวนประจบทบแทง  | ||
| + | บ้างสกัดซัดพุ่งหอกคู่   เกาทัณฑ์ธนูน้าวแผลง  | ||
| + | ตะลุมบอนฟอนฟันกันกลางแปลง   ต่อแย้งยุทธยิงชิงชัย  | ||
| + | ตายระดับทับกันดังฟอนฟาง   เลือดนองท้องช้างเหลวไหล  | ||
| + | กองหลังประดังหนุนขึ้นไป   ตัวนายไล่ไพร่เข้าบุกบัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   สังคามาระตาแข็งขัน  | ||
| + | เห็นพวกพลไพรีตีประจัญ   โยธาขยั้นหยุดยั้ง  | ||
| + | พระกริ้วโกรธหนักดังอัคคี   แกว่งกระบี่ขี่ขับม้าที่นั่ง  | ||
| + | โรมรุกบุกไปแต่ลำพัง   ไลหลังพวกพลเข้ารณรงค์  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   องค์ระเด่นมนตรีสูงส่ง  | ||
| + | กับระเด่นทั้งสามสุริย์วงศ์   ต่างองค์ผันแปรแลตาม  | ||
| + | เห็นสังคามาระตากล้านัก   ยังอ่อนศักดิ์หักศึกไม่นึกขาม  | ||
| + | มิไว้ใจในทีทำสงคราม   ต่างขับม้าตามไปทันใด  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงเป็นใหญ่  | ||
| + | เห็นระเด่นทั้งสี่จึงถามไป   เจ้าผู้ใดที่ชื่อจรกา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นมนตรีใจกล้า  | ||
| + | ยิ้มพลางทางตอบวาจา   เรายกมาแต่กรุงกุเรปัน  | ||
| + | จะสังหารผลาญพวกปัจจามิตร   ที่มาติดดาหาเขตต์ขัณฑ์  | ||
| + | ซึ่งท่านถามหาจรกานั้น   มิได้มาด้วยกันในกองนี้  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี  | ||
| + | รู้ว่าระเด่นมนตรี   ภูมีครั่นคร้ามขามวิญญาณ์  | ||
| + | แต่มานะตอบไปด้วยใจหาญ   เจ้าผู้วงศ์วานอสัญหยา  | ||
| + | แต่ละองค์ทรงโฉมโสภา   ชันษาอายุก็ยังเยาว์  | ||
| + | ได้เห็นก็เป็นน่าเสียดาย   จะพากันมาตายเสียเปล่า ๆ   | ||
| + | ไม่ควรคู่สู้รบกันกับเรา   ครั้นจะฆ่าเสียเล่าก็อายใจ  | ||
| + | อันหนึ่งตัวเจ้ากับเรานี้   จะราคีเคืองกันก็หาไม่  | ||
| + | ให้จรกามาเถิดจะชิงชัย   เจ้าจะได้ดูเล่นเป็นขวัญตา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระองค์วงศ์อสัญแดหวา  | ||
| + | จึงว่าอันตัวจรกา   มิได้อยู่ดาหาธานี  | ||
| + | เมื่อหลับตามารบให้ผิดเมือง   รี้พลตายเปลืองไม่พอที่  | ||
| + | จะรบกับจรกาดังว่านี้   จงล่าเลิกโยธีถอยไป  | ||
| + | แม้นไม่รู้แห่งเมืองจรกา   จะช่วยชี้มรรคานำให้  | ||
| + | จะขืนตั้งประชิดติดกรุงไกร   จะชิงชัยไม่ฟังท่านพาที  | ||
| + | มาตรแม้นจรกามิมาเล่า   ตัวเราจำช่วยด้วยเป็นพี่  | ||
| + | เมตตาว่าน้องเป็นสตรี   จะทอดทิ้งมารศรีเสียอย่างไร  | ||
| + | ใช่นางเกิดในประทุมา   สุริย์วงศ์พงศานั้นหาไม่  | ||
| + | จะมาช่วงชิงกันดังผลไม้   อันจะได้นางไปอย่าสงกา  | ||
| + | </tpoem>  | ||
| + | === ===  | ||
| + | <tpoem>  | ||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงใจกล้า  | ||
| + | จึงว่าเรายกโยธา   หมายมาจะชิงพระบุตรี  | ||
| + | ถึงจะรับของสู่ระตูไว้   ยังมิได้ทำการภิเษกศรี  | ||
| + | จรกาไม่มาก็ยิ่งดี   ไม่มีผู้หวงแหนเกียจกัน  | ||
| + | สุดแต่นางอยู่ที่ไหน   เราจะชิงชัยที่นั่น  | ||
| + | อันชิงนางอย่างนี้ไม่ผิดธรรม์   ธรรมเนียมนั้นมีแต่บุราณมา  | ||
| + | สุดแต่ใครดีก็ใครได้   การอะไรของเจ้าผู้เชษฐา  | ||
| + | จงยกทัพกลับคืนไปพารา   เบื้องหน้าจะได้สืบสุริย์วงศ์  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นมนตรีตอบตามประสงค์  | ||
| + | ซึ่งจะให้เรายกจตุรงค์   คืนคงกรุงไกรนั้นไม่ควร  | ||
| + | อับอายไพร่ฟ้าประชาชน   เสนีรี้พลจะแซ่สรวล  | ||
| + | หรือหมายไม่สมคะเนเรรวน   จึงชวนพูดจาอย่าทัพ  | ||
| + | อย่าพักอุบายให้ตายใจ   ท่านมิยกคืนไปก็ไม่กลับ  | ||
| + | รี้พลก็จะพลอยย่อยยับ   เรากับระตูมาสู้กัน  | ||
| + | จะได้ดูฤทธีฝืมือ   ให้ลือชื่อในชะวาเขตต์ขัณฑ์  | ||
| + | หรือรักตัวกลัวจะม้วยชีวัน   บังคมคัลจะให้คืนไปพารา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   วิหยาสะกำใจกล้า  | ||
| + | ได้ฟังคั่งแค้นแทนบิดา   จึงตอบวาจาว่าไป  | ||
| + | ดูกอ่นอริราชไพรี   อย่าพาทีลบหลู่ท่านผู้ใหญ่  | ||
| + | โอหังบังอาจประมาทใคร   จะนบนอบยอบไหว้อย่าพึงนึก  | ||
| + | มิเราก็เจ้าจะตายลง   อย่าหมายจิตต์คิดทะนงในการศึก  | ||
| + | ยังมิทันพันตูมาขู่คึก   จะรับแพ้แลลึกไม่มีลาย  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   สังคามาระตาเฉิดฉาย  | ||
| + | ฟังวิหยาสะกำอภิปราย   หยาบคายเคืองขัดอัธยา  | ||
| + | จึงทูลองค์ระเด่นมนตรี   น้องนี้จะขออาสา  | ||
| + | สู้วิหยาสะกำผู้ศักดา   พระองค์จงยืนม้าเป็นประธาน  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นมนตรีใจหาญ  | ||
| + | จึงตอบอนุชาชัยชาญ   เจ้าจะต้านต่อฤทธิ์ก็ตามใจ  | ||
| + | แต่อย่าลงจากพาชี   เพลงกระบี่ยังหาชำนาญไม่  | ||
| + | เพลงทวนสันทัดชัดเจนใจ   เห็นจะมีชัยแก่ไพรี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   สังคามาระตาเรืองศรี  | ||
| + | น้อมองค์ลงถวายอัญชลี   กะระตรพาชีขึ้นไปพลัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ ยืนม้าอยู่ตรงวิหยาสะกำ   แสร้งทำเป็นทีเย้ยหยัน  | ||
| + | แล้วว่าใครไม่คิดแก่ชีวัน   จะชิงตุนาหงันพระธิดา  | ||
| + | จงมาเล่นทวนด้วยกันก่อน   ให้เห็นฤทธิรอนแกล้วกล้า  | ||
| + | แม้ควรคู่กับวงศ์เทวา   จึงจะยกกัลยาให้ไป  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   วิหยาสะกำศรีใส  | ||
| + | ได้ฟังแค้นขัดอัดใจ   จึงตอบคำไปด้วยพลัน  | ||
| + | ดูก่อนผู้เรืองฤทธิรงค์   รูปทรงงามสมคมสัน  | ||
| + | เชื้อชาติญาติวงศ์พงศ์พันธุ์   อยู่เขตต์ขัณฑ์ธานีบุรีไร  | ||
| + | หรือเป็นวงศ์อสัญแดหวา   ในสี่นคราเป็นไฉน  | ||
| + | จึงปั้นหน้ามาต่อฤทธิไกร   ไม่กลัวชีวาลัยจะมรณา  | ||
| + | ที่ยืนม้าอยู่ข้างหลังนั้น   กั้นกลดพื้นสุวรรณโอ่อ่า  | ||
| + | นามวงศ์พงศ์ใครจงบอกมา   แจ้งกิจจาแล้วจึงจะรบกัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   สังคามาระตาเฉิดฉัน  | ||
| + | ได้ฟังดังศรเสียดกรรณ   จึงตอบไปพลันทันใด  | ||
| + | อันองค์สมเด็จพระเป็นเจ้า   คืออิเหนากุเรปันเป็นใหญ่  | ||
| + | นั่นกะหรัดติปาตีชาญชัย   ร่วมในสุริย์วงศ์ธิบดี  | ||
| + | นี่สุหรานากงทรงสวัสดิ์   องค์อะนะสิงหัดส่าหรี  | ||
| + | นั่นระเด่นดาหยนภูมี   อยู่หมันหยาธานีกรุงไกร  | ||
| + | เราชื่อสังคามาระตา   หน่อท้าวปักมาหงันเป็นใหญ่  | ||
| + | ได้เป็นอนุชาเรืองชัย   ภูวไนยองค์ระเด่นมนตรี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   วิหยาสะกำเรืองศรี  | ||
| + | ยิ้มแล้วจึงตอบวาที   ซึ่งว่ามานี้ก็เข้าใจ  | ||
| + | อันกาหลังสิงหัดส่าหรีนั้น   ดาหากุเรปันกรุงใหญ่  | ||
| + | หมันหยาธานีนั้นไซ้   ก็แจ้งใจว่าวงศ์นั้นสืบมา  | ||
| + | ตัวสิอยู่ปักมาหงัน   ใช่วงศ์อสัญแดหวา  | ||
| + | เหตุใดว่าเป็นอนุชา   นับในวงศาประการใด  | ||
| + | หรือหนึ่งพึ่งจะมาเป็นน้อง   เกี่ยวข้องรักกันเป็นไฉน  | ||
| + | เราคิดเห็นผิดประหลาดใจ   จงบอกไปแต่จริงบัดนี้  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   สังคามาระตาเรืองศรี  | ||
| + | ฟังวิหยาสะกำพาที   ดังตรีเพ็ชร์บาดในอุรา  | ||
| + | จึงร้องว่าเหวยไพริน   ลมลิ้นหยาบคายหนักหนา  | ||
| + | มาถามไถ่ไล่เอาสัจจา   คือจะปรารถนาสิ่งใด  | ||
| + | สุดแต่ว่าจิตพิศวาส   ก็นับว่าวงศ์ญาติกันได้  | ||
| + | อย่าชักเจรจาให้ช้าไป   จะชิงชัยให้เห็นฝืมือกัน  | ||
| + | ว่าพลางทางกรายปลายทวน   รำร่ายเป็นกระบวนหวนหัน  | ||
| + | ชักอาชาชิดติดพัน   เข้าประจัญจ้วงโจมโถมแทง  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   วิหยาสะกำเข้มแข็ง  | ||
| + | ขับม้าเลี้ยวล่อต่อแย้ง   กรายพระแสงทวนรำเป็นทำนอง  | ||
| + | กลอกกระหยับกลับแทงทั้งซ้ายขวา   สังคามาระตาปัดป้อง  | ||
| + | ถ้อยทีหนีไล่รับรอง   เปลี่ยนท่าทวนทองแทงกัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   สังคามาระตาแข็งขัน  | ||
| + | ขับม้าไว้ว่องป้องประจัญ   เป็นเชิงชั้นชิงชัยในทีทวน  | ||
| + | ร่ายรับกลับแทงไม่แพลงพล้ำ   วิหยาสะกำผัดผันหันหวน  | ||
| + | ต่างเรียงเคียงร่ายย้ายกระบวน   ปะทะทวนรวนรุกคลุกคลี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   วิหยาสะกำเรืองศรี  | ||
| + | ชักม้าวงวิ่งชิงที   โหมหักไพรีด้วยแรงฤทธิ์  | ||
| + | โถมแทงแล้วแปลงเปลี่ยนกระบวน   ทบทวนม้าที่นั่งไม่พลั้งผิด  | ||
| + | หมายเขม้นเข่นฆ่าปัจจามิตร   ตามติดต้านทานราญรอน  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   สังคามาระตาชาญสมร  | ||
| + | รบรับเคี่ยวขับอัศดร   ยอกย้อนเป็นกลรณรงค์  | ||
| + | กลับกลอกรำร่ายกรายพระแสง   ปะทะแทงทะลวงไล่พอให้หลง  | ||
| + | แล้วทำเสียเชิงชักม้าทรง   ตลบองค์เวียนหันไปทันที  | ||
| + | พระเนตร์มุ่งหมายม้าวิหยาสะกำ   เห็นถลำเลี้ยวไล่ได้ที่  | ||
| + | แทงสอดลอดเกราะถูกไพรี   ตกจากพาชีมรณา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงใจกล้า  | ||
| + | เห็นโอรสต้องศาสตรา   ตกจากอาชาบรรลัย  | ||
| + | พระกริ้วโกรธโกรธาบ้าจิตต์   จะรอรั้งยั้งคิดก็หาไม่  | ||
| + | แกว่งหอกควบขับอาชาไนย   เข้ารุกไล่สังคามาระตา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระสุริย์วงศ์พงศ์อสัญแดหวา  | ||
| + | เห็นไพรีรุกไล่อนุชา   พระขับม้าถลันออกกั้นกาง  | ||
| + | กลับกลอกหอกทรงพุ่งสกัด   ระตูรับผันผัดไม่ขับขวาง  | ||
| + | พระชักอาชาไนยไว้วาง   สะบัดย่างเชือนชายย้ายทำนอง  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงไวว่อง  | ||
| + | ขับม้าวงวิ่งชิงคลอง   แคล่วคล่องกลับกลอกหอกซัด  | ||
| + | ขยับกรผ่อนพุ่งข้างละที   ระเด่นมนตรีป้องปัด  | ||
| + | ระตูตามติดพันด้วยสันทัด   ผันผัดอาวุธกันไปมา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระผู้พงศ์เทวันอสัญหยา  | ||
| + | รบพลางทางชักอาชา   รั้งรำรอไว้ไม่รอนราญ  | ||
| + | จึงคิดว่าระตูผู้นี้   ท่วงทีสามารถอาจหาญ  | ||
| + | ทั้งอาวุธต่าง ๆ ก็ชำนาญ   จะผลาญบนหลังม้าเห็นยากใจ  | ||
| + | อย่าเลยจะชวนตีกระบี่   ได้ทีจะฆ่าเสียให้ได้  | ||
| + | คิดแล้วจึงร้องประกาศไป   ดูก่อนภูวไนยธิบดี  | ||
| + | เรารบกันบนหลังอาชา   ต่างกล้าสามารถไม่ถอยหนี  | ||
| + | มาจะลงยังพื้นปถพี   ตีกระบี่ให้เห็นฝืมือกัน  | ||
| + | ว่าพลางลงจาอัศดร   พระกรทรงกระบี่ผายผัน  | ||
| + | รำร่ายหันเหียนเวียนระวัน   หมายมั่นเข่นฆ่าราวี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี  | ||
| + | จึงถอดโกลนโจนจากพาชี   ภูมีไม่ยั้งรั้งรา  | ||
| + | ทรงกระบี่รำเรียงเคียงร่าย   ประปรายปลายกระบี่แล้วให้ท่า  | ||
| + | กระหยับหันผันหลังออกมา   แล้วกลับหน้าจ้วงโจมเข้าฟันแทง  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระสุริย์วงศ์เทวากล้าแข็ง  | ||
| + | กลับกระบี่ให้ท่าเปลี่ยนแปลง   ต่อแย้งย่างท้าวก้าวชิด  | ||
| + | แทงต้องระตูแล้วฟันซ้ำ   ไม่ชอกช้ำผิวหนังแต่สักหนิด  | ||
| + | ต่างทรงศักดาวราฤทธิ์   เลี้ยวไล่ตามติดต้านทาน  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงห้าวหาญ  | ||
| + | แกว่งกระบี่ผัดผันประจัญบาน   ไม่ย่อท้อต่อต้านราญรบ  | ||
| + | แทงทะลวงจ้วงฟันทันที   ระเด่นมนตรีหลีกหลบ  | ||
| + | กระบี่ต่อกระบี่ตีกระทบ   เป็นประกายกลุ้มกลบกันไปมา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นมนตรีใจกล้า  | ||
| + | เห็นระตูต่อตีมีศักดา   คงทั้งศาสตราอาวุธ  | ||
| + | ทางหนีทีไล่ไวว่อง   เพลงกระบี่ตีคล่องเป็นที่สุด  | ||
| + | ยากที่ใครจะรอต่อยุทธ์   เป็นบุรุษย์ผู้หนึ่งในแดนไตร  | ||
| + | จำกูจะสังหารด้วยกฤช   ซึ่งเทเวศร์ประสิทธิ์ประสาทให้  | ||
| + | คิดพลางชักกฤชฤทธิไกร   แล้วร้องว่าไปมิได้ช้า  | ||
| + | ดูก่อนระตูภูมี   เพลงกระบี่ตีกันจนสิ้นท่า  | ||
| + | ต่างคนไม่แพ้ฤทธา   เรามารำกฤชสู้กัน  | ||
| + | ว่าพลางทางถอดกฤชกราย   เยื้องย้ายร่ายรำบิดผัน  | ||
| + | กวักพระหัตถ์ตรัสเรียกระตูพลัน   พระทำทีเย้ยหยันไพรี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี  | ||
| + | ได้ฟังชื่นชมยินดี   ครั้นนี้อิเหนาจะวายชนม์  | ||
| + | อันเพลงกฤชชะวามลายู   กูรู้สันทัดไม่ขัดสน  | ||
| + | คิดแล้วชักกฤชฤทธิรน   ร่ายรำทำกลมารยา  | ||
| + | กรขวานั้นกุมกฤชกราย   พระหัตถ์ซ้ายนั้นถือเช็ดหน้า  | ||
| + | เข้าปะทะประกฤชด้วยฤทธา   ผัดผันไปมาไม่ครั่นคร้าม  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นมนตรีชาญสนาม  | ||
| + | พระกรกรายกฤชติดตาม   ไม่เข็ดขามคร้ามถอยคอยรับ  | ||
| + | หลบหลีกไวว่องป้องกัน   ผัดผันหันออกกลอกกลับ  | ||
| + | ปะทะแทงแสร้งทำสำทับ   ย่างกระหยับรุกไล่มิได้ยั้ง  | ||
| + | |||
| + | ๏ เห็นระตูถอยเท้าก้าวผิด   พระกรายกฤชแทงอกตลอดหลัง  | ||
| + | ล้มลงด่าวดิ้นสิ้นกำลัง   มอดม้วยชีวังปลดปลง  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   กะหรัดติปาตีสูงส่ง  | ||
| + | ทั้งระเด่นดาหยนสุริย์วงศ์   สุหรานากงทรงฤทธิ์  | ||
| + | เห็นระเด่นมนตรีต่อสู้   แทงระตูแม่ทัพดับจิตต์  | ||
| + | สามองค์ทรงม้ากระชั้นชิด   จะสังหารผลาญชีวิตไพรี  | ||
| + | ต่างเข้าลุยไล่ไม่รอรั้ง   ท้าวปาหยังประหมันผันหนี  | ||
| + | ทหารโห่เอาชัยได้ที   ตามตีโยธาฝ่าฟัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระตูปาหยังประหมัน  | ||
| + | สุดที่จะรับรอบป้องกัน   พลขันธ์พังพ่ายตายยับ  | ||
| + | ไพร่พลัดจากนายกระจายหนี   เห็นเสียทีตีม้าควบขับ  | ||
| + | ปลอมพลปนไปในกองทัพ   ไม่ผันหน้ามารับแต่สักคน  | ||
| + | บ้างเข้าแบกคนละบ่าพานายวิ่ง   ประเจียดเครื่องเปลื้องทิ้งไว้เกลื่อนกล่น  | ||
| + | บ้างหนามเกี่ยวหัวหูไม่รู้ตน   ซุกซนด้นไปแต่ลำพัง  | ||
| + | บางเหล่าทิ้งไถ้เขนงปืน   ลือตื่นเสียงเพื่อนกันข้างหลัง  | ||
| + | ที่ถูกปืนป่วยขาละล้าละลัง   อุสส่าห์คลานซานซังซุกไป  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นมาถึงท้ายค่ายมั่น   ท้าวประหมันปาหยังเปนใหญ่  | ||
| + | จึงหยุดปรึกษากันทันใด   อันเราจะหนีไปเห็นไม่พ้น  | ||
| + | ครั้นจะคืนเข้าค่ายรายรับ   ไม่ทันทีกองทัพยังสับสน  | ||
| + | จะซ้ำเสียเสนีรี้พล   จำจะผ่อนให้พ้นมรณา  | ||
| + | มาเราจะเข้าบังคมคัล   พระผู้พงศ์อสัญแดหวา  | ||
| + | จึงให้ยกธงอัปรา   โยธายั้งหยุดพร้อมกัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ สององค์ลงจากอาชา   เสด็จมากับหมู่กิดาหยัน  | ||
| + | เสนาแวดล้อมแน่นนันต์   จรจรัลมาสมรภูมิ์ชัย  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงจึงแจ้งกิจจา   แก่ตำมะหงงเสนาผู้ใหญ่  | ||
| + | เราน้องระตูที่บรรลัย   ตั้งใจมาเฝ้าบาทบงสุ์  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   จึงมหาเสนาตำมะหงง  | ||
| + | พาระตูพี่น้องทั้งสององค์   มาเฝ้าพระสุริย์วงศ์ทรงธรรม์  | ||
| + | |||
| + | ๏ วันทาทูลแถลงแจ้งคดี   บัดนี้ท้าวปาหยังประหมัน  | ||
| + | น้องระตูผู้ม้วยชีวัน   มาบังคมคัลภูวไนย  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   สองระตูตัวสั่นหวั่นไหว  | ||
| + | กราบบาทมูลแล้วทูลไป   ภูวไนยได้ทรงพระเมตตา  | ||
| + | ข้าบาททั้งสองเป็นไพรี   โทษผิดครั้งนี้หนักหนา  | ||
| + | จงโปรดปรานขอประทานชีวา   ไว้เป็นข้าใต้เบื้องบทมาลย์  | ||
| + | ขอเอาพระเดชปกเกศเกล้า   ตราบเท่าสิ้นชีพสังขาร  | ||
| + | ถึงปีจะมีบรรณาการ   มาถวายตามบุราณประเพณี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นมนตรีเรืองศรี  | ||
| + | ฟังระตูสองราพาที   ภูมีจึงตรัสตอบไป  | ||
| + | ซึ่งท่านมาวอนง้อขอโทษ   เราจะถือโกรธนั้นหาไม่  | ||
| + | อันเชษฐานัดดาซึ่งบรรลัย   เพราะใจโอหังกำลังพาล  | ||
| + | ท่านจงรับศพทั้งสองนั้น   พากันกลับไปยังถิ่นฐาน  | ||
| + | บูชาเพลิงปลงส่งสักการ   ให้พร้อมวงศ์วานในธานี  | ||
| + | |||
| + | ๏ ตรัสพลางย่างเยื้องยุรยาตร์   องอาจดังไกรสรสีห์  | ||
| + | สองระตูตามเสด็จจรลี   ไปที่วิหยาสะกำตาย  | ||
| + | มาเห็นศพทอดทิ้งกลิ้งอยู่   พระพินิจพิศดูแล้วใจหาย  | ||
| + | หนุ่มน้อยโสภาน่าเสียดา   ควรจะนับว่าชายโฉมยง  | ||
| + | ทนต์แดงดังแสงทับทิม   เพริดพริ้มเพรารับกับขนง  | ||
| + | เกศาปลายงอนงามทรง   เอวองค์สารพัตรไม่ขัดตา  | ||
| + | กระนี้หรือบิดามิพิศวาส   จนพินาศด้วยโอรสา  | ||
| + | แม้นว่าระตูจรกา   งามเหมือนวิหยาสะกำนี้  | ||
| + | มิได้ร้อนรนด้วนปนศักดิ์   น่ารักรูปทรงส่งศรี  | ||
| + | ตรัสแล้วลีลาขึ้นพาชี   กลับไปยังที่พลับพลาพลัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   สองระตูวิโยคโศกศัลย์  | ||
| + | กอดศพเชษฐาเข้าจาบัลย์   พิไรร่ำพรรณโศกา  | ||
| + | |||
| + | ๏ โอ้ว่าพระองค์ผู้ทรงยศ   พระเกียรติ์ปรากฏในแหล่งหล้า  | ||
| + | สงครามทุกครั้งแต่หลังมา   ไม่เคยอัปราแก่ไพรี  | ||
| + | ครั้งนี้ควรหรือมาพินาศ   เบาจิตต์คิดประมาทไม่พอที่  | ||
| + | เพราะรักบุตร์สุดสวาทแสนทวี   จะทัดทานภูมีไม่เชื่อฟัง  | ||
| + | อนิจจาวิหยาสะกำเอ๋ย   เวรสิ่งใดเลยแต่หนหลัง  | ||
| + | เสียแรงเรืองฤทธีมีกำลัง   มาวอดวายชีวังแต่ยังเยาว์  | ||
| + | ตั้งแต่นี้ไปไม่เห็นหน้า   กลับคืนพาราจะเงียบเหงา  | ||
| + | สองกษัตริย์กำสรดซบเซา   ให้ละห้อยสร้อยเศร้าวิญญาณ์  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นคลายวายโศกกรรแสงศัลย์   ให้เชิญศพทรงธรรม์เชษฐา  | ||
| + | กับศพศรีราชนัดดา   ขึ้นมหาบุษบกรถชัย  | ||
| + | ระตูสององค์ทรงอัศดร   เลิกนิกรโยธาทัพใหญ่  | ||
| + | เข้าในพนมพนาลัย   กลับไปยังราชธานี  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   เสนาดาหากรุงศรี  | ||
| + | เห็นอิเหนามีชัยแก่ไพรี   ก็เผ่นขึ้นพาชีรีบมา  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงซึ่งท้องพระโรงคัล   อภิวันท์องค์ศรีปัตหรา  | ||
| + | ทูลว่าอิเหนานัดดา   เข่นฆ่าไพรีวายปราณ  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระปิ่นปักนัคเรศราชฐาน  | ||
| + | แจ้งว่าข้าศึกประลัยลาญ   มีความเกษมสานต์โสมนัส  | ||
| + | ซึ่งดาลเดือดนัดดามาแต่หลัง   ก็ค่อยคลายแค้นคั่งเคืองขัด  | ||
| + | เสด็จจากแท่นที่นั่งบัลลังก์รัตน์   เข้าปราสาทจำรัสรูจี  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ตำมะหงงกุเรปันกรุงศรี  | ||
| + | จึงสั่งพนักงานทันที   บัดนี้เสร็จการชิงชัย  | ||
| + | จะเชิญเสด็จพระโฉมยง   ไปสรงสนานในสระใหญ่  | ||
| + | ริมเชิงกุหนุงมาลัย   เร่งไปปลูกเกยและพลับพลา  | ||
| + | ประชุมเหล่าโหราราชครู   พราหมณ์ชีบีกูประมาหนา  | ||
| + | สำหรับราชพิธีกษัตรา   ให้พร้อมแต่เวลาตะวันชาย  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   จึงเหล่าพนักงานทั้งหลาย  | ||
| + | รับคำบังคับคำนับนาย   ออกจากค่ายเข้าป่าพากันไป  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงซึ่งฝั่งสระศรี   ริมเชิงคิรีเขาใหญ่  | ||
| + | เกณฑ์กันปลูกเกยพลับพลาชัย   ทุกหมวดหมายนายไพร่ระดมกัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ตำมะหงงเสนาคนขยัน  | ||
| + | เข้าไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์   บังคมคัลแล้วทูลทันใด  | ||
| + | อันประเวณีกษัตริยแต่ก่อน   รณรงค์ราญรอนศึกใหญ่  | ||
| + | แม้นชะนะไพรีมีชัย   ย่อมไปสระสนานสำราญองค์  | ||
| + | ขอเชิญเสด็จพระภูวนาถ   ลีลาศไปชำระสระสรง  | ||
| + | ยังสระชื่อเบ็ญจบุษบง   ให้เป็นมงคลสวัสดี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นมนตรีเรืองศรี  | ||
| + | ฟังคำตำมะหงงเสนี   ภูมีชื่นชมภิรมยา  | ||
| + | จึงเสด็จขึ้นม้าที่นั่งทรง   กับระเด่นสี่องค์วงศา  | ||
| + | พร้อมม้าพี่เลี้ยงและเสนา   ม้าหมู่โยธาพลไกร  | ||
| + | ครบถ้วนกระบวนพาชี   ขับขี่สะบัดย่างวางใหญ่  | ||
| + | ควบแข่งแซงเสียดกันไป   ตามแถวแนวไม้ชายดง  | ||
| + | </tpoem>  | ||
| + | === ===  | ||
| + | <tpoem>  | ||
| + | ๏ ครั้นถึงซึ่งสระประทุเมศ   อยู่นอกนคเรศสำหรับสรง  | ||
| + | เสด็จจากพาชีที่นั่งทรง   แล้วลงสรงสนานสำราญกาย  | ||
| + | |||
| + | ๏ ชี้ชมโกสุมประทุมมาศ   ขาวแดงเดียรดาษประหลาดหลาย  | ||
| + | ชูก้านบานกลีบคลี่คลาย   เกสรร่วงรายเรณูนวล  | ||
| + | เหล่าระเด่นเล่นน้ำในสระนั้น   ยิ้มแย้มหยอกกันเกษมสรวล  | ||
| + | พระทรงฤทธิ์คิดกระศัลย์รัญจวน   คะนึงนวลโฉมงามสามสุดา  | ||
| + | บุษบงส่งรสรวยริน   หอมละม้ายคล้ายกลิ่นจินตะหรา  | ||
| + | ถวิลวันลงสรงคงคา   เมื่อไปฌาปนกิจอัยยกี  | ||
| + | เห็นหมู่มัจฉาว่ายคลาคล่ำ   เหมือนเจ้าว่ายแหวกน้ำหนีพี่  | ||
| + | โหยหวนครวญคำนึงถึงเทวี   ภูมีเศร้าสร้อยกำสรดทรง  | ||
| + | |||
| + | ๏ สรงเสร็จก็เสด็จคลาไคล   ประพาสไปริมฝั่งสระสรง  | ||
| + | กับระเด่นทั้งสี่สุริย์วงศ์   ต่างองค์สับพะยอกหยอกกัน  | ||
| + | พระหักก้านโกสุมประทุมา   รำท่ากระบี่บิดผัน  | ||
| + | กับระเด่นสิงหัดส่าหรีนั้น   ป้องปัดผัดผันอลวน  | ||
| + | อันองค์กะหรัดติปาตี   รำกระบี่กับระเด่นดาหยน  | ||
| + | สังคามาระตานั้นประจญ   ด้วยเสนาสามนต์ไปมา  | ||
| + | ยะรุเดะสันทัดกั้นหยั่ง   คู่กันกับกะระตาหลา  | ||
| + | ปูนตาคู่กับประสันตา   รำกฤชชะวาว่องไว  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นเสร็จพระเสด็จจรลี   ไปยังที่พลับพลาอาศัย  | ||
| + | ทรงภูษาโขมพัสตร์อำไพ   แล้วตรงไปขึ้นเกยพิธีการ  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ปุโรหิตโหรามหาศาล  | ||
| + | ต่างตนประณตบทมาลย์   โอมอ่านไสยเวทขึ้นฉับพลัน  | ||
| + | จึงเอาใบมะพร้าวมาจำลัก   เป็นรูปจักรหอกดายพระแสงขรรค์  | ||
| + | ทั้งกฤชและเสนาเกาทัณฑ์   สารพันอาวุธนานา  | ||
| + | ลอยลงในน้ำพิธีการ   ซ้ำอ่านอาคมคาถา  | ||
| + | โสรจสรงห้าองค์กษัตรา   ให้เมาะตาริยะกัดสวัสดี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นมนตรีเรืองศรี  | ||
| + | ครั้นเสร็จสรงน้ำพิธี   ภูมีชื่นชมภิรมยา  | ||
| + | จึงสำอางอ่าองค์ทรงเครื่อง   อร่ามเรืองจำรัสทัดบุหงา  | ||
| + | ขึ้นทรงสินธพอาชา   ควบขับกลับมาพลับพลาทอง  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงจึงเสด็จขึ้นเหนืออาศน์   ภูวนาถทุกข์ทนหม่นหมอง  | ||
| + | คะนึงสามทรามสงวนนวลน้อง   ตรึกตรองแต่จะคืนไปพารา  | ||
| + | |||
| + | ๏ พระสุริยาสายัณห์สิ้นแสง   ศศิธรแจ่มแจ้งเวหา  | ||
| + | พระดูเดือนเหมือนผิวพักตรา   ระเด่นจินตะหรายาใจ  | ||
| + | โอ้ว่าเจ้าดวงยิหวาพี่   อนิจจาป่านนี้จะเป็นไฉน  | ||
| + | จะตั้งแต่อาวรณ์ร้อนฤทัย   คร่ำครวญหวนไห้ไม่เว้นวัน  | ||
| + | สรงเสวยเคยสุขจะทุกข์ร้อน   ยามนอนจะวิโยคโศกศัลย์  | ||
| + | ใครจะปลอบอรทัยวิไลวรรณ   ให้สร้างกรรแสงเศร้าโศกา  | ||
| + | จะได้แต่ปรับทุกข์กันทั้งสาม   จะนับวันคืนยามคอยหา  | ||
| + | อกเอ๋ยจำใจไกลสุดา   เพราะต้องมาปราบราชไพรี  | ||
| + | บัดนี้การศึกก็เสร็จสรรพ   พี่จะเร่งรีบกลับไปสมศรี  | ||
| + | พระครวญคร่ำกำสรดแสนทวี   คิดอยู่แต่ที่จะคลาไคล  | ||
| + | |||
| + | ๏ จึงสั่งระเด่นดาหยน   จงจัดพลโยธาทัพใหญ่  | ||
| + | พร้อมทั้งม้ารถคชไกร   ตรวจตราเตรียมไว้ในราตรี  | ||
| + | พรุ่งนี้จะเข้าไปทูลลา   กลับไปหมันหยากรุงศรี  | ||
| + | สั่งเสร็จเสด็จจรลี   เข้าในแท่นที่ไสยา  | ||
| + | ๏ มาจะกล่าวบทไป   ถึงระตูจรกานาถา  | ||
| + | ตั้งแต่ให้ราชสารา   ไปกล่าวบุษษได้ดังใจ  | ||
| + | พระยิ่งชื่นชมโสมนัส   ในจิตต์ประดิพัทธ์พิสมัย  | ||
| + | มีแต่เปรมปริ่มกระหยิ่มใจ   ดังได้เสวยสวรรค์ชั้นฟ้า  | ||
| + | เวียนคลี่กระดาษวาดรูปนาง   ประทับกับทรวงพลางทางหวลหา  | ||
| + | ป่านนี้พุ่มพวงดวงสุดา   จะคิดคอยพี่ยาทุกนาที  | ||
| + | พี่ก็ให้เร่งรัดจัดงาน   จะยกไปทำการภิเษกศรี  | ||
| + | แต่โหยหวนครวญคะนึงถึงเทวี   ไม่เป็นอันที่จะนิทรา  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นรุ่งรังสีรวีวรรณ   พระทรงธรรม์อ่าองค์ทรงภูษา  | ||
| + | ย่างเยื้องยุรยาตร์คลาดคลา   ออกมาพระโรงรัตน์ชัชวาล  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   เสนาดาหาราชฐาน  | ||
| + | ก้มเกล้าประณตบทมาลย์   ทูลแถลงแจ้งการทันที  | ||
| + | บัดนี้พระผู้ผ่านดาหา   ใช้ข้ามาทูลบทศรี  | ||
| + | ด้วยท้าวกะหมังกุหนิงภูมี   ให้เสนีนำราชสารา  | ||
| + | ไปกล่าวพระบุตรีโฉมยง   ให้องค์พระโอรสา  | ||
| + | สมเด็จพระราชบิดา   ตอบว่าได้ให้แก่ภูวไนย  | ||
| + | ในว่าไม่ให้ไม่ฟังกัน   จะชิงตุนาหงันให้ได้  | ||
| + | ป่านนี้เห็นจะยกพลไกร   มาชิงชัยดาหาธานี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระตูจรกาเรืองศรี  | ||
| + | ได้ฟังคั่งแค้นแสนทวี   ดังอัคคีจี้จุดดวงใจ  | ||
| + | แผดเสียงสิงหนาทอาจหาญ   เหม่มันอหังการหยาบใหญ่  | ||
| + | จะชิงดวงยิหวาของกูไป   ดีแล้วจะได้เห็นกัน  | ||
| + | จึงตรัสสั่งดะหมังมนตรี   เร่งตรวจเตรียมโยธีทัพขัน  | ||
| + | ม้ารถคชไกรครบครัน   ให้ทันจะยกยาตรา  | ||
| + | ตำมะหงงจงเร่งรีบไป   ทูลไทธิเบศร์เชษฐา  | ||
| + | ให้กรีธาทัพใหญ่ไคลคลา   ไปช่วยเข่นฆ่าไพรี  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ทั้งสองเสนาบดีศรี  | ||
| + | รับสั่งแล้วรีบจรลี   มาตรวจเตรียมโยธีรี้พล  | ||
| + | |||
| + | ๏ กรมช้างผูกช้างขะนะงา   กรมม้าผูกม้าโกลาหล  | ||
| + | เหล่าทหารจัดแจงแต่งตน   แต่ละคนแข็งขันเคยพันตู  | ||
| + | มาเข้ากระบวนทัพคับคั่ง   ซ้ายขวาหน้าหลังเป็นหมวดหมู่  | ||
| + | บ้างถือเสน่าเกาทัณฑ์ทวนธนู   โล่เขนหอกคู่ปืนไฟ  | ||
| + | พร้อมพรั่งดั้งพยุหโยธา   ดาบดาดังสายน้ำไหล  | ||
| + | ตำมะหงงเสนนั้นรีบไป   ยังกรุงไกรล่าสำธานี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระตูจรกาเรืองศรี  | ||
| + | ครั้นใกล้พิชัยฤกษ์ดี   ก็จรลีมาสรงคงคา  | ||
| + | |||
| + | ๏ ขัดสีสารพางค์สำอางองค์   บรรจงทรงสุคนธ์โอ่อ่า  | ||
| + | ผัดพักตร์ลูบไล้ไปมา   ให้กลบผิวพัตราพระภูมี  | ||
| + | ใส่สนับเพลาทรงภูษา   งามวิจิตรรจนาระบายสี  | ||
| + | ฉลององค์ทรงกระสันอินทรีย์   ซึ่งพ่วงพีให้เห็นเป็นทรวดทรง  | ||
| + | ห้อยหน้าผ้าทิพย์ขลิบสุวรรณ   ทับทรวงดวงกุดั่นดอกตันหยง  | ||
| + | ทองกรกาบกิ่งยิ่งยง   ธำมรงค์ร่วงรุ้งพาหุรัด  | ||
| + | ทรงชฎาเดินหนกุณฑลทอง   เรืองรองดอกไม้ไหวสะบัด  | ||
| + | ห้อยอุบะบรรจงทรงทัด   พระหัตถ์กุมกฤชแล้วจรจรัล  | ||
| + | |||
| + | ๏ เสด็จขึ้นทรงคอคชสาร   สอดชนักหน่วงพานผูกมั่น  | ||
| + | ได้ฤกษ์ยิงปืนเป็นสำคัญ   ให้เคลื่อนพลขันธ์มิทันนาน  | ||
| + | |||
| + | ๏ ช้างเอยช้างต้น   ชาญชนชะนะงากล้าหาญ  | ||
| + | ใหญ่หลวงพ่วงพีพ้นประมาณ   เคยเป็นคชาธารที่นั่งทรง  | ||
| + | ทนปืนยืนสู้ศึกใหญ่   เข้าไหนไล่ลุยเป็นผุยผง  | ||
| + | สำเนียงโกญจนาทอาจอง   งางอนดังจะส่งสอยดาว  | ||
| + | ผูกเครื่องเรืองรัตน์รายอร่าม   ห้อยหูพู่จามรีขาว  | ||
| + | ปกกระพองกรองแก้วแพรวพราว   กระวินวาวชนักถักทอง  | ||
| + | เครื่องสูงชุมสายรายเรียง   แส้เสียงประโคมคึกกึกก้อง  | ||
| + | ช้างม้ารนร่านทะยานร้อง   ยกกองทัพรีบคลาไคล  | ||
| + | |||
| + | ๏ เดินทางค้างทิวาราตรี   หมายจะล้างไพรีให้ตักษัย  | ||
| + | รีบเร่งบทจรไม่นอนใจ   ถึงพิชัยดาหาธานี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ฝ่ายระเด่นมนตรีเรืองศรี  | ||
| + | ไสยาสน์ในราษราตรี   แสนทวีเทวษในวิญญาณ์  | ||
| + | ม่อยหลัยแล้วกลับผวาตื่น   คิดแต่จะคืนไปหมัยหยา  | ||
| + | ป่านนี้โฉมงามสามสุดา   จะละห้อยคอยหาทุกคืนวัน  | ||
| + | เวลาดึกเดือนตกนกร้อง   ระวังไพรไก่ก้องกระชั้นขัน  | ||
| + | เสียงดุเหว่าเร้าเรียกหากัน   ฟังหวั่นว่าเสียงทรามวัย  | ||
| + | พระลุกขึ้นเหลือบแลชะแง้หา   เจ้าตามมาร้องเรียกหรือไฉน  | ||
| + | ลมชวยรวยรสสุมาลัย   หอมเหมือนกลิ่นสะไบบังอร  | ||
| + | ยิ่งเคลิ้มคลุ้มกลุ้มจิตต์พิศวง   ทอดองค์ลงกับบรรจฐรณ์  | ||
| + | กลิ้งกลับสับสนทุรนร้อน   กรตระกองกอดหมอนถอนฤทัย  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นรุ่งรางสว่างเวหน   สุริยนแย้มเยี่ยมเหลี่ยมไศล  | ||
| + | จึงอ่าองค์ทรงเครื่องอำไพ   ภูวไนยเสด็จออกหน้าพลับพลา  | ||
| + | |||
| + | ๏ ได้ยินเสียงแตรสังข์ฆ้องกลอง   ครั่นครึกกึกก้องมาหนักหนา  | ||
| + | จึงดำรัสตรัสสั่งปูนตา   จงให้โยธาไปถามดู  | ||
| + | ใครยกทัพมาแต่เมืองไหน   เหตุใดจึงล่าช้าอยู่  | ||
| + | หรือพวกอริราชศัตรู   จะมาพันตูต่อตี  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   พระพี่เลี้ยงประณตบทศรี  | ||
| + | ออกมาสั่งกันทันที   ตามมีพระราชบัญชา  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ปะหรัดกะติกาใจกล้า  | ||
| + | คำนับรับคำแล้วอำลา   เผ่นขึ้นม้าควบขับไปฉับไว  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงจึงถามถ้วนถี่   ทัพยกมานี้จะไปไหน  | ||
| + | อยู่ยังถิ่นฐานบ้านเมืองใด   คือใครเป็นจอมจตุรงค์  | ||
| + | ระเด่นมนตรีตรัสใช้   มาถามไถ่ให้แจ้งโดยประสงค์  | ||
| + | จงบอกเนื้อความตามตรง   จะได้ไปทูลองค์พระทรงธรรม์  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ปะหรัดกะติกาอัชฌาสัย  | ||
| + | ได้ฟังจะแจ้งไม่แคลงใจ   ก็เร่งรีบกลับไปไม่รอรั้ง  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงจึงตรงเข้าไปหา   ปูนตาพี่เลี้ยงผู้รับสั่ง  | ||
| + | แล้วแถลงแจ้งความให้ฟัง   โดยดังคดีทุกประการ  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ปูนตาฟังคำว่าขาน  | ||
| + | มายังพลับพลาพลันมิทันนาน   กราบกรานแล้วทูลพระทรงธรรม์  | ||
| + | ว่าทัพนี้คือท้าวจรกา   ซึ่งมาขอพระธิดาตุนาหงัน  | ||
| + | แจ้งว่าปัจจามิตร์ติดพัน   จึงมาช่วยป้องกันเวียงชัย  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ประสันตาได้ฟังไม่นิ่งได้  | ||
| + | จึงว่าเราลำบากยากใจ   สู้ทนปืนไฟแทบตาย  | ||
| + | ท่านมาชุบมือเอาสรรพ   นั่งกินสำรับเล่นง่าย ๆ   | ||
| + | เมื่อมีชัยท่านได้พลอยสบาย   แม้นแพ้ก็จตายแต่พวกเรา  | ||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระผู้เฉิดโฉมยงองค์อิเหนา  | ||
| + | จึงว่าอย่าพูดมากปากเบา   ใครเขาได้ยินจะนินทา  | ||
| + | ตรัสพลางทางเรียกอัศดร   เห็นทินกรเรืองแรงแสงกล้า  | ||
| + | จะเข้าไปถวายบังคมลา   สั่งเสร็จเสด็จมาอ่าองค์  | ||
| + | |||
| + | ๏ ทรงสุคนธ์รวยรินกลิ่นเกลา   สนับเพลาเชิงตระหนกวิหคหงส์  | ||
| + | ภูษิตวิจิตรบรรจงทรง   ฉลององค์ดวงกุดั่นรังแตน  | ||
| + | อินทรธนูติดต้นพระพาหา   ริ้วทองปัตหร่าปลายแขน  | ||
| + | ผ้าทิพย์ขลิบริมทับทิมแทน   ชายไหวหัวแหวนสังวาลวาว  | ||
| + | ตาบประดับทับทรวงสายสร้อย   เฟื่องห้อยพลอยแดงเขียวขาว  | ||
| + | ทองกรวิเชียรช่วงดังดวงดาว   ธำมรงศ์เพ็ชร์พราวไปทุกนิ้ว  | ||
| + | ทรงมงกุฎกรรเจียกจอนจรัส   ผัดพักตร์นวลละอองผ่องผิว  | ||
| + | ห้อยอุบะลมชายปลายปลิว   ดูดังจะเลื่อนลิ่วลอยฟ้า  | ||
| + | |||
| + | ๏ พระหัตถ์กุมกฤชฤทธิรอน   กรายกรอ่อนระทวยทั้งซ้ายขวา  | ||
| + | ลงจากที่ประทับพลับพลา   เสด็จมาขึ้นทรงพาชี  | ||
| + | |||
| + | ๏ ม้าเอยม้าต้น   ผ่านดำขำขนสองสี  | ||
| + | สูงระหงทรงงามพ่วงพี   ท่วงทีขี่ขับเรียบร้อย  | ||
| + | เยื้องอกยกเท้าสอดซ้ำ   ติดพยศย่องย่ำทำถอย  | ||
| + | เปลี่ยนขวามาซ้ายซ้ำรอย   ถูกน้อยซอยเต้นมาตามทาง  | ||
| + | ผูกเครื่องสุวรรณวาวดาวจำลัก   หมอนกำมะหยี่ปักหักทองขวาง  | ||
| + | สอดสายง่องง้ำประจำคาง   พะนังข้างอย่างเทศโกลนทอง  | ||
| + | ม้าทหารแห่น่าสง่างาม   ม้ากิดาหยันตามเป็นแถวท่อง  | ||
| + | อนุชาขี่ม้าที่นั่งรอง   ม้าพี่เลี้ยงเคียงสองข้างไป  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ประชาชนชายหญิงน้อยใหญ่  | ||
| + | รู้ว่าเสด็จเข้าเวียงชัย   เขม้นใจคอยดูด้วยโกรธา  | ||
| + | คับคั่งนั่งแน่นริมถนน   ผู้ดีปนเข็ญใจก็ไม่ว่า  | ||
| + | ครั้นเห็นพระองค์ทรงม้ามา   ที่แค้นขัดอัธยาก็ลืมไป  | ||
| + | บ้างตั้งตาพินิจพิศวง   ตลึงแลรูปทรงหลงใหล  | ||
| + | บ้างบังคมชมโฉมภูวไนย   ความงามกระไรเหมือนเทวา  | ||
| + | บรรดาประชาชาวพระนคร   หญิงชายถวายพรถ้วนหน้า  | ||
| + | ให้ได้ครองกับพระธิดา   ไพร่ฟ้าจะได้พึ่งสืบไป  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นมนตรีศรีใส  | ||
| + | ครั้นถึงประเสบันทันใด   ภูวไนยลงจากพาชี  | ||
| + | จึงชวนสังคามาระตา   อนุชามาไปเป็นเพื่อนพี่  | ||
| + | ตรัสพลางย่างเยื้องจรลี   เสด็จขึ้นยังที่มนเทียรทอง  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงจึงถวายบังคม   องค์บรมกษัตริย์ทั้งสอง  | ||
| + | หฤทัยระทึกตรึกตรอง   ให้ระคางหมางหมองวิญญาณ์  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระปิ่นภพพิชัยดาหา  | ||
| + | ทั้งประไหมสุหรีศรีโสภา   เห็นอิเหนาเข้ามาบังคมคัล  | ||
| + | ต่างแค้นเคืองขัดไม่ตรัสทัก   มึนเมินพระพักตร์ผินผัน  | ||
| + | แล้วขับสียะตราลูกยานั้น   จงไปอภิวันท์พระพี่ยา  | ||
| + | เราพ้นเป็นชะเลยก็เพราะเขา   คุณอยู่แก่เราหนักหนา  | ||
| + | แม้นหาไม่พ่อจะมรณา   เจ้าจะไปเป็นข้าไพรี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   สียะตราหนึ่งหรัดเรืองศรี  | ||
| + | ลุกแล่นไปพลันทันที   ถึงระเด่นมนตรีก็บังคม  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระสุริย์วงศ์ทรงลักษณ์งามสม  | ||
| + | อุ้มองค์อนุชาเชยชม   แล้วปรารมภ์รำพึงคะนึงใน  | ||
| + | แต่กุมารยังงามถึงเพียงนี้   ถ้าบุตรีจะงามสักเพียงไหน  | ||
| + | ชมพลางทางชำเลืองแลไป   ดูทีท้าวไทเห็นโกรธา  | ||
| + | ยิ่งคิดครั่นคร้ามขามเขิน   ทั้งกลัวทั้งสะเทินเมินหน้า  | ||
| + | ม่อยเมียงเคียงแอบอนุชา   มิได้จำนรรจาพาที  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   โฉมยงองค์ประไหมสุหรี  | ||
| + | จึงมีพจนาตถ์เสาวนี   สงครามครั้งนี้ไม่ควรเป็น  | ||
| + | เพราะลูกเจ้ากรรมทำแค้นขัด   จนวิบัติบ้านเมืองได้เคืองเข็ญ  | ||
| + | ทั้งทุกข์ทั้งอายไม่วายเว้น   เลือดตาจะกระเด็นอยู่เป็นนิตย์  | ||
| + | มันช่างอาภัพอัประลักษณ์   เจ็บช้ำน้ำจิตต์เป็นพ้นไป  | ||
| + | นี่หากว่ามีนัดดา   ได้เป็นที่พึ่งพาอาศัย  | ||
| + | สังหารศัตรูกู้เวียงชัย   ภักดีมีใจช่วยเจ็บแค้น  | ||
| + | จึงมิได้เป็นเมืองขึ้นเขา   บุญคุณของเจ้าเหลือแสน  | ||
| + | ไม่มีของสิ่งใดจะตอบแทน   ถ้าแม้นบุษบาธิดาเรา  | ||
| + | ยังมิได้ให้แก่จรกา   จะยกให้เป็นข้าของเจ้า  | ||
| + | นึกว่าวิบากกรรมก็ทำเนา   ลูกคนหนึ่งเราไม่เสียดาย  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นมนตรีเรืองฉาย  | ||
| + | ได้ฟังเสาวนีอภิปราย   ให้ระคายระคางหมางใจ  | ||
| + | กราบบาทบังคมแล้วก้มหน้า   จะสนองพจนาก็หาไม่  | ||
| + | ในอกร้อนรุ่มดังสุมไฟ   หฤทัยไหวหวั่นพันทวี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   องค์ท้าวดาหาเรืองศรี  | ||
| + | จึงตรัสแก่ระเด่นมนตรี   บัดนี้เสร็จศึกสงคราม  | ||
| + | เจ้าสิมีธุระร้อนรน   จะรีบร้นกลับไปเราไม่ห้าม  | ||
| + | หรือจะอยู่ยังนครก่อนก็ตาม   สุดแต่ความคิดของนัดดา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   อิเหนานบนิ้วเหนือเกศา  | ||
| + | จึงบ่ายเบี่ยงเลี่ยงทูลพระราชา   เมื่อมารีบร้นพลไกร  | ||
| + | เดินทางกลางคืนกลางวัน   จะได้พักพลขันธ์นั้นหาไม่  | ||
| + | จะยับยั้งอยู่ยังเวียงชัย   สักสามวันจึงจะได้บังคมลา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระปิ่นปักนัคเรศดาหา  | ||
| + | จึงมีสิงหนาทบัญชา   ตรัสสั่งยาสาเสนาใน  | ||
| + | จงแต่งที่ประเสบันอากง   ให้องค์นัดดาอาศัย  | ||
| + | โภชนาสาลีจงส่งไป   กว่าจะได้กลับคืนธานี  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ยาสารับสั่งใส่เกศี  | ||
| + | ก้มเกล้ากราบงามสามที   ไปจัดแจงแต่งที่ดังบัญชา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระทรงภพลบโลกนาถา  | ||
| + | จึงสั่งสาวสรรกัลยา   จงไปบอกบุษบามาบัดนี้  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   นวลนางกำนัลสาวศรี  | ||
| + | รับสั่งพระองค์ทรงธรณี   แล้วรีบจรลีลงไป  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงปราสาทนางโฉมยง   กราบลงแล้วทูลแถลงไข  | ||
| + | องค์ศรีปัตหราบัญชาใช้   ให้เชิญอรทัยเสด็จจร  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นบุษาดวงสมร  | ||
| + | ได้แจ้งรับสั่งพระบิดร   บังอรถวิลจินดา  | ||
| + | อิเหนากุเรปันมาเฝ้า   จะให้เราไปไหว้กระมังหนา  | ||
| + | คิดแล้วเข้าที่ไสยา   มิได้จำนรรจาประการใด  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   พระพี่เลี้ยงผู้มีอัชฌาสัย  | ||
| + | จึงชวนกันโลมเล้าเอาใจ   แม่มาเป็นไรดังนี้  | ||
| + | พระบิดาให้หาขึ้นไปเฝ้า   เหตุผลหนักเบาไม่รู้ที่  | ||
| + | ไปฟังดูให้รู้ว่าร้ายดี   ทูลเท่าไรเทวีไม่ลีลา  | ||
| + | ๏ เมื่อนั้น   องค์มะเดหวีเสน่หา  | ||
| + | แต่คอย ๆ อะนะบุษบา   ไม่เห็นขึ้นมาช้าไป  | ||
| + | พรั่นจิตต์คิดกลัวสองกษัตริย์   จะเคืองขัดวิญญาณ์อัชฌาสัย  | ||
| + | จึงยุรยาตราคลาไคล   ลงไปปราสาทพระบุตรี  | ||
| + | </tpoem>  | ||
| + | === ===  | ||
| + | <tpoem>  | ||
| + | ๏ เผยม่านสุวรรณซึ่งกั้นกาง   เห็นนางบรรทมอยู่ในที่  | ||
| + | พี่เลี้ยงโลมไล้ไม่ไยดี   มะดีหวีจึงเข้าไปว่าวอน  | ||
| + | พระบิตุเรศคอยท่าอยู่ช้านาน   เยาวมาลย์แม่จงขึ้นไปก่อน  | ||
| + | จะปลอบปลุกเท่าไรก็นิ่งนอน   จึงอุ้มองค์บังอรจากไสยา  | ||
| + | แล้วเอาสุคนธามาทรงให้   อรทัยกวดเกล้าเกศา  | ||
| + | พี่เลี้ยงทั้งสี่ก็ปรีดา   ช่วยแต่งกายาให้ทรามวัย  | ||
| + | |||
| + | ๏ ให้ทรงภูษายกพื้นตอง   ห่มสไบตาดทองผ่องใส  | ||
| + | สอดสีทับทิมซับใน   แล้วใส่สร้อยสะอิ้งสังวาลทรง  | ||
| + | ตาบประดับดอกดวงพวงเพ็ชร์   ทองกรแก้วกาบเก็จก่องก่ง  | ||
| + | เข็มขัดรัดรอบสะเอวองค์   ธำมรงค์เพ็ชร์เรืองรูจี  | ||
| + | ทรงปะหรัดผัดพักตร์ปลั่งเปล่ง   ดังบุหลันวันเพ็ญผ่องศรี  | ||
| + | ทรงมงกุฎสำหรับพระบุตรี   เสร็จแล้วเทวีไม่ลีลา  | ||
| + | |||
| + | ๏ องค์มะดีหวีจึงว่าไป   จิตต์ใจกระด้างหนักหนา  | ||
| + | ว่าพลางผลักไสให้ไคลคลา   ขึ้นมายังปราสาทพระทรงธรรม์  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   องค์ประไหมสุหรีศรีใส  | ||
| + | จึงตรัสแก่ธิดายาใจ   หามาจะให้ไหว้พี่ยา  | ||
| + | จะได้รู้จักกันว่าพี่น้อง   เกลือกมีเหตุเภทพ้องไปภายหน้า  | ||
| + | ยากจนจะได้ไปพึ่งพา   มิใช่จรกาจะอายไย  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   บุษบาแค้นขัดอัชฌาสัย  | ||
| + | สะบัดพักตร์ผินผันเสียทันใด   ไม่ออกไปตามคำพระมารดา  | ||
| + | นางนั่งนิ่งแฝงม่านอยู่   คิดละอายอดสูหนักหนา  | ||
| + | ชนนีซ้ำเตือนให้เคลื่อนคลา   ก็ผูกคิ้วนิ่วหน้าไม่พาที  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   โฉมยงองค์มะดีหวี  | ||
| + | จึงปลอบบุษบานารี   มารศรีอย่าประหวั่นพรั่นใจ  | ||
| + | ไปเถิดจงฟังแม่ว่า   พระพี่ยาจะติโทษได้  | ||
| + | ปลอบพลางผลักไสให้ออกไป   บุษบาก็ไม่ไคลคลา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระองค์ทรงพิภพดาหา  | ||
| + | จึงว่าเจ้าจงไปวันทา   จะละอายเชษฐาไปว่าไร  | ||
| + | หาบุญไม่มิได้เลี้ยงกันแล้ว   ลูกแก้วอย่าพรั่นหวั่นไหว  | ||
| + | แต่จะให้รู้จักกันไว้   ด้วยได้มาร่วมเรียงวงศ์  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   บุษบาแน่งน้อยนวลหงส์  | ||
| + | กลัวพระบิตุเรศฤทธิรงค์   ก็เผยม่านคลานตรงออกมา  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงจึงถวายอัญชลี   พระชนกชนนีนาถา  | ||
| + | ให้ขวยเขินสะเทินวิญญาณ์   ก้มหน้านิ่งอยู่ไม่ดูไป  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   สังคามาระตาอัชฌาสัย  | ||
| + | ค่อยกระซิบทูลองค์พระทรงชัย   เป็นไฉนไม่ดูกัลยา  | ||
| + | อันนางโฉมยงองค์นี้   เลิดล้ำนารีในแหล่งหล้า  | ||
| + | นวลละอองผ่องพักตร์โสภา   เพียงจันทราทรงกลดหมดราคี  | ||
| + | งามดังโกสุมประทุมทอง   บานอยู่ในท้องสระศรี  | ||
| + | แต่พร่ำทูลระเด่นมนตรี   ภูมีฮึดให้ไม่แลไป  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   พระพี่เลี้ยงกำนัลน้อยใหญ่  | ||
| + | ทั้งเหล่าท้าวนางข้างใน   บ้างไปเบียดเสียดกันดู  | ||
| + | ชมโฉมระเด่นมนตรี   ไม่มีผู้ใดใครควรคู่  | ||
| + | บ้างว่าพระบุตรีโฉมตรู   งามดูดังแก้วแกมสุวรรณ  | ||
| + | บ้างว่าเหมือนอสัญแดหวา   กับนางเทพธิดากระยาหงัน  | ||
| + | บ้างว่าเหมือนสุริยากับพระจันทร์   ถ้าได้ครองกันจะสมควร  | ||
| + | สมทั้งรูปทรงและยศศักดิ์   เสียดายนักพระมาคิดหักหวน  | ||
| + | ต่างคนก็ต่างรัญจวน   คร่ำครวญไปทุกหน้านารี  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   นวลนางบาหยันสาวศรี  | ||
| + | จึงห้ามฝูงกำนัลไปทันที   อย่าพูดเล่นเช่นนี้ไม่ชอบกล  | ||
| + | เจ้าเราหรือจะควรเป็นคู่เคียง   ถึงจะเลี้ยงก็ไม่เป็นผล  | ||
| + | ต่ำศักดิ์อย่าชักเข้าไปปน   ฝูงคนเขาจะเย้ยไยไพ  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   องค์ประไหมสุหรีศรีใส  | ||
| + | จึงว่าเขามาช่วยชิงชัย   จึงพ้นภัยไม่เสียพารา  | ||
| + | เจ้าก็มีคู่ผู้อื่นแล้ว   จะอายไยลูกแก้วเสน่หา  | ||
| + | เป็นพี่แล้วก็มีคุณมา   วันทาเสียเถิดนะบังอร  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นบุษบาดวงสมร  | ||
| + | ฟังพระมารดาว่าวอน   ยิ่งกลัดกลุ้มรุ่มร้อนหฤทัย  | ||
| + | คิดถึงความหลังคั่งแค้นนัก   นงลักษณ์มิใคร่จะไหว้ได้  | ||
| + | จำเป็นด้วยกลัวก็จนใจ   จำไหว้นิดหนึ่งพอเป็นที  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นมนตรีเรืองศรี  | ||
| + | เหลียวไปรับไหว้นางเทวี   ภูมีดูนางไม่วางตา  | ||
| + | งามจริงยิ่งเทพนิมิตร์   ให้คิดเสียดายหนักหนา  | ||
| + | เสโทไหลหลั่งทั้งกายา   สะบัดปลายเกศาเนืองไป  | ||
| + | กรกอดอนุชาก็ตกลง   จะรู้สึกพระองค์ก็หาไม่  | ||
| + | แต่เวียนจูบสียะตรายาใจ   สำคัญพระทัยว่าเทวี  | ||
| + | ความรักรุมจิตต์พิศวง   จนลืมองค์ลืมอายนางโฉมศรี  | ||
| + | ไม่เป็นอารมณ์สมประดี   ภูมีหลงขับขึ้นฉับพลัน  | ||
| + | |||
| + | ๏ เจ้าเอยเจ้าดวงยิหวา   ดังหยาดฟ้ามาแต่กระยาหงัน  | ||
| + | พี่ได้เห็นโฉมฉายเสียดายครัน   ฉุกใจไม่ทันคิด เอย  | ||
| + | |||
| + | ๏ สังคามาระตาโฉมเฉลา   ค่อยสั่นพระเพลาพลางทางสะกิด  | ||
| + | หยิกเอาบาทบงสุ์พระทรงฤทธิ์   ภูวไนยได้คิดก็นิ่งไป  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   บุษบาเยาวยอดพิสมัย  | ||
| + | ถวายบังคมลาคลาไคล   แล้วคลานเข้าไปในม่านทอง  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นมนตรียิ่งหม่นหมอง  | ||
| + | แลตามทรามวัยด้วยใจปอง   พลางร้องครวญขับขึ้นฉับไว  | ||
| + | |||
| + | ๏ เจ้าดวงยิหวาพี่   เจ้าจะจรลีไปไหน  | ||
| + | พี่จะอุ้มไปส่งนะดวงใจ   ภูวไนยก็เคลื่อนองค์เอย  | ||
| + | |||
| + | ๏ สังคามาระตาลอบสะกิด   เห็นทรงฤทธิ์เคลิ้มคลั่งกำลังหลง  | ||
| + | จึงยึดข้อพระบาทไว้มั่นคง   พระรู้องค์ได้คิดก็คืนมา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระโฉมยงบอกองค์กนิษฐา  | ||
| + | เท้าพี่นี้เป็นเหน็บชา   จะกลับกายาอย่ายึดไว้  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ฝูงนางกำนัลน้อยใหญ่  | ||
| + | เห็นอิเหนากุเรปันฟั่นเฟือนไป   นางในสรวลแล้วก็บอกกัน  | ||
| + | เมื่อกี้พระชัยชมนาง   ได้ยินบ้างหรือไม่นะสาวสรร  | ||
| + | พระจริตก็ผิดไปทุกอัน   พระพักตร์นั้นก็ซีดสลดไป  | ||
| + | กรกอดพระกุมารก็เลื่อนลง   เสโทโทรมองค์หลั่งไหล  | ||
| + | ดูทีทำนองจะต้องใจ   จึงเคลิ้มไคล้ไม่เป็นสมประดี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ฝ่ายระตูจรกาเรืองศรี  | ||
| + | ครั้นมาถึงดาหาธานี   เสด็จทรงพาชีคลาไคล  | ||
| + | |||
| + | ๏ รีบไปจะเฝ้าพระราชา   พอพลบเสนาผู้ใหญ่  | ||
| + | จึงว่าท่านจงทูลภูวไนย   ว่าเราจะเข้าไปบังคมคัล  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ตำมะหงงเสนาคนขยัน  | ||
| + | รับสั่งแล้วรีบจรจรัล   มายังพระโรงคัลทันที  | ||
| + | บังคมก้มเกล้ากราบทูล   พระผู้ผ่านไอศูรย์เรืองศรี  | ||
| + | บัดนี้จรกาธิบดี   จะมาเฝ้าธุลีพระบาทา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระองค์ทรงพิภพนาถา   | ||
| + | จึงบรรหารให้หาจรกา   เข้ามายังท้องพระโรงชัย  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ตำมะหงงเสนาผู้ใหญ่  | ||
| + | รับสั่งบังคมภูวไนย   แล้วรีบออกไปทันที  | ||
| + | จึงแถลงแจ้งความตามกิจจา   ว่าพระปิ่นดาหากรุงศรี  | ||
| + | ให้มาเชิญเสด็จจรลี   เข้าไปยังที่พระโรงคัล  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   จรกาได้ฟังเกษมสันต์  | ||
| + | ลงจากอาชาฉับพลัน   แล้วเสด็จจรจรัลเข้ามา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นมนตรีคิดอิจฉา  | ||
| + | แต่ได้ยินออกชื่อจรกา   ดังเอาไฟฟ้ามาจุดใจ  | ||
| + | ครั้นจะอยู่จนระตูมาเฝ้า   จะแลดูหน้าเขากระไรได้  | ||
| + | จึงบังคมลาคลาไคล   ออกไปจากพระโรงรูจี  | ||
| + | กับสังคามาระตาลีลาศ   เสด็จมาโดยราชวิถี  | ||
| + | พอพบจรกาธิบดี   ยังที่หน้าพระลานโอฬาร์  | ||
| + | ระตูทรุดนั่งลงบังคม   พระก้มลงรับหัตถา  | ||
| + | พลางขยับจับกฤชฤทธา   อนุชาก็ยึดพระกรไว้  | ||
| + | สะดุ้งจิตต์คิดได้แล้วเดินหนี   แกล้งกล่าววาทีแก้ไข  | ||
| + | กฤชเคลื่อนจะเลื่อนตกไป   พี่จึงกุมไว้นะน้องรัก  | ||
| + | ตรัสพลางย่างเยื้องยุรยาตร์   แสนสวาทวิตกเพียงอกหัก  | ||
| + | คะนึงถึงโฉมยงนงลักษณ์   ตรงมายังตำหนักห้องใน  | ||
| + | |||
| + | ๏ ทอดองค์ลงบนที่บรรจฐรณ์   จะเปลื้องเครื่องอาภรณ์ก็หาไม่  | ||
| + | ให้ระทวยระทดสลดใจ   แต่ตริตรึกนึกในไปมา  | ||
| + | โอ้ว่าโฉมเฉลาเยาวลักษณ์   เสียดายศักดิ์อสัญแดหวา  | ||
| + | จะระคนปนศักดิ์จรกา   อนิจจาพี่จะทำประการใด  | ||
| + | จะคิดไฉนดีนะอกเอ๋ย   จะได้เชยชมชิดพิสมัย  | ||
| + | พระเร่งร้อนร่านทะยานใจ   ดังเพลิงกาสไหม้ทั้งกายา  | ||
| + | มาฉุกใจได้คิดสิการแล้ว   ดังดวงแก้วตกต้องแผ่นผา  | ||
| + | ร้าวระยำช้ำจิตต์เจ็บอุรา   ประหนึ่งว่าจะวายชีวี  | ||
| + | นิ่งนอนถอนฤทัยใหลหลง   คะนึงองค์บุษบายาหยี  | ||
| + | ลืมสามสุดานารี   ภูมีสร้อยเศร้าโศกาลัย  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ฝ่ายระตูจรกาอัชฌาสัย  | ||
| + | ครั้นถึงที่เฝ้าท้าวไท   ก็เข้าไปอภิวาทวันทา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระองค์ทรงพิภพดาหา  | ||
| + | ทั้งสองมเหสีโสภา   เห็นระตูเข้ามาบังคมคัล  | ||
| + | พิศดูรูปร่างเหมือนอย่างไพร่   เติบใหญ่กำยำล่ำสัน  | ||
| + | น่าชังชั่วช้าสาระพัน   ไม่คู่ควรกันกับบุตรี  | ||
| + | สามกษัตริย์เศร้าเสียพระทัยนัก   เสียดายลูกรักและศักดิ์ศรี  | ||
| + | จะผ่อนผันฉันใดก็ใช่ที   จำเปนจึงมีบัญชา  | ||
| + | เจ้าค่อยอยู่สุขสำราญ   ครอบครองศฤงคารเป็นสุขา  | ||
| + | หรือทุกข์โศกโรคภัยพาธา   แต่คอย ๆ เห็นช้าปรารมภ์ใจ  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   จรกากราบทูลแถลงไข  | ||
| + | เดชะพระเดชปกเกศไป   สำราญใจเป็นสุขทุกนิรันดร์  | ||
| + | ครั้นรู้ข่าวว่าท้าวกะหมังกุหนิง   ยกมาช่วงชิงตุนาหงัน  | ||
| + | ก็กะเกณฑ์กองทัพฉับพลัน   รีบมาสิบห้าวันถึงพารา  | ||
| + | พระเชษฐาจะตามมาภายหลัง   ข้าสั่งเสนีให้คอยท่า  | ||
| + | อนึ่งพวกไพรีที่ยกมา   ม้วยชีวาแล้วหรือพระภูมี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   องค์ศรีปัตหราเรืองศรี  | ||
| + | จึงตรัสตอบจรกาธิบดี   อันไพรีพ่อลูกนั้นม้วยมิด  | ||
| + | ยังแต่ระตูผู้น้อง   ทั้งสองไม่รอต่อติด  | ||
| + | ขอออกแก่อิเหนาเรืองฤทธิ์   ปัจจามิตร์เลิกทัพกลับไป  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   ฝูงสนมนารีศรีใส  | ||
| + | ทั้งเฒ่าแก่ชะแม่กำนัลใน   ต่างไปชิงช่องมองเมียง  | ||
| + | ครั้นเห็นจรกาเข้ามาเฝ้า   บรรดาเหล่าชะแม่แซ่เสียง  | ||
| + | บ้างตำหนิติว่าหน้าเพรียง   ดูดำดังเหนี่ยงน่าชังนัก  | ||
| + | ไม่มีทรวดทรงองค์เอวอ้วน   พิศไหนแล้วล้วนอัปลักษณ์  | ||
| + | ใส่ชฎาก็ไม่รับกันกับพักตร์   งามบาดตานักขี้คร้านดู  | ||
| + | บ้างว่าเสียงเพราะเสนาะเหลือ   แหบเครือเบื่อฟังรำคาญหู  | ||
| + | รูปร่างอย่างไพร่ใช่ระตู   ไม่ควรเคียงคู่พระบุตรี  | ||
| + | กระนี้หรือช่างมาตุนาหงัน   เห็นเกินหน้าไกลกันทั้งศักดิ์ศรี  | ||
| + | ดังเอาปัดขี้ร้ายราคี   ปนมณีจินดาค่าเมือง  | ||
| + | บางคนว่าระตูจะคู่ครอง   ดังเพ็ชร์ผูกเรือนรองด้วยทองเหลือง  | ||
| + | เหมือนทองคำธรรมชาติรุ่งเรือง   มารู่กับกระเบื้องไม่ควรกัน  | ||
| + | ลางนางบ้างโกรธแล้วพาที   เสียดายพระบุตรีสาวสวรรค์  | ||
| + | ถ้าได้กับอิเหนากุเรปัน   น่าชมสมกันข้าชอบใจ  | ||
| + | อันระตูผู้นี้บัดสีนัก   จะร่วมเรียงเคียงพักตร์หาควรไม่  | ||
| + | บ้างห้ามว่าอย่าอื้ออึงไป   บ้างบ่นพิไรไปมา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระองค์ทรงพิภพดาหา  | ||
| + | จึงมีพระราชบัญชา   ตรัสแก่จรกาทันใด  | ||
| + | เจ้าจงไปคอยเชษฐา   ถึงให้เข้ามาที่อาศัย  | ||
| + | สั่งเสร็จเสด็จคลาไคล   เข้าในปราสาทแก้วแพรวพราย  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นมนตรีเรืองฉาย  | ||
| + | แน่นอนถอนใจอยู่ไม่วาย   กรก่ายพักตร์นึกตรึกไตร  | ||
| + | ซึ่งทูลไว้ว่าจะอยู่สามวัน   จะผ่อนผันให้นานออกจงได้  | ||
| + | ด้วยอุบายสวยสนกลใน   คิดแล้วลุกไปจากไสยา  | ||
| + | จึงดำรัสตรัสสั่งเสนี   พรุ่งนี้จงคุมพลอาสา  | ||
| + | ไปกะหมังกุหนิงพารา   ตรวจตราสิ่งของทั้งปวง  | ||
| + | แต่บรรดาพวกเผ่าเหล่าระบาด   จงริบราชกวาดส่งมาเป็นหลวง  | ||
| + | ทั้งเสนาโยธาทุกกระทรวง   ให้เข้าควงรัดรายบัญชีมา  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   เสนีรับสั่งใส่เกศา  | ||
| + | มากะเกณฑ์กันดังบัญชา   แล้วออกจากพารารีบไป  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ระเด่นมนตรีศรีใส  | ||
| + | ครั้งรุ่งรางส่างแสงอโณทัย   ภูวไนยสระสงคงคา  | ||
| + | ทรงเครื่องเรืองจำรัสพรายพรรณ   ลงจากประเสบันที่ข้างหน้า  | ||
| + | ชวนระเด่นสังคามาระตา   ลีลาขึ้นเฝ้าพระภูมี  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   ฝ่ายสุหรานากงเรืองศรี  | ||
| + | ทั้งองค์กะหรัดติปาตี   จรกาธิบดีชาญชัย  | ||
| + | ต่างเข้าที่สรงทรงเครื่อง   เนาวรัตน์จำรัสเรืองแสงใส  | ||
| + | แล้วเสด็จลีลาคลาไคล   เข้าไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์  | ||
| + | |||
| + | ๏ ครั้นถึงหน้าตำหนักที่นั่งเย็น   พบระเด่นมนตรีอยู่ที่นั่น  | ||
| + | สามกษัตริย์ก็ถวายบังคมคัล   แล้วจรจรัลตามเสด็จเข้ามา  | ||
| + | |||
| + | ๏ จึงน้อมเศียรเกล้าอภิวาท   เบื้องบาทองค์ศรีปัตหรา  | ||
| + | พร้อมกษัตริย์สามนต์นานา   ต่างถวายวันทาทุกองค์  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระผู้ผ่านไอศูรย์สูงส่ง  | ||
| + | ครั้นเห็นสุหรานากง   อีกองค์กะหรัดติปาตี  | ||
| + | ทั้งกรุงกษัตริย์ถ้วนหน้า   เข้ามาประณตบทศรี  | ||
| + | พระชื่นชมภิรมย์ยินดี   ภูมีอำนวยอวยชัย  | ||
| + | จงเจริญในราชสมบัติ   เสวยสุขศรีสวัสดิ์ผ่องใส  | ||
| + | ให้มีอานุภาพปราบไป   ทั้งในแผ่นพื้นภูวดล  | ||
| + | |||
| + | ๏ แล้วมีมธุรสพจนา   ชวนสุหรานากง เป็นตัน  | ||
| + | กับกะหรัดติปาตีสองคน   ธุระร้อนรนเจ้าไม่มี  | ||
| + | จงอยู่ไปใช้บนด้วยกันก่อน   อย่าเพ่อคืนนครทั้งสองศรี  | ||
| + | อันวิลิศมาหราคิรี   แสนสนุกพ้นที่จะพรรณนา  | ||
| + | แล้วสั่งเสนาในให้จัดแจง   พระตำหนักตำแหน่งที่ข้างหน้า  | ||
| + | ให้แก่สองราชนัดดา   เร่งเร็วอย่าช้าบัดนี้  | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   กรมวังรับสั่งใส่เกศี  | ||
| + | ไปจัดแจงแต่งตำหนักทันที   แล้วเสร็จดังมีพระบัญชา  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระองค์ทรงพิภพดาหา  | ||
| + | ให้จัดสรรเครื่องทรงอลงการ์   เอามาปูนบำเหน็จกองทัพ  | ||
| + | อันระเด่นมนตรีกุเรปัน   เป็นจอมพลขันธ์เคี่ยวขับ  | ||
| + | มีชัยไพรีระยำยับ   กะหมังกุหนิงนายทัพม้วยมุด  | ||
| + | ให้ประทานสังวาลเพ็ชรรัตน์   จอนจำรัสธำมรงค์มงกุฎ  | ||
| + | สังคามาระตายงยุทธ์   วิหยาสะกำบุตร์บรรลัย  | ||
| + | เครื่องประดับทับทิมทั้งนั้น   สร้อยสุวรรณสังวาลประทานให้  | ||
| + | อันสุหรานากงทรงชัย   ได้คุมทัพใหญ่ยกมา  | ||
| + | ทั้งระเด่นกะหรัดติปาตี   ล้วนมีความชอบได้อาสา  | ||
| + | ประทานเครื่องประดับองค์อลงการ์   มรกตรจนาเหมือนกัน  | ||
| + | พวกพี่เลี้ยงเสนีทั้งสี่กอง   ให้เจียดเงินพานทองเป็นหลั่น ๆ   | ||
| + | ทั้งเงินตราผ้าเสื้อแพรพรรณ   จัดสรรประทานทั่วทุกตัวนาย   | ||
| + | |||
| + | ๏ บัดนั้น   แม่ทัพนายกองทั้งหลาย  | ||
| + | ได้ของประทานมากมาย   ต่างถวายประณมบังคมคัล  | ||
| + | |||
| + | ๏ เมื่อนั้น   พระผู้ผ่านนคเรศเขตตขัณฑ์  | ||
| + | ครั้นปูนบำเหน็จเสร็จพลัน   ก็จรจรัลเข้าสู่ปราสาทชัย  | ||
| + | </tpoem>  | ||
| + | === ===  | ||
== เชิงอรรถ ==  | == เชิงอรรถ ==  | ||
| แถว 3,396: | แถว 5,662: | ||
* คุณพรพรรณ วัฑฒนายน ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน  | * คุณพรพรรณ วัฑฒนายน ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน  | ||
* [http://www.b.yimwhan.com/board/show.php?user=windchimedream&topic=1&Cate=6]  | * [http://www.b.yimwhan.com/board/show.php?user=windchimedream&topic=1&Cate=6]  | ||
| + | * คำกลอนอิเหนา ศึกกะหมังกุหนิง พระราชนิพนธ์ ในรัชกาลที่ ๒ พิมพ์ครั้งที่ ๙ พ.ศ. ๒๔๖๗ โรงพิมพ์อักษรนิติ บางขุนพรหม  | ||
| + | |||
| + | [ขอขอบคุณ คุณ gignoi สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์ตอนศึกกะหมังกุหนิงทั้งหมดเป็นวิทยาทาน]  | ||
รุ่นปัจจุบันของ 07:48, 7 มิถุนายน 2553
เนื้อหา | 
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
บทประพันธ์
| ช้าปี่ | |||
| ๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงสี่องค์ทรงธรรม์นาถา | ||
| เป็นหน่อเนื้อเชื้อวงศ์เทวา | บิตุเรศมารดาเดียวกัน | ||
| รุ่งเรืองฤทธาศักดาเดช | ได้ดำรงนคเรศเขตขัณฑ์ | ||
| พระเชษฐาครองกรุงกุเรปัน | ถัดนั้นครองดาหาธานี | ||
| องค์หนึ่งครองกาหลังบุรีรัตน์ | องค์หนึ่งครองสิงหัดส่าหรี | ||
| เฉลิมโลกโลกาธาตรี | ไม่มีผู้รอต่อฤทธิ์ | ||
| ระบือลือทั่วทุกประเทศ | ย่อมเกรงเดชเดชาอาญาสิทธิ์ | ||
| บำรุงราษฎร์ดับเข็ญอยู่เป็นนิจ | โดยทางทศพิศราชธรรม์ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ชมตลาด | |||
| ๏ มีพระมเหษีห้าองค์ | ดั่งอนงค์นางฟ้ากระยาหงัน | ||
| เลือกล้วนสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ | กษัตริย์ครองเขตขัณฑ์สวรรยา | ||
| ตั้งแต่งตามตำแหน่งครบที่ | คือประไหมสุหรีเสน่หา | ||
| มะเดหวีที่สองรองลงมา | แล้วมะโตโสภานารี | ||
| ที่สี่ลิกูนงเยาว์ | ที่ห้านั้นเหมาหลาหงี | ||
| อันอัครชายาทั้งห้านี้ | ตั้งได้แต่สี่พารา | ||
| ประดับด้วยสุรางค์นางสนม | ล้วนอุดมรูปทรงวงศา | ||
| ถ้วนหมื่นหกพันกัลยา | วิลาศเลิศลักขณาทุกนางใน | ||
| สำหรับขับรำบำเรอราช | พิณพาทย์จำเรียงเสียงใส | ||
| ผลัดกันปั่นโมงมาคอยใช้ | พนักงานของใครระไวระวัง | ||
| มีเหล่าเถ้าแก่ท้าวนาง | งานเครื่องงานกลางผู้รับสั่ง | ||
| โขลนจ่าหลวงแม่เจ้าชาวคลัง | จัดแจงแต่งตั้งครบครัน | ||
| ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ มีหมู่มาตยาสามนต์ | โยธีรี้พลแข็งขัน | ||
| นับหมื่นพื้นหาญชาญฉกรรจ์ | เคยณรงค์โรมรันไม่ครั่นคร้าม | ||
| ม้ารถคชไกรไม่ใช่ชั่ว | แต่ละตัวแกล้วกล้ากลางสนาม | ||
| ทนปืนยืนยงในสงคราม | ฦานามขามฤทธิทุกทิศไป | ||
| นานานัคเรศประเทศราช | เข็ดขยาดย่อท้อไม่ต่อได้ | ||
| ต่างถวายสุวรรณมาลัย | โอรสยศไกรและธิดา | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ยานี | |||
| ๏ อันสี่ธานีราชฐาน | กว้างใหญ่ไพศาลหนักหนา | ||
| เทเวศร์นฤมิตด้วยฤทธา | สนุกดั่งเมืองฟ้าสุราลัย | ||
| มีปราสาททั้งสามตามฤดู | เสด็จอยู่โดยจินดาอัชฌาสัย | ||
| หลังคาฝาผนังนอกใน | แล้วไปด้วยโมราศิลาทอง | ||
| ภูเขาเงินรองฐานมีมารแบก | ยอดแทรกยอดใหญ่ไม้สิบสอง | ||
| แก้วไพฑูรย์ทำเป็นลำยอง | บัญชรช่องชัชวาลบานบัง | ||
| พระปรัศว์ซ้ายขวาอ่าโถง | ท้องพระโรงรจนาหน้าหลัง | ||
| พระแท่นแก้วกุดั่นบัลลังก์ | กางกั้นเศวตฉัตรอยู่อัตรา | ||
| บรรจถรณ์ที่ไสยาสน์อาสน์สุวรรณ | มีฉากแก้วแพรวพรรณคั่นฝา | ||
| ที่เสวยที่สรงคงคา | ที่นั่งเย็นอยู่หน้ามนเทียรทอง | ||
| พรรณไม้ดอกลูกปลกกระถาง | ไว้หว่างอ่างแก้วเป็นแถวถ้อง | ||
| ราบรื่นพื้นชาลาดังหน้ากอง | อิฐทองปูลาดสะอาดตา | ||
| ที่ทิมที่ล้อมวงองครักษ์ | นอกกองเกณฑ์พิทักษ์รักษา | ||
| โรงแสงโรงภูษามาลา | เรียงเรียบรัถยาหน้าพระลาน | ||
| เครื่องเนืองกันเป็นหลั่นลด | โรงม้าโรงรถคชสาร | ||
| ติกาหลังสำหรับพระกุมาร | อยู่นอกปราการกำแพงวัง ฯ | ||
| ฯ ๑๖ คำ ฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ ประตูลักลงท่าชลาลัย | มีโรงเรือเรียงไปริมฝั่ง | ||
| เรือศรีสุวรรณบัลลังก์ | เรือแข่งเรือที่นั่งตั้งบนม้า | ||
| เรือกิ่งเอกชัยใส่บุษบก | งามกระหนกลวดลายท้ายหน้า | ||
| พนักงานตำรวจใหญ่ไตรตรา | เกณฑ์ไพร่ให้รักษานาวี | ||
| ตำหนักแพแลล้ำอำไพ | มุขดลพาไลหลังคาสี | ||
| ช่อฟ้าหน้าบันปราลี | ล้วนมณีเนาวรัตน์ชัชวาล | ||
| ข้างหน้าตำหนักน้ำนั้นทำเกรง | สำหรับราชสุริย์วงศ์สรงสนาน | ||
| เบื้องบนบังสาดดาดเพดาน | ผูกม่านมู่ลี่ลายทอง | ||
| ฤดูสิบเอ็ดเสด็จลง | ลอยกระทงทรงประทีปเป็นแถวถ้อง | ||
| ทอดทุ่นท้ายน้ำประจำซอง | ตั้งกองล้อมวงพระทรงธรรม์ | ||
| อันถนนหนทางท้องฉนวน | ศิลาลายลาดล้วนเลือกสรร | ||
| มีตึกแถวทิมรอบขอบคัน | เรือนสนมกำนัลเป็นหลั่นมา ฯ | ||
| ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
| สมิงทอง | |||
| ๏ ท้องสนามแกล้งปราบราบรื่น | พ่างพื้นปถพีไม่มีหญ้า | ||
| กว้างใหญ่ไพศาลสุดตา | เตียนสะอาดดาษดาด้วยทรายทอง | ||
| มีสุวรรณพลับพลาบนปราการ | สูงตระหง่านเอื้อมฟ้าสิบห้าห้อง | ||
| ช่อฟ้าปราลีลำยอง | ฉลักฉลุบุทองอร่ามไป | ||
| สำหรับที่ทอดพระเนตรสระสนาน | ล่อแพนผัดพานเป็นการใหญ่ | ||
| ประลองเหล่าทหารชาญชัย | ยิงธนูศรใส่ยาพิษ | ||
| ตั้งป้อมหัดปืนยิงหุ่น | แม่นยำซ้ำกระสุนไม่มีผิด | ||
| โล่ดั้งดาบฟันกระชั้นชิด | เพลงกริชสันทัดทั่วทุกตัวตน | ||
| บ้างรำทวนเปลี่ยนท่าบนพาชี | ขับขี่เคยศึกฝึกฝน | ||
| ประลองคชสารสู้บำรูชน | ใช้ชำนาญในกลการยุทธ์ ฯ | ||
| ฯ ๑๐ คำฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ รอบราชนิเวศน์เขตขัณฑ์ | มีปราการแก้วกั้นสูงสุด | ||
| ซุ้มทวารบานสุวรรณชมพูนุท | ประตูลักช่องกุฎิ์สลับกัน | ||
| มีทิวแถวโรงช้างระวางค่าย | เชิงเรียงรายเขื่อนเพชรเขื่อนขัณฑ์ | ||
| หอรบแลสล้างนางจรัล | ป้อมสูงสามชั้นเป็นหลั่นลด | ||
| รายปืนจินดาจังกาส่อง | วางประจำทุกช่องเสมาหมด | ||
| เชิงเทินดังเนินบรรพต | บันไดลดเลี่ยนลาดสะอาดตา ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ชมตลาด | |||
| ๏ ท่ามกลางทางท้องสถลมาศ | ลำดับดาดอิฐแผ่นแน่นหนา | ||
| บ้านช่องสองข้างมรรคา | ล้วนเคหาหน้าถังนั่งร้าน | ||
| เหล่าพวกกรมท่าเจ้าภาษี | มั่งมีสมบัติพัสถาน | ||
| เรือนริมรัถยาฝากระดาน | ตึกกว้านบ้านขุนนางนองเนือง | ||
| สุเหร่าเรียงเคียงคั่นปั้นหยา | ก่อผนังหลังคามุงกระเบื้อง | ||
| ศาลเทพารักษ์หลักเมือง | นับถือลือเลื่องทั้งกรุงไกร | ||
| เสาชิงช้าอาวาสวัดพราหมณ์ | ทำตามประเพณีพิธีไสย | ||
| หอกลองอยู่กลางเวียงชัย | แม้เกิดไฟไพรีตีสัญญา | ||
| สะพานข้างทางข้ามคชสาร | ก่ออิฐปูกระดานไม้หนา | ||
| คลองหลอดแลลิ่วสุดตา | น้ำลงคงคาไม่ขอดเคือง | ||
| นาวาค้าขายพายขึ้นล่อง | ตามแม่น้ำลำคลองแน่นเนื่อง | ||
| แพจอดตลอดท่าหน้าเมือง | นองเนืองเป็นขนัดในนัที | ||
| ข้าวของต่างต่างเอาวางขาย | แพรม้วนมากมายหลายสี | ||
| ยกทองล่องจวนเจ็ดตะคลี | พลอยมณีเพชรนิลจินดา | ||
| บริบูรณ์พูนสุขด้วยสมบัติ | แก้วเก้าเนาวรัตน์วัตถา | ||
| ทุกสิ่งสรรพ์เอมโอชโภชนา | ย่อมเยาราคาสารพัน ฯ | ||
| ฯ ๑๖ คำ ฯ | |||
| เบ้าหลุด | |||
| ๏ ลูกค้าวานิชทุกนิเวศน์ | มาแต่ต่างประเทศเขตขัณฑ์ | ||
| สำเภาจอดทอดท่าเรียงรัน | สลุบแขกกำปั่นวิลันดา | ||
| จีนจามอะแจแซ่ซ้อง | คับคั่งทั้งสิบสองภาษา | ||
| แสนสนุกสุขเกษมเปรมปรา | ถ้วนหน้าประชาชนมนตรี | ||
| บ้างฝึกสอนคนรำทำบทบาท | พิณพาทย์ระนาดฆ้องอึงมี่ | ||
| ลูกค้าวาณิชทุกนิเวศน์ | มาแต่ต่างประเทศเขตขัณฑ์ | ||
| พวกขุนนางต่างหัดมโหรี | ลาวสาวเสียงดีมีหลายคน | ||
| บ้างลงท่าโกนจุกสนุกสนาน | มีงานการกึกก้องทุกแห่งหน | ||
| บ้างตั้งบ่อนปลากัดงัดไก่ชน | ทรหดอดทนเป็นเดิมพัน | ||
| บ้างเล่นวิ่งวัวคนโคระแทะ | ชนแพะแกะกระบือคูขัน | ||
| บ้างเล่นว่าวคุลาคว้าพนัน | ปากเป้าสั้นโห่ฉาววิ่งราวมา | ||
| ราตรีมีหนังประชันเชิด | ฉลุฉลักลายเลิศเลขา | ||
| บ้างเล่นเพลงครึ่งท้อนกลอนสักวา | ทั้งสุดใจไก่ป่าสารพัน ฯ | ||
| ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
| ชมตลาด | |||
| ๏ ฝ่ายฝูงสาวสาวชาวกรุง | ก็บำรุงรูปโฉมเฉิดฉัน | ||
| ขัดขมิ้นหนุนเนื้อเจือจันทน์ | หวีผมคมสันกันไร | ||
| ที่ลูกเหล่าพงศ์เผ่าพวกผู้ดี | รูปทรงส่งศรีผ่องใส | ||
| ซ่อนตัวกลัวจะเก็บเป็นางใน | ถึงมีงานการใหญ่ไม่ไปดู | ||
| ลางพวกเพิ่งดรุณีแรกสาว | เจ้าบ่าวไปปลูกหอขอสู่ | ||
| บ้างลอบลักรักเร้นเป็นชู้ | หมากพลูพวงมาลัยให้กัน | ||
| พวกหนุ่มหนุ่มพากเพียรเวียนแวดขาย | มุ่งหมายรักใคร่ใฝ่ฝัน | ||
| ..............................วรรคนี้หายไป | ไม่มีในต้นฉบับ........................ | ||
| บ้างดีดนิ้วผิวปากทำเพลง | ล้วนนักเลงเจ้าชู้ฉุยฉาย | ||
| ลดเลี้ยวเที่ยวเล่นตามสบาย | หญิงชายเป็นสุขทุกคืนวัน ฯ | ||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
| ปลิ่ม | |||
| ๏ ทิศใต้ภายนอกธานี | มีสระสวนศรีสะตาหมัน | ||
| มิ่งไม้หลายอย่างต่างพรรณ | ล้วนแกล้งกลั่นสรรสาปลูกไว้ | ||
| บ้างเผล็ดผลผการะย้าย้อย | ช่อช้อยชูก้านบานไสว | ||
| พ่างพื้นรื่นร่มสำราญใจ | มีตำหนักน้อยในวารี | ||
| อันโบกขรณีสี่เหลี่ยม | น้ำเปี่ยมเทียบปากสระศรรี | ||
| ใสสะอาดปราศจากราคี | ดังแสงแก้วมณีรจนา | ||
| มีสุพรรณโกสุมปทุมมาลย์ | ตูมบานแย้มกลีบกลิ่นเกล้า | ||
| เกสรร่วงลงคงคา | พระพายพาหอมฟุ้งจรุงใจ ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| สระบุหร่ง | |||
| ๏ นอกกเมืองมีสระตำยลหนึ่ง | วารีลึกซึ้งเย็นใส | ||
| ริมรอบขอบคันล้วนพรรณไม้ | ระบัดใบบังแสงสุริยง | ||
| เป็นที่ภูธรแต่ก่อนมา | แม้นปราบข้าศึกเสร็จเสด็จสรง | ||
| ประดับด้วยโกมุทบุษบง | ลินจงอุบลบัวบาน | ||
| มีพลับพลาที่ประทับยับยั้ง | อยู่ริมฝั่งสระใหญ่ไพศาล | ||
| สำหรับเมืองเนื่องมาแต่บุราณ | ทั้งสี่ราชฐานพารา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| พระทอง | |||
| ๏ แต่กรุงดาหาธานี | มีคิรีวิลิศมาหรา | ||
| อยู่นอกเมืองข้างเบื้องบูรพา | มรรคาวันหนึ่งถึงบรรพต | ||
| อารักษ์เรืองฤทธิ์สถิตสถาน | เชี่ยวชาญเดชาปรากฏ | ||
| ย่อมเป็นที่นับถือลือยศ | แห่งชาวชนบทพระบุรี | ||
| แม้นมีเหตุเภทพานประการใด | ก็บวงบนเทพไทเรืองศรี | ||
| ทำตามบุราณราชประเพณี | ถึงปีไปเคารพอภิวันท์ | ||
| ทั้งที่พระองค์วงศ์เทเวศร์ | ดำรงนคเรศเกษมสันต์ | ||
| ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินสิ้นทั้งนั้น | เป็นสุขทุกวันทุกเวลา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ช้า | |||
| ๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงพิชัยเขตขัณฑ์หมันหยา | ||
| แสนสนุกสุขเกษมเปรมปรา | บรรดากรุงชวาไม่เทียมทัด | ||
| เป็นใหญ่ยิ่งกว่าทุกธานี | แต่ก่อนทั้งบุรีสี่กษัตริย์ | ||
| ประกอบด้วยแก้วเก้าเนาวรัตน์ | ไอศูรย์สมบัติศฤงคาร | ||
| มีหมู่มาตยาข้าเฝ้า | สองเหล่าพลเรือนแลทหาร | ||
| โยธีนับหมื่นพื้นเชี่ยวชาญ | แต่ละคนเคยชำนาญในการรบ | ||
| อยู่ยงคงกระพันสาตรา | วิชาโล่เขนเจนจบ | ||
| ราชรถคชสารสินธพ | เลิศลบเลือนกว่าทุกธานี ฯ | ||
| ฯ ๑๘ คำ ฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ ปางก่อนพระนครหมันหยา | ประชาราษฎร์มาตยาเกษมศรี | ||
| ตั้งแต่ระตูภูมี | สุดสิ้นชีวีทิวงคต | ||
| ก็เย็นเยียบเงียบเหงาเปล่าใจ | ทั่วนิเใศน์เวียงชัยชยนบท | ||
| ตั้งแต่ประไหมสุหรีมียศ | โศกศัลย์รันทดทุกเวลา | ||
| มีราชธิดาสามองค์ | งามทรงวงพักตร์เพียงเลขา | ||
| พี่นางทรงนามสมญา | ชื่อนิหลาอระตาเทวี | ||
| พระผู้ผ่านพิภพกุเรปัน | ตุนาหงันเป็นประไหมสุหรี | ||
| อันระเด่นดาหลาวาตี | บุตรีที่สองรองลงมา | ||
| ท้าวดาหาตุนาหงันไป | เป็นประไหมสุหรีในดาหา | ||
| ยังแต่น้องนุชสุดโสภา | กัลยาแรกรุ่นจำเริญวัย | ||
| ชื่อระเด่นจินดาส่าหรี | พระชนนีถนอมนักรักใคร่ | ||
| กษัตริย์ใดมาขออรทัย | ไม่ยินยอมยกให้ไปไกลองค์ | ||
| หวังจะให้เป็นเอกในเศวตฉัตร | สืบตระกูลกษัตริย์สูงส่ง | ||
| อันท้าวมังกันฤทธิ์วงศ์ | ก็เนื่องในสุริย์วงศ์กันมา | ||
| ได้ครอบครองสวรรยาธานี | ทรงธรรม์นั้นมีโอรสา | ||
| พระคิดถึงระตูผู้มรณา | จะบำรุงพาราให้เรืองไป | ||
| จึงตกแต่ของมาตุนาหงัน | ชนนีนางนั้นก็อวยให้ | ||
| อภิเษกเอกองค์โอรสไว้ | ในพิชัยหมันหยาธานี ฯ | ||
| ฯ ๑๘ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายท้าวกุเรปันเรืองศรี | ||
| เสวยราชสมบัติสวัสดี | สุขเกษมเปรมปรีดิ์มาช้านาน | ||
| จึงมีพระโอรสา | ด้วยลิกูกัลยายอดสงสาร | ||
| ชื่อกระหรัดตะปาตีกุมาร | รูปทรงสัณฐานโสภา | ||
| พระบิตุเรศมารดาทั้งห้าองค์ | พิศวงจงรักหนักหนา | ||
| เย็นเช้าเฝ้าชมทุกเวลา | แสนสนิทเสน่หาดังดวงใจ ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ จึ่งจัดกิดาหยันน้องน้อย | ถ้วนร้อยโปรดปรานประทานให้ | ||
| ทั้งนางนมพี่เลี้ยงแลสาวใช้ | เจ้าขรัวยายผู้ใหญ่ได้บังคับ | ||
| ประทานทั้งเงินทองของขวัญ | ตามขนมครบครันเครื่องประดับ | ||
| สร้อยสุวรรณสังวาลบานพับ | เกี้ยวแก้วแวววับสำหรับยศ | ||
| ให้ตั้งกรรมทำกิจวิทยา | พร้อมคณะพรามหาดาบส | ||
| ชุบกริชประสิทธิ์ให้โอรส | เลื่องหล้าปรากฎฤทธิไกร | ||
| ครั้นท้าวกาหลังมีบุตรี | ด้วยลิกูนารีศรีใส | ||
| ชื่อบุษบารากายาใจ | ตุนาหงันกล่าวไว้แก่ลูกยา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ คิดจะให้ประไหมสุหรีนั้น | ทรงครรภ์พระโอรสา | ||
| จะได้สืบสุริวงศ์พงศ์เทวา | ดำรงขัณฑเสมาธานี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ คิดพลางทางถวายเครื่องบวงสรวง | บำบวงเทวราชเรืองศรี | ||
| ขออารักษ์หลักเมืองเรืองฤทธี | ได้ปรานีเชิญช่วยจงสคิด | ||
| ให้ประไหมสุหรีนั้นมีบุตร | เป็นบุรุษรูปโฉมประโลมจิต | ||
| ได้ครอบครองพระนครขจรฤทธิ์ | ลือสะท้านทั่วทิศทั้งปวง | ||
| แม้นสมปรารถนาดังว่าขาน | จะแต่งแก้บนบานบวงสรวง | ||
| เทียนทองชวาลาบุปผาพวง | พรรณรายรุ้งร่วงด้วยเนาวรัตน์ | ||
| จะแผ่ทองเนื้อเก้าหุ้มเสาศาล | เอาตาดคำทำม่านเพดานดัด | ||
| อีกทั้งทิวธงราชวัติ | ชุมสายเศวตฉัตรชัชวาล | ||
| ทั้งแพะแกะโคกระทิงสิ่งละร้อย | จะปล่อยไว้ในเทวสถาน | ||
| จะสมโภชเจ็ดทิวาราตรีกาล | มีงานมหรสรพครบครัน ฯ | ||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
| ช้า | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ปะไหมสุหรีเฉิดฉัน | ||
| ร่วมภิรมย์สมสุขด้วยทรงธรรม์ | เมื่อจวนจะมีครรภ์พระลูกรัก | ||
| ราตรีเข้าที่พระบรรทม | ด้วยบรมนรินทร์ปิ่นปักษ์ | ||
| บังเกิดนิมิตฝันอัศจรรยบ์นัก | ว่านงลักษณ์นั่งเล่นที่ชาลา | ||
| มีพระสุริยงทรงกลด | ชักรถมาในเวหา | ||
| แจ่มแจ้งแสงสว่างทั้งโลกา | ตกลงตรงหน้านางรับไว้ | ||
| ครั้นนิทราตื่นฟื้นองค์ | ให้หลากจิตพิศวงสงสัย | ||
| จึงทูลพระภัสดาพลันทันใด | โดยนัยนิมิตเยาวมาลย์ ฯ | ||
| ฯ ๘ คำฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหราได้ทราบสาร | ||
| นิ่งนึกตรึกดูก็แจ้งการ | จะมีครรภ์กุมารเป็นมั่นคง | ||
| พระเร่งเกษมสันต์หรรษา | สมถวิลจินดาดังประสงค์ | ||
| พอรุ่งรางสว่างแสงสุริยง | ก็อ่าองค์ทรงเครื่องรูจี | ||
| เสด็จออกยังท้องพระโรงคัล | นั่งเหนือแท่นสุวรรณจำรัสศรี | ||
| แล้วเล่าความนิมิตเทวี | แก่โหรเฒ่าทั้งสี่ทันใด ฯ | ||
| ฯ ๖ คำฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ทั้งสี่โหราอัชฌาสัย | ||
| พิเคราะห์ดูเห็นแจ้งไม่แคลงใจ | ต่างทูลภูวไนยไปพลัน | ||
| อันพระสุบินนี้ดีนัก | จะได้โอรสรักเป็นแม่นมั่น | ||
| อาจองทรงเดชดังสุริยัน | ทุกนิเวศน์เขตขัณฑ์ไม่ต้านทาน | ||
| จะเป็นที่ดับเข็ญให้เย็นยุค | ราษฎรจะได้สุขเกษมศานต์ | ||
| ซึ่งนิมิตยามจันทร์วันอังคาร | จวนเวลากาลอโณทัย | ||
| สิ่งใดพระองค์ประสงค์นัก | ตำราว่าจักพลันได้ | ||
| แต่ในสองเดือนถ้าเคลื่อนไป | พระอย่าไว้ชีวิตโหรา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระทรงภพกุเรปันหรรษา | ||
| จึ่งดำรัสตรัสสั่งเสนา | ให้จัดเสื้อผ้าแพรพรรณ | ||
| ทั้งเงินทองข้าวของหลากหลาย | มาให้โหรผู้ทายทำนายฝัน | ||
| สั่งเสร็จเสด็จจรจรัล | เข้าปราสาทสุวรรณรจนา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ เสมอ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ปะไหมสุหรีเสน่หา | ||
| อยู่เย็นเป็นสุขทุกเวลา | ประมาณเดือนหนึ่งมาก็มีครรภ์ | ||
| ยิ่งผุดผาดผิวผ่องละอององค์ | ดังอนงค์นางฟ้ากระยาหงัน | ||
| เมื่อจวนจะถ้วนกำหนดนั้น | ให้บังเกิดอัศจรรย์จลาจล | ||
| พสุธาสะเทือนเลื่อนลั่น | เป็นควันตลบทั้งเวหน | ||
| มืดมิดปิดแสงพระสุริยน | ฟ้าลั่นอึงอลนภาลัย | ||
| แลบพรายเป็นสายอินทรธนู | สักครู่ก็เกิดพายุใหญ่ | ||
| ไม้ไล่ลู่ล้มระทมไป | แล้วฝนห่าใหญ่ตกลงมา | ||
| เปรี้ยงเปรี้ยงเสียงฟ้าฟาดสาย | แต่มิได้อันตรายจักผ่า | ||
| เย็นทั่วฝูงราษฎร์ประชา | ทั้งเจ็ดทิวาราตี ฯ | ||
| ฯ ๑๐ คำฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกุเรปันเรืองศรี | ||
| เสด็จยังปรางค์รัตน์มณี | ภูมีเห็นนิมิตผิดใจ | ||
| เกิดมาแต่ก่อนบ่ห่อนเห็น | จะอุบัติขัดเข็ญเป็นไฉน | ||
| คิดพลางย่างเยื้องคลาไคล | เสด็จออกพระโรงชัยฉับพลัน ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ จึงมีพระราชบรรหาร | ถามโหราจารย์คนขยัน | ||
| ซึ่งเกิดมหัศจรรย์ | ผิดอย่างปางบรรพ์ไม่เคยมี | ||
| หรือจะเป็นเหตุการณ์แก่บ้านเมือง | ระคายเคืองขุ่นข้องหมองศรี | ||
| จงเร่งทำนายร้ายหรือดี | เรานี้ให้ฉงนสนเท่ห์ใจ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ขุนโหรกราบทูลแถลงไข | ||
| ข้าพิเคราะห์เห็นไม่เป็นไร | แต่วันแรกนั้นได้ปรึกษากัน | ||
| คูณควณสวนสอบทุกตำรา | ดูชะตานคเรศเขตขัณฑ์ | ||
| วางลัคน์อินทพาทบาทจันทร์ | ก็ไม่เห็นสำคัญอันตราย | ||
| เพราะอานุภาพพระโอรส | ให้ปรากฏแก่โลกทั้งหลาย | ||
| ซึ่งฟ้าร้องสนั่นลั่นแลบพราย | บันดาลเป็นสายอินทรธนู | ||
| จะกึกก้องเกียรติยศทั้งทศทิศ | เรืองฤทธิ์ไม่มีที่เคียงคู่ | ||
| พระจะเที่ยวโรมรันพันตู | ปราบหมู่อริราชทุกบุรี | ||
| อันเกิดพายุใหญ่ไม้ล้ม | ระตูจะบังคมบทศรี | ||
| ซึ่งฝนตกเจ็ดวันเจ็ดราตรี | บรรณาการจะมีเนืองมา | ||
| เมื่อพระชันษาสิบห้าขวบ | พระเคราะห์ร้ายประจวบกันหนักหนา | ||
| จะพลัดพรากจากเมืองถึงสามครา | แต่ว่าเห็นไม่เป็นไรนัก | ||
| พระจะไปได้นางในเมืองอื่น | ชมชื่นรื่นรสด้วยยศศักดิ์ | ||
| แล้วจำเป็นจะจากกันทั้งรัก | พระจะได้ทุกข์นักเพราะนารี | ||
| นางใจที่ประสงค์จำนงให้ | ไม่อาลัยจะสลัดหลีกหนี | ||
| ซึ่งเมฆหมอกมืดมัวทั่วราตรี | บดบังรังสีสุริยน | ||
| พระองค์ดั่งดวงทินกร | ทรงเดชขจรทุกแห่งหน | ||
| พระโอรสยศยิ่งภูวดล | เหมือนเมฆเกลื่อนกล่นเข้าบังไว้ | ||
| ซึ่งเป็นควันตลบอบอัมพร | ภูธรจะทุกข์ทนหม่นไหม้ | ||
| ด้วยโอรสาจะคลาไคล | จำเป็นจำให้กำจัดกัน | ||
| พระจะเที่ยวมะงุมมะงาหรา | ย่ำยีบีฑาทุกเขตขัณฑ์ | ||
| สิบสามปีจะคืนกุเรปัน | จะได้สองนางนั้นมาธานี | ||
| จึงจะเย็นแหล่งหล้าประชากร | สโมสรเป็นสุขเกษมศรี | ||
| จะสมบูรณ์ยิ่งกว่าทุกวันนี้ | พระจะมีมเหสีถึงสิบองค์ | ||
| บรรดากรุงชวาทั้งปวง | จะขึ้นแก่กุเรปันเป็นส่วยส่ง | ||
| ข้าเห็นพร้อมกันเป็นมั่นคง | มิได้พะวงสงกา ฯ | ||
| ฯ ๒๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกุเรปันนาถา | ||
| ฟังคำทำนายโหรา | เกษมสันต์หรรษาเป็นพ้นนัก | ||
| จึงประทานบำเหน็จนานา | เสื้อผ้านุ่งห่มสมปัก | ||
| ให้โหรเฒ่าผู้ทำนายทายทัก | แล้วทรงศักดิ์เสด็จจากพระโรงคัล ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเฉิดฉัน | ||
| ตั้งแต่เกิดเหตุมหัศจรรย์ | นับได้เจ็ดวันเจ็ดคืนมา | ||
| พระครรภ์ครบกำหนดทศมาส | จะประสูติพระราชโอรสา | ||
| ให้เจ็บปวดรวดร้าวทั้งกายา | ประหนึ่งว่าชีวันจะอันตราย ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ บัดนั้น | ฝูงสุรางค์นางกำนัลทั้งหลาย | ||
| ทั้งเถ้าแก่ชะแม่เจ้าขรัวนาย | เห็นโฉมฉายปั่นป่วนประชวรครรภ์ | ||
| บ้างเข้าหนุนพระขนองประคองรับ | กำชับหมอตำแยที่แปรผัน | ||
| บ้างไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | บังคมคัลทูลแถลงให้แจ้งใจ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านพิภพกรุงใหญ่ | ||
| ฟังข่าวเร่าร้อนฤทัย | ภูวไนยก็รีบลีลา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงพระจึงเสด็จนั่ง | เหนือสุวรรณบัลลังก์เลขา | ||
| พร้อมสี่มเหสีกัลยา | สุริย์วงศ์พงศามากมี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงค์ประไหมสุหรี | ||
| ครั้นได้ฤกษ์พานาที | เทวีก็ประสูติพระกุมาร | ||
| ชาวประโคมก็ประโคมแตรสังข์ | พร้อมพรั่งจำเรียงเสียงประสาน | ||
| อันอัศจรรย์ซึ่งบันดาล | ก็อันตรธานทันใดฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ มโหรี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์มะเดหวีศรีใส | ||
| จึงเอาข่ายแก้วแววไว | รับพระดนัยโฉฉมยง | ||
| แล้วเอาน้ำดอกไม้ใสสด | มารินรดชำระสระสรง | ||
| ลูบไล้ด้วยเครื่องสุคนธ์ทรง | วางลงบนยี่ภู่พานสุวรรณ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหรารังสรรค์ | ||
| พิศโฉมลูกยาวิลาวัณย์ | สารพันงามสิ้นทั้งอินทรีย์ | ||
| ดำแดงแน่งเนื้อนวลผจง | น่ารักรูปทรงส่งศรี | ||
| สมหมายเหมือนถวิลยินดี | เสน่หาพ้นที่จะพรรณนา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ท้าวนางข้างในถ้วนหน้า | ||
| ทั้งเถ้าแก่ชะแม่จ่าชา | ก็จัดสรรภรรยาเสนี | ||
| เป็นนางสนมสมบูรณ์ด้วยรูปร่าง | ครบถ้วนตามอย่างหกสิบสี่ | ||
| เว้นโทษขาวดำผอมพี | ไม่มีต่ำสูงเสมอกัน | ||
| แล้วจัดเหล่านารีพี่เลี้ยง | ที่ควรเคียงถือต้องประคองขวัญ | ||
| สี่อนงค์ทรงลักษณ์ลาวัลย์ | ล้วนวงศ์พงศ์พันธุ์กษัตรา | ||
| กับนางกำนัลน้อยน้อย | สองร้อยรูปร่างโอ่อ่า | ||
| ทั้งเงินทองของขวัญนานา | นำมาถวายทันที ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | จึงมหาอำมาตย์ทั้งสี่ | ||
| กับทั้งเหล่าเสนามนตรี | แต่บรรดาที่มีบุตรนั้น | ||
| ให้จัดแจงแต่งตัวทั้งแปดร้อย | ล้วนน้อยน้อยหน้าตาคมสัน | ||
| พาไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | ถวายเป็นข้าขวัญพระกุมาร ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นปักนัคเรศราชฐาน | ||
| ชื่นชมโสมนัสเบิกบาน | จึงมีบัญชาการตรัสไป | ||
| อันบุตรเสนาปาเตะ | ตั้งที่ยะรุเดะพี่เลี้ยงใหญ่ | ||
| บุตรตำมะหงงเสนาใน | ตั้งให้เป็นที่ปูนตา | ||
| อันบุตรดะหมังมนตรี | ตั้งเป็นที่ประสันตาครบครัน | ||
| พื้นดรุณรุ่นหนุ่มน้อยน้อย | รูปร่างแช่มช้อยเฉิดฉัน | ||
| พระสั่งให้ประทานรางวัล | ตามหลั่นพี่เลี้ยงแลมนตรี ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายสามอนุชาเรืองศรี | ||
| อีกองค์สมเด็จพระอัยกี | กับประไหมสุหรีหมันหยานั้น | ||
| ทั้งระภูธรทุกประเทศ | ครั้นเห็นเหตุวิปริตผิดผัน | ||
| ต่างองค์ทรงคิดอัศจรรย์ | ให้สงสัยไหวหวั่นหฤทัย | ||
| บ้างให้ค้นดูตำรับข้างที่ | จดหมายเหตุคัมภีร์น้อยใหญ่ | ||
| คนแก่เฒ่าก็เอามาซักไซ้ | บ้างถามไถ่โหราพฤฒาจารย์ | ||
| บ้างให้หาบีกูประมาหนา | ฤาษีชีป่าในไพรสัณฑ์ | ||
| ที่ได้กสิณอภิญญาณ | ก็แจ้งการทำนายมาเหมือนกัน | ||
| ต่างรู้ประจักษ์แจ้งแห่งเหตุ | ผู้มีเดชลงมาจากสวรรค์ | ||
| เป็นโอรสท้าวกุเรปัน | จะประสูติจากครรภ์พระชนนี | ||
| อันท้าวดาหาแลกาหลัง | อีกทั้งท้าวสิงหัดส่าหรี | ||
| กับองค์อัครราชเทวี | ชื่นชมยินดีเป็นสุดคิด | ||
| จึงจัดของขวัญพระกุมาร | สร้อยสนสังวาลวิภูษิต | ||
| มงกุฎแก้วกุณฑลตาบทิศ | ตามอย่างราชนิติบุราณมา | ||
| ให้มหาเสนานำไป | ยังกรุงไกรบรมเชษฐา | ||
| เฉลิมขวัญพระราชนัดดา | โดยตำราตราตั้งจิรังกาล | ||
| ฝ่ายองค์สมเด็จพระอัยกี | ในหมันหยาธานีราชฐาน | ||
| จัดระเด่นดาหยันกุมาร | ซึ่งเป็นวงษ์วารกษัตรา | ||
| กับพี่เลี้ยงแลนางนม | ล้วนอุดมรูปทรงวงศา | ||
| ชายหญิงสิ่งละร้อยโดยตรา | มอบให้เสนานำไป ฯ | ||
| ฯ ๒๐ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนาหมันหยากรุงใหญ่ | ||
| ถวายบังคมลาคลาไคล | ออกจากพิชัยธานี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
| เร่งรัดรีบมสิบห้าวัน | ก็ลุถึงกุเรปันกรุงศรี | ||
| พบทูตทั้งสามพระบุรี | พากันจรลีเข้าวังใน ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ครั้นถึงจึงตรงเข้าไปหา | ปะเตะเสนาแลดาหมัง | ||
| ต่างแถลงแจ้งความให้ฟัง | แล้วพากันมาพระโรงชัย ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ท้าวนางกำนัลน้อยใหญ่ | ||
| ครั้นถึงวันสมโภชพระดนัย | ก็วุ่นวายวิ่งไขว่ไปทั้งวัง | ||
| เร่งให้หาโหราพราหมณ์ชี | ชาวประโคมดนตรีแตรสังข์ | ||
| เอาขันสาครใหญ่ในคลัง | มันจัดแจงแต่งตั้งเตียงรอง | ||
| ปักสุวรรณราชวัติฉัตรธง | รายรอบที่สรงเป็นแถวถ้อง | ||
| ทั้งมะพร้าวเต่าปลาเงินทอง | จัดต้องตามธรรมเนียมเตรียมไว้ | ||
| ตั้งบายศรีเงินทองสองสำรับ | แซมยอดสอดประดับดอกไม้ไหว | ||
| ลังข์กลศแว่นเวียนเทียนชัย | แต่งไว้เสร็จถ้วนทุกสิ่งอัน ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหรารังสรรค์ | ||
| เวลาควรจวนฤกษ์ก็จรจรัล | ไปปราสาทสุวรรณพระโอรส ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| นั่งเหนือบัลลังก์รูจี | พร้อมพระมเหสีทั้งปวงหมด | ||
| ต่างกราบบาทบงสุ์พระทรงยศ | พอกำหนดพระฤกษ์เวลา | ||
| จึงให้เชื้อพระวงศ์ผู้ใหญ่ | เข้าอุ้มองค์พระดนัยเสน่หา | ||
| เชิญสี่บีกูนั้นเข้ามา | จำเริญเกศาพระกุมาร ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| แล้วเชิญลงสรงน้ำในสาคร | อับอบอายเกสรหอมหวาน | ||
| ชีพราหมณ์โหราพฤฒาจารย์ | ต่างอ่านพระเวทย์ถวายชัย | ||
| ราชครูบีกูทั้งสี่ | เอาเสาวคนธ์วารีมาสรงให้ | ||
| แล้วเชิญลงอู่แก้วแววไว | อ่านมนต์แกว่งไกวไปมา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ยานี | ||||
| ๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงองค์อสัญแดหวา | |||
| ซึ่งเป็นบรมอัยการ | สถิตยังชั้นฟ้าสุราลัย | |||
| จึงนิมิตกริชแก้วสุรกานต์ | นามกรพระหลานจารึกใส่ | |||
| ครั้นเสร็จเสด็จจากวิมาชัย | เหาะมากรุงไกรกุเรปัน ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ รัว | ||||
| ร่าย | ||||
| ๏ ครั้นถึงจึงวางกริชลง | ข้างองค์พระกุมารหลานขวัญ | |||
| อวยชัยให้พรแล้วเทวัญ | กลับคืนกระยาหงันชั้นฟ้า ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์มะเดหวีเสน่หา | |||
| ประคองกรช้อนอุ้มพระลูกยา | เชิญมาจากอู่อำไพ | |||
| เห็นกริชนั้นวางอยู่ข้างที่ | มารศรีหลากจิตคิดสงสัย | |||
| จึงหยิบมาดูด้วยดีใจ | แล้วถวายภูวไนยฉับพลัน ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านโภไคยไอศวรรย์ | |||
| ชืนชมโสมนัสอัศจรรย์ | เอากริชนั้นออกพิจารณา ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ จึงเห็นจารึกอักษร | นามกรพระโอรสา | |||
| ชื่อหยังหยังหนึ่งหรัดอินดรา | อุดากนสาหรีปาตี | |||
| อิเหนาเองหยังตาหลา | เมาะตาริยะกัดดังสุรศรี | |||
| ดาหยังอริราชไพรี | เองกะนะกะหรีกุรปัน ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ ครั้นอ่านเสร็จสิ้นในอักษร | ภูธรยิ่งแสนเกษมสันต์ | |||
| จึงยอกรถวายอภิวันท์ | อัยกาทรงธรรม์เลิศไกร | |||
| พระมาช่วยอุปถัมภ์บำรุง | จะลือเกียรติทุกกรุงน้อยใหญ่ | |||
| สมคำโหรทายทำนายไว้ | ประจักษ์ในนิมิแต่เดิมมา | |||
| แล้วสั่งประโคมเป็นสำคัญ | เฉลิมขวัญพระโอรสา | |||
| เอาฤกษ์ได้กริชเทวา | เป็นมหามหัศอัศจรรย์ ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ ครั้นเสร็จสมโภชพระดนัย | พระผู้ผ่านโภไคยไอศวรรย์ | |||
| จึงสั่งพนักงานทั้งปวงนั้น | ให้จัดสรรเครื่องใช้แลเครื่องทรง | |||
| มงกุฎเพชรพาหุรัดจำรัสเรือง | กับเมืองขึ้นสิบเมืองเป็นส่วยส่ง | |||
| ทั้งเสนีรี้พลจัตุรงค์ | ประทานองค์โอรสยศไกร ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ ครั้นเสร็จพระเสด็จเยื้องย่าง | จากปรางค์ปราสาททองผ่องใส | |||
| มายังโรงคัลทันใด | เสนาในเฝ้าแหนแน่นนันต์ ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | ||||
| ๏ บัดนั้น | ปาเตะเสนาคนขยัน | |||
| จึงนำเสนีสี่เมืองนั้น | มาบังคมคัลมิทันนาน ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ แล้วทูลว่าสามกษัตริย์ทรงเดช | ผู้ดำรงนคเรศราชฐาน | |||
| ให้เสนีนำของมาประทาน | พระหลานรักราชสุริย์วงศ์ | |||
| แต่องค์สมเด็จพระอัยกี | ให้หมันหยาธานีสูงส่ง | |||
| ให้ระเด่นดาหยันโฉมยง | ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์พงศ์พันธุ์ | |||
| ทั้งหมู่ชายหญิงสิ่งละร้อย | ล้วนหนุ่มน้อยหน้าตาคมสัน | |||
| กับพี่เลี้ยงนางนมทั้งนั้น | ถวายเป็นข้าขวัญพระนัดดา ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์ศรีปัตหรา | |||
| ชื่นชมโสมนัสปรีดา | จึงมีบัญชาตรัสไป | |||
| ซึ่งพระมารดาการุญ | พระคุณนั้นหาที่สุดไม่ | |||
| ท่านจงทูลแถลงให้แจ้งใจ | ว่าเราบังคมไปใต้บาทา | |||
| อันพระอนุชาสามธานี | เรานี้ชอบใจเป็นหนักหนา | |||
| จงจำเริญสุขทุกเวลา | อันตรายโรคาอย่าแผ้วพาน | |||
| แล้วประทานเสื้อผ้าแก่เสนี | ซึ่งมาแต่สี่ราชฐาน | |||
| อันระเด่นดาหยันกุมาร | พระประธานเงินทองของพึงใจ | |||
| ให้อยู่ยังที่ติกาหลัง | นิเวศน์วังลูกหลวงอาศัย | |||
| ครั้นเสร็จเสด็จเข้าข้างใน | เสนีกลับไปพารา ฯ | |||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีหมันหยา | |||
| ทรงครรภ์ถ้วนทศมาตรา | ประสูติมาเป็นราชบุตรี | |||
| งามงอนอ่อนระทวยนวยแน่ง | ดำแดงนวลเนื้อสองสี | |||
| ผ่องพักตร์ผิวพรรณดังจันทรี | นางในธานีไม่เทียมทัน | |||
| องค์พระอัยกีเป็นที่รัก | ถนอมนักเชยชมภิรมย์ขวัญ | |||
| บิตุราชมาตุรงค์แลพงศ์พันธุ์ | พร้อมกันประทานนามพระธิดา | |||
| ชื่อจินตหราวาตีศรีสวัสดิ์ | เฉลิมวงศ์พงศ์กษัตริย์ในหมันหยา | |||
| อ่อนเดือนกว่าอิเหนาพี่ยา | ทั้งสองชันษาเดียวกัน | |||
| พร้อมพระพี่เลี้ยงนางนม | นักสนมกรมในสาวสวรรค์ | |||
| ประโลมเลี้ยงพระธิดาดวงจันทร์ | ทุกวันทุกเวลาราตรี ฯ | |||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระทรงภพกุเรปันเรืองศรี | |||
| ทั้งท้าวดาหาธิบดี | สองประไหมสุหรีพี่นางนั้น | |||
| จึงจัดของขวัญอันอุดม | ทั้งพี่เลี้ยงนางนมเลือกสรร | |||
| ให้เสนาคุมของจรจรัล | ไปทำขวัญพระนัดดานารี ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวสิงหัดส่าหรี | |||
| มีโอรสแรกเริ่มเดิมที | กับประไหมสุหรีศรีโสภา | |||
| เทเวศร์ให้กริชเป็นของขวัญ | เหมือนกันกับอิเหนาเชษฐา | |||
| จารึกนามใส่ในกริชมา | ชื่อระเด่นสุหรานากง | |||
| ครั้นท้าวกาหลังมีบุตรี | ด้วยประไหมสุหรีนวลหง | |||
| ชื่อสกาหนึ่งหรัดโฉมยง | รูปทรงโสภายาใจ | |||
| จึงแต่งของไปตุนาหงัน | บิตุรงค์ทรงธรรม์ก็อวยให้ | |||
| ตามจารีตวงศาสุราลัย | ตุนาหงันกันได้แต่สี่เมือง | |||
| อยู่มามีราชบุตรี | นวลละอองสองสีขาวเหลือง | |||
| พักตร์ผ่องผิวเนื้อเรื่อเรือง | จึงให้นามตามเรื่องมารดา | |||
| ชื่อระเด่นจินดาส่าหรี | พระชนกชนนีเสน่หา | |||
| สามเมืองส่งเครื่องบรรณา | มาทำขวัญพระธิดานารี | |||
| แล้วจัดสาวสนมกำนัล | เลือกสรรรูปทรงส่งศรี | |||
| ตั้งที่พี่เลี้ยงพระบุตรี | เหมือนกันทั้งสี่พารา ฯ | |||
| ฯ ๑๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีดาหา | |||
| อยู่เย็นเป็นสุขทุกทิวา | นานมาโฉมยงทรงครรภ์ | |||
| เมื่อจะประสูติพระดนัย | เวลาประจุสมัยไก่ขัน | |||
| บังเกิดมหัศอัศจรรย์ | กลิ่นสุคันธรสรวยริน | |||
| ดอกไม้ทุกพรรณบันดาล | เบิกบานเกสรขจรกลิ่น | |||
| ภุมเรศร่อนร้องโบยบิน | ประสานเสียงเพียงพิณพาทย์ฆ้อง | |||
| ดนตรีแตรสังข์ก็ดังเอง | อัศจรรย์บรรเลงกึกก้อง | |||
| ครั้นอรุณรุ่งรางสร่างแสงทอง | ดังแสงรุ้งเรืองรองอร่ามไป | |||
| สุรศรีดังสีธรรมชาติ | เลื่อมพรายโอภาสผ่องใส | |||
| จึงประสูติธิดายาใจ | งามวิไลล้ำเลิศเพริศพราย | |||
| อันอัศจรรย์ที่บันดาล | ก็อันตรธานสูญหาย | |||
| ยังแต่กลิ่นหอมรวยชวยชาย | จึงถวายพระนามตามเหตุนั้น | |||
| ชื่อระเด่นบุษบาหนึ่งหรัด | ลออเอี่ยมเทียมทัดนางสวรรค์ | |||
| ทั้งในธรณีไม่มีทัน | ผิวพรรณผุดผ่องดังทองทา | |||
| อันองค์มะเดหวีมีศักดิ์ | ถนอมอุ้มฟูมฟักรักษา | |||
| ทั้งสามมเหสีโสภา | รักราชธิดาดังดวงใจ ฯ | |||
| ฯ ๑๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผ่านภพดาหากรุงใหญ่ | |||
| แสนสวาทพระราชดนัย | ดังดวงฤทัยทรงธรรม์ | |||
| จึงจัดสี่พี่เลี้ยงพระธิดา | คนนั้นชื่อว่าบาหยัน | |||
| หนึ่งชื่อส่าเหง็ดลาวัณย์ | หนึ่งชื่อประเสหรันนารี | |||
| หนึ่งชื่อปะลาหงันกัลยา | ตามตำราชื่อตั้งทั้งสี่ | |||
| แล้วจัดสรรกำนัลที่รูปดี | นารีน้อยน้อยแปดร้อยปลาย | |||
| บรรดาบุตรเสนาน้อยใหญ่ | ต่างคนเต็มใจเอาไปถวาย | |||
| พระประทานรางวัลมากมาย | มอบให้เจ้าขรัวยายบังคับ | |||
| บ้างหัดร้องลำนำจำเรียง | ประสานเสียงซักซ้อมกล่อมขับ | |||
| บ้างหัดซอกกระจับปี่ตีโทนทับ | สำหรับบำเรอพระธิดา ฯ | |||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระทรงภพกุเรปันนาถา | |||
| แจ้งว่าองค์อนุชา | มีราชธิดาลาวัณย์ | |||
| พระเร่งชื่นชมโสมนัส | จึงให้จัดสิ่งของไปทำขวัญ | |||
| กับเครื่องบรรณาการนอกนั้น | เป็นของตุนาหงันกัลยา | |||
| ขอระเด่นบุษบาโฉมยง | ให้องค์อิเหนาโอรสา | |||
| ตามจารีตบุราณสืบมา | หวังมิให้วงศาอื่นปน | |||
| ครั้นเสียศักดิ์สุริย์วงศ์เทเวศร์ | ก็เกิดเหตุอันตรายหลายหน | |||
| ไพร่ฟ้าประชากรร้อนรน | จลาจลต่างต่างทั้งธานี | |||
| ฝ่ายพระอนุชากาหลัง | อีกทั้งสิงหัดส่าหรี | |||
| ต่างแต่งบรรณาการมากมี | ไปทำขวัญบุตรีพระพี่ยา ฯ | |||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | |||
| ตั้งแต่มีราชธิดา | ช้านานประมาณห้าปี | |||
| จึงมีโอรสยศยง | ด้วยองค์ประไหมสุหรี | |||
| งามละม้ายคล้ายกันกับบุตรี | ใครเห็นเป็นที่เจริญใจ | |||
| องค์อสัญแดหวาวราฤทธิ์ | เสกแสร้งนฤมิตกริชให้ | |||
| วางลงข้างองค์พระดนัย | จารึกนามนั้นใส่ในกริชมา | |||
| ชื่อระเด่นสียะตราหนึ่งหรัด | สืบวงศ์พงศ์กษัตริย์อสัญหยา | |||
| พระชนกชนนีก็ปรีดา | เสน่หาดังดวงฤทัย | |||
| สี่เมืองส่งเครื่องบรรณาการ | มาทำขวัญพระกุมารประสูติใหม่ | |||
| ของขวัญตามตำรับบังคับไว้ | โดยในสุริย์วงศ์เทวา | |||
| แล้วจัดสรรพี่เลี้ยงทั้งสี่ | ล้วนลูกเสนีมียศถา | |||
| พี่เลี้ยงเอกนั้นชื่อปุนตา | หนึ่งกะระตาหลาพี่เลี้ยงรอง | |||
| หนึ่งชื่อยะรุเดะพี่เลี้ยงตรี | ที่สี่ประสันตาปัญญาว่อง | |||
| ล้วนหนุ่มน้อยรุ่นรามทรามคะนอง | ตั้งต้องตามขนบครบครัน | |||
| ให้บุตรขุนหมื่นพื้นน้อยน้อย | แปดร้อยกุมารากิดาหยัน | |||
| ประทานเงินเสื้อผ้าสารพัน | ให้เป็นของขวัญพระลูกยา ฯ | |||
| ฯ ๑๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายอิเหนากุเรปันโอรสา | |||
| ปรีดิ์เปรมเกษมสุขทุกทิวา | จนจำเริญชนมาสิบห้าปี | |||
| งามรับสรรพสิ้นสรรพางค์ | ยิ่งอย่างเทวาในราศี | |||
| ทรงโฉมประโลมใจนารี | เป็นที่ประดิพัทธ์ผูกพัน | |||
| เนาในติกาหลังวังสถาน | ดังวิมานเมืองฟ้ากระยาหงัน | |||
| พร้อมด้วยสุรางค์นางกำนัล | พี่เลี้ยงกิดาหยันโยธา | |||
| อันศิลปศาสตร์สำหรับกษัตริย์ | ทุกสิ่งสารพัดหัดหา | |||
| รำกริชกระบี่ขี่อาชา | ศึกษาซ้อมเล่นไม่เว้นวัน ฯ | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
| ๏ ครั้นพระสุริย์ฉายบ่ายลง | ก็แต่งองค์ทรงเครื่องเรืองฉัน | |||
| เสด็จจากปราสาทแก้วแพรวพรรณ | จรจรัลไปท้องสนามชัย ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ ครั้นถึงพลับพลาหน้าจักรวรรดิ | ที่เคยหัดจตุรงค์น้อยใหญ่ | |||
| จึงตรัสสั่งกิดาหยันทันใด | ให้เรียกมโนมัยเข้ามา ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | กิดาหยันรับสั่งใส่เกศา | |||
| พลางพยักกวักเรียกกรมม้า | รีบจูงอาชามาฉับพลัน ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวากระยาหงัน | |||
| จึงขึ้นทรงม้าเหลืองเครื่องสุบรรณ | ระเด่นดาหยันนั้นขี่ม้าแดง | |||
| รำท่าเพลงทวนกระบวนรบ | ถ้อยทีขี่สินธพเข้มแข็ง | |||
| ชักเป็นโคมเวียนเปลี่ยนแปลง | ประปรายปลายพระแสงทวนทอง ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ แล้วลงทรงกระบี่ตีเล่น | กับระเด่นดาหยันเคล่าคล่อง | |||
| กรีดกรายร่ายรำเป็นทำนอง | รับรองป้องปัดไปมา ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ ครั้นเหนื่อยก็หยุดยับยั้ง | สถิตยังพลับพลาพลันหรรษา | |||
| ทอดพระเนตรกิดาหยันโยธา | ซ้อมหัดศาตราสารพัน ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ ใครดีฝีมือแคล่วคล่อง | ก็ประทานเงินทองทุกสิ่งสรรพ์ | |||
| พอจวนเวลาสายัณห์ | ก็จรจรัลคืนยังวังใน ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ เสด็จนั่งเหนืออาสน์ลาดปู | พระยี่ภู่เขยทองผ่องใส | |||
| สาวสุรางค์นางบำเรอบำรุงใจ | แสนสำราญหฤทัยทุกเวลา ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงระตูผู้ผ่านหมันหยา | |||
| อยู่จำเนียรกาลนานมา | พระมารดาสุดสิ้นทิวงคต | |||
| มเหสีสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ | ต่างแสนโศกศัลย์กำสรด | |||
| ทั้งองค์ระตูผู้มียศ | ก็ระทดพระทัยพันทวี | |||
| จึงให้เชิญพระศพใส่โกศทอง | สถิตไว้ในห้องปราสาทศรี | |||
| ตกแต่งตามตำแหน่งประเพณี | กษัตราธิบดีแต่ก่อนมา | |||
| แล้วมีพจนารถประสาทสั่ง | อำมาตย์ดะหมังยาสา | |||
| ท่านจงจัดแจงแต่งตรา | บอกบรรดาเมืองขึ้นของเรา | |||
| ให้ผู้รั้งทั้งปวงหลวงปลัด | เกณฑ์ไพร่เร่งรัดไปตัดเสา | |||
| กำหนดยาวใหญ่ย่อมกล่อมเกลา | ให้ได้เท่าตามอย่างช่างให้การ | |||
| ทุกสิ่งสารพัดผัดแผง | จัดแจงข้าส่วยให้ช่วยสาน | |||
| จงหมายบอกทุกตำแหน่งพนักงาน | จะทำการให้เสร็จในปีนี้ | |||
| แล้วสั่งปาเตะตำมะหงง | ท่านจงแต่งราชสารศรี | |||
| ไปดาหากุเรปันพระบุรี | ว่าพระชนนีนั้นมรณา ฯ | |||
| ฯ ๑๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | อำมาตย์ทั้งสี่มียศถา | ||
| รับส่งแล้วบังคมลา | ออกมาจากพระโรงรูจี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ รีบเขียนหนังสือบอกหลายฉบับ | แล้วประทับปิดตราพระราชสีห์ | ||
| ให้ม้าใช้ถือไปทุกธานี | ตามมีรับสั่งพระทรงธรรม์ | ||
| แล้วแต่งราชสารลงลานทอง | มอบให้สองสามนต์คนขยัน | ||
| จงรีบไปหากุเรปัน | สิบห้าวันให้ถึงพารา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนีสองนาซ้ายขวา | ||
| คำนับรับราชสารา | มาขึ้นม้าแยกย้ายกันไป ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงกุเรปันนคเรศ | ก็เข้าในนิเวศน์วังใหญ่ | ||
| บอกแก่ยาสาเสนาใน | แล้วส่งสารให้ทันที ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ยาสาเสนาบดีศรี | ||
| พาอำมาตย์หมันหยาธานี | เข้าไปเฝ้าธุลีพระบาทา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ ครั้นถึงจึ่งถวายบังคม | นบนิ้วประนมเหนือเกศา | ||
| ทูลแถลงแจ้งความตามกิจจา | แล้วถวายสาราพระทรงธรรม์ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านกรุงไกรไอศวรรย์ | ||
| คลี่สารอ่านทราบทุกสิ่งอัน | จึงมีพระบัญชาไป | ||
| พระประชวรฉันใดก็ไม่รู้ | ควรหรือระตูช่างนิ่งได้ | ||
| ต่อเมื่อพระสวรรคาลัย | จึ่งให้มาแจ้งกิจจา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนีที่มาแต่หมันหยา | ||
| ได้ฟังพจนารถประภาษมา | จึ่งสนองบัญชาพระทรงยศ | ||
| แต่แรกประชวรมาได้ห้าวัน | พระโรคนั้นเห็นพอจะเปลื้องปลด | ||
| โภชนาอาหารก็มีรส | เสวยพระโอสถทุกเวลา | ||
| ระตูภูธรไว้พระทัย | ว่าจะไม่เป็นไรหนักหนา | ||
| จึ่งว่ามิได้มีราชสารา | มาทูลกิจจาภูวไนย | ||
| พระโรคนั้นกลับกลายเมื่อภายหลัง | หนักลงเหลือกำลังจะแก้ไข | ||
| สองวันก็สวรรคาลัย | ภูวไนยจงทราบฝ่าธุลี ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกุเรปันเรืองศรี | ||
| ได้ฟังจะแจ้งแห่งคดี | ภูมีจึงสั่งเสนา | ||
| จงจัดแจงแต่งของไทยทาน | ไปช่วยการพระศพในหมันหยา | ||
| สั่งเสร็จเสด็จลีลา | เข้าหาปราสาทรูจี ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ นั่งเหนือบัลลังก์รัตน์ชัชวาล | พร้อมห้าเยาวมาลย์มเหสี | ||
| พระยื่นสารนั้นทันที | ให้ประไหมสุหรีกัลยา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเสนหา | ||
| คลี่สารอ่านแจ้งกิจจา | ว่าพระมารดาพิราลัย | ||
| ดั่งหนึ่งพระกาญชาญฤทธิ์ | มาเด็ดดวงชีวิตไปได้ | ||
| ชลเนตรฟูมฟองนองนัยน์ | สะอื้นไห้ครวญคร่ำรำพัน ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ โอด | |||
| ๏ โอ้พระชนนีของลูกเอ๋ย | พระคุณเคยปกป้องประคองขวัญ | ||
| เชยชมเช้าเย็นเป็นนิรันด์ | สารพันมิให้อนาทร | ||
| ยังมิได้ทดแทนสนองคุณ | ซึ่งการุญรักพร่ำสั่งสอน | ||
| หรือมาละลูมไว้ให้อาวรณ์ | หนีไปอมรเมืองฟ้า | ||
| พระประชวรโรคคันคุ้งบรรลัย | ก็มิได้พิทักษ์รักษา | ||
| เสียแรงที่อุ้มท้องประคองมา | กัลยาร่ำพลางทางโศกี ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ โอด | |||
| ร่าย | |||
| ๏ ครั้นค่อยเคลื่อนวายเทซษ | จึงกราบทูลภูวเรศเรืองศรี | ||
| ข้าขอบังคมลาฝ่าธุลี | ไปดูแลเปลวอัคคีพระมารดา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์องค์ศรีปัตหรา | ||
| นิ่งนึกตรึกไตรไปมา | ครั้นจะให้กัลยาคลาไคล | ||
| เกลือกระตูผู้ผ่านแผ่นดิน | จะดูหมิ่นประมาทหาควรไม่ | ||
| จะเสียเกียรติยศปรากฏไป | ทุกกรุงไกรจะติฉินนินทา | ||
| คิดพลางทางปลอบมเหสี | อย่ากันแสงโศกีฟังพี่ว่า | ||
| อันเกิดแล้วไม่แคล้วมรณา | ถึงพรหมินทร์อินทราก็เหมือนกัน | ||
| ซึ่งจะส่งสักการพระมารดา | ยังนครหมันหยาเขตขัณฑ์ | ||
| กันดารโดยมาคาอารัญ | ทั้งทรงครรภ์ได้แปดเดือนปลาย | ||
| เกลือกจะเกิดเหตุใหญ่ขึ้นในป่า | จะลำบากายาโฉมฉาย | ||
| รู้ไปถึงไหนจะได้อาย | เขาจะฉินยินร้ายทุกพารา | ||
| เจ้าจงจัดแจงแต่งไทยทาน | ส่งสักการพระศพดีกว่า | ||
| ให้อิเหนาลูกเราลีลา | ก็เหมือนกับกัลยาคลาไคล ฯ | ||
| ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส | ||
| ได้ฟังภิปรายค่อยคลายใจ | อรไททูลสนองพระวาจา | ||
| ซึ่งพระอง๕ืตรัสโปรดมาทั้งนี้ | เห็นชอบท่วงทีเป็นหนักหนา | ||
| ว่าแล้วถวายบังคมลา | ลงมาที่อยู่เยาวมาลย์ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ผู้ดำรงราชฐาน | ||
| จึงตรัสสั่งดะหมังมิทันนาน | จงรีบไปแจ้งการอนุชา | ||
| เราจะให้ระเด่นมนตรี | ไปปลงศพอัยกียังหมันหยา | ||
| จะจัดแจงใครไปก็ให้มา | สองเมืองจะได้พากันคลาไคล ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ดะหมันรับสั่งบังคมไหว้ | ||
| มาเร่งรัดจัดกันทันใด | พร้อมเหล่าบ่าวไพร่แล้วไคลคลา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ มาถึงทางร่วมพนาลี | ก็พบพวกเสนหมันหยา | ||
| ต่างคนต่างรีบเร่งมา | ก็ถึงกรุงดาหาพร้อมกัน | ||
| จึงไปหาปาเตะเสนี | แถลงเล่าคดีขมีขมัน | ||
| พอเพลาเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | ก็พากันไปพระโรงรูจี ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ จึงก้มเกล้าประณตบทมาลย์ | พระผู้ผ่านดาหากรุงศรี | ||
| อำมาตย์หมันหยาธานี | อัญชลีทูลถวายสารา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์องค์ศรีปัตหรา | ||
| คลี่สารอ่านแจ้งในกิจจา | ให้สังเวชวิญญาณ์จาบัลย์ | ||
| จึงสั่งคลังวิเศษศุภรัต | จงจัดไทยทานทุกสิ่งสรรพ์ | ||
| แล้วถามดะหมังกุเรปัน | พระทรงธรรม์ใช้มาว่าไร ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังบังคมแถลงไข | ||
| บัดนี้พระเชษฐาบัญชาใช้ | มาทูลให้ทราบธุลีพระบาทา | ||
| พระจะให้องค์ระเด่นมนตรี | เสด็จไปบุรีหมันหยา | ||
| อันเครื่องไทยทานการนานา | ให้พร้อมแต่สิบห้าราตรี ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ท้าวดาหาสุริย์วงศ์เรืองศรี | ||
| ได้แจ้งแห่งคำเสนี | ภูมีนิ่งนึกตรึกไตร | ||
| พระเชษฐาน่าจะแหนงฤทัยอยู่ | ด้วยระตูจะประมาทหมิ่นได้ | ||
| หวังมิให้กัลยาคลาไคล | จึงอุบายเป็นนัยมาดังนี้ | ||
| คิดพลางทางมีบัญชาสั่ง | ดะหมังจงคืนไปกรุงศรี | ||
| ทูลพระเชษฐาธิบดี | ว่าเราอัญชลีพระบาทา | ||
| จะให้เสนานำของไป | ยังนิเวศเวียงชัยพระเชษฐา | ||
| บรรจบกับอิเหนานัดดา | ไปเขตขัณฑ์หมันหยาธานี | ||
| สั่งเสร็จเสด็จยุรยาตร | ไปปราสาทองค์ประไหมสุหรี | ||
| นั่งเหนือบัลลังก์รัตน์รูจี | พระส่งสารศรีให้กัลยา ฯ | ||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเสนหา | ||
| คลี่สารอ่านพลันมิทันช้า | แจ้งว่าชนนีทิวงคต | ||
| นางตระหนกอกสั่นขวัญหาย | เพียงจะวายชีวิตปลิดปลง | ||
| สองกรข้อนอุรารันทด | พิไรร่ำกำสรดโศกา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ โอด | |||
| ๏ โอ้ว่าพระมารดาเจ้า | พระบาทเคยปกเกล้าเกศา | ||
| เฝ้าถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกมา | มิให้เคืองวิญญาณ์เท่ายองใย | ||
| พระเจ็บไข้ก็มิได้พยาบาล | จะรู้ข่าวอาการก็หาไม่ | ||
| จนสุดสิ้นชีวันบรรลัย | ลูกมิได้เห็นใจพระมารดร | ||
| ร่ำพลางทางทรงโศกี | ทอดองค์ลงกับที่บรรถรณ์ | ||
| ดังจะม้วยชีวาด้วยอาวรณ์ | บังอรไม่เป็นสมประดี ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ โอด | |||
| ร่าย | |||
| ๏ ครั้นค่อยคลายอาดูรจึงทูลไป | ภูวไนยจงโปรดเกศี | ||
| ข้าขอบังคมลาไปธานี | ดูเปลวอัคคีพระมารดา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | ||
| จึ่งโลมเล้าเอาใจไปมา | เจ้าอย่าอาวรณ์ร้อนฤทัย | ||
| อันกำเนิดเกิดมาในสากล | ใครจะพ้นมรณะก็หาไม่ | ||
| จงระงับดับความอาลัย | ถึงโศกไปใช่ที่จะเป็นมา | ||
| ซึ่งเจ้าว่าจะลาบทจร | ไปนครเขื่อนขัณฑ์หมันหยา | ||
| ในฤดูเดือนนี้จะลีลา | กันดารโดยมรคาท่าทาง | ||
| ฝูงโขมดมายาย่อมอาเพศ | ให้เกิดเหตุอันตรายหลายอย่าง | ||
| ใช่จะแกล้งเกียดกันกั้นทาง | ถึงพี่นางก็ไม่ไคลคลา | ||
| โฉมยงจงจัดไทยทาน | ส่งสักการพระศพจะดีกว่า | ||
| ให้เสนีนำไปด้วยนัดดา | ก็เหมือนกัลยาคลาไคล ฯ | ||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส | ||
| ได้ฟังบัญชาภูวไนย | อรไทค่อยคลายโศกา | ||
| จึงมีเสาวนีย์ตรัสสั่ง | พนักงานชาวคลังซ้ายขวา | ||
| จงจัดเครื่องไทยทานนานา | จะให้ไปหมันหยาธานี ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายนางพนักงานสาวศรี | ||
| รับสั่งแล้วรีบจรลี | มาจัดตามเสาวนีย์กัลยา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ สิ่งของไทยทานก็เตรียมพร้อม | ทั้งเครื่องหอมเนื้อไม้กฤษณา | ||
| ครั้นเสร็จให้ขนเข้ามา | ถวายองค์กัลยาทันที ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี | ||
| เคารพจบพระหัตถ์ด้วยยินดี | เทวีสมาโทษพระมารดา | ||
| จึงตรัสสั่งสาวสวรรค์ทันใด | ให้ขนของไปข้างหน้า | ||
| มอบให้ดะหมังเสนา | ไปด้วยนัดดาโดยลำพัง ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | นางกำนัลคำนับรับสั่ง | ||
| จึงขนของออกไปจากวัง | มอบให้ดะหมังทันที | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังนั่งตรวจดูถ้วนถี่ | ||
| ให้เสมียนจดหมายรายบัญชี | ผูกถือใส่ที่แล้วตีตรา | ||
| ให้ขนสิ่งของบรรทุกช้าง | เหลือนั้นใส่ต่างมหิงสา | ||
| ครั้นเสร็จก็ยกโยธา | ออกจากพารารีบไป ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ เร่งรัดพลมาสิบห้าวัน | ก็ถึงกุเรปันกรุงใหญ่ | ||
| ครั้นเวลาเข้าเฝ้าท้าวไท | ก็เข้าไปพระโรงรัตนา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ จึงก้มเกล้าประณตบทบงส์ | พระองค์ทรงพิภพนาถา | ||
| ทูลแถลงแจ้งความตามกิจจา | ให้ทราบบาทาทุกสิ่งไป ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกุเรปันเป็นใหญ่ | ||
| ได้ฟังดะหมังเสนาใน | จึงตรัสไปแก่องค์พระลูกยา | ||
| เจ้าจงคุมของสองธานี | ไปปลงศพอัยกียังหมันหยา | ||
| แทนองค์พระราชมารดา | กับประหมันดาหาเวียงชัย | ||
| แล้วดูโยธีที่ทำงาน | แม้นเห็นการล่าแล้เป็นไฉน | ||
| บอกกมาจะเพิ่มพลไกร | ไประดมทำให้ทันที | ||
| เสร็จแล้วลูกแก้วอย่าอยู่ช้า | เร่งกลับมากุเรปันกรุงศรี | ||
| จึงตรัสสั่งปาเตะเสนี | จงตรวจเตรียมโยธารี้พล | ||
| ท่านไปด้วยช่วยดูเป็นผู้ใหญ่ | เอาใจใส่อย่าให้มีเหตุผล | ||
| สั่งเสร็จเสด็จจรดล | ขึ้นสู่ไพชยนต์ปราสาทชัย ฯ | ||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | ||
| ครั้นเสด็จขึ้นแล้วก็คลาไคล | กลับไปอยู่ที่ภูมี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ปาเตะเสนาบดีศรี | ||
| ออกมาจัดพลโยธี | ตามมีพระราชบัญชา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ยานี | |||
| ๏ ขุนช้างต่างผูกคชสาร | เคยชำนาญการณรงค์แกล้วกล้า | ||
| ขุนม้าก็ผูกอาชา | เบาะอานพานหน้าประดับดาว | ||
| ขุนรถตรวจเตรียมเทียมพาชี | สลับสีเหลืองกะเลียวเขียวขาว | ||
| ขุนพลจัดพลเดินเท้า | นายหมวดตรวจบ่าวพร้อมเพรียง | ||
| พวกทำที่ประทับพลับพลา | ให้ล่วงหน้ารีบไปแต่ในเที่ยง | ||
| จัดแจงหาบคอนผ่อนเสบียง | ตามเยี่ยงอย่างเสด็จยาตรา ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| @ร่าย | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีโอรสา | ||
| ครั้นรุ่งรางสร่างแสงสุริยา | เสด็จมาสระสรงสรรพางค์ ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| โทน | |||
| ๏ ลูบไล้สุคนธาอ่าองค์ | น้ำมันจันทน์บรรจงทรงพระสาง | ||
| สอดใส่สนับเพลาพลาง | ทรงภูษาแย่งอย่างลายกระบวน | ||
| ฉลององค์โหมดม่วงร่วงระยับ | อบอุหรับจับกลิ่นหอมหวน | ||
| เจียระบาดตาดทองแล่งล้วน | เข็มขัดคาดค่าควรพระนคร | ||
| กรองศอสังเวียนวิเชียรช่วง | ทับทรวงสังวาลห้อยสร้อยอ่อน | ||
| ตาบกุดั่นประดับทับซ้อน | ทอกรเก้าคู่ชมพูนุท | ||
| ธำมรงค์เพชรแพรวแวววับ | กรรเจียกปรับรับทรงมงกุฎ | ||
| เหน็บกริชฤทธิรอนสำหรับยุทธ์ | งามดั่งเทพบุตรบทจร ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ บาทสกุณี | |||
| ร่าย | |||
| ๏ มาทรงรถแก้วแววไว | เสนาในกราบกรานอยู่สลอน | ||
| สั่งให้ยกโยธาพลากร | บทจรออกจากนิวศน์วัง ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| โทน | |||
| ๏ รถเอ๋ยราชรถแก้ว | จำหลักลายพรายแพร้วพลอยฝัง | ||
| งามงอนอ่อนแอกแปรกบัง | บุษบกที่นั่งบัลลังก์ลอย | ||
| หน้ากระดานฐานปัทม์บัวหงาย | กระจังรายรจนาตาอ้อย | ||
| กระหนกเกรินท้ายรถชดช้อย | เพลาพลอยประดับทับทิมแดง | ||
| เทียมสินธพที่นั่งทั้งสี่ | สารถีขี่ขับเข้มแข็ง | ||
| ทหารม้าเกณฑ์หัดจัดแจง | เดินแซงสองข้างมรคา | ||
| ประดับด้วยเครื่องสูงชุมสาย | ธงชายปลายเชือกนั้นนำหน้า | ||
| เยียดยัดจัตุรงค์โยธา | ไคลคลามาในไพรพนม ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
| ชมดง | |||
| ๏ เดินเอยเดิทาง | สองข้างพ่างพื้นรื่นร่ม | ||
| พี่เลี้ยงเคียงคอยบังคม | พระชี้ชมรุกขาชาติดาษเดียร | ||
| บ้างผลิดอกออกผลพวงดก | ดั่งไม้ฉากกระจกจีนเขียน | ||
| ป่าระหงดงยางนางตะเคียน | ใต้ต้นแลเตียนสะอาดตา | ||
| มะลิวัลย์พันพุ่มคัดค้าว | ฤดูดอกออกขาวทั้งราวป่า | ||
| บ้างเลื้อยเลี้ยวเกี้ยวกิ่งเหมือชิงช้า | ลมพาพัดแกว่งดังแกล้งไกว | ||
| ร่มรังบังแสงทินกร | ที่หาบคอนเรื่อยล้าเข้าอาศัย | ||
| สารวัดรัดเร่งพลไกร | คลาไคลไปตามมรคา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
| ร่าย | |||
| ๏ แต่แรมรอนนอนในพนาเวศ | มาถึงเขตนครหมันหยา | ||
| หยุดประทับยั้บยั้งโยธา | เสด็จขึ้นพลับพลาพนาลี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ เจรจา | |||
| ๏ บัดนั้น | ขุนด่านแจ้งความถ้วนถี่ | ||
| จึงเหยียบโกลนโผนเผ่นขึ้นพาชี | ขับขี่ตีควบเข้าเวียงชัย ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงตรงไปหา | ทั้งสี่เสนาผู้ใหญ่ | ||
| เรียนคดีชี้แจงให้แจ้งใจ | โดยนัยอนุสนธิ์แต่ต้นมา | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนีได้ฟังไม่กังขา | ||
| ก็เข้าไปในพระโรงรัตนา | กราบทูลกิจจาทุกประการ | ||
| บัดนี้อิเหนากุเรปัน | ยกพวกพลขันธ์มาถึงด่าน | ||
| จะเข้ามาประณตบทมาลย์ | ภูบาลจงทราบพระบาทา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | ||
| ได้ฟังจึงสั่งเสนา | จงไปรับนัดดามาธานี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงรับสั่งใส่เกศี | ||
| ออกมาเกณฑ์กันทันที | เร่งรัดสัสดีเอาผู้คน | ||
| บ้างเบิกเสื้อเบิกหมวกอลหม่าน | ทั่วทุกพนักงานสับสน | ||
| พรั่งพร้อมโยธีรี้พล | เสนานำพหลเกณฑ์แห่ไป ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงถวายอัญชลี | องค์ระเด่นมนตรีศรีใส | ||
| บังคมทูลแถลงให้แจ้งใจ | ระตูให้มารับเข้าบุรี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
| ได้ฟังตำมะหงงเสนี | จึงตรัสสั่งทั้งสี่พี่เลี้ยง | ||
| วันนี้เราจะเข้าพระนคร | อย่าให้ทันแดดร้อนก่อนเที่ยง | ||
| จงจัดทหารแห่เป็นคู่เคียง | ให้พร้อมเพรียงแต่ในบัดนี้ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงรับสั่งใส่เกศี | ||
| มาจัดพลจัดพวกพาชี | ทหารแห่ให้ขี่คู่กัน | ||
| แล้วนุ่งห่มสมตัวตกแต่ง | ตามตำแหน่งเสนากิดาหยัน | ||
| ปลายเชือกให้ชาวหมันหยานั้น | จัดกันเดินหน้านำพล | ||
| เหล่ากำนัลเชิญพระแสงสำหรับตาม | ล้วนงามงามต้นเหลี่ยมหลังถนน | ||
| เข้าขบวนถ้วนทั่วทุกตัวคน | แล้วผูกม้าต้นเตรียมไว้ | ||
| สารวัดจัดตรวจเป็นหมวดกอง | ทวนทองธงทิวปลิวไสว | ||
| คอยเสด็จยาตราคลาไคล | คับคั่งทั้งในแดนดง ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีสูงส่ง | ||
| เสด็จจากแท่นสุวรรณบรรจง | มาสระสรงวารินกลิ่นเกลา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| ลงสรงสุหร่าย | |||
| ๏ ทรงสุคนธ์ปนทองชมพูนุท | นวลละอองผ่องผุดดังหล่อเหลา | ||
| พระฉายตั้งคันฉ่องส่องเงา | สอดใส่สนับเพลาเพราผจง | ||
| ทรงภูษายกแย่งอย่างนอก | พื้นม่วงดอกดวงตันหยง | ||
| โหมดเทศริ้วทองฉลององค์ | กระสันทรงเจียระบาดคาดทับ | ||
| ปั้นเหน่งเพชรลงยาราชาวดี | ทับทรวงดวงมณีศรีสลับ | ||
| เฟื่องห้อยสร้สอยสังวาลพานพับ | ทองกรแก้วประดับดวงจินดา | ||
| สอดใส่ธำมรงค์เรือนครุฑ | ทรงมงกุฎห้อยพวงบุปผา | ||
| เหน็บกริชฤทธิไกรแล้วไคลคลา | เสด็จมาขึ้นทรงสินธพ ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ | |||
| โทน | |||
| ๏ ม้าเอยม้าต้น | สามารถอาจผจญเจนจบ | ||
| เคล่าคล่องทีทวนกระบวนรบ | ไม่หลีกหลบเลื่อมตื่นปืนประทัด | ||
| เผ่าโผนโจนฝ่ามากลางพล | ผู้คนเดินกีดก็ดีดกัด | ||
| ม้ากิดาหยันตามเยียดยัด | ม้าแห่แออัดรัถยา | ||
| ม้าระเด่นดาหยันเดินรอง | ม้าพี่เลี้ยงเคียงสองซ้ายขวา | ||
| พนักงานกั้นกลดรจนา | บังแสงสุริยาตรัสไตร | ||
| อภิรุมชุมสายสีประเทือง | ธงเทียวเขียวเหลืองล้วนใหม่ใหม่ | ||
| สนั่นเสียงฆ้องกลองก้องไพร | รีบรนพลไกรเข้าในเมือง ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
| ร่าย | |||
| ๏ บัดนั้น | หญิงชายระบือลือเลื่อง | ||
| มาคอยภูวไนยนองเนือง | นั่งเนื่องแน่นถนนไปจนวัง | ||
| บ้างกลัวต่ำสูงจูงลูกหลาน | ลงจากร้านขายผ้าหน้าถัง | ||
| บ้างลดไม่ค้ำฝาหน้ากระชัง | มาแทรกเสียดเบียดบังนั่งปน | ||
| ที่หญิงปากกล้าก็ด่าทอ | เพิดพ้อผลักไสพิไรบ่น | ||
| ปะชายโฉงเฉงข่มเหงคน | ปากลนปะเตะเล่นก็เป็นไร | ||
| ที่ทาง........ได้ที่ไหนมา | จะนิ่งดูแต่ตาก็ไม่ได้ | ||
| ขึ้นเสียงเถียงทะเลาะกันอึงไป | ฮึดฮัดขัดใจเต็มที | ||
| ที่เป็นผู้ใหญ่ก็ห้ามปราม | ข้าขอความเอ็นดูอย่าจู้จี้ | ||
| มิใช่คนชั่วช้าหน้าตาดี | ไม่พอที่จะโมโหโกรธา | ||
| ครั้นได้เห็นองค์พระทรงธรรม์ | งามดังอสัญแดหวา | ||
| พิศวงงงไปในพริบตา | ทั่วทั้งไพร่ฟ้าประชากร | ||
| หญิงชายชาวเมืองก็หมอบกราน | ทุกบ้านบังคมอยู่สลอน | ||
| บ้างร้องอำนวยอวยพร | ราษฎรเกษมเปรมปรีดิ์ ฯ | ||
| ฯ ๑๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ทหารแห่คับคั่งทั้งวิถี | ||
| เห็นหญิงสาวสาวชาวบุรี | หน้าไหนใครดีก็แลดู | ||
| บ้างกระซิบบุ้ยปากบอกกัน | รูปร่างนางคนนั้นขยันอยู่ | ||
| ที่หนุ่มหนุ่มนักเลงเหล่าเจ้าชู้ | เอาปูนพลูซัดหยอกแล้วยิ้มพราย | ||
| บ้างชักม้าพยศย่างขวางถนน | สะดุดคนเหยียบของเขากองขาย | ||
| บ้างโผนผกหกมุ่นวุ่นวาย | ตื่นตะกายเกะกะเข้าระรั้ว | ||
| พวกผู้หญิงวิ่งวุ่นอลวน | ลางคนผ้าห่อมหายขายหน้าผัว | ||
| บ้างแฝงฝาหน้าถังบังตัว | บ้างหัวบ้างโกรธโกรธา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์องค์อสัญแดหวา | ||
| เร่งขับมโนมัยไคลคลา | มรคาคับคั่งผู้คน | ||
| ครั้นถึงทิมริมที่ทวารวัง | เสด็จลงจากหลังม้าต้น | ||
| จึงให้หยุดโยธีรี้พล | ชวนระเด่นดาหยันยาตรา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ เข้าในพระโรงรัตน์รูจี | เห็นเสนีเฝ้าแหนแน่นหนา | ||
| จึงถวายบังคมคัลวันทา | พระผู้ผ่านสวรรยาธานี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาเรืองศรี | ||
| เห็นอิเหนาเข้ามาอัญชลี | จึงมีมธุรสพจมาน | ||
| ปราศรัยไต่ถามพระนัดดา | ซึ่งเจ้ามาท่าทางทุรัศสถาน | ||
| เดินโดยอรัญกันดาร | โยธาทวยหาญยังพร้อมมูล | ||
| พระชนกชนนีทั้งสอง | ครอบครองโภไคยไอศูรย์ | ||
| เสวยรมย์สมบัติบริบูรณ์ | ทั้งประยูรสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ | ||
| อันฝูงไพร่ฟ้าประชาชน | ทั้งเสนาสามนต์พลขันธ์ | ||
| อยู่เย็นเป็นสุขพร้อมกัน | เหมือนแต่ก่อนกระนั้นหรือนัดดา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | อิเหนาอภิวันท์หรรษา | ||
| ทูลว่าแต่ยกพลมา | เดินโดยมรคาสิบห้าวัน | ||
| อันพวกพหลพลไกร | ไม่มีเหตุเภทภัยในไพรสัณฑ์ | ||
| สมเด็จพระบิตุรงค์ทรงธรรม์ | ก็เสวยไอศวรรย์เปรมปรีดิ์ | ||
| ถ้วนหน้าผาสุกไม่ทุกข์ร้อน | ไพร่ฟ้าประชากรเกษมศรี | ||
| ปราศจากอันตรายราคี | มิได้มีภัยพานประการใด | ||
| แต่องค์พระชนนีนั้น | ทรงครรภ์แก่เกือบไม่มาได้ | ||
| ให้ข้าคุ้มของสองเวียงชัย | มาปลงศพท่านไทยอัยกี | ||
| แม้นพระเมรุเกณฑ์ทำไม่ทันการ | จะแจ้งสารไปให้ทราบบทศรี | ||
| พระเพิ่มเติมพลมนตรี | ทั้งสองบุรีมาทำการ ฯ | ||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวหมันหยายิ้มย่องสนองสาร | ||
| ซึ่งสององค์บรรจงไทยทาน | ให้หลานมาช่วยถึงพารา | ||
| พระคุณนั้นหาที่สุดไม่ | จะเลื่องชื่อลือไปทุกทิศา | ||
| อันการศพสมเด็จพระมารดา | ก็จัดแจงทำมาไม่เงือดงด | ||
| แต่ยังหาได้ตั้งพระเมรุไม่ | ตัวไม้ปรับปรุงไว้พร้อมหมด | ||
| หลานมาน้าสมมโนรถ | จะรีบกำหนดให้แน่ลง | ||
| ว่าพลางทางมีบัญชา | ตรัสสั่งเสนาตำมะหงง | ||
| จงแต่งที่ประเสบันอากง | ให้องค์อิเหนากุเราปัน ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงรับสั่งแล้วผายผัน | ||
| มาจัดแจงแต่งที่ประเสบัน | ช่วยกันอุตลุดทั้งไพร่นาย | ||
| บ้างกั้นฉากแพรลับแลตั้ง | กรมวังวงพระสูตรรูดสาย | ||
| จัดแจงแต่งตำหนักยักย้าย | เพดานดาดรายดารากร | ||
| บ้างตกแต่งพระยี่ภู่ปูอาสน์ | ชาวที่ทอดราชบรรจถรณ์ | ||
| ที่เสวยที่สรงสาคร | เสร็จตามภูธรบัญชาการฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ผู้ดำรงราชฐาน | ||
| จึงตรัสสั่งพฤฒาโหราจารย์ | ให้หาฤกษ์ตั้งการกำหนดวัน ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ขุนโหรผู้ใหญ่คนขยัน | ||
| คลี่ตำราขับไล่ลัคน์จันทร์ | ดูโฉลกโชคชั้นทันที | ||
| จึงนบนิ้วประนมบังคมทูล | นเรนทร์สูรจงทราบบทศรี | ||
| กำหนดเชิญพระศพฤกษ์ดี | เดือนสี่สิบค่ำวันอังคาร ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาได้ฟังสาร | ||
| จึงสั่งเสนีพนักงาน | จงจัดการพระเมรุเกณฑ์กัน | ||
| นายมุลขุนหมื่นทุกหมู่หมวด | สมทบสี่ตำรวจกวดขัน | ||
| เครื่องประดับพระศพครบครัน | รีบทำให้ทันกำหนดไว้ | ||
| สั่งพลางทางกล่าววาที | ชวนระเด่นมนตรีศรีใส | ||
| ทั้งระเด่นดาหยันคลาไคล | เสด็จไปไหว้ศพพระอัยกี ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
| จึงถวายอภิวันท์อัญชลี | ศพพระอัยกีด้วยปรีดา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | ||
| จึงมีพระราชบัญชา | สั่งกำนัลกัลยาฉับพลัน | ||
| จงไปเชิญองค์ประไหมสุหรี | กับบุตรีขึ้นมาขมีขมัน | ||
| บอกว่าอิเหนากุเรปัน | มาอภิวันท์พระศพอยู่บนนี้ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | นางกำนัลประณตบทศรี | ||
| รับสั่งพระผู้ทรงธรณี | แล้วรีบจรลีออกมา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงถวายบังคมไหว้ | องค์ประไหมสุหรีเสนหา | ||
| ทูลว่าอิเหนานัดดา | เสด็จมาอยู่ที่พระศพนั้น | ||
| บัดนี้พระผู้ผ่านเวียงชัย | ให้เชิญสองอรทัยผายผัน | ||
| ขึ้นไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | ยังสุวรรณปราสาทรูจี ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงค์องค์ประไหมสุหรี | ||
| จึงชวนจินตะหราวาตี | เข้าที่สรงสนานสำราญกาย ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ชมตลาด | |||
| ๏ สองกษัตริย์ขัดสีฉวีวรรณ | นางกำนัลตั้งสุคนธ์คอยถวาย | ||
| ทรงอุหรับจับกลิ่นอบอาย | น้ำกุหลาบละลายกรายกรีดนิ้ว | ||
| กวดเกล้าเปลาปลายพระฉายส่อง | ผัดพักตร์นวลละอองผ่องผิว | ||
| ทรงภูษายักแย่งแพลงพลิ้ว | ห่มริ้วทองทับซับใน | ||
| สร้อยสะอิ้งสังวาลบานพับ | ตามประดับมรกตสดใส | ||
| ทองกรแก้วมณีเจียระไน | สอดใส่เนาวรัตน์ธำมรงค์ | ||
| ทรงมงกุฎสำหรับพระธิดา | ห้อยอุบะบุหงาตันหยง | ||
| พรั่งพร้อมสุรางค์นางอนงค์ | สององค์เสด็จคลาไคล ฯ | ||
| ร่าย | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงบังคมบรมศพ | แล้วนอบนบอภิวันท์ท้าวหมันหยา | ||
| พลางทอดพระเนตรแลมา | ดูพระนัดดาธิบดี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
| จึงถวายอภิวันท์อัญชลี | องค์ประไหมสุหรีศรีดสภา | ||
| แล้วทำทีมิให้ใครสังเกต | ชำเลืองเนตรดูระเด่นจินตหรา | ||
| งามอ่อนจริตกิริยา | ลักขณาเลิศล้ำนารี | ||
| พีศพักตร์งามพักตร์ผุดผ่อง | ผิวเนื้อนวลละอองสองสี | ||
| อรชรอ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์ | ภูมีดูนางไม่วางตา ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเสนหา | ||
| พินิจพิศพักตร์พระนัดดา | กัลยาแย้มพรายทายทัก | ||
| แต่เจ้ากำเนิดเกิดมา | ถึงเพียงนี้น้าเพิ่งรู้จัก | ||
| ทรงโฉมประโลมเลิศลักษณ์ | สมศักดิ์สุริย์วงศ์เทวัญ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน | ||
| จึงทูลว่าคิดอยู่ก่อนนั้น | จะใคร่มาอภิวันท์พระบาทา | ||
| พึ่งจะสมจินดาครานี้ | มีความยินดีเป็นหนักหนา | ||
| ทูลพลางชำเลืองนัยนา | ดูระเด่นจินตะหราด้วยใจรัก ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | จินตะหราวาตีมีศักดิ์ | ||
| เห็นอิเหนาเฝ้าดูอดสูนัก | นงลักษณ์แอบหลังพระชนนี | ||
| พลางชม้ายชายเนตรดูเชษฐา | นัยนาแลสบก็หลบหนี | ||
| หมอบเมียงเอียงอายเป็นท่วงที | เทวีขวยเขินสะเทินใจ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส | ||
| จึงตรัสแก่ธิดาทันใด | เป็นไรไม่ไหว้พี่ยา | ||
| จงฝากตัวไว้ให้รู้จัก | จะได้พึ่งพำนักในภายหน้า | ||
| อันองค์อิเหนานัดดา | ก็แก่เดือนกว่าเทวี | ||
| อย่าทำกระแหน่แง่งอน | อะหนะก็อ่อนกว่าพี่ | ||
| มิใช่ว่าอื่นไกลหาไหนมี | เจ้าจงอัญชลีพี่ยา ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา | ||
| ฟังพระชนนีตรัสมา | กัลยาอายเอียงเมียงมัน | ||
| เหลือบไปปะเนตรภูวไนย | ยิ่งสะเทินฤทัยไหวหวั่น | ||
| อุตส่าห์ขืนอารมณ์บังคมคัล | อิเหนากุเรปันแล้วก้มพักตร์ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีมีศักดิ์ | ||
| เหลือบไปรับไหว้นางนงลักษณ์ | พิศพักตร์ผิวเนื้อนวลละออง | ||
| ลำลำจะใคร่ตรัสปราศรัย | แต่หากเกรงท้าวไททั้งสอง | ||
| ให้คิดพิสมัยใจปอง | พระนิ่งตรึกตรองไปมา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | ||
| เห็นอิเหนาเฝ้าดูธิดา | ก็แจ้งในกิริยาอาการ | ||
| พระแสร้งทำเฉยเชือนเหมือนไม่รู้ | ยิ้มอยู่ในหน้าไม่ว่าขาน | ||
| นิ่งนึกตรึกตราไปช้านาน | แล้วภูบาลบัญชาพาที | ||
| สั่งประไหมสุหรีมีศักดิ์ | ว่าหลานรักมาอยู่ในกรุงศรี | ||
| จงแต่งโภชนาสาลี | ให้นารีไปส่งทุกวัน | ||
| สั่งพลางทางตรัสแก่นัดดา | วันนี้เหนื่อยมาจงผายผัน | ||
| ไปหยุดพักอยู่ตำหนักประเสบัน | ให้ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์สำราญ ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีได้ฟังสาร | ||
| จึงบังคมก้มพักตร์พจมาน | จวนเย็นแล้วหลานจะทูลลา | ||
| พระคลานคล้อยถอยองค์ออกมาพลาง | ชำเลืองเนตรดูนางจินตะหรา | ||
| องค์อ่อนถอนฤทัยไปมา | แล้วลีลาลงจากอัฒจันทร์ | ||
| ชวนระเด่นดาหยันยุรยาตร | มาทรงอัศวราชผายผัน | ||
| ทวยหาญแห่แหนแน่นนันต์ | ไปยังประเสบันอากง ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงลงจากอัสดร | กรายกรยุรยาตรดังราชหงส์ | ||
| เข้าในห้องสุวรรณบรรจง | ทอดองค์ลงกับที่ไสยา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ช้า | |||
| ๏ พระยอกรก่ายวิลาสพาดพักตร์ | ถวิลถึงน้องรักจินตะหรา | ||
| โฉมงามทรามสวาทเเพียงบาดตา | ใต้ฟ้าหาไหนไม่ทัดเทียม | ||
| งามจริตกิริยาเป็นน่าชม | แต่บังคมพี่ชายก็อายเหนียม | ||
| ที่ลอบแลโฉมน้องลองเลียม | งามเสงี่ยมเจียมจิตพี่ติดใจ | ||
| เมื่อชม้ายมาสบหลบเนตรหนี | ท่วงทีที่ทำยังจำได้ | ||
| ยิ่งแสนเสน่หาอาลัย | เร่าร้อนฤทัยเกรียมตรม | ||
| จะผ่อนผันฉันใดนะอกเอ๋ย | จะได้เชยชวนชิดสนิทสนม | ||
| แต่ระลึกตรึกตราเป็นอารมณ์ | จนบรรทมหลับไปกับไสยา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ ตระ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนีสี่นายทั้งซ้ายขวา | ||
| ให้จับการทุกด้านดังบัญชา | ตรวจตราหน้าที่ทำพระเมรุ | ||
| ลากเสาเข้าที่ทั้งสี่ต้น | ผู้คนอึงอัดขัดเขมร | ||
| บ้างขุดหลุมลงลุยคุ้ยเลน | บ้างกะเกณฑ์กันตั้งนั่งร้าน | ||
| เอาเชือกผูกแทงทบครบเสา | ได้ฤกษ์เร่งคนเข้าขันกว้าน | ||
| ตั้งไม่ใช้เดินรอกตะพาน | คนประจำทำงานไม่เงือดงด | ||
| พวกทำเมรุทิศทั้งนั้น | ก็พร้อมกันยกตั้งขึ้นทั้งหมด | ||
| ติดตะม่อสองชั้นเป็นหลั่นลด | นายช่างกำหนดอำนวยการ | ||
| เจ้าหน้าที่สามสร้างต่างมาจับ | ชักระดับปลายเสาเสมอสมาน | ||
| บ้างใส่สอดรอดพรึงตรึงกระดาน | เสียงสิ่วเสียงขวานอึงอล ฯ | ||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | พวกวิเสทแต่งสำรับสับสน | ||
| ครั้นเพลาจวนเที่ยงจะเลี้ยงคน | ก็รีบล้นขนสำรับมาฉับไว | ||
| กรมวังนั่งจ่ายให้นายด่าน | พวกทำการเมรุทิศเมรุใหญ่ | ||
| ข้าวกระทงส่งมาแต่ข้างใน | เจ้าขรัวนายเกณฑ์ให้ทำทุกเรือน | ||
| ประชาชนชายหญิงเอาสิ่งของ | มาถวายกรายกองไว้กล่นเกลื่อน | ||
| แจกให้ไพร่สมระดมเดือน | ทั้งทหารพลเรือนทั่วกัน ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนีสี่ตำรวจกวดขัน | ||
| นายด้านทำการพระเมรุนั้น | ทั้งกลางคืนกลางวันเร่งรัด | ||
| ให้ยกดูกผูกเชือกแย่งระบาง | ยอดปรางค์นภศูลสวมฉัตร | ||
| ตำรวจในไม้สูงสันทัด | ขึ้นผูกแผงผัดจัดกระจัง | ||
| ติดชั้นเชิงบาตรบัวหงาย | เรียงรายเทพนมยืนนั่ง | ||
| บัญชรชัชวาลบานบัง | ฝาผนังหลังคากระยารงค์ | ||
| พนักงานด้านทำพระเมรุทอง | ก็ติดตัวลำยองหางหงส์ | ||
| หน้ากระดาษฐานปัทม์ไม่ขัดทรง | บรรจงตั้งเครื่องพระเบญจา | ||
| เพดานดาราระย้าย้อย | ผูกห้อยภู่พวงบุปผา | ||
| ฉากกระจกยกตั้งบังตา | แต่งที่เป็นข้างหน้าข้างใน | ||
| บ้างตั้งไม้กระถางวางรูปสัตว์ | รอบจังหวัดบริเวณพระเมรุใหญ่ | ||
| รูปกินอ้อนแอ่นเอาใจ | วางไว้ริมมุขทุกทิศ | ||
| ซุ้มดอกไม้รุ่งรายซ้ายขวา | โคมระย้าหลายลูกผูกติด | ||
| ราชวัติทึบตั้งบังมิด | ฉัตรเงินทองปิดน้ำตะกู | ||
| บ้างยกฉัตรเบญจรงค์เรียงเรียบ | เสาตะเกียบปักเคียงเป็นคู่คู่ | ||
| ยักษ์โตตั้งวางข้างประตู | ยืนอยู่หูตาน่ากลัว | ||
| บ้างทำโรงหุ่นโขนช่องระทา | ขึ้นหลังคาดาดแผงผูกจั่ว | ||
| ปลูกศาลาฉ้อทานทำครัว | เสร็จทั่วทุกตำแหน่งแต่งไว้ ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายเจ้าพนักงานน้อยใหญ่ | ||
| ครั้นจวนกำหนดไม่นอนใจ | ก็ตระเตรียมเทียมพิชัยราชรถ | ||
| รถใหญ่สำหรับใส่พระโกศทอง | เรืองรองรจนาปรากฏ | ||
| รถโยงปรายข้าวตอกเป็นหลั่นลด | รถอ่านหนังสือรถใส่ท่อนจันทน์ | ||
| เกณฑ์ไพร่ไว้สำหรับชักฉุด | ใส่เสื้อเสนากุฎขบขัน | ||
| ที่บ่าวไพร่ใครช้ามาไม่ทัน | ก็พากันวิ่งวุ่นทุกมุลนาย | ||
| บรรดาหมู่คู่แห่เข้ากระบวน | ก็มาถ้วนตามบัญชีซึ่งมีหมาย | ||
| ล้วนใส่เสื้อครุยกรุยกราย | สมปักลายลำพอกถือดอกบัว | ||
| คนชักรูปสัตว์จัดหนุ่มหนุ่ม | ใส่ศีรษะโมงคลุมครอบหัว | ||
| ทับทรวงสังวาลลอดสอดพันพัว | แต่งตัวนุ่งตาโถงโจงกระเบน | ||
| กิดาหยันจัดกันตามตำแหน่ง | เชิญพระแสงหอกดาบดั้งเขน | ||
| ตั้งตาริ้วรายไปใกล้พระเมรุ | พรั่งพร้มตามเกณฑ์ทั้งไพร่นาย ฯ | ||
| ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ประชาชนพลเมืองทั้งหลาย | ||
| จะดูชักพระศพตบแต่งกาย | หญิงชายโอ่อวดประกวดกัน | ||
| บรรดาเหล่าชาวบ้านบางไกล | ก็ลงเรือรีบไปแต่ไก่ขัน | ||
| เร่างพายเตือนผัวกลัวไม่ทัน | ถุ้งเถียงทะเลาะกันมากลางทาง | ||
| ที่บ้านอยู่คนละฟากอยากจะดู | แต่เช้าตรู่ก็ลงมาท่าเรือจ้าง | ||
| ให้เบี้ยเขาข้ามส่งตราท่าช้าง | บ้างยังค้างคอยอยู่กู่ตะโกน | ||
| พวกเมียขุนนางต่างแต่งแง่ | มาคอยดูอยู่ที่แคร่หน้าโรงโขน | ||
| ปะชายายหน้าประสาโลน | ทำเมินเดินโดนผู้หญิงไป | ||
| ชาวแพแม่ค้าพาลูกเต้า | ผัวพวกนายสำเภาเป็นจีนใหม่ | ||
| พูดจาไม่ขัดสันทัดไทย | นั่งไหนหนุ่มหนุ่มก็ล้อมอึง | ||
| เมียน้อยเจ้าภาษีมิใช่ชั่ว | หน้าเป็นเล่นตัวจนผัวหึง | ||
| พวกกินเหล้าเมามาหน้าตึง | ปากโป้งโผงผึงอวดตน | ||
| เห็นสาวสาวที่ไหนชุมเข้ากลุ้มกลัด | แทรกสกัดกั้นขวางกลางถนน | ||
| ตำรวจในไล่ตีผู้คน | สับสนอลหม่านไปมา ฯ | ||
| ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | ||
| ครั้นแสงทองส่องสว่างกระจ่างตา | เสด็จมาสรงชลฉับพลัน ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| โทน | |||
| ๏ ทรงสุคนธ์รวยรินกลิ่นเกลา | สอดใส่สนับเพลาลายกระสัน | ||
| ทรงภูษาพื้นขาวเขียวสุวรรณ | เกรียวกรวยสามชั้นบรรจงโจง | ||
| ฉลององค์โหมดเทศทองอร่าม | อินทร์ธนูดูงามอ่าโถง | ||
| เจียระบาดตาดเงินเงาโง้ง | ปั้นเหน่งลายปรุโปร่งประดับพลอย | ||
| กรองศอสังเวียนวิเชียรช่วง | ตาบทิศทับทรวงห่วงห้อย | ||
| ทองกรจำหลักเป็นรักร้อย | ธำมรงค์เพชรพลอยร่วงรุ้ง | ||
| กรรเจียกแก้วแพรวพายทั้งซ้ายขวา | ทรงชฎาห้อยยอดสอดสะดุ้ง | ||
| ห้อยอุบะตันหยงส่งกลิ่นฟุ้ง | ครั้นรุ่งก็เสด็จจรจรัล ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ | |||
| ร่าย | ||||
| ๏ มายังเกยมณีที่ข้างหน้า | พระราชาขึ้นทรงอุสงหงัน | |||
| เสนีแห่แหนแน่นนันต์ | อิเหนากุเรปันก็ตามไป ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | ||||
| ๏ ครั้นถึงหยุดประทับพลับพลา | พร้อมหมู่มาตยาน้อยใหญ่ | |||
| หมอบเฝ้าคอยฟังรับสั่งใช้ | ตำรวจในพิทักษ์รักษาองค์ ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ประไหมสุหรีมีศักดิ์สูงส่ง | |||
| ชวนระเด่นจินตะหราโฉมยง | มาทรงวอสุวรรณกั้นกลาง | |||
| เสด็จโดยฉนวนในไคลคลา | โขลนจ่าร้องให้ปิดประตูข้าง | |||
| หร้อมหมู่สาวสวรรค์กำนัลนาง | ต่างต่างตามเสด็จจรลี ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | ||||
| ๏ ครั้นถึงจึงชวนพระธิดา | หยุดประทับพลัยพลาหลังคาสี | |||
| คอยดูชักศพพระอัยกี | เลิกมู่ลี่แลลอดสอดตา ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | เสนีธิบดีซ้ายขวา | |||
| เร่งรัดจัดถ้วนกระบวนตรา | พอเวลาไขสีรวีวรรณ | |||
| จึงให้เชิญพระศพในปราสาท | ขึ้นสู่ยานุมาศผายผัน | |||
| เกณฑ์แห่แห่แหนแน่นันต์ | มายังเกยสุวรรณที่ประทับ | |||
| พนักงานเชิญพระโกษขึ้นตั้ง | บนบัลลังก์รถทรงเสร็จสรรพ | |||
| คู่แห่แตรสังข์คั่งคับ | เป็นลำดับเดินโดยมรคา | |||
| เชื้อพระวงศ์ทรงรถเรืองรอง | มือถือแว่นทองซองสลา | |||
| โขมพัตถ์พับยาวโยงมา | พาดเหนืออังสาทรงไว้ | |||
| รถพระวงศ์เชื้อสายปรายข้าวตอก | ใส่ชฎาลำพอกดอกไม้ไหว | |||
| รถบีกูดูหนังสืออ่านไป | รถหลังตั้งเนื้อไม้ท่อนจันทน์ | |||
| เครื่องสูงเคียงคู่ทั้งสองข้าง | พระกลดหักทองขวางกางกั้น | |||
| อินทร์พรหมพร้อมเพรียงเรียงกัน | เสียงประโคมครื้นครั่นสนั่นไปป | |||
| รูปสัตว์สิ่งละคู่ดูต่างต่าง | ตามตำแหน่งขุนนางน้อยใหญ่ | |||
| บุษบกบัลลังก์ตั้งผ้าไตร | ชักไปเป็นขนัดอัดมา | |||
| ระเด่นดาหยกสุริย์วงศ์ | ทั้งเผ่าพงศ์ประยูรในหมันหยา | |||
| ต่างองค์ทรงเครื่องใส่ชฎา | ขี่ม้าตามไปในกระบวน ฯ | |||
| ฯ ๑๖ คำ ฯ กลองโยน | ||||
| ๏ บัดนั้น | หญิงชายหนุ่มสาวชาวเรือกสวน | |||
| ลูกเต้าหลานเหลนอยู่เป็นพรวน | เห็นกระบวนแห้หน้ามาแต่ไกล | |||
| พวกผู้หญิงชิงช่องราชวัติ | ด่าทอพ้อตัดผลักไส | |||
| บ้างลุกขึ้นชี้หน้าแล้วว่าไป | ทำไมตะกายเอานายกู | |||
| ลูกผัวพี่น้องทั้งสองข้าง | วิ่งวางเข้าช่วยเหมือนหมวยหมู่ | |||
| พวกผู้ชายเฮฮาเข้ามาดู | ตำรวจในไล่ขู่ห้ามปราม | |||
| ผู้คนคั่งคับนับแสน | นับแน่นไปทั้งท้องสนาม | |||
| บ้างชมรถรัตน์สารพัดงาม | พระโกศทองอร่ามรูจี | |||
| ท้าวนางข้างในออกไปดู | นั่งอยู่หน้าพลับพลาหลังคาสี | |||
| บ้างพูดถึงครั้งการบ้านเมืองดี | ว่างามยิ่งกว่านี้มากมาย | |||
| เมียขุนนางลางคนติผัว | แต่งตัวใส่ลำพอกปานจะหงาย | |||
| สะกิดเพื่อนเตอนให้ดูท่านผู้ชาย | แย้มยิ้มพริ้มพรายไปมา ฯ | |||
| ฯ ๑๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พวกพระวงศ์พงศ์พันธุ์ในหมันหยา | |||
| ทั้งขุนนางข้าง๓ูษามาลา | ครั้นพระศพชักมาถึงพระเมรุ | |||
| ให้เชิญโกษลงจากบุษบก | พยุงยกฮึดฮัดขัดเขมร | |||
| ใส่ที่นั่งบัลลังก์ราเชนทร์ | เวียนรอบบริเวณพระเมรุมา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯกลองโยน | ||||
| ๏ ครั้นครบคำรบสามตามธรรมเนียม | หนักงานคอยเตรียมอยู่พร้อมหน้า | |||
| จึงเชิญพระโกศแก้วแววฟ้า | ขึ้นตั้งบนเบญจห้าชั้น | |||
| พวกประโคมสังข์แตรแซ่เสียง | สำเนียงกลองชนะครื้นครั่น | |||
| ชาววังชักรูดพระสูตรสุวรรณ | บังแสงสุริยันตรัสไตร ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาเป็นใหญ่ | |||
| ชวนอิเหนานัดดาคลาไคล | เข้าไปในพระเมรุรจนา | |||
| ครั้นถึงจึงบังคมเคารพ | พระศพอัยกีนาถา | |||
| แล้วทรงจุดธูปเทียนบูชา | เครื่องสุวรรณบุปผามาลี ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ สาธุการ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี | |||
| ทั้งระเด่นจินตะหราวาตี | จรลีมายังพระเมรุทอง ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ จึงจุดธูปเทียนนมัสการ | เยาวมาลย์กำสรดเศร้าหมอง | |||
| สาวสนมกรมในเนืองนอง | ฟูมฟายชลนัยน์จาบัลย์ ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ โอด | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านไอศวรรย์ | |||
| ให้สังฆ์การีพระนันธรรม์ | พร้อมกันเข้ามาสดับปกรณ์ ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ แล้วถวายไทยทานวัตถุ | บริขารเสื่อร่มพรมหมอน | |||
| โสมนัสศรัทธาสถาวร | ภูธรเสด็จกลับมาพลับพลา ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | ||||
| ๏ นั่งเหนือพระยี่ภู่ปูลาด | หมู่อำมาตย์เฝ้าแหนแน่นหนา | |||
| ประชาชนกล่นเกลื่อนกันมา | จึงตรัสสั่งเสนาให้ทิ้งทาน ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | เสนีที่เฝ้าอยู่หน้าฉาน | |||
| รับสั่งแล้ววิ่งไปลนลาน | โบกมือให้ทิ้งทานโปรยปราย ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | ขุนหมื่นชาวคลังทั้งหลาย | |||
| นั่งประจำกำมพฤกษ์รอบราย | ต่างถวายบังคมแล้วขึ้นทิ้ง | |||
| ผู้คนคั่งคับสับสน | ปนละวนวุ่นวายทั้งชายหญิง | |||
| บ้างโดดโลดลอยคอยชิง | ชูสวิงร่มรับลูกมะนาว | |||
| บ้างตบมือเพรียกเรียกร้อง | ไล่ตะครุบทุบถองกันอื้อฉาว | |||
| เป็นหมู่หมู่วิ่งกรูเกรียวกราว | ประชาชาวบุรีปรีดา ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ บัดนั้น | พนักงานการเล่นทุกภาษา | |||
| ทั้งหุ่นโขนโรงใหญ่ช่องระทา | มานอนโรงคอยท่าแต่ราตรี | |||
| ครั้นพระศพชักมาถึงหน้าเมรุ | ก็โห่ฉาวกราวเขนขึ้นอึงมี่ | |||
| ต่างเล่นเต้นรำทำท่วงที | เสียงฆ้องกลองตีทุกโรงงาน ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ บัดนั้น | ฝูงประชามาสิ้นทุกถิ่นฐาน | |||
| พวกผู้หญิงสาวสาวชาวร้าน | เดินเที่ยวดูงานพล่านไป | |||
| นักเลงเหล่าเจ้าชู้ฉุยฉาย | นุ่งรายฉีกผ้าดัดตัดผมใหม่ | |||
| ดัดจริตปิดขมัดทาไพล | ห่มแพรหนังไก่สองเพลาะ | |||
| เห็นสาวสาวเหล่าเข้าหลวงเรือนนอก | สะกิดบอกเพื่อนกันคนนั้นเหมาะ | |||
| บ้างเดินเวียนแวดวายชายร่ยเราะ | พูดปะเหลาะลดเลี้ยงเกี้ยวพาน | |||
| พวกดูโขนโคนตมก็ไม่ว่า | สู้ทนฝนฟ้าไม่ไปบ้าน | |||
| บ้างยืนนั่งตั้งใจจะดูงาน | สับสนอลหม่านเล้าลุม | |||
| พวกผู้ชายรายยืนอยู่สองข้าง | แหวกทางให้ผู้หญิงถลำหลุม | |||
| ที่ลื่นล้มกลางถนนคนชุม | หนุ่มหนุ่มสรวลเสเฮฮา ฯ | |||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านเขตขัณฑ์หมันหยา | |||
| ตะวันชายบ่ายบังหลังพลับพลา | ให้เรียกมวยเข้ามาฉับพลัน ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | คู่มวยลุกขึ้นขมีขมัน | |||
| บ่างเท้าสาวหมัดกัดฟัน | ตั้งมั่นตาเขม็งคอยรับ | |||
| ชกนอกหลอกหลอนลวงให้ไล่ | ว่องไวได้ที่ตีเท้ากลับ | |||
| ยังไม่ทันถึงยกฟกบวมยับ | อดเหนียวเคี่ยวขับไม่รับแพ้ | |||
| มุทะลุไล่สุ่มตะลุมบอน | ชกซ้อนถูกถนัดหมัดทอดแห | |||
| ล้มลงกลอกคอทำท้อแท้ | เรียกหมอมาแก้แล้วหยุดไว้ ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาเป็นใหญ่ | |||
| ทรงพระสรวลตรัสสั่งเสนาใน | จงไปเปรียบมวยผู้หญิงดู | |||
| เลือกล่ำงามงามตามสมัคร | ที่ใจรักชกตีจะมีอยู่ | |||
| ลูกเมียของใครก็ไม่รู้ | ได้คู่คาดหมัดมาบัดนี้ ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศี | |||
| มาเปรียบมวยผู้หญิงเป็นสิงคลี | ตามมีพระราชบัญชา ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ คู่แรกหัวไรจุกจับกระเหม่า | หน้าเง้าเจ้าคารมผมประบ่า | |||
| แต่งตัวผัวเสกขมิ้นทา | ห่มผ้าแพรแดงตระแบงมาน | |||
| คาดหมัดขัดเขมรมงคลใส่ | แล้วไปยังสนามหน้าฉาน | |||
| ทุบหลังลงให้นั่งกราบกราน | พระผู้ผ่านสวรรยาธานี ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวหมันหยาปรีดิ์เปรมเกษมศรี | |||
| จึงว่าชอบกลอยู่คู่นี้ | ชกให้ดีดีอย่าเกี้ยวกัน ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | คู่มวยผู้หญิงคนขยัน | |||
| กราบลงแล้วลุกขึ้นฉับพลัน | ตั้งมั่นเหม่นเหม่ไม่มีแรง | |||
| ย่างเท้าสาวหมัดเมินหน้า | หลับตาทุบถองกันพล่องแพล่ง | |||
| เลี้ยวลอดกอดกัดวัดแวง | ล้มตะแคงคนดูเฮฮา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | |||
| ทอดพระเนตรอยู่บนพลับพลา | จนโพล้เพล้เวลาใกล้จะพลบ ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | พนักงานด้านพระเมรุเจนจบ | |||
| พร้าขอตะกร้อน้ำเตรียมครบ | หน้าพลับพลาจุดคบรายไป ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวหมันหยาเป็นใหญ่ | |||
| ให้จุดพุ่มระทาดอกไม้ | ไสวสว่างช่วงดังดวงดาว ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | พวกหนังต่างประชันโห่ฉาว | |||
| บ้างหยุดพากษ์เจรจาว่าเรื่องราว | บ้างเชิดบ้างกราวอึงไป ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ บัดนั้น | ประชาชนอลหม่านไม่นับได้ | |||
| เป็นหมู่หมู่มาดูดอกไม้ | แล้วไปดูหนังฟังเจรจา | |||
| พวกผู้ดีหนุ่มหนุ่มคลุมศีรษะ | เดินปะใครพบก็หลบหน้า | |||
| ปลอมปนมิให้คนสงกา | เที่ยวเล่นตามประสาหนุ่มคะนอง | |||
| พวกผู้หญิงชาวร้านบ้านใกล้ | ตามไต้นั่งรายขายของ | |||
| หมากพลูบุหรี่ใส่ซอง | เห็นใครเดินมาร้องเรียกให้ซื้อ | |||
| พวกบัณฑิตติดจะเคอะเข้านั่งใกล้ | ช่วยเขี่ยไต้อ่านอวดสวดหนังสือ | |||
| ปะเหล่าโลนลำพองคะนองมือ | เอาอิฐถือลอบทิ้งจนนิ่งไป | |||
| พวกผู้ชายโฉงเฉงนักเลงถั่ว | แต่งตัวนุ่งผ้าพกใหญ่ | |||
| เห็นบ่อนตั้งหลังระทาดอกไม้ | ก็แวะวางเข้าไปนั่งแทง | |||
| บ้างยักขึ้นเส้นเล่นพกเปล่า | ครั้นเสียเข้าก็นั่งทำหน้าแห้ง | |||
| บ้างปลอมเปลี่ยนสับจับเงินแดง | ที่ติดพันยื้อแย้งกันรุงรัง | |||
| ลางลอบเหล่าลอบจุดประทัดทิ้ง | พวกผู้หญิงเป็นหมู่มาดูหนัง | |||
| บ้างโกรธบ้างว่าน่าชัง | บ้างนั่งดูสนุกบ้างลุกไป ฯ | |||
| ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีสีใส | |||
| ครั้นค่ำคำนึงถึงทรามวัย | ภูวไนยนิ่งนึกตรึกตรา | |||
| จะเข้าไปคอยอยู่ที่พระศพ | จะได้พบพุ่มพวงดวงยิหวา | |||
| คิดพลางย่างเยื้องลีลา | เข้ามาเมรุสุวรรณชั้นใน ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า | ||||
| ๏ ครั้นถึงจึงถวายอัญชลี | พระศพอัยกีเป็นใหญ่ | |||
| จึงจุดธูปเทียนทันใด | ด้วยใจเคารพบูชา ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ สาธุการ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเสนหา | |||
| สถิตยังสุวรรณพลับพลา | ครั้นสิ้นแสงสุริยาเวลาพลบ | |||
| จึงชวนพระธิดายาใจ | จะเข้าไปทักษิณพระศพ | |||
| โขลนจ่าข้าหลวงวิ่งกระทบ | จุดคบโคมส่องเสด็จมา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า | ||||
| ๏ ครั้นถึงบริเวณพระเมรุใหญ่ | เห็นนายไพร่พร้อมพรั่งนั่งรักษา | |||
| จึงหยุดยืนอยู่แทบทวารา | ทั้งสองกษัตราไม่คลาไคล ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ บัดนั้น | นางโขลนผู้มีอัฌชาสัย | |||
| วิ่งวางมาชับฉับไว | พวกผู้ชายออกไปเสียให้พ้น ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีแจ้งเหตุผล | |||
| จึงขับเสนาสามนต์ | ผู้คนทั้งนั้นออกมา | |||
| แต่องค์เดียวเสด็จจรจรัล | ไปรับประหมันด้วยหรรษา | |||
| น้อมองค์ลงถวายวันทา | แล้วแลดูจินตะหราวาตี ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี | |||
| จึงตรัสชวนระเด่นมนตรี | มาทักษิณอัยกีด้วยกัน ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเกษมสันต์ | |||
| สมคิดดังจิตผูกพัน | จึงเสด็จจรจรัลตามมา | |||
| พระแสร้งทำทักษิณไปพลาง | ชำเลืองเนตรดูนางจินตะหรา | |||
| แสงเพลิงส่องจับกับพักตรา | โสภาเพียงบุหลันลอยโพยม | |||
| ดูไหนให้เพลินจำเริญจิต | ยิ่งคิดพิสมัยที่ในโฉม | |||
| ครั้นตึงช่องกลางหว่างโคม | ลำลำจะใคร่โลมนางเทวี ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหรามารศรี | |||
| ดำเนินเดินเคียงพระภูมี | ทำท่วงทีอายเอียงเมียงเมิน | |||
| แลสบหลบเนตรเชษฐา | กัลยายิ่งระทวยขวยเขิน | |||
| ให้อดสูจิตคิดสะเทิ้น | พลางเดินก้มพักตร์ทักษิณไป ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส | |||
| เห็นท่วงทีอิเหนาก็เข้าใจ | ทำเมินเดินไปไม่นำพา ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงกำนัลในซ้ายขวา | |||
| แจ้งใจในทีกิริยา | ชายตาดูองค์พระทรงธรรม์ | |||
| เห็นดำเนินเดินชิดพระธิดา | กิริยาแยบคายคมสัน | |||
| บ้างบอกเพื่อนสนิทสะกิดกัน | นางกำนัลซุบซิบกระหยิบตา | |||
| ที่มีอัฌชาสัยมิใคร่เดิน | ทำเมินยิ้มละไมอยู่ในหน้า | |||
| บ้างรอรั้งยั้งยืนพูดจา | ตามเสด็จเดินมาแต่ไกลไกล ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | |||
| เดินเคียงกัลยาคลาไคล | เห็นนางห่างไกลพระชนนี | |||
| จึงเอาพลูรอยกัดซัดต้ององค์ | โฉมยงสะดุ้งเดินเมินหนี | |||
| พระรีบไปพลันทันเทวี | ภูมียิ้มพรายชายตา | |||
| เห็นนางเดินเมินเมียงเลี่ยงหลบ | พระแกล้งทำกระทบอังสา | |||
| นาสิกสูดรสสุคนธา | กัลยาเคืองค้อนงอนงาม | |||
| แต่เวียนวงทักษิณรอบพระศพ | จนจบถ้วนครบคำรบสาม | |||
| ให้อาลัยที่จะไกลนงราม | ด้วยความประดิพัทธ์พันทวี ฯ | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี | |||
| ครั้นเสร็จทักษิณศพพระอัยกี | ก็จรลีมาสุวรรณพลับพลา ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เพลงเร็ว | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวเจ้าเมืองหมันหยา | |||
| สมโภชพระศพเสร็จเจ็ดทิวา | ครั้นเพลาบ่ายแสงสุริยง | |||
| จึ่งให้เชิญพระโกศทองลองใน | ขึ้นใส่เชิงตะกอนสูงส่ง | |||
| พร้อมพระมเหสีสุรย์วงศ์ | ทั้งองค์อิเหนานัดดา | |||
| ต่างถือธูปเทียนดอกไม้ | เข้าไปประนมน้อมพร้อมหน้า | |||
| จบพระหัตถ์มัสการขอสมา | อย่าให้มีเวราสืบไป | |||
| ครั้นเสร็จจึงจุดเพลิงพลัน | สารพันเครื่องหอมซัดใส่ | |||
| คับคั่งทั้งข้างหน้าข้างใน | ต่างคนเข้าไปจุดอัคคี ฯ | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ ปี่กลอง | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี | |||
| ทั้งระเด่นจินตะหราวาตี | ดูเปลวอัคคีชัชวาล | |||
| นางยิ่งระทดสลดจิต | อาลัยให้คิดสงสาร | |||
| ต่างองค์ยกหัตถ์มัสการ | เยาวมาลย์ช้อนทรวงเข้าโศกา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ โอด | ||||
| โอ้บูชากนฑ์ | ||||
| ๏ โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมเอ๋ย | พระคุณเคยปกเกล้าเกศา | |||
| เฝ้าถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกมา | ไม่นิราศคลาดคลาสักคืนวัน | |||
| พระพี่นางทั้งสองมาเชิญไป | ก็มิได้จำนงผายผัน | |||
| เพราะรักใคร่ในลูกผูกพัน | ประโลมเลี้ยงหลานขวัญทุกเวลา | |||
| ทีนี้ตั้งแต่จะแลลับ | ที่ไหนจะได้กลับมาเห็นหน้า | |||
| ร่ำพลางนางทรงโศกา | กัลยาเพียงจะสิ้นสมประดี ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ โอด | ||||
| ร่าย | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านหมันหยากรุงศรี | |||
| ครั้นเสร็จส่งสักการะพระอัยกี | ภูมีสร้อยเศร้าเปล่าวิญญ์ | |||
| จึ่งชวนมเหสีโฉมยง | กับองค์บุตรีเสนหา | |||
| พร้อมฝูงกำนัลกัลยา | ลีลาเข้ายังวังใน ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | |||
| ครั้นท้าวหมันหยาคลาไคล | ก็กลับไปที่อยู่พระภูธร ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | ||||
| ๏ ครั้นถึงห้องสุวรรณบรรจง | ทอดองค์ลงกับที่บรรจถรณ์ | |||
| ถวิลถึงวนิดายิ่งอาวรณ์ | พลางสะท้อนถอนใจไปมา | |||
| กรกอดเขนยข้างไว้หว่างทรวง | สำคัญว่าพุ่มพวงดวงยิหวา | |||
| เคลิ้มเคล้นเหมือนจะเห็นกัลยา | พระหลงใหลไขว่คว้าม่านมอง | |||
| ครั้นรู้สึกสมประดีว่ามิใช่ | ก็เศร้าเสียพระทัยหม่นหมอง | |||
| ให้โศกศัลย์รัญจวนถึงนวลน้อง | นิ่งตรึกตรองจนหลับไป ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ ตระ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาเป็นใหญ่ | |||
| ครั้นรุ่งสางสร่างแสงอโณทัย | ภูวไนยแต่งองค์อลงกร | |||
| ครั้นเสร็จเสด็จจรลี | มายังที่เกยลาหน้าฉาน | |||
| ขึ้นทรงยานุมาศสามคาน | พนักงานแห่แหนแน่นนันต์ | |||
| องค์ประไหมสุหรีกกับธิดา | เสด็จมาในแนวแนวนกั้น | |||
| ระเด่นมนตรีกุเรปัน | ก็ตามมาเมรุสุวรรณบรรจง ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | ||||
| ๏ | ||||
| ครั้นถึงจึงชวนพระวงศา | เขี่ยหาพระธาตุกวาดเผ้าผง | |||
| เก็บได้ใส่ขันสุวรรณลง | โสรจสรงสุคนธาวารี ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหรามารศรี | |||
| เขี่ยหาพระธาตุอัยกี | เทวีพลางทรงโศกาลัย ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | |||
| เห็นนางหยิบลงที่แห่งใด | ภูวไนยหยิบลงที่ตรงนั้น | |||
| พระกรกระทบกรนางเทวี | ทำทีแยบคายคมสัน | |||
| แล้วแสร้งทรงโศกาจาบัลย์ | มิให้สองประหมันกินใจ ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านหมันหยาเป็นใหญ่ | |||
| เสร็จสรงพระธาตุทันใด | ใส่ในโกศรัตน์ชัชวาล | |||
| ให้เชิญเข้าไปในวัง | สถิตยังปราสาทราชฐาน | |||
| และสั่งให้ลอยพระอังคาร | ตามจารีตบุราณแต่ก่อนมา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | เสนีรับสั่งใส่เกศา | |||
| มาจัดแจงแต่งตามพระบัญชา | ชาวมาลาไปกวาดพระอังคาร | |||
| เอาห่อหุ้มคลุมผ้าโขมพัตถ์ | แล้วผูกรัดพันเข้าทั้งเถ้าถ่าน | |||
| ใส่ในขันทองรองพาน | เชิญขึ้นพระยานมาศมา | |||
| คู่แห่แต่ล้วนใส่ลำพอก | พนมมือถือดอกบุปผา | |||
| เสียงประโคมฆ้องกลองก้องโกลา | แห่ไปยังท่าชลาลัย ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ กลองโยน | ||||
| ๏ ครั้นถึงตะพานเหนือตำหนักแพ | เรือแห่ธงทิวปลิวไสว | |||
| จึงเชิญพระอังคารลงไป | เรือที่นั่งเอกชัยฉับพลัน | |||
| พลพายนั่งพายเป็นคู่คู่ | ใส่เสื้อปัศตูดูขบขัน | |||
| เรือขุนนางเรือที่นั่งดั้งกัน | แห่แหนแน่นันต์นทีธาร ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ ครั้นถึงกึ่งกลางสาชล | เป็นวังวนกว้างใหญ่ไพศาล | |||
| ชาวภูษามาลาพนักงาน | ก็เชิญพระอังคารลอยไป ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาสูงส่ง | |||
| ครั้นเสร็จถวายพระเพลองปลง | จึ่งชวนองค์ระเด่นมนตรี | |||
| จะไปสรงสนานสำราญใจ | ที่สระใหญ่อยู่นอกกรุงศรี | |||
| ตามอย่างทางราชประเพณี | กษัตราธิบดีสืบมา | |||
| ว่าแล้วลีลาคลาไคล | เสนาในแห่แหนแน่นหนา | |||
| องค์ประไหมสุหรีศรีโสภา | กับธิดาเสด็จตามกันไป ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | ||||
| ๏ มาเอยมาถึง | ยังโบกขรณีสระใหญ่ | |||
| ร่มรอบคันล้วนพรรณไม้ | โศกไทรสาขาริมวารี | |||
| บุษบงส่งกลิ่นอายอบ | หอมตลบไปทั้งสระศรี | |||
| ต่างองค์เกษมเปรมปรีดิ์ | จรลีลงสรงคงคา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | ||||
| สระบุหลง | ||||
| ๏ ชำระสระสนานสำราญกาย | เย็นสบายซ่านซาบมังสา | |||
| เสร็จนั่งยังแท่นแผ่านศิลา | ชุ่มแช่กายาในวารี | |||
| นางกำนัลบรรดาที่โปรดปราน | ประคององค์เอางานแล้วขัดสี | |||
| บ้างชำเลืองแลดูพระภูมี | ทำท่วงทีแยบยลกลใน | |||
| ลางนางบ้างเก็บบัวเผื่อน | ชวนเพื่อนหักห้อยเป็นสร้อยใส่ | |||
| บ้างแหวกว่ายคงคาชลาลัย | เลี้ยวไล่สัพยอกหยอกกัน | |||
| ลางนางบ้างเก็บใบบัว | มาบังตัวถือเล่นเป็นร่มกั้น | |||
| บ้างเก็บโกมุทบุษบัน | ฝูงกำนัลเล่นน้ำสำราญ ฯ | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ ลงสรง | ||||
| ร่าย | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเกษมศานต์ | |||
| สรงทางพลางดูเยามาลย์ | ฤดีดาลเดือดดิ้นในวิญญาณ์ | |||
| พระแกล้งแสร้งเสด้วยเล่ห์กล | ว่ายไปให้พ้นท้าวหมันหยา | |||
| เข้าแฝงกอโกสุมปทุมา | ลอบดูพระธิดาในวารี ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหรามารศรี | |||
| สรงสนานอยู่ในชลธี | กับกำนัลนารีพี่เลี้ยง | |||
| ต่างชิงกันเก็บโกสุม | บ้างบานตูมหุ้มกลีบกิ่นเกลี้ยง | |||
| โฉมฉายว่ายแซงแข่งเคียง | กับบาหยันพี่เลี้ยงร่วมใจ | |||
| เด็ดปักหักดอกปทุมมาลย์ | ขาวแดงเบ่งบานอยู่ไสว | |||
| เพลิดเพลินจำเริญหฤทัย | จนใกล้อิเหนาเข้ามา ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา | |||
| แฝงใบบุษบงในคงคา | เห็นกัลยามาใกล้ก็ได้ที | |||
| จึงยื่นกรช้อนสอดไปสัมผัส | นางสะบิ้งสะบัดเบี่ยงหนี | |||
| พระแกล้งแสร้งสาดวารี | ให้ชลธีถูกองค์นงคราญ | |||
| ครั้นบาหยันผันหน้ามาตรง | ก็ทำเป็นสีองค์สรงสนาน | |||
| แล้วเก็บโกสุมปทุมมาลย์ | มาประทานบาหยันกัลยา ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | จินตะหราวาตีเสนหา | |||
| แย้มพรายชายชำเลืองนัยนา | สบเนตรเชษฐาก็อายใจ | |||
| จึงแสร้งแกล้งว่าพี่บาหยัน | อาไรนั่นช่างพาเข้ามาใกล้ | |||
| อัปยศอดสูเป็นพ้นไป | ทำผลักไสหยิกตีพี่เลี้ยง ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | บาหยันยิ้มพลางทางทูลเถียง | |||
| พี่มิได้แกล้งพามาใกล้เคียง | พระมาเมียงอยู่เมื่อไรก็ไม่รู้ | |||
| ชะรอยเป็นวาสนาของบาหยัน | เห็นติดพันชั้นเชิงชอบกลอยู่ | |||
| ปากข้าว่าแม่นเหมือนหมอดู | โฉมตรูอย่ากริ้วโกรธา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา | |||
| ค้อนให้แล้วตอบวาจา | เอาอะไรมาว่าเป็น่าชัง | |||
| ช่างไม่เจียมตัวแต่สักนิด | เกลียดจริตกิริยาเหมือนบ้าหลัง | |||
| ว่าแล้วลัดแลงแฝงบัวบัง | มายังที่อยู่พระชนนี ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เพลงฉิ่ง | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาเรืองศรี | ||
| เสร็จสรงคงคาวารี | ภูมีสำอางอ่าองค์ | ||
| แล้วชวนมเหสีโสภา | กับธิดาแน่งน้อยนวลหง | ||
| พร้อมฝูงสุรางค์นางอนงค์ | เสด็จตรงเข้ายังวังใน ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | ||
| เสด็จทรงอาชาคลาไคล | กลับไปยังที่ประเสบัน ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงลงจากอัสดร | ภูธรย่างเยื้องผายผัน | ||
| เข้าในห้องแก้วแพรวพรรณ | ทรงธรรม์ถอนฤทัยไปมา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ช้า | |||
| ๏ ทอดองค์ลงกับที่ไสยาสน์ | ยอกรก่ายวิล่ศถวิลหา | ||
| ทีนี้เสร็จการจะนานช้า | จึงจะได้เห็นหน้านางเทวี | ||
| จะผ่อนผันฉันใดนะอกกู | จะได้อยู่หมันหยากรุงศรี | ||
| พระบิดาให้กลับไปธานี | มิรู้ที่จะทำประการใด | ||
| ยังมได้สนิทเสนหา | จะนิราศคลาดคลากกระไรได้ | ||
| แม้นมิสมดังจิตที่คิดไว้ | ก็ไม่ไปพารากุเรปัน | ||
| แต่ครวญคร่ำกำสรดสลดจิต | ต้องติดฤทัยใฝ่ฝัน | ||
| แสนสวาทมาดหมายผูกพัน | จนบรรทมหลับไปกับไสยา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านไอศวรรย์หมันหยา | ||
| ครั้นรุ่งสางสร่างงแสงสุริยา | ก็แต่งองค์โอ่อ่าเอาใจ | ||
| จึงตรัสชวนอัครมเหสี | กับราชบุตรีศรีใส | ||
| พรั่งพร้อมฝูงสุรางค์นางใน | เสด็จไปสู่สีหบัญชร ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ ลดองค์ลงนั่งบัลลังก์อาสน์ | อำมาตย์หมอบเฝ้าอยู่สลอน | ||
| ว่าขานกิจการพระนคร | ภูธรเกษมเปรมปรีดิ์ ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
| ครั้นรุ่งรางสว่างธาตรี | ภูมีตื่นจากที่ไสยา | ||
| เข้าที่สรงสนานสำราญองค์ | บรรจงทรงเครื่องโอ่อ่า | ||
| ชวนระเด่นดาหยันยาตรา | ทรงม้าที่นั่งเข้าวังใน ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นมาถึงที่ราชฐาน | พระผ่านผู้สวรรยาเป็นใหญ่ | ||
| จึงลงจากอาชาคลาไคล | เข้าไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯเสมอ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวหมันหยาปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ | ||
| เห็นอิเหนาเข้ามาบังคมคัล | จึงปราศรัยไปพลันทันที | ||
| ได้ยินเขาระบือลือเล่า | ว่าเจ้าชำนาญการกระบี่ | ||
| ท่าทางทำนองคล่องดี | วันนี้จงรำให้น้าดู | ||
| แล้วให้เสนากิดาหยัน | จัดกันขึ้นตีทีละคู่ | ||
| โล่ดั่งดาบเชลยมลายู | จะได้ดูเล่นเป็นขวัญตา ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงองค์อสัญแดหวา | ||
| คำนับรับราชบัญชา | แล้วแลดูจินตะหราวาตี | ||
| แต่รอรั้งยั้งหยุดอยู่เป็นครู่ | ให้คิดอดสูนางโฉมศรี | ||
| ยิ้มละไมในพักตร์เป็นท่วงที | ต่อภูมีย้ำเตือนจึงเคลื่อนคลาย ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ประสันตาหยิบกระบี่มาถวาย | ||
| ค่อยกระซิบทูลว่าพระอย่าอาย | ครั้งนี้ตีหมายเอารางัล ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน | ||
| ยิ้มพลางทางว่าอย่าเยาะกัน | ดีแต่พูดเช่นนั้นอัตรา | ||
| แล้วพยักเรียกระเด่นดาหยันไป | ต่างองค์บังคมไหว้ท้าวหมันหยา | ||
| ลุกขึ้นร่ายรำกิริยา | ทรงกระบี่เบื้อขวากรีดกราย | ||
| ประเท้ากก้าวกระหยับเยื้องย่าง | ชำเลืองนัยนาสอดส่าย | ||
| แลสบเนตรนางพลางยิ้มพราย | แล้วประปรายปลายกระบี่ดีกัน ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ กลองแขก | |||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายฝูงสุรางค์นางสาวสวรรค์ | ||
| ทั้งเถ้าแก่ชะแม่นางกำนัล | แอบดูอยู่ที่ชั้นศาลา | ||
| บ้างนิยมชมระเด่นมนตรี | รำกระบี่น่ารักหนักหนา | ||
| บุญตัวได้เห็นเป็นขวัญตา | งามดั่งเทวาสุราลัย | ||
| ลางนางนั่งชิดสะกิดเพื่อน | แย้มเยื้อนพูดจาอัชฌาสัย | ||
| ดูทีทำนองภูวไนย | จะมีที่ต้องใจสักสิ่งอัน | ||
| บ้างว่าข้าเห็นเป็นแยบคาย | นัยนาสอดส่ายคมสัน | ||
| บ้างซุบซิบกระหยิบตากัน | นางกำนัลลอบดูพระภูธร ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหราดวงสมร | ||
| เมียงมองอยู่ที่ช่องบัญชร | บังอรแลลอดสอดตา | ||
| ครั้นสบเนตรเชษฐาทีไร | อรไทสะเทินเมินหน้า | ||
| เสหยอกบาหยันด้วยมารยา | ชายตาแย้มยิ้มพริ้มไป ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวาอัชฌาสัย | ||
| ผันผัดปัดป้องว่องไว | ถ้อยทีหนีไล่ไปมา | ||
| ครั้นระเด่นดาหยันเสียที | ภูมีตีต้องหัตถา | ||
| บรรดาพี่เลี้ยงแลเสนา | ก็สรวลเสเฮฮาขึ้นพร้อมกัน ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ประสันตาแสนกลคนขยัน | ||
| คลานเข้าไปรับกระบี่พลัน | อภิวันท์แล้วกระซิบทูลพลาง | ||
| ข้าเห็นพระองค์ทรงกระบี่ | ท่าทีเคล่าคล่องทั้งสองอย่าง | ||
| ไหนจะกรายร่ายรำทำท่าทาง | ไหนจะดูอยู่ข้างบัญชรชัย | ||
| แต่ส่ายสอดทอดพระเนตรอยู่อย่างนี้ | ยังทรงตีมีชัยชนะได้ | ||
| ชอบเอาของที่ต้องพระหฤทัย | มารางวัลภูวไนยจะสมควร ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีแย้มสรวล | ||
| จึงตรัสว่าอย่าเย้าเฝ้ากวน | ดีแต่ชวนพูดเล่นเช่นนั้น ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านกรุงไกรไอศวรรย์ | ||
| ตรัสชมอิเหนากุเรปัน | การกระบี่ดีครันขยันัก | ||
| ไม่มีใครเป็นคู่สู้ได้ | ทั้งในแดนชวาอาณาจักร | ||
| สมเป็นวงศาสุรารักษ์ | ยศศักดิ์ประเสริฐเลิศชายฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองฉาย | ||
| ให้เสนาพี่เลี้ยงตัวนาย | รำถวายทีละคู่สู้กัน ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงเสนากิดาหยัน | ||
| รับสั่งแล้วบงคมคัล | ก็จัดคู่สู้กันทันใด ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ กลองแขก | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวหมันหยายิ้มย่องผ่องใส | ||
| ทอดพระเนตรอยู่บนบัญชรชัย | แสนสำราญพระหฤทัยพระทรงธรรม์ | ||
| จึงสั่งให้เอาของมาประทาน | ทวยหาญเสนากิดาหยัน | ||
| ทั้งเงินทองเสื้อผ้แพรพรรณ | รางวัลให้ทั่วทุกตัวคน | ||
| อันองค์ระเด่นมนตรี | ให้จัดของดีดีเครื่องต้น | ||
| ธำมรงค์มงกุฎกุณฑล | สร้อยสนสังวาลแววไว | ||
| อันระเด่นดาหยันวงศา | เอาชฎาเดินหนมาให้ | ||
| ทั้งทองกรพาหุรัดตรัสไตร | เร่งไปเอามาบัดนี้ ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศี | ||
| อภิวันท์แล้ววิ่งเป็นสิงคลี | ออกมาสั่งดังมีบัญชาการ | ||
| คลังวิเศษภูษามาลา | ก็ขนของเข้ามายังหน้าฉาน | ||
| กราบถวายบังคมก้มกราน | แล้วเอาของมาประทานทันใด ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาเป็นใหญ่ | ||
| เสร็จสรรพก็หับบัญชรชัย | เข้าในปราสาทแก้วแพรวพรรณ ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน | ||
| เสด็จทรงอัสดรจรจรัล | กลับไปประเสบันอากง ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
| ครั้นถึงลงจากม้าที่นั่ง | ให้คลุ้มคลั่งหฤทัยใหลหลง | ||
| ไม่ทันจะเปลื้องเครื่องทรง | เสด็จตรงไปที่ไสยา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ช้า | |||
| ๏ ทอดองค์ลงกับที่บรรจถรณ์ | ให้อาวรณ์หวังถวิลถึงจินตะหรา | ||
| องค์อ่อนถอนฤทัยไปมา | มิได้ตรัสจำนรรจาพาที | ||
| ลืมเลยเสวยทรงสุคนธ์ | แต่พลิกกลับสับสนบนที่ | ||
| ไม่เป็นอารมณ์สมประดี | ภูมีกลัดกลุ้มคลุ้มใจ | ||
| พระหัตถ์ซ้ายก่ายเขนยคะนึงคิด | เจ็บจิตประชวรเช่นเป็นไข้ | ||
| แสนกระสันรันทดหฤทัย | พระมิได้วายอาวรณ์ร้อนรน ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ ร่าย ๑ | |||
| บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงประหลาดจิตคิดฉงน | ||
| ดูพระจริตติดพิกล | บรรทมทั้งเครื่องต้นที่ทรงมา | ||
| จึงเข้าไปช่วยเปลื้องเครื่องทรง | ให้พระองค์ทรงผลัดภูษา | ||
| แล้วกราบทูลไปมิได้ช้า | พระจงอุตส่าห์สะกดใจ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | ||
| จึงตอบทั้งสี่พี่เลี้ยงไป | เมื่อไม่เห็นวิตกในอกเลย | ||
| อันความทุกข์เหลือทุกข์ครั้งนี้ | จะคิดฉันใดดีนะพี่เอ๋ย | ||
| แม้นมิได้สู่สมชมเชย | ที่ไหนเลยน้องจะมีชีวา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงบังคมเหนือเกศา | ||
| จึ่งทูลตอบปลอบให้ชอบอัชฌา | พระอย่ารันทดกำสรดทรง | ||
| จงระงับดับโศกเสียก่อน | ภูธรอุตส่าห์เสวยสรง | ||
| อันพระธิดาโฉมยง | ไหนจะพ้นพระองค์อย่าสงกา | ||
| จะทูลโลมเล้าสักเท่าใด | พระมิได้วายเทวษถวิลหา | ||
| พี่เลี้ยงทั้งสี่มีอัชฌา | ซุบซิบปรึกษาพาที ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ บัดนั้น | ปาเตะเสนาบดีศรี | ||
| เวลาเฝ้าก็มาเข้าอัญชลี | เห็นภูมีไสยาสน์ประหลาดใจ | ||
| จึงถามยะรุเดะลูกชาย | พระโฉมฉายประชวรหรือไฉน | ||
| ช่างไม่บอกสักคำทำอย่างไร | เหตุผลก็มิให้ผู้ใหญ่รู้ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ยะรุเดะอิดเอื้อนเยื้อนอยู่ | ||
| หันหน้ามาบังบานประตู | ยิ้มพลางทางดูตากัน ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ประสันตาแสนกลคนขยัน | ||
| ทำเฉยหน้าแล้วว่าไปพลัน | ประชวรมาแต่วันถึงเวียงชัย | ||
| พระดรคเรื้อรังประทังอยู่ | ไม่สุดรู้มดหมอพอแก้ไข | ||
| หรือชะรอยทรงกระบี่วันนี้ไซร้ | จะเป็นไข้เนื้อขาดประหลาดนัก | ||
| ดูอาการที่ทำให้คร่ำครวญ | จะประชวรสิ่งใดไม่ประจักษื | ||
| แม้นได้โอสถรสรัก | เห็นไม่พักนวดฟั้นจะพลันคลาย | ||
| เจ้าจอมหม่อมลุงได้เมตตา | ช่วยเข้าไปขอยามาถวาย | ||
| ที่พระร้อนรนกระวนกระวาย | นั่นแหละเห็นจะหายเป็นมั่นคง ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ปาเตะตกใจตะลึงหลง | ||
| จึ่งทูลเล้าโลมโฉมยง | พระบิตุรงค์กำชับรับสั่งมา | ||
| การพระศพเสร็จสรรพให้กลับไป | ป่านนี้ภูวไนยจะคอยหา | ||
| อันพระน้องนุชบุษบา | พระปิตุเรศเจตนาไปกล่าวไว้ | ||
| ยังแต่จะเสกสองให้ครองกัน | เป็นปิ่นกุเรปันกรุงใหญ่ | ||
| อันจะเลี้ยงพระน้องสองเวียงชัย | รู้ไปถึงดาหาธานี | ||
| เกลือกจะไม่ปลดปลงให้นงลักษณ์ | จะเกิดเหตุใหญ่นักพระโฉมศรี | ||
| ทั้งจะได้แค้นเคืองแสนทวี | พระภูมีจงถวิลจินดา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์อสัญแดหวา | ||
| ไม่ตอบถ้อยคำจำนรรจา | ให้เคืองขัดอัธยาในอารมณ์ | ||
| พระผินผันหันพักตร์เมินหนี | แล้วหยิบผ้ามาคลี่ทรงห่ม | ||
| พลางสะท้อนถอนถ่ายระบายลม | แกล้งทำเหมือนบรรทมหลับไป ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ปาเตะเสนาอัชฌาสัย | ||
| มิรู้ที่จะผ่อนผันฉันใด | ก็ออกไปจากที่แท่นทอง ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงทรงโศกเศร้าหมอง | ||
| ยิ่งคิดพิสมัยใจปอง | พระนิ่งนึกตรึกตรองไปมา | ||
| อันระเด่นบุษบาตุนาหงัน | ตามวงศ์อสัยแดหวา | ||
| แต่มิได้มีใจเจตนา | เหมือนระเด่นจินตะหรายุพาพาล | ||
| ชะรอยวาสนาได้สร้างไว้ | เผอิญให้จงรักสมัครสมาน | ||
| จะว่าไปก็ในวงศ์วาน | เยาวมาลย์ก็มิใช่หาไหนมา | ||
| มาตรแม้นสองกษัตริย์จะขัดเคือง | มิให้กูอยู่เมืองหมันหยา | ||
| ก็จะพาดวงใจไคลคลา | ไปมะงุมมะงาหราสำราญ | ||
| แต่บรรทมนิ่งนึกตรึกไตร | จนอุทัยรุ่งแจ้งแสงฉาน | ||
| เสด็จจากอท่นรัตน์ชัชวาล | มาสระสรงชลธารทันใด ฯ | ||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
| ๏ ลูบไล้สุคนธาอ่าองค์ | บรรจุทรงเครื่องประทานใหม่ | ||
| แล้วทรงอาชาคลาไคล | เสนาใสตามเสด็จจรลี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงลงจากอัสดร | บทจรเข้าปราสาทศรี | ||
| บังคมสองประหมันทันที | พลางดูเทวีไม่วางตา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | ||
| ทอดพระเนตรอิเหนานัดดา | เห็นพักตราเสร้อยเศร้าก็เข้าใจ | ||
| จึงบัญชาถามด้วยความรัก | เป็นไรผิวพักตร์จึงหม่นไหม้ | ||
| หรือโรคายายีประการใด | ด่วนเข้ามาไยไม่สบาย ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองฉาย | ||
| ประสานหัตถ์เคารพอภิปราย | วันตีกระบี่ถวายภูวไนย | ||
| ให้ตึงตัวไปทั่วสรรพางค์ | จิตใจเหมือนอย่างจะเป็นไข้ | ||
| หยุดช้ากลัวว่าจะมากไป | จึ่งแข็งใจเข้ามาอัญชลี | ||
| ทูลพลางทางชำเลืองแลมา | ดูระเด่นจินตะหรามารศรี | ||
| ความรักสลักทรวงแสนทวี | ภูมีคอนใจไปมา ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเสนหา | ||
| พิศดูรู้รหัสพระนัดดา | จึ่งกล่าวรสพจนาพาที | ||
| เพียงพระเข้าสู่สวรรคต | ตั้งแต่กำสรดหมองศรี | ||
| พร่ำกินน้ำตาทุกนาที | น้านี้เปลี่ยวเปล่าเศร้าใจ | ||
| ได้เห็นหน้านัดดาค่อยผาสุก | พอบรรเทาเบาทุกข์ที่โหยไห้ | ||
| เจ้าจงอยู่ด้วยน้าอย่าคลาไคล | สักเดือนหนึ่งจึงไปพารา ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | อิเหนากุเรปันก็หรรษา | ||
| ชื่นชมด้วยสมดั่งจินดา | รับรสพจนาวาที | ||
| พลางเยื้อนแย้มยิ้มพริ้มเพรา | ค่อยบรรเทาทุข์ที่หมองศรี | ||
| แล้วชำเลืองแลดูพระบุตรี | ภูมีประดิพัทธ์ผูกพัน ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านไอศวรรย์ | ||
| ครั้นเวลาสายสีวีวรรณ | ก็จรจรัลเข้าที่บรรทมใน ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | ||
| เสด็จทรงอาชาคลาไคล | กลับไปประเสปันมิทันช้า ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงลงจากหลังม้า | ขึ้นมายังตำหนักที่ข้างหน้า | ||
| เปลื้องเครื่องประดับองค์แล้วตรงมา | เข้าห้องไสยาฉับพลัน ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ พระนิ่งนึกตรึกคิดพิศวง | ตะลึงหลงอาลัยใฝ่ฝัน | ||
| ทอดองค์ลงกับที่แท่นสุวรรณ | แสนวิโยคโศกศัลย์รัญจวน | ||
| โอ้จะคิดผ่อนผันฉันใด | จึ่งจะได้โฉมงามทรามสงวน | ||
| พลางสะท้อนถอนใจใคร่ครวญ | ปั่นป่วนไม่เป็นสมประดี | ||
| พระลืมล่วงเวลาสรงเสวย | กรกอดกับเขนยอยู่ในที่ | ||
| ความรักหนักทรวงแสนทวี | ภูมีเศร้าสร้อยละห้อยใจ ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ปาเตะเสนาอัชฌาสัย | ||
| เห็นพระองค์ร่ำรักนั้นหนักไป | จะผ่อนผันฉันใดก็สุดคิด | ||
| ได้ทูลขัดทัดทานเป็นหลายครั้ง | พระมิได้เชื่อฟังแต่สักนิด | ||
| กลัวความครั้งนี้จะมิมิด | จนจิตกอดเข่าเข้าเป็นทุกข์ | ||
| เสียแรงพระชุบเลี้ยงถึงเพียงนี้ | ได้มั่งมีอยู่เย็นเป็นสุข | ||
| จะมานิ่งนอนใจให้เกิดยุค | เห็นความจะลามลุกวุ่นวาย | ||
| แม้นทราบถึงองค์ศรีปัตหรา | โทษาจะมีเป็นมากหลาย | ||
| ฉวยพระไม่ไต่ถามสิงามตาย | จะลงร้ายเอาว่ารู้ด้วยภูธร | ||
| จำจะลอบบอกความตามจริงไป | กราบทูลภูวไนยให้แจ้งก่อน | ||
| จึงเรียกนายรองเข้าห้องนอน | ให้เขียนอักษรสารา | ||
| ครั้นเสร็จแล้วส่งให้เสนี | นำคดีไปแจ้งแก่ยาสา | ||
| กราบทูลบทมาลย์พระผ่านฟ้า | ตามในกิจจาให้แจ้งการ ฯ | ||
| ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนีดีใจได้ไปบ้าน | ||
| อำลาปาเตะมิทันนาน | มาขึ้นพาชีชาญฉับไไว | ||
| ออกจากหมันหยาธานี | รีบตีอาชาเข้าป่าใหญ่ | ||
| นอนค้างอ้างแรมมาในไพร | ตรงไปกุเรปันพารา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงศาลาหน้าทิมดาบ | ตรงเข้าไปกราบท่านยาสา | ||
| แถลงเล่าเหตุผลแต่ต้นมา | แล้วส่งสาราให้ทันที ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ บัดนั้น | ยาสาแจ้งใจในสารศรี | ||
| ก็รีบพาเสนาจรลี | มายังที่พระโรงรจนา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ จึงบังคมทูลทันใด | ว่าปาเตะที่ไปหมันหยา | ||
| แต่งคนให้ถือหนังสือมา | จงทราบบาทาฝ่าธุลี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ช้า | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหราเรืองศรี | ||
| รับสารามาจากเสนี | พระองค์ทรงคลี่ออกอ่านพลัน | ||
| ว่าปาเตะถวายอภิวาท | เบื้องบาทพระผู้ผ่านไอศวรรย์ | ||
| ด้วยพระโอรสาลาวัณย์ | กำสรดโศกศัลย์ทุกวันไป | ||
| ตั้งแต่คลั่งไคล้ใหลหลง | ในองค์พระบุตรีศรีใส | ||
| ทั้งสองประหมันก็เป็นใจ | แยบเยื้อนเหมือนจะให้เยาวมาลย์ | ||
| ข้าได้ทูลเตือนเป็นหลายครั้ง | พระไม่ฟังพจนาว่าขาน | ||
| มิรู้ที่จะขืนขัดทัดทาน | จงกราบบทมาลย์พระภูมี ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ ครั้นอ่านเสร็จสิ้นในอักษร | ภูธรเคืองข้องหมองศรี | ||
| จึงส่งสารามาทันที | ให้ประไหมสุหรีทัศนา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเสนหา | ||
| อ่านสารสิ้นเรื่องเคืองอุรา | จึงทูลพระภัสดาทันใด | ||
| เหตุนี้ผู้ใหญ่แกล้งหน่วงเหนี่ยว | จะโทษเด็กข้างเดียวก็ไม่ได้ | ||
| ประสาหนุ่มจึงลุ่มหลงไป | จะทำให้ผิดกันด้วยฉันทา | ||
| ครั้นจะนิ่งดูทีบัดนี้เล่า | ไหนอิเหนาจะจากหมันหยา | ||
| แม้นมิให้ไปหาตัวมา | ก็เห็นว่าจะไม่เงือดงด | ||
| จงเอาอาการข้านี้บอกไป | ว่าตั้งใจครวญคร่ำกำสรด | ||
| ด้วยครรภ์ถ้วนจวนคลอดโอรส | กำหนดให้ลูกรักเร่งมา ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพนาถา | ||
| เห็นต้องระบอบชอบอัชฌา | จึงตรัสเรียกยาสาทันที | ||
| ทรงสั่งให้ร่างราชสาร | แจ้งความตามคำประไหมสุหรี | ||
| ให้ลูกยากลับมาธานี | แต่ในเจ็ดราตรีอย่านอนใจ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ยาสารับสั่งบังคมไหว้ | ||
| ออกมาศาลาลูกขุนใน | เร่งให้เขียนราชสารา | ||
| ครั้นเสร็จจึงสั่งเสนี | จงถือสารศรีไปหมันหยา | ||
| ทูลเชิญเสด็จพระลูกยา | ให้กลับมาอย่านานเป็นการร้อน ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนาคำนับรับอักษร | ||
| อำลามาขึ้นอัสดร | ออกจากพระนครรีบไป ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงหมันหยาไม่หยุดยั้ง | ตรงไปติกาหรังที่อาศัย | ||
| เข้าหาพี่เลี้ยงภูวไนย | เอาสารส่งให้ทันที ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | จึงพระพี่เลี้ยงทั้งสี่ | ||
| ซักไซ้ได้ความตามคดี | แล้วเข้าไปในที่ไสยา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ จึงบังคมทูลแถลงแจ้งเหตุ | ว่าพระปิตุเรศนาถา | ||
| ให้เสนีถือหนังสือมา | แล้วถวายสาราภูวไนย ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นหม่นตรีศรีใส | ||
| ฟังข่าวผ่าวร้อนหฤทัย | จำใจคลี่สารออกอ่านพลัน ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ช้า | |||
| ๏ ในสารนั้นว่าพระมารดร | ให้อาวรณ์วิโยคโศกศัลย์ | ||
| แต่คอยคอยลูกยาเห็นช้าพลัน | ด้วยครรภ์นั้นถ้วนทสมาสตรา | ||
| เห็นอาการเจ็บจวนอยู่เนืองนิตย์ | ให้หนักจิตที่จะคลอดโอรสา | ||
| เกลือกจะอันตรายวายชีวา | ไหนเลยลูกยาจะเห็นใจ | ||
| จงเร่งกลับมายังธานี | แต่ในเจ็ดราตรีให้จงได้ | ||
| แม้นช้ากว่าที่กำหนดไว้ | ถึงจะมาก็ไม่ต้องการ ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ ครั้นอ่านเสร็จสิ้นในอักษร | เร่าร้อนหฤทัยดังไฟผลาญ | ||
| ให้อาลัยที่จะไกลเยาวมาลย์ | จะเบือนบิดคิดอ่านเห็นสุดที | ||
| จะไปทูลลาสองประหมัน | กลับไปกุเรปันกรุงศรี | ||
| คิดแล้วม้าทรงพาชี | จรลีเข้ายังวังใน ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงลงจากม้าต้น | ขึ้นบนปราสาททองผ่องใส | ||
| บังคมสองประหมันทันใด | แล้วทูลไปให้แจ้งกิจจา | ||
| บัดนี้สมเด็จพระบิดร | มิศุภอักษรให้หา | ||
| พระชนนีเจ็บครรภ์หลายวันมา | หลานรักจักลาไปธานี | ||
| ถ้าไปไม่ทันพระบรรหาร | เนิ่นนานก็จะเคืองบทศรี | ||
| แม้องค์พระชนกชนนี | มีความสวัสดีจะกลับมา ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | ||
| ทั้งประไหมสุหรีศรีโสภา | ฟังพระหลานลาก็อาลัย | ||
| คิดจะใคร่ทานทัดตรัสห้าม | ก็เกรงความนินทาไม่ว่าได้ | ||
| สององค์จึงอำนวยอวยชัย | เจ้าจงไปเป็นสุขทุกเวลา | ||
| น้านี้อยู่หลังทั้งสอง | จะทุกข์ทนหม่นหมองละห้อยหา | ||
| เช้าเย็นเคยเห็นพระนัดดา | ทีนี้น้าจะเปลี่ยวเปล่าเศร้าใจ ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ จึงมีพจนาบัญชาสั่ง | ดะหมังเสนาอัชฌาสัย | ||
| จงจัดของขวัญทั้งนั้นไซร้ | ตามในสุริย์วงศ์เทวัญ | ||
| ทั้งพี่เลี้ยงนางนมสมศักดิ์ | อุดมด้วยนรลักษณ์เลือกสรร | ||
| ชายหญิงสิ่งละร้อบครบครัน | ฝากไปทำขวัญพระนัดดา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกศส | |||
| มาจัดของขวัญดังบัญชา | แล้วมอบให้เสนากุเรปัน ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเฉิดฉัน | |||
| พิศพักตร์พระนัดดาลาวัณย์ | เห็นโศกศัลย์สร้อยเศร้าก็เข้าใจ | |||
| จึงตรัสเรียกราชบุตรี | เข้ามานั่งถึงนี่ให้ใกล้ | |||
| อิเหนาเขาจะลาคลาไคล | เจ้าจงบังคมไหว้พี่ยา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา | |||
| ได้ฟังชนนีตรัสมา | ให้ขวยเขินวิญญาณ์อารมณ์ | |||
| ต่อปิตุเรศเตือนจึงเคลื่อนคลาย | ระวังช่ายสะพักชักห่อม | |||
| ครั้นถึงหน้าที่นั่งก็บังคม | กราบก้มพักตราไม่พาที ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | |||
| คำนับรับไหว้นางเทวี | ภูมีดูนางไม่วางตา | |||
| ความรักหนักอุราด้วยอาลัย | จะจำไกลพุ่มพวงดวงยิหวา | |||
| องค์อ่อนถอนฤทัยไปมา | เหมือนจะบอกกัลยาให้รู้ที ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายฝูงสุรางค์นางสาวศรี | |||
| ต่างดูระเด่นมนตรี | แล้วพาทีซุบซิบสะกิดกัน | |||
| พระจริตเห็นผิดกิริยา | พักตราเศร้าสร้อยโศกศัลย์ | |||
| น่าจะทุกข์ทรมานรำคาญครัน | สงสารพระทรงธรรม์เป็นพ้นไป | |||
| เมื่อกี้ดูเหมือนจะเยื้อนสั่ง | ใครใครเห็นมั่งหรือหาไม่ | |||
| ชลเนตรคลอเนตรแล้วถอนใจ | เห็นอาลัยในองค์พระธิดา | |||
| บ้างว่าน่ารักพระโฉมตรู | จะใคร่ให้เสด็จอยู่หมันหยา | |||
| ถ้าได้กับพระบุตรีศรีโสภา | ดังจินดาประดับรับเรือนทอง | |||
| ลางนางบ้างว่าข้าชอบใจ | ทั้งในธรณีไม่มีสอง | |||
| ต่างคิดพิสมัยใจปอง | หม่นหมองไปทุกหน้านางกำนัล ฯ | |||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริยวงศ์เทวากระยาหงัน | |||
| อาลัยมิใคร่จะจรจรัล | จึ่งทูลสองประหมันทันที | |||
| แต่ตัวนี้หากจะจากไป | จำใจไกลเบื้องบทศรี | |||
| แม้นมิกังวลด้วยชนนี | หลานนี้ก็ยังไม่จากจร | |||
| ทูลพลางทางถวายบังคมลา | แล้วแลดูพระธิดาดวงสมร | |||
| ทำทีเหมือนจะสั่งบังอร | ภูธรถอนใจอาลัยลา | |||
| มาทรงพาชีฉับพลัน | หวั่นหวั่นถวิลถึงจินตะหรา | |||
| จึ่งขับมโนมัยไคลคลา | ตรงมาที่อยู่ภูวไนย ฯ | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | ||||
| ๏ ครั้นถึงลงจากม้าที่นั่ง | ขึ้นยังตำหนักที่อาศัย | |||
| จึ่งสั่งพี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ | จงไปจัดพหลมนตรี | |||
| แต่ในย่ำรุ่งให้เสร็จสรรพ | พรุ่งนี้จะกลับไปกรุงศรี | |||
| สั่งพลางย่างเยื้องจรลี | เข้าไปในที่ไสยา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | ||||
| ๏ พระบรรทมรำพึงถึงความรัก | ไม่ประจักษ์แจ้งจิตขนิษฐา | |||
| จะจำใจกลับไปพารา | อนิจจาจะทำประการใด | |||
| อันความทุกข์สุดทุกข์แสนทวี | เจ้าจะเห็นอกพี่บ้างหรือไม่ | |||
| คิดจะใคร่แจ้งความแก่ทรามวัย | จึงสั่งให้หาดอกลำเจียกมา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | วิเดนกิดาหยันหรรษา | |||
| รับสั่งแล้วบังคมลา | ออกมายังสวนมาลี | |||
| เก็บได้ดอกปะหนันมิทันนาน | ใส่พานเข้าไปในที่ | |||
| ประนมก้มเกล้าดุษฎี | แล้วถวายมาลีภูวไนย ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวาอัชฌาสัย | |||
| จึ่งหยิบมาลามาทันใด | ภูวไนยนิ่งนึกตรึกตรอง | |||
| เอานขาจารึกกลีบปะหนัน | ผูกพันเพลงยาวเคล่าคล่อง | |||
| แจ้งความตามซึ่งคะนึงน้อง | เป็นทำนองครวญคร่ำรำพัน | |||
| แล้วเอาซ่าโบะห่อดอกไม้ | ส่งให้วิเดนกิดาหยัน | |||
| ธำมรงค์สองวงนอกนั้น | ให้พี่เลี้ยงสาวสวรรค์กัลยา | |||
| จงรับแหวนไว้พลางพลาง | เป็นค่าจ้างวานถวายบุหงา | |||
| อันซ่าโบะของเราเอามา | ขอเปลี่ยนผ้าบุรีสไบพรต ฯ | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | วิเยนรับสั่งใส่เกศี | |||
| ถวายบังคมอัญชลี | ออกจากที่ไสยาแล้วคลาไคล ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | ||||
| ๏ มาถึงทิมริมดรงรอเฝ้า | ก็แวะเข้านั่งหยุดอาศัย | |||
| พอเห็นนางค่อมาแต่ไกล | เดินเคียงเข้าใกล้แล้พาที | |||
| จะเข้าไปในวังข้าสั่งด้วย | เอ็นดูช่วยบอกพี่เลี้ยงสองศรี | |||
| บาหยันซ่าเหง็ดชนนี | ว่าลูกนี้จะลาไปเวียงชัย ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | นางค่อมงวยงงสงสัย | |||
| รับคำรีบลาคลาไคล | เข้าในห้องฉนวนด่วนมา ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ ฉุยฉาย | ||||
| ๏ จึ่งบอกสองพี่เลี้ยงนารี | บัดนี้เจ้าบ่าวน้อยมาคอยหา | |||
| ให้บอกสองท่านผู้มารดา | มีธุระจะลาไปธานี ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงจึงว่าแก่ทาสี | |||
| หลากใจใครหนอช่างพาที | ล้อเล่นเช่นนี้น่าน้อยใจ | |||
| ร้ายดีจะไปดูให้รู้จัก | ลูกรักของข้ามาแต่ไหน | |||
| จึงพาดุหวาค่อมคลาไคล | ออกไปยังนอกทวารา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เพลง | ||||
| ๏ บัดนั้น | วิเยนเห็นสองนางก็มาหา | |||
| นั่งไหว้แล้วแถลงแจ้งกิจจา | โดยดังบัญชาพระทรงธรรม์ | |||
| แหวนนี้ประทานมารดร | จงช่วยธุระร้อนผ่อนผัน | |||
| ถึงใจให้พลางเป็นรางวัล | วานถวายดอกปะหนันนงเยาว์ | |||
| อันซ่าโบะรอยทรงจงพระทัย | จะขอเปลี่ยนสไบโฉมเฉลา | |||
| แจ้งความตามสั่งสิ้นสำเนา | แล้วเอาธำมรงค์ใส่ให้นาง ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงทั้งสองไม่หมองหมาง | |||
| ยิ้มอยู่ในหน้าแล้วว่าพลาง | ชิช่างฉลาดหลอกให้ออกมา | |||
| จึ่งรับเอาแหวนทั้งสองวง | กับผ้าทรงที่ห่อบุหงา | |||
| จะถวายให้ตามพระบัญชา | ว่าแล้วก็พากันกลับไป ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | ||||
| ๏ ครั้นถึงจึ่งเข้าไปในห้อง | ทั้งสองพิศวงสงสัย | |||
| จึงคลี่ห่อปะหนันออกทันใด | เห็นอักษรเขียนใส่กลีบมาลา | |||
| ถ้อยคำร่ำว่าโอดครวญ | น้ำนวลน่ารักเป็นหนักหนา | |||
| แต่เฝ้าอ่านสารซ้ำไปมา | สรวลสันต์หรรษาพาที ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหรามารศรี | |||
| ได้ยินเสียงสรวลระริกซิกซี้ | จึ่งจรลีมาดูด้วยพลัน | |||
| เห็นสองพี่เลี้ยงกัลยา | พิศดูบุหงาแล้วสรวลสันต์ | |||
| เมื่อกี้พี่ว่าอะไรกัน | บุหงาปะหนันนั้นของใคร ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | ทั้งสองกัลยาอัชฌาสัย | |||
| ดูตายิ้มพริ้มไป | แล้วทูลอรทัยพระธิดา | |||
| ข้าไปสะตาหมันวันนี้ | เคราะห์ดีได้บุหงาในห่อผ้า | |||
| นึกเดาเจ้าของลองปัญญา | ไม่รู้ว่าจะเป็นของใคร ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | จินตะหราพาซื่อไม่สงสัย | |||
| หยิบบุหงามาดูทันใด | อรไทเห็นสารก็อ่านพลัน ฯ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ช้า | ||||
| ๏ ในลักษณ์อักษรเสนหา | ของพี่ยาจารึกกลีบปะหนัน | |||
| มาแจ้งความทรามวัยวิไลวรรณ | ด้วยผูกพันพิศวาสไม่คลาดคลาย | |||
| แต่ทุกข์ตรอมจนผอมผิดร่าง | เจ้าไม่เห็นบ้างหรือโฉมฉาย | |||
| ถึงจะม้วยชีวันอันตราย | ก็ไม่หมายว่าจะคืนพารา | |||
| นี่เนื้อชะรอยกรรมได้ทำไว้ | จะจำไกลพุ่มพวงดวงยิหวา | |||
| มิรู้ที่จะแข็งขัดพระบัญชา | จะขอลาโฉมยงอยู่จงดี | |||
| ซ่าโบะจะขอเปลี่ยนสไบนาง | ไปชมพลางต่างพักตร์ยาหยี | |||
| กับทั้งชานสลาจงปรานี | เหมือนช่วยชูชีวีของพี่ไว้ | |||
| ถึงกลับไปก็ไม่อยู่ช้า | จะคืนมาชมชิดพิสมัย | |||
| จงเป็นมิตรไมตรีแต่นี้ไป | ดังได้ตุนาหงันกันมา ฯ | |||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | ||||
| ร่าย | ||||
| ๏ ครั้นอ่านเสร็จสิ้นอักษร | ชอบพระทัยในกลอนที่วอนว่า | |||
| แต่เล่ห์กลสตรีมีมารยา | ทำโกรธาทิ้งประหนันเสียทันใด | |||
| จึ่งว่าชอบขอบใจพี่เจ้า | ช่างเอาบุหงาใครมาให้ | |||
| แย้มเยื้อนเหมือนหนึ่งไม่เข้าใจ | ยิ้มละไมในหน้าพาที | |||
| จะมาเสใส่ข้าว่าไรเล่า | พิสมัยก็เอาเป็นผัวพี่ | |||
| ผู้ใหญ่อะไรอย่างนี้ | ไม่มีความคิดสักนิดเดียว | |||
| ช่างเชื่อลิ้นหลงเลห์ลมชาย | หวานนักมักกลายเป็นเปรี้ยว | |||
| อย่าพักพูดบ่ายเบี่ยงเลี่ยงเลี้ยว | ล่อลวงหน่วงเหนี่ยวเกี่ยวพัน | |||
| ไม่เจียมตนจะไปปนที่สูงศักดิ์ | เห็นเกินหน้าน้องนักพี่บาหยัน | |||
| ดังกระต่ายหมายชมดวงจันทร์ | อะไรนั่นพาทีไม่มีอาย ฯ | |||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | สองพี่เลี้ยงเล้าโลมโฉมฉาย | |||
| ใจจะแกล้งแสร้งเสเพทุบาย | คิดหมายว่ามิใช่หาไหนมา | |||
| ก็นับในสุริยวงศ์พงศ์พันธุ์ | จะกระไรว่ากันนักหนา | |||
| สมศักดิ์สมสกุลทั้งสองรา | นี่พี่หากว่าประสากัน | |||
| ถึงมาตรไม่จงจิตคิดปอง | แต่อย่าข้องเคืองเคียดเดียดฉันท์ | |||
| สงสารพระองค์วงศ์เทวัญ | โศกศัลย์วอนว่าน่าปรานี | |||
| ในสารว่าจะขอเปลี่ยนสไบ | จะบิดเบือนมิให้ก็ใช่ที่ | |||
| โฉมยงทรงคิดจงดี | พระภูมีจะละห้อยน้อยใจ ฯ | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | จินตะหราวาตีศรีใส | |||
| ฟังพี่เลี้ยงสนองต้องฤทัย | ให้อาลัยในองค์พระทรงธรรม์ | |||
| แต่ปากนางหากทำเป็นว่า | สมเพชเวทนาพี่บาหยัน | |||
| ช่างลุ่มหลงงงงวยไปด้วยกัน | สารพันล้วนเห็นว่าเป็นดี | |||
| อย่ามาเฝ้าเซ้าซี้ให้ขัดใจ | จะอย่างไรก็ตามความคิดพี่ | |||
| ว่าพลางย่างเยื้องจรลี | เข้าไปในที่ไสยา ฯ | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | สองศรีพี่เลี้ยงเสนหา | |||
| แจ้งใจในทีพระธิดา | ก็ตามมายังที่บรรทม | |||
| ครั้นถึงจึงประณตบทมาลย์ | นบนอบหมอบคลานกรานก้ม | |||
| บาหยันทำสนิทชิดชม | บังคมแล้วทูลไปทันใด | |||
| โฉมยงจงทรงพระเมตตา | วันนี้ข้าหนาวเหน็บเหมือนเป็นไข้ | |||
| จะขอผ้ารอยทรงองค์อรทัย | แม้นโปรดได้ให้ห่มจะค่อยคลาย | |||
| ว่าพลางทางทำเฉยหน้า | หยิบยกพานผ้ามาถวาย | |||
| แต่เฝ้าเตือนเยื้อนยิ้มพริ้มพราย | จงเปลี่ยนเปลื้องจากกายกัลยา ฯ | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา | |||
| เสแสร้งแกล้งกล่าววาจา | รำคาญวานอย่าให้ขัดใจ | |||
| น้องหรือจะรู้เท่าทัน | เชิงชั้นแยบยลคนผู้ใหญ่ | |||
| นางค้อนเคืองเปลื้องเปลี่ยนผ้าสไบ | ทำทิ้งประชดให้ด้วยมารยา ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงบาหยันหรรษา | |||
| หยิบสไบรอยทรงนั้นมา | พัดพาดอังสาแล้วพาที | |||
| ครั้งี้เห็นแท้แน่ตระหนัก | ว่าโฉมยงนงลักษณ์รักพี่ | |||
| ว่าพลางทางทำยินดี | อัญชลีแลดูตากัน ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงบาหยันหรรษา | |||
| หยิบสไบรอยทรงนั้นมา | พัดพาดอังสาแล้วพาที | |||
| ครั้งี้เห็นแท้แน่ตระหนัก | ว่าโฉมยงนงลักษณ์รักพี่ | |||
| ว่าพลางทางทำยินดี | อัญชลีแลดูตากัน ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | ซ่าเหง็ดรู้กิริยาบาหยัน | |||
| จึงทูลองค์อรทัยวิไลวรรณ | ทำเจ็บฟันปวดป่วยเป็นพ้นไป | |||
| รำมะนาดเจ้ากรรมทำวิบาก | จะเคี้ยวสลาอ้าปากก็ไม่ได้ | |||
| จึงหยิบหมากมาถวายทันใด | ทรามวัยได้โปรดเคี้ยวประทาน ฯ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหราจึงว่าขาน | ||
| อะไรนี่มีแต่บอกอาการ | บ้างขอผ้าขอชานรำคาญใจ | ||
| เวทนามาเฝ้าเซ้าซี้ | เช่นนี้น่าชังมั่งหรือไม่ | ||
| จึงรับหมากมาเคี้ยวประเดี๋ยวใจ | แล้วส่งให้ซ่าเหง็ดด้วยเมตตา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ซ่าเหง็ดได้ประทานชานสลา | ||
| สะกิดเตือนบาหยันกัลยา | บังคมลามาจากเยาวมาลย์ | ||
| เดินด่วนชวนกันเข้ในห้อง | ทั้งสองประดิษฐ์คิดอ่าน | ||
| เจียนตองแต่พอห่อชาน | ใส่ผอบเอาพานทองรอง | ||
| แล้วพับผ้ารอยทรงองค์อรไท | ซ่อนใส่สไบห่มปิดป้อง | ||
| มิให้ใครสงสัยในทำนอง | ทั้งสองกัลยาคลาไคล ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ เพลง | |||
| ๏ ถึงฉนวนก็ชวนกันหยุดอยู่ | ตรงประตูหูช้างข้างใต้ | ||
| แกล้งส่งเสียงดังกระทั่งไอ | พยักให้วิเยนเป็นสำคัญ ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | วิเยนรู้แยบคายก็ผายผัน | ||
| เข้ามานั่งลงตรงที่นั้น | ไหว้สองสาวสรรค์กัลยา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ซ่าเหง็ดบาหยันก็หรรษา | ||
| ครั้นเห็นวิเยนเข้ามา | เหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นใคร | ||
| จึงหยิบชานสลากับผ้าทรง | สองนางนั่งลงแล้วส่งให้ | ||
| สั่งว่าข้าถวายบังคมไป | ด้วยตั้งใจจงรักภักดี | ||
| เสด็จไปอย่าได้อยู่ช้า | รีบกลับมาหมันหยากรุงศรี | ||
| จงจำถ้อยคำของข้านี้ | ไปทูลภูมีดังวาจา ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | วิเยนยินดีเป็นหนักหนา | ||
| คำนับรับคำแล้วอำลา | กลับมาที่อยู่พระภูมี ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯเชิด | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงถวายผ้าสไบ | กับผอบที่ใส่ชานพระศรี | ||
| แล้วแถลงแจ้งความตามคดี | โดยที่พี่เลี้ยงสั่งมา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ช้า | |||
| เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวัญหรรษา | ||
| ชื่นชมด้วยสมดังจินดา | พระราชาเวยชานสำราญใจ | ||
| ซึ่งทรงแสนโศกสร้อยเศร้า | ค่อยบรรเทาทุกข์ทนหม่นไหม้ | ||
| จึ่งหยิบผ้ารอยทรงทรามวัย | ภูวไนยเอาคลี่คลุมองค์ | ||
| กลิ่นร่ำน้ำกุหลาบอาบอบ | หอมตลบจับใจใหลหลง | ||
| คล้ายคล้ายหมายเหมือนรูปทรง | โฉมยงนงค์เยาว์เข้ามา | ||
| พระแย้มยิ้มพริ้มพรายทายทัก | พลางพยักกวักเรียกขนิษฐา | ||
| หยุดอยู่นั่นไยไม่ไคลคลา | เชิญมาพาทีด้วยพี่ชาย | ||
| แลตะลึงแลเล็งเพ่งพิศ | เห็นผิดมิใช่นางโฉมฉาย | ||
| พระผินผันบรรทมสะเทินอาย | กรก่ายเขนยนึกจนหลับไป ฯ | ||
| ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนาปาเตะผู้ใหญ่ | ||
| ทั้งสี่พี่เลี้ยงภูวไนย | ออกไปเร่งรัดจัดพล ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ยานี | |||
| ๏ ขุนช้างผูกช้างในกลางคืน | มายืนเยียดยัดอัดถนน | ||
| บ้างขนของเครื่องอานอลวน | ประทับบนสัปคับคชา | ||
| ขุนม้าผูกม้าพาชี | เคยขี่ควบขับสำหรับเขา | ||
| ขุนรถเร่งเทียมอาชา | ประทับเกยคอยท่าภูธร | ||
| ขุนพลตรวจพลนายไพร่ | เจ็บปวดป่วยไข้ให้ไปก่อน | ||
| สับสนอลหม่านไม่หลับนอน | หาบคอนผ่อนล่วงแต่กลางคืน ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนานายมุลขุนหมื่น | ||
| บ้างเต้นรำทำเพลงเครงครื้น | ดีใจจะได้คืนไปพารา | ||
| ที่ป่วยเจ็บจับไข้ได้ข่าว | ก็หายหนาวไม่พักห่มผ้า | ||
| เรียกเพื่อสบู่ฝิ่นกินน้ำชา | พูดจาเย้าหยอกกันออกอึง | ||
| บ้างหาสิ่งของสำรองไป | จะได้ให้กำนัลกันเมียหึง | ||
| ถึงแม่ยายพ่อตาจะมึนตึง | ได้เล็กน้อยหน่อยหนึ่งก็จะคลาย | ||
| ที่มีภรรยาเป็นข้าหลวง | ก็เป็นห่วงด้วยหาของถวาย | ||
| แพรหลินเลี่ยงโผโล่ลาย | หวังจะให้เจ้านายโปรดปราน | ||
| พวกนักเลงกลอนแขกก็เสาะหา | หนังแพะหนาหนาทำหน้าต่าน | ||
| ต่างคนหาของที่ต้องการ | จะไปบ้านมิให้เสียคราว | ||
| พวกสันทัดกาพย์กลอนก็นอนคิด | แต่งลิลิตโคลงกระทู้ให้ชู้สาว | ||
| บ้างทำเรื่องนิราศเพลงยาว | ว่ากล่าวบทกลอนเพราะพริ้ง | ||
| ที่มีแม่เลี้ยงก็ไปหา | อาลัยลาละห้อยอ้อยอิ่ง | ||
| ขอยืมผ้าห่มนอนวอนวิง | ทำทางเล่นทางจริงลองใจ | ||
| บรรดาโยธาทุกหมวดกอง | คับคั่งทั้งท้องถนนใหญ่ | ||
| เสียงตีฆ้องกระแตแซ่ไป | นายไพร่ตรวจตราหากัน ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน | ||
| ครั้นจะใกล้ไขสีวีสรรณ | ทรงธรรม์บรรทมตื่นฟื้นองค์ | ||
| เสียงไก่กระชั้นขันขาน | แซ่ประสานสำเนียงเสียงบุหรง | ||
| เสด็จออกจากแท่นสุวรรณบรรจง | มาชำระสระสรงสินธู ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
| โทน | |||
| ๏ น้ำใสไขฝักปทุมทอง | ผินผันหันขนองเข้ารองสู้ | ||
| ทรงสุคนธ์ปนสุวรรณกำภู | หอมระรื่นชื่นชูกลิ่นชะมด | ||
| สอดใส่สนับเพลสเนาหน่วง | โขมพัตถ์พื้นม่วงก้านขด | ||
| ฉลององค์อินทรธนูสะบัดคต | ดุมประดับมรกตรจนา | ||
| เจียรบาดตาดสุวรรณวาววับ | กรองศอซ้อนสลับทับอังสา | ||
| ตาบทิศทับทรวงดวงจินดา | พาหาพาหุรัดทองกร | ||
| ธำมรงค์ลงยาประดับเพชร | แต่ละเม็ดยอดใหญ่เท่าบัวอ่อน | ||
| ทรงมหามงกุฎกรรเจียกจอน | กรายกรกุมกริชจรลี ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เพลง | |||
| ร่าย | |||
| ๏ มาทรงรถแก้วแววไว | พออุทัยเรืองรองผ่องศรี | ||
| พรั่งพร้อมพหลมนตรี | คลายคลี่รี้พลยาตรา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ครั้นออกมานอกทวารวัง | เหลียวหลังดูปราสาทจินตะหรา | ||
| ตั้งแต่แลตะลึงจลับตา | ยังเปลี่ยวเปล่าวิญญาณ์เยือกเย็น | ||
| โอ้ดวงยิหวายาใจพี่ | แต่นี้นานช้าจะมาเห็น | ||
| จะทุกข์ถึงคะนึงนางไม่วางเว้น | ด้วยจำเป็นจำใจไคลคลา | ||
| พระเสด็จมาในพิชัยรถ | เร่งรันทดฤทัยถวิลหา | ||
| รีบรัดจัตุรงค์ตรงมา | เดินโดยมรคาพนาดร ฯ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | |||
| ร่าย | |||
| ๏ ครั้นถึงที่ประทับยับยั้ง | พระสุริย์ฉายบ่ายบังสิงขร | ||
| จึ่งหยุดโยธาพลกร | ภูธรเสด็จขึ้นพลับพลา ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ บัดนั้น | ปะตะเสนีมียศถา | ||
| ออกมากำชับสั่งโยธา | ให้ตรวจตราตระเวนเกณฑ์กัน | ||
| บ้างนั่งยามตีเกราะเคาะฆ้อง | ทุกกองทุกหมวดกวดขัน | ||
| ตั้งตาริ้วรายหลายชั้น | รอบสุวรรณพลับพลาพนาลี ฯ | ||
| ฯ ๕ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
| ครั้นล่วงปฐมยามราตรี | ก็เข้าสู่แท่นที่ไสยา ฯ | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ช้า | |||
| ๏ พระกรก่ายพักตราจาบัลย์ | หวั่นหวั่นถวิลถึงจินตะหรา | ||
| ป่านฉะนี้โฉมตรูอยู่พารา | จะนิทราหลับแล้วหรือฉันใด | ||
| เจ้าจะมีมิตรจิตคิดคะนึง | รำลึกถึงพี่บ้างหรือหาไม่ | ||
| เห็นทีขนิษฐายาใจ | จะโหยหาอาลัยถึงพี่ชาย | ||
| แต่ครุ่นครวญรวนเรคะเนนึก | จนยามดึกเดือนส่องแสงฉาย | ||
| พระเผยม่านสุวรรณพรรณราย | ลมชายตามช่องมาต้ององค์ | ||
| น้ำค้างพร่างพรมสุมามาลย์ | เบ่งบานแย้มกลีบกลิ่นส่ง | ||
| หอมละม้ายคล้ายกลิ่นโฉมยง | พระเคลิ้มองค์หลงขับขึ้นฉับพลัน ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| พัดชา | |||
| ๏ ดวงเอยดวงยิหวา | งามอย่างนางฟ้ากระยาหงัน | ||
| นวลละอองผ่องพักตร์ผิวพรรณ | ดังบุหลันทรงกลดหมดมลทิน | ||
| งามเนตรดั่งเนตรมฤคมาศ | งามขนงวงวาดดั่งวงศิลป์ | ||
| อรชรอ้อนแอ้นดั่งกินริน | งามสิ้นทุกสิ่งพริ้งพร้อม | ||
| แต่เห็นน้องก็ต้องหฤทัย | พิสมัยไม่วายหวังถนอม | ||
| แสนทุกข์ระทมตรมตรอม | จะผ่ายผอมผิดรูปซูบทรง | ||
| โอ้ว่ายาหยีของพี่เอ๋ย | เมื่อไรเลยจะได้ดังประสงค์ | ||
| พระชมสไบบางต่างโฉมยง | เอนองค์ลงบรรทมหลับไป ฯ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ ตระ ประทมไพร | |||
| ชา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายประไหมสุหรีสีใส | ||
| แต่ละห้อยคอยหาพระดนัย | นางไม่เป็นสุขสักเวลา | ||
| พระครรภ์สิบเดือนโดยกำหนด | จะประสูติโอรสเสนหา | ||
| ให้เจ็บปวดรวดเร้าทั้งกายา | ประหนึ่งว่าโฉมฉายจะวายปราณ ฯ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ บัดนั้น | นางกำนัลต่างคนอลหม่าน | ||
| บ้างเข้าประคององค์นงคราญ | หมอผู้หญิงอยู่งานผันแปร | ||
| เหล่าพวกข้าหลวงก็ตกใจ | บ้างวิ่งไปบอกกล่าวท่านเถ้าแก่ | ||
| เจ้าขรัวนายออกมานั่งสั่งหุ้มแพร | ให้เครียมแตรพิณพาทย์ฆ้องชัย | ||
| แล้วหมายไปบอกเบิกน้ำสุรา | สำหรับยาจะได้ดองสักสองไห | ||
| เตือนเจ้าพนักงานทหารใน | ให้ยกที่ประทมไฟเข้าไปพลาง | ||
| เชื้อพระวงศ์ทรงถือเขนยทอง | นั่งหนุนพระขนองทั้งสองข้าง | ||
| เห็นโฉมฉายประชวรครวญคราง | กำนัลนางน้อยน้อยพลอยตีทรวง | ||
| บ้างเร่งหาหมอยาหมอนวด | เรียกตำรวจเข้ามาผูกผ้าหน่วง | ||
| บ้างต้มน้ำทำการทั้งปวง | ในเรือนหลวงวิ่งไข่กันไปมา | ||
| ที่นับถือผีสางบางคน | ก็บวงบนเอาเบี้ยขึ้นเหน็บฝา | ||
| บ้างอวดรู้ดูยามสามตา | จะประสูติในไม่ช้าเวลานี้ | ||
| เหล่าพวกเจ้าจอมหม่อมอยู่งาน | ก็ลนลานคลานเข้าไปในที่ | ||
| ชิงกันเอาหน้าพาที | ทูลคดีให้ทราบบาทา | ||
| ฯ ๑๔ คำ เจรจา ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผ่านภพกุเรปันนาถา | ||
| ครั้นแจ้งก็รีบลีลา | ลงมาที่อยู่เยาวมาลย์ | ||
| ทรงนั่งบัลลังก์รัตน์รูจี | พิศพักตร์มารศรีแล้วสงสาร | ||
| จึงกำชับหมอผู้หญิงที่อยู่งาน | ดูอาการกัลยายิ่งอาวรณ์ | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีสมร | ||
| เจ็บจวนประชวรพระอุทร | บังอรไม่เป็นสมประดี | ||
| ครั้นปัจจุสมัยใกล้สว่าง | เสียงประโคมดุริยางค์อึงมี่ | ||
| พอได้ฤกษ์เวลานาที | มารศรีประสูติพระธิดา | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ มโหรี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์มเดหวีเสนหา | ||
| รับราชบุตรีนั้นมา | โสรจสรงธาราทันใด | ||
| แล้ววางองค์ลงเหนือพระยี่ภู่ | ลาดปูโขมพัตถ์ผ่องใส | ||
| แล้วเอาพานทองรองรับไว้ | ที่ในกระโจมแพรแสสุวรรณ | ||
| พระวงศามาเฝ้าพิทักษ์ถนอม | แน่นนั่งพรั่งพร้อมรับขวัญ | ||
| ท้าวนางพระสนมกำนัล | ชวนกันชื่นชมยินดี | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านกุเรปันกรุงศรี | ||
| พิศโฉมพระราชบุตรี | ลออองค์อินทรีย์เพียงนางฟ้า | ||
| อันนิมิตที่เป็นให้เห็นนั้น | ก็เหมือนกันกับบุตรีดาหา | ||
| จึงให้นามตามวงศ์เทวา | ชื่อระเด่นวิยดานารี | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายมหาอำมาตย์ทั้งสี่ | ||
| จึงจัดบุตรเสนาบรรดามี | แปดร้อยนารีจำเริญวัย | ||
| ทั้งเงินทองของขวัญต่างๆ | ตามอย่างพระธิดาประสูติใหม่ | ||
| ให้เถ้าแก่โขลนจ่าพาเข้าไป | ยังในนิเวศน์วังพลัน | ||
| ต่างบังคมคัลอัญชลี | องค์ศรีปัตหรารังสรรค์ | ||
| ตำมะหงงยาสาเสนานั้น | ทูลถวายของขวัญทันที | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกุเรปันเรืองศรี | ||
| ยิ่งทรงโสมนัสพันทวี | จึงจัดสี่พี่เลี้ยงพระธิดา | ||
| ล้วนบุตรเสนีมีศักดิ์ | นรลักษณ์รูปทรงวงศา | ||
| คนหนึ่งชื่อบาหยันกัลยา | ซ่าเหง็ดโสภานารี | ||
| หนึ่งชื่อประเสหรันแน่งน้อย | ประลาหงันแช่มช้อยโฉมศรี | ||
| ตำแหน่งที่พี่เลี้ยงพระบุตรี | ตั้งได้แต่สี่พารา | ||
| อันบุตรเสนีทั้งนั้น | แบ่งเป็นกำนัลซ้ายขวา | ||
| แล้วประทานสิ่งของนานา | เงินทองแพรผ้าสารพัน | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน | |||
| เนาในพลับพลาพนาวัน | สุริยันเยี่ยมยอดบรรพต | |||
| จึงเข้าที่ชำระสระสรง | ทรงเครื่องประดับองค์อลงกต | |||
| แล้วเสด็จขึ้นยังบัลลังก์รถ | ให้เคลื่อนทศโยธาคลาไคล | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | ||||
| ชมดง | ||||
| ๏ เดินพลางทางชมรุกขชาติ | เดียรดาษดวงดอกออกไสว | |||
| หอมประทิ่นเหมือนกลิ่นทรามวัย | ภูวไนยถวิลหาปรารภ | |||
| สกุณาพาคู่เคียงบิน | เหมือนเคียงพักตร์ทักษิณที่พระศพ | |||
| โนรีเรียงหน้าบนค่าคบ | เหมือนพี่แสร้งแกล้งกระทบอังสานาง | |||
| นกขมิ้นบินโผเข้าพงพี | เหมือนเจ้าเดินหนีพี่ไปให้ห่าง | |||
| สีชมพูเหมือนสีสะใบบาง | ที่เปลี่ยนมากลางทางแทนองค์ | |||
| นางนวลเล่นน้ำอยู่ในหนอง | เหมือนนวลน้องเมื่อสนานในสระสรง | |||
| ชมพลางทางระทดกำสรดทรง | ให้รีบรัดจตุรงค์จรลี | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | ||||
| ร่าย | ||||
| ๏ แต่รอนแรมนอนป่าสิบห้าวัน | ลุถึงกุเรปันกรุงศรี | |||
| ให้หยุดรถคชพลพาชี | ภูมีเสด็จไปเข้าในวัง | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เพลง | ||||
| ๏ ครั้นถึงปราสาทพระธิดา | ฝูงกำนัลกัลยาพร้อมพรั่ง | |||
| พระหยุดแฝงทวารบานบัง | ยับยั้งดูทีกิริยา | |||
| เห็นพระบิตุเรศมารดร | สโมสรสรวลสันต์หรรษา | |||
| จึงเข้าไปในปราสาทรจนา | วันทาพระชนกชนนี | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี | |||
| เห็นอิเหนาเข้ามาอัญชลี | จึงมีมธุรสพจนา | |||
| นี่หากว่าชีวันไม่บรรลัย | จึงได้เห็นพักตร์โอรสา | |||
| มิเสียแรงกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงมา | เสนหาก็ไม่เสียที | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ร่าย | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | |||
| ก้มเกล้าทูลสนองพระเสาวนีย์ | อันโทษาลูกนี้ผิดนัก | |||
| ได้ทูลลาว่าจะมาเป็นหลายหน | สองประหมันนั้นก่นแต่หน่วงหนัก | |||
| ต่างองค์อาลัยด้วยใจรัก | หาญหักห้ามไว้มิให้มา | |||
| ต่อได้แจ้งอาการในสารศรี | ว่าชนนีจะคลอดโอรสา | |||
| พระจึงอวยให้ลูกไคลคลา | รีบเดินทั้งทิวาราตรี | |||
| จะว่าไปก็ในลูกผิดเอง | เหมือนไม่เกรงเบื้องบาทบทศรี | |||
| ถึงประหมันมิให้อัญชลี | แม้นมิฟังใช่ที่จะทำไม | |||
| ตกแต่งเกรงผู้อื่นนั้นยิ่งกว่า | พระบิตุเรศมมารดาเป็นใหญ่ | |||
| ลูกได้พลั้งผิดคิดเบาใจ | ขอพระองค์จงได้เมตตา | |||
| แล้วทูลถวายของขวัญ | สองประหมันประทานขนิษฐา | |||
| พระพินิจพิศโฉมวิยดา | เสนหาพ่างเพียงดวงใจ | |||
| พลางดูทำนองสองกษัตริย์ | เห็นค่อยคลายเคืองขัดอัชฌาศรัย | |||
| จึงบังคมลาคลาไคล | เสด็จไปที่อยู่พระภูมี | |||
| ฯ ๑๔ คำ ฯ เสมอ | ||||
| ช้า | ||||
| ๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงท้าวดาหากรุงศรี | |||
| แจ้งว่าพระเชษฐาธิบดี | มีราชบุตรีโสภา | |||
| จึงให้จัดของขวัญทันใด | ตามในสุริย์วงศ์อสัญหยา | |||
| ทั้งของตุนาหงันกัลยา | ให้อะหนะสียะตราลูกรัก | |||
| ตำมะหงงจงนำสารไป | กราบทูลภูวไนยให้ประจักษ์ | |||
| ว่าเรากับขนิษฐาสามิภักดิ์ | คิดถึงพระทรงศักดิ์เป็นพ้นไป | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ร่าย | ||||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงรับสั่งบังคมไหว้ | |||
| ออกมาจัดของขวัญทันใด | ใส่ในราชรถเรียงรัน | |||
| ตำมะหงงทั้งสี่นั้นขึ่ม้า | รีบยกโยธาผายผัน | |||
| นอนทางค้างแรมมาหลายวัน | ตรงไปกุเรปันธานี | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | ||||
| ๏ พอพบเสนาเมืองกาหลัง | อีกทั้งสิงหัดส่าหรี | |||
| สามนายก็พากันจรลี | เข้าในบุรีกุเรปัน | |||
| ไปหายาสาตำมะหงง | จึ่งส่งบรรณาการของขวัญ | |||
| เวลาเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | ก็พากันเข้าสู่พระโรงชัย | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | ||||
| ๏ ต่างประนมก้มเกล้าเคารพ | พระปิ่นภพกุเรปันเป็นใหญ่ | |||
| ตำมะหงงมหาเสนาใน | ทูลไปให้แจ้งกิจจา | |||
| บัดนี้พระอนุชาทั้งสาม | มีความโสมนัสเป็นหนักหนา | |||
| ให้เสนีนำบรรณาการมา | ทำขวัญพระนัดดายาใจ | |||
| แต่ศรีปัตหราดาหานั้น | ตุนาหงันพระบุตรีศรีใส | |||
| ให้สียะตราโอรสยศไกร | ตามในสุริย์วงศ์เทวา | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านกุเรปันนาถา | |||
| จึงมีพระราชบัญชา | ปราศรัยเสนาทั้งสามคน | |||
| ซึ่งมาท่าทางทุรัศสถาน | เทศกาลเป็นห้าฟ้าฝน | |||
| กันดารโดยมรคาอารญ | ไพร่พลยังพร้อมมูลกัน | |||
| อันพระอนุชาทั้งสามองค์ | ยังดำรงไอสูรย์เกษมสันต์ | |||
| อยู่เย็นเป็นสุขทุกนิรันดร์ | ฤาโรคันอันตรายสิ่งใด | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | สามเสนาทูลสนองไข | |||
| เดชะพระเดชปกเกศไป | มรคามาได้สะดวกดาย | |||
| อันสามสมเด็จพระอนุชา | กับพระญาติวงศาทั้งหลาย | |||
| มิได้มีไภยันอันตราย | กราบถวายบังคมด้วยภักดี | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นกุเรปันกรุงศรี | |||
| จึงหันพักตรามาพาที | กับประไหมสุหรีนงเยาว์ | |||
| อันระเด่นบุษบาดาหานั้น | ได้ไปตุนาหงันให้อิเหนา | |||
| บัดนี้วิยะดาลูกเรา | ฝ่ายเขามาขอให้สียะตรา | |||
| ถ้อยทีมีใจจำนง | มิให้เสียสุริย์วงศ์อสัญหยา | |||
| จะโอนอ่อนผ่อนตามอนุชา | กัลยาจะเห็นประการใด | |||
| ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส | |||
| เคารพอภิวันท์แล้วทูลไป | ตามแต่ภูวไนยจะโปรดปราน | |||
| มิใช่ว่าอื่นไกลหาไหนมา | สียะตราหนึ่งหรัดก็เป็นหลาน | |||
| น้องมิได้แข็งขัดทัดทาน | ให้เคืองบทมาลย์พระผ่านฟ้า | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผ่านภพกุเรปันหรรษา | |||
| จึงดำรัสตรัสสั่งเสนา | จงบอกแก่อนุชาทั้งสามเมือง | |||
| ว่าเราอำนวยอวยชัย | ทุกข์โศกโรคภัยจงปลดเปลื้อง | |||
| อย่ารู้มีอันตรายระคายเคือง | ให้รุ่งเรืองเดชากฤษฎาการ | |||
| ซึ่งพระอนุชาดาหานั้น | ให้มาตุนาหงันว่าขาน | |||
| ก็ชอบตามระบอบโบราณ | มิให้เสียวงศ์วานเทวา | |||
| ครั้นเสร็จเสด็จยุรยาตร | จากอาสน์สุวรรณเลขา | |||
| ชวนประไหมสุหรีลีลา | ไปปราสาทวิยดานารี | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | เสนาทั้งสามกรุงศรี | |||
| ครั้นเสด็จขึ้นแล้วก็จรลี | ออกไปจากที่พระโรงคัล | |||
| ต่างคนต่างขึ้นอาชา | รีบเร่งโยธาผายผัน | |||
| มาจากกรุงไกรกุเรปัน | แยกกันไปยังพารา | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | ||||
| ช้า | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา | |||
| แต่จากเยาวมาลย์ช้านานมา | ไม่วายถวิลหาอาลัย | |||
| ยามเข้าไสยาในราตรี | ยิ่งทวีทุกข์ทนหม่นไหม้ | |||
| บรรทมชมเชยแต่สไบ | แทนองค์อรทัยทุกเวลา | |||
| โอ้ว่ายิหวาของพี่เอ๋ย | เมื่อไรเลยจะได้เห็นหน้า | |||
| ยังมิทันสู่สมภิรมยา | เวราสิ่งใดให้ไกลกัน | |||
| แม้ช้าอีกสักห้าราตรี | เห็นทีจะได้ดังใฝ่ฝัน | |||
| พระรำลึกตรึกตราจาบัลย์ | แสนวิโยคโศกศัลย์ไม่เสื่อมคลาย | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
| ร่าย | ||||
| ๏ จึงทรงกำศรดสลดรัก | อุตส่าห์หักฤทัยเสียให้หาย | |||
| แสร้งทำสุขเกษมเปรมปราย | มิให้คนทั้งหลายสงกา | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ ครั้งรุ่งรางสร่างแสงสุริยง | พระแต่งองค์ทรงเครื่องโอ่อ่า | |||
| เสด็จทรงมโมยไคลคลา | ขึ้นเฝ้าพระบิดาด้วยพลัน | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | ||||
| ช้า | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นภพลบโลกเป็นใหญ่ | |||
| แสนสวาทสองราชดนัย | พระนิ่งนึกตรึกไตรไปมา | |||
| อันองค์อิเหนาเยาวเรศ | รักดังดวงเนตรเบื้องขวา | |||
| อันอะหนะระเด่นวิยดา | เพียงดวงนัยนาเบื้องซ้าย | |||
| พลางพินิจพิศพักตร์พระโอรส | เห็นกำศรดสร้อยเศร้าไม่เหือดหาย | |||
| เหตุที่ทุกข์ใจไม่สบาย | เพราะมุ่งหมายจินตะหราวาตี | |||
| จำจะให้ไปนัดอนุชา | กำหนดการวิวาห์ภิเษกศรี | |||
| เหมือนเอาเสี้ยนบ่งหนามเห็นงามดี | คิดแล้วจึงมีพระบัญชา | |||
| ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
| ร่าย | ||||
| ๏ จึงสั่งดะหมังเสนาใน | พรุ่งนี้จงไปเมืองดาหา | |||
| ทูลแจ้งแก่พระอนุชา | จะแต่งการวิวาห์เดือนหกนี้ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกศี | |||
| ถวายบังคมคัลอัญชลี | ออกมาจากที่พระโรงคัล | |||
| จึงบอกบ่าวไพร่ให้พร้อมเพียง | ลูกเมียหาเสบียงขมีขมัน | |||
| ครั้นรุ่งก็รีบจรจรัล | ขึ้นม้าพากันคลาไคล | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | ||||
| ๏ รอนแรมนอนทางกลางอรัญ | สิบห้าวันถึงดาหากรุงใหญ่ | |||
| พอเวลาเฝ้าเข้าไป | ยังท้องพระโรงชัยฉับพลัน | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ จึงถวายอภิวาทบาทบงสุ์ | พระผู้พงศ์เทวากระยาหงัน | |||
| ทูลว่าพระเชษฐากุเรปัน | มีบัญชาใช้ให้มา | |||
| กำหนดนัดการสยุมพร | ให้ตกแต่งพระนครไว้ท่า | |||
| เดือนหกจะยกยาตรา | มาแต่งการวิวาห์พระบุตรี | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวดาหาปรีดิ์เปรมเกษมศรี | |||
| จึงตรัสแก่ดะหมังเสนี | ว่าเรานี้ถวายบังคมไป | |||
| งดสักสามเดือนจึงยกมา | จะตกแต่งพาราเสียใหม่ | |||
| ท่านจงไปทูลพระภูวไนย | ให้ทราบใต้ละอองบาทา | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังกุเรปันหรรษา | |||
| รับสั่งแล้วบังคมลา | มาขึ้นม้ารีบกลับไปฉับไว | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปเฝ้า | พระปิ่นเกล้ากุเรปันเป็นใหญ่ | |||
| ทูลแถลงแจ้งความทั้งปวงไป | ให้ทราบใต้ฝ่าละอองบาทา | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | พระทรงภพลบโลกไม่มีสอง | |||
| ได้ฟังก็ดำริตริตรอง | ซึ่งพระน้องกำหนดนัดผลัดไป | |||
| จำเป็นจะหย่อนผ่อนผัน | จะทำเมือนนนึกนั้นเห็นไม่ได้ | |||
| คิดแล้วเสด็จคลาไคล | เข้าในปราสาทแก้วแพรวพรรณ | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | ||||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน | |||
| แจ้งว่าบิตุรงค์ทรงธรรม์ | ใช้ให้ดะหมังนั้นไปนัดการ | |||
| จัดแจงที่จะแต่งสยุมพร | พระเร่งร้อนหฤทัยดังไฟผลาญ | |||
| แต่โศกาครวญคร่ำรำคาญ | จะคิดอ่านผ่อนผันฉันใดดี | |||
| ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
| ๏ อย่าเลยจะทูลลาไปเล่นไพร | แต่พอได้ออกจากกรุงศรี | |||
| แล้วจะไปหมันหยาธานี | ให้สมที่จินดาอาวรณ์ | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
| ๏ คิดแล้วอ่าองค์ทรงเครื่อง | ย่างเยื้องจากแท่นบรรจถรณ์ | |||
| มาทรงกัณฐัศว์อัสดร | บทจรเข้ายังวังใน | |||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | ||||
| ๏ ครั้นถึงจึงถวายอัญชลี | พระชนกชนนีเป็นใหญ่ | ||
| เห็นท่วงทีชอบช่องจึงทูลไป | ว่าลูกไม่สบายมาหลายวัน | ||
| ขอพระองค์จงโปรดปรานี | พรุ่งนี้จะลาไปไพรสัณฑ์ | ||
| เที่ยวไล่มฤคาในอารัญ | เจ็ดวันจะกลับมาเวียงชัย | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงภิภพสบสมัย | ||
| ฟังโอรสลาไปเล่นไพร | ภูวไนยไม่พะวงสงกา | ||
| จึงตริตรึกปรึกษามเหษี | อิเหนานี้คะนึงถึงจินตะหรา | ||
| เศร้าหมองไม่หายหลายเดือนมา | จะต้องตามวิญญาณ์ให้คลายใจ | ||
| ว่าพลางทางมีพจนารถ | อนุญาตโดยดังอัชฌาสัย | ||
| ลูกรักจักลาไปเล่นไพร | ก็ตามใจแต่อย่าอยู่ช้า | ||
| แล้วดำรัสตรัสสั่งตำมะหงง | ท่านจงไปด้วยโอรสา | ||
| เป็นผู้ใหญ่ต่างใจต่างตา | อย่าให้พระลูกยาอยู่นาน | ||
| กำชับให้กลับในเจ็ดวัน | ถึงกรุงกุเรปันราชฐาน | ||
| สั่งเสร็จเสด็จจากพระโรงธาร | ภูบาลเข้าสู่ปราสาทชัย | ||
| ฯ ๑๐ คำฯ เสมอ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | ||
| ชื่นชมสมจิตที่คิดไว้ | ก็คลาไคลไปปราสาทวิยดา | ||
| พอประสบองค์มะเดหวี | สถิตที่ห้องทองขนิษฐา | ||
| พระลดองค์ลงถวายวันทา | ทำทีกิริยาเปรมปรีดิ์ | ||
| แล้วโอบอุ้มประคองพระน้องรัก | มาใส่ตักเชยชมมารศรี | ||
| ชันษายังไม่ถึงกึ่งปี | อนิจาพี่นี้จะจากไป | ||
| พระสะท้อนถอนจิตจาบัลย์ | สุดที่จะกลั้นกันแสงได้ | ||
| ชลเนตรคลอเนตรภูวไนย | ผินไปทรงซับเสียฉับพลัน | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | มะเดหวีมีศักดิ์เฉิดฉัน | ||
| เห็นอิเหนาลูกยาจาบัลย์ | จึงตรัสถามไปพลันทันใด | ||
| เจ้าอุ้มน้องเชยชมภิรมย์รัก | เป็นไรนั่นผันพักตร์ไปร้องไห้ | ||
| เห็นผิดทีเที่ยวป่าพนาลัย | เหมือนจะไปอยู่ช้าสักห้าปี | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
| เสแสร้งแกล้งทูลพระชนนี | เมื่อกี้ผงปลิวเข้าตา | ||
| ก้มกรีดชลเนตรจะให้หาย | ยังระคายเคืองเนตรเป็นหนักหนา | ||
| อย่ากินแหนงแคลงใจพระมารดา | ใช่ว่าจะโศกศัลย์ด้วยอันใด | ||
| ซึ่งลูกจะลาไปอารัญ | เจ็ดวันก็จะกลับกรุงใหญ่ | ||
| ว่าพลางวางองค์พระน้องไว้ | บังคมไหว้มะเดหวีแล้วลีลา | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ | |||
| ๏ ครั้นถึงประเสบันทันที | นั่งเหนือแท่นมณีที่ข้างหน้า | ||
| จึงสั่งสี่พี่เลี้ยงให้ตรวจตรา | โยธาสำหรับทัพชัย | ||
| จงจัดคนนำทางที่สันทัด | ดั้นดัดมรคาป่าใหญ่ | ||
| พอย่ำยามสามจะยกไป | อย่านอนใจให้ทันเวลา | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ประสันตารู้นัยแต่ไม่ว่า | ||
| ทำนับนิ้วจับยามสามตา | เงยหน้าทูลองค์พระทรงชัย | ||
| เสด็จในยามนี้เถิดดีจริง | จะเกิดลาภสักสิ่งเป็นแม่นมั่น | ||
| ถ้ามิได้สมจิตที่คิดนั้น | ขอถวายชีวันประสันตา | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงค์อสัญแดหวา | ||
| ยิ้มพลางทางเขม้นนัยนา | แล้วตรัสว่าช่างทำนายทายเดา | ||
| นี่ใครใช้ให้เจ้าเป็นหมอดู | อวดรู้พูดโป้งไปเปล่าเปล่า | ||
| จะได้ลาภมิได้ก็ทำเนา | มิใช่การอย่าเอามาพาที | ||
| ไม่สบายวิญญาณ์จะคลาไคล | ก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจของพี่ | ||
| รำคาญวานอย่าเฝ้าเซ้าซี้ | จงไปจัดโยธีให้พร้อมไว้ | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ยะรุเดะผู้มีอัชฌาสัย | ||
| แย้มยิ้มในหน้าแล้วว่าไป | เจ้าพูดไยอย่างนั้นประสันตา | ||
| ถึงได้ลาภอย่างไรก็ไม่ชื่น | ไม่เหมือนคืนเขตขัณฑ์หมันหยา | ||
| ว่าพลางทางถวายบังคมลา | ออกมาหน้าจักวรรดิ์จัดพล | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
| ยานี | |||
| ๏ ตั้งกองท้องสนามตามอย่าง | ขุนช้างผูกช้างระวางต้น | ||
| แต่ละตัวห้าวหาญชำนาญตน | ชนะศึกฝึกฝนมาหลายคราว | ||
| ขุนม้าผูกม้าพาชี | แซมสีเหลืองกระเลียวเขียวขาว | ||
| เลือกล้วนตัวดีมีฝีเท้า | ประดับเครื่องกุดั่นดาวนากทอง | ||
| ขุนรถเร่งเตรียมรถา | อาชาฉุดชักเคล่าคล่อง | ||
| สารถีขึ่ขับตามทำนอง | เหน็บกริชฝักทองถือธนู | ||
| ขุนพลจัดพลพร้อมพรั่ง | คับคั่งโยธีทั้งสี่หมู่ | ||
| กรมวังนั่งคอยไขประตู | เตรียมท่าพระโฉมตรูจะยาตรา | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
| ร่าย | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา | ||
| ครั้นล่วงปฐมยามเวลา | เสด็จมาเข้าที่พระบรรทม | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| ช้า | |||
| ๏ เอนองค์ลงรำพึงคะนึงใน | ดังได้โฉมตรูมาสู่สม | ||
| ยินดีปรีดาในอารมณ์ | พลางชมสไบบางต่างเทวี | ||
| หอมตลบอบซาบนาสา | เหมือนกลิ่นจินตระหรามารศรี | ||
| นึ่งนึกตรึกไตรในราตรี | ภูมีไม่สนิทนิทรา | ||
| แต่เฝ้าเปรมปริ่มกระหยิ่มใจ | เหมือนพรุ่งนี้จะได้ไปเห็นหน้า | ||
| พระกรรณตรับนับทุ่มนาฬิกา | นั่งคอยเวลาจะคลาไคล | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ ครั้นประโคมฆ้องย่ำยามสามเศษ | ภูวเรศยินดีจะมีไหน | ||
| เสด็จออกจากห้องทองทันใด | คลาไคลไปสรงชลธาร | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| โทน | |||
| ๏ ไขสุหร่ายวารินกลิ่นเกลี้ยง | สถิตนั่งเหนือเตียงสรงสนาน | ||
| ทรงสุคนธ์ปนทองรองพาน | กลิ่นสุมาลย์ตลบอบองค์ | ||
| สอดใส่สนับเพลาพื้นตาด | ปักรูปสีหราชเหมหงส์ | ||
| ภูษายกแย่งครุฑภุชงค์ | ฉลององค์อินทร์ธนูงามงอน | ||
| เจียระบาดคาดสุวรรณพรรณราย | คาดปั้นเหน่งเพชรพรายสายสร้อยอ่อน | ||
| ทับทรวงดวงกุดั่นดอกซ้อน | ทองกรแก้วมณีเจียระไน | ||
| ธำมรงค์ค่าเมืองเรืองระยับ | มงกุฎเพชรเก็จประดับดอกไม้ไหว | ||
| เหน็บกริชเทวาแล้วคลาไคล | มาทรงมโนมัยในเที่ยงคืน | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง | |||
| โทน | |||
| ๏ ม้าเอยม้าต้น | สามารถอาจผจญไม่เต้นตื่น | ||
| พ่วงพีมีกำลังยั่งยืน | ตัวรู้อยู่ปืนได้ทดลอง | ||
| ผูกเครื่องกุดั่นดาวจำหลัก | สายถือเทศถักเป็นลายสอง | ||
| ห้อยหูภู่จามรีกรอง | ใบโพธิ์ทองถมยาประดับเพชร | ||
| พานหน้าผนังข้างอย่างนอก | ดวงดอกเนาวรัตน์ตรัสเตร็จ | ||
| พระทรงแส้สุวรรณกัลเม็ด | เสนาตามเสด็จแน่นนันต์ | ||
| ม้าพี่เลี้ยงเคียงม้าที่นั่งทรง | ตำมะหงงนั้นนำพลขันธ์ | ||
| เดินทางสว่างแจ้งด้วยแสงจันทร์ | เร่งกันให้รีบจรลี | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
| โอ้ร่าย | |||
| ๏ เข้าในอรัญวาป่าใหญ่ | ภูวไนยคะนึงถึงโฉมศรี | ||
| โอ้ว่าจินตระหราวาตี | ป่านฉะนี้ดวงใจจะไสยา | ||
| ฤาจะตื่นนิทราเวลาดึก | รำลึกถึงพี่บ้างกระมังหนา | ||
| หอมหวนอวลรสสุมาลา | พระพายพากลิ่นตลบอบอาย | ||
| น้ำค้างตกต้องใบพฤกษา | จับแสงจันทราจำรัสฉาย | ||
| หิ่งห้อยย้อยระยับจับไม้ราย | พรายพรายแพร้วแพร้วที่แถวทาง | ||
| เสียงบุหรงร้องก้องพนาวัน | สุริย์ฉันจวนแจ้งแสงสว่าง | ||
| พอพ้นด่านกุเรปันชั้นกลาง | หนทางรื่นราบดังปราบไว้ | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ | |||
| ร่าย | |||
| ๏ พระคิดดูรู้ระยะมรคา | เห็นยังไกลหมันหยากรุงใหญ่ | ||
| จะอุบายขับควบอาชาไนย | รีบไปให้เปลืองหนทางจร | ||
| คิดแล้วจึงมีบัญชาสั่ง | ให้รอรั้งมโนมัยไว้ก่อน | ||
| พอรุ่งรางสร่างแสงทินกร | จึงให้ควบอัสดรดูกำลัง | ||
| ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ แล้ววางม้าทรงลงแส้ | ทั้งทวยหาญม้าแห่หน้าหลัง | ||
| ต่างควบอาชาดาประดัง | คับคั่งเคียงแข่งแซงไป | ||
| บ้างมุ่นหกผกโผนลำพอง | แตกคลองพากระเจิงเข้าเซิงไผ่ | ||
| แต่กระชากลากฉุดจนอ่อนใจ | แก้ไขสิ้นคิดถึงปิดตา | ||
| พวกขี้ขลาดอวดดีขี่เบาะบาง | สะบัดย่างวางตามเป็นสามขา | ||
| รัดอกขาดพลาดพลัดลงมา | ปากคอคิ้วตาระยำยับ | ||
| บ้างควบปรึงตะบึงไปไม่รอรั้ง | จนตาลายสิ้นกำลังลมจับ | ||
| เหงื่อออกอาบหน้าเอาผ้าซับ | แล้วรีบขับควบตามเสด็จไป | ||
| ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
| ๏ ลุล่วงมรคามาถึง | ที่หนึ่งธารท่าชลาไหล | ||
| เวลาเที่ยงแดดร้อนอ่อนใจ | จึงสั่งให้พักพลโยธา | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ | |||
| ๏ บัดนั้น | ขุนหมื่นพันทนายซ้ายขวา | ||
| ต่างเปลื้องเครื่องอานอาชา | พานหน้าซองหางออกวางไว้ | ||
| คนเลี้ยงเคียงม้าจูงประจำ | มาลงน้ำกินหญ้าในป่าใหญ่ | ||
| บรรดาคนเดินเท้านั้นไซร้ | ก็ตามไปถึงพลันทันที | ||
| บ้างหุงโภชนาอาหาร | สับสนอลหม่านอึงมี่ | ||
| บ้างถากเสาเกลาไม้มากมี | ทำที่ประทับพลับพลาพลัน | ||
| ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน | ||
| พระเสด็จย่างเยื้องจรจรัล | ขึ้นสู่สุวรรณพลับพลาชัย | ||
| ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
ศึกกะหมังกุหนิง
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี | ||
| เสด็จเหนือแท่นรัตน์มณี | ภูมีเห็นสองอนุชา | ||
| จึ่งตรัสเรียกให้นั่งร่วมอาสน์ | สำราญราชฤทัยหรรษา | ||
| แล้วปราไสระตูบรรดามา | ยังปรีดาผาสุกหรือทุกข์ภัย | ||
| ซึ่งเราให้หามาทั้งนี้ | จะไปตีดาหากรุงใหญ่ | ||
| ระตูทุกนครอย่านอนใจ | ช่วยเราชิงชัยให้ทันการ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | เหล่าระตูปรีดิ์เปรมเกษมสานต์ | ||
| จึงสนองมธุรสพจมาน | พระมีการสงครามแต่ละครั้ง | ||
| จะตั้งหน้าอาสาออกชิงชัย | มิได้ย่อท้อถอยหลัง | ||
| สู้ตายไม่เสียดายแก่ชีวัง | กว่าจะสิ้นกำลังของข้านี้ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี | ||
| ฟังระตูตอบชอบที | สมถวิลยินดีปรีดา | ||
| จึงตรัสว่าท่านมาเหนื่อยนัก | จงไปพักพลขันธ์ให้หรรษา | ||
| ตรัสพลางทางชวนอนุชา | เข้ามหาปราสาทรูจี | ||
| ๏ ลดองค์ลงนั่งบนแท่นทอง | กับด้วยพระน้องทั้งสองศรี | ||
| จึงตรัสเล่าความตามคดี | จนใช้เสนีถือสารไป | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สองกษัตริย์ฟังแจ้งแถลงไข | ||
| จึงทูลขัดทัดทานทันใด | เป็นไฉนผ่านเกล้ามาเบาความ | ||
| อันสุริย์วงศ์เทวันอสัญหยา | เรืองเดขเดชาชาญสนาม | ||
| ทั้งโยธีก็ชำนาญการสงคราม | ลือนามในชะวาระอาฤทธิ์ | ||
| กรุงกษัตริย์ขอขึ้นก็นับร้อย | เราเป็นเมืองน้อยกะจิหริด | ||
| ดังหิ่งห้อยจะแข่งแสงอาทิตย์ | เห็นผิดระบอบโบราณมา | ||
| ใช่จะไร้ธิดาทุกธานี | มีงามแต่บุตรีท้าวดาหา | ||
| พระองค์จงควรตรึกตรา | ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์จะร้อนนัก | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงมีศักดิ์ | ||
| จึงบ่ายเบี่ยงเลี่ยงตอบพระน้องรัก | ใช่จะหักหาญวงศ์เทวัน | ||
| ด้วยบัดนี้บุตรีดาหา | จรกาให้มาตุนาหงัน | ||
| เราจะยกพลไกรไปโรมรัน | ช่วงชิงนางนั้นกับจรกา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สองระตูทูลตอบพระเชษฐา | ||
| เมื่อนางยังอยู่กับบิดา | ที่ในดาหากรุงไกร | ||
| แม้เกิดการสงครามช่วงชิง | ท้าวดาหาหรือจะนิ่งดูได้ | ||
| จะบอกความไปสามเวียงชัย | กรีธาทัพใหญ่มามากมาย | ||
| ก็จะเป็นศึกกระหนาบหน้าหลัง | เหลือกำลังโยธาทั้งหลาย | ||
| ถ้าเสียทีเพลี่ยงพล้ำสิซ้ำร้าย | จะอัประยศอดอายแก่จรกา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงนาถา | ||
| จึงตรัสตอบสองพระน้องยา | ซึ่งว่านี้เจ้าไม่เข้าใจ | ||
| อันระเด่นมนตรีกุเรปัน | ก็ขัดข้องเคืองกันเป็นข้อใหญ่ | ||
| ไปอยู่เมืองหมันหยากว่าปีไป | ที่ไหนจะยกพลมา | ||
| แต่กาหลังสิงหัดส่าหรี | จะกลัวดีเป็นกระไรหนักหนา | ||
| ฝ่ายเราเล่าก็สามพารา | เป็นใหญ่ในชะวาแว่นแคว้น | ||
| ถึงทัพจรกาล่าสำนั้น | พี่ไม่พรั่นให้มาสักสิบแสน | ||
| จะหักโหมโจมตีให้แตกแตน | พักเดียวก็จะแล่นเข้าป่าไป | ||
| เจ้าอย่าย่อท้าไม่พอที่ | แต่เพียงนี้ไม่พรั่นหวั่นไหว | ||
| เอ็นดูนัดดาโศกาลัย | ว่ามิได้อรทัยจะมรณา | ||
| แม้นวิหยาสะกำมอดม้วย | พี่จะตายด้วยโอรสา | ||
| ไหน ๆ คงจะวายชีวา | ถึงเร็วถึงช้าก็เหมือนกัน | ||
| ผิดก็ทำสงครามดูตามที | เคราะห์ดีก็จะได้ดังใฝ่ฝัน | ||
| พี่ดังพฤกษาพนาวัน | จะอาสัญเพราะลูกเหมือนกล่าวมา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สองกษัตริย์ฟังตรัสพระเชษฐา | ||
| จะเซ้าซี้ก็จะขัดพระอัชฌา | ต่างก้มพักตราไม่พาที | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี | ||
| ชวนสองอนุชาธิบดี | เข้าสู่ที่บรรทมสำราญ | ||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายทูตจำทูลราชสาร | ||
| เดินทางอรัญกันดาร | รีบมาประมาณสิบห้าวัน | ||
| ครั้นถึงด่านดาหาธานี | ก็หยุดยั้งโยธีอยู่ที่นั่น | ||
| จึงบอกแก่ขุนด่านด้วยพลัน | ตามบัญชาใช้ให้มา | ||
| ๏ บัดนั้น | ขุนด่านซึ่งพิทักษ์รักษา | ||
| ถามไถ่ไม่แคลงกิจจา | ก็ขึ้นม้าควบขับเข้าธานี | ||
| ๏ ครั้นถึงศาลาลูกขุนใน | จึงกราบไหว้เสนาทั้งสี่ | ||
| แล้วเรียนเรื่องความตามมี | ถ้วนถี่แถลงให้แจ้งใจ | ||
| ๏ บัดนั้น | ทั้งสี่เสนีผู้ใหญ่ | ||
| ได้ฟังกิจจาก็คลาไคล | เข้าไปยังท้องพระโรงคัล | ||
| ก้มเกล้าประณตบทบงสุ์ | พระวงศ์เทวากระยาหงัน | ||
| ทูลว่าท้าวกะหมังกุหนิงนั้น | แต่งเครื่องสุวรรณบรรณาการ | ||
| ให้ทูตถือมาถึงธานี | บัดนี้ยังหยุดอยู่ปลายด่าน | ||
| จะขอเข้ามาเฝ้าบทมาลย์ | พระผู้ผ่านเขตต์ขัณฑ์ศวรรยา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | ||
| จึงตรัสสั่งดะหมังเสนา | เร่งไปรับเข้ามาบัดนี้ | ||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกศี | ||
| ก้มเกล้ากราบงามสามที | มากะเกณฑ์ตามมีพจมาน | ||
| จัดเครื่องแห่แหนต่าง ๆ | ตามอย่างเคยรับราชสาร | ||
| ครั้นเสร็จพร้อมกันมิทันนาน | ให้เจ้าพนักงานรีบไป | ||
| ๏ บัดนั้น | เสนีนายร้อยน้อยใหญ่ | ||
| นำกระบวนโยธาคลาไคล | ออกจากเวียงชัยฉับพลัน | ||
| ๏ ครั้นถึงจึงแจ้งกิจจา | แก่ทูตานุทูตคนขยัน | ||
| แล้วคำนับรับราชสารพลัน | แห่แหนแน่นนันต์เข้าธานี | ||
| ๏ พาไปสู่ศาลาที่อาศัย | ทั้งนายไพร่เป็นสุขเกษมศรี | ||
| จ่ายเสบียงเลี้ยงเหล่าโยธี | มิให้มีเดือดร้อนวิญญาณ์ | ||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงดะหมังยาสา | ||
| ครั้นถึงวันแขกเมืองจะเข้ามา | ก็ตรวจตราตามเคยเหมือนทุกครั้ง | ||
| ให้ผูกเครื่องม้าช้างนางพระยา | เอาพานทางรองหญ้าเข้ามาตั้ง | ||
| บรรดาโรงปืนใหญ่ที่ในวัง | เกณฑ์ฝรั่งอยู่ประจำรายไป | ||
| เหล่านั่งกลาบาตนั้นจัดแจง | เอาเสื้อแดงหมวกแดงมาให้ใส่ | ||
| ราชวัติรายคั่นกันไว้ | พนักงานของใครก็ตรวจดู | ||
| บ้างตกแต่งปราสาทราชฐาน | เพดานระย้าย้อยห้อยพู่ | ||
| พรมเจียมสะอาดลาดปู | แท่นที่ตั้งอยู่ท่ามกลาง | ||
| เครื่องอานพานพระศรีและพระแสง | จัดแจงแต่งตั้งตามยศอย่าง | ||
| ผูกม่านสุวรรณกั้นกาง | พวกขุนนางนั่งเฝ้าเป็นเหล่ามา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | ||
| ครั้นสุริย์ฉายบ่ายสามนาฬิกา | ก็โสรจสรงคงคาอ่าองค์ | ||
| ทรงเครื่องประดับสรรพเสร็จ | แล้วเสด็จย่างเยื้องยุรหงส์ | ||
| ออกจากพระโรงคัลบรรจง | นั่งลงบนบัลลังก์รูจี | ||
| ยาสาบังคมบรมนาถ | เบิกทูตถือราชสารศรี | ||
| จึงดำรัสตรัสสั่งไปทันที | ให้เสนีนำแขกเมืองมา | ||
| ๏ บัดนั้น | อำมาตย์รับสั่งใส่เกศา | ||
| ออกไปพาสองทูตา | เข้ามาประณตบทมาลย์ | ||
| ๏ บัดนั้น | เสนีผู้ใหญ่ฝ่ายทหาร | ||
| จึงให้อาลักษณ์พนักงาน | รับราชสารมาอ่านพลัน | ||
| ๏ ในสารพระผู้ผ่านนคเรศ | กะหมังกุหนิงนิเวศน์เขตต์ขัณฑ์ | ||
| ขอถวายประณมบังคมคัล | พระผู้วงศ์เทวันอันศักดา | ||
| ไม่ควรเคืองเบื้องบาทบทศรี | ด้วยข้าน้อยนี้มีโอรสา | ||
| เดิมไปไล่ล้อมมฤคา | ได้รูปพระธิดาในกลางไพร | ||
| ชะรอยเป็นบุพเพนิวาสา | เทวาอารักษ์มาชักให้ | ||
| ความแสนเวทนาอาลัย | แต่หลงใหลใฝ่ฝันรันทด | ||
| หวังเป็นเกือกทองรองบาทา | พระผู้วงศ์เทวาอันปรากฏ | ||
| จะขอพระบุตรีมียศ | ให้โอรสข้าน้อยดังจินดา | ||
| อันกรุงไกรไอศูรย์ทั้งสอง | จะเป็นทองแผ่นเดียวไปวันหน้า | ||
| ขอพำนักพักพึ่งพระเดชา | ไปกว่าชีวันจะบรรลัย | ||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหราเป็นใหญ่ | ||
| ฟังสารทราบอัตถ์แล้วตรัสไป | แก่เสนาในทั้งสองนั้น | ||
| อันอะนะบุษบาบังอร | ครั้งก่อนจรกาตุนาหงัน | ||
| ได้ปลดปลงลงใจให้ปัน | นัดกันจะแต่งการวิวาห์ | ||
| ซึ่งจะรับของสู่ระตูนี้ | เห็นผิดประเพณีหนักหนา | ||
| ฝูงคนทั้งแผ่นดินจะนินทา | สิ่งของที่เอามาจงคืนไป | ||
| ๏ บัดนั้น | ทูตานุทูตแถลงไข | ||
| ท้าวกะหมังกุหนิงภูวไนย | สั่งให้ข้าทูลพระภูมี | ||
| ถ้าแม้มิยินยอมอนุญาต | ให้พระราชธิดามารศรี | ||
| เร่งระวังพระองค์ให้จงดี | ตกแต่งบุรีให้มั่นคง | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านไอศูรย์สูงส่ง | ||
| ปกาสิตสีหนาทอาจอง | จะทำการณรงค์ก็ตามใจ | ||
| ตรัสพลางย่งเยื้องยุรยาตร | จากอาสน์แท่นทองผ่องใส | ||
| พนักงานปิดม่านทันใด | เสด็จขึ้นข้างในฉับพลัน | ||
| ๏ บัดนั้น | ทูตานุทูตก็ผายผัน | ||
| ออกจากพาราดาหานั้น | พากันกลับไปมิได้ช้า | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์องค์ศรีปัตหรา | ||
| เผยสีหบัญชรแล้วบัญชา | ตรัสสั่งเสนาธิบดี | ||
| จงเร่งไปทูลเหตุพระเชษฐา | อีกองค์อนุชาทั้งสองศรี | ||
| บอกระตูจรกาอย่าช้าที | ว่าไพรีจะยกมาชิงชัย | ||
| ๏ บัดนั้น | เสนีสี่นายบังคมไหว้ | ||
| มาขึ้นม้าเร็วรีบไป | ออกจากกรุงไกรพร้อมกัน | ||
| ๏ ครั้นถึงสิงหัดส่าหรี | ก็ลงจากพาชีขมีขมัน | ||
| ให้ยาสาพาเข้าไปเฝ้าพลัน | บังคมคัลทูลแจ้งกิจจา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวสิงหัดส่าหรีนาถา | ||
| ครั้นทราบดังนั้นจึงบัญชา | เสนาเร่งกลับไปฉับไว | ||
| ทูลพระเชษฐาสุริย์วงศ์ | อย่าให้ทรงพระวิตกหมกไหม้ | ||
| เราจะให้สุหรานากงไป | ช่วยพระชิงชัยด้วยไพรี | ||
| ๏ บัดนั้น | เสนาประณตบทศรี | ||
| บังคมลามาขึ้นพาชี | รีบไปบุรีไม่หยุดยั้ง | ||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายอำมาตย์ที่มากาหลัง | ||
| ครั้นถึงนคเรศนิเวศน์วัง | ก็ไปยังพระโรงรัตน์ชัชวาล | ||
| จึงบังคมก้มเกล้าเคารพ | พระองค์ทรงพิภพราชฐาน | ||
| ทูลแถลงแจ้งเหตุทุกประการ | ให้ทราบบทมาลย์พระผ่านฟ้า | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกาหลังฟังแจ้งไม่กังขา | ||
| จึงมีพจนาตถ์ประภาษมา | พระเชษฐาทำผิดจะโทษใคร | ||
| เอาอะนะไปยกให้ระตู | ศัตรูจึงประมาทหมิ่นได้ | ||
| แล้วสั่งตำมะหงงเสนาใน | เร่งตรวจเตรียมทัพชัยอย่าช้าที | ||
| ท่านเป็นแม่ทัพกับดะหมัง | ยกไปยังดาหากรุงศรี | ||
| สั่งเสร็จเสด็จจรลี | เข้าปราสาทมณีพรายพรรณ | ||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายเสนาม้าใช้คนขยัน | ||
| รีบมาถึงกรุงกุเรปัน | จึงแจ้งความทั้งนั้นแก่เสนา | ||
| แล้วพากันคลาไคลเข้าไปเฝ้า | ก้มเกล้าบังคมเหนือเกศา | ||
| กราบทูลคดีซึ่งมีมา | ให้ทราบบาทาทุกประการ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นภพกุเรปันราชฐาน | ||
| แจ้งว่าไพรีมารอนราญ | พระจึงให้แต่งสารหนังสือลับ | ||
| ครั้นเสร็จสั่งสองเสนา | จงถือไปหมันหยาสองฉบับ | ||
| ใบหนึ่งนั้นเร่งกองทัพ | กำชับอิเหนาให้ยกมา | ||
| ใบหนึ่งให้แก่ระตู | ท้าวผู้ผ่านเมืองหมันหยา | ||
| จงรีบไปให้ถึงพารา | แต่ในสิบห้าราตรี | ||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกศี | ||
| จึงนำสาราจรลี | มาจากที่พระโรงชัยฉับพลัน | ||
| เรียกหาบ่าวไพร่ได้พร้อมหน้า | ดะหมังขึ้นขี่ม้าผายผัน | ||
| ออกจากนคเรศกุเรปัน | พากันเร่งรีบคลาไคล | ||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ท้ากุเรปันเป็นใหญ่ | ||
| ครั้นดะหมังเสนาทูลลาไป | พระตรึกไตรในคดีด้วยปรีชา | ||
| แล้วตรัสแก่กะหรัดติปาตี | อันสงคามครั้งนี้เห็นหนักหนา | ||
| จะเปลี่ยวเปล่าเศร้าใจอนุชา | ไม่มีที่ปรึกษาหารือใคร | ||
| เจ้าจงยกพลขันธ์ไปบรรจบ | สมทบทัพอิเหนาให้จงได้ | ||
| ชวนกันยกรีบเร็วไป | อย่าให้ทันปัจจามิตรติดพารา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | กะหรัดติปาตีโอรสา | ||
| ก้มเกล้าทูลสนองพระบัญชา | จะถวายบังคมลาพรุ่งนี้ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นภพกุเรปันกรุงศรี | ||
| ฟังโอรสาพาที | จึงตรัสสั่งเสนีทันใด | ||
| จงเร่งเกณฑ์พวกพลรณยุทธ | ให้สรรพด้วยอาวุธน้อยใหญ่ | ||
| กำหนดกันให้ทันยกไป | แต่ในย่ำรุ่งสุริยา | ||
| ๏ บัดนั้น | ปาเตะรับสั่งใส่เกศา | ||
| รีบออกไปยังศาลา | ให้หาพ้นพุฒพันพรหม | ||
| ๏ เร่งรัดขุนหมื่นสัสดี | ทำบัญชีหางว่าวเหล่าเลขสม | ||
| เกณฑ์ทหารพลเรืองเตือนระดม | มาพร้อมกันทุกกรมมากมาย | ||
| ขุนนางเจ้าตำแหน่งแสงนอก | เอาดาบหอกปืนผามาจ่าย | ||
| หมวกเสื้อสำหรับรบครบไพร่นาย | แจกจำหน่ายลูกดินศิลา | ||
| ผู้กำกับนับอ่านประมาณคน | ได้สิบหมื่นพื้นพลอาสา | ||
| ตั้งกองท้องสนามตามตำรา | เตรียมรถคชาพาชี | ||
| ให้ผูกสินธพที่นั่งทรง | พร้อมขนัดจัตุรงค์อึงมี่ | ||
| ที่บ่าวไพร่ใครมาไม่ทันที | นายหมวดตรวจตีกันวุ่นไป | ||
| ๏ เมื่อนั้น | กะหรัดติปาตีศรีใส | ||
| ครั้นรุ่งรางสุริยาก็คลาไคล | เข้าในที่สนานสำราญองค์ | ||
| ๏ รดชำระมลทินอินทรีย์ | มูรธาวารีภิเษกสรง | ||
| ลูบไล้เสาวคนธ์ธารทรง | บรรจงสอดซับสนับเพลา | ||
| ภูษายกพื้นดำอำไพ | สอดใส่ฉลององค์ทรงวันเสาร์ | ||
| เจียรบาดคาดรัดหน่วงเนา | ปั้นเหน่งเพ็ชร์เพริดเพราพรรณราย | ||
| ตาบทิศทับทรวงห่วงห้อย | สวมสร้อยสังวาลประสานสาย | ||
| ทองกรแก้วกิ่งพริ้งพราย | ธำมรงค์เรือนรายพลอยเพ็ชร์ | ||
| ทรงชฎามาลัยดอกไม้ทัด | กรรเจียกจอนจำรัสตรัสเตร็จ | ||
| เหน็บพระแสงกั้นหยั่งกัลเม็ด | แล้วเสด็จขึ้นเฝ้าพระบิดา | ||
| ๏ ก้มเกล้าเคารพอภิวาท | พระปิ่นภูวนาถนาถา | ||
| ยับยั้งคอยฟังพระวาจา | จะบัญชาให้ยกโยธี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกุเรปันเรืองศรี | ||
| จึงอำนวยอวยพรสวัสดี | ให้เจ้ามีเดชาวราฤทธิ์ | ||
| อันเหล่าศัตรูหมู่ร้าย | จงแพ้พ่ายอย่ารอต่อติก | ||
| อานุภาพปราบไปทั่วทิศ | ปัจจามิตรจงเกรงฤทธิรอน | ||
| ๏ เมื่อนั้น | กะหรัดติปาตีชาญสมร | ||
| กราบถวายบังคมประณมกร | รับพรพระบิดาแล้วคลาไคล | ||
| ๏ ครั้นถึงเกยชาลาหน้าพระลาน | พร้อมหมู่ทวยหาญน้อยใหญ่ | ||
| เสด็จทรงมิ่งม้าอาชาไนย | ให้เคลื่อนพลไกรยาตรา | ||
| ๏ รอนแรมมาในพนาเวศ | ถึงทางร่วมนัคเรศหมันหยา | ||
| พระสั่งให้หยุดพลโยธา | คอยท่าทัพระเด่นมนตรี | ||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายดะหมังสิงหัดส่าหรี | ||
| เร่งกะเกณฑ์พลขันธ์ทันที | ตามบัญชีใหม่เก่าเข้างบ | ||
| ๏ เลือกเหล่าอาสาล้วนกล้าหาญ | วิชชาการโล่เขนเจนจบ | ||
| แปดหมื่นพื้นฉกรรจ์ครันครบ | เคยรุกรบไพรีมีฝีมือ | ||
| ไพร่นายชำนาญในการยุทธ | เลือกหาอาวุธสำหรับถือ | ||
| ทดลองคะนองฝึกปรือ | แต่ออกชื่อไพรีก็ดีใจ | ||
| ตั้งกองเต็มท้องสนามนอก | ทวนธงดาบหอกออกไสว | ||
| ม้าช้างต่างตรวจเตรียมไว้ | ปืนใหญ่ใส่ล้อลากมา | ||
| เกณฑ์ถ้วนกระบวนทัพหน้าหลัง | พร้อมพรั่งปีกซ้ายปีกขวา | ||
| ผูกสินธพประทับกับเกยลา | คอยท่ารับเสด็จจรลี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สุหรานากงเรืองศรี | ||
| ครั้นอรุณรุ่งราษราตรี | ก็เข้าที่สระสรงคงคา | ||
| ๏ สระสรงทรงสุคนธ์ปนทอง | ชมพูนุทผุดผ่องมังสา | ||
| สอดใส่สนับเพลาเพราตา | ภูษาเชิงกรวยเจ็ดตะครี | ||
| ฉลององค์โหมดม่วงดวงระยับ | เจียรบาดคาดทับสลับสี | ||
| ปั้นเหน่งลงยาราชาวดี | ทับทรวงดวงมณีเจียระไน | ||
| สังวาลเพ็ชร์พรรณรายสายสร้อย | เฟื่องห้อยพลอยแดงแสงใส | ||
| ทองกรภุกามแก้วแววไว | สอดใส่เนาวรัตน์ธำมรงค์ | ||
| ทรงชฎาประดับเพ็ชร์เตร็จตรัจ | ห้อยทัดพวงสุวรรณตันหยง | ||
| ถือเช็ดหน้าเหน็บกฤชฤทธิรงค์ | มาทรงมโนมัยชัยชาญ | ||
| ๏ ได้ฤกษ์ให้เลิกโยธี | แสนสุรเสนีทวยหาญ | ||
| เข้าในไพรระหงดงดาน | ข้ามห้วยเหวธารผ่านไป | ||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงกาหลังกรุงใหญ่ | |||
| ทั้งดะหมังมหาเสนาใน | เร่งเกณฑ์ทัพชัยฉับพลัน | |||
| จัดทหารอาสาได้ห้าหมื่น | แต่พื้นกำแหงแข็งขัน | |||
| ช้างม้าอาวุธครบครัน | ธงสำคัญคอยนำดำเนินพลี | |||
| ทั้งสองเสนีขึ้นขี่ม้า | โยธาเยียดยัดอัดถนน | |||
| ทนายเดินเคียงข้างกางสัปทน | ยกพลออกจากพารา | |||
| ๏ มาถึงทางร่วมริมดง | พบสุหรานากงวงศา | |||
| สองทัพสมทบโยธา | ยกร่วมมรรคามาพร้อมกัน | |||
| ๏ บัดนั้น | ทั้งสองทูตาคนขยัน | |||
| ซึ่งถือสารไปเมืองดาหานั้น | พากันรีบกลับมาฉับไว | |||
| ถึงกะหมังกุหนิงนคเรศ | มายังนิเวศน์วังใหญ่ | |||
| พอเวลาเฝ้าท้าวไทย | ก็เข้าไปพระโรงรจนา | |||
| ๏ จึงประณมก้มเกล้าเคารพ | ทูลพระองค์ทรงพิภพนาถา | |||
| ข้าไปได้ถวายสารา | ท้าวดาหาทราบสิ้นทุกประการ | |||
| ตรัสขาดว่าราชบุตรี | จรกาธิบดีมาว่าขาน | |||
| พระยกให้ได้กำหนดนัดงาน | ยังแต่จะแต่งการวิวาห์กัน | |||
| บรรดาของถวายนั้นไม่รับ | ส่งกลับคืนมาทุกสิ่งสรรพ์ | |||
| มิได้คิดเกรงองค์พระทรงธรรม | บากบั่นสลัดตัดรอน | |||
| ข้าทูลความตามสั่งนอกสารา | ว่ามิให้ธิดาดวงสมร | |||
| จงเร่งตกแต่งพระนคร | รับทัพภูธรจะยกมา | |||
| จะชิงนางโฉมยงให้จงได้ | ใครมีชัยก็จะสมปรารถนา | |||
| ท้าวตรัสว่าตามแต่วิญญาณ์ | พระราชาจงทราบบาทมูล | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงนเรนทร์สูร | |||
| ได้ฟังทั้งสองทูตทูล | ให้อาดูรเดือดใจดังไฟฟ้า | |||
| จึงบัญชาตรัสด้วยขัดเคือง | ดูดู๋เจ้าเมืองดาหา | |||
| เราอ่อนง้อขอไปในสารา | แต่ว่าจะรับไว้ก็ไม่มี | |||
| ถึงจรกามากล่าวนางไว้ | ได้ยกให้เขาก่อนก็ควรที่ | |||
| จะโอภาปราไสเป็นไรมี | นี่สิตัดไมตรีให้ขาดทาง | |||
| เราก็เรืองฤทธาศักดาเดช | อาณาจักรนัคเรศกว้างขวาง | |||
| จำมีมานะไม่ละวาง | จะชิงนางบุษบาลาวัณย์ | |||
| แม้นมิได้สมคิดดังจิตต์ปอง | ไม่คืนครองกรุงไกรไอศวรรย์ | |||
| จะสงครามตามตีติดพัน | ไปกว่าชีวันจะบรรลัย | |||
| ๏ บัดนั้น | สองทูตทูลแจ้งแถลงไข | |||
| ข้าได้ยินตระหนักประจักษ์ใจ | ท้าวดาหาตรัสใช้เสนี | |||
| ให้รีบไปแจ้งเหตุพระเชษฐา | กับพาราสิงหัดส่าหรี | |||
| อนุชากาหลังธิบดี | อีกบุรีระตูจรกา | |||
| เห็นกษัตริย์ทั้งสี่ธานีนั้น | จะมาช่วยป้องกันกรุงดาหา | |||
| เมื่อวันข้าออกจากเมืองมา | เสนาก็ไปพร้อมกัน | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงแข็งขัน | |||
| ได้ฟังกริ้วโกรธดังเพลิงกัลป์ | จึงกระชั้นสิงหนาทประภาษไป | |||
| ถึงว่ากษัตริย์ทั้งสี่กรุง | จะมาช่วยรบพุ่งเป็นศึกใหญ่ | |||
| กูก็ไม่ครั่นคร้ามขามใจ | จะหักให้เป็นภัสม์ธุลีลง | |||
| ว่าพลางทางมีพจนาตถ์ | สั่งอำมาตย์ดะหมังตำมะหงง | |||
| เร่งเกณฑ์พวกพลรณรงค์ | ที่สามารถอาจองค์ในสงคราม | |||
| เลือกสรรโยธีทั้งสี่หมู่ | เคยทำลายค่ายคูขวากหนาม | |||
| แต่กองร้อยรบพันไม่ครั่นคร้าม | ให้ครบสามสิบหมื่นพื้นตัวดี | |||
| เอาวิหยาสะกำเป็นกองหน้า | ตรวจตราเตรียมกระบวนจงถ้วนถี่ | |||
| อันกองหลังรั้งพลมนตรี | ทั้งสองศรีอนุชาผู้ใจภักดิ์ | |||
| กูจะเป็นจอมพลโยธา | หนุนทัพลูกยาเข้าโหมหัก | |||
| ไม่เกรงวงศ์เทวาสุรารักษ์ | ให้ปรากฏยศศักดิ์เสียครั้งนี้ | |||
| ครั้นเสร็จสั่งมหาเสนา | จึงถามขุนโหราทั้งสี่ | |||
| เราจะยกพลไกรไปต่อตี | พรุ่งนี้ดีร้ายประการใด | |||
| ๏ บัดนั้น | โหราราชครูผู้ใหญ่ | |||
| รับรสพจนาตถ์ภูวไนย | คลี่ตำหรับขับไล่ไปมา | |||
| เทียบดูดวงชตาพระทรงยศ | กับโอรสถึงฆาตชันษา | |||
| ตั้งชั้นโชคโยคยามยาตรา | พระเคราะห์ขัดฤกษ์พาสารพัน | |||
| จึงทูลว่าถ้ายกวันพรุ่งนี้ | จะเสียชัยไพรีเป็นแม่นมั่น | |||
| งดอยู่อย่าเสด็จสักเจ็ดวัน | ถ้าพันนั้นก็เห็นไม่เป็นไร | |||
| ขอพระองค์จงกำหนดงดยาตรา | ฟังคำโหราหาฤกษ์ใหม่ | |||
| อันการยุทธยิงชิงชัย | หนักหน่วยน้ำพระทัยดูให้ดี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี | |||
| ได้ฟังโหราพาที | จึงมีพจนาตถ์ประภาษไป | |||
| เมื่อบัญชาการกำหนดทัพ | แล้วจะกลับงดอยู่อย่างไรได้ | |||
| อายแก่ไพร่ฟ้าเสนาใน | จะว่ากลัวฤทธิไกรไพริน | |||
| จำจะไปต้านต่อรอฤทธิ์ | ถึงม้วยมิดมิให้ใครดูหมิ่น | |||
| เกียรติยศจะไว้ในธรณิน | จนสุดสิ้นดินแดนแผ่นฟ้า | |||
| ประการหนึ่งถ้าว่าช้าวันไป | ทัพใหญ่จะมาพร้อมยังดาหา | |||
| จะต้องหักหนักมือโยธา | เห็นจะยากยิ่งกว่านี้ไป | |||
| สุดแท้แต่บุญกับกรรม | จะฟังคำโหรานั้นหาไม่ | |||
| ตรัสพลางเสด็จคลาไคล | เข้าในไพชยนต์มนเทียรทอง | |||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงดะหมังทั้งสอง | |||
| ให้ประชุมนายทัพนายกอง | พร้อมกันที่ท้องสนามใน | |||
| ๏ จึงกะเกณฑ์กำหนดกฎหมาย | ทุกมูลนายตรวจตราหาไพร่ | |||
| หมวดหมู่ผู้คนของใคร | จะบอกขาดป่วยไข้นั้นไม่ฟัง | |||
| ที่มีเกวียนเกณฑ์บรรทุกลำเลียง | ใส่เสบียงครบคนละสิบถัง | |||
| ไพร่หลวงต่างกรมสมกำลัง | พร้อมพรั่งแออัดขนัดปืน | |||
| บ้างจัดหาหอกดาบหาบคอน | จอบพร้าผ้าผ่อนหลายผืน | |||
| เอาโคต่างช้างม้าออกมายืน | คั่งคับนับหมื่นมากมาย | |||
| พวกกองนอกนั้นเกณฑ์ทำทาง | ปลูกฉางถางที่ตั้งค่าย | |||
| แบ่งกองป้องกันอันตราย | ไพร่นายทั้งปวงให้ล่วงไป | |||
| จัดถ้วนกระบวนทัพหน้าหลัง | กองฝรั่งตั้งเตรียมปืนใหญ่ | |||
| แล้วเทียมรถประทับกับเกยไว้ | สารวัดตรวจไตรไปมา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงนาถา | |||
| บรรทมตื่นฟื้นฟังนาฬิกา | พอเวลาย่ำรุ่งราตรี | |||
| จึงตรัสเรียกโอรสยศยง | ชวนองค์อนุชาทั้งสองศรี | |||
| ต่างเสด็จจากแท่นมณี | ไปเข้าที่โสรจสรงคงคาลัย | |||
| ๏ สี่องค์ชำระสระสนาน | สำราญสรรพางค์ผ่องใส | |||
| สุคนธารกลิ่นฟุ้งจรุงใจ | ต่างใส่สนับเพลาเชิงงอน | |||
| ภูษายกแย่งครุฑภุชงค์ | ฉลององค์ตาดโหมดม่วงอ่อน | |||
| ผ้าทิพย์ขลิบสลับซับซ้อน | ปั้นเหน่งค่าพระนครคาดรัด | |||
| ทับทรวงสังวาลประดับเพ็ชร์ | น้ำหนักแต่ละเม็ดเจ็ดกะหรัด | |||
| ทองกรมุกดาดวงช่วงชัด | ธำมรงค์เนาวรัตน์รจนา | |||
| ทรงใส่ชฎาแก้วแพรวพราย | กรรเจียกห้อยพลอยรายซ้ายขวา | |||
| เหน็บกฤชฤทธิไกรแล้วไคลคลา | เสด็จไปเกยชาลาหน้าพระลาน | |||
| ๏ ต่างองค์ขึ้นทรงรถมณี | ให้คลายคลี่กรีธาทวยหาญ | |||
| ออกตามทิศพิธีโขลนทวาร | ล่วงด่านผ่านมาในอารญ | |||
| ๏ รถเอยราชรถแก้ว | ทั้งสี่รถพรายแพรวเวหน | |||
| บัลลังก์ลอยคล้อยเคลื่อนมากลางพล | งอนระหงธงบนสะบัดปลาย | |||
| สารถีนั่งหน้าถือธนู | เทียมอาชาห้าคู่ผันผาย | |||
| เครื่องสูงครบเคียงเรียงราย | อภิรุมชุมสายพรายพรรณ | |||
| กองหน้าแต่พื้นถือปืนแดง | ม้าแซงช้างเขนสลับคั่น | |||
| กองหลวงกองหลังคั่งกัน | ประโคมฆ้องกลองลั่นสนั่นดง | |||
| ทัพหนุนเนื่องแน่นพนาสิน | ลูกดินหาบหามตามส่ง | |||
| บ้างลากปืนจินดาจ่ารง | สำคัญธงนำหน้าคลาไคล | |||
| ๏ มาถึงแดนเมืองบุหราหงัน | เขตต์ขัณฑ์ดาหากรุงใหญ่ | |||
| จึงตรัสสั่งเสนาบรรดาไป | หมวดกองของใครกำชับกัน | |||
| หยุดไหนให้ตั้งค่ายนอน | ทุกสำนักพักผ่อนพลขันธ์ | |||
| จะเดินทัพหน้าหลังทั้งนั้น | ให้กองพันกองร้อยระวังระไว | |||
| เกลือกศัตรูจะจู่โจมตี | ในทางที่จะข้ามแม่น้ำใหญ่ | |||
| ถึงช่องแคบช่องเขาแห่งไร | อย่าไว้ใจจัดกองออกป้องกัน | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนาสามนต์คนขยัน | |||
| รับสั่งพระองค์ทรงธรรม์ | มาบอกกันกำชับทั้งทัพชัย | |||
| นายกองซ้ายขวาหน้าหลัง | คอยระวังมิให้เสียกระบวนได้ | |||
| หยุดพลจตุรงค์ลงไว้ | ตรวจไตรตามพระบัญชาการ | |||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายพวกกองเกณฑ์ตระเวนด่าน | |||
| นั่งทางอยู่กลางดงดาน | คอยเหตุเภทพาลไพรี | |||
| ได้ยินเสียงฟันไม้ในไพรเพรียก | ก็ร้อยเรียกพวกเพื่อนออกจากที่ | |||
| มาแอบฟังริมฝั่งวารี | เสียงช้างม้ามี่อึงไป | |||
| บ้างชวนกันขึ้นบนต้นไม้มอง | แลเห็นเป็นกองทัพใหญ่ | |||
| หมายประมาณพวกพลสกลไกร | ดูไปไม่สิ้นสุดตา | |||
| ต่างคนแจ้งใจในเหตุการณ์ | ก็ลนลานลงจากพฤกษา | |||
| ค่อยเล็ดลอดดอดด้อมมองมา | ที่ชายดงพงคาป่าชัฎ | |||
| พบคนสองคนด้นตัดไม้ | พร้อมกันออกไล่ล้อมสกัด | |||
| รุมจับตัวได้ให้ผูกมัด | แล้วพาลัดเลาะป่ามานอกทาง | |||
| ๏ ครั้นถึงเมืองรีบมาหาผู้รั้ง | ให้บ่าวคุมคนนั่งอยู่ข้างล่าง | |||
| ขุนด่านคลานขึ้นศาลากลาง | กราบพลางทางเรียนเนื้อความไป | |||
| ข้าเลียบด่านพานพบกองทัพ | ก็ซุ่มอยู่จู่จับคนได้ | |||
| ชาวกะหมังกุหนิงกรุงไกร | เห็นจะเป็นศึกใหญ่ยกมา | |||
| ไพร่พลนับแสนแน่นดง | ทวนธงแดงดาษไปทั้งป่า | |||
| แต่ทีพบกองทัพกับพารา | แม้นว่าเดินลำลองก็สองวัน | |||
| ๏ บัดนั้น | ระตูผู้รั้งบุหราหงัน | |||
| ยกกระบัตรปลัดนั่งพร้อมกัน | ฟังข่าวคิดพรั่นอยู่ในใจ | |||
| ท่านเจ้าเมืองจึงสั่งบังคับ | เอาตัวคนที่จับมาได้ | |||
| พะทำมะรงจงถามซักไซ้ | ว่าผู้ใดใครมาเป็นแม่ทัพ | |||
| ๏ บัดนั้น | พะทำมะรงพร้อมพรั่งนั่งกำกับ | |||
| เอาคนโทษออกมาถามตามบังคับ | บ้างสำทับขู่ว่าจะฆ่าตี | |||
| พวกพลเท่าไรใครยกมา | เร่งว่าตามจริงจงถ้วนถี่ | |||
| จะเป็นศึกเสนาบดี | หรือทัพท้าวเจ้าบุรียกมา | |||
| ๏ บัดนั้น | สองคนจวนตัวกลัวจะฆ่า | |||
| ยกมือไหว้ใจนึกภาวนา | ให้การว่าตามจริงทุกสิ่งอัน | |||
| ๏ บัดนั้น | ผู้รั้งฟังความเห็นเหมาะมั่น | |||
| จึงปรึกษากรมการทั้งนั้น | จำจะคิดป้องกันเมืองไว้ | |||
| ว่าพลางทางสั่งหลวงพล | เร่งแบ่งคนผ่อนครัวเสียจงได้ | |||
| บ้านเมืองรายทางที่ห่างไกล | ออกไปบอกกันให้ทันที | |||
| แล้วเกณฑ์คนเข้ามารักษาค่าย | จงรอบรายประจำทุกหน้าที่ | |||
| ปืนผาอาวุธของใครมี | กฤชกระบี่สำหรับมือถือมา | |||
| ข้าศึกสองคนที่จับได้ | มหาดไทยคุมตัวไปดาหา | |||
| แต่งหนังสือบอกคดีตีตรา | รีบไปในเวลาพรุ่งนี้ | |||
| ๏ บัดนั้น | พระหลวงขุนหมื่นอึงมี่ | |||
| รับคำผู้รั้งสั่งคดี | ต่างไปจากที่ศาลา | |||
| บ้างกะเกณฑ์ผู้คนอลหม่าน | นายบ้านเที่ยวเร่งเรียกหา | |||
| ทั้งนอกเมืองในเมืองเนื่องมา | พร้อมกันยังหน้าศาลากลาง | |||
| ตัวนายจ่ายปืนสำหรับยุทธ | ตรวจเตรียมอาวุธต่าง ๆ | |||
| ยกปืนฉัตรชัยขึ้นใส่ราง | ผูกประจำที่ทางทุกป้อมไป | |||
| บ้างบอกเหล่าชาวบ้านให้รู้ทั่ว | จงผ่อนครัววัวควายแอกไถ | |||
| เร่งเก็บของข้างอย่าเอาไว้ | อพยพยกไปในพรุ่งนี้ | |||
| มหาดไทยให้ทำหนังสือบอก | จำลองลอกลงกระดาษถ้วนถี่ | |||
| เรียกหาบ่าวไพร่ได้ทันที | ให้คุมไพรีที่จับมา | |||
| จำตะโหงกใส่ลิ่มขื่อมือ | ผู้คุมถือเชือกเดินนำหน้า | |||
| แล้วขุนมหาดไทยไปขึ้นม้า | เร่งรัดรีบพรากันคลาไคล | |||
| ๏ บัดนั้น | ฝูงคนชนบทน้อยใหญ่ | |||
| ครั้นรู้ข่าวศึกมาไม่ไว้ใจ | บ้านช่องของใครก็ผ่อนครั้ว | |||
| พวกผู้หญิงวิ่งหาแสรกคาน | ลนลานแบ่งเสบียงไว้ให้ผัว | |||
| เอาผ้าคาดอกมั่นพันพัว | เตรียมตัวเก็บของใส่หาบคอน | |||
| บ้างขนของน้าป้าย่ายาย | ฝืมผ้ายฟูกเบาะเมาะหมอน | |||
| ช่วยกันหาบหิ้วหอบที่นอน | ลูกอ่อนอุ้มจูงมารุงรัง | |||
| บ้างชวนชักพรรคพวกพี่น้อง | ยักย้ายเงินทองไปเที่ยวฝัง | |||
| ซุบซิบพูดกันมิให้ดัง | ซ่อนมิดปิดบังไม่บอกใคร | |||
| เหล่าพวกแม่หม้ายไร้ลูกผัว | หาบคอนของตัวมาตามได้ | |||
| เข้าประสมกรมการที่คุมไป | พูดจาเกลี่ยไกล่เป็นไมตรี | |||
| ทุกถิ่นฐานบ้านเรือนรายทาง | ก็ยกครัววัวต่างออกจากที่ | |||
| ทั้งครอบครัวหัวเมืองบรรดามี | อพยพหลบหนีเข้าป่าดง | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงสูงส่ง | |||
| หยุดสำนักพักพลจตุรงค์ | ประทับแรมริมดงพงไพร | |||
| ครั้นอรุณเรื่อแรงแสงทอง | ให้ลั่นฆ้องสำคัญหวั่นไหว | |||
| ทัพหน้าดำเนินธงชัย | คลายเคลื่อนพลไกรจรจรัล | |||
| ๏ ครั้นถึงริมฝั่งคงคา | ฟากท่าหน้าเมืองบุหราหงัน | |||
| เห็นป้อมค่ายคูรอบขอบคัน | หอรบนางจรัลเรียงราย | |||
| จึงดำรัสตรัสสั่งบังคับ | แก่นายทัพนายกองทั้งหลาย | |||
| เร่งข้ามพหลพลนิกาย | เดินค่ายเข้าประชิดติดพารา | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนีนายกองทัพหน้า | |||
| ได้แจ้งแห่งราชบัญชา | ต่างคุมโยธามาทันใด | |||
| วางกองเหนือน้ำประจำฝั่ง | ขุดสนามเพลาะบังปืนใหญ่ | |||
| ลูกหาบเร่งรัดตัดไม้ | ขนส่งลงไปริมวารี | |||
| ๏ บัดนั้น | ชาวเมืองไม่ท้อถอยหนี | |||
| ประจุปืนป้อมพลันทันที | หมายที่ท่าข้ามคนประชุม | |||
| เห็นตรงทางแล้ววางใหญ่ | ฉัตรชัยมณฑกนกคุ่ม | |||
| จุดปืนหลักลั่นควันคลุ้ม | กลบกลุ้มไปกลางคงคา | |||
| ๏ บัดนั้น | พวกทหารชาญชัยใจกล้า | |||
| พูนสนามเพลาะตั้งบังตา | วัดวาหน้าที่ทำการ | |||
| บ้างลงหลักปักเรือกออกไป | ผ่าไม้ตีตะล่อมอลหม่าน | |||
| ขนศิลามาใส่เป็นเสาตะพาน | ตะม่อค้ำซ้ำกรานขาทราย | |||
| บนหลังรอดทอดตงเรียงชิด | ผูกบิดลูกชะเนาะเปลาะหวาย | |||
| ที่น้ำลึกเป็นห้วงพ่วงแพราย | ทอดสายทุ่นถ่วงหน่วงรั้ง | |||
| บ้างตีเรือกรัดขัดลายสาม | ปูพื้นตะพานข้ามไปถึงฝั่ง | |||
| แล้วฉายที่ตลิ่งชันกันดินพัง | ประชิดตั้งค่ายตับขึ้นฉับพลัน | |||
| ๏ บัดนั้น | กรมการตัวนายในค่ายมั่น | |||
| จัดแจงแบ่งคนได้สามพัน | ยกออกทะลวงฟันทันที | |||
| ทหารปืนยืนยิงกลางแปลง | บ้างวิ่งเข้าโถมแทงจนถึงที่ | |||
| หักด่านตะพานเรือกริมวารี | ต่อตีตะลุมบอนรอนรบ | |||
| ๏ บัดนั้น | พวกกองทัพรับไว้ไม่หลีกหลบ | |||
| แย้งยิงปืนระดมสมทบ | รุกรบไพรีตีประดา | |||
| เหล่าพวกลำลองกองแซง | ขับม้าทวนทางแข่งหน้า | |||
| แยกปืนหลีกเลยลงมา | กระหนาบข้างซ้ายขวาฝ่าแทง | |||
| ๏ บัดนั้น | ชาวเมืองบุหราหงันขันแข็ง | |||
| คนน้อยถอยล่อต่อแย้ง | แอบแฝงไม้ยิงหยุดรับ | |||
| ผลัดกันรั้งหลังระวังทาง | หนีพลางวางปืนปล่อยตับ | |||
| ตีฆ้องสำคัญสัญญาทัพ | ม้วนธงถอยกลับเข้าในเมือง | |||
| ๏ บัดนั้น | พวกทัพหน้าทัพหนุนแน่นเนื่อง | |||
| ขุดดินค่ายตับขยับเยื้อง | ถึงมุมเมืองคูคั่นชั้นใน | |||
| ทำหอรบเสร็จสรรพ์วิหลั่นบัง | ยกตั้งประชิดเข้าไปใกล้ | |||
| เกณฑ์คนขึ้นคอยประจำไว้ | ปืนใหญ่ยิงตอบกันไปมา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | วิหยาสะกำใจกล้า | |||
| ให้กองทัพประชิดติดพารา | เห็นว่าเกือบใกล้ได้ท่วงที | |||
| จึงตรัสสั่งสารวัดตรวจค่าย | จงไปบอกตัวนายทุกหน้าที่ | |||
| เร่งคนปล้นปีนเข้าบุรี | รีบตีอย่าไว้ให้ช้าวัน | |||
| ๏ บัดนั้น | สารวัดกองตรวจกวดขัน | |||
| รับสั่งแล้วรีบเร็วพลัน | ไปบอกกันตามมีพระบัญชา | |||
| ๏ บัดนั้น | พวกทหารตัวนายค่ายหน้า | |||
| ให้ตีกลองสำคัญสัญญา | ต่างต้อนโยธาเข้าชิงชัย | |||
| ทะลายรั้วขวากลงตรงประตู | เอาแตะทิ้งทับคูข้ามไปได้ | |||
| ระดมปืนครีนครั่นสนั่นไป | ยกบันไดพาดปืนขึ้นทันที | |||
| ๏ บัดนั้น | ชาวเมืองซึ่งประจำหน้าที่ | |||
| สอดแทงแย้งยิงไพรี | ไม่ท้อถอยคอยทีต้านทาน | |||
| วางปืนตับตอบรอบค่าย | คนรายรักษาทุกหน้าด้าน | |||
| ชักปีกกากั้นประจัญบาน | บ้างทุ่มทิ้งหินผาตังห่าฝน | |||
| ตัวนายรายกำกับพวกพล | ต่างคนคอยรบรับไว้ | |||
| ๏ บัดนั้น | พวกทหารโห่สนั่นหวั่นไหว | |||
| ยัดปืนยืนยิงชิงชัย | หนุนกันขึ้นไปมากมาย | |||
| บ้างวิ่งทึ้งถอนขวากเขากวาง | คืนขว้างเข้าไปในค่าย | |||
| เอาเชื้อชุดจุดคบเพลิงพลาย | เผาทำลายค่ายล่อหอคอย | |||
| กองช้างขับช้างเข้าง้างแย่ง | งวงคว้างาแทงไม่ท้อถอย | |||
| กรุยแตะเสาไต้ใหญ่น้อย | ทั้งทัพยับย่อยลงทันใด | |||
| ๏ บัดนั้น | ชาวเมืองหน้าด่านไม่ทานได้ | |||
| ต่างทิ้งปืนผาอาวุธไว้ | วิ่งวนซนไปออกประตู | |||
| ผู้รั้งทั้งปลัดหลวงพล | สะกัดกั้นฟันคนไว้ไม่อยู่ | |||
| ข้างด้านหลังพังเขื่อนขวากคู | เหยียบกันไม่รู้ว่าไพร่นาย | |||
| บ้างโจนจากสนามเพลาะเลาะลัด | บุกพงหลงพลัดเข้าเซิงหวาย | |||
| บ้างปีนขึ้นต้นไม้ไต่ตะกาย | จวนตัวกลัวตายเต็มที | |||
| ลางคนสุดกำลังลงนั่งหอบ | เสียงใบไม้กรอบก็วิ่งหนี | |||
| แลเห็นพวกเพื่อนว่าไพรี | ท่อยทีตื่นตระหนกตกใจ | |||
| บ้างบุกชัฎลัดดงหลงป่า | ไม่รู้ว่าหนทางอยู่ข้างไหน | |||
| ต่างคนต่างพลัดกันไป | นายไพร่ไม่เป็นสมประดี | |||
| ๏ บัดนั้น | พวกทหารองอาจดังราชสีห์ | |||
| ครั้นหักเข้าไปได้ในบุรี | ขึ้นค้นทุกหน้าที่ทั่วไป | |||
| เก็บเอาหอกดาบปืนผา | ศาสตราอาวุธน้อยใหญ่ | |||
| ขนมาศาลากลางวางไว้ | ส่งให้นายหมวดนายกอง | |||
| บ้างจัดแจงแต่งพลโยธา | ไปลาดหาเสบียงทุกบ้านช่อง | |||
| ให้เหล่าทหารปืนพื้นลำลอง | ตั้งกองประจำไว้ในพารา | |||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายขุนมหาดไทยใจกล้า | |||
| ถือหนังสือคุมคนโทษมา | นอนทางกลางป่าหลายวัน | |||
| ลุถึงดาหาธานี | ลงจากพาชีขมีขมัน | |||
| จึงนำเอาหนังสือบอกนั้น | พากันมายังวังใน | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงตรงไปศาลา | วางตราเสมียนเวรผู้ใหญ่ | |||
| แล้วนำนักโทษนั้นเข้าไป | กราบไหว้แจ้งการท่านเสนา | |||
| ๏ บัดนั้น | ปาเตะได้ฟังไม่กังขา | |||
| ก็ลนลานลงจากศาลา | รีบมาพระโรงคัลมิทันนาน | |||
| ๏ ก้มเกล้ากราบทูลมูลเหตุ | พระปิ่นปักนัคเรศราชฐาน | |||
| บัดนี้มีหนังสือกรรมการ | บอกขานข่าวศึกมาติดพัน | |||
| จับคนมาได้ให้การว่า | จะตีพาราบุหราหงัน | |||
| ราษฎาผ่อนครัวเข้าไพรวัน | พระทรงธรรม์จงทราบฝ่าธุลี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผ่านภพดาหากรุงศรี | |||
| ได้ฟังข่าวราชไพรี | ภูมีสั่งปะหรัดกะติกา | |||
| ไปตรวจทัพเมืองขึ้นของเรานั้น | มาพร้อมกันอยู่นอกดาหา | |||
| ให้ตั้งค่ายรายรอบพารา | รักษาเป็นสองชั้นมั่นไว้ | |||
| ๏ บัดนั้น | ปะหรัดกะติกาบังคมไหว้ | |||
| รับพระบัญชาแล้วคลาไคล | รีบไปเร็วพลันทันที | |||
| ๏ จึงบอกกล่าวท้าวพระยาทั้งหลาย | เร่งตั้งค่ายรายรอบกรุงศรี | |||
| ข้าศึกเห็นจะมาถึงธานี | รับสั่งทั้งนี้อย่านอนใจ | |||
| ๏ บัดนั้น | ท้าวพระยาน้อยใหญ่ | |||
| ฟังกำหนดพจนาตถ์ภูวไนย | ก็ตรวจตราหาไพร่ได้พรั่งพร้อม | |||
| เร่งตั้งค่ายรายรอบกำแพงเมือง | ยักเยื้องมิให้บังหน้าป้อม | |||
| ชักปีกกาถึงกันเป็นหลั่นล้อม | วงอ้อมโอบรอบขอบคู | |||
| ยกหอรบหอคอยลอยตระหง่าน | สับกระดานต้านตั้งบังอยู่ | |||
| รั้วขวากชั้นในไว้ประตู | เสากระทู้เขื่อนขันธ์มั่นคง | |||
| ทุกหน้าค่ายภายนอกออกไป | ก็ก่นไม้ขุดตอไม่หลอหลง | |||
| ฉายจอมปลวกปราบราบลง | ให้เตียนตรงป้อมปืนในพารา | |||
| สนามเพลาะในค่ายรายปืนน้อย | วางคนประจำคอยอยู่รักษา | |||
| แล้วนายกองรีบรัดจัดโยธา | เป็นหมู่หวดตรวจตราทุกราตรี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายวิหยาสะกำเรืองศรี | |||
| ครั้นหักศึกมีชัยได้บุรี | ให้ตรวจเตรียมโยธีทุกกระทรวง | |||
| แล้วยกพลนิกรกองหน้า | ยาตราดำเนินนำทัพหลวง | |||
| ตีเมืองรายทางทั้งปวง | เลยล่วงไปตามมรคา | |||
| ๏ สิบวันดั้นเดินในไพรพง | ก็สิ้นดงตกทุ่งกรุงดาหา | |||
| แลไปเห็นกำแพงพารา | ทั้งมหาปราสาทเรียงรัน | |||
| จึงยับยั้งฟังองค์พระทรงยศ | จะกำหนดให้ตั้งค่ายมั่น | |||
| กองทัพนับแสนแน่นนันต์ | พร้อมกันหยุดอยู่ชายไพร | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเป็นใหญ่ | |||
| เร่งรีบรี้พลสกลไกร | มาใกล้ทิวทุ่งธานี | |||
| เห็นละหานธารน้ำไหลหลั่ง | ร่มไทรใบบังสุริย์ศรี | |||
| จึงดำรัสตรัสสั่งเสนี | ให้ตั้งที่นาคนามตามตำรา | |||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกศา | |||
| ออกมาเกณฑ์กันดังบัญชา | ให้โยธาถางที่นี่นัน | |||
| ๏ ทำค่ายหน้าค่ายหลังตั้งบรรจบ | ยกหอรบขึ้นปรับสับวิหลั่น | |||
| ชักปีกกาขึงไปถึงกัน | ผูกคร่าวสามชั้นขันสะเนาะ | |||
| วางป้อมเป็นจังหวะระยะแย่ง | ใส่บังตางาแซงมั่นเหมาะ | |||
| พูนดินเต็มตรมสนามเพลาะ | ไม่ไผ่เจาะรวงปล้องเป็นช่องปืน | |||
| บ้างปลูกโรงรถคชา | ทั้งที่ผูกช้างม้ามิให้ตื่น | |||
| เสาตะลุงหลักแหล่งแปลงปืน | พ่างพื้นปราบเลี่ยนเตียนตา | |||
| บ้างเร่งทำตำหนักน้อยใหญ่ | เพิงรายรอบในซ้ายขวา | |||
| ข้างนอกค่ายปักขวากดาษดา | ชักเขื่อนเข้าหาประจบมุม | |||
| บ้างจัดคนลำลองทุกกองเกณฑ์ | ออกตระเวนนั่งทางวางหลุม | |||
| คอยเล็ดลอดสอดแนมจับกุม | ชั้นในให้ประชุมจตุรงค์ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงสูงส่ง | |||
| เห็นตั้งค่ายเสร็จพลันมั่นคง | จึงชวนองค์โอรสธิบดี | |||
| ตรัสเรียกสองราชอนุชา | เสด็จจากรถาเรืองศรี | |||
| พร้อมด้วยกิดาหยันเสนี | จรลีขึ้นสุวรรณพลับพลา | |||
| ๏ บัดนั้น | กองร้อยคอยเหตุข้างดาหา | |||
| ออกสอดแนมอยู่นอกพารา | เห็นไพรียกมาถึงชายไพร | |||
| กระบวนทัพหน้าหลังมาตั้งลง | ทิวธงซ้อนซับไม่นับได้ | |||
| เสียงคนอึงอัดตัดไม้ | ราบไปทั้งป่าพนาลี | |||
| ต่างคนต่างเผ่นขึ้นหลังม้า | พลางประมาณหมายตาดูถ้วนถี่ | |||
| แล้วอ้อมออกนอกทุ่งทันที | ขับควบพาชีเข้าเวียงชัย | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงไปแจ้งกิจจา | แก่ปาเตะเสนาผู้ใหญ่ | |||
| เล่าความแต่ต้นจนปลายไป | โดยได้เห็นสิ้นทุกสิ่งอัน | |||
| ๏ บัดนั้น | ปาเตะตกใจไหวหวั่น | |||
| ให้จดเอาถ้อยคำสำคัญ | แล้วผายผันเข้าพระโรงรจนา | |||
| ๏ ก้มเกล้าประณตบทบงสุ์ | ทูลพระองค์ทรงพิภพดาหา | |||
| ว่าไพรีตีเมืองล่วงมา | รี้พลโยธามากมาย | |||
| ม้ารถคชกรรม์ครั่นครื้น | ดังเสียงคลื่นในสมุทไม่ขาดสาย | |||
| บัดนี้มาตั้งยังเนินทราย | ที่ชายทุ่งกับป่าต่อกัน | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหรารังสรรค์ | |||
| ได้ฟังปาเตะทูลพลัน | พระทรงธรรม์ตริตรึกนึกใน | |||
| อันศึกครั้งนี้ซึ่งมีมา | เพราะเขาขอบุษบาเราไม่ให้ | |||
| จึงเป็นเสี้ยนศัตรูหมู่ภัย | น้อยใจด้วยอิเหนานัดดา | |||
| แกล้งจะให้เกิดการโกลาหล | ร้อนรนไปทั่วทุกเส้นหญ้า | |||
| เสื่อมเดชเพศพงศ์เทวา | ศึกมาถึงราชธานี | |||
| คิดพลางทางสั่งเสนาใน | เร่งให้เกณฑ์คนขึ้นหน้าที่ | |||
| รักษามั่นไว้ในบุรี | จะดูทีข้าศึกซึ่งยกมา | |||
| อนึ่งจะคอยท่าม้าใช้ | ที่ให้ไปแจ้งเหตุพระเชษฐา | |||
| กับสองศรีราชอนุชา | ยังจะมาช่วยหรือประการใด | |||
| แม้นจะเคืองขัดตัดรอน | ทั้งสามพระนครหาช่วยไม่ | |||
| แต่ผู้เดียวจะเคี่ยวสงครามไป | จะยากเย็นเป็นกระไรก็ตามที | |||
| ๏ บัดนั้น | ปาเตะประณตบทศรี | |||
| ออกมาเกณฑ์ไพร่พลมนตรี | ตามมีพระบัญชาการ | |||
| ๏ เร่งรัดจัดพลอาสา | ขึ้นประจำเสมาทุกหน้าด้าน | |||
| ประตูเมืองสี่ทิศให้ปิดบาน | ลงเขื่อนมั่นลั่นดาลทันใด | |||
| เหล่าพวกกองฝรั่งพรั่งพร้อม | ขึ้นอยู่ป้อมประจะปืนใหญ่ | |||
| กะเกณฑ์กองกลางวางไว้ | เสียงปืนหนักไหนให้ไปทัน | |||
| อันโยธาอาสาหกเหล่า | ทั้งเกณฑ์หัดจัดเข้าเป็นกองขัน | |||
| สามารถอาจออกทะลวงฟัน | รายกันตั้งกองริมกำแพง | |||
| ล้อมวังตั้งล้อมพระนิเวศน์ | วางม้าคอยเหตุไว้สี่แห่ง | |||
| กองตระเวนสารวัดจัดแจง | ตกแต่งตรวจตราทั้งธานี | |||
| ๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงสุหรานากงเรืองศรี | |||
| กับเสนากาหลังบุรี | ยกพลมนตรีรับมา | |||
| แรมร้อนนอนป่าสิบห้าวัน | ก็ละถึงเขตต์ขัณฑ์ดาหา | |||
| ได้ข่าวปัจจามิตรติดพารา | ก็เร่งยกโยธาเข้ากรุงไกร | |||
| ๏ ครั้งถึงกึ่งกลางพระนคร | จึงหยุดพลนิกรน้อยใหญ่ | |||
| แล้วชวนตำมะหงงคลาไคล | เข้าไปที่เฝ้าพระผ่านฟ้า | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | |||
| เห็นสุหรานางนัดดา | กับเสนากาหลังบุรี | |||
| จึงมีบัญชาปราไส | เราขอบใจอนุชาทั้งสองศรี | |||
| ให้ยกมาช่วยต่อตี | ก็เห็นชอบท่วงทีดีนัก | |||
| แต่การศึกครั้งนี้ไม่ควรเป็น | เกิดเข็ญเพราะลูกอัประลักษณ์ | |||
| จะมีคู่ผู้ชายก็ไม่รัก | จึงหักให้สาสมใจ | |||
| อันองค์พระบรมเชษฐา | เห็นจะให้ใครมาหรือหาไม่ | |||
| เจ้ามาในทางพนาลัย | ยังได้ข่าวบ้างหรือนัดดา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | สุหรานากงวงศา | |||
| ก้มเกล้าทูลสนองพระบัญชา | ข้ามาแจ้งข่าวที่กลางคัน | |||
| พระปิ่นภพกุเรปันธานี | ให้กะหรัดติปาตีเป็นทัพขัน | |||
| ยกจากเวียงชัยได้หลายวัน | บรรจบกันกับระเด่นมนตรีมา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | |||
| ฟังสุหรานากงนัดดา | จึงมีบัญชาว่าไป | |||
| อันกะหรัดติปาตีจะมาช่วย | เห็นจะจริงอยู่ด้วยไม่สงสัย | |||
| แต่อิเหนาเขาจะมาทำไม | ผิดไปเจ้าอย่าเจรจา | |||
| พระเชษฐาให้สารไปกี่ครั้ง | เขายังไม่จากหมันยา | |||
| จนสลัดตัดการวิวาห์ | ศึกติดพาราก็เพราะใคร | |||
| เห็นจะรักเมียงจริงยิ่งกว่าญาติ | ไหนจะคลาดจากเมืองหมันยาได้ | |||
| ถึงมาตรจะมาก็จำใจ | ด้วยกลัวภัยพระราชบิดา | |||
| เราอย่าคอยเขาเลยนะหลานรัก | ก้มพักตร์รบศึกไปดีกว่า | |||
| แต่ว่าวันนี้เจ้าเหนื่อยมา | จงไปพักโยธาให้สำราญ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | สุหรานากงใจหาญ | |||
| ก้มเกล้าสนองพจมาน | อันการสงครามครั้งนี้ | |||
| จะขอเอาเมืองขึ้นบรรดามา | กับโยธาสิงหัดส่าหรี | |||
| ยกออกโรมรันประจัญตี | ดูทีฝีมือปัจจามิตร | |||
| ถ้าเห็นศึกย่นย่อท้อกำลัง | จะโหมหักมิให้ตั้งตัวติด | |||
| ขออาสากว่าจะสิ้นสุดฤทธิ์ | ชีวิตอยู่ใต้บาทบงสุ์ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผ่านภพดาหาสูงส่ง | |||
| จึงตรัสตอบสุหรานากง | เจ้าคิดอ่านการณรงค์ทนงนัก | |||
| ทัพเขายกมาย่อมสามารถ | ทั้งสิทธิ์ขาดความคิดแหลมหลัก | |||
| ม้ารถคชพลก็พร้อมพรัก | หมายจะหักที่กล้าด้วยกัน | |||
| ไม่ควรจะด่วนออกชิงชัย | ชอบอยู่ในพารารักษามั่น | |||
| แม้นข้าศึกประชิดติดพัน | บุกบั่นเข้าปล้นปีนกำแพง | |||
| เราจะรบรับไว้ให้หยุดยั้ง | แต่พอผ่อนหย่อนกำลังเข้มแข็ง | |||
| จึงยกหนักออกหักเอากลางแปลง | จะมีชัยไม่แคลงวิญญาณ์ | |||
| ทัพช่วยก็ไม่ช้าจะมาทัน | พร้อมกันตีกระหนาบหลังหน้า | |||
| รุกรบกระทบนอกเข้ามา | เห็นศึกก็จะล่าเลิกไป | |||
| เจ้าเป็นผู้บัญชาในธานี | โยธาหน้าที่เอาใจใส่ | |||
| ตรัสแล้วลีลาคลาไคล | เข้าในปราสาทรจนา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | สุหรานากงวงศา | |||
| ครั้นเสด็จขึ้นแล้วก็ไคลคลา | ออกมาที่อยู่ภูมี | |||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายดะหมังกุเรปันกรุงศรี | |||
| ครั้นถึงหมันยาธานี | ก็ตรงไปยังที่ประเสบัน | |||
| ขึ้นบนชาลพักตำหนักนอก | พอเห็นเสด็จออกกิดาหยัน | |||
| จึงเข้าไปใกล้องค์พระทรงธรรม์ | อภิวันท์แล้วถวายสารา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา | |||
| คลี่สารสมเด็จพระบิดา | พลางทอดทัศนาทันใด | |||
| ๏ ในลักษณ์นั้นว่าปัจจามิตร | มาตั้งติดดาหากรุงใหญ่ | |||
| จงเร่งรีบรี้พลสกลไกร | ไปช่วยชิงชัยให้ทันที | |||
| ถึงไม่เลี้ยงบุษบาเห็นว่าชั่ว | แต่เขารู้อยู่ว่าตัวนั้นเป็นพี่ | |||
| อันองค์ท้าวดาหาธิบดี | นั้นมิใช่อาหรือว่าไร | |||
| มาตรแม้นเสียเมืองดาหา | จะพลอยอายขายหน้าหรือหาไม่ | |||
| ซึ่งเกิดศึกสาเหตุเภทภัย | ก็เพราะใครทำความไว้งามพักตร์ | |||
| ครั้งหนึ่งก็ให้เสียวาจา | อายชาวดาหาอาณาจักร | |||
| ครั้งนี้เร่งคิดดูจงนัก | จะซ้ำให้เสียศักดิ์ก็ตามที | |||
| แม้นมิยกพลไกรไปช่วย | ถึงเราม้วยก็อย่ามาดูผี | |||
| อย่าดูทั้งเปลวอัคคี | แต่วันนี้ขาดกันจนบรรลัย | |||
| ๏ ครั้นอ่านสารเสร็จสิ้นพระทรงฤทธิ์ | ถอนฤาทัยให้คิดสงสัย | |||
| บุษบาจักงามสักเพียงไร | จึงต้องใจระตูทุกบุรี | |||
| หลงรักรูปนางแต่อย่างนั้น | จะพากันมาม้วยไม่พอที่ | |||
| แม้นงามเหมือนจินตะหราวาตี | ถึงจะเสียชีวีก็ควรนัก | |||
| แล้วตรัสแก่ดะหมังเสนา | เราจะยกโยธาไปโหมหัก | |||
| มิให้เสียวงศาสุรารักษ์ | งดสักเจ็ดวันจะยกไป | |||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังบังคมประณมไหว้ | |||
| ทูลว่าช้านักภูวไนย | เกลือกไปไม่ทันจะเสียที | |||
| เชิญเสด็จคลาไคลไปก่อน | แล้วจึงค่อยผันผ่อนมากรุงศรี | |||
| อันข้าศึกยกมาต่อตี | ป่านนี้จะประชิดติดกรุงไกร | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวาอัชฌาสัย | |||
| สุดที่จะบิดเบือนเลื่อนวันไป | ด้วยเกรงในบิตุเรศตัดมา | |||
| ความกลัวความรักสลักทรวง | ให้เป็นห่วงหนหลังกังวลหน้า | |||
| แต่เรรวนหวนนึกตรึกตรา | พระราชาสะท้อนถอนใจ | |||
| จึงดำรัสตรัสสั่งตำมะหงง | เร่งเตรียมจตุรงค์ทัพใหญ่ | |||
| ม้ารถคชสารชาญชัย | รีบรัดจัดไว้ให้ครบครัน | |||
| เลือกสรรโยธาจงสามารถ | ที่อยู่คงองอาจแข็งขัน | |||
| แต่ปืนตึงก็ถึงทันควัน | เข้าโรมรุกบุกบันฟันแทง | |||
| เราจะตัดศึกใหญ่ให้ย่อย่น | ด้วยกำลังรี้พลเข้มแข็ง | |||
| แม้นไพรีหนีมือกลางแปลง | เห็นหักได้ไม่แคลงวิญญาณ์ | |||
| ฤกษ์รุ่งพรุ่งนี้จะยกไป | ชิงชัยช่วยกรุงดาหา | |||
| สั่งเสร็จเสด็จทรงอาชา | ไปเฝ้าท้าวหมันหยาฉับพลัน | |||
| ๏ ครั้นถึงนิเวศน์วังใน | ลงจากมโนมัยผายผัน | |||
| ยุรยาตรนาดกรจรจรัล | เข้าพระโรงสุวรรณทันใด | |||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังกุเรปันกรุงใหญ่ | |||
| จึงรีบไปหาเสนาใน | แถลงไขข้อความตามคดี | |||
| ๏ บัดนั้น | อำมาตย์หมันหยากรุงศรี | |||
| ได้แจ้งแห่งดะหมังเสนี | ก็พาไปในที่พระโรงคัล | |||
| ๏ ก้มเกล้าประณตบทมาลย์ | พระผู้ผ่านเวียงชัยไอศวรรย์ | |||
| ทูลเบิกดะหมังเสนานั้น | ว่าพระปิ่นกุเรปันใช้มา | |||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังผู้มียศฐาน์ | |||
| นบนิ้วบังคมคัลวันทา | ทูลถวายสาราพระภูมี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยากรุงศรี | |||
| รับสารมาจากเสนี | แล้วคลี่ออกอ่านทันใด | |||
| ๏ ในลักษณ์อักษรสารา | ว่าระตูหมันหยาเป็นผู้ใหญ่ | |||
| มีราชธิดายาใจ | แกล้งให้แต่งตัวไว้ยั่วชาย | |||
| จนลูกเราร้างคู่ตุนาหงัน | ไปหลงรักผูกพันมั่นหมาย | |||
| จะให้ชิงผัวเขาเอาเด็ดตาย | ช่างไม่อายไพร่ฟ้าประชาชน | |||
| บัดนี้ศึกประชิดติดดาหา | กิจจาลือแจ้งทุกแห่งหน | |||
| เสียการงานวิวาห์จลาจล | ต่างคนค่างข้องหมองใจ | |||
| การสงครามครั้งนี้มิไปช่วย | ยังเห็นชอยอยู่ด้วยหรือไฉน | |||
| จะตัดวงศ์ตัดญาติให้ขาดไป | ก็ตามแต่น้ำใจจะเห็นดี | |||
| ๏ ทรงอ่านสารเสร็จสิ้นเรื่อง | กลัวจะเคืองขุ่นข้องหมองศรี | |||
| จึงยื่นสารให้ระเด่นมนตรี | แล้วมีพจนาตถ์วาจา | |||
| เห็นงามอยู่แล้วหรือหลานรัก | เจ้าหาญหักไม่ฟังคำข้า | |||
| มาพลอยได้ความผิดด้วยนัดดา | หาให้อยู่กับจินตะหราไม่ | |||
| อย่าหน่วงหนักชักช้าเร่งคลาไคล | รีบไปให้ทันท่วงที | |||
| อันระเด่นดาหยนวงศา | จงคุมพลหมันหยากรุงศรี | |||
| สมทบทัพระเด่นมนตรี | ได้ฤกษ์รุ่งพรุ่งนี้จงยาตรา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา | |||
| รับสั่งแล้วบังคมลา | ไปปราสาทจินตะหราวาตี | |||
| ๏ ครั้นถึงแท่นสุวรรณบรรจง | นั่งแนบองค์นางโฉมศรี | |||
| ทอดถอนฤทัยพลางทางพาที | ภูมีแจ้งความแก่ทรามวัย | |||
| บัดนี้ดะหมังเสนา | ถือสารพระบิดามาให้ | |||
| เป็นเหตุด้วยดาหาเวียงชัย | เกิดการศึกใหญ่ไพรี | |||
| ให้พี่กรีธาทัพขัน | ไปช่วยป้องกันกรุงศรี | |||
| จะรีบยกพหลมนตรี | พรุ่งนี้ให้ทันพระบัญชา | |||
| อยู่จงดีเถิดพี่จะลาน้อง | อย่าหม่นหมองเศร้าสร้อยละห้อยหา | |||
| เสร็จศึกวันไรจะไคลคลา | กลับมาสู่สมภิรมรัก | |||
| ๏ เมื่อนั้น | จินตะหราวาตีมีศักดิ์ | |||
| ฟังตรัสขัดแค้นฤทัยนัก | สะบัดพักตร์ผินหลังไม่บังคม | |||
| แล้วตอบถ้อยน้อยหรือพระทรงฤทธิ์ | ช่างประดิดคิดความพองามสม | |||
| ล้วนกล่าวแกล้งแสร้งเสเล่ห์ลม | คดคมแยบคายหลายชั้น | |||
| พระจะไปดาหาปราบข้าศึก | หรือรำลึกถึงคู่ตุนาหงัน | |||
| ด้วยสงครามในจิตต์ติดพัน | จึงบิดผันพจนาไม่อาลัย | |||
| ไหนพระผ่านฟ้าสัญญาน้อง | จะปกป้องครองความพิสมัย | |||
| ไม่นิราศแรมร้างห่างไกล | จนบรรลัยมอดม้วยไปด้วยกัน | |||
| พระวาจาน่าเชื่อเป็นพ้นนัก | จึงหลงรักภักดีไม่เดียดฉัน | |||
| พาซื่อสุจริตคิดสำคัญ | หมายมั่นว่าเมตตาปราณี | |||
| มิรู้มาอาภัพกลับกลาย | จะหลีกเลี่ยงเบี่ยงบ่ายหน่ายหนี | |||
| ยังสมคำสัญญาพาที | กี่ร้อยปีพระจะกลับคืนมา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวันอสัญหยา | |||
| โลมนางพลางกล่าววาจา | จงผินมาพาทีด้วยพี่ชาย | |||
| เป็นสัจจาจริงไม่ทิ้งน้อง | ว่าจะครองไมตรีไม่หนีหน่าย | |||
| มิได้แกล้งพาทีภิปราย | อย่าสงกาว่าจะวายคลายรัก | |||
| จะจำจากโฉมเฉลาเยาวเรศ | เพราะเกรงเดชบิตุรงค์ทรงศักดิ์ | |||
| ข้อความงามแคลงกินแหนงนัก | ด้วยเจ้าไม่ประจักษ์ที่จริงใจ | |||
| สมเด็จพระบิดาให้หาพี่ | ใช่แต่ครั้งนี้นั้นหาไม่ | |||
| ถึงสองครั้งพี่ขัดรับสั่งไว้ | ยังมิได้บอกเจ้าให้แจ้งการ | |||
| บัดนี้เกิดศึกก็สุดคิด | จนจิตต์ที่จะขัดพระบรรหาร | |||
| สารามีมาเป็นพยาน | พระยื่นสารให้นางทัศนา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา | |||
| ค้อนให้ไม่แลดูสารา | กัลยาคั่งแค้นแน่นใจ | |||
| โอ้ว่าอนิจจาความรัก | พึ่งประจักษ์ดังสายน้ำไหล | |||
| ตั้งแต่จะเชี่ยวเป็นเกลียวไป | ไหนเลยจะไหลกลับมา | |||
| สตรีใดในพิภพจบแดน | ไม่มีใครได้แค้นเหมือนอกข้า | |||
| ด้วยใฝ่รักให้เกินพักตรา | จะมีแต่เวทนาเป็นเนืองนิตย์ | |||
| โอ้ว่าน่าเสียดายตัวนัก | เพราะเชื่อลิ้นหลงรักจึงช้ำจิตต์ | |||
| จะออกชื่อลือชั่วไปทั่วทิศ | เมื่อพลั้งคิดผิดแล้วจะโทษใคร | |||
| เสียแรงหวังฝังฝากชีวี | พระจะมีเมตตาก็หาไม่ | |||
| หมายบำเหน็จจะเสด็จรีบไป | พอรู้เท่าเข้าใจในทำนอง | |||
| ด้วยระเด่นบุษบาโฉมตรู | ควรคู่ภิรมย์สมสอง | |||
| ไม่ต่ำศักดิ์รูปชั่วเหมือนตัวน้อง | ทั้งพวกพ้องสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ | |||
| โอ้แต่นี้สืบไปภายหน้า | จะอายชาวดาหาเป็นแม่นมั่น | |||
| เขาจะค่อนนินทาทุกสิ่งอัน | นางรำพรรณว่าพลางทางโศกา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวันอสัญหยา | |||
| ปลอบนางพลางเช็ดชลนา | ดวงยิหวาอย่าทรงโศกี | |||
| จงสร่างสิ้นกินแหนงแคลงใจ | ที่ในบุษบามารศรี | |||
| พี่สลัดตัดใจไม่ไยดี | มิได้มีปรารถนาอาลัย | |||
| จรกาจึงได้ไปว่าขาน | กำหนดนัดทำงานการใหญ่ | |||
| พอกะหมังกุหนิงรู้ไป | ก็ซ้ำให้มากล่าวกัลยา | |||
| ครั้นขอนางมิได้ดังใจจง | จึงเกิดการณรงค์ในดาหา | |||
| เพราะแหนหวงช่วงชิงวนิดา | ใช่ว่านางเปล่าอยู่เมื่อไร | |||
| อันลือข่าวบุษบาว่างามนัก | จะดีกว่าน้องรักนั้นหาไม่ | |||
| นี่จำเป็นจึงจำจากไป | เพราะกลัวภัยพระราชบิดา | |||
| แม้นเสียดาหาก็เสียวงศ์ | อัประยศถึงองค์อสัญหยา | |||
| เจ้ากับพี่ก็จะมีแต่นินทา | แก้วตาจงดำริตริตรอง | |||
| ถึงไปก็ไม่อยู่นาน | เยาวมาลย์อย่าโศกเศร้าหมอง | |||
| พระจุมพิตชิดเชยปรางทอง | กรประคองนฤมลขึ้นบนเพลา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | จินตะหราวาตีโฉมเฉลา | |||
| ได้เห็นสารทราบความตามสำเนา | ค่อยบรรเทาเบาทุกข์ที่แคลงใจ | |||
| จึงเคลื่อนองค์ลงจากพระเพลาพลาง | น้องนางบังคมทูลแถลงไข | |||
| ซึ่งพระจะเสด็จไปชิงชัย | ก็ตามใจไม่ขัดอัธยา | |||
| แม้นสำเร็จราชการงานศึก | แล้วรำลึกอย่าลืมหมันหยา | |||
| จงเร่งรีบยกทัพกลับมา | น้องจะนับวันท่าภูวไนย | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมพิสมัย | |||
| รับขวัญกัลยาแล้วว่าไป | พี่จะลืมปลื้มใจไยมี | |||
| เป็นเวลากรรมจำจาก | ขอฝากมาหยารัศมี | |||
| กับนางสะการะวาต | ด้วยทรามวัยไร้ที่พึ่งพา | |||
| นางไกลบิตุราชมาตุรงค์ | โฉมยงอย่าเคียดขึ้งหึงสา | |||
| ถ้าพลั้งผิดสิ่งใดได้เมตตา | อย่าถือโทษโกรธาเทวี | |||
| ว่าพลางทางเปลื้องสังวาลทรง | ให้องค์จินตะหรามารศรี | |||
| เจ้าจงเอาเครื่องประดับนี้ | ไว้ดูต่างพักตร์พี่จะขอลา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา | |||
| ได้ฟังพระราชบัญชา | กัลยานอบนบอภิวันท์ | |||
| แล้วทูลว่าพระองค์อย่าสงสัย | น้องมิได้รังเกียจเดียดฉันท์ | |||
| จะรักใคร่ในสองนางนั้น | เหมือนพี่น้องร่วมครรภ์กันมา | |||
| ว่าพลางนางเปลื้องสไบทรง | ถวายองค์ทรงเดชพระเชษฐา | |||
| เกลือกจะลืมคำมั่นสัญญา | ได้เห็นผ้าเป็นเพื่อนเตือนฤาทัย | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | |||
| เห็นนางค่อยสร่างโศกาลัย | ภูวไนยตรัสบอกบังอร | |||
| บัดนี้พี่จะขออำลา | ไปสั่งสอนสุดาดวงสมร | |||
| ว่าพลางผันผายกรายกร | บทจรไปห้องสองนารี | |||
| ๏ เสด็จนั่งบัลลังก์รัตน์รจนา | แล้วตรัสบอกมาหยารัศมี | |||
| ทั้งนางสะการะวาตี | ตามในสารศรีซึ่งมีมา | |||
| พรุ่งนี้พี่จะลาเจ้าไป | ชิงชัยไพรีถึงดาหา | |||
| ค่อยอยู่เถิดนวลน้องสองสุดา | อุสส่าห์อุปถัมภ์บำรุงกัน | |||
| จะผิดชอบสิ่งไรให้ปรองดอง | มิควรข้องเคืองขุ่นอย่าหุนหัน | |||
| เจ้าก็ร่วมสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ | ถนอมน้ำใจกันไว้ให้ดี | |||
| จงอดออมถ่อมคำจำนรรจา | ฝากตัวจินตะหรามารศรี | |||
| โฉมเฉลาอย่าเศร้าโศกี | พอศึกเสร็จแล้วพี่จะกลับมา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | สองนางแน่งน้อยเสน่หา | |||
| ได้ฟังดังจะม้วยชีวา | กัลยาครวญคร่ำรำพรรณ | |||
| โอ้อนิจจานะอกเอ๋ย | กะไรเลยไม่วายที่โศกศัลย์ | |||
| จากบิดามารดามานั้น | ก็โศกาจาบัลย์พันทวี | |||
| ได้พึ่งบาทบงสุ์พระทรงเดช | ดังฉัตรแก้วกั้นเกศเกศี | |||
| หรือจะซ้ำจำจากพระภูมี | ครั้งนี้จะบ่ายหน้าไปหาใคร | |||
| จะกินแต่น้ำตาต่างอาหาร | ทนทุกข์ทรมานหม่นไหม้ | |||
| ชะรอยเวรากรรมทำไว้ | จึงจำให้ได้ความเวทนา | |||
| โอ้แต่นี้นับจะลับเนตร | แสนเทวษเศร้าสร้อยละห้อยหา | |||
| ร่ำพลางบังอราค่อนอุรา | กอดบาทภัสดาเข้าโศกี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | |||
| เห็นสองสุดานารี | โศกีกอดบาทไม่คลาดคลาย | |||
| พระจุมพิตชิดชมเชยปราง | โลมลูบปฤษฎางคนางโฉมฉาย | |||
| เช็ดชลนาพลางทางภิปราย | เจ้าสายสุดที่รักจงหักใจ | |||
| จำเป็นจำร้างห่างห้อง | กรรมของเราแล้วจะทำไฉน | |||
| พี่นี้มิใคร่จะจากไป | แต่จนใจด้วยกิจการณรงค์ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | สองนางแน่งน้อยนวลหงศ์ | |||
| ฟังถ้อยค่อยคลายกำสรดทรง | โฉมลงทูลฝากน้องรัก | |||
| อันสังคามาระตากุมาร | ไม่ชำนาญการรบหาญหัก | |||
| ทั้งความคิดติดจะเยาว์เบานัก | พระทรงศักดิ์จงได้เมตตา | |||
| เกลือกจะประมาทในราชกิจ | ถ้าพลั้งผิดพระจะลงโทษา | |||
| จงโปรดปรานขอประทานชีวา | เหมือนเห็นแก่ข้าทั้งสองนี้ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้วงศ์เทวาในราศี | |||
| ฟังนางพลางกล่าววาที | แก้วพี่อย่าประหวั่นพรั่นใจ | |||
| อันองค์พระน้องของเจ้า | พี่รักเท่าดวงตาก็ว่าได้ | |||
| ถึงผิดพลั้งจะสั่งสอนไป | จะเอาไว้เป็นเพื่อนชีวี | |||
| ว่าพลางทางถอดธำมรงค์ | ให้โฉมยงมาหยารัศมี | |||
| ทรงเปลื้องซ่าโบ๊ะของภูมี | ให้สะการะวาตีกัลยา | |||
| แล้ว่าซ่าโบ๊ะกับธำมรงค์ | สองอนงค์เอาไว้ดูต่างหน้า | |||
| พอระงับดับความโศกา | ให้คลายทุกข์ถวิลหาอาวรณ์ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | นวลนางพี่น้องสองสมร | |||
| ได้ธำมรงค์ทรงสะพักภูธร | บังอรค่อยคลายวายโศกี | |||
| นางมาหยารัศมีนงลักษณ์ | จึงถอดปิ่นที่ปักเกศี | |||
| นวลนางสะการะวาตี | ถอดสะพังมณีออกจากกรรณ | |||
| ต่างประณมก้มกราบกับบาทา | ทูลถวายภัสดารังสรรค์ | |||
| แต่พอได้ไปเห็นเป็นสำคัญ | ให้ทรงธรรม์ชมพลางต่างพักตรา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงองค์อสัญแดหวา | |||
| เห็นเครื่องทรงของสองสุดา | ยิ่งแสนเสน่หาอาลัย | |||
| กรกอดประทับไว้กับทรวง | เป็นห่วงด้วยความพิสมัย | |||
| ชมโฉมโลมเล้าเอาใจ | เห็นทรามวัยคล่อยคลายจาบัลย์ | |||
| จึงตรัสว่าพี่ยาจะลาแล้ว | จงผ่องแผ้วผาสุกเกษมสันต์ | |||
| สั่งนางพลางเสด็จจรจรัล | ไปปราสาทแก้วกัลยาณี | |||
| ๏ ครั้นถึงห้องทองรจนา | พระกุมกรจินตะหรามารศรี | |||
| ขึ้นบนแท่นรัตน์รูจี | พระภูมีสวมสอดกอดประคอง | |||
| หยอกเย้าเคล้าดวงบุษบง | โฉมยงยึดพระหัตถ์ปัดป้อง | |||
| พระจุมพิตชิดเชยปรางทอง | นวลละอองค้อนคมนัยนา | |||
| รสรักหนักจิตต์พิศวง | สองทรงโศกสั่งเสน่หา | |||
| พลางภิรมย์สมสนิทนิทรา | อยู่บนแท่นไสยาพรายพรรณ | |||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังเสนาคนขยัน | |||
| กับสี่พี่เลี้ยงทรงธรรม์ | พากันมาจัดโยธา | |||
| ๏ กะเกณฑ์พลขันธ์บรรจบ | สมทบกองทัพหมันหยา | |||
| ตั้งเป็นกระบวนเบญจเสนา | ทัพหน้าทัพหลังทั้งปวง | |||
| จัดทหารหน้าช้างพระที่นั่ง | พร้อมพรั่งทวนทองกองหลวง | |||
| ปีกซ้ายปีกขวาตามกระทรวง | มิให้ล่วงหมู่หมวดตรวจกัน | |||
| จัดช้างชะนะงาออกมายืน | ผูกปืนสัปประคับเครื่องมั่น | |||
| โลดแล่นโจมทัพซับมัน | พลายพังดั้งกันแทรกแซง | |||
| เกณฑ์ถ้วนกระบวนทัพคชสาร | หมอควาญขับขี่เข้มแข็ง | |||
| ล้วนใส่เสื่อแดงหมวกแดง | ตกแต่งเตรียมไว้ทั้งไพร่นาย | |||
| ผูกช้างพระที่นั่งหลังคาทอง | เรืองรองพระสูตรรูดสาย | |||
| ประสันตาตัวดีขึ้นขี่ท้าย | คอยเสด็จพระโฉมฉายจรลี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | |||
| บรรทมเหนือแท่นรัตน์รูจี | ด้วยจินตะหราวาตีกัลยา | |||
| ประคองเชยชื่นชมสมสวาท | แล้วทุกข์ที่จะนิราศเสน่หา | |||
| แต่เวียนสั่งทรามวัยอาลัยลา | จนสุริยาเยี่ยมยอดยุคันธร | |||
| ไก่ขันกระชั้นเสียงอยู่แจ้ว ๆ | ฟังแว่วหวั่นใจจะไกลสมร | |||
| พิศพักตร์พนิดายิ่งอาวรณ์ | พลางสะท้อนถอนจิตต์จาบัลย์ | |||
| ๏ อุ้มองค์นงลักษณ์ใส่ตักไว้ | ลูบไล้โลมนางพลางรับขวัญ | |||
| จำเป็นจำพรากจากกัน | สาวสวรรค์ค่อยอยู่สวัสดี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | นวลนางจินตะหรามารศรี | |||
| ให้ละห้อยสร้อยเศร้าแสนทวี | สงสารที่ถ้อยคำพระอำลา | |||
| ก้มพักตร์ลงเช็ดชลเนตร | พลางทูลภูวเรศเชษฐา | |||
| น้องจะอยู่ผู้เดียวเปลี่ยววิญญาณ์ | ทุกข์ถึงคะนึงหาไม่เว้นวาย | |||
| เสด็จไปจงดีมีสุข | ให้ห่างภัยไกลทุกข์ทั้งหลาย | |||
| อันศัตรูนอกกายในกาย | สารพัตรแพ้พ่ายอย่าพ้องพาน | |||
| แม้นเสร็จศึกนึกกลับหมันหยา | ให้สมซึ่งสัญญาได้ว่าขาน | |||
| อย่าลืมคำลืมเคยที่โปรดปราน | เยาวมาลย์ทูลพลางทางโศกี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | |||
| ตรัสปลอบกนิษฐาแล้วพาที | แก้วพี่อย่าพะวงสงกา | |||
| ถึงตัวพี่จะไปรณรงค์ | แต่ใจจงพุ่มพวงดวงยิหวา | |||
| พอเสร็จพันตูไม่อยู่ช้า | จะเร่งรีบกลับมาหาน้อง | |||
| ประโลมลาลูบหลังแล้วสั่งเล่า | ขวัญข้าวค่อยอยู่อย่าหม่นหมอง | |||
| ตรัสพลางย่างเยื้องจากแท่นทอง | เสด็จไปยังห้องสองนารี | |||
| ๏ นั่งแนบแอบองค์กัลยา | ประคองชมมาหยารัศมี | |||
| เชยปรางนางสะการะวาตี | ตรัสสั่งสองศรีด้วยสุนทร | |||
| ค่อยอยู่เถิดนะน้องอย่าหมองไหม้ | พี่จะลาทรามวัยไปก่อน | |||
| อย่ากรรแสงโศกาอาวรณ์ | เป็นกรรมจำจรจากกัน | |||
| จงรู้รักอดออมถนอมจิตต์ | สิ่งใดอย่าได้คิดเดียดฉันท์ | |||
| สั่งเสร็จพระเสด็จจรจรัล | ขึ้นเฝ้าทรงธรรม์เจ้าธานี | |||
| ๏ ก้มเกล้าประณตบทบงสุ์ | ทูลองค์ประหมันทั้งสองศรี | |||
| พระองค์จงอยู่สวัสดี | หลานนี้ขอถวายบังคมลา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | |||
| ทั้งประไหมสุหรีศรีโสภา | ฟังราชนัดดาก็อาวรณ์ | |||
| ต่างองค์อำนวยอวยชัย | เจ้าไปเป็นสุขสโมสร | |||
| อันเหล่าอาสัจดัสกร | จงพ่ายแพ้ฤทธิรอนพระหลานรัก | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีมีศักดิ์ | |||
| รับพรภูวไนยด้วยใจภักดิ์ | บังคมลามาตำหนักประเสบัน | |||
| ๏ ครั้นถึงมนเทียรที่ข้างหน้า | พร้อมหมู่เสนากิดาหยัน | |||
| เสด็จเข้ามณฑลพิธีกรรม์ | นั่งเหนือเตียงสุวรรณบรรจง | |||
| ราชครูบีกูประมาหนา | ถวายอาเศียรพาทภิเษกสรง | |||
| ลูบไล้สุคนธาอ่าองค์ | บรรจงทรงเครื่องวันอาทิตย์ | |||
| ๏ ทรงภูษาแย่งยกกระหนกกระหนาบ | ฉลององค์เข้มขายคดกฤช | |||
| ห้อยหน้าปักทองกรองดอกชิด | สังวลาวรรณอันวิจิตรจำรัสเรือง | |||
| ทับทรวงพวงเพ็ชร์เม็อแตง | ทองกรแก้วแดงประดังเนื่อง | |||
| ธำมรงค์รจนาค่าเมือง | อร่ามเรืองเพ็ชร์รัตน์ตรัจไตร | |||
| ทรงมงกุฎกรรเจียกจอนสุวรรณ | วาวแววแก้วกุดั่นดอกไม้ไหว | |||
| ห้อยอุบะบุหงามาลัย | เหน็บกฤชฤทธิไกรแล้วไคลคลา | |||
| ๏ ขึ้นเกยกิริณีที่ประทับ | ผันพักตร์สู่พายัพทิศา | |||
| พร้อมหมู่อำมาตย์มาตยา | โหราธิบดีชีพราหมณ์ | |||
| พอได้ศุภฤกษ์ก็ลั่นฆ้อง | ประโคมคึกกึกก้องท้องสนาม | |||
| ปุโรหิตฟันไม้ข่มนาม | ทำตามตำราพิชัยยุทธ์ | |||
| ทัพหน้าทัพหลวงทัพหลัง | พร้อมพรั่งตั้งโห่อึงอตม์ | |||
| ทหารโบกธงทองกระบี่ครุฑ | ฝรั่งจุดปืนใหญ่เป็นสัญญา | |||
| บีกูก็เบิกโขลนทวาร | โอมอ่านอาคมคาถา | |||
| โห่สนั่นลั่นฆ้องขึ้นสามลา | คลายเคลื่อนโยธาทุกหมวดกอง | |||
| ๏ ช้างเอยช้างที่นั่ง | สะพักพังหลังดีไม่มีสอง | |||
| งามสรรพสรรพางค์หางบังคลอง | ผูกจำลองจำหลักลายพรายพรรณ | |||
| สองหูพู่ห้อยพรอยแพรว | จงกลแก้วแวววาวดาวกุดั่น | |||
| ปกกระพองพรรณรายข่ายสุวรรณ | ผูกชนักจักรันรึงรัด | |||
| ประดับอภิรุมชุมสาย | ธงฉานธงชายมุยรฉัตร | |||
| อาชาแซงนอกล้วนหอกซัด | เบียดเสียดเยียดยัดอัดแอ | |||
| ขนัดหอกขนัดดาบโล่ดั้ง | คับคั่งธงทวนกระบวนแห่ | |||
| สนั่นเสียงปี่กลองฆ้องกระแต | สังข์แตรแซ่เสนาะเพราะเพรียง | |||
| เสียงช้างเสียงม้าโกลาหล | เสียงคนอึงอื้อบันลือเสียง | |||
| กองหลังรั้งท้ายคุมลำเลียง | รีบร้นขนเสบียงตามไป | |||
| ๏ ครั้นออกมานอกนคเรศ | พระทรงเดชเศร้าสร้อยละห้อยไห้ | |||
| เหลียงหลังตั้งตาดูเวียงชัย | ฤาทัยหวั่น ๆ ถึงกัลยา | |||
| โอ้ว่าเจ้าดวงยิหวาพี่ | ป่านนี้จะคร่ำครวญหวนหา | |||
| ใครจะปลอบโฉมงามสามสุดา | แต่พอพาใจเศร้าบรรเทาคลาย | |||
| สงสารน้ำคำที่พร่ำสั่ง | คิดถึงความหลังแล้วใจหาย | |||
| ครวญพลางกำสรดระทดกาย | แล้วคิดอายพวกพลมนตรี | |||
| จึงชักม่านทองทั้งสี่ทิศ | ดังจะปิดบังแสงพระสุริย์ศรี | |||
| ลมหวนอวลกลิ่นสุมาลี | เหมือนผ้ายาหยีซึ่งเปลี่ยนมา | |||
| แว่วเสียงสำเนียงบุหรงร้อง | ว่าเสียงสามนิ่มน้องเสน่หา | |||
| พระแย้มเยี่ยมม่านทองทัศนา | เห็นแต่ป่าพุ่มไม้ใบบัง | |||
| เอนองค์ลงอิงพิงเขนย | กรเกยก่ายพักตร์ถวิลหวัง | |||
| รสรักร้อนรนพ้นกำลัง | ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย | |||
| ๏ บัดนั้น | ประสันตาพี่เลี้ยงพระโฉมฉาย | |||
| ขี่ช้างพระที่นั่งมาข้างท้าย | เห็นพระไม่สบายคลายทุกข์ทน | |||
| จึงเสแสร้งแกล้งกล่าววาจา | ป่านี้สนุกกว่าทุกแห่งหน | |||
| แต่เห็นมามากมายหลายตำบล | ก็ยังไม่ชอบกลเหมือนป่านี้ | |||
| แม้นไม่มีราชการงานเดือน | คงจะมาปลูกเรือนอยู่ที่นี่ | |||
| น้ำท่าหาง่ายสบายดี | สารพัตรจะมีไม่ยากใจ | |||
| ถ้าเลิกทัพกลับมาหมันหยา | จะจำป่าไว้ทูลแถลงไข | |||
| ให้พระพาสามสมรอรทัย | มาประพาสพรรณไม้ให้สำราญ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวาศักดาหาญ | |||
| นิ่งฟังประสันตาอยู่ช้านาน | ค่อยคลายร้อนรำคาญวิญญาณ์ | |||
| จึงลุกขึ้นตรัสถามทันที | ป่านี้หรือสนุกหนักหนา | |||
| ตรัสพลางแหวกม่านทัศนา | ไหนชี้บอกมาอย่าลวงกัน | |||
| ๏ บัดนั้น | ประสันตาแสนกลคนขยัน | |||
| ทำตกใจทูลองค์พระทรงธรรม์ | ข้าสำคัญมั่นคงอยู่ดงนี้ | |||
| ด้วยช้างบาทย่างทีสะเทิน | เดินเกินตำบลมาพ้นที่ | |||
| เขาว่าดงหน้าก็ยังมี | จึงจะชี้ทูลเชิญให้ทัศนา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา | |||
| ยิ้มพลางทางตอบวาจา | ปดเล่นต่อหน้าไม่อายใจ | |||
| ครั้นซักไซ้ไล่หาความจริง | ยังกลอกกลิ้งกลับลวงไปใหม่ | |||
| ชอบผลักให้พลัดตกลงไป | คนอะไรเช่นนี้ก็ยังมี | |||
| ๏ ว่าพลางทางชมคณานก | โผนผกจับไม้อึงมี่ | |||
| เบญจวรรณจับวัลย์ชาลี | เหมือนวันพี่จากสามสุดามา | |||
| นางนวลจับนางนวลนอน | เหมือนพี่แนบนวลสมรจินตะหรา | |||
| จากพรากจับจากจำนรรจา | เหมือนจากนางสะการะวาตี | |||
| แขกเต้าจับเต่าร้างร้อง | เหมือนร้างน้องมาหยารัศมี | |||
| นกแก้วจับแก้วพาที | เหมือนแก้วพี่ทั้งสามสั่งความมา | |||
| ตระเวนไพรร่อนร้องตระเวนไพร | เหมือนเวรใดให้นิราศเสน่หา | |||
| เค้าโมงจับโมงอยู่เอกา | เหมือนพี่นับโมงมาที่ไกลนาง | |||
| คับแคจับแคสันโดษเดี่ยว | เหมือนเปล่าเปลี่ยวคับใจในไพรกว้า | |||
| ชมวิหคนกไม้ไปตามทาง | คะนึงนางพลางรีบโยธี | |||
| ๏ แรมร้อนผ่อนพักมาหลายวัน | ถึงทางร่วมกุเรปันกรุงศรี | |||
| พบทัพกะหรัดติปาตี | ภูมีให้หยุดโยธา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | กะหรัดปาตีเชษฐา | |||
| เห็นระเด่นมนตรีก็ปรีดา | จึงเสด็จมาหาทันใด | |||
| แล้วทูลว่าสมเด็จพระบิดร | ให้ข้าคุมนิกรน้อยใหญ่ | |||
| มาบรรจบทัพพระองค์ไป | ช่วยพิชัยดาหาธานี | |||
| หลายวันแล้วแต่มาคอยท่า | ยับยั้งโยธาอยู่ที่นี่ | |||
| ข่าวศึกว่าประชิดติดบุรี | มาจะจรลีรีบไป | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉลยไข | |||
| ข้าก็เร่งรีบร้อนไม่นอนใจ | แต่ทางไกลอ้อมกว่ากุเรปัน | |||
| ว่าแล้วสองกษัตริย์ก็จัดทัพ | พร้อมสรรพพหลพลขันธ์ | |||
| เข้ากระบวนสมทบบรรจบกัน | แล้วยกจากที่นั่นรีบมา | |||
| ๏ ครั้นถึงเนินทรายชายทุ่ง | แว่นแควันแดนกรุงดาหา | |||
| จึงให้หยุดกองทัพตั้งพลับพลา | ที่ต้องนามครุฑาเกรียงไกร | |||
| แล้วบัญชาใช้ตำมะหงง | ท่านจงรีบเข้าไปกรุงใหญ่ | |||
| ทูลศรีปัตหราเรืองชัย | แก้ไขอย่าให้เคืองพระบาทา | |||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงรับสั่งใส่เกศา | |||
| ก้มเกล้ากราบถวายบังคมลา | มาขึ้นม้าควบขับไปฉับพลัน | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงแจ้งคดี | แก่ยาสาเสนีคนขยัน | |||
| บัดนี้องค์อิเหนากุเรปัน | กรีธาทัพขันยกมา | |||
| สองทัพกับกะหรัดติปาตี | มาช่วยบุรีดาหา | |||
| จงพาเราเข้าเฝ้าพระผ่านฟ้า | จะกราบทูลกิจจาให้แจ้งการ | |||
| ๏ บัดนั้น | ยาสาปรีดิ์เปรมเกษมสานต์ | |||
| จึงพากันเข้าไปมิทันนาน | ยังสถานท้องพระโรงรูจี | |||
| ๏ นบนิ้งประณมบังคมคัล | กราบทูลทรงธรรม์ถ้วนถี่ | |||
| บัดนี้ระเด่นมนตรี | กับกะหรัดติปาตียกมา | |||
| รี้พลมากมายหลายแสน | ตั้งอยู่ปลายแดนกรุงดาหา | |||
| ใช้ให้ตำมะหงงเสนา | เข้ามาเฝ้าเบื้องบาทบงสุ์ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นปักนัคเรศสูงส่ง | |||
| แจ้งว่าอิเหนาสุริย์วงศ์ | มาช่วยรณรงค์ราวี | |||
| มีความเกษมสันต์หรรษา | ดังได้ผ่านเมืองฟ้าราศี | |||
| ด้วยนัดดาเรืองอิทธิฤทธี | เห็นว่าบุรีไม่อันตราย | |||
| พระเปรมปรีดิ์ดีใจอยู่ในพักตร์ | มิให้ประจักษ์คนทั้งหลาย | |||
| จึงเยื้อนเอื้อนโอษฐ์อภิปราย | ซึ่งหลานชายเราอุสส่าห์มา | |||
| ตำมะหงงไปบอกให้ถ้วนถี่ | ว่ากูนี้ขอบใจนักหนา | |||
| เชิญให้เข้ามาในพารา | จะได้พักโยธาให้สำราญ | |||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงได้ฟังพระบรรหาร | |||
| จึงสนองมธุรสพจมาน | พระหลานรักถวายบังคมมา | |||
| ให้ข้าทูลองค์พระทรงฤทธิ์ | ด้วยโทษผิดติดพันอยู่หนักหนา | |||
| จะขอทำการสนองพระบาทา | เสร็จแล้วจึงจะมาอัญชลี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านดาหากรุงศรี | |||
| ได้ฟังตำมะหงงเสนี | มิได้มีพจมานประการใด | |||
| จึงผินพระพักตร์มาบัญชา | แก่สุหรานางกงศรีใส | |||
| บัดนี้อิเหนาชาญชัย | กรีธาทัพใหญ่ยกมา | |||
| กับกะหรัดติปาตีพี่ยานั้น | แม่นมั่นเหมือนคำของเจ้าว่า | |||
| เจ้าจะอยู่ทำการในพารา | หรือจะช่วยเชษฐาราวี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | สุหรานากงเรืองศรี | |||
| ได้ฟังผ่านฟ้าพาที | อัญชลีแล้วสนองพระบัญชา | |||
| แต่มาอยู่ดาหาก็ช้านาน | ยังมิได้ทำการอาสา | |||
| ขอกราบบาทภูวนาถบังคมลา | ออกไปช่วงเชษฐาชิงชัย | |||
| ทูลพลางทางถวายอัญชลี | ลาศรีปัตหราเป็นใหญ่ | |||
| ออกมาที่อยู่ภูวไนย | ตรวจเตรียมทัพชัยฉับพลัน | |||
| ครั้นเสร็จเสด็จทรงอาชา | พร้อมพี่เลี้ยงเสนากิดาหยัน | |||
| ยกจากพระนครจรจรัล | ตำมะหงงกุเรปันก็ตามมา | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงหยุดจตุรงค์ | เสด็จไปเฝ้าองค์พระเชษฐา | |||
| ถ้อยทีมีใจปรีดา | ตรัสสั่งสนทนาพาที | |||
| แล้วแถลงแจ้งเหตุบรรยาย | แต่ต้นจนปลายถ้วนถี่ | |||
| วันเมื่อน้องมาถึงธานี | ได้ทูลว่าพระพี่จะยกมา | |||
| ดูทีท้าวตรัสเห็นขัดเคือง | ว่าไหนจะจากเมืองหมันหยา | |||
| เมียเขาเขารักดังแก้วตา | หรือจะอาจคลาดคลาเห็นผิดไป | |||
| แต่พระเชษฐาให้หาตัว | ก็ไม่มีความกลัวยังขัดได้ | |||
| เกิดณรงค์สงครามก็เพราะใคร | จนเดือดร้อนทั่วไปทั้งธานี | |||
| นับประสาอะไรกับตัวเรา | ถึงตายเขาก็ไม่ดูผี | |||
| เห็นเคืองขัดตรัสซ้ำอยู่ดังนี้ | พระภูมีจงทราบบามาลย์ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีใจหาญ | |||
| ฟังสุหรานากงแจ้งการ | จึงตอบพจมานอนุชา | |||
| ซึ่งท่านขุ่นแค้นเคืองนัก | ก็ประจักษ์แจ้งใจไม่กังขา | |||
| ไม่ถือโทษโกรธตอบพระผ่านฟ้า | จะตั้งหน้าหักหาญพาลภัย | |||
| เสร็จศึกจะเข้าไปอัญชลี | จะด่าตีก็ตามอัชฌาสัย | |||
| เมื่อได้เกินแล้วก็จนใจ | ตามแต่ภูวไนยจะปราณี | |||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงบังคมเหนือเกศี | |||
| จึงกราบทูลแถลงแจ้งคดี | องค์ศรีปัตหรารับสั่งมา | |||
| ให้ข้าบังคมทูลภูวไนย | ว่าชี้ชอบขอบพระทัยหนักหนา | |||
| ขอเชิญเข้าไปในพารา | จะได้พักโยธาพลากร | |||
| ข้าจึงทูลสนองพจมาน | พระนัดดาจะทำการแก้ตัวก่อน | |||
| เสร็จศึกจึงจะบทจร | มาเฝ้าภูธรธิบดี | |||
| พระมิได้ตรัสตอบว่าขาน | ตรัสแต่กิจการกรุงศรี | |||
| แต่ดูพระกิริยาพาที | เหมือนจะเคลื่อนคลายที่โกรธา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงองค์อสัญแดหวา | |||
| ได้ฟังตำมะหงงเสนา | เกษมสันต์หรรษาเป็นพ้นไป | |||
| จึงเสด็จคลาไคลเข้าในห้อง | ให้ชักปิดม่านทองสองไข | |||
| สุหรานากงทรงชัย | ก็กลับไปที่ประทับพลับพลา | |||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายกองร้อยคอยเหตุอาสา | |||
| ชาวกะหมังกุหนิงพารา | เห็นทัพใหญ่ยกมามากมี | |||
| รี้พลคณนานับแสน | อเนกแน่นรถรัถหัตถี | |||
| ต่างตื่นตกใจไม่สมประดี | เผ่นขึ้นพาชีกลับไป | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงเข้าในค่ายหลวง | เอากิจจาทั้งปวงแถลงไข | |||
| บอกแก่ยาสาเสนาใน | โดยได้ไปเห็นรี้พล | |||
| ๏ บัดนั้น | ยาสาได้แจ้งแห่งเหตุผล | |||
| จึงพาม้าใช้สองคน | รีบร้นมายังพลับพลาชัย | |||
| ๏ ก้มเกล้ากราบทูลภูวเรศ | ว่าคอยเหตุได้เห็นทัพใหญ่ | |||
| ยกมาแน่นดงพงไพร | ดูไปไม่สิ้นโยธา | |||
| เซ็งแซ่แตรสังข์ฆ้องกลอง | ช้างร้องเรียกมันสนั่นป่า | |||
| เสียงโกลนกระทบแผงข้างม้า | ดังว่าเสียงพยุห์อึงอล | |||
| อันแสงอาวุธหอกดาบ | ปลาบแปลบแวบวับเวหน | |||
| ฝุ่นคลุ้มกลุ้มกลบพะโยมบน | บดบังสุริยนในท้องฟ้า | |||
| ธงหน้ามาปักลงบัดใจ | แลไปไม้รายไปทั้งป่า | |||
| แล้วมีทัพออกมาจากพารา | เข้าหาสมทบบรรจบกัน | |||
| กำลังสงครามครั้งนี้ | ดูทียิ่งยวดกวดขัน | |||
| พรุ่งนี้เห็นทีจะโรมรัน | พระทรงธรรม์จงทราบฝ่าธุลี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี | |||
| ได้ฟังยาสาเสนี | จึงมีสีหนาทประภาษไป | |||
| กูเห็นจะเป็นจรกา | ทั้งเชษฐาล่าสำกรุงใหญ่ | |||
| บรรจบกับทัพชาวเวียงชัย | พลไกรจึงมาโดยประมาณ | |||
| แต่อรุณฤกษ์รุ่งพรุ่งนี้ | จำจะยกไปตีให้แตกฉาน | |||
| จงตรวจตราม้าช้างที่ชำนาญ | จัดทัพทวยหาญเตรียมไว้ | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งบังคมไหว้ | |||
| มาเร่งรัดจัดทัพทันใด | ตามในพระราชบัญชา | |||
| ๏ เกณฑ์ทหารหอกปืนพื้นลำลอง | เป็นกองสอดแนมขึ้นหน้า | |||
| แล้วกองร้อยคอยหนุนเนื่องมา | กระทั้งถึงโยธากองพัน | |||
| อันกองซุ่มเสือป่าแมวเซา | ให้ลอบเข้าโจมตีทัพขัน | |||
| กองกลางห้าหมื่นพื้นฉกรรจ์ | หนักไหนช่วยนั่นให้ทันที | |||
| เกณฑ์ถ้วนกระบวนทัพหน้า | กองวิหยาสะกำเรืองศรี | |||
| ทัพหลวงล้วนทหารตัวดี | สิบหมื่นพื้นมีฝีมือรบ | |||
| โยธาปาหยังประหมัน | เป็นปีกป้องกองขันบรรจบ | |||
| ตำมะหงงรั้งหลังตั้งครบ | พลรบกองละห้าหมื่นปลาย | |||
| แล้วให้ผูกสินธพอาชา | คอยท่ารับเสด็จผันผาย | |||
| พรั่งพร้อมพหลพลนิกาย | ตัวนายตรวจตราในราตรี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี | |||
| ครั้นแสงทองส่องพื้นปถพี | พระตื่นจากที่บรรทมใน | |||
| จึงชวนสองระตูอนุชา | กับโอรสาพิสมัย | |||
| บทจรจากอาสน์อำไพ | เสด็จไปที่สรงคงคา | |||
| ๏ สี่องค์สรงน้ำทิพย์สนาน | สุคนธ์ธารประทิ่นกลิ่นบุหงา | |||
| ต่างใส่สนับเพลารจนา | ทรงภูษาแย่งยกกระหนกพัน | |||
| เกราะเพ็ชร์เก็จกรองฉลององค์ | เจียรบาดบรรจงทรงกระสัน | |||
| คาดปั้นเหน่งพรรณรายสายสุวรรณ | สลับคั่นประจำยามอร่ามเรือง | |||
| ใส่สังวาลสำหรับรณรงค์ | ทัพทรวงทรงสายสร้อยห้อยเฟื่อง | |||
| ตาบทิศทับทิมแสงประเทือง | ทองกรประดับเนื่องเนาวรัตน์ | |||
| ทรงมหาธำมรงค์เรือนครุฑ | ทรงมงกุฎกรรเจียกจอนจำรัส | |||
| อุบะเพ็ชร์พวงผจงทรงทัด | สี่กษัตริย์ทรงกฤชแล้วคลาไคล | |||
| ๏ เสด็จยังเกยรัตน์รูจี | พร้อมกระบวนโยธีทัพใหญ่ | |||
| ต่างองค์ขึ้นทรงมโนมัย | เสนาในอภิวาทดาษดา | |||
| ได้ฤกษ์เลิกพลรณรงค์ | ให้ดำเนินเดินธงทัพหน้า | |||
| สารวัดรัดเร่งโยธา | ออกจากค่ายชายป่าพนาลี | |||
| ๏ พระรีบเร่งพลขันธ์แล้วผันผาย | มาตามชายทิวทุ่งกรุงศรี | |||
| ทอดพระเนตร์แลดูหมู่โยธี | ภูมีเห็นเป็นอัศจรรย์ | |||
| อันทวนทองธงฉานธงชัย | แลไปไม่มีสีสัน | |||
| จะดูดินฟ้าพนาวัน | สารพันอัประภาคหลากลาง | |||
| มิ่งม้าพาชีที่นั่งทรง | พะเอินงงงวยเงื่อเยื้องย่าง | |||
| กาเหนี่ยวเฉี่ยวฉาบมาริมทาง | ข้ามขวางหน้าฉานผ่านไป | |||
| ให้อาเพศเหตุเห็นวิปริต | ก็แจ้งจิตต์ว่าจะม้วยไม่สงสัย | |||
| ยิ่งคิดคร้ามครั่นพรั่นใจ | พระสั่งให้หยุดพลมนตรี | |||
| ๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศี | |||
| ให้นายกองเอาฆ้องกระแตตี | สัญญาโยธีให้หยุดยั้ง | |||
| ขุนพลผู้ใหญ่ไปตรวจตรา | วางกองโยธาหน้าหลัง | |||
| ปีกขวาปีกซ้ายรายระวัง | จัดตั้งให้ต้องนามนาคา | |||
| ๏ บัดนั้น | ฝ่ายทหารกุเรปันแกล้วกล้า | |||
| นั่งทางอยู่ท้ายพารา | เห็นไพรียกมาแต่ชายไพร | |||
| ม้ารถคชพลคับคั่ง | หยุดตั้งกลางทุ่งกรุงใหญ่ | |||
| ต่างคนเผ่นขึ้นมโนมัย | ควบขับกลับไปพลับพลา | |||
| ๏ ครั้นถึงจึงลงจากพาชี | เห็นเสนีพี่เลี้ยงพร้อมหน้า | |||
| จึงเข้าไปแจ้งความตามกิจจา | โดยได้เห็นโยธาไพรี | |||
| ๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงแจ้งเหตุถ้วนถี่ | |||
| ก็เข้าไปบังคมคัลอัญชลี | ทูลระเด่นมนตรีกุเรปัน | |||
| บัดนี้ม้าคอยเหตุมรคา | กลับมาแต่ชายพนาสัณฑ์ | |||
| เห็นทัพท้าวกะหมังกุหนิงนั้น | ออกจากค่ายมั่นยกมา | |||
| หยุดยั้งตั้งกองอยู่ชายทุ่ง | ที่เนินทรายท้ายกรุงดาหา | |||
| ขอพระองค์ผู้ทรงศักดา | จงทราบบาทาฝ่าธุลี | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้พงศ์เทวาในราศี | |||
| ได้ฟังพี่เลี้ยงทูลคดี | จึงมีพระบัญชาการ | |||
| ตำมะหงงจงเร่งไปตรวจตรา | เกณฑ์พลโยธาทวยหาญ | |||
| เราจะออกหักโหมโรมราญ | รีบรัดจัดการให้พร้อมไว้ | |||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงกุเรปันกรุงใหญ่ | |||
| รับสั่งบังคมลาคลาไคล | ออกไปจัดทัพฉับพลัน | |||
| ๏ เกณฑ์กระบวนทัพหน้าห้าหมื่น | แต่พื้นพวกปักมาหงัน | |||
| จัดลำลองกองร้อยกองพัน | ทั้งกองกันกองแล่นล้วนตัวดี | |||
| ปีกซ้ายนายไพร่พร้อมหน้า | ล้วนโยธาสิงหัดส่าหรี | |||
| ปีกขวากองกะหรัดติปาตี | จัดพลโยธีให้เท่ากัน | |||
| พวกอาสาพาชีช้างเขน | ต่างเกณฑ์เป็นกองแซงแข็งขัน | |||
| ทัพหลวงล้วนทหารกุเรปัน | เก้าหมื่นพื้นฉกรรจ์สรรมา | |||
| กองหลังรั้งท้ายทั้งนายไพร่ | พื้นพวกพลพิชัยหมันหยา | |||
| เกณฑ์ถ้วนกระบวนเบ็ญจเสนา | นายหมวดตรวจตราทั้งห้าทัพ | |||
| แล้วให้ผูกพาชีที่นั่งทรง | เครื่องกุดั่นบรรจงดาวประดับ | |||
| จตุรงค์พร้อมพรั่งคั่งคับ | เตรียมทัพรับเสด็จจรจรัล | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้พงศ์เทวากระยาหงัน | |||
| ครั้นฤกษ์ดีแจ่มดวงสุริยัน | ทรงธรรม์ชวนกะหรัดติปาตี | |||
| ทั้งสุหรานากงอนุชา | สังคามาระตาเรืองศรี | |||
| กับระเด่นดาหยนผู้ภักดี | มาเข้าที่สรงน้ำทิพยมนตร์ | |||
| ๏ ห้าองค์ชำระสระสนาน | กิดาหยันถวายพานเครื่องต้น | |||
| บรรจงทรงทาพระสุคนธ์ | ปรุงปนเกสรสุมาลี | |||
| สอดใส่สนับเพลาภูษาทรง | ฉลององค์โหมดตาดต่างสี | |||
| เจียรบาดคาดรัดรูจี | ปั้นเหน่งเพ็ชร์พลอยมณีหนุนซับ | |||
| ทรงมหาสังวาลพิชัยยุทธ | ชมพูนุทเฟื่องห้อยพลอยประดับ | |||
| ทองกรแก้วพุกามวามวับ | ธำมรงค์รุ้งระยังจับตา | |||
| ทรงมงกุฎกุณฑลทัดตรัสเตร็จ | อุบะเพ็ชร์แพรวพรายเวหา | |||
| เหน็บกฤชฤทธิไกรแล้วไคลคลา | เสด็จมายังเกยแก้วมณี | |||
| ๏ ต่างองค์ขึ้นทรงม้าต้น | พร้อมพลจตุรงค์ทั้งสี่ | |||
| กิดาหยันพี่เลี้ยงเคียงพาชี | ถวายกลดโหมดสีต่างกัน | |||
| ให้เดินทัพโยธาห้ากอง | เสียงกลองเสียงปืนครื้นครั่น | |||
| ผงคลีมืดคลุ้มฉะอุ่มควัน | รีบร้นพลขันธ์คลาไคล | |||
| ๏ ครั้นมาใกล้กองทัพไพรี | เห็นโยธีธงทิวปลิวไสว | |||
| ช้างม้าดาทุ่งเป็นแถวไป | พระสั่งให้หยุดพลจตุรงค์ | |||
| ๏ บัดนั้น | จึงมหาเสนาตำมะหงง | |||
| รับราชบัญชาพระโฉมยง | ให้หยุดธงสำคัญสัญญา | |||
| แล้วรีบรัดจัดพลรณยุทธ | ตั้งที่นามครุฑปักษา | |||
| วางกองเยื้องกันเป็นฟันปลา | ให้โยธาคอยยิงชิงชัย | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเป็นใหญ่ | |||
| เห็นทัพมาตั้งมั่นกันเมืองไว้ | พลไกรเพียบพื้นปถพี | |||
| จึงตรัสเรียกโอรสยศยง | กับองค์อนุชาทั้งสองศรี | |||
| ต่างรีบกะระตะพาชี | ออกยืนที่ประจำโยธา | |||
| แล้วมีสิงหนาทโองการ | ประกาศสั่งทวยหาญกองหน้า | |||
| จงเร่งตีทัพให้อัปรา | หักเอาดาหาในวันนี้ | |||
| ๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกศี | |||
| ก็เร่งพลเร่งพวกพาชี | เข้าต่อตีหักโหมโจมทัพ | |||
| บ้างเป่าชุดจุดยิงปืนใหญ่ | ฉัตรชัยมณฑกนกสับ | |||
| นายกอกแกว่งดาบวาบวับ | ต่างขับพลวิ่งเข้าชิงชัย | |||
| ๏ บัดนั้น | นายทหารกุเรปันไม่หวั่นไหว | |||
| ให้ระดาปืนตับรับไว้ | แล้วไล่โยธีตีประจัญ | |||
| ต่างมีฝืมือดื้อดึง | วางวิ่งเข้าถึงอาวุธสั้น | |||
| ดาบสองมือถือโถมทะลวงฟัน | เหล่ากฤชติดพันประจัญรบ | |||
| ทหารหอกกลอกกลับสัประยุทธ | ป้องปัดอาวุธไม่หลีกหลบ | |||
| พวกพลพาชีตีกระทบ | รำทวนสวนประจบทบแทง | |||
| บ้างสกัดซัดพุ่งหอกคู่ | เกาทัณฑ์ธนูน้าวแผลง | |||
| ตะลุมบอนฟอนฟันกันกลางแปลง | ต่อแย้งยุทธยิงชิงชัย | |||
| ตายระดับทับกันดังฟอนฟาง | เลือดนองท้องช้างเหลวไหล | |||
| กองหลังประดังหนุนขึ้นไป | ตัวนายไล่ไพร่เข้าบุกบัน | |||
| ๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาแข็งขัน | |||
| เห็นพวกพลไพรีตีประจัญ | โยธาขยั้นหยุดยั้ง | |||
| พระกริ้วโกรธหนักดังอัคคี | แกว่งกระบี่ขี่ขับม้าที่นั่ง | |||
| โรมรุกบุกไปแต่ลำพัง | ไลหลังพวกพลเข้ารณรงค์ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ระเด่นมนตรีสูงส่ง | |||
| กับระเด่นทั้งสามสุริย์วงศ์ | ต่างองค์ผันแปรแลตาม | |||
| เห็นสังคามาระตากล้านัก | ยังอ่อนศักดิ์หักศึกไม่นึกขาม | |||
| มิไว้ใจในทีทำสงคราม | ต่างขับม้าตามไปทันใด | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเป็นใหญ่ | |||
| เห็นระเด่นทั้งสี่จึงถามไป | เจ้าผู้ใดที่ชื่อจรกา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีใจกล้า | |||
| ยิ้มพลางทางตอบวาจา | เรายกมาแต่กรุงกุเรปัน | |||
| จะสังหารผลาญพวกปัจจามิตร | ที่มาติดดาหาเขตต์ขัณฑ์ | |||
| ซึ่งท่านถามหาจรกานั้น | มิได้มาด้วยกันในกองนี้ | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี | |||
| รู้ว่าระเด่นมนตรี | ภูมีครั่นคร้ามขามวิญญาณ์ | |||
| แต่มานะตอบไปด้วยใจหาญ | เจ้าผู้วงศ์วานอสัญหยา | |||
| แต่ละองค์ทรงโฉมโสภา | ชันษาอายุก็ยังเยาว์ | |||
| ได้เห็นก็เป็นน่าเสียดาย | จะพากันมาตายเสียเปล่า ๆ | |||
| ไม่ควรคู่สู้รบกันกับเรา | ครั้นจะฆ่าเสียเล่าก็อายใจ | |||
| อันหนึ่งตัวเจ้ากับเรานี้ | จะราคีเคืองกันก็หาไม่ | |||
| ให้จรกามาเถิดจะชิงชัย | เจ้าจะได้ดูเล่นเป็นขวัญตา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์วงศ์อสัญแดหวา | |||
| จึงว่าอันตัวจรกา | มิได้อยู่ดาหาธานี | |||
| เมื่อหลับตามารบให้ผิดเมือง | รี้พลตายเปลืองไม่พอที่ | |||
| จะรบกับจรกาดังว่านี้ | จงล่าเลิกโยธีถอยไป | |||
| แม้นไม่รู้แห่งเมืองจรกา | จะช่วยชี้มรรคานำให้ | |||
| จะขืนตั้งประชิดติดกรุงไกร | จะชิงชัยไม่ฟังท่านพาที | |||
| มาตรแม้นจรกามิมาเล่า | ตัวเราจำช่วยด้วยเป็นพี่ | |||
| เมตตาว่าน้องเป็นสตรี | จะทอดทิ้งมารศรีเสียอย่างไร | |||
| ใช่นางเกิดในประทุมา | สุริย์วงศ์พงศานั้นหาไม่ | |||
| จะมาช่วงชิงกันดังผลไม้ | อันจะได้นางไปอย่าสงกา | |||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงใจกล้า | ||
| จึงว่าเรายกโยธา | หมายมาจะชิงพระบุตรี | ||
| ถึงจะรับของสู่ระตูไว้ | ยังมิได้ทำการภิเษกศรี | ||
| จรกาไม่มาก็ยิ่งดี | ไม่มีผู้หวงแหนเกียจกัน | ||
| สุดแต่นางอยู่ที่ไหน | เราจะชิงชัยที่นั่น | ||
| อันชิงนางอย่างนี้ไม่ผิดธรรม์ | ธรรมเนียมนั้นมีแต่บุราณมา | ||
| สุดแต่ใครดีก็ใครได้ | การอะไรของเจ้าผู้เชษฐา | ||
| จงยกทัพกลับคืนไปพารา | เบื้องหน้าจะได้สืบสุริย์วงศ์ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีตอบตามประสงค์ | ||
| ซึ่งจะให้เรายกจตุรงค์ | คืนคงกรุงไกรนั้นไม่ควร | ||
| อับอายไพร่ฟ้าประชาชน | เสนีรี้พลจะแซ่สรวล | ||
| หรือหมายไม่สมคะเนเรรวน | จึงชวนพูดจาอย่าทัพ | ||
| อย่าพักอุบายให้ตายใจ | ท่านมิยกคืนไปก็ไม่กลับ | ||
| รี้พลก็จะพลอยย่อยยับ | เรากับระตูมาสู้กัน | ||
| จะได้ดูฤทธีฝืมือ | ให้ลือชื่อในชะวาเขตต์ขัณฑ์ | ||
| หรือรักตัวกลัวจะม้วยชีวัน | บังคมคัลจะให้คืนไปพารา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | วิหยาสะกำใจกล้า | ||
| ได้ฟังคั่งแค้นแทนบิดา | จึงตอบวาจาว่าไป | ||
| ดูกอ่นอริราชไพรี | อย่าพาทีลบหลู่ท่านผู้ใหญ่ | ||
| โอหังบังอาจประมาทใคร | จะนบนอบยอบไหว้อย่าพึงนึก | ||
| มิเราก็เจ้าจะตายลง | อย่าหมายจิตต์คิดทะนงในการศึก | ||
| ยังมิทันพันตูมาขู่คึก | จะรับแพ้แลลึกไม่มีลาย | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาเฉิดฉาย | ||
| ฟังวิหยาสะกำอภิปราย | หยาบคายเคืองขัดอัธยา | ||
| จึงทูลองค์ระเด่นมนตรี | น้องนี้จะขออาสา | ||
| สู้วิหยาสะกำผู้ศักดา | พระองค์จงยืนม้าเป็นประธาน | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีใจหาญ | ||
| จึงตอบอนุชาชัยชาญ | เจ้าจะต้านต่อฤทธิ์ก็ตามใจ | ||
| แต่อย่าลงจากพาชี | เพลงกระบี่ยังหาชำนาญไม่ | ||
| เพลงทวนสันทัดชัดเจนใจ | เห็นจะมีชัยแก่ไพรี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาเรืองศรี | ||
| น้อมองค์ลงถวายอัญชลี | กะระตรพาชีขึ้นไปพลัน | ||
| ๏ ยืนม้าอยู่ตรงวิหยาสะกำ | แสร้งทำเป็นทีเย้ยหยัน | ||
| แล้วว่าใครไม่คิดแก่ชีวัน | จะชิงตุนาหงันพระธิดา | ||
| จงมาเล่นทวนด้วยกันก่อน | ให้เห็นฤทธิรอนแกล้วกล้า | ||
| แม้ควรคู่กับวงศ์เทวา | จึงจะยกกัลยาให้ไป | ||
| ๏ เมื่อนั้น | วิหยาสะกำศรีใส | ||
| ได้ฟังแค้นขัดอัดใจ | จึงตอบคำไปด้วยพลัน | ||
| ดูก่อนผู้เรืองฤทธิรงค์ | รูปทรงงามสมคมสัน | ||
| เชื้อชาติญาติวงศ์พงศ์พันธุ์ | อยู่เขตต์ขัณฑ์ธานีบุรีไร | ||
| หรือเป็นวงศ์อสัญแดหวา | ในสี่นคราเป็นไฉน | ||
| จึงปั้นหน้ามาต่อฤทธิไกร | ไม่กลัวชีวาลัยจะมรณา | ||
| ที่ยืนม้าอยู่ข้างหลังนั้น | กั้นกลดพื้นสุวรรณโอ่อ่า | ||
| นามวงศ์พงศ์ใครจงบอกมา | แจ้งกิจจาแล้วจึงจะรบกัน | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาเฉิดฉัน | ||
| ได้ฟังดังศรเสียดกรรณ | จึงตอบไปพลันทันใด | ||
| อันองค์สมเด็จพระเป็นเจ้า | คืออิเหนากุเรปันเป็นใหญ่ | ||
| นั่นกะหรัดติปาตีชาญชัย | ร่วมในสุริย์วงศ์ธิบดี | ||
| นี่สุหรานากงทรงสวัสดิ์ | องค์อะนะสิงหัดส่าหรี | ||
| นั่นระเด่นดาหยนภูมี | อยู่หมันหยาธานีกรุงไกร | ||
| เราชื่อสังคามาระตา | หน่อท้าวปักมาหงันเป็นใหญ่ | ||
| ได้เป็นอนุชาเรืองชัย | ภูวไนยองค์ระเด่นมนตรี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | วิหยาสะกำเรืองศรี | ||
| ยิ้มแล้วจึงตอบวาที | ซึ่งว่ามานี้ก็เข้าใจ | ||
| อันกาหลังสิงหัดส่าหรีนั้น | ดาหากุเรปันกรุงใหญ่ | ||
| หมันหยาธานีนั้นไซ้ | ก็แจ้งใจว่าวงศ์นั้นสืบมา | ||
| ตัวสิอยู่ปักมาหงัน | ใช่วงศ์อสัญแดหวา | ||
| เหตุใดว่าเป็นอนุชา | นับในวงศาประการใด | ||
| หรือหนึ่งพึ่งจะมาเป็นน้อง | เกี่ยวข้องรักกันเป็นไฉน | ||
| เราคิดเห็นผิดประหลาดใจ | จงบอกไปแต่จริงบัดนี้ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาเรืองศรี | ||
| ฟังวิหยาสะกำพาที | ดังตรีเพ็ชร์บาดในอุรา | ||
| จึงร้องว่าเหวยไพริน | ลมลิ้นหยาบคายหนักหนา | ||
| มาถามไถ่ไล่เอาสัจจา | คือจะปรารถนาสิ่งใด | ||
| สุดแต่ว่าจิตพิศวาส | ก็นับว่าวงศ์ญาติกันได้ | ||
| อย่าชักเจรจาให้ช้าไป | จะชิงชัยให้เห็นฝืมือกัน | ||
| ว่าพลางทางกรายปลายทวน | รำร่ายเป็นกระบวนหวนหัน | ||
| ชักอาชาชิดติดพัน | เข้าประจัญจ้วงโจมโถมแทง | ||
| ๏ เมื่อนั้น | วิหยาสะกำเข้มแข็ง | ||
| ขับม้าเลี้ยวล่อต่อแย้ง | กรายพระแสงทวนรำเป็นทำนอง | ||
| กลอกกระหยับกลับแทงทั้งซ้ายขวา | สังคามาระตาปัดป้อง | ||
| ถ้อยทีหนีไล่รับรอง | เปลี่ยนท่าทวนทองแทงกัน | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาแข็งขัน | ||
| ขับม้าไว้ว่องป้องประจัญ | เป็นเชิงชั้นชิงชัยในทีทวน | ||
| ร่ายรับกลับแทงไม่แพลงพล้ำ | วิหยาสะกำผัดผันหันหวน | ||
| ต่างเรียงเคียงร่ายย้ายกระบวน | ปะทะทวนรวนรุกคลุกคลี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | วิหยาสะกำเรืองศรี | ||
| ชักม้าวงวิ่งชิงที | โหมหักไพรีด้วยแรงฤทธิ์ | ||
| โถมแทงแล้วแปลงเปลี่ยนกระบวน | ทบทวนม้าที่นั่งไม่พลั้งผิด | ||
| หมายเขม้นเข่นฆ่าปัจจามิตร | ตามติดต้านทานราญรอน | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาชาญสมร | ||
| รบรับเคี่ยวขับอัศดร | ยอกย้อนเป็นกลรณรงค์ | ||
| กลับกลอกรำร่ายกรายพระแสง | ปะทะแทงทะลวงไล่พอให้หลง | ||
| แล้วทำเสียเชิงชักม้าทรง | ตลบองค์เวียนหันไปทันที | ||
| พระเนตร์มุ่งหมายม้าวิหยาสะกำ | เห็นถลำเลี้ยวไล่ได้ที่ | ||
| แทงสอดลอดเกราะถูกไพรี | ตกจากพาชีมรณา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงใจกล้า | ||
| เห็นโอรสต้องศาสตรา | ตกจากอาชาบรรลัย | ||
| พระกริ้วโกรธโกรธาบ้าจิตต์ | จะรอรั้งยั้งคิดก็หาไม่ | ||
| แกว่งหอกควบขับอาชาไนย | เข้ารุกไล่สังคามาระตา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์พงศ์อสัญแดหวา | ||
| เห็นไพรีรุกไล่อนุชา | พระขับม้าถลันออกกั้นกาง | ||
| กลับกลอกหอกทรงพุ่งสกัด | ระตูรับผันผัดไม่ขับขวาง | ||
| พระชักอาชาไนยไว้วาง | สะบัดย่างเชือนชายย้ายทำนอง | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงไวว่อง | ||
| ขับม้าวงวิ่งชิงคลอง | แคล่วคล่องกลับกลอกหอกซัด | ||
| ขยับกรผ่อนพุ่งข้างละที | ระเด่นมนตรีป้องปัด | ||
| ระตูตามติดพันด้วยสันทัด | ผันผัดอาวุธกันไปมา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้พงศ์เทวันอสัญหยา | ||
| รบพลางทางชักอาชา | รั้งรำรอไว้ไม่รอนราญ | ||
| จึงคิดว่าระตูผู้นี้ | ท่วงทีสามารถอาจหาญ | ||
| ทั้งอาวุธต่าง ๆ ก็ชำนาญ | จะผลาญบนหลังม้าเห็นยากใจ | ||
| อย่าเลยจะชวนตีกระบี่ | ได้ทีจะฆ่าเสียให้ได้ | ||
| คิดแล้วจึงร้องประกาศไป | ดูก่อนภูวไนยธิบดี | ||
| เรารบกันบนหลังอาชา | ต่างกล้าสามารถไม่ถอยหนี | ||
| มาจะลงยังพื้นปถพี | ตีกระบี่ให้เห็นฝืมือกัน | ||
| ว่าพลางลงจาอัศดร | พระกรทรงกระบี่ผายผัน | ||
| รำร่ายหันเหียนเวียนระวัน | หมายมั่นเข่นฆ่าราวี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี | ||
| จึงถอดโกลนโจนจากพาชี | ภูมีไม่ยั้งรั้งรา | ||
| ทรงกระบี่รำเรียงเคียงร่าย | ประปรายปลายกระบี่แล้วให้ท่า | ||
| กระหยับหันผันหลังออกมา | แล้วกลับหน้าจ้วงโจมเข้าฟันแทง | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวากล้าแข็ง | ||
| กลับกระบี่ให้ท่าเปลี่ยนแปลง | ต่อแย้งย่างท้าวก้าวชิด | ||
| แทงต้องระตูแล้วฟันซ้ำ | ไม่ชอกช้ำผิวหนังแต่สักหนิด | ||
| ต่างทรงศักดาวราฤทธิ์ | เลี้ยวไล่ตามติดต้านทาน | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงห้าวหาญ | ||
| แกว่งกระบี่ผัดผันประจัญบาน | ไม่ย่อท้อต่อต้านราญรบ | ||
| แทงทะลวงจ้วงฟันทันที | ระเด่นมนตรีหลีกหลบ | ||
| กระบี่ต่อกระบี่ตีกระทบ | เป็นประกายกลุ้มกลบกันไปมา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีใจกล้า | ||
| เห็นระตูต่อตีมีศักดา | คงทั้งศาสตราอาวุธ | ||
| ทางหนีทีไล่ไวว่อง | เพลงกระบี่ตีคล่องเป็นที่สุด | ||
| ยากที่ใครจะรอต่อยุทธ์ | เป็นบุรุษย์ผู้หนึ่งในแดนไตร | ||
| จำกูจะสังหารด้วยกฤช | ซึ่งเทเวศร์ประสิทธิ์ประสาทให้ | ||
| คิดพลางชักกฤชฤทธิไกร | แล้วร้องว่าไปมิได้ช้า | ||
| ดูก่อนระตูภูมี | เพลงกระบี่ตีกันจนสิ้นท่า | ||
| ต่างคนไม่แพ้ฤทธา | เรามารำกฤชสู้กัน | ||
| ว่าพลางทางถอดกฤชกราย | เยื้องย้ายร่ายรำบิดผัน | ||
| กวักพระหัตถ์ตรัสเรียกระตูพลัน | พระทำทีเย้ยหยันไพรี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี | ||
| ได้ฟังชื่นชมยินดี | ครั้นนี้อิเหนาจะวายชนม์ | ||
| อันเพลงกฤชชะวามลายู | กูรู้สันทัดไม่ขัดสน | ||
| คิดแล้วชักกฤชฤทธิรน | ร่ายรำทำกลมารยา | ||
| กรขวานั้นกุมกฤชกราย | พระหัตถ์ซ้ายนั้นถือเช็ดหน้า | ||
| เข้าปะทะประกฤชด้วยฤทธา | ผัดผันไปมาไม่ครั่นคร้าม | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีชาญสนาม | ||
| พระกรกรายกฤชติดตาม | ไม่เข็ดขามคร้ามถอยคอยรับ | ||
| หลบหลีกไวว่องป้องกัน | ผัดผันหันออกกลอกกลับ | ||
| ปะทะแทงแสร้งทำสำทับ | ย่างกระหยับรุกไล่มิได้ยั้ง | ||
| ๏ เห็นระตูถอยเท้าก้าวผิด | พระกรายกฤชแทงอกตลอดหลัง | ||
| ล้มลงด่าวดิ้นสิ้นกำลัง | มอดม้วยชีวังปลดปลง | ||
| ๏ เมื่อนั้น | กะหรัดติปาตีสูงส่ง | ||
| ทั้งระเด่นดาหยนสุริย์วงศ์ | สุหรานากงทรงฤทธิ์ | ||
| เห็นระเด่นมนตรีต่อสู้ | แทงระตูแม่ทัพดับจิตต์ | ||
| สามองค์ทรงม้ากระชั้นชิด | จะสังหารผลาญชีวิตไพรี | ||
| ต่างเข้าลุยไล่ไม่รอรั้ง | ท้าวปาหยังประหมันผันหนี | ||
| ทหารโห่เอาชัยได้ที | ตามตีโยธาฝ่าฟัน | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูปาหยังประหมัน | ||
| สุดที่จะรับรอบป้องกัน | พลขันธ์พังพ่ายตายยับ | ||
| ไพร่พลัดจากนายกระจายหนี | เห็นเสียทีตีม้าควบขับ | ||
| ปลอมพลปนไปในกองทัพ | ไม่ผันหน้ามารับแต่สักคน | ||
| บ้างเข้าแบกคนละบ่าพานายวิ่ง | ประเจียดเครื่องเปลื้องทิ้งไว้เกลื่อนกล่น | ||
| บ้างหนามเกี่ยวหัวหูไม่รู้ตน | ซุกซนด้นไปแต่ลำพัง | ||
| บางเหล่าทิ้งไถ้เขนงปืน | ลือตื่นเสียงเพื่อนกันข้างหลัง | ||
| ที่ถูกปืนป่วยขาละล้าละลัง | อุสส่าห์คลานซานซังซุกไป | ||
| ๏ ครั้นมาถึงท้ายค่ายมั่น | ท้าวประหมันปาหยังเปนใหญ่ | ||
| จึงหยุดปรึกษากันทันใด | อันเราจะหนีไปเห็นไม่พ้น | ||
| ครั้นจะคืนเข้าค่ายรายรับ | ไม่ทันทีกองทัพยังสับสน | ||
| จะซ้ำเสียเสนีรี้พล | จำจะผ่อนให้พ้นมรณา | ||
| มาเราจะเข้าบังคมคัล | พระผู้พงศ์อสัญแดหวา | ||
| จึงให้ยกธงอัปรา | โยธายั้งหยุดพร้อมกัน | ||
| ๏ สององค์ลงจากอาชา | เสด็จมากับหมู่กิดาหยัน | ||
| เสนาแวดล้อมแน่นนันต์ | จรจรัลมาสมรภูมิ์ชัย | ||
| ๏ ครั้นถึงจึงแจ้งกิจจา | แก่ตำมะหงงเสนาผู้ใหญ่ | ||
| เราน้องระตูที่บรรลัย | ตั้งใจมาเฝ้าบาทบงสุ์ | ||
| ๏ บัดนั้น | จึงมหาเสนาตำมะหงง | ||
| พาระตูพี่น้องทั้งสององค์ | มาเฝ้าพระสุริย์วงศ์ทรงธรรม์ | ||
| ๏ วันทาทูลแถลงแจ้งคดี | บัดนี้ท้าวปาหยังประหมัน | ||
| น้องระตูผู้ม้วยชีวัน | มาบังคมคัลภูวไนย | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สองระตูตัวสั่นหวั่นไหว | ||
| กราบบาทมูลแล้วทูลไป | ภูวไนยได้ทรงพระเมตตา | ||
| ข้าบาททั้งสองเป็นไพรี | โทษผิดครั้งนี้หนักหนา | ||
| จงโปรดปรานขอประทานชีวา | ไว้เป็นข้าใต้เบื้องบทมาลย์ | ||
| ขอเอาพระเดชปกเกศเกล้า | ตราบเท่าสิ้นชีพสังขาร | ||
| ถึงปีจะมีบรรณาการ | มาถวายตามบุราณประเพณี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
| ฟังระตูสองราพาที | ภูมีจึงตรัสตอบไป | ||
| ซึ่งท่านมาวอนง้อขอโทษ | เราจะถือโกรธนั้นหาไม่ | ||
| อันเชษฐานัดดาซึ่งบรรลัย | เพราะใจโอหังกำลังพาล | ||
| ท่านจงรับศพทั้งสองนั้น | พากันกลับไปยังถิ่นฐาน | ||
| บูชาเพลิงปลงส่งสักการ | ให้พร้อมวงศ์วานในธานี | ||
| ๏ ตรัสพลางย่างเยื้องยุรยาตร์ | องอาจดังไกรสรสีห์ | ||
| สองระตูตามเสด็จจรลี | ไปที่วิหยาสะกำตาย | ||
| มาเห็นศพทอดทิ้งกลิ้งอยู่ | พระพินิจพิศดูแล้วใจหาย | ||
| หนุ่มน้อยโสภาน่าเสียดา | ควรจะนับว่าชายโฉมยง | ||
| ทนต์แดงดังแสงทับทิม | เพริดพริ้มเพรารับกับขนง | ||
| เกศาปลายงอนงามทรง | เอวองค์สารพัตรไม่ขัดตา | ||
| กระนี้หรือบิดามิพิศวาส | จนพินาศด้วยโอรสา | ||
| แม้นว่าระตูจรกา | งามเหมือนวิหยาสะกำนี้ | ||
| มิได้ร้อนรนด้วนปนศักดิ์ | น่ารักรูปทรงส่งศรี | ||
| ตรัสแล้วลีลาขึ้นพาชี | กลับไปยังที่พลับพลาพลัน | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สองระตูวิโยคโศกศัลย์ | ||
| กอดศพเชษฐาเข้าจาบัลย์ | พิไรร่ำพรรณโศกา | ||
| ๏ โอ้ว่าพระองค์ผู้ทรงยศ | พระเกียรติ์ปรากฏในแหล่งหล้า | ||
| สงครามทุกครั้งแต่หลังมา | ไม่เคยอัปราแก่ไพรี | ||
| ครั้งนี้ควรหรือมาพินาศ | เบาจิตต์คิดประมาทไม่พอที่ | ||
| เพราะรักบุตร์สุดสวาทแสนทวี | จะทัดทานภูมีไม่เชื่อฟัง | ||
| อนิจจาวิหยาสะกำเอ๋ย | เวรสิ่งใดเลยแต่หนหลัง | ||
| เสียแรงเรืองฤทธีมีกำลัง | มาวอดวายชีวังแต่ยังเยาว์ | ||
| ตั้งแต่นี้ไปไม่เห็นหน้า | กลับคืนพาราจะเงียบเหงา | ||
| สองกษัตริย์กำสรดซบเซา | ให้ละห้อยสร้อยเศร้าวิญญาณ์ | ||
| ๏ ครั้นคลายวายโศกกรรแสงศัลย์ | ให้เชิญศพทรงธรรม์เชษฐา | ||
| กับศพศรีราชนัดดา | ขึ้นมหาบุษบกรถชัย | ||
| ระตูสององค์ทรงอัศดร | เลิกนิกรโยธาทัพใหญ่ | ||
| เข้าในพนมพนาลัย | กลับไปยังราชธานี | ||
| ๏ บัดนั้น | เสนาดาหากรุงศรี | ||
| เห็นอิเหนามีชัยแก่ไพรี | ก็เผ่นขึ้นพาชีรีบมา | ||
| ๏ ครั้นถึงซึ่งท้องพระโรงคัล | อภิวันท์องค์ศรีปัตหรา | ||
| ทูลว่าอิเหนานัดดา | เข่นฆ่าไพรีวายปราณ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นปักนัคเรศราชฐาน | ||
| แจ้งว่าข้าศึกประลัยลาญ | มีความเกษมสานต์โสมนัส | ||
| ซึ่งดาลเดือดนัดดามาแต่หลัง | ก็ค่อยคลายแค้นคั่งเคืองขัด | ||
| เสด็จจากแท่นที่นั่งบัลลังก์รัตน์ | เข้าปราสาทจำรัสรูจี | ||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงกุเรปันกรุงศรี | ||
| จึงสั่งพนักงานทันที | บัดนี้เสร็จการชิงชัย | ||
| จะเชิญเสด็จพระโฉมยง | ไปสรงสนานในสระใหญ่ | ||
| ริมเชิงกุหนุงมาลัย | เร่งไปปลูกเกยและพลับพลา | ||
| ประชุมเหล่าโหราราชครู | พราหมณ์ชีบีกูประมาหนา | ||
| สำหรับราชพิธีกษัตรา | ให้พร้อมแต่เวลาตะวันชาย | ||
| ๏ บัดนั้น | จึงเหล่าพนักงานทั้งหลาย | ||
| รับคำบังคับคำนับนาย | ออกจากค่ายเข้าป่าพากันไป | ||
| ๏ ครั้นถึงซึ่งฝั่งสระศรี | ริมเชิงคิรีเขาใหญ่ | ||
| เกณฑ์กันปลูกเกยพลับพลาชัย | ทุกหมวดหมายนายไพร่ระดมกัน | ||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงเสนาคนขยัน | ||
| เข้าไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | บังคมคัลแล้วทูลทันใด | ||
| อันประเวณีกษัตริยแต่ก่อน | รณรงค์ราญรอนศึกใหญ่ | ||
| แม้นชะนะไพรีมีชัย | ย่อมไปสระสนานสำราญองค์ | ||
| ขอเชิญเสด็จพระภูวนาถ | ลีลาศไปชำระสระสรง | ||
| ยังสระชื่อเบ็ญจบุษบง | ให้เป็นมงคลสวัสดี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
| ฟังคำตำมะหงงเสนี | ภูมีชื่นชมภิรมยา | ||
| จึงเสด็จขึ้นม้าที่นั่งทรง | กับระเด่นสี่องค์วงศา | ||
| พร้อมม้าพี่เลี้ยงและเสนา | ม้าหมู่โยธาพลไกร | ||
| ครบถ้วนกระบวนพาชี | ขับขี่สะบัดย่างวางใหญ่ | ||
| ควบแข่งแซงเสียดกันไป | ตามแถวแนวไม้ชายดง | ||
| ๏ ครั้นถึงซึ่งสระประทุเมศ | อยู่นอกนคเรศสำหรับสรง | ||
| เสด็จจากพาชีที่นั่งทรง | แล้วลงสรงสนานสำราญกาย | ||
| ๏ ชี้ชมโกสุมประทุมมาศ | ขาวแดงเดียรดาษประหลาดหลาย | ||
| ชูก้านบานกลีบคลี่คลาย | เกสรร่วงรายเรณูนวล | ||
| เหล่าระเด่นเล่นน้ำในสระนั้น | ยิ้มแย้มหยอกกันเกษมสรวล | ||
| พระทรงฤทธิ์คิดกระศัลย์รัญจวน | คะนึงนวลโฉมงามสามสุดา | ||
| บุษบงส่งรสรวยริน | หอมละม้ายคล้ายกลิ่นจินตะหรา | ||
| ถวิลวันลงสรงคงคา | เมื่อไปฌาปนกิจอัยยกี | ||
| เห็นหมู่มัจฉาว่ายคลาคล่ำ | เหมือนเจ้าว่ายแหวกน้ำหนีพี่ | ||
| โหยหวนครวญคำนึงถึงเทวี | ภูมีเศร้าสร้อยกำสรดทรง | ||
| ๏ สรงเสร็จก็เสด็จคลาไคล | ประพาสไปริมฝั่งสระสรง | ||
| กับระเด่นทั้งสี่สุริย์วงศ์ | ต่างองค์สับพะยอกหยอกกัน | ||
| พระหักก้านโกสุมประทุมา | รำท่ากระบี่บิดผัน | ||
| กับระเด่นสิงหัดส่าหรีนั้น | ป้องปัดผัดผันอลวน | ||
| อันองค์กะหรัดติปาตี | รำกระบี่กับระเด่นดาหยน | ||
| สังคามาระตานั้นประจญ | ด้วยเสนาสามนต์ไปมา | ||
| ยะรุเดะสันทัดกั้นหยั่ง | คู่กันกับกะระตาหลา | ||
| ปูนตาคู่กับประสันตา | รำกฤชชะวาว่องไว | ||
| ๏ ครั้นเสร็จพระเสด็จจรลี | ไปยังที่พลับพลาอาศัย | ||
| ทรงภูษาโขมพัสตร์อำไพ | แล้วตรงไปขึ้นเกยพิธีการ | ||
| ๏ บัดนั้น | ปุโรหิตโหรามหาศาล | ||
| ต่างตนประณตบทมาลย์ | โอมอ่านไสยเวทขึ้นฉับพลัน | ||
| จึงเอาใบมะพร้าวมาจำลัก | เป็นรูปจักรหอกดายพระแสงขรรค์ | ||
| ทั้งกฤชและเสนาเกาทัณฑ์ | สารพันอาวุธนานา | ||
| ลอยลงในน้ำพิธีการ | ซ้ำอ่านอาคมคาถา | ||
| โสรจสรงห้าองค์กษัตรา | ให้เมาะตาริยะกัดสวัสดี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
| ครั้นเสร็จสรงน้ำพิธี | ภูมีชื่นชมภิรมยา | ||
| จึงสำอางอ่าองค์ทรงเครื่อง | อร่ามเรืองจำรัสทัดบุหงา | ||
| ขึ้นทรงสินธพอาชา | ควบขับกลับมาพลับพลาทอง | ||
| ๏ ครั้นถึงจึงเสด็จขึ้นเหนืออาศน์ | ภูวนาถทุกข์ทนหม่นหมอง | ||
| คะนึงสามทรามสงวนนวลน้อง | ตรึกตรองแต่จะคืนไปพารา | ||
| ๏ พระสุริยาสายัณห์สิ้นแสง | ศศิธรแจ่มแจ้งเวหา | ||
| พระดูเดือนเหมือนผิวพักตรา | ระเด่นจินตะหรายาใจ | ||
| โอ้ว่าเจ้าดวงยิหวาพี่ | อนิจจาป่านนี้จะเป็นไฉน | ||
| จะตั้งแต่อาวรณ์ร้อนฤทัย | คร่ำครวญหวนไห้ไม่เว้นวัน | ||
| สรงเสวยเคยสุขจะทุกข์ร้อน | ยามนอนจะวิโยคโศกศัลย์ | ||
| ใครจะปลอบอรทัยวิไลวรรณ | ให้สร้างกรรแสงเศร้าโศกา | ||
| จะได้แต่ปรับทุกข์กันทั้งสาม | จะนับวันคืนยามคอยหา | ||
| อกเอ๋ยจำใจไกลสุดา | เพราะต้องมาปราบราชไพรี | ||
| บัดนี้การศึกก็เสร็จสรรพ | พี่จะเร่งรีบกลับไปสมศรี | ||
| พระครวญคร่ำกำสรดแสนทวี | คิดอยู่แต่ที่จะคลาไคล | ||
| ๏ จึงสั่งระเด่นดาหยน | จงจัดพลโยธาทัพใหญ่ | ||
| พร้อมทั้งม้ารถคชไกร | ตรวจตราเตรียมไว้ในราตรี | ||
| พรุ่งนี้จะเข้าไปทูลลา | กลับไปหมันหยากรุงศรี | ||
| สั่งเสร็จเสด็จจรลี | เข้าในแท่นที่ไสยา | ||
| ๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงระตูจรกานาถา | ||
| ตั้งแต่ให้ราชสารา | ไปกล่าวบุษษได้ดังใจ | ||
| พระยิ่งชื่นชมโสมนัส | ในจิตต์ประดิพัทธ์พิสมัย | ||
| มีแต่เปรมปริ่มกระหยิ่มใจ | ดังได้เสวยสวรรค์ชั้นฟ้า | ||
| เวียนคลี่กระดาษวาดรูปนาง | ประทับกับทรวงพลางทางหวลหา | ||
| ป่านนี้พุ่มพวงดวงสุดา | จะคิดคอยพี่ยาทุกนาที | ||
| พี่ก็ให้เร่งรัดจัดงาน | จะยกไปทำการภิเษกศรี | ||
| แต่โหยหวนครวญคะนึงถึงเทวี | ไม่เป็นอันที่จะนิทรา | ||
| ๏ ครั้นรุ่งรังสีรวีวรรณ | พระทรงธรรม์อ่าองค์ทรงภูษา | ||
| ย่างเยื้องยุรยาตร์คลาดคลา | ออกมาพระโรงรัตน์ชัชวาล | ||
| ๏ บัดนั้น | เสนาดาหาราชฐาน | ||
| ก้มเกล้าประณตบทมาลย์ | ทูลแถลงแจ้งการทันที | ||
| บัดนี้พระผู้ผ่านดาหา | ใช้ข้ามาทูลบทศรี | ||
| ด้วยท้าวกะหมังกุหนิงภูมี | ให้เสนีนำราชสารา | ||
| ไปกล่าวพระบุตรีโฉมยง | ให้องค์พระโอรสา | ||
| สมเด็จพระราชบิดา | ตอบว่าได้ให้แก่ภูวไนย | ||
| ในว่าไม่ให้ไม่ฟังกัน | จะชิงตุนาหงันให้ได้ | ||
| ป่านนี้เห็นจะยกพลไกร | มาชิงชัยดาหาธานี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูจรกาเรืองศรี | ||
| ได้ฟังคั่งแค้นแสนทวี | ดังอัคคีจี้จุดดวงใจ | ||
| แผดเสียงสิงหนาทอาจหาญ | เหม่มันอหังการหยาบใหญ่ | ||
| จะชิงดวงยิหวาของกูไป | ดีแล้วจะได้เห็นกัน | ||
| จึงตรัสสั่งดะหมังมนตรี | เร่งตรวจเตรียมโยธีทัพขัน | ||
| ม้ารถคชไกรครบครัน | ให้ทันจะยกยาตรา | ||
| ตำมะหงงจงเร่งรีบไป | ทูลไทธิเบศร์เชษฐา | ||
| ให้กรีธาทัพใหญ่ไคลคลา | ไปช่วยเข่นฆ่าไพรี | ||
| ๏ บัดนั้น | ทั้งสองเสนาบดีศรี | ||
| รับสั่งแล้วรีบจรลี | มาตรวจเตรียมโยธีรี้พล | ||
| ๏ กรมช้างผูกช้างขะนะงา | กรมม้าผูกม้าโกลาหล | ||
| เหล่าทหารจัดแจงแต่งตน | แต่ละคนแข็งขันเคยพันตู | ||
| มาเข้ากระบวนทัพคับคั่ง | ซ้ายขวาหน้าหลังเป็นหมวดหมู่ | ||
| บ้างถือเสน่าเกาทัณฑ์ทวนธนู | โล่เขนหอกคู่ปืนไฟ | ||
| พร้อมพรั่งดั้งพยุหโยธา | ดาบดาดังสายน้ำไหล | ||
| ตำมะหงงเสนนั้นรีบไป | ยังกรุงไกรล่าสำธานี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระตูจรกาเรืองศรี | ||
| ครั้นใกล้พิชัยฤกษ์ดี | ก็จรลีมาสรงคงคา | ||
| ๏ ขัดสีสารพางค์สำอางองค์ | บรรจงทรงสุคนธ์โอ่อ่า | ||
| ผัดพักตร์ลูบไล้ไปมา | ให้กลบผิวพัตราพระภูมี | ||
| ใส่สนับเพลาทรงภูษา | งามวิจิตรรจนาระบายสี | ||
| ฉลององค์ทรงกระสันอินทรีย์ | ซึ่งพ่วงพีให้เห็นเป็นทรวดทรง | ||
| ห้อยหน้าผ้าทิพย์ขลิบสุวรรณ | ทับทรวงดวงกุดั่นดอกตันหยง | ||
| ทองกรกาบกิ่งยิ่งยง | ธำมรงค์ร่วงรุ้งพาหุรัด | ||
| ทรงชฎาเดินหนกุณฑลทอง | เรืองรองดอกไม้ไหวสะบัด | ||
| ห้อยอุบะบรรจงทรงทัด | พระหัตถ์กุมกฤชแล้วจรจรัล | ||
| ๏ เสด็จขึ้นทรงคอคชสาร | สอดชนักหน่วงพานผูกมั่น | ||
| ได้ฤกษ์ยิงปืนเป็นสำคัญ | ให้เคลื่อนพลขันธ์มิทันนาน | ||
| ๏ ช้างเอยช้างต้น | ชาญชนชะนะงากล้าหาญ | ||
| ใหญ่หลวงพ่วงพีพ้นประมาณ | เคยเป็นคชาธารที่นั่งทรง | ||
| ทนปืนยืนสู้ศึกใหญ่ | เข้าไหนไล่ลุยเป็นผุยผง | ||
| สำเนียงโกญจนาทอาจอง | งางอนดังจะส่งสอยดาว | ||
| ผูกเครื่องเรืองรัตน์รายอร่าม | ห้อยหูพู่จามรีขาว | ||
| ปกกระพองกรองแก้วแพรวพราว | กระวินวาวชนักถักทอง | ||
| เครื่องสูงชุมสายรายเรียง | แส้เสียงประโคมคึกกึกก้อง | ||
| ช้างม้ารนร่านทะยานร้อง | ยกกองทัพรีบคลาไคล | ||
| ๏ เดินทางค้างทิวาราตรี | หมายจะล้างไพรีให้ตักษัย | ||
| รีบเร่งบทจรไม่นอนใจ | ถึงพิชัยดาหาธานี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
| ไสยาสน์ในราษราตรี | แสนทวีเทวษในวิญญาณ์ | ||
| ม่อยหลัยแล้วกลับผวาตื่น | คิดแต่จะคืนไปหมัยหยา | ||
| ป่านนี้โฉมงามสามสุดา | จะละห้อยคอยหาทุกคืนวัน | ||
| เวลาดึกเดือนตกนกร้อง | ระวังไพรไก่ก้องกระชั้นขัน | ||
| เสียงดุเหว่าเร้าเรียกหากัน | ฟังหวั่นว่าเสียงทรามวัย | ||
| พระลุกขึ้นเหลือบแลชะแง้หา | เจ้าตามมาร้องเรียกหรือไฉน | ||
| ลมชวยรวยรสสุมาลัย | หอมเหมือนกลิ่นสะไบบังอร | ||
| ยิ่งเคลิ้มคลุ้มกลุ้มจิตต์พิศวง | ทอดองค์ลงกับบรรจฐรณ์ | ||
| กลิ้งกลับสับสนทุรนร้อน | กรตระกองกอดหมอนถอนฤทัย | ||
| ๏ ครั้นรุ่งรางสว่างเวหน | สุริยนแย้มเยี่ยมเหลี่ยมไศล | ||
| จึงอ่าองค์ทรงเครื่องอำไพ | ภูวไนยเสด็จออกหน้าพลับพลา | ||
| ๏ ได้ยินเสียงแตรสังข์ฆ้องกลอง | ครั่นครึกกึกก้องมาหนักหนา | ||
| จึงดำรัสตรัสสั่งปูนตา | จงให้โยธาไปถามดู | ||
| ใครยกทัพมาแต่เมืองไหน | เหตุใดจึงล่าช้าอยู่ | ||
| หรือพวกอริราชศัตรู | จะมาพันตูต่อตี | ||
| ๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงประณตบทศรี | ||
| ออกมาสั่งกันทันที | ตามมีพระราชบัญชา | ||
| ๏ บัดนั้น | ปะหรัดกะติกาใจกล้า | ||
| คำนับรับคำแล้วอำลา | เผ่นขึ้นม้าควบขับไปฉับไว | ||
| ๏ ครั้นถึงจึงถามถ้วนถี่ | ทัพยกมานี้จะไปไหน | ||
| อยู่ยังถิ่นฐานบ้านเมืองใด | คือใครเป็นจอมจตุรงค์ | ||
| ระเด่นมนตรีตรัสใช้ | มาถามไถ่ให้แจ้งโดยประสงค์ | ||
| จงบอกเนื้อความตามตรง | จะได้ไปทูลองค์พระทรงธรรม์ | ||
| ๏ บัดนั้น | ปะหรัดกะติกาอัชฌาสัย | ||
| ได้ฟังจะแจ้งไม่แคลงใจ | ก็เร่งรีบกลับไปไม่รอรั้ง | ||
| ๏ ครั้นถึงจึงตรงเข้าไปหา | ปูนตาพี่เลี้ยงผู้รับสั่ง | ||
| แล้วแถลงแจ้งความให้ฟัง | โดยดังคดีทุกประการ | ||
| ๏ บัดนั้น | ปูนตาฟังคำว่าขาน | ||
| มายังพลับพลาพลันมิทันนาน | กราบกรานแล้วทูลพระทรงธรรม์ | ||
| ว่าทัพนี้คือท้าวจรกา | ซึ่งมาขอพระธิดาตุนาหงัน | ||
| แจ้งว่าปัจจามิตร์ติดพัน | จึงมาช่วยป้องกันเวียงชัย | ||
| ๏ บัดนั้น | ประสันตาได้ฟังไม่นิ่งได้ | ||
| จึงว่าเราลำบากยากใจ | สู้ทนปืนไฟแทบตาย | ||
| ท่านมาชุบมือเอาสรรพ | นั่งกินสำรับเล่นง่าย ๆ | ||
| เมื่อมีชัยท่านได้พลอยสบาย | แม้นแพ้ก็จตายแต่พวกเรา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้เฉิดโฉมยงองค์อิเหนา | ||
| จึงว่าอย่าพูดมากปากเบา | ใครเขาได้ยินจะนินทา | ||
| ตรัสพลางทางเรียกอัศดร | เห็นทินกรเรืองแรงแสงกล้า | ||
| จะเข้าไปถวายบังคมลา | สั่งเสร็จเสด็จมาอ่าองค์ | ||
| ๏ ทรงสุคนธ์รวยรินกลิ่นเกลา | สนับเพลาเชิงตระหนกวิหคหงส์ | ||
| ภูษิตวิจิตรบรรจงทรง | ฉลององค์ดวงกุดั่นรังแตน | ||
| อินทรธนูติดต้นพระพาหา | ริ้วทองปัตหร่าปลายแขน | ||
| ผ้าทิพย์ขลิบริมทับทิมแทน | ชายไหวหัวแหวนสังวาลวาว | ||
| ตาบประดับทับทรวงสายสร้อย | เฟื่องห้อยพลอยแดงเขียวขาว | ||
| ทองกรวิเชียรช่วงดังดวงดาว | ธำมรงศ์เพ็ชร์พราวไปทุกนิ้ว | ||
| ทรงมงกุฎกรรเจียกจอนจรัส | ผัดพักตร์นวลละอองผ่องผิว | ||
| ห้อยอุบะลมชายปลายปลิว | ดูดังจะเลื่อนลิ่วลอยฟ้า | ||
| ๏ พระหัตถ์กุมกฤชฤทธิรอน | กรายกรอ่อนระทวยทั้งซ้ายขวา | ||
| ลงจากที่ประทับพลับพลา | เสด็จมาขึ้นทรงพาชี | ||
| ๏ ม้าเอยม้าต้น | ผ่านดำขำขนสองสี | ||
| สูงระหงทรงงามพ่วงพี | ท่วงทีขี่ขับเรียบร้อย | ||
| เยื้องอกยกเท้าสอดซ้ำ | ติดพยศย่องย่ำทำถอย | ||
| เปลี่ยนขวามาซ้ายซ้ำรอย | ถูกน้อยซอยเต้นมาตามทาง | ||
| ผูกเครื่องสุวรรณวาวดาวจำลัก | หมอนกำมะหยี่ปักหักทองขวาง | ||
| สอดสายง่องง้ำประจำคาง | พะนังข้างอย่างเทศโกลนทอง | ||
| ม้าทหารแห่น่าสง่างาม | ม้ากิดาหยันตามเป็นแถวท่อง | ||
| อนุชาขี่ม้าที่นั่งรอง | ม้าพี่เลี้ยงเคียงสองข้างไป | ||
| ๏ บัดนั้น | ประชาชนชายหญิงน้อยใหญ่ | ||
| รู้ว่าเสด็จเข้าเวียงชัย | เขม้นใจคอยดูด้วยโกรธา | ||
| คับคั่งนั่งแน่นริมถนน | ผู้ดีปนเข็ญใจก็ไม่ว่า | ||
| ครั้นเห็นพระองค์ทรงม้ามา | ที่แค้นขัดอัธยาก็ลืมไป | ||
| บ้างตั้งตาพินิจพิศวง | ตลึงแลรูปทรงหลงใหล | ||
| บ้างบังคมชมโฉมภูวไนย | ความงามกระไรเหมือนเทวา | ||
| บรรดาประชาชาวพระนคร | หญิงชายถวายพรถ้วนหน้า | ||
| ให้ได้ครองกับพระธิดา | ไพร่ฟ้าจะได้พึ่งสืบไป | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | ||
| ครั้นถึงประเสบันทันใด | ภูวไนยลงจากพาชี | ||
| จึงชวนสังคามาระตา | อนุชามาไปเป็นเพื่อนพี่ | ||
| ตรัสพลางย่างเยื้องจรลี | เสด็จขึ้นยังที่มนเทียรทอง | ||
| ๏ ครั้นถึงจึงถวายบังคม | องค์บรมกษัตริย์ทั้งสอง | ||
| หฤทัยระทึกตรึกตรอง | ให้ระคางหมางหมองวิญญาณ์ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นภพพิชัยดาหา | ||
| ทั้งประไหมสุหรีศรีโสภา | เห็นอิเหนาเข้ามาบังคมคัล | ||
| ต่างแค้นเคืองขัดไม่ตรัสทัก | มึนเมินพระพักตร์ผินผัน | ||
| แล้วขับสียะตราลูกยานั้น | จงไปอภิวันท์พระพี่ยา | ||
| เราพ้นเป็นชะเลยก็เพราะเขา | คุณอยู่แก่เราหนักหนา | ||
| แม้นหาไม่พ่อจะมรณา | เจ้าจะไปเป็นข้าไพรี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สียะตราหนึ่งหรัดเรืองศรี | ||
| ลุกแล่นไปพลันทันที | ถึงระเด่นมนตรีก็บังคม | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์ทรงลักษณ์งามสม | ||
| อุ้มองค์อนุชาเชยชม | แล้วปรารมภ์รำพึงคะนึงใน | ||
| แต่กุมารยังงามถึงเพียงนี้ | ถ้าบุตรีจะงามสักเพียงไหน | ||
| ชมพลางทางชำเลืองแลไป | ดูทีท้าวไทเห็นโกรธา | ||
| ยิ่งคิดครั่นคร้ามขามเขิน | ทั้งกลัวทั้งสะเทินเมินหน้า | ||
| ม่อยเมียงเคียงแอบอนุชา | มิได้จำนรรจาพาที | ||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี | ||
| จึงมีพจนาตถ์เสาวนี | สงครามครั้งนี้ไม่ควรเป็น | ||
| เพราะลูกเจ้ากรรมทำแค้นขัด | จนวิบัติบ้านเมืองได้เคืองเข็ญ | ||
| ทั้งทุกข์ทั้งอายไม่วายเว้น | เลือดตาจะกระเด็นอยู่เป็นนิตย์ | ||
| มันช่างอาภัพอัประลักษณ์ | เจ็บช้ำน้ำจิตต์เป็นพ้นไป | ||
| นี่หากว่ามีนัดดา | ได้เป็นที่พึ่งพาอาศัย | ||
| สังหารศัตรูกู้เวียงชัย | ภักดีมีใจช่วยเจ็บแค้น | ||
| จึงมิได้เป็นเมืองขึ้นเขา | บุญคุณของเจ้าเหลือแสน | ||
| ไม่มีของสิ่งใดจะตอบแทน | ถ้าแม้นบุษบาธิดาเรา | ||
| ยังมิได้ให้แก่จรกา | จะยกให้เป็นข้าของเจ้า | ||
| นึกว่าวิบากกรรมก็ทำเนา | ลูกคนหนึ่งเราไม่เสียดาย | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองฉาย | ||
| ได้ฟังเสาวนีอภิปราย | ให้ระคายระคางหมางใจ | ||
| กราบบาทบังคมแล้วก้มหน้า | จะสนองพจนาก็หาไม่ | ||
| ในอกร้อนรุ่มดังสุมไฟ | หฤทัยไหวหวั่นพันทวี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวดาหาเรืองศรี | ||
| จึงตรัสแก่ระเด่นมนตรี | บัดนี้เสร็จศึกสงคราม | ||
| เจ้าสิมีธุระร้อนรน | จะรีบร้นกลับไปเราไม่ห้าม | ||
| หรือจะอยู่ยังนครก่อนก็ตาม | สุดแต่ความคิดของนัดดา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | อิเหนานบนิ้วเหนือเกศา | ||
| จึงบ่ายเบี่ยงเลี่ยงทูลพระราชา | เมื่อมารีบร้นพลไกร | ||
| เดินทางกลางคืนกลางวัน | จะได้พักพลขันธ์นั้นหาไม่ | ||
| จะยับยั้งอยู่ยังเวียงชัย | สักสามวันจึงจะได้บังคมลา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นปักนัคเรศดาหา | ||
| จึงมีสิงหนาทบัญชา | ตรัสสั่งยาสาเสนาใน | ||
| จงแต่งที่ประเสบันอากง | ให้องค์นัดดาอาศัย | ||
| โภชนาสาลีจงส่งไป | กว่าจะได้กลับคืนธานี | ||
| ๏ บัดนั้น | ยาสารับสั่งใส่เกศี | ||
| ก้มเกล้ากราบงามสามที | ไปจัดแจงแต่งที่ดังบัญชา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระทรงภพลบโลกนาถา | ||
| จึงสั่งสาวสรรกัลยา | จงไปบอกบุษบามาบัดนี้ | ||
| ๏ บัดนั้น | นวลนางกำนัลสาวศรี | ||
| รับสั่งพระองค์ทรงธรณี | แล้วรีบจรลีลงไป | ||
| ๏ ครั้นถึงปราสาทนางโฉมยง | กราบลงแล้วทูลแถลงไข | ||
| องค์ศรีปัตหราบัญชาใช้ | ให้เชิญอรทัยเสด็จจร | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นบุษาดวงสมร | ||
| ได้แจ้งรับสั่งพระบิดร | บังอรถวิลจินดา | ||
| อิเหนากุเรปันมาเฝ้า | จะให้เราไปไหว้กระมังหนา | ||
| คิดแล้วเข้าที่ไสยา | มิได้จำนรรจาประการใด | ||
| ๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงผู้มีอัชฌาสัย | ||
| จึงชวนกันโลมเล้าเอาใจ | แม่มาเป็นไรดังนี้ | ||
| พระบิดาให้หาขึ้นไปเฝ้า | เหตุผลหนักเบาไม่รู้ที่ | ||
| ไปฟังดูให้รู้ว่าร้ายดี | ทูลเท่าไรเทวีไม่ลีลา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์มะเดหวีเสน่หา | ||
| แต่คอย ๆ อะนะบุษบา | ไม่เห็นขึ้นมาช้าไป | ||
| พรั่นจิตต์คิดกลัวสองกษัตริย์ | จะเคืองขัดวิญญาณ์อัชฌาสัย | ||
| จึงยุรยาตราคลาไคล | ลงไปปราสาทพระบุตรี | ||
| ๏ เผยม่านสุวรรณซึ่งกั้นกาง | เห็นนางบรรทมอยู่ในที่ | ||
| พี่เลี้ยงโลมไล้ไม่ไยดี | มะดีหวีจึงเข้าไปว่าวอน | ||
| พระบิตุเรศคอยท่าอยู่ช้านาน | เยาวมาลย์แม่จงขึ้นไปก่อน | ||
| จะปลอบปลุกเท่าไรก็นิ่งนอน | จึงอุ้มองค์บังอรจากไสยา | ||
| แล้วเอาสุคนธามาทรงให้ | อรทัยกวดเกล้าเกศา | ||
| พี่เลี้ยงทั้งสี่ก็ปรีดา | ช่วยแต่งกายาให้ทรามวัย | ||
| ๏ ให้ทรงภูษายกพื้นตอง | ห่มสไบตาดทองผ่องใส | ||
| สอดสีทับทิมซับใน | แล้วใส่สร้อยสะอิ้งสังวาลทรง | ||
| ตาบประดับดอกดวงพวงเพ็ชร์ | ทองกรแก้วกาบเก็จก่องก่ง | ||
| เข็มขัดรัดรอบสะเอวองค์ | ธำมรงค์เพ็ชร์เรืองรูจี | ||
| ทรงปะหรัดผัดพักตร์ปลั่งเปล่ง | ดังบุหลันวันเพ็ญผ่องศรี | ||
| ทรงมงกุฎสำหรับพระบุตรี | เสร็จแล้วเทวีไม่ลีลา | ||
| ๏ องค์มะดีหวีจึงว่าไป | จิตต์ใจกระด้างหนักหนา | ||
| ว่าพลางผลักไสให้ไคลคลา | ขึ้นมายังปราสาทพระทรงธรรม์ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส | ||
| จึงตรัสแก่ธิดายาใจ | หามาจะให้ไหว้พี่ยา | ||
| จะได้รู้จักกันว่าพี่น้อง | เกลือกมีเหตุเภทพ้องไปภายหน้า | ||
| ยากจนจะได้ไปพึ่งพา | มิใช่จรกาจะอายไย | ||
| ๏ เมื่อนั้น | บุษบาแค้นขัดอัชฌาสัย | ||
| สะบัดพักตร์ผินผันเสียทันใด | ไม่ออกไปตามคำพระมารดา | ||
| นางนั่งนิ่งแฝงม่านอยู่ | คิดละอายอดสูหนักหนา | ||
| ชนนีซ้ำเตือนให้เคลื่อนคลา | ก็ผูกคิ้วนิ่วหน้าไม่พาที | ||
| ๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์มะดีหวี | ||
| จึงปลอบบุษบานารี | มารศรีอย่าประหวั่นพรั่นใจ | ||
| ไปเถิดจงฟังแม่ว่า | พระพี่ยาจะติโทษได้ | ||
| ปลอบพลางผลักไสให้ออกไป | บุษบาก็ไม่ไคลคลา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | ||
| จึงว่าเจ้าจงไปวันทา | จะละอายเชษฐาไปว่าไร | ||
| หาบุญไม่มิได้เลี้ยงกันแล้ว | ลูกแก้วอย่าพรั่นหวั่นไหว | ||
| แต่จะให้รู้จักกันไว้ | ด้วยได้มาร่วมเรียงวงศ์ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | บุษบาแน่งน้อยนวลหงส์ | ||
| กลัวพระบิตุเรศฤทธิรงค์ | ก็เผยม่านคลานตรงออกมา | ||
| ๏ ครั้นถึงจึงถวายอัญชลี | พระชนกชนนีนาถา | ||
| ให้ขวยเขินสะเทินวิญญาณ์ | ก้มหน้านิ่งอยู่ไม่ดูไป | ||
| ๏ เมื่อนั้น | สังคามาระตาอัชฌาสัย | ||
| ค่อยกระซิบทูลองค์พระทรงชัย | เป็นไฉนไม่ดูกัลยา | ||
| อันนางโฉมยงองค์นี้ | เลิดล้ำนารีในแหล่งหล้า | ||
| นวลละอองผ่องพักตร์โสภา | เพียงจันทราทรงกลดหมดราคี | ||
| งามดังโกสุมประทุมทอง | บานอยู่ในท้องสระศรี | ||
| แต่พร่ำทูลระเด่นมนตรี | ภูมีฮึดให้ไม่แลไป | ||
| ๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงกำนัลน้อยใหญ่ | ||
| ทั้งเหล่าท้าวนางข้างใน | บ้างไปเบียดเสียดกันดู | ||
| ชมโฉมระเด่นมนตรี | ไม่มีผู้ใดใครควรคู่ | ||
| บ้างว่าพระบุตรีโฉมตรู | งามดูดังแก้วแกมสุวรรณ | ||
| บ้างว่าเหมือนอสัญแดหวา | กับนางเทพธิดากระยาหงัน | ||
| บ้างว่าเหมือนสุริยากับพระจันทร์ | ถ้าได้ครองกันจะสมควร | ||
| สมทั้งรูปทรงและยศศักดิ์ | เสียดายนักพระมาคิดหักหวน | ||
| ต่างคนก็ต่างรัญจวน | คร่ำครวญไปทุกหน้านารี | ||
| ๏ บัดนั้น | นวลนางบาหยันสาวศรี | ||
| จึงห้ามฝูงกำนัลไปทันที | อย่าพูดเล่นเช่นนี้ไม่ชอบกล | ||
| เจ้าเราหรือจะควรเป็นคู่เคียง | ถึงจะเลี้ยงก็ไม่เป็นผล | ||
| ต่ำศักดิ์อย่าชักเข้าไปปน | ฝูงคนเขาจะเย้ยไยไพ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส | ||
| จึงว่าเขามาช่วยชิงชัย | จึงพ้นภัยไม่เสียพารา | ||
| เจ้าก็มีคู่ผู้อื่นแล้ว | จะอายไยลูกแก้วเสน่หา | ||
| เป็นพี่แล้วก็มีคุณมา | วันทาเสียเถิดนะบังอร | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นบุษบาดวงสมร | ||
| ฟังพระมารดาว่าวอน | ยิ่งกลัดกลุ้มรุ่มร้อนหฤทัย | ||
| คิดถึงความหลังคั่งแค้นนัก | นงลักษณ์มิใคร่จะไหว้ได้ | ||
| จำเป็นด้วยกลัวก็จนใจ | จำไหว้นิดหนึ่งพอเป็นที | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
| เหลียวไปรับไหว้นางเทวี | ภูมีดูนางไม่วางตา | ||
| งามจริงยิ่งเทพนิมิตร์ | ให้คิดเสียดายหนักหนา | ||
| เสโทไหลหลั่งทั้งกายา | สะบัดปลายเกศาเนืองไป | ||
| กรกอดอนุชาก็ตกลง | จะรู้สึกพระองค์ก็หาไม่ | ||
| แต่เวียนจูบสียะตรายาใจ | สำคัญพระทัยว่าเทวี | ||
| ความรักรุมจิตต์พิศวง | จนลืมองค์ลืมอายนางโฉมศรี | ||
| ไม่เป็นอารมณ์สมประดี | ภูมีหลงขับขึ้นฉับพลัน | ||
| ๏ เจ้าเอยเจ้าดวงยิหวา | ดังหยาดฟ้ามาแต่กระยาหงัน | ||
| พี่ได้เห็นโฉมฉายเสียดายครัน | ฉุกใจไม่ทันคิด เอย | ||
| ๏ สังคามาระตาโฉมเฉลา | ค่อยสั่นพระเพลาพลางทางสะกิด | ||
| หยิกเอาบาทบงสุ์พระทรงฤทธิ์ | ภูวไนยได้คิดก็นิ่งไป | ||
| ๏ เมื่อนั้น | บุษบาเยาวยอดพิสมัย | ||
| ถวายบังคมลาคลาไคล | แล้วคลานเข้าไปในม่านทอง | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรียิ่งหม่นหมอง | ||
| แลตามทรามวัยด้วยใจปอง | พลางร้องครวญขับขึ้นฉับไว | ||
| ๏ เจ้าดวงยิหวาพี่ | เจ้าจะจรลีไปไหน | ||
| พี่จะอุ้มไปส่งนะดวงใจ | ภูวไนยก็เคลื่อนองค์เอย | ||
| ๏ สังคามาระตาลอบสะกิด | เห็นทรงฤทธิ์เคลิ้มคลั่งกำลังหลง | ||
| จึงยึดข้อพระบาทไว้มั่นคง | พระรู้องค์ได้คิดก็คืนมา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงบอกองค์กนิษฐา | ||
| เท้าพี่นี้เป็นเหน็บชา | จะกลับกายาอย่ายึดไว้ | ||
| ๏ บัดนั้น | ฝูงนางกำนัลน้อยใหญ่ | ||
| เห็นอิเหนากุเรปันฟั่นเฟือนไป | นางในสรวลแล้วก็บอกกัน | ||
| เมื่อกี้พระชัยชมนาง | ได้ยินบ้างหรือไม่นะสาวสรร | ||
| พระจริตก็ผิดไปทุกอัน | พระพักตร์นั้นก็ซีดสลดไป | ||
| กรกอดพระกุมารก็เลื่อนลง | เสโทโทรมองค์หลั่งไหล | ||
| ดูทีทำนองจะต้องใจ | จึงเคลิ้มไคล้ไม่เป็นสมประดี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายระตูจรกาเรืองศรี | ||
| ครั้นมาถึงดาหาธานี | เสด็จทรงพาชีคลาไคล | ||
| ๏ รีบไปจะเฝ้าพระราชา | พอพลบเสนาผู้ใหญ่ | ||
| จึงว่าท่านจงทูลภูวไนย | ว่าเราจะเข้าไปบังคมคัล | ||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงเสนาคนขยัน | ||
| รับสั่งแล้วรีบจรจรัล | มายังพระโรงคัลทันที | ||
| บังคมก้มเกล้ากราบทูล | พระผู้ผ่านไอศูรย์เรืองศรี | ||
| บัดนี้จรกาธิบดี | จะมาเฝ้าธุลีพระบาทา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพนาถา | ||
| จึงบรรหารให้หาจรกา | เข้ามายังท้องพระโรงชัย | ||
| ๏ บัดนั้น | ตำมะหงงเสนาผู้ใหญ่ | ||
| รับสั่งบังคมภูวไนย | แล้วรีบออกไปทันที | ||
| จึงแถลงแจ้งความตามกิจจา | ว่าพระปิ่นดาหากรุงศรี | ||
| ให้มาเชิญเสด็จจรลี | เข้าไปยังที่พระโรงคัล | ||
| ๏ เมื่อนั้น | จรกาได้ฟังเกษมสันต์ | ||
| ลงจากอาชาฉับพลัน | แล้วเสด็จจรจรัลเข้ามา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีคิดอิจฉา | ||
| แต่ได้ยินออกชื่อจรกา | ดังเอาไฟฟ้ามาจุดใจ | ||
| ครั้นจะอยู่จนระตูมาเฝ้า | จะแลดูหน้าเขากระไรได้ | ||
| จึงบังคมลาคลาไคล | ออกไปจากพระโรงรูจี | ||
| กับสังคามาระตาลีลาศ | เสด็จมาโดยราชวิถี | ||
| พอพบจรกาธิบดี | ยังที่หน้าพระลานโอฬาร์ | ||
| ระตูทรุดนั่งลงบังคม | พระก้มลงรับหัตถา | ||
| พลางขยับจับกฤชฤทธา | อนุชาก็ยึดพระกรไว้ | ||
| สะดุ้งจิตต์คิดได้แล้วเดินหนี | แกล้งกล่าววาทีแก้ไข | ||
| กฤชเคลื่อนจะเลื่อนตกไป | พี่จึงกุมไว้นะน้องรัก | ||
| ตรัสพลางย่างเยื้องยุรยาตร์ | แสนสวาทวิตกเพียงอกหัก | ||
| คะนึงถึงโฉมยงนงลักษณ์ | ตรงมายังตำหนักห้องใน | ||
| ๏ ทอดองค์ลงบนที่บรรจฐรณ์ | จะเปลื้องเครื่องอาภรณ์ก็หาไม่ | ||
| ให้ระทวยระทดสลดใจ | แต่ตริตรึกนึกในไปมา | ||
| โอ้ว่าโฉมเฉลาเยาวลักษณ์ | เสียดายศักดิ์อสัญแดหวา | ||
| จะระคนปนศักดิ์จรกา | อนิจจาพี่จะทำประการใด | ||
| จะคิดไฉนดีนะอกเอ๋ย | จะได้เชยชมชิดพิสมัย | ||
| พระเร่งร้อนร่านทะยานใจ | ดังเพลิงกาสไหม้ทั้งกายา | ||
| มาฉุกใจได้คิดสิการแล้ว | ดังดวงแก้วตกต้องแผ่นผา | ||
| ร้าวระยำช้ำจิตต์เจ็บอุรา | ประหนึ่งว่าจะวายชีวี | ||
| นิ่งนอนถอนฤทัยใหลหลง | คะนึงองค์บุษบายาหยี | ||
| ลืมสามสุดานารี | ภูมีสร้อยเศร้าโศกาลัย | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายระตูจรกาอัชฌาสัย | ||
| ครั้นถึงที่เฝ้าท้าวไท | ก็เข้าไปอภิวาทวันทา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | ||
| ทั้งสองมเหสีโสภา | เห็นระตูเข้ามาบังคมคัล | ||
| พิศดูรูปร่างเหมือนอย่างไพร่ | เติบใหญ่กำยำล่ำสัน | ||
| น่าชังชั่วช้าสาระพัน | ไม่คู่ควรกันกับบุตรี | ||
| สามกษัตริย์เศร้าเสียพระทัยนัก | เสียดายลูกรักและศักดิ์ศรี | ||
| จะผ่อนผันฉันใดก็ใช่ที | จำเปนจึงมีบัญชา | ||
| เจ้าค่อยอยู่สุขสำราญ | ครอบครองศฤงคารเป็นสุขา | ||
| หรือทุกข์โศกโรคภัยพาธา | แต่คอย ๆ เห็นช้าปรารมภ์ใจ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | จรกากราบทูลแถลงไข | ||
| เดชะพระเดชปกเกศไป | สำราญใจเป็นสุขทุกนิรันดร์ | ||
| ครั้นรู้ข่าวว่าท้าวกะหมังกุหนิง | ยกมาช่วงชิงตุนาหงัน | ||
| ก็กะเกณฑ์กองทัพฉับพลัน | รีบมาสิบห้าวันถึงพารา | ||
| พระเชษฐาจะตามมาภายหลัง | ข้าสั่งเสนีให้คอยท่า | ||
| อนึ่งพวกไพรีที่ยกมา | ม้วยชีวาแล้วหรือพระภูมี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหราเรืองศรี | ||
| จึงตรัสตอบจรกาธิบดี | อันไพรีพ่อลูกนั้นม้วยมิด | ||
| ยังแต่ระตูผู้น้อง | ทั้งสองไม่รอต่อติด | ||
| ขอออกแก่อิเหนาเรืองฤทธิ์ | ปัจจามิตร์เลิกทัพกลับไป | ||
| ๏ บัดนั้น | ฝูงสนมนารีศรีใส | ||
| ทั้งเฒ่าแก่ชะแม่กำนัลใน | ต่างไปชิงช่องมองเมียง | ||
| ครั้นเห็นจรกาเข้ามาเฝ้า | บรรดาเหล่าชะแม่แซ่เสียง | ||
| บ้างตำหนิติว่าหน้าเพรียง | ดูดำดังเหนี่ยงน่าชังนัก | ||
| ไม่มีทรวดทรงองค์เอวอ้วน | พิศไหนแล้วล้วนอัปลักษณ์ | ||
| ใส่ชฎาก็ไม่รับกันกับพักตร์ | งามบาดตานักขี้คร้านดู | ||
| บ้างว่าเสียงเพราะเสนาะเหลือ | แหบเครือเบื่อฟังรำคาญหู | ||
| รูปร่างอย่างไพร่ใช่ระตู | ไม่ควรเคียงคู่พระบุตรี | ||
| กระนี้หรือช่างมาตุนาหงัน | เห็นเกินหน้าไกลกันทั้งศักดิ์ศรี | ||
| ดังเอาปัดขี้ร้ายราคี | ปนมณีจินดาค่าเมือง | ||
| บางคนว่าระตูจะคู่ครอง | ดังเพ็ชร์ผูกเรือนรองด้วยทองเหลือง | ||
| เหมือนทองคำธรรมชาติรุ่งเรือง | มารู่กับกระเบื้องไม่ควรกัน | ||
| ลางนางบ้างโกรธแล้วพาที | เสียดายพระบุตรีสาวสวรรค์ | ||
| ถ้าได้กับอิเหนากุเรปัน | น่าชมสมกันข้าชอบใจ | ||
| อันระตูผู้นี้บัดสีนัก | จะร่วมเรียงเคียงพักตร์หาควรไม่ | ||
| บ้างห้ามว่าอย่าอื้ออึงไป | บ้างบ่นพิไรไปมา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | ||
| จึงมีพระราชบัญชา | ตรัสแก่จรกาทันใด | ||
| เจ้าจงไปคอยเชษฐา | ถึงให้เข้ามาที่อาศัย | ||
| สั่งเสร็จเสด็จคลาไคล | เข้าในปราสาทแก้วแพรวพราย | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองฉาย | ||
| แน่นอนถอนใจอยู่ไม่วาย | กรก่ายพักตร์นึกตรึกไตร | ||
| ซึ่งทูลไว้ว่าจะอยู่สามวัน | จะผ่อนผันให้นานออกจงได้ | ||
| ด้วยอุบายสวยสนกลใน | คิดแล้วลุกไปจากไสยา | ||
| จึงดำรัสตรัสสั่งเสนี | พรุ่งนี้จงคุมพลอาสา | ||
| ไปกะหมังกุหนิงพารา | ตรวจตราสิ่งของทั้งปวง | ||
| แต่บรรดาพวกเผ่าเหล่าระบาด | จงริบราชกวาดส่งมาเป็นหลวง | ||
| ทั้งเสนาโยธาทุกกระทรวง | ให้เข้าควงรัดรายบัญชีมา | ||
| ๏ บัดนั้น | เสนีรับสั่งใส่เกศา | ||
| มากะเกณฑ์กันดังบัญชา | แล้วออกจากพารารีบไป | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | ||
| ครั้งรุ่งรางส่างแสงอโณทัย | ภูวไนยสระสงคงคา | ||
| ทรงเครื่องเรืองจำรัสพรายพรรณ | ลงจากประเสบันที่ข้างหน้า | ||
| ชวนระเด่นสังคามาระตา | ลีลาขึ้นเฝ้าพระภูมี | ||
| ๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายสุหรานากงเรืองศรี | ||
| ทั้งองค์กะหรัดติปาตี | จรกาธิบดีชาญชัย | ||
| ต่างเข้าที่สรงทรงเครื่อง | เนาวรัตน์จำรัสเรืองแสงใส | ||
| แล้วเสด็จลีลาคลาไคล | เข้าไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | ||
| ๏ ครั้นถึงหน้าตำหนักที่นั่งเย็น | พบระเด่นมนตรีอยู่ที่นั่น | ||
| สามกษัตริย์ก็ถวายบังคมคัล | แล้วจรจรัลตามเสด็จเข้ามา | ||
| ๏ จึงน้อมเศียรเกล้าอภิวาท | เบื้องบาทองค์ศรีปัตหรา | ||
| พร้อมกษัตริย์สามนต์นานา | ต่างถวายวันทาทุกองค์ | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านไอศูรย์สูงส่ง | ||
| ครั้นเห็นสุหรานากง | อีกองค์กะหรัดติปาตี | ||
| ทั้งกรุงกษัตริย์ถ้วนหน้า | เข้ามาประณตบทศรี | ||
| พระชื่นชมภิรมย์ยินดี | ภูมีอำนวยอวยชัย | ||
| จงเจริญในราชสมบัติ | เสวยสุขศรีสวัสดิ์ผ่องใส | ||
| ให้มีอานุภาพปราบไป | ทั้งในแผ่นพื้นภูวดล | ||
| ๏ แล้วมีมธุรสพจนา | ชวนสุหรานากง เป็นตัน | ||
| กับกะหรัดติปาตีสองคน | ธุระร้อนรนเจ้าไม่มี | ||
| จงอยู่ไปใช้บนด้วยกันก่อน | อย่าเพ่อคืนนครทั้งสองศรี | ||
| อันวิลิศมาหราคิรี | แสนสนุกพ้นที่จะพรรณนา | ||
| แล้วสั่งเสนาในให้จัดแจง | พระตำหนักตำแหน่งที่ข้างหน้า | ||
| ให้แก่สองราชนัดดา | เร่งเร็วอย่าช้าบัดนี้ | ||
| ๏ บัดนั้น | กรมวังรับสั่งใส่เกศี | ||
| ไปจัดแจงแต่งตำหนักทันที | แล้วเสร็จดังมีพระบัญชา | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | ||
| ให้จัดสรรเครื่องทรงอลงการ์ | เอามาปูนบำเหน็จกองทัพ | ||
| อันระเด่นมนตรีกุเรปัน | เป็นจอมพลขันธ์เคี่ยวขับ | ||
| มีชัยไพรีระยำยับ | กะหมังกุหนิงนายทัพม้วยมุด | ||
| ให้ประทานสังวาลเพ็ชรรัตน์ | จอนจำรัสธำมรงค์มงกุฎ | ||
| สังคามาระตายงยุทธ์ | วิหยาสะกำบุตร์บรรลัย | ||
| เครื่องประดับทับทิมทั้งนั้น | สร้อยสุวรรณสังวาลประทานให้ | ||
| อันสุหรานากงทรงชัย | ได้คุมทัพใหญ่ยกมา | ||
| ทั้งระเด่นกะหรัดติปาตี | ล้วนมีความชอบได้อาสา | ||
| ประทานเครื่องประดับองค์อลงการ์ | มรกตรจนาเหมือนกัน | ||
| พวกพี่เลี้ยงเสนีทั้งสี่กอง | ให้เจียดเงินพานทองเป็นหลั่น ๆ | ||
| ทั้งเงินตราผ้าเสื้อแพรพรรณ | จัดสรรประทานทั่วทุกตัวนาย | ||
| ๏ บัดนั้น | แม่ทัพนายกองทั้งหลาย | ||
| ได้ของประทานมากมาย | ต่างถวายประณมบังคมคัล | ||
| ๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านนคเรศเขตตขัณฑ์ | ||
| ครั้นปูนบำเหน็จเสร็จพลัน | ก็จรจรัลเข้าสู่ปราสาทชัย | ||
เชิงอรรถ
ที่มา
- คุณพรพรรณ วัฑฒนายน ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน
 - [1]
 - คำกลอนอิเหนา ศึกกะหมังกุหนิง พระราชนิพนธ์ ในรัชกาลที่ ๒ พิมพ์ครั้งที่ ๙ พ.ศ. ๒๔๖๗ โรงพิมพ์อักษรนิติ บางขุนพรหม
 
[ขอขอบคุณ คุณ gignoi สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์ตอนศึกกะหมังกุหนิงทั้งหมดเป็นวิทยาทาน]
