เห่เรื่องพระอภัยมณี

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(นางละเวงเดินไพร ควบม้าหนีพระอภัย)
(นางละเวงใจอ่อน และนางสุลาลีวันยั่วเย้าและเอาใจช่วยพระอภัย)
 
(การแก้ไข 2 รุ่นระหว่างรุ่นที่เปรียบเทียบไม่แสดงผล)
แถว 197: แถว 197:
===พระอภัยติดท้ายรถนางละเวงและพยายามตามเกี้ยว===
===พระอภัยติดท้ายรถนางละเวงและพยายามตามเกี้ยว===
<tpoem>
<tpoem>
-
๏  
+
เห่เอยเห่บท  เดินรถในราตรี 
-
 
+
พระอภัยมณี  นั่งที่ท้ายรถทรง
 +
บุษบกกระจกกระจ่าง  เห็นรางรางรูปทรง
 +
คลุมประทมห่มองค์  เห็นแต่วงพักตรา
 +
แม่ยอดหญิงพริ้งเพริศ  วิลาศเลิศลักขณา
 +
จะสะกิดก็ติดฝา  สุดปัญญาสุดอาลัย
 +
ยืนยิ้มอยู่ริมรถ  รื้อระทดหฤทัย
 +
หรือระงับหลับไหล  ทำกระไรจะรู้ความ
 +
นิ่งนึกเห็นดึกนัก  เวลาก็สักสองยาม
 +
คิดจะใคร่ไถ่ถาม  ให้ขามขามในวิญญา
 +
ยามประชวรกวนจิต  จะเคืองคิดโกรธา
 +
จึงถอยหลังรั้งรา  เลียบไปหน้ารถชัย
 +
พระถามธิดาสุลาลี  พระชนนีเป็นไฉน
 +
เขาบอกว่าหลับก็กลับไป  ขึ้นยืนอยู่ใกล้แกลทอง
 +
ผลักผลักสลักติด  ก็คิดคิดเขม้นมอง
 +
เสียงจังหรีดกระกรีดร้อง  นึกว่าน้องจำนรรจา
 +
เกาะเกาะพระเคาะแกล  เป็นไรนะแม่วัณฬา
 +
พี่มาแล้วนะแก้วตา  จะรับรักษาทรามวัย
 +
เย็นยะเยียบเงียบสำเนียง  ได้ยินแต่เสียงเรไร
 +
เสน่หาอาลัย  มิได้ใกล้เคียงองค์
 +
กลับมานั่งบังกาย  อยู่ที่ท้ายรถทรง
 +
พร่างพร่างกลางดง  ต้นรังรงร่มครึม
 +
พอเดือนเที่ยงเสียงผึ้ง  หึ่งหึ่งระหึม
 +
ทุกเงื้อมเขาเหงางึม  ให้เศร้าซึมโศกา
 +
พี่อุตส่าห์มาด้วย  ก็มิได้ช่วยรักษา
 +
หรือน้องแก้วแววตา  สวรรคาลัยไป
 +
ไม่ขออยู่จะสู้ม้วย  จะตายด้วยแม่ดวงใจ
 +
กอดพระกรถอนฤทัย  วิเวกในดงดอน
 +
เย็นยะเยียบเงียบสงัด  พระพายพัดมาอ่อนอ่อน
 +
รวยรินกลิ่นขจร  หอมเกสรสุมาลี
 +
ลั่นทมนมสวรรค์  ทั้งอินจันทน์จำปี
 +
สร้อยฟ้าสารภี  มลุลีหลายพรรณ
 +
ทั้งยมโดยโรยริน  ระรื่นกลิ่นมลิวัลย์
 +
เหมือนกลิ่นเนื้อเจือจันทน์  สะอื้นอั้นอาลัย
 +
ไฉนดีเจ้าพี่เอ๋ย  จะได้เชยให้ชื่นใจ
 +
อุตส่าห์ตามทรามวัย  มาจนใกล้กัลยา
 +
เพราะฝาติดอยู่นิดเดียว  ให้เสียวเสียวเสน่หา
 +
เขม้นมองที่ช่องฝา  จะใคร่เห็นหน้าพระน้อง เอยฯ
</tpoem>
</tpoem>
 +
===พระอภัยมณีพยายามเข้าพบนางละเวง===
===พระอภัยมณีพยายามเข้าพบนางละเวง===
<tpoem>
<tpoem>
-
๏  
+
เห่เอยเห่เพลง  โฉมลเวงวัณฬา 
-
 
+
ทำหลับไหลไสยา  จนล่วงมากลางดง
 +
แลเห็นองค์พระอภัย  เที่ยวเลียบไต่รถทรง
 +
ทำความเพียรเวียนวง  คิดก็สงสารเธอ
 +
ช่างซื่อสุดบุรุษใด  ไม่มีใครจะเสมอ
 +
ช่างง่วงเหงาเฝ้าละเมอ  ช่างไม่เก้อแก่ใจ
 +
เห็นประจักษ์ว่ารักจริง  สู้ทอดทิ้งทัพชัย
 +
มิตอบถ้อยจะน้อยใจ  ครั้นพูดไปจะเป็นทาง
 +
ทั้งรักแค้นแสนเสียดาย  สะอื้นอายอางขนาง
 +
ทำประชวรครวญคราง  จึงถามนางลาลีวัน
 +
ถึงไหนแล้วนะแก้วตา  แม่หลับมาแต่สายัณห์
 +
เข้าป่าสาลวัน  จักรจั่นจับใจ
 +
เจ้าแม่เอ๋ยเคยนั่ง  จะลุกยังไม่ไหว
 +
ให้กลุ้มกลัดในหทัย  เจ็บไข้ก็ไม่เคย
 +
ลมว่าวก็เฝ้าพัด  หนาวสาหัสแล้วลูกเอ๋ย
 +
กลางไพรใครเลย  จะให้เขนยหนุนนอน
 +
ทั้งน้ำค้างก็ช่างสาด  ใจจะขาดลงรอนรอน
 +
ถึงสุวรรณบรรจถรณ์  จะได้นอนให้อุ่นทรวง
 +
ชะกระไรพระจันทร์  ช่างดัดดั้นไปลับดวง
 +
ฤๅลับเงาภูเขาหลวง  ไม่โชติช่วงชัชวาลย์
 +
แลก็ไม่เห็นหน  ช่างมืดมนอนธการ
 +
ดอกไม้ก็ไม่เบิกบาน  จะได้สำราญฤทัย
 +
เจ้าประดิษฐ์คิดขับ  ให้เพราะจับจิตใจ
 +
จะได้ระงับหลับไหล  ให้สร่างในทรวง เอยฯ
</tpoem>
</tpoem>
 +
===นางละเวงใจอ่อน และนางสุลาลีวันยั่วเย้าและเอาใจช่วยพระอภัย===
===นางละเวงใจอ่อน และนางสุลาลีวันยั่วเย้าและเอาใจช่วยพระอภัย===
<tpoem>
<tpoem>
-
๏  
+
เห่เอยธิดา  โฉมสุลาลีวัน 
-
 
+
รับสั่งบังคมคัล  ขึ้นนั่งบนชั้นเกรินทอง
 +
แกล้งประดิษฐ์คิดคำ  ขับลำนำทำนอง
 +
โอ้ยามค่ำย่ำฆ้อง  ให้มัวหมองในวิญญา
 +
จะแลชมพนมพนัส  ไม่ถนัดนัยนา
 +
ช่างมืดมิดทุกทิศา  มืดทั้งฟ้าดินดง
 +
โอ้ว่าพระศศิธร  ช่างลอยร่อนรถทรง
 +
แจ่มกระจ่างสว่างวง  ส่องที่ตรงแกลทอง
 +
เห็นพักตราหล้าโลก  จะส่างโศกเศร้าหมอง
 +
โหยหวนนวลละออง  มณฑาทองที่ต้องใจ
 +
ภุมรินบินค้อยค้อย  มาเชยสร้อยสุมาลัย
 +
มืดในก็จนใจ  เที่ยวเลียบไต่ตอมดวง
 +
โอ้เอ็นดูแมงภู่น้อย  ให้เศร้าสร้อยโศกทรวง
 +
ด้วยกลีบหุ้มพุ่มพวง  ไม่โรยร่วงรสสุคนธ์
 +
ขอเทวัญในชั้นฟ้า  ทั้งเทวดาเดินหน
 +
ช่วยโปรยปรายสายฝน  ให้อุบลแบ่งบาน
 +
ลมโชยระโรยกลิ่น  หอมกระถินพิมาน
 +
มณฑาผกากาญจน์  มาซาบซ่านทรวงเย็น
 +
หอมประดู่อยู่ใกล้ใกล้  แลก็ไม่ใคร่เห็น
 +
น้ำค้างพร่างสาดกระเซ็น  ยะเยือกเย็นพะยอมไพร
 +
หนาวลมจะห่มผ้า  หนาวน้ำฟ้าจะผิงไฟ
 +
หนาวทรวงนะดวงใจ  เศร้าฤทัยระทวยทรง
 +
ถึงเสื้อสวมนวมหุ้ม  ไม่เหมือนอุ้มแอบองค์
 +
หอมดอกไม้ที่ในดง  ไม่เหมือนทรงสุคนธา
 +
แป้งสดรสรื่น  ไม่หอมชื่นในนาสา
 +
เห็นอื่นอื่นไม่ชื่นตา  เหมือนได้เห็นหน้าพระน้อง เอยฯ
</tpoem>
</tpoem>
 +
== เชิงอรรถ ==
== เชิงอรรถ ==
== ที่มา ==
== ที่มา ==
[http://www.geocities.com/tthida/Others/heypraapai.htm]
[http://www.geocities.com/tthida/Others/heypraapai.htm]

รุ่นปัจจุบันของ 15:20, 1 กันยายน 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: สุนทรภู่

บทประพันธ์

ศรีสุวรรณรำพันรักและชมโฉมนางเกษรา

๏ เห่เอยเห่ละห้อยพราหมณ์น้อยศรีสุวรรณ
แรมสำนักตำหนักจันทน์พระสุริยันสนธยา
ให้อาดูรพูนเทวศถึงแก้วเกษรา
ได้เห็นพักตร์ลักขณายังติดตาทุกนาฑี
ชมแท่นทองที่รองทรงของอนงค์องค์บุตรี
หอมหวนยวนยีอยู่ในที่ไสยา
เผยพระแกลแลกระจ่างเห็นเดือนสว่างในเวหา
ทรงกลดรจนาเหมือนนวลหน้าพระน้องนวล
อนาถหนาวเศร้าสร้อยให้ละห้อยโหยหวน
นึกเห็นเมื่อเล่นสวนเลิศล้วนลักขณา
เนตรขนงวงวิลาศพิศเพียงบาดนัยนา
พระกรรณแก้วแววตาดังกลีบผกาโกมล
สองกรก็อ่อนชดดังงอนรถพระสุริยน
ปรางประพระสุคนธ์พิศเพียงผลลูกจันทน์
ทรวดทรงพระองค์อ่อนดังอัปสรสาวสวรรค์
โกมุทบุษบันไม่เทียมถันประทุมา
โอฐสะอาดดังชาดจิ้มเมื่อยามยิ้มดังเลขา
เมื่อเนตรน้องมาต้องตาดังสายฟ้ามาฟาดทรวง
แสนรักสลักอกยิ่งกว่ายกภูเขาหลวง
จะใคร่อุ้มพุ่มพวงมาแนบทรวงไสยา
ผิวเหลืองระเรืองรองเหมือนเนื้อทองธรรมดา
แม้นสมรักจะลักพาลงเภตรากางใบ
ดูเนื้อน่วมอยู่นุ่มนิ่มจะชมชิมให้อิ่มใจ
แม้นลมดีจะคลี่ใบแล่นไปในนที
จะปลอบประโลมโฉมฉายขึ้นนั่งบนท้ายบาหลี
แย้มสรวลยวนยีจะชวนชี้ให้ชมปลา
มีต่างต่างกลางทะเลทั้งจรเข้เหรา
ฝูงกระโห้ทั้งโลมาเคลื่อนคลาอยู่ตามกัน
กุ้งกั้งแลมังกรสลับสลอนหลายพรรณ
นาคราชผาดผันปลาอำพันตะเพียนทอง
วาฬใหญ่ขึ้นไล่คู่ผุดฟู่พ่นฟอง
เงือกงูดูคะนองลอยล่องชโลธร
กริวกราวก็เต้าตามฉนากฉลามสลับสลอน
คลาเคล้าสำเภาจรในสาครรายเรียง
เกาะใหญ่ไม้ชะอุ่มเป็นพุ่มพุ่มเคียงเคียง
เหมือนจอกน้อยลอยเรียงพิศเพียงจะเพลินใจ
นิ่งนึกจนดึกดื่นถอนสะอื้นอาลัย
เคลิ้มระงับหลับไปอยู่ในห้องไสยา เอยฯ
             

นางสุวรรณมาลีบวช โดยมีสินสมุทรและอรุณรัศมีบวชตามมาอยู่ด้วย

๏ เห่เอยเห่กล่าวถึงพระดาวบศนี
องค์สุวรรณมาลีบวชด้วยมีศรัทธา
กับสินสมุทรสุดสวาทอรุณราชนัดดา
อยู่เขารุ้งปลายทุ่งนาออกนั่งหน้ากุฎี
แบ่งส่วนกุศลผลบุญให้องค์อรุณรัศมี
สาวสุรางค์นางชีแต่ล้วนมีศรัทธา
ตัดรักชักประคำพึมพำภาวนา
เงียบสงัดวัดวาพระสุริยาเย็นรอนรอน
ชนีน้อยห้อยโหยวิเวกโหวยวิงวอน
จิ้งจอกออกหอนนกนอนรังเรียง
เริงร้องซ้องแซ่คลอแคลกรีดเสียง
น่าดูเป็นคู่เคียงแอ่นเอี้ยงแอบอิง
แม่นกกกกอดลูกพลอดวอนวิง
แจ้วแจ้วแก้วกะลิงจับที่กิ่งไทรทอง
นั่งชมโสมนัสกับหน่อกษัตริย์ทั้งสอง
พลบค่ำย่ำฆ้องเดือนส่องสว่างตา
หอมดอกไม้ใกล้กุฏิสาวหยุดมะลิลา
ยี่หุบบุบณาแย้มผกากลิ่นขจร
เย็นยะเยียบเงียบสงัดพระพายพัดมาอ่อนอ่อน
หึ่งหึ่งผึ้งภมรเชยเกสรสุมาลี
นิ่งระงับหลับตาอุตส่าห์รักษาอารมณ์
ถึงหอมระรื่นไม่ชื่นชมตามเพศพรหมจรรย์ เอย ฯ
             

นางสุวรรณมาลี

๏ เห่เอยพระราชบุตรสินสมุทมุนี
กับอรุณรัศมีนั่งอยู่ที่หน้าชาลา
แย้มสรวลชวนกันนั่งฉันน้ำชา
พูดเล่นเจรจากับน้องยานารี
แขไขไตรตรัสเรืองจรัสรัศมี
ร่อนเร่ในเมฆีมาตรงที่แกลทอง
ถ้าเช่นนี้พี่เหาะได้จะเหาะไปประคอง
ค่อยสอดกรช้อนตระกองมาไว้ในห้องไสยา
เย็นชื่นดื่นดึกลืมรำลึกภาวนา
ชวนพระน้องร้องสักรวาจนหลงว่าขึ้นดังดัง
โอ้ว่าเจ้าการะเกดขี่ม้าเทศจะไปท้ายวัง
น้องห้ามไว้ก็ไม่ฟังจะแทงฝรั่งลังกา
รู้สึกตัวกลัวกรรมชักประคำภาวนา
เดือนส่องต้องศิลาดังจินดาดวงดาว
ด้วยเขารุ้งรุ่งเรืองบ้างเขียวเหลืองแวววาว
แวมสว่างพร่างพราวอร่ามราวเพชรพลอย
พร่างพร่างน้ำค้างเหยาะเผาะเผาะผอยผอย
ดาวก็เคลื่อนเดือนก็คล้อยจะเลื่อนลอยลับตา
เย็นยะเยียบเงียบสงัดพระพายพัดรำเพยพา
พระเพลินจิตไม่นิทราแต่น้องยานั้นหลับไป
เดือนส่องผ่องเพียงจะแข่งเคียงแขไข
หลับสนิทจะพิศไหนงามวิไลลักขณา
นวลหน้าเหมือนการะเกดดังดวงเนตรของเชษฐา
ถึงนางสวรรค์ชั้นฟ้าไม่โสภาเทียมนวล
ชายใดแม้นได้นุชจะรักสุดแสนสงวน
ยิ้มเยื้อนเหมือนจะชวนให้รัญจวนใจชาย
พิศเพ่งเล็งดูเดือนละม้ายเหมือนกับเดือนหงาย
ฟ้าขาวดาวประกายพฤกษาพรายโพยมมาล
เสียงดุเหว่าเร่าร้องเสนาะก้องกังวาน
ไก่กระชั้นขันขานวิเวกหวานวังเวง
เหมหงส์บุหรงร้องดังพาทย์ฆ้องประโคมเพลง
กลระฆังก็ดังเองเสียงเหง่งเหง่งวังเวงใจ
ลมว่าวหนาวชื้นหอมระรื่นหฤทัย
งีบระงับหลับไหลในที่ไสยา เอยฯ
             

สินสมุทรและอรุณรัศมี

๏ เห่เอยหน่อกษัตริย์นางอรุณรัศมี
บวชเล่นเล่นก็เป็นชีกับฤๅษีพี่ยา
แอบชะอ้อนนอนเพลาว่าพระเจ้าป้าจ๋า
พรหมจรรย์จรรยาเขาแปลว่าอันใด
พระเจ้าลุงพรุ่งนี้จะมานีมนต์ไป
หลวงป้าไม่ว่าไรหรือจะไปตามคำ
ถามเท่าไรก็ไม่ตรัสสมาบัติบริกรรม
กลัวป้าอุตส่าห์ทำชักประคำภาวนา
ลืมมนต์เสียหมดสิ้นด้วยหอมกลิ่นบุปผา
รสสุคนธ์มณฑามะลิลาลมโชย
รื่นรื่นชื่นแช่มกลิ่นนางแย้มยมโดย
ให้หวิวหวิวหิวโหยร่วงโรยกำลัง
ประหลาดเหลือเมื่อไรจะได้เข้าไปในวัง
เสียงหริ่งหริ่งที่กิ่งรังฟังฟังยิ่งวังเวงง
จักรจั่นสนั่นเสนาะดังบัณเฑาะว์ดีดเพลง
กระดึงดังหงั่งเหง่งให้วังเวงวิญญา
ครั้นเย็นย่ำน้ำค้างพร้อยพร่างพฤกษา
ลมเชยรำเพยพาชื่นวิญญาเย็น เอยฯ
             

นางละเวงเดินไพร ควบม้าหนีพระอภัย

๏ เห่เอยเห่กล่าวถึงลูกสาวเจ้าลังกา
โฉมลเวงวัณฬาทรงอาชามากลางไพร
เลี้ยวหลงวงเดินพนมเนินพนาลัย
แลเหลียวเปลี่ยวใจวิเวกในดงตาล
เห็นแต่สัตว์จัตุบาทมฤคราชแรดฟาน
เสือสิงห์วิ่งทะยานเสียงสะท้านสะเทือนดัง
นางหลีกลัดดัดเดินแนวเนินพนมวัง
ให้หิวโหยโรยกำลังจนม้าที่นั่งก็อ่อนแรง
แลดูพระสุริย์ฉายก็เบี่ยงบ่ายชายแสง
สุดสังเกตเขตแขวงไม่รู้แห่งหนทาง
แลขวาเป็นป่าชัฏข้างซ้ายขัดภูเขาขวาง
ล้วนป่าสูงยูงยางไปตามหว่างศีขรินทร์
เป็นโกรกกรวยห้วยธารหุบละหานเหวหิน
ฝูงปักษาเที่ยวหากินบ้างโผบินร่อนเรียง
แจ้วแจ้วแก้วพลอดฉอดฉอดฉ่ำเสียง
กระลุมภูเป็นคู่เคียงเค้าโมงเมียงมองแล
ฝูงอิลุ้มคุ่มขาบกระจิบกระจาบจอแจ
นกออกเอี้ยงเคียงคับแคเสียงซ้อแซ้สนั่นไพร
โพรโดกนั้นโอกเสียงเสนาะสำเนียงนกตะไน
กินปลีเปล้าเขาไฟจับกิ่งไม้มองเมียง
ไก่ฟ้าพระยาลอขันจ้อแจ้วเสียง
นกอุลอคลอเคียงกะเรียนเรียงรังนาน
ฝูงยางกรอกดอกบัวกระเต็นกระตั้วหัวขวาน
เบญจวรรณขันขานบ้างบินผ่านโผจร
คุลาโห่โกกิลนกขมิ้นเหลืองอ่อน
เรียงจับสลับสลอนนางนวลนอนแนบนาง
บ้างเวียนวิ่งบนกิ่งไม้บ้างซุกไซ้ปีกหาง
ชมเพลินเดินพลางวิเวกวางเวงใจ
บาระบูนขุนแผนกระเวนกระแวนระวังไพร
ตัวเขียวเหยี่ยวตะไกรไล่ลูกไก่เวียนวง
ที่เงื้อมเงาเขาสูงแต่ล้วนฝูงเหมหงส์
ปีกเจ้าอ่อนร่อนลงประสานส่งสำเนียง
นกยูงเป็นฝูงฟ้อนเหมือนละครรำเรียง
กรีดกรายชะม้ายเมียงประสานเสียงสนั่นดัง
สาลิกาสุวาทีนกโนรีเรียงรัง
เหมือนนกเลี้ยงในเวียงวังพระเนตรหลั่งหล่อชล
โอ้อกระหกระเหินเคราะห์เผอิญอับจน
ม้าเลี้ยวหลงวงวนไม่เห็นหนทางไป
ป่าระหงดงดึกสะพรั่งพฤกษาไสว
หอมระรื่นชื่นฤทัยดอกไม้ไพรพนม
แก้วกุหลาบอังกาบแกมนางเด็ดแซมมวยผม
สร้อยฟ้าน่าชมทั้งสุกรมยมโดย
บ้างบานตูมเป็นพุ่มพวงบ้างหล่นร่วงกลีบโรย
ทั้งพระพายชายไชยเกสรโปรยปรายมา
ทั้งรวยรินอินจันทน์กะลำพันกฤษณา
เพลินพระทัยไคลคลาจนสุริยาเย็นรอนรอน
ครั้นถึงธารสะอ้านสะอาดเขาอังกาศสิงขร
จิ้งจอกออกเห่าหอนในดงดอนดูมืดมัว
เสียงชะนีวิเวกโหวยละห้อยโหยหาผัว
วังเวงน่าเกรงกลัวแลเห็นตัวอยู่ไรไร
เห็นที่แท่นแผ่นผาที่ไสยาอาศัย
ลงจากม้าคลาไคลเข้านั่งใต้ไทรทอง
ด้วยล้าเลื่อยเหนื่อยนักพระวรพักตร์หม่นหมอง
แล้วทรงเปลื้องสะไบกรองนางปูรองกายา
ค่อยเอนองค์ลงบนอาสน์พระเศียรพาดแผ่นผา
ให้หิวโหยโรยรานิ่งนิทราตรอมใจ
เสียงจังกรีดกริ่งหริ่งหริ่งเรไร
เคลิ้มระงับหลับไปใต้ต้นไทรทอง เอยฯ
             

พระอภัยติดท้ายรถนางละเวงและพยายามตามเกี้ยว

๏ เห่เอยเห่บทเดินรถในราตรี
พระอภัยมณีนั่งที่ท้ายรถทรง
บุษบกกระจกกระจ่างเห็นรางรางรูปทรง
คลุมประทมห่มองค์เห็นแต่วงพักตรา
แม่ยอดหญิงพริ้งเพริศวิลาศเลิศลักขณา
จะสะกิดก็ติดฝาสุดปัญญาสุดอาลัย
ยืนยิ้มอยู่ริมรถรื้อระทดหฤทัย
หรือระงับหลับไหลทำกระไรจะรู้ความ
นิ่งนึกเห็นดึกนักเวลาก็สักสองยาม
คิดจะใคร่ไถ่ถามให้ขามขามในวิญญา
ยามประชวรกวนจิตจะเคืองคิดโกรธา
จึงถอยหลังรั้งราเลียบไปหน้ารถชัย
พระถามธิดาสุลาลีพระชนนีเป็นไฉน
เขาบอกว่าหลับก็กลับไปขึ้นยืนอยู่ใกล้แกลทอง
ผลักผลักสลักติดก็คิดคิดเขม้นมอง
เสียงจังหรีดกระกรีดร้องนึกว่าน้องจำนรรจา
เกาะเกาะพระเคาะแกลเป็นไรนะแม่วัณฬา
พี่มาแล้วนะแก้วตาจะรับรักษาทรามวัย
เย็นยะเยียบเงียบสำเนียงได้ยินแต่เสียงเรไร
เสน่หาอาลัยมิได้ใกล้เคียงองค์
กลับมานั่งบังกายอยู่ที่ท้ายรถทรง
พร่างพร่างกลางดงต้นรังรงร่มครึม
พอเดือนเที่ยงเสียงผึ้งหึ่งหึ่งระหึม
ทุกเงื้อมเขาเหงางึมให้เศร้าซึมโศกา
พี่อุตส่าห์มาด้วยก็มิได้ช่วยรักษา
หรือน้องแก้วแววตาสวรรคาลัยไป
ไม่ขออยู่จะสู้ม้วยจะตายด้วยแม่ดวงใจ
กอดพระกรถอนฤทัยวิเวกในดงดอน
เย็นยะเยียบเงียบสงัดพระพายพัดมาอ่อนอ่อน
รวยรินกลิ่นขจรหอมเกสรสุมาลี
ลั่นทมนมสวรรค์ทั้งอินจันทน์จำปี
สร้อยฟ้าสารภีมลุลีหลายพรรณ
ทั้งยมโดยโรยรินระรื่นกลิ่นมลิวัลย์
เหมือนกลิ่นเนื้อเจือจันทน์สะอื้นอั้นอาลัย
ไฉนดีเจ้าพี่เอ๋ยจะได้เชยให้ชื่นใจ
อุตส่าห์ตามทรามวัยมาจนใกล้กัลยา
เพราะฝาติดอยู่นิดเดียวให้เสียวเสียวเสน่หา
เขม้นมองที่ช่องฝาจะใคร่เห็นหน้าพระน้อง เอยฯ
             

พระอภัยมณีพยายามเข้าพบนางละเวง

๏ เห่เอยเห่เพลงโฉมลเวงวัณฬา
ทำหลับไหลไสยาจนล่วงมากลางดง
แลเห็นองค์พระอภัยเที่ยวเลียบไต่รถทรง
ทำความเพียรเวียนวงคิดก็สงสารเธอ
ช่างซื่อสุดบุรุษใดไม่มีใครจะเสมอ
ช่างง่วงเหงาเฝ้าละเมอช่างไม่เก้อแก่ใจ
เห็นประจักษ์ว่ารักจริงสู้ทอดทิ้งทัพชัย
มิตอบถ้อยจะน้อยใจครั้นพูดไปจะเป็นทาง
ทั้งรักแค้นแสนเสียดายสะอื้นอายอางขนาง
ทำประชวรครวญครางจึงถามนางลาลีวัน
ถึงไหนแล้วนะแก้วตาแม่หลับมาแต่สายัณห์
เข้าป่าสาลวันจักรจั่นจับใจ
เจ้าแม่เอ๋ยเคยนั่งจะลุกยังไม่ไหว
ให้กลุ้มกลัดในหทัยเจ็บไข้ก็ไม่เคย
ลมว่าวก็เฝ้าพัดหนาวสาหัสแล้วลูกเอ๋ย
กลางไพรใครเลยจะให้เขนยหนุนนอน
ทั้งน้ำค้างก็ช่างสาดใจจะขาดลงรอนรอน
ถึงสุวรรณบรรจถรณ์จะได้นอนให้อุ่นทรวง
ชะกระไรพระจันทร์ช่างดัดดั้นไปลับดวง
ฤๅลับเงาภูเขาหลวงไม่โชติช่วงชัชวาลย์
แลก็ไม่เห็นหนช่างมืดมนอนธการ
ดอกไม้ก็ไม่เบิกบานจะได้สำราญฤทัย
เจ้าประดิษฐ์คิดขับให้เพราะจับจิตใจ
จะได้ระงับหลับไหลให้สร่างในทรวง เอยฯ
             

นางละเวงใจอ่อน และนางสุลาลีวันยั่วเย้าและเอาใจช่วยพระอภัย

๏ เห่เอยธิดาโฉมสุลาลีวัน
รับสั่งบังคมคัลขึ้นนั่งบนชั้นเกรินทอง
แกล้งประดิษฐ์คิดคำขับลำนำทำนอง
โอ้ยามค่ำย่ำฆ้องให้มัวหมองในวิญญา
จะแลชมพนมพนัสไม่ถนัดนัยนา
ช่างมืดมิดทุกทิศามืดทั้งฟ้าดินดง
โอ้ว่าพระศศิธรช่างลอยร่อนรถทรง
แจ่มกระจ่างสว่างวงส่องที่ตรงแกลทอง
เห็นพักตราหล้าโลกจะส่างโศกเศร้าหมอง
โหยหวนนวลละอองมณฑาทองที่ต้องใจ
ภุมรินบินค้อยค้อยมาเชยสร้อยสุมาลัย
มืดในก็จนใจเที่ยวเลียบไต่ตอมดวง
โอ้เอ็นดูแมงภู่น้อยให้เศร้าสร้อยโศกทรวง
ด้วยกลีบหุ้มพุ่มพวงไม่โรยร่วงรสสุคนธ์
ขอเทวัญในชั้นฟ้าทั้งเทวดาเดินหน
ช่วยโปรยปรายสายฝนให้อุบลแบ่งบาน
ลมโชยระโรยกลิ่นหอมกระถินพิมาน
มณฑาผกากาญจน์มาซาบซ่านทรวงเย็น
หอมประดู่อยู่ใกล้ใกล้แลก็ไม่ใคร่เห็น
น้ำค้างพร่างสาดกระเซ็นยะเยือกเย็นพะยอมไพร
หนาวลมจะห่มผ้าหนาวน้ำฟ้าจะผิงไฟ
หนาวทรวงนะดวงใจเศร้าฤทัยระทวยทรง
ถึงเสื้อสวมนวมหุ้มไม่เหมือนอุ้มแอบองค์
หอมดอกไม้ที่ในดงไม่เหมือนทรงสุคนธา
แป้งสดรสรื่นไม่หอมชื่นในนาสา
เห็นอื่นอื่นไม่ชื่นตาเหมือนได้เห็นหน้าพระน้อง เอยฯ
             

เชิงอรรถ

ที่มา

[1]

เครื่องมือส่วนตัว