บทละครนอกเรื่องไกรทอง

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
()
(ที่มา)
 
(การแก้ไข 7 รุ่นระหว่างรุ่นที่เปรียบเทียบไม่แสดงผล)
แถว 319: แถว 319:
==== ====
==== ====
<tpoem>
<tpoem>
 +
๏ ครั้นถึงซึ่งสวนเศรษฐี  ไม่ใกล้ไกลกับที่เคหา
 +
จึงแวะนั่งยั้งหยุดในศาลา  มีฝายกพื้นอยู่ห้องใน
 +
แล้วเล้าโลมโฉมนางกุมภีล์  เจ้าพี่อย่าร้อนรนหม่นไหม้
 +
จงอยู่คนเดียวประเดี๋ยวใจ  พี่จะไปบอกสองภรรยา
 +
ว่ากล่างน้าวโน้มเสียให้ดี  มิให้มีเคียดขึ้งหึงสา
 +
พี่ไปสักครู่ไม่อยู่ช้า  จะกลับมารับเจ้าเข้าไป
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  โฉมนางวิมาลาศรีใส
 +
ค้อนให้แล้วตอบว่าขอบใจ  เจ้าจะทิ้งน้องไว้เอกา
 +
เกลือกว่าศัตรูรู้แยบคาย  มันจะมาทำร้ายริษยา
 +
ด้วยข้าเป็นชาติกุมภา  ใครเลยจะมาปรานีน้อง
 +
แม้นหม่อมไปไหนจะไปด้วย  บุญเจ้าจะได้ช่วยปกป้อง
 +
ว่าพลางนางยุดเจ้าไกรทอง  ชิงปิดประตูห้องศาลา
 +
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ บัดนั้น  ฝ่ายว่าตาเฒ่าทาสา
 +
กับยายทาสีภริยา  สำหรับรักษาสวนดอกไม้
 +
เห็นเจ้าไกรทองพาชู้  มาหยุดอยู่ศาลาอาศัย
 +
สองเฒ่าทุรังจังไร  คิดจะไปบอกนายเอาหน้าตา
 +
ไม่ทันเก็บดอกไม้ใส่กระจาด  ฉวยผ้าขาวขาดขึ้นพาดบ่า
 +
ปิดประตูเข็นกระไดมิได้ช้า  ยายตางกงันมาทันที
 +
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
 +
 +
 +
๏ มาเอยมาถึง  จึงเขาไปบ้านท่านเศรษฐี
 +
เห็นสองกัลยานารี  อยู่ที่หอกลางวางเข้าไป
 +
บอกนางตะเภาทองตะเภาแก้ว  ที่นี้งามแล้วทั้งห้าไร่
 +
ไหนหม่อมผู้ชายว่าหายไป  บัดนี้มาอยู่ในศาลา
 +
พาผู้หญิงคนหนึ่งมาด้วย  รูปรวยสวยสมผมประบ่า
 +
งามประหลาดเหลือล้นพ้นปัญญา  พี่น้องสองราจงแจ้งใจ
 +
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  โฉมนางตะเภาทองผ่องใส
 +
ทั้งนางตะเภาแก้วแววไว  ครั้นได้ข่าวผัวตัวเป็นเกลียว
 +
จึงว่าดูเอาหรือเจ้าไกร  ว่าจะไปหาครูสักประเดี๋ยว
 +
มิรู้ช่างโป้ปดลดเลี้ยว  ไปเที่ยวเกี้ยวชู้แล้วพามา
 +
น้อยหรือทำได้เป็นไรมี  แม้นมิอึงคะนึงก็จึงว่า
 +
อีคนไรรูปงามที่ตามมา  จะออกไปดูหน้ามันกล้าดี
 +
ว่าพลางทางเรียกหาข้าไท  ไม่ทันใจโกรธขึ้งอึงมี่
 +
ลงจากเรือนพลันทันที  ทาสีพี่เลี้ยงก็ตามไป
 +
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
 +
 +
 +
๏ ครั้นถึงสวนก็ชวนกันหยุดอยู่  ยังประตูศาลาอาศัย
 +
ค่อยย่องมองดูเข้าไป  เห็นคนไวไวอยู่ในนั้น
 +
นางยิ่งกริ้วโกรธโกรธา  นุ่งผ้าโจงกระเบนเหน็บมั่น
 +
โมโหหวงหึงดึงดัน  สองพี่เลี้ยงนั้นยิ่งให้ใจ
 +
จึงเข้าคึกคักผลักประตู  เห็นมั่นคงอยู่ไม่หวาดไหว
 +
พี่น้องจึงร้องว่าไป  ใครอยู่ข้างในจงเปิดรับ
 +
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าไกรทองเอนหลังยังไม่หลับ
 +
ได้ยินเรียกเข้าไปตกใจวับ  ลุกขยับสับสนลนลาน
 +
จึงร้องทักออกไปว่าใครนั่น  ไม่เกรงใจกันทำหักหาญ
 +
ครั้นแจ้งว่าสองนงคราญ  ออกมาดันบานประตูไว้
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  สองนางหุนหันหมั่นไส้
 +
จึงว่าอุแหม่แน่เจ้าไกร  หนีไปแทบถึงสักกึ่งเดือน
 +
แต่คอยคอยนั่นน้อยไปหรือนี่  โหยกเหยกอย่างนี้ไม่มีเหมือน
 +
มาแล้วทำไมไม่ไปเรือน  ยังแชเชือนชักช้าอยู่ว่าไร
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าไกรทองฟังคำทำไถล
 +
พูดจากุกกักกระอักกระไอ  เก้อเก้อแก้ไขไปตามจน
 +
พี่จะเข้าไปบ้านเดี๋ยวนี้  พอเดินมาถึงนี่ก็ปะฝน
 +
เห็นศาลาฝารอบชอบกล  จึงแวะนั่งหนีฝนอยู่บนนี้
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  วิมาลาอกสั่นขวัญหนี
 +
จึงถามเจ้าไกรไปทันที  ใครนี่องอาจประหลาดนัก
 +
จะเป็นเมียของเจ้าหรือเขาอื่น  เข้ามายืนเรียกอยู่ดังรู้จัก
 +
หรือพี่ป้าย่ายายมาทายทัก  จงบอกเมียรักให้แจ้งใจ
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าไกรทองยิ้มแห้งแถลงไข
 +
ซึ่งมาเรียกพี่บัดนี้ไซร้  โฉมงามทรามวัยตะเภาทอง
 +
ทั้งนางตะเภาแก้วแววตา  ภรรยาของพี่ทั้งสอง
 +
เจ้าอย่าตกใจไปเลยน้อง  พี่มิให้ขัดข้องเคีองกัน
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  สองนางโกรธผัวจนตัวสั่น
 +
เรียกหาข้าไทให้ช่วยกัน  เข้าผลักดันประตูดูลอง
 +
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
 +
 +
 +
๏ ลิ่มสลักหักโค่นไม่ทนได้  สองนางวางเข้าไปในห้อง
 +
ชี้หน้าว่าชะเจ้าไกรทอง  ช่างปดเล่นคล่องคล่องสบายใจ
 +
ไหนว่าจะไปหาพระอาจารย์  เป็นที่นมัสการอันโตใหญ่
 +
คือเธอองค์นี้แล้วหรือไร  ซึ่งนิมนต์มาไว้ในศาลา
 +
เป็นไรไม่เอาเครื่องบริขาร  มาถวายพระอาจารย์ให้หนักหนา
 +
จะพลอยพกโมโหโมทนา  สาธุศรัทธาเต็มที
 +
หม่อมลูกศิษย์คิดอ่านไปหาเพล  ยกประเคนให้ฉันเสียที่นี่
 +
มานั่งขึงเขินค้างอยู่อย่างนี้  เป็นไรมิมัสการท่านครูมา
 +
ว่าแล้วนวบลนางตะเภาทอง  บอกน้องตะเภาแก้วเสน่หา
 +
อีคนนี้มันชื่อวิมาลา  เป็นเมียชาลวันที่บรรลัย
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าไกรทองเมียงเมินเดินเข้าใกล้
 +
ทำแก้ขวยฉวยมืออย่าอื้อไป  จะบอกควาในใจให้เจ้ารู้
 +
เดิมทีพี่ไปหาพระอาจารย์  คิดอ่านว่าจะบวชให้ชวดอยู่
 +
เพราะโลกีย์เจ้ากรรมมันทำพู  สุดรู้ที่จะทนพ้นปัญญา
 +
เป็นห่วงด้วยชู้เมียเสียไม่ได้  ให้อักอ่วนป่วนใจเป็นนักหนา
 +
ตะวันชายบ่ายหน่อยพี่กลับมา  คิดถึงวิมาลานารี
 +
พี่จึงไปพาเอามาไว้  หวังจะให้เป็นเพื่อนน้องสองศรี
 +
ครั้นจะบอกเจ้าแต่เดิมที  ไหนนางนารีจะผ่อนตาม
 +
บุราณท่านว่าไว้กระไรน้อง  ชายมีเมียสองนั้นต้องห้าม
 +
มักเกิดกลียุคลุกลาม  จึงหาให้เป้นสามตามตำรา
 +
ขอเสียเถิดแม่คุณอย่าหุนหัน  จงสมัครรักกันดีกว่า
 +
เพื่อนบ้านร้านช่องจะลือชา  ว่าพี่น้องสองราเจ้าใจดี
 +
ฯ ๑๒ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  นวลนางพี่น้องสองศรี
 +
ได้ฟังวาจาสามี  ชำเลืองแลดูทีวิมาลา
 +
ยิ่งคิดยิ่งแค้นถึงความหลัง  มิได้ฟังเจ้าไกรทองว่า
 +
จึงตอบไปด้วยใจรามา  เจ้าช่างไปคบหาแต่ที่ดี
 +
ถ้าเป็นคนอื่นไกลน้องไม่ว่า  จะร่วมเรียงเคียงหน้าก็ควรที่
 +
นี่มันชาติทรชนคนไพรี  เห็นดีหรือเจ้าเอามาไว้
 +
ว่าแล้วพี่น้องจึงร้องถาม  ชะนางรูปงามได้ผัวใหม่
 +
ทำเจ๋อเจ๊อะสะเออะหน้าหม่อมไกร  ช่างติดตามมาได้ไม่มีอาย
 +
เอาผัวกูไปไว้ถึงเจ็ดคืน  ยังไม่หายรวยรื่นหรือโฉมฉาย
 +
หรือว่าชาลวันที่อันตราย  แยบคายไม่เหมือนเจ้าไกรทอง
 +
แต่ผัวกุมภีล์แล้วมิหนำ  ยังแถมซ้ำมนุษย์เข้าเป็นสอง
 +
ไสหัวลงไปเสียท้องคลอง  เดียรฉานจองหองไม่เจียมตัว
 +
ฯ ๑๒ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  วิมาลาได้ฟังนั่งเกาหัว
 +
ครั้นจะว่าบ้างนางก็กลัว  เจ้าไกรทองผู้ผัวจะโกรธา
 +
แต่อดอดก็เหลือที่อดกลั้น  ปากคันยิบยิบกระซิบด่า
 +
โมโหหันหุนหมุนออกมา  เคืองขัดสะบัดหน้าแล้วว่าไป
 +
นี่แม่นางพี่น้องสองคน  เจ้ามาบ่นมาว่าเหมือนบ้าใบ้
 +
เขาจูงจมูกหม่อมไปหรือไร  หม่อมผัวเจ้าลงไปทำวุ่นวาย
 +
เพราะจวนตัวกลัวตายวายชีวิต  ใช่จะปลงลงจิตด้วยง่ายง่าย
 +
เจ้าอย่าเพ่อติฉินยินร้าย  เป็นหญิงย่อมอายอยู่เหมือนกัน
 +
เจ้าก็เคยรู้เช่นเป็นอยู่บ้าง  คิดดูก่อนนางอย่าหุนหัน
 +
อันเจ้าไกรทองกับชาลวัน  จะเป็นกระไรกันก็แจ้งใจ
 +
ซึ่งข้าตามผัวเจ้าขึ้นมา  ด้วยกลัววิทยาไม่ขัดได้
 +
เมื่อเจ้าตามผัวข้าลงไป  เป็นไรไม่ยั้งหยุดคิด
 +
ฯ ๑๒ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ ได้เอยได้ฟัง  ตะเภาทองแค้นคั่งเคืองจิต
 +
เจ็บแสบแปลบใจดังไฟพิษ  ด้วยว่าถูกที่คิดก็โกรธา
 +
กระทืบเท้าก้าวเดินเข้าไปใกล้  ถ่มน้ำลายรดให้แล้วร้องว่า
 +
เดิมทีผัวมึงอ้ายกุมภา  ขึ้นมาคร่าคาบกูลงไป
 +
แล้วจำแลงแปลงตัวเป็นมนุษย์  ฉวยฉุดยุดมือถือไหล่
 +
จำเป็นเสียตัวด้วยกลัวภัย  กูมิได้จงจิตไปติดตาม
 +
ไม่เหมือนอีอุบาทว์ชาติกุมภีล์  ตัวกะลีกะลำส่ำสาม
 +
ลอยหน้าลอยตาว่าข้างาม  แต่งจริตติดตามผัวกูมา
 +
กูจะว่าให้สาสมใจ  อีจัญไรร้อยแปดแพศยา
 +
แม้นไม่เข็ดหลาบยังหยาบช้า  จะให้ข้ากูตบไสคอไป
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ
</tpoem>
</tpoem>
 +
==== ====
==== ====
<tpoem>
<tpoem>
 +
๏ แค้นเอยแค้นนัก  สุดที่จะห้ามหักโมโหได้
 +
จะเป็นไรก็ให้เป็นไป  กูหากลัวมึงไม่อีพี่น้อง
 +
ชะช่างขึ้นหน้าว่าเมียหลวง  หึงหวงจ้วงจาบจองหอง
 +
ไม่รู้จักหรือเจ้านางตะเภาทอง  ไหนไหนมันก็สองเหมือนกัน
 +
จริงแล้วคะร้อยแปดแพศยา  จึงลอยหน้าทะเลาะผัวจนตัวสั่น
 +
เป็นไรเจ้ามิประจบให้ครบพัน  จะได้สมใจมันอีมนุษย์
 +
เออน้อยไปหรือนั่นท่านผู้หญิง  ขยันยิ่งโมโหโยไม่หยุด
 +
สารพัดบัดสีอีมนุษย์  เมื่อมึงมุดไปเอาผัวกูนั้น
 +
กูก็ว่าบ้างไว้บ้าง  ไม่สิ้นชาติสิ้นยางพอเต็มกลั้น
 +
แล้วแล้วก็ดีไปด้วยกัน  คุณของกูนั้นมึงคิดดู
 +
ครั้นผัวมึงไปพากูขึ้นมา  จะให้ข้าต่อยตบทำลบหลู่
 +
กล้าดีมึงเข้ามาลองดู  อันกูจะถอยอย่าสงกา
 +
ฯ ๑๒ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  ตะเภาแก้วโกรธขึ้งหึงสา
 +
เจ็บช้ำด้วยคำวิมาลา  หยาบช้าสาหัสยิ่งขัดใจ
 +
อันนางตะเภาทองผู้พี่  จะว่ากล่าวข่มขี่มันไม่ได้
 +
ด้วยเนื้อความทั้งสองข้างไซร้  ก็กระไรกระไรอยู่เหมือนกัน
 +
คิดพลางนางออกสกัดว่า  เหวยอีกุมภาตัวขยัน
 +
ปากกล้าหน้าด้านดึงดัน  จะประชันให้ชนะไม่ละลด
 +
ชอบแต่จิกหัวมาตบเล่น  ให้เพื่อนบ้านเข้าเห็นเสียให้หมด
 +
จึงจะสมที่มึงมีพยศ  ให้รู้รสรู้จักฝีมือไว้
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ น่าเอยน่าหัว  ช่างเปลี่ยนตัวเปลี่ยนหน้าเข้ามาใหม่
 +
มันสะเทือนไปถึงมึงหรือไร  ใครช่างให้พี่สาวลำเลิกกู
 +
ครั้นตอบพี่มึงถึงแต้ม  อีแสนแนมซื้อหน้าเข้ามาสู้
 +
นางตัวกล้ามาค้าคารมดู  ทำกูดูเล่นก็เป็นไร
 +
ขึ้นหน้าว่าเป็นเจ้าผัว  อันจะให้กูกลัวอย่าสงสัย
 +
ถึงกูเป็นชาติกุมภีล์ไซร้  ก็ไม่โฉดโหดไร้เหมือนมึงนี้
 +
อีมนุษย์อุบาทว์ชาติชั่ว  พี่น้องร่วมผัวน่าบัดสี
 +
ขาดสามสี่วันไม่ทันที  เป็นกุลำกุลีทะยานใจ
 +
เมื่อและเจ้าขาดลงมิรอด  เป็นไรไม่กอดไว้ให้ได้
 +
เย้ายวนชวนชมภิรมย์ใจ  อย่าให้ว่างเว้นสักเวลา
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ อีเอยอีหัวพลัด  สารพัดรู้ตลอดสอดว่า
 +
ก็กูร่วมผัวกันมา  บิดายกให้จึงได้ครอง
 +
กูไม่เหมือนมึงอีหน้าเป็น  ลักเล่นผัวเขาทำจองหอง
 +
มึงอวดกล้าท้าดีจะตบลอง  จะร้องฟ้องโรงศาลก็เร่งไป
 +
ทำให้สมน้ำหน้าสาหัส  เอาฟันเล่นกำตัดเสียให้ได้
 +
ถึงจะเสียสินไหมพินัย  มากน้อยเท่าไรก็ตามที
 +
ว่าพลางนางเรียกปลื้มอาลัย  กับข้าไทถ้วนหน้าทาสี
 +
นั่งนิ่งอยู่ไยอีเหล่านี้  ช่วยกันตบตีให้หนำใจ
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ บัดนั้น  สาวสาวบ่าวหญิงไม่นิ่งได้
 +
คาดอกถกเขมรวางเข้าไป  หมายใจจะตบตีวิมาลา
 +
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
 +
 +
 +
๏ เห็นเจ้าไกรทองออกกางกั้น  ความกลัวตัวสั่นล้มถลา
 +
วิ่งปะทะกันอยู่ไปมา  ทาสาขัดสนจนใจ
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  วิมาลาแค้นขัดอัชฌาสัย
 +
โมโหหุนหันกลั้นกลืนไว้  นางมิได้ครั่นคร้ามกลัวเกรง
 +
จึงว่าเอออะไรเจ้าไกรทอง  ช่างพาน้องมาให้เขาข่มเหง
 +
สารพัดตัดพ้อครื้นเครง  แต่เมียเจ้าเองไม่น้อยใจ
 +
นี่ใช้ให้ขี้ข้าทาสี  มาหยาบช้าด่าตีหาควรไม่
 +
ไหนว่าจะปราบปรามเมียไว้  มิให้หึงหวงวุ่นวาย
 +
ครั้นจนเข้าจริงก็นิ่งเสีย  ให้หม่อมเมียมาด่าเล่นง่ายง่าย
 +
เจ้าก็เป็นคนฉลาดชาติชาย  ไม่เสียดายวงศ์วานว่านเครือ
 +
ดีจริงนิ่งเฉยไม่เงยหน้า  ดูเหมือนกลัวภรรยายิ่งกว่าเสือ
 +
คิดว่ามีเหล่ากอหน่อเนื้อ  จึงงวยงงหลงเชื่อตามมา
 +
แม้นรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้  จะสู้ตายอยู่ที่คูหา
 +
ถึงจะฟันฟอนรอนรา  จะก้มหน้าให้ทำไม่กลัวตาย
 +
ทั้งนี้เป็นต้นเพราะคนคด  จะจำจดจารึกด้วยหมึกหมาย
 +
คิดโมโหหวงแหนแสนร้าย  เข้าหยิกข่วนตะกายเอาเจ้าไกร
 +
ฯ ๑๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าไกรทองบ่นออดทอดใจใหญ่
 +
จะห้ามปรามผ่อนปรนก็จนใจ  เอออะไรกระนี้มันดีจริง
 +
นางพี่น้องสองก็ล้นเหลือ  บ้าโลหิตขวิดเฝือเหมือนมหิงส์
 +
นางวิมาลาเล่าก็เพราพริ้ง  น้อยหรือนั่นท่านผู้หญิงทั้งสามคน
 +
เจ้าคารี้สีคารมไม่สมหน้า  เหมือนอีแม่ค้าปลาที่หัวถนน
 +
ขึ้นเสียงเถียงทะเลาะลนลน  จะกรวดน้ำคว่ำคะนนเสียเดี๋ยวนี้
 +
จะเขียนหนังสือหย่าสักห้าใบ  ขีดแกงไตให้ดูอย่าจู้จี้
 +
ทำประหนึ่งขึ้งโกรธเต็มที  เดินหนีออกไปเสียให้พ้น
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  วิมาลาตามไปพิไรบ่น
 +
เจ้าพาน้องขึ้นมาถึงเมืองคน  คิดว่าจะเป็นผลสืบไป
 +
มิรู้กลับอับอายขายหน้า  สุดปัญญาที่จะงดอดได้
 +
ว่าพลางทางกอดเจ้าไกร  สะอึกสะอื้นไห้ไปมา
 +
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
 +
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าไกรทองปลอบนางพลางว่า
 +
พี่รักเจ้าจริงจริงจึงพามา  ใช่ว่าจะให้เป็นเช่นนี้
 +
อันโมโหผู้หญิงนี้ยิ่งยวด  จะชวดสวดเสียเปล่าเฝ้าจู้จี้
 +
มาถึงจะไปบอกแต่เต็มที  เจ้าฉุดชายผ้าพี่มิให้ไป
 +
จึงเกิดเหตุเภทภัยขึ้นทั้งนี้  สุดที่จะดับไฟหัวลมได้
 +
เจ้าอย่าละห้อยน้อยใจ  มิใช่จะให้เสียสัญญา
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  สองนางแค้นคิดอิจฉา
 +
แลไปเห็นนางวิมาลา  ฟูมฟายน้ำตาก็ขัดใจ
 +
ร้องว่าเหวยเหวยอีกุมภีล์  เล่ห์กลมึงดีทำร้องไห้
 +
แกล้งชะอ้อนวอนชู้หรือไร  จะให้มาทำไมกับกู
 +
กลับมาขึ้นเสียงเถียงเจ้าผัว  แต่ล้วนไม่กลัวจะต่อสู้
 +
ทำไมเล่าจึงเข้าแฝงชู้  อันจะพ้นมือกูอย่าสงกา
 +
ว่าแล้วรุกรานเข้าไปใกล้  เลี้ยวไล่จะจิกเอาเกศา
 +
พี่เลี้ยงทาสีก็มี่มา  อุตลุดฉุกคร่าจะตบตี
 +
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  วิมาลายับย่อยไม่ถอยหนี
 +
ร้ายกาจด้วยเป็นชาติกุมภีล์  ต่อดีมีกำลังเรี่ยวแรง
 +
จะเข้าจิกศีรษะนางไม่ได้  ปัดป้องว่องไวเข้มแข็ง
 +
หยิกข่วนกอดกัดวัดแว้ง  พลิกแพลงผลักไสไปมา
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  สองนางขัดแค้นแสนสา
 +
ไม่ย้อท้อต่อสู้วิมาลา  จนหน้าตาคางคิ้วเป็นริ้วยับ
 +
พวกผู้หญิงสาวสาวบ่าวไพร่  หลงใหลไล่ทุบกันตุบตับ
 +
ปากจมูกถูกเล็บจนเลือดซับ  บ้างล้มทับพวกเพื่อนพัลวัน
 +
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าไกรทองเข้าขวางกางกั้น
 +
จึงห้ามน้องสองนางให้วางกัน  อย่าตีรันหันหุนวุ่นไป
 +
จะขืนทำล้ำเหลือไม่เชื่อพี่  น่าที่จะเกิดเหตุใหญ่
 +
อันนางวิมาลานี้ไซร้  พี่เอายันต์ปิดไว้ตรึงตรา
 +
แม้นนางเลิกเลขยันต์ออกเสียได้  จะเป็นกุมภีล์ใหญ่ใจกล้า
 +
จะขบกัดฟัดฟาดเอาสองรา  อย่าเต้นแร้งเต้นกาหนักไป
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  สองนางจะเชื่อก็หาไม่
 +
ร้องว่าอุแหม่แน่เจ้าไกร  จะเขียนเสือไว้ให้วัวกลัว
 +
เจ้ารักชู้ของเจ้าเข้ากับชู้  แกล้งจะขู่ข่มใครน่าใคร่หัว
 +
เมื่อมันเป็นมนุษย์อยู่เห็นตัว  จะหลอกข้าให้กลัวหรือว่าไร
 +
เกิดวิวาททะเลาะเพราะใครนั่น  เพราะหม่อมผัวตัวขยันหรือมิใช่
 +
ทำเหลาะแหละแนะนำให้ใจ  มันจึงทำได้ถึงเพียงนี้
 +
ว่าพลางทางรุกเข้าไป  มิได้ย่อท้อถอยหนี
 +
บ่าวไพร่พร้อมกันทันที  เข้ากลุ้มรุมตีนางกุมภา
 +
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  วิมาลาแค้นขัดสหัสสา
 +
จะแก้แหวนเลิกยันต์แล้วรั้งรา  ด้วยแสนเสน่หาเจ้าไกรทอง
 +
ความรักรุมรึงตะลึงหลง  นางนั่งลงกอดเข่าเศร้าหมอง
 +
หน่วงหนักรักพี่เสียดายน้อง  ฟูมฟองน้ำตาแล้วว่าไป
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>โอ้ปี่</sup>
 +
๏ พ่อเจ้าประคุณของเมียเอ๋ย  กรรมสิ่งใดเลยมาซัดให้
 +
เจ้าพาเมียมาไม่ทันไร  จะจำใจจำจากพรากกัน
 +
สุดรักสุดรู้ไม่อยู่ได้  สุดใจเหลือที่จะอดกลั้น
 +
ถึงเสือสางกลางป่าพนาวัน  ไม่ดุดันร้ายกาจเหมือนเช่นนี้
 +
จะฉีกเนื้อเถือหนังเสียทั้งเป็น  ไม่เคยพบเคยเห็นน่าบัดสี
 +
ไหนเล่าเจ้าชมว่าเมียดี  ทีนี้รู้เช่นได้เห็นตัว
 +
จะขอลาลงไปอยู่ในถ้ำ  ตามบุญตามกรรมที่ทำชั่ว
 +
นางคิดขัดข้องหมองมัว  ตีอกชกหัวร่ำไร
 +
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ คิดเอยคิดพลาง  นวลนางหุนหันหมั่นไส้
 +
ลุกขึ้นเคืองขัดสะบัดสไบ  ชี้หน้าว่าไปมิได้กลัว
 +
เหวยอีตะเภาแก้วตะเภาทอง  พี่น้องอุบาทว์ชาติชั่ว
 +
หฤโหดโฉดเขลาเมามัว  มึงมาเอาผัวของมึงไป
 +
ทีนี้กอดไว้มึงอย่าวาง  มึงเข้าคนละข้างอย่าห่างได้
 +
ผลัดกันรึงรัดให้ถนัดใจ  อีหน้าไพร่สันดานมารยา
 +
ว่าพลางนางหวนเข้าในห้อง  แก้แหวนในช้องเกศา
 +
แล้วลอบเลิกยันต์มิทันช้า  โจนจากศาลาด้วยขัดใจ
 +
ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
 +
๏ ครั้นลงถึงพื้นพสุธา  ก็กลายเป็นกุมภาเติบใหญ่
 +
ฟาดหางวัดแว้งว่องไว  เข้าไล่สองนางนารี
 +
ฯ ๒ คำ ฯ รัว เชิด
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พี่น้องอกสั่นขวัญหนี
 +
ร้องกรีดหวีดวิ่งไม่สมประดี  ทาสีพี่เลี้ยงก็วุ่นวาย
 +
วิ่งปะทะปะกันอลหม่าน  ลนลานลื่นล้มผ้าห่มหาย
 +
บ้างขึ้นต้นไม้มือตะกาย  ปืนป่ายไม่สันทัดพลัดลงมา
 +
บ้างเรียกพวกพ้องร้องให้ช่วย  เจ็บป่วยลำบากลากขา
 +
สิ้นกำลังลงนั่งภาวนา  กอข้อกอกาว่าเปื้อนไป
 +
สองนางวางวิ่งเข้ากอดผัว  ความกลัวตัวสั่นหวั่นไหว
 +
เอ็นดูด้วยช่วยเอาชีวิตไว้  นางกุมภีล์ใหญ่ไล่ขบเมีย
 +
ลูกได้ผิดแล้วอย่าถือโทษ  พ่อโปรดช่วยขับให้ไปเสีย
 +
ร้อนอกหมกไหม้เหมือนไฟเลีย  ทิ้งเมียเสียได้ไม่เอ็นดู
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าไกรทองได้ฟังนั่งไขหู
 +
ทำเฉยเชือนเหมือนหนึ่งไม่รู้  เป็นครู่จึงตอบวาจา
 +
พี่ก็ได้บอกแล้วแต่หนหลัง  โกรธขึ้งตึงตังไม่ฟังว่า
 +
ไหนเล่าเจ้าไม่กลัววิมาลา  ทั้งเจ้าทั้งข้าเข้ารุมรัน
 +
เป็นไรมิทำให้หนำใจ  วิ่งขึ้นมาไยจนตัวสั่น
 +
เรียกหาข้าไทให้ช่วยกัน  ตีรันเล่นตามสบายใจ
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ตะนาว</sup>
 +
๏ ว่าแล้วลุกเดินออกมา  จากที่ศาลาอาศัย
 +
แล้วมีวาจาว่าไป  วิมาลาอย่าได้โกรธา
 +
เป็นกรรมเราแล้วทั้งสองข้าง  ใช่พี่จะทิ้งขว้างร้างหย่า
 +
อย่าละห้อยน้อยใจจงไคลคลา  กลับไปคูหาห้องทอง
 +
ด้วยเจ้ากลับรูปเป็นกุมภีล์  เคยอยู่นทีเที่ยวท่อง
 +
มาอยู่ปัถพีเช่นนี้น้อง  จะร้อนรนหม่นหมองด้วยแดดลม
 +
เจ้ากลับไปก่อนเถิดวิมาลา  ไม่ช้าพี่จะตามไปสู่สม
 +
ความรักพี่สมัครสมาคม  ยังนิยมชมชิดติดใจ
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  นางกุมภีล์เศร้าสร้อยละห้อยไห้
 +
อาวรณ์ร้อนรุ่มกลุ้มใจ  ดังถ่านไฟฟืนสุมทุ่มทับ
 +
จนอยู่มิรู้ที่จะเจรจา  แค่พริบตาอ้าปากหงุบหงับ
 +
ลาผัวซบหัวลงคำนับ  คลานตะกุบตะกับกลับไป
 +
ฯ ๔ คำ ฯ แผละ
 +
 +
 +
๏ ครั้นถึงฝั่งคงคาก็ถาโถม  โดดโครมลงในแม่น้ำใหญ่
 +
โบกหางวางว่ายว่องไว  ตรงไปสู่ที่ถ้ำทอง
 +
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
 +
 +
 +
๏ รูปร่างนางกลายเป็นมนุษย์  โฉมงานบริสุทธิ์ผุดผ่อง
 +
เดินพลางครวญคร่ำร่ำร้อง  เข้าไปในห้องแล้วโศกี
 +
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
</tpoem>
</tpoem>
 +
 +
===ตอนที่ ๒ ไกรทองตามนางวิมาลากลับไปถ้ำ===
==== ====
==== ====
<tpoem>
<tpoem>
 +
๏ เมื่อนั้น  โฉมเจ้าไกรทองหมองศรี
 +
ครั้นนางวิมาลานารี  กลายเป็นภุมภีล์กลับไป
 +
ทั้งเสียดายทั้งรักเป็นหนักหนา  คิดติดขึ้นมาน้ำตาไหล
 +
ให้ละห้อยละเหี่ยเสียน้ำใจ  เหมือนบ้าใบ้ไม่เป็นสมประดี
 +
ภรรยามาเตือนให้ไปบ้าน  ยิ่งเดือดดาลดุดันหันหน้าหนี
 +
ชะนางตัวขยันขันสิ้นที  ช่างชวนกันด่าตีวิมาลา
 +
เหมือนแกล้งตีปลาหน้าไซ  เอออะไรมาคิดริษยา
 +
หวงแหนแสนร้ายรามา  จะปิดประตูค้าแต่ข้างเดียว
 +
เมื่อกี้พิ่มิห้ามนางกุมภา  ที่ไหนจะคณนาคาเขี้ยว
 +
ทั้งบ่าวไพร่ไม่ชั่วตัวเป็นเกลียว  นี่หากคิดนิดเดียวดอกกระมัง
 +
ว่าพลางทางเดินออกจากสวน  หุนหันปั่นป่วนคลุ้มคลั่ง
 +
เมียงามตามไปไม่อินัง  มายังบ้านพลันทันใด
 +
ฯ ๑๒ คำ ฯ เพลง
 +
 +
 +
๏ ครั้นถึงจึงขึ้นบนเคหา  จะอาบน้ำผลัดผ้าก็หาไม่
 +
โมโหฮึดฮัดขัดใจ  เดินตรงเข้าไปในที่นอน
 +
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
 +
 +
 +
 +
<sup>ช้า</sup>
 +
๏ ทุ่มทอดตัวตนลงบนเตียง  เอนเอียงแอบอิงพิงหมอน
 +
คิดถึงวิมาลายิ่งอาวรณ์  ทุกข์ร้อนร่ำไรไปมา
 +
ให้ผุดลุกผุดนั่งคลั่งเคลิ้มจิต  สำคัญคิดว่าอยู่ในคูหา
 +
งวยงงหลงเรียกวิมาลา  ขึ้นมานั่งนี่ด้วยพี่ชาย
 +
สัพยอกหยอกยุดฉุดหมอบข้าง  นึกว่านางพลางพลอดกอดก่าย
 +
ประคองขึ้นอุ้มแอบเป็นแยบคาย  แย้มยิ้มพริ้มพรายสบายใจ
 +
นั่งพินิจพิศดูรู้ว่าหมอน  ก็กลับกลิ้งนิ่งนอนถอนใจใหญ่
 +
เอาผ้าห่มคลี่คลุมตัวไว้  เหมือนป่วยเจ็บจับไข้ครวญคราง
 +
ได้ยินเสียงแมวไล่ตะครุบหนู  ชะเง้อชะแง้แลดูตามหน้าต่าง
 +
เหลือบแลเห็นเงาเสาหอกลาง  นึกว่านางวิมาลายาใจ
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ จึงลุกจากเตียงเมียงออกมา  แย้มยิ้มพยักหน้าแล้วปราศัย
 +
พูดพลางทางหลงลูบไล้  กอดเสาเข้าไว้ทั้งสองมือ
 +
ครั้นรู้ว่ามิใช่ก็ได้คิด  เอ๊ะผิดแล้วเราเสาดอกหรือ
 +
ทำแก้ขวยฉวยผ้ามากระพือ  แลดูขื่อว่าจะผูกคอตาย
 +
เห็นเมียมาฉุดชิงยิ่งขึ้งโกรธ  แกล้งโขยดยกตีนขึ้นปืนป่าย
 +
เคืองขัดวัดเหวี่ยงวุ่นวาย  เดินชายเชือนออกมานอกชาน
 +
แว่วเสียงไก่ขันสำคัญว่า  วิมาลามาเรียกก็ร้องขาน
 +
แลหาแห่งใดไม่พบพาน  งุ่นง่านอยู่คนเดียวเที่ยวมอง
 +
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  นวลนางภรรยาทั้งสอง
 +
เห็นเจ้าไกรวิปริตผิดทำนอง  ค่อยย่องตามมาแล้วว่าไป
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>เย้ย</sup>
 +
๏ ชิชะหม่อมผัวตัวขยัน  เป็นไรนั่นกิริยาเหมือนบ้าใบ้
 +
เมื่อกี้กอดเสาเข้าทำไม  พูดอะไรเลื่อนเปื้อนเหมือนละเมอ
 +
แล้วฉวยผ้ามาจะผูกคอตาย  ทำตะเกียกตะกายเก้อเก้อ
 +
ไม่อดสูผู้คนบ่นเพ้อ  คลั่งไคล้ไหลเล่อลืมตน
 +
อย่าสงสัยไม่ผิดปากว่า  จะเป็นบ้าเที่ยวเดินกลางถนน
 +
เสียแรงเรืองฤทธิ์เดชเวทมนตร์  ฝูงคนเขาจะกลุ้มรุมล้อ
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
''(บทจำอวดแทรก)''
 +
๏ ครั้นถึงจึงพังพาบกราบไหว้  เอาอ้อยควั่นมาให้ห้าหกข้อ
 +
''(บทนาง)''
 +
จงออกไปวัดวาหาท่านขรัว  รักษาตัวรดน้ำมนต์เสียสักหม้อ
 +
จับมงคลใส่สวมกรวมคอ  แต่พอสร่างสระปะทะปะทัง
 +
''(บทจำอวดแทรก)''
 +
ลองกินดูสักทีแม้นมิพอ  จะต้องเล่นมะละกอกับแกงฟัก
 +
''(บทนาง)''
 +
หรือไปอยู่สู่สมนางจระเข้  ถูกเสน่ห์ยาแฝดของเขาขลัง
 +
น่าจะเป็นเช่นนั้นดอกกระมัง  หรือกลัดกลุ้มคลุ้มคลั่งประรังควาน
 +
''(บทจำอวดแทรก)''
 +
หรือลงไปในท้องคลองเล่นจ้องเต  ให้เมียจระเข้ขึ้นขี่หลัง
 +
''(บทนาง)''
 +
ชะรอยฝีท้องเลวในเหวถ้ำ  เข้าประจำผัวข้ามาถึงบ้าน
 +
จะเสียผีพลีบัตรปัดกบาล  กวาดข้าวเปลือกข้าวสารส่งไป
 +
''(บทจำอวดแทรก)''
 +
ชะรอยผีพระประแดงแขวงปากน้ำ  เข้าประจำเจ้าประคุณจึงงุ่นง่าน
 +
''(บทนาง)''
 +
ว่าพลางทางหัวเราะเยาะเย้ย  ยังหาเคยพบเห็นเช่นนี้ไม่
 +
เอามือตีอกทำตกใจ  ยั่วเย้าเจ้าไกรไปมา
 +
''(บทจำอวดแทรก)''
 +
แกงหมูปูทะเลเทเสียสิ้น  มางมกินกบเขียดไม่เกลียดหรือ
 +
ช่างไม่อายพวกลาวชาวอัตปือ  ตบมือหัวเราะเฮฮา
 +
ฯ ๑๘ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าไกรทองยิ้มถลางทางว่า
 +
รับแพ้แล้วนางแม่ค้าปลา  จะขีนขัดอัธยาไปไยมี
 +
น่าจะจริงของน้องต้องเสน่ห์  เจ้าเคยคบจระเข้มาก่อนพี่
 +
รู้ระแบบแยบยลกลกุมภีล์  เห็นทีจะเป็นบ้าเหมือนว่าจริง
 +
พี่ไปอยู่คูหาห้าหกวัน  ผีบ้าอะไรนั่นมันเข้าสิง
 +
ให้หลงใหลแต่จะใคร่แอบอิง  ถึงผู้หญิงผู้ชายก็คล้ายกัน
 +
จริงหรือหาไม่เจ้าตะเภาแก้ว  หม่อมพี่สาวคราวแล้วอย่างไรนั่น
 +
เสียจริตติดใจชาลวัล  ป่วนปั่นเป็นบ้ายิ่งกว่านี้
 +
ใครเล่าเจ้าเอ๋ยช่วยรักษา  จนหายบ้าได้เสียเป็นเมียพี่
 +
กลับมาเยาะเย้ยหยันขันสิ้นที  ร้อยสีร้อยอย่างช่างเจรจา
 +
เอออะไรใส่ความว่าผีเข้า  ผีห่าไหนใครเล่ามาเข้าข้า
 +
ผีชาลวันผัวตัวหยาบช้า  ตามมาหาเจ้าตะเภาทอง
 +
อย่าเย้ยเยาะทะเลาะเล่นเช่นนั้น  ชาลวันขัดใจจะไล่ถอง
 +
จงมาต้อนรับประคับประคอง  ชวนชมสมสองให้ต้องใจ
 +
ว่าพลางฉวยฉุดยุดหยอก  ผัวเก่าเจ้าดอกอย่าผลักไส
 +
นางน้องสาวก็อย่าอื้อฉาวไป  เจ้ามิใช่ภรรยาชาลวัน
 +
จำเพาะพี่กับเจ้าตะเภาทอง  เคยรับรองคล่องอยู่เป็นคู่ขัน
 +
ต่อเมื่อไรผีออกจะบอกกัน  จึงกระนั้นกระนี้กับพี่ชาย
 +
ฯ ๑๘ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  สองนางตาลเดือดไม่เหือดหาย
 +
จึงว่าผีเจ้าเล่ห์เพทุบาย  แยบคายของเจ้าข้าเข้าใจ
 +
เกิดขี้คร้านรำคาญหูจู้จี้  ไม่พอที่จะต่อยามความไถ
 +
ทำเคียดแค้นแสนค้อนเจ้าไกร  แล้วแกล้งเดินเข้าไปเสียในเรือน
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าไกรทองว่องไวใครจะเหมือน
 +
เห็นเมียแสร้งใส่จริตบิดเบือน  เดินหนีเข้าเรือนก็รู้ใจ
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ปีนตลิ่ง</sup>
 +
๏ จึงค่อยย่างย่องมองเมียง  มานั่งลงบนเตียงเคียงไหล่
 +
ทำเป็นโกรธาว่าไป  เอออะไรพี่น้องสองนาง
 +
ค้าคารมเปรี้ยงเปรี้ยงเสียงแปร้น  ขัดใจจะใคร่แพ่นลงสักผาง
 +
มีแต่จะจัณฑาลรานทาง  ถากถางทะเลาะเพราะสิ้นที
 +
เที่ยงนางกลางคืนก็ครื้นเครง  นี่หากเกรงใบบุญท่านเศรษฐี
 +
หาไม่ที่ไหนนั่นวันนี้  ฟ้าผี่เถิดนะไม่ละกัน
 +
ทีนี้ก็แล้วไปเถิดไม่ว่า  เวทนาจะเงือดดงดอดกลั้น
 +
ถ้าคราวหลังยังเป็นอยู่เช่นนั้น  จะวิวาทขาดกันเสียมั่นคง
 +
ว่าพลางร่ายมนต์มหาละลวย  เป่าไปให้งงงวยลุ่มหลง
 +
แล้วหยิบพัดไล่ยุงเอามุ้งลง  ชวนน้องสองอนงค์ให้หลับนอน
 +
สัพยอกหยอกหยิกซิกซี้  ถ้อยทีดีกันเหมือนแต่ก่อน
 +
อุตส่าห์แก้ตัวตนพ้นโทษกรณ์  สโมสรเป็นสุขทุกนิรันดร์
 +
ฯ ๑๒ คำ ฯ โลม
 +
 +
 +
<sup>ช้า</sup>
 +
๏ วันเอยวันหนึ่ง  คิดถึงวิมาลาสาวสรรค์
 +
ป่านนี้จะครวญคร่ำรำพัน  ทุกข์ร้อนนอนฝันถึงพี่ชาย
 +
จำกูจะตามลงไป  โลมเล้าเอาใจให้เหือดหาย
 +
นึกคะนึงถึงเมียยังเสียดาย  จะทิ้งให้เป็นม่ายเสียทำไม
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ คิดพลางทางมีวาจา  เรียกสองภรรยาเข้ามาใกล้
 +
ลูบหลังโลมเล้าเอาใจ  พูดไถลหว่านล้อมอ้อมวง
 +
แต่พี่นึกนึกจะปรึกษา  กลัวจะว่าใจหนุ่มลุ่มหลง
 +
ที่จริงเป้นความตามตรง  เจ้าจงคิดดูให้จงดี
 +
ชวนกันตบตีวิมาลา  ด่าว่าร้อยอย่างจนนางหนี
 +
เกลือกว่าพวกพ้องกุมภีล์  จะผูกไพรีมนุษย์ไป
 +
พี่คิดว่าจะไปไกล่เกลี่ย  ให้นางหายโกรธเสียจึงจะได้
 +
หาบุญพี่ไม่เบื้องหน้าไป  มนุษย์ก็จะได้อยู่สบาย
 +
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พี่น้องสองนางโฉมฉาย
 +
ได้ฟังนั่งยิ้มพริ้มพราย  น้อยหรือนั่นแยบคายขยันจริง
 +
สารพัดผันผ่อนย้อนยอก  ลวงหลอกเลี้ยวลดปดผู้หญิง
 +
นี่แน่ะคะหม่อมไกรมิใช่ลิง  จะลวงให้กินขิงกับเกลือ
 +
ชะช่างพูดจาว่าขาน  ดังน้ำอ้อยน้ำตาลหวานเหลือ
 +
ยังไม่มันคั้นกะทิใส่เจือ  คงจะเชื่อถ้อยคำของเจ้าคุณ
 +
ไปไหนไปเถิดไปขืนขัด  จะทานทัดก็เครื่องจะเคืองขุ่น
 +
เหมือนปล่อยปลาปล่อยเตาเสียเอาบุญ  จะช่วยรุนไสส่งลงไป
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
</tpoem>
</tpoem>
 +
==== ====
==== ====
<tpoem>
<tpoem>
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าไกรทองข้องขัดอัชฌาสัย
 +
ได้ฟังภรรยาว่าถูกใจ  ยิ้มแห้งแกล้งไถลไปตามจน
 +
ปลาเต่าเอาอะไรมาบ่นบ้า  ไม่เลือกหน้าเลยนางสร้างกุศล
 +
จริงหรือจะเสือกไสเสียให้พ้น  แล้วจะชวดสวดมนต์ดอกกระมัง
 +
ถึงพี่ไปก็ไม่อยู่ช้า  จะกลับมาให้ทันทีข้างนี้มั่ง
 +
อย่าเสียดสีทีทำแต่ลำพัง  เหลือกำลังหนักนักจะยักตาม
 +
ว่าพลางลูบหลังแล้วสั่งเสีย  ดีใจด้วยเมียไม่หวงห้าม
 +
ฉวยชักผ้าห่มชมว่างาม  ลวนลามเลี้ยวลอดสอดคว้า
 +
นี่อะไรค้อนควักผลักพี่  ไม่พอที่กันเองก็อิจฉา
 +
แต่เวียนเฝ้าเย้าหยอกภรรยา  จนเวลาจวนแจ้งแสงทอง
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ จีงลุกขึ้นเปิดมุ้งยุงขบ  เดินตบไหล่พลางย่องย่อง
 +
มาอาบน้ำในระเบียงเตียงรอง  แล้วกลับคืนเข้าห้องแต่งตัว
 +
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
 +
 +
 +
๏ ครั้นเสร็จสั่งสองนารี  เปรมปรีดิ์กระหยิ่มยิ้มหัว
 +
ลงบันไดเดินออกนอกรั้ว  เช้ามืดขมุกขมัวรีบมา
 +
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
 +
 +
 +
<sup>สามเส้า</sup>
 +
๏ ครั้นถึงฝั่งวังวนชลธาร  จึงโอมอ่านอาคมคาถา
 +
แล้วจุดเทียนชัยมิได้ช้า  คงคาแหวกช่องเป็นปล่องเปลว
 +
เจ้าไกรทองด่วนเดินมาตามทาง  น้ำแห้งแข็งกระด้างไม่ไหลเหลว
 +
มีดหมอเหน็บมั่นกับบั้นเอว  ตรงไปปากเหวถ้ำทอง
 +
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ ค่อยย่องเข้าไปดังใจจง  สำคัญมั่นคงไม่หลงห้อง
 +
หยุดยืนแฝงม่านเมียงมอง  ดูทำนองวิมาลาจะว่าไร
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>โอ้ปี่</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  วิมาลาเศร้าสร้อยละห้อยไห้
 +
กอดเข่าเจ่าจุกเป็นทุกข์ใจ  เหมือนบ้าใบ้นั่งบ่นอยู่คนเดียว
 +
ยังเจ็บใจด้วยอีพี่น้อง  ให้ขัดข้องเคืองขุ่นฉุนเฉียว
 +
แค้นนักดังอัคคีจี้เจียว  มันไส้จะใคร่เคี้ยวเนื้อกิน
 +
เหตุผลเป็นต้นเพราะผัวใหม่  พาไปให้เมียดูหมิ่น
 +
ช่างโป้ปดลดเลี้ยวเล่นลิ้น  ไม่มีชิ้นชาติชายเท่าใยยอง
 +
เพี้ยงเอ๋ยผีสางเทวดา  ที่รักษาถ้ำเหวเปลวงปล่อง
 +
จงดลจิตดลใจเจ้าไกรทอง  ให้หลงลงมาลองอีกสักคราว
 +
จะตัดพ้อต่อว่าประดาเสีย  ให้สมที่อีเมียมันรังหยาว
 +
จะหยิกข่วนให้เจ็บด้วยเล็บยาว  เลือดมิชาวโซมอยู่ก็ดูเอา
 +
แล้วขุกคิดขึ้นมาถึงชาลวัน  ยิ่งวิโยคโศกศัลย์สร้อยเศร้า
 +
เมื่อยามยังอยู่เป็นคู่เคล้า  ไม่อาทรนอนเปล่าเปลี่ยวใจ
 +
ไหนอีตะเภาแก้วตะเภาทอง  จะจาบจ้วงจองหองกับน้องได้
 +
ทุกข์ร้อนรำพึงตะลึงตะไล  ครวญคร่ำร่ำไรไปมา
 +
ฯ ๑๔ คำ ฯ โอด
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าไกรทองแฝงม่านเมียงหน้า
 +
เข้าใจในทีวิมาลา  ยิ้มพลางทางว่าไปทันใด
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ยานี</sup>
 +
๏ พี่คือเทวาสุราฤทธิ์  ซึ่งสถิตในถ้ำต่ำใต้
 +
เห็นนางโศกีพิรี้พิไร  คิดพะวงสงสัยจะใคร่รู้
 +
เดิมสิตามไปกับไกรทอง  ทำไมกลับมาร้องไห้อยู่
 +
หรือเขาขู่เข็ญไม่เอ็นดู  อุปถัมภ์ค้ำชูไม่ถึงที่
 +
จึงมานั่งบ่นหาชาลวัน  ต้องการอะไรนั่นกับผัวผี
 +
ถึงจะเข้มแข็งขันขยันดี  ไหนจะรอดชีวีคืนมา
 +
จงอุตส่าห์ฝากตัวผัวใหม่  รักใคร่ข้างนี้จะดีกว่า
 +
ถ้าเชื่อคำทำตามเทวดา  จะดลใจให้มาประเดี๋ยวนี้
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  วิมาลาสะดุ้งจิตคิดบัดสี
 +
รู้ว่าหม่อมผัวตัวดี  ลงมาเมื่อไรนี่ไม่ทันรู้
 +
สาละวนินทาว่าร้าย  ให้สะเทินเขินอายอดสู
 +
แก้เก้อนั่งกัดปูนพลู  ก้มแกะเล็บอยู่ไม่เจรจา
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าไกรทองย่องเดินเข้าไปหา
 +
ทำเป็นไม่เห็นวิมาลา  แหงนเงยเฉยหน้าแล้วว่าไป
 +
ใครนินทาว่าร้ายเราเมื่อกี้  ประเดี๋ยวใจไพล่หนีไปข้างไหน
 +
ถ้าแม้นพบปะไม่ละไว้  จะทำให้คุ้มค่านินทากัน
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ปีนตลิ่ง</sup>
 +
๏ อ่อนั่งอยู่นี่เจียวสิหว่า  หน้าตาคนเก้อนี้ดูขัน
 +
ก้มแกะเล็บเล่นอยู่เช่นนั้น  จะหักลันเสียเปล่าไม่เข้าการ
 +
พี่รักเจ้านักหนาลงมาใหม่  จะเกลี่ยไกล่ว่ากล่าวที่ร้าวฉาน
 +
มิให้ร้างค้างเขินเนิ่นนาน  จะสมัครสมานไมตรี
 +
เจ้าอย่าแค้นขัดสบัดสะบิ้ง  นั่งนิ่งเสียมั่งจงฟังพี่
 +
เหมือนถ่านไฟเก่าเถ้ายังมี  เป่าขึ้นคงอัคคีจะติดเชื้อ
 +
ไหนไหนก็รู้เช่นได้เห็นฤทธิ์  กระบวนกระบิดอย่าทำให้ล้ำเหลือ
 +
น้อยหรือนั่นยังไม่ทันจะถูกเนื้อ  สะดุ้งเผื่อไปก่อนแสนงอนจริง
 +
ทั้งระแบบแยบคายก็หลายอย่าง  สมที่สมทางท่านผู้หญิง
 +
ว่าพลางผินหลังเข้านั่งอิง  สะบัดสะบิ้งวิ่งหนีพี่ไย
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  วิมาลาหุนหันหมั่นไส้
 +
เคืองขัดสะบัดผ้าแล้วว่าไป  น้อยหรือนี่มาได้ช่างไม่กลัว
 +
เมื่อจะมาได้ลาแล้วหรือยัง  หม่อมเมียจะคลั่งถึงหม่อมผัว
 +
ข้างบ้านปานนี้จะสั่นรัว  แต่ละคนไม่ชั่วข้ากลัวใจ
 +
ขยันยิ่งจริงเจ้าตะเภาหลวง  หึงหวงสารพัดผลัดกันได้
 +
มิเสียแรงแกล้งกลั่นสรรไว้  ชอบใจหม่อมผัวล้วนตัวเป็น
 +
ทีนี้หรือขึ้นชื่อว่ามนุษย์  จนสิ้นสุดเหล่ากอไม่ขอเห็น
 +
อย่าปลิ้นปลอกหลอกลวงด้วยน้ำเย็น  ได้รู้เช่นเห็นหมดที่คดตรง
 +
จริงแล้วคะกะได้ถ่านไฟเก่า  อย่าพักเป่าเฝ้าก่อจนคอก่ง
 +
มันมอดหมดไม่ติดดังจิตจง  จะซานซมงมหลงลงมาไย
 +
เชิญไปเสียเถิดให้พ้นห้อง  จะลวงน้องได้อีกอย่าสงสัย
 +
เถิดเท่านั้นแล้วก็แล้วไป  ข้ากลัวใจเจ้าจอมหม่อมเมีย
 +
ฯ ๑๒ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ กัลเอยกัลยา  ช่างตัดพ้อต่อว่าประดาเสีย
 +
พี่มิใช่ชายชั่วที่กลัวเมีย  จะลงมาไกล่เกลี่ยเสียให้ดี
 +
พี่น้องสองราก็สารภาพ  เข็ดหลาบแล้วเจ้าไม่จู้จี้
 +
ยังกระเดื่องกระด้างแต่ข้างนี้  ด้วยท่วงทีจริตนั้นติดงอน
 +
ถึงยังกำลังเดือดไม่เหือดไห้  จะโลมเล้าเจ้าไปกว่าจะอ่อน
 +
อย่าสะบิ้งสะบัดตัดรอน  หย่อนหย่อนเสียมั่งฟังพี่ชาย
 +
อันธรรมดาสตรีมีผัว  ค่อยยังชั่วกว่าเช่นที่เป็นม่าย
 +
ไม่มีคนข่มเหงคะเนงร้าย  ไปไหนไปง่ายสบายใจ
 +
จงถอยหลังคิดดูอย่าจู้จี้  ผัวร้างอย่างนี้หาดีไม่
 +
ย่อมเป็นที่ติฉินกินใจ  บุราณว่าไว้ล้วนความจริง
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ ลิ้นเอยลิ้นลม  น่านิยมย้อนยอกกลอกกลิ้ง
 +
สารพัดไพเราะเพราะพริ้ง  สมเป็นผัวท่านผู้หญิงบ้านบน
 +
ไวว่องคล่องขยันสันทัด  หลบหลีกมือหมัดไม่ขัดสน
 +
เคยชนะคะคานเพราะทานทน  เล่ห์กลของเจ้าข้าเข้าใจ
 +
จริงแล้วแกล้วกล้าประดาเสีย  ปราบเมียมิให้หือขึ้นได้
 +
กระนั้นสิเมื่อเจ้าพาข้าขึ้นไป  เห็นเมียกลัวกระไรจนสั่นรัว
 +
เขาจึงตีจึงด่าข้าคนเดียว  วิ่งเลี้ยวไล่ตามข้ามคอผัว
 +
มาสับปลับกลับอ้างอวดตัว  ว่าเขากลัวสารภาพราบไป
 +
ได้อายเท่านั้นแล้วมิหนำ  ยังมาซ้ำเลี้ยวลดปดไปใหม่
 +
ขี้คร้านตอบให้เหนื่อยเมื่อยขาตะไกร  จะปิดหูเสียไม่ขอได้ยิน
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ แสนเอยแสนงอน  ช่างแคะค่อนอุตริติฉิน
 +
ใส่จริตบิดเบือนเหมือนจะบิน  ล้วนหยิบชิ้นเชิงชั้นขยันดี
 +
พี่ไม่กลัวภรรยาเช่นว่าดอก  ใช่จะเหลือกตาหลอกได้เหมือนผี
 +
แต่เขาคิดเวทนาไม่ด่าตี  เท่านี้แลฮึกนึกว่ากลัว
 +
ถึงข้างเขาข้างเราก็เล่าแหละ  มันเกาะแกะกวนใจมิใช่ชั่ว
 +
โมโหมากปากคอพอตัว  ไม่จืดเจ้าเมามัวอยู่เหมือนกัน
 +
จะมากลับขึ้งโกรธโทษใคร  ข้าใช้ให้หึงหวงกันหรือนั่น
 +
พี่ก็ว่าชี้แจงเป็นแพ่งธรรม์  แต่ละคนดึงดันไม่เงือดงด
 +
จึงนิ่งดูทีใครจะดีกว่า  ล้วนเหล็กกล้าขยันเหมือนกันหมด
 +
ยังไม่หนำซ้ำมาเปรียบประชด  ว่าข้าปดก็ตกนรกเอง
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ น่าเอยน่าหัว  อย่าปลิ้นปลอกออกตัวไม่เหมาะเหมง
 +
เกิดวิวาทบาดทะเลาะครื้นเครง  เพราะหม่อมผัวชั่วเองหรือเพราะใคร
 +
จะขว้างงูดูถูกอสรพิษ  มันจะผิดพ้นคอไปข้างไหน
 +
แยบคายของเจ้าข้าเข้าใจ  จูงมาจูงไปเป็นคนกลาง
 +
เมื่อข้ากลับกลายรูปเป็นกุมภีล์  เจ้าขับเหมือนขับผีขับสาง
 +
เข้าประคับประคองแต่สองนาง  กอดไว้คนละข้างไม่ห่างไกล
 +
ยอดรักของเจ้าตะเภาทอง  ดังจะล่องลอยฟ้าไม่หาได้
 +
สาวพรหมจารีดีสุดใจ  ไม่มีใครถูกต้องพ้องพาน
 +
หม่อมไกรได้ชมสมสอง  เหมือนได้นางรูปทองไว้ที่บ้าน
 +
จะคุ้มโทษโทษาห้าประการ  อัปรีย์สีกบาลไม่มีเลย
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ
</tpoem>
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
๏ เอวเอยเอวบาง  ชะช่างชูเชิดเปิดเผย
 +
สารพัดผ่อนปรนเป็นคนเคย  ไม่ลืมเลยลิ้นลมคมชิด
 +
เจนจัดหัดมาแต่ชาลวัน  หลายชั้นเชิงชวนกระบวนกระบิด
 +
มิใช่ชายเจ้าชู้รู้ฤทธิ์  จะสิ้นคิดติดกุกอยู่ทุกคน
 +
นี่หากพี่เองรู้เพลงน้อง  จึงตามรอยคล้อยคล่องไม่ขัดสน
 +
อันนางตะเภาทองทำนองคน  แยบยลไม่เท่ากุมภีล์ใน
 +
เจ้าสิกลับกลายได้หลายอย่าง  รู้ทางจะหนีทีจะไล่
 +
สันทัดจัดเจนอยู่ในใจ  มนุษย์หรือจะได้เหมือนเช่นนี้
 +
พี่ก็ยังต้องจิตติดใจอยู่  อุตส่าห์สู้ซังตายมาถึงนี่
 +
เจ้าตัดรอนค่อนได้ไม่ไยดี  เพราะผิดที่ทำนองไม่ต้องใจ
 +
ถ้าพี่เป็นเทวาสุราฤทธื  จะนิมิตชาลวันขึ้นให้ใหม่
 +
จะปิดทองทั้งตัวให้ทั่วไป  นั่นแหละจะชอบใจวิมาลา
 +
จะสาปสรรเสียบ้างเหมือนอย่างนี้  กุมภีล์ร้ายกาจไม่ปรารถนา
 +
เจ้ากระบิดกระบวนมารยา  แต่เล็กมาจนใหญ่พึ่งได้พบ
 +
ฯ ๑๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ หม่อมเอยหม่อมผัว  มิใช่เช่นชายชั่วหัวประจบ
 +
รู้วิชาเชี่ยวชาญชำนาญครบ  ใครใช้ให้มาคบกับกุมภา
 +
ใครอวดว่าข้าชาวสวรรค์หรือ  จึงซมซานด้านดื้อลงมาหา
 +
ใครชักใครจูงจมูกมา  ใครเรียกใครหาใครแนะนัด
 +
ไม่รู้หรือว่าชาติเดียรฉาน  มาสมานสมาคมสมสัตว์
 +
ทำให้เสียเสื่อมเวทมนตร์ชะงัด  สารพัดอัปรีย์ก็มีมา
 +
เจ้าช่างคิดนิมิตชาลวัน  จะเอาไว้ไยนั่นในคูหา
 +
เอาไปฝากนวลน้องทั้งสองรา  ขอทยาของเจ้าตะเภาทอง
 +
นี่เอาไปฝากเจ้าตะเภาแก้ว  ดีแล้วช่วยทำฉล่ำฉลอง
 +
เสียแรงหม่อมผัวนิมิตปิดทอง  ทั้งสองจะได้ไม่เร่งรัด
 +
ทำไมมิให้คิดถึงผัวเก่า  ถึงโฉดเฉาก็ตรงคงในสัตย์
 +
ไม่โกหกพกลมเลี้ยวลัด  ชั่วช้าสารพัดเหมือนมนุษย์
 +
ฯ ๑๒ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ น้อยเอยน้อยหรือ  ยังจะรื้อกวนใจมิให้หยุด
 +
จริงแล้วเจ้าเฝ้าติผัวมนษย์  ไม่เหมือนหม่อมนักกะผุดผัวนาง
 +
ทั้งซื่อทั้งสัตย์สารพัดดี  ไม่มีคดคอดตลอดทาง
 +
ถึงเมื่อวันจะตายวายวาง  ก็ไม่ว่างเว้นสวาทขาดแคลน
 +
กระนั้นสิจึงร่านรนบ่นหา  เพราะดีกว่าชายอื่นสักหมื่นแสน
 +
ทั้งบกเรือเหนือใต้ในแว่นแคว้น  จะหาแทนผัวเก่าไม่เท่าทัน
 +
อันตัวพี่นี้สักแต่ว่าชาย  แยบคายคลายอยู่ไม่สู้ขยัน
 +
พึ่งจะได้พบพานงานประชัน  ชั่วกว่าชาลวันทุกสิ่งไป
 +
เจ้าจึงตัดขาดไม่ปรารถนา  จะนัดแนะให้มาก็หาไม่
 +
แต่ข้างพี่ยังมีเยื่อใย  ติดใจอยู่มั่งจึงซังตาย
 +
ไม่เห็นเลยว่าจะเฉยเสียเช่นนี้  ทำให้พี่แสบท้องอยู่จนสาย
 +
น่าจะมีสักสิ่งเป็นลิงลาย  รักซ้อนซ่อนร้ายไว้ภายใน
 +
หนุ่มหนุ่มกุมภีก็มีตรึก  มันจะเป็นเช่นนึกหาผิดไม่
 +
เดิมทีพี่มาพาขึ้นไป  สำคัญใจว่ารักกันจริงจริง
 +
ไม่นึกแหนงว่าจะแกล้งไปเอาเหตุ  ไม่สังเกตสังกามารยาหญิง
 +
ทำกระบวนรวนเรประเว่ประวิง  ดีจริงแล้วจะได้เห็นกัน
 +
กุมภาผัวเจ้าเล่าลือชื่อ  ตายเพราะฝีมือของใครนั่น
 +
เถิดหรือให้ไปตามชาลวัน  ทำขบฟันแล้วเดินเมินออกมา
 +
ฯ ๑๘ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  วิมาลาฉวยฉุดยุดคร่า
 +
ทำกระบวนข่วนหยิกด้วยมารยา  นี่ร่ำลาใครแล้วหรือจะไป
 +
เอออะไรอกเอ๋ยไม่เคยเห็น  เชิงเช่นเจ้าจอมหม่อมผัวใหม่
 +
มาพาโลโพคลุมกลุ้มใจ  สารพัดเสกใส่วิมาลา
 +
ไหนจะพาขึ้นไปให้เมียสับ  ยังมิหนำซ้ำกลับมาด่าว่า
 +
เดิมทีที่วิวาทวาทา  เพราะข้าพาลทะเลาะหรือเพราะใคร
 +
เมียหม่อมมาชี้หน้าด่าทอ  ไสคอข้าก่อนจริงหรือไม่
 +
หยาบหยามข้ามหัวหม่อมผัวไป  หูหางช่างกระไรไม่ได้ยิน
 +
เขารุมกันตีด่าข้าอึงอื้อ  ตาเจ้าบอดไปหรือไม่เห็นสิ้น
 +
เหตุว่ารักแล้วก็พาบิน  ขังแล้วถมดินให้โทรมทรุด
 +
ได้เอียงแล้วกระไรให้จนล่ม  ได้ชมแล้วกระไรให้สูงสุด
 +
จับได้ไหนนั่นข้อพิรุธ  ที่ทุจริตคิดนอกใจ
 +
จะไว้ใยกับอีวิมาลา  ทำตามโทษาอย่าปราศรัย
 +
ว่าเล่นเปล่าเปล่าแล้วจะไป  ข้ายังไม่ให้ไคลคลา
 +
เชิญชี้ชายชู้ข้าดูก่อน  ได้แล้วจะนอนลงให้ฆ่า
 +
แกล้งพาลพาโลโกรธา  นี่หม่อมเมียสอนมาข้าเข้าใจ
 +
มิห้ำหั่นฟันข้าให้ย่อยยับ  อันตะให้เจ้ากลับอย่าสงสัย
 +
ว่าพลางครวญคร่ำร่ำไร  ฉุดชายผ้าไว้ไม่วางมือ
 +
ฯ ๑๘ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ งอนเอยงอนชล  เอ๊ะอ่อนหย่อนพยศลงแล้วหรือ
 +
เจ้าสิแสนคมคารมลือ  ทำไมมายุดยื้อข้าไว้ไย
 +
ข้าเป็นคนพาทีไม่มีสัตย์  ไม่จัดเอาจริงสักสิ่งได้
 +
จะมาบีบน้ำตาเอาข้าไย  ข้าทำสิ่งไรให้เคืองตา
 +
เป็นไรมิโลดเต้นเล่นตัว  เย้ายั่วเยื้องยักให้หนักหนา
 +
จนออกเข็ดคารมระอมระอา  มันไม่น่าแล้วคะข้าจะไป
 +
ทั้งสองเมียสามเมียมิเสียแรง  ปากกล้าหน้าแข็งคารมใหญ่
 +
เจ้ากระบิดกระบวนกวนใจ  เอาไว้ไยหย่าเสียนางเมียงาม
 +
จะหาใหม่ให้ดุขึ้นกว่านี้  อีกสักสี่ห้าคนให้พ้นสาม
 +
แน่เจ้าจะมีใหม่มั่งก็ตาม  แต่ให้งามสมหน้าเหมือนชาลวัน
 +
นิ่งอยู่ไยเล่าเจ้าคนคม  มิค้าคารมอมอะไรไว้นั่น
 +
ทำหน้าบูดบี้งเห็นขึงครัน  ใครบอกบุญสุนธรรม์ไม่ศรัทธา
 +
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  นางเลื่อมลายวรรณอยู่ในคูหา
 +
ได้ยินไกรทองวิมาลา  วิวาททากันอื้ออึง
 +
คารมข้างนางเมียก็ไม่ชั่ว  ข้างเจ้าผัวก็ไปไม้หนึ่ง
 +
ถ้อยทีดีขยันดันดึง  นางจึงลุกเดินออกไปดู
 +
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
 +
 +
 +
๏ เยี่ยมเยี่ยมมองมองแล้วร้องว่า  อะไรนี่บ่นบ้าน่าหนวกหู
 +
ทั้งหม่อมเมียหม่อมผัวล้วนตัวรู้  ไม่อดสูผีสางบ้างเลย
 +
จะสาวไส้ให้การแย่งแร้งทึ้ง  อื้ออึงมันไม่ดีนะพี่เอ๋ย
 +
ใช่จะแกล้งแสร้งซ้ำปรำเปรียบเปรย  พี่ก็เป็นคนเคยคนเข้าใจ
 +
จะมายืนฟื้นฝอยหาตะเข็บ  หยิกเล็บจะเจ็บเนื้อหรือหาไม่
 +
เมื่อกินอยู่ที่ลับแล้วเป็นไร  จะมาไขกลางแจ้งให้แพร่งพราย
 +
จะพลอยให้เพื่อนเมียเสียรังวัด  ถ้าฉวยพลัดขาดลอยสิคอยหาย
 +
ยิ่งจะลือระยำซ้ำร้าย  เป็นสองม่ายสามม่ายน่าอายใจ
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  วิมาลาตอบพลางทางค้อนให้
 +
อุแม่เอ๋ยเจ้าจอมเมียหม่อมไกร  ออกมาได้สอนสั่งตั้งกระทู้
 +
น้อยหรือห้ามปรามเหมือนหนามเหน็บ  มันปวดเจ็บเหลือแล้วถึงแก้วหู
 +
นางไม่มีที่ชั่วผัวเอ็นดู  นี่เจ้ารู้อะไรมาเจรจา
 +
ชอบจะช่วยกันเจ็บเก็บใส่ใจ  นานไปเผื่อจะเป็นเหมือนเช่นข้า
 +
จะได้จดจารึกไว้ตรึกตรา  ไหนไหนก็ราคาเดียวกัน
 +
จริงแล้วหรือคะข้าเป็นคนโฉดเขลา  ไม่เหมือนเจ้าดีหมดช่างอดกลั้น
 +
อย่าพักพูดร้อยบทประชดประชัน  แต่เพลาเพลาเท่านั้นเถิดเป็นไร
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าไกรทองร้องว่าอัชฌาสัย
 +
วิมาลาเมียข้าแล้วเหลือใจ  เหมือนหนามไหน่เกะกะระรั้ว
 +
พบปะหน้าไหนใส่เอาหมด  ไม่ละลดทะเลาะคนเสียจนทั่ว
 +
ตะกิ่งตะกายเงี่ยงงารอบตัว  ความวัวยังไม่หายความควายมา
 +
เถิดซิตามถนัดไม่ขัดขวาง  ทั้งสองข้างวางกันให้หนักหนา
 +
ใครคารมสมควรราคา  จะเปลื้องผ้าคาดพุงออกรางวัล
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  วิมาลาตอบไปขมีขมัน
 +
เอออะไรเขาว่าประสากัน  หม่อมผัวตัวสั่นออกเถียงแทน
 +
สาระวอนค่อนว่าประดาเสีย  ให้หม่อมเมียได้หน้าขึ้นกว่าแขน
 +
เจ็บใจใครมั่งจะไม่แค้น  นี่แหละแม่นแท้ว่าเป็นตราชู
 +
จริงแล้วข้าหมอความเหมือนหนามใหม่  แต่กระนั้นเกี่ยวไว้ยังไม่อยู่
 +
พูดจาพล่อยพล่อยร้อยประตู  เหมือนใครไม่รู้ไม่เข้าใจ
 +
ถึงคราวจะหยิบผิดไม่คิดหน้า  เงี่ยงงาสารพัดพูดได้
 +
เจ้าเอ๋ยจงถนอมหม่อมเมียไว้  อย่าให้ใกล้เคียงกับเงี่ยงงา
 +
ชะนางคนดีไม่มีชั่ว  เอาหม่อมผัวออกตั้งเป็นตั้งหน้า
 +
นานไปจะขึ้นถึงหลังคา  หน้าตาตละชาดเลือดฝาดแดง
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  นางเลื่อมลายวรรณเถียงเสียงแข็ง
 +
ช่างไม่ขันดันแดกแหกกระแชง  มาตะแคงแว้งวัดเอากันเอง
 +
เห็นอื้ออึงจึงออกมาห้ามปราม  กลับใส่ถ้อยร้อยความไม่เหมาะเหม็ง
 +
ข้าเป็นคนเจียมตัวกลัวเกรง  ไม่เป็นโตงเป็นเตงน่าอายใจ
 +
เออจะเอาอะไรมาขึ้นหน้า  เป็นแขนเป็นวาช่างว่าได้
 +
ทำคุณบูชาโทษโหดไร้  สารพันสรรใส่ไม่ไว้วาง
 +
มาดูหน้าข้าเถิดท่านผู้หญิง  มันแดงจริงยิ่งกว่าย้อมน้ำฝาง
 +
สำคัญว่าผัวรักยักลูกคาง  สาระดิ้งวิ่งวางไปตามลม
 +
ทำไมเล่าจึงมิเอาให้ขาดเด็ด  หรือไปปะบอระเพ็ดเข็ดขม
 +
กลับลงมาครางครืดผะอืดผะอม  ก็พอสมน้ำหน้าสาแก่ใจ
 +
เถิดคะรำคาญขี้คร้านทะเลาะ  นี่เนื้อเคราะห์มาเหยียบหนามใหม่
 +
กระทืบเท้าลงส้นเดินบ่นไป  เข้าในห้องหับฉับพลัน
 +
ฯ ๑๒ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ปีนตลิ่ง</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าไกรทองลิ้นลมคมสัน
 +
จึงว่านี่แน่เจ้าแต่เท่านั้น  อย่าป่วนปั่นหันหุนวุ่นวาย
 +
เขาก็เข็ดปากคอไม่ต่อสู้  หนวกหูเต็มทีจนหนีหาย
 +
ยังตะบอยบ่นว่าบ้าน้ำลาย  เคียดแค้นแสนร้ายรามา
 +
จนเหงื่อย้อยเหงื่อไหลก็ไม่คิด  แป้งปูนแต่สักนิดไม่ติดหน้า
 +
มันงามเหลือแล้วเจ้าวิมาลา  หน้าตามอมแมมเหมือนแมวคราว
 +
อะไรเล่าเฝ้าชำเลืองเคืองค้อน  ทำแสนงอนทุ้งทิ้งยิ่งกว่าสาว
 +
ข่วนคนเจ็บเจ็บเจ้าเล็บยาว  น่าชังรังหยาวสุดใจ
 +
ไปเอนหลังเอนไหล่เล่นดีกว่า  นึกว่าสู่ขอเข้าหอใหม่
 +
ว่าพลางจูงนางเข้าห้องใน  นั่งบนเตียงเคียงไหล่ไขว่คว้า
 +
อย่าฮึดฮัดวัดแว้งเครื่องแป้งจะหก  หยิบกระจกมาให้น้องส่องดูหน้า
 +
ช่วยตกแต่งแป้งกระแจะละลายทา  วิมาลาเคืองขัดปัดมือ
 +
นี่จะหยิกจะทึ้งไปถึงไหน  จะทำให้พี่ป่วยไปเสียหรือ
 +
ชักชายผ้าห่มหลุดยุดยื้อ  ถูกถือตามธรรมเนียมเลียมลอง
 +
คลื่นซัดอัศจรรย์ลั่นเลื่อน  สะท้านสะเทือนถ้ำเหวเปลวปล่อง
 +
เล้าโลมเลี้ยวลอดสอดคล้อง  ทั้งสองถ้อยทีปรีดา
 +
ฯ ๑๖ คำ ฯ โลม
 +
</tpoem>
 +
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  วิมาลาสรวลเสเสน่หา
 +
คลึงเคล้าเย้ายวนชวนภัสดา  ให้พูดจาเรื่องราวเล่านิทาน
 +
ได้ยินข่าวเล่าลือมาจะแจ้ง  ว่านายแฟงกับนายฉิมอยู่ริมบ้าน
 +
หม่อมได้ฟังมั่งหรือไม่เขาไปงาน  โปรดประทานเล่าไปให้ฉันฟัง
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าไกรทองตรองตรึกนึกความหลัง
 +
เมื่อวันพระประนายฉิมที่ริมวัง  เข้าแฝงฟังพอเขาเล่าก็เข้าใจ
 +
จำเขาได้ดอกนะน้องสองสามมุก  พอแก้ทุกข์ขุกเข็ญเห็นจะได้
 +
แล้วบ้วนปากคายหมากกระแอมไอ  เอาหมอนใส่หลังพิงแล้วอิงเอน
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ พี่จะกล่าวราวเรื่องเนื่องมา  อารามร้างกลางนามีตาเถน
 +
อยู่สองคนในกุฏีไม่มีเณร  บิณฑบาตเช้าฉันเพลทุกวันไป
 +
องค์หนึ่งเที่ยวบิณฑบาตยาจนา  พอสีกาเขาแกงจุ๊บแจงใส่
 +
จังหันหลายทารพีก็ดีใจ  กลับไปยังที่กุฏีพลัน
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
๏ ครั้นถึงหอกลางก็วางบาตร  เชิงฉลาดจะหลีกหลยขบฉัน
 +
แม้นอยู่ให้หลวงตานั้นมาทัน  จะต้องปันแกงหอยนั้นน้อยไป
 +
พอแลเห็นตุ่มวางกลางกุฏี  เห็นท่วงทีจะลงฉันในนั้นได้
 +
จึงหย่อนองค์ลงในตุ่มสุโขทัย  เอาแผ่นอิฐปิดไว้มิได้ช้า
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ จะกล่าวถึงเถนองค์หนึ่งนั้น  ได้จังหันนิดเดียวเที่ยวหนักหนา
 +
แหงนดูสุริย์ฉายสายเต็มประดา  ก็กลับมาถึงที่กุฏีพลัน
 +
คิดว่าเพื่อนยังไม่มาก็ด่าโผง  อ้ายตายโหงเที่ยวไปถึงไหนนั่น
 +
กูแสบท้องนักหนาไม่ท่ามัน  ขัดสมาธิ์สองชั้นเอาช้อนโพง
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ ส่วนเถนในตุ่มนั้นฉันตะบอย  ทำปากตูดดูดหอยดังจุ๊บโจ่ง
 +
ตาเถนอยู่ข้างบนเห็นทะนนโคลง  มาเปิดอิฐปิดโอ่งเพ่งพิศ
 +
ส่วนเถนอยู่ในทะนนพ่นแกงเอา  ถูกเข้าที่หน้านัยน์ตาปิด
 +
เถนคงร้อนดิ้นแทบสิ้นชีวิต  เอ๊ะอะไรพ่นพิษแสบสุดใจ
 +
เถนองค์นั้นจึงถลันลุกออกมา  แล้วว่าข้าจะช่วยดับพิษให้
 +
จึงเอาโอตักน้ำมาทันใด  รดลงไปที่หน้าตาเถนคง
 +
เห็นเพื่อนกันหายปวดซ้ำอวดรู้  นี่ว่ากูได้คาถาตาบุญสง
 +
จึงแก้เอ็งไว้ไดไม่ปลดปลง  ที่นี้จงอุตส่าห์รักษาตัว
 +
เอ็งอย่าได้ไปมองที่ปากโอ่ง  อ้ายจุ๊บโจ่งมันร้ายมิใช่ชั่ว
 +
ตาเถนคงแจ้งจิตก็คิดกลัว  รักษาตัวอยู่ด้วยกันทุกวันเอย
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  วิมาลาปรีด์เปรมเกษมสันต์
 +
ชมว่าเพราะนักหนาน่ารางวัล  แต่กระนี้ดีครันขยันจริง
 +
ถ้าปะเขาหางานการของราษฎร์  ส่งพิณพาทย์นายมีจะดียิ่ง
 +
ใช่ว่าเล่นเช่นหม่อนเธอพร้อมพริ้ง  ไปงานไหนได้ผู้หญิงวิ่งตามมา
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  เจ้าไกรทองยิ้มพลางทางว่า
 +
ผู้หญิงหาไหนเฝ้าตามมา  คือผู้หญิงกุมภาที่ตามไป
 +
ไหนเล่าเจ้าจะตกรางวัลพี่  หันหน้ามานี่จะบอกให้
 +
สะกิดแก้มแนมนมชมสไบ  คว้าไขว่ยวนเย้าเฝ้าตอแย
 +
อัศจรรย์บันดาลอยู่บ่อยบ่อย  รสอร่อยมิได้จืดให้ชืดแช่
 +
พิรุณร่วงตวงไว้จนเต็มแล้  รักกันคุ้มแก่ไม่แชเชือน
 +
การสัมผัสเย้ายวนชวนชื่น  จะหาอื่นมาให้ไม่มีเหมือน
 +
หยุดสวาทขาดเพลาเข้ามาเตือน  มิได้เคลื่อนคลาดคลารารอ
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
</tpoem>
 +
== เชิงอรรถ ==
== เชิงอรรถ ==
== ที่มา ==
== ที่มา ==
บทละครนอกเรื่องไกรทอง สถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๔๐
บทละครนอกเรื่องไกรทอง สถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๔๐
 +
 +
(ขอขอบคุณ คุณพิกุลแก้ว สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน)

รุ่นปัจจุบันของ 10:14, 1 กันยายน 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

บทประพันธ์

ตอนที่ ๑ นางวิมาลาตามไกรทองมาจากถ้ำ

ช้าปี่
๏ เมื่อนั้นโฉมเจ้าไกรทองพงศา
สมสู่อยู่ด้วยวิมาลาสุขาสำราญบานใจ
ลืมสังเกตเวทมนตร์ที่ร่ำเรียนแต่เวียนนอนนั่งเจ็บหลังไหล่
ลืมสองภรรยาแลข้าไทอิ่มไปด้วยทิพโอชา
ร่วมภิรมย์ชมรสสาวศรีกุมภีล์ผิดอย่างต่างภาษา
อยู่เย็นเป็นสุขทุกเวลาถึงได้เป็นเจ้าพระยาก็ไม่ปาน
ฯ ๖ คำ ฯ
ปีนตลิ่ง
๏ วันเอยวันหนึ่งให้คิดคำนึงถึงบ้าน
แต่กูมาอยู่ก็ช้านานสักกี่วันสารไม่แจ้งใจ
ด้วยคุหาสว่างอยู่อย่างนั้นจะสำคัญวันคืนก็ไม่ได้
แต่คิดคะเนตึกตรึกไตรเห็นจะได้สักเจ็ดวันมา
ป่านนี้น้องสองคนจะบ่นถึงวันนี้จึงสำลักเป้นหนักหนา
ตัวกูหลงอยู่ด้วยกุมภาจะเสื่อมเสียวิชาที่เรียนรู้
อย่าเลยจะขวนนางขึ้นไปเลี้ยงเป็นเมียไว้จะดีอยู่
ให้คืนลือชื่อเราว่าเจ้าชู้จะมีผู้สรรเสริญสืบไป
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ คิดพลางทางเรียกวิมาลาเข้ามาแล้วแจ้งเถลงไข
พี่รักนางพ่างเพียงจะกลืนไว้หมายจะไม่จากกันคุ้งวันตาย
แต่จนใจที่จะอยู่ในคูหาเวทมนตร์เรียนมาจะเสื่อมหาย
จำเป็นจำไปใจเสียดายไม่เคยขาดคลาดคลายสักเวลา
ขอเชิญดวงใจไปด้วยพี่เป็นที่สนิทเสน่หา
พี่จะเลี้ยงเจ้าเป็นภรรยาแก้วตาอย่าละห้อยน้อยใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นวิมาลานารีศรีใส
ได้ฟังคั่งแค้นขัดใจจึงตอบคำไปด้วยโกรธา
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ แต่เอยแต่เดิมช่างแต้มเติมต่อติดประดิษฐ์ว่า
ล้วนจะรักจะใคร่ให้สัญญามีสับปลับกับข้าหรือหม่อมไกร
สารพัดพูดคล่องเหมือนล่องน้ำจะมีจริงสักคำก็หาไม่
ลืมแล้วหรือขาที่ว่าไว้จะอยู่ด้วยน้องได้ในถ้ำทอง
ถ้อยยำคำมั่นเจ้าพาทีมิให้อายกุมภีล์สิ้นทั้งผอง
ครั้นสมใจได้ชิมลิ้มลองจะทิ้งน้องเสียได้ไม่เอ็นดู
มิหนำซ้ำจะพาเอาขึ้นไปจะให้อัปยศอดสู
จะมาล่อลวงเล่นเหมือนเช่นชู้สุดรู้ที่น้องจะตามไป
ฯ ๘ คำ ฯ
ปีนตลิ่ง
๏ เจ้าเอยเจ้าพี่ไม่พอที่จะพะวงสงสัย
ใช่จะกล่าวแกล้งแสร้งใส่ไคล้สิ่งไรมิจริงไม่เจรจา
พี่เป็นมนุษย์สุดวิสัยจะอยู่ในนทีคูหา
นี่มาได้ด้วยฤทธิ์วิทยาแม้นประมาทไม่ช้าจะบรรลัย
ถ้าอยู่ได้ไม่ร้างห่างห้องจริงจริงนะน้องอย่าสงสัย
จะลดเลี้ยวเบี้ยวบิดตะกูดไปเหมือนเจ้าไม่เมตตาปรานี
น้อยหรือรักเจ้าสักเท่าพ้อมยังไม่ยอมพร้อมใจไปด้วยพี่
จะเฝ้าวอนงอนง้อไปไยมีค่อยอยู่จงดีพี่ขอลา
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ สุดเอยสุดใจน้องไม่เบี่ยงบิดประดิษฐ์ว่า
เจ้าอย่าพะวงสงการตัวข้าได้บอกแต่เดิมที
ว่าฝูงกุมภาสิ้นทั้งผองอยู่ในถ้ำทองเกษมศรี
เดชะด้วยฤทธิ์แก้วมณีกุมภีล์จีงเป็นมนุษย์ไป
มีธุระจะออกไปนอกถ้ำถึงน้ำกลับเพศตามวิสัย
นี่แหละเป็นความจนใจไปได้หรือจะไม่ไปตาม
ข้าก็ได้บอกแล้วแต่หนหลังเจ้าก็ไม่หยุดยั้งฟังห้าม
ก่นแต่เฝ้าเย้ายวนลวนลามมันเป็นความงามหน้าแล้วครานี้
เมื่อผิดอย่างต่างชาติต่างวิสัยจะอยู่ด้วยกันได้ก็ใช่ที่
ไม่ช้าไม่พลันกี่วันมีจะมาหนีน้องไปให้ได้อาย
ฯ ๑๐ คำ ฯ
โอ้โลมนอก
๏ น้องเอยน้องรักเจ้าอย่าพักก้าวเฉียงเบี่ยงบ่าย
เห็นแล้วว่าสมัครรักพี่ชายจึงอุบายบิดเบือนเชือนแช
น้อยหรือนั่นชั้นเชิงมิดชิดป้องปิดมิดเม้นไม่เห็นแผล
แสนงอนอ่อนคอทำท้อแท้เรรวนปรวนแปรไม่ปรองดอง
ถ้าเจ้าจะเอออวยไปด้วยพี่จะเสียทีไม่ถนัดขัดข้อง
เสมือนหนึ่งรักพี่เสียดายน้องถ้ำทองเป็นสุขสนุกสบาย
ด้วยกุมภีล์หนุ่มหนุ่มประชุมพร้อมบริวารแวดล้อมเหลือหลาย
แต่ล้วนรูปนิมิตบิดเบือนกายจึงเสียดายเต็มทีอยู่มิไป
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ น้ำเอยน้ำคำเจ็บอกปิ้มป้ำน้ำตาไหล
แม้นมิว่าบ้างเลยจะเคยใจนางจึงตอบคำไปด้วยโกรธา
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เจ้าเอยเจ้าไกรทองขอโทษเถิดใช่นอ้งจะแกล้งว่า
เจ้าอุตส่าห์ประดาน้ำดำลงมาค้นคว้าหาน้องที่ห้องใน
เจ้าก็จุดธูปเทียนเวียนส่องทั่วหม่อมผัวจะงมมาก็หาไม่
ก็ย่อมเห็นย่อมรู้อยู่แก่ใจที่ในชั่วดีวิมาลา
ไม่เห็นหรือหนุ่มหนุ่มในห้องน้องมันออกซ้องเสียนักอย่าพักว่า
ชั่วจริงเจ้าเอ๋ยชาติกุมภาใครเข้ามาก็พลอยพุดสะรุด
ถึงเจ้าก็เป็นคนไม่พ้นชั่วมาเกลือกกลั้วสตรีไม่บริสุทธิ์
เสียชาติญาติวงศ์พงศ์มนุษย์เป็นบุรุษโหดไร้น้ำใจพาล
มางงงวยด้วยหญิงแพศยาจนหน้าตาหมองคล้ำดำด้าน
เจ้าเป็นคนมนตร์เวทเชี่ยวชาญวิชาการมิเสื่อมก็จำคลาย
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เจ้าเอยเจ้าคารมปากคอพอสมกับเป็นม่าย
แสนรู้ร้อยอย่างช่างอุบายยักย้ายหลายทำนองว่องไว
มิเสียทีที่เป็นเมียชาลวันน้อยหรือนั่นบุญหนักศักดิ์ใหญ่
น่าหัวผัวตายประเดี๋ยวใจไม่ทันไรหรือมาเป็นเช่นนี้
หญิงร้ายแพศยาสามานย์เขาขี้คร้านคบหาให้เสียศรี
เจ้าเอ๋ยแพศยากุมภามีอย่างนี้เจียวสิหว่าจะตราไว้
ถ้ารู้เหตุผลแต่ต้นมาที่จะไว้ชีวาอย่าสงสัย
อันน้ำใจสตรีนี้ไซร้ยากที่จะหยั่งได้ดังจินดา
พระมหาสมุทรสุดลึกซึ้งถ้าจะหยั่งให้ถึงก็ง่ายกว่า
หญิงสามร้อยกลมารยาสุดที่จะศึกษาให้แจ้งใจ
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ น่าเอยน่าหัวจริงแล้วคะข้าชั่วหาเถียงไม่
อายแก่ผีสางบ้างเป็นไรนี่ใครใช้ให้เจ้ามาคบค้า
ข้าเจียมตัวกลัวความหนามเสี้ยนมุดเมื้ยนอยู่หานี่ประสีประสา
เมื่อเจ้าซานซนงมงายมามิลืมตาขึ้นดูเสียก่อนเลย
คิดมาก็น่าสมเพชผัวมาพลอยชั่วด้วยข้านิจจาเอ๋ย
เหมือนพระยาราชหงส์เข้าดงเตยจะก้มเงยหนามเหนี่ยวเกี่ยวยับ
ขนข้างหางปีกไม่เหลือหลอเขาคั้นคอสิ้นเสียงใส่เขียงสับ
ไม่พอที่จะกล้าเข้ามารับเอาอาภัพอัปรีย์ใส่ตัว
เท่านั้นเถิดเป็นไรเจ้าไกรทองได้หม่นหมองแปดปนกับคนชั่ว
เสียเดชเวทมนตร์จนมืดมัวเชิญไปชำระตัวเสียเป็นไร
ถึงมิอยู่จะไปก็ให้งามอย่าเอาความอัปรีย์มาใส่ให้
รู้ว่าเจ้าอย่าว่าให้หนักไปอัชฌาอาศัยแต่พอควร
อย่าเพ่อสาวไส้ให้กาทิ้งอื้ออึงลือเลื่องเครื่องคนสรวล
เหนื่อยปากขี้คร้านต้านสำนวนอันกระบวนของเจ้าข้าเข้าใจ
ซึ่งกว่าสามร้อยกลสตรีมากมีเสียเปล่าไม่เอาได้
ไม่เหมือนบุรุษนี้สุดใจว่าไว้สามสินสองกล
ทำโกหกพกลมล่อลวงหึงหวงด่าว่าเหมือนบ้าบ่น
สารพัดตัดพ้อล่อชนเถิดข้าเสียกลเจ้าคนคต
ฯ ๑๘ คำ ฯ
             

๏ น้อยเอยน้อยหรือนางคนซื่อสารพันขยันหมด
ก่นแต่ติเตียนเวียนประชดจริงแล้วคะข้าคดไม่งดงาม
มันจะเหมือนผัวเก่าของเจ้าหรือสุดซื่อแล้วเจ้าเอ๋ยอย่าเย้ยหยาม
แต่ออกชื่อชาลวันก็ครั่นคร้ามสุดคิดจะติดตามให้ต้องใจ
ไหนนั่นความชั่วตัวอัปรีย์ว่าพี่มาปรำซ้ำใส่ให้
เมื่ออื้ออึงไปเองไม่อายใจกลับว่าสาวไส้ให้กาทึ้ง
เจ้าสินสนักสำบัดสำนวนทั้งกระบวนกระบิดติดปั้นปึ่ง
ดังหนองน้ำลำธารอันเซาะซึ้งเป็นที่พึ่งสารพัดไม่ขัดใคร
เลื่องลืออื้ออึงพี่จึงมาหวังจะพาไปชมคารมใหญ่
ให้ฟุ้งเฟื่องทั้งเมืองพิจิตรไว้เขาจะได้ชมรสวาจา
จะชมทั้งกิริยามารยาทเชื้อชาติโฉมนางต่างภาษา
เจ้าจะได้เห็นหัวผัวกุมภาอยู่ที่ศาลเทวาอารักษ์บน
รำลึกถึงเมื่อไรจะไปเยือนก็พอเคลื่อนคลายได้ไม่ขัดสน
ล้วนหนุ่มหนุ่มประชุมชอบกลเขาเคยไปบวงบนบูชา
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เจ็บเอยเจ็บใจช่างพิไรเสกสรรรำพันว่า
สารพัดจัดให้วิมาลาสมน้ำหน้าแล้วสิสนัดใจ
อันศาลเจ้าที่หัวผัวเก่าอยู่ข้าไม่รู้แห่งหนตำบลไหน
ทำตีอกยกมือขออภัยเห็นแต่หัวผัวใหม่ที่งมมา
อะไรไม่หยุดหย่อนเฝ้าค่อนแคะนั่นแหละพอสมกับแพศยา
แต่กุมภีล์เท่านั้นไม่คัณนายังซ้ำมนุสสาจึงสมใจ
เขาจะได้เชิดชื่อลือทั่วว่าหญิงชั่วตัวเจ้ามารักใคร่
จะปรากฏยศศักดิ์ของหม่อมไกรสืบไปชั่ววงศ์พงศ์พันธุ์
ถ้าเห็นงามตามแต่จะเมตตาฝ่ายข้าไม่รังเกียจเดียดฉันท์
จะชูราศีหม่อมขึ้นทุกวันเหมือนเอาจันทน์เฉลิมเจิมจุณ
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ลมเอยลมเติบอย่ากำเริบนักนะมักจะวุ่น
สัญชาติจระเข้เนรคุณทำบุญไม่ขอพบสบใจ
ชะนางตัวขยนกลั่นกล้าราคาสองสลึงหาถึงไม่
ถึงจะเสียมีดหมอก็เสียไปหาด้ามทำใหม่ประเดี๋ยวเดียว
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ น่าเอยน่ากลัวหม่อมผัวโกรธาจนตาเขียว
ส่วนว่าเขานั้นขยันเจียวเขาว่าบ้างเข่นเขี้ยวจะฆ่าตี
เหตุว่าเจ้าดีมีฝีมือเอาเถิดให้เขาลืออึงมี่
เขาจะได้ว่าเจ้าห้าวหาญดีฆ่าฟันสตรีให้บรรลัย
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เหลือเอยเหลืออดยังประชดประชันน่าหมั่นไส้
อย่าพักท้าทายมากมายไปเขาจะเกรงอะไรกับนินทา
หญิงร้ายปากกล้าไม่น่าเลี้ยงคนผู้จะดูเยี่ยงไปภายหน้า
ฉวยชักมีดหมอที่เหน็บมาทำเป็นโกรธาจะฆ่าตี
จะไปไหนเล่าเจ้าคนคมเอาคารมตั้งหน้าแล้วอย่าหนี
น้ำตาคลอตาน่าปรานีชะช่างทำทีให้อ่อนใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ได้เอยได้ฟังยิ่งคั่งแค้นอกหมกไหม้
กระทีบเท้าเกาหัวแล้วว่าไปช่างกระไรไม่คิดเวทนา
เห็นตัวน้องเป็นชาติกุมภีล์ล้วนมีแต่ขู่เข็ญจะเข่นฆ่า
เหน็บแนมเต้มเติมเต็มประดาหยาบช้าลิ้นลมไม่สมตัว
เป็นเคราะห์เพราะหลงด้วยถ้อยคำจึงกระหน่ำซ้ำว่าจนหน้าชั่ว
เจ้าได้ร่วมรักก็เพรากลัวข้าจึงได้มีผัวถึงสองคน
รู้แล้วว่าหม่อมไม่เมตตาจะทิ้งขว้างร้างหย่าไว้กลางหน
เจ้าอย่าพักเคลือบไคล้ใส่กลเห็นว่าจนอยู่ที่จะตามไป
ถึงน้องจะรักใคร่ให้ใจขาดไนจะอาจเอออวยไปด้วยได้
จะเอาทีว่าชวนแล้วมิไปแจ้งใจอยู่แล้วอย่าเจรจา
ว่าพลางนางร่ำร้องไห้น้ำตาไหลโซมซาบอาบหน้า
โอ้แต่นี้ไปนะอกอาจะบ่ายหน้าไปพึ่งผู้ใด
ทั้งนี้เป็นต้นเพราะผลกรรมชักนำทำชั่วมีผัวใหม่
คิดแค้นขึ้นมาไม่ว่ากระไรเข้าหยิกข่วนเจ้าไกรแล้วโศกา
ฯ ๑๔ คำ ฯ โอด
ชาตรี
๏ ยอดเอยยอดมิ่งความจริงพี่ก็รักเจ้าหนักหนา
พี่ขู่หยอกดอกเจ้าอย่าโกรธาไม่ทิ้งขว้างร้างหย่าจะพาไป
ซึ่งกลัวว่าจะกลายเป็นกุมภีล์ไม่อาจออกจากที่ถ้ำได้
พี่จะลงเลขยันต์กันไว้มิให้รูปกลับเป็นกุมภีล์
อย่านิ่งนั่งไถลทำไขหูจะไปหรือจะอยู่ให้รู้ที่
รำคาญขี้คร้านเซ้าซี้เมื่อมิไปแล้วก็แล้วไป
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ ได้เอยได้แจ้งมิรู้แห่งจะทำกระไรได้
ทั้งรักทั้งแค้นแน่นใจแค้นใครไม่เท่าเจ้าไกรทอง
คิดถึงความรักก็ชักแชจะใคร่แร่รวยตามไปคล่องคล่อง
แล้วถอยหลังดำริตริตรองเกลือกพวกพ้องลูกเมียของเขามี
คิดพลางทางว่าแก่เจ้าไกรไฮ้อะไรรำคาญหูจู้จี้
เจ้าจะพาน้องไปด้วยนี้ก็ตามทีมิขัดจะไปตาม
แต่เกรงเกลือกเจ้าจอมหม่อมเมียหลวงจะหึงหวงจ้วงจาบหยาบหยาม
จะว่าน้องโฉดเขลาเบาความไม่ไต่ถามตามผัวเขาขึ้นไป
น้องจะได้อัปยศอดสูจะแลดูหน้าคนกระไรได้
จะซ้ำร้ายอายยิ่งกว่าทิ้งไว้เจ้าจงตรึกไตรดูให้ดี
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ แสนเอยแสนแขนงช่างกล่าวแกล้งบิดเบือนเชือนหนี
ประเดี๋ยวใจไพล่ยักไปอย่างนี้ร้อยสี่ร้อยอย่างช่างว่าไป
เดิมทีทำกระบวนรวนเรกลัจะเป็นจระเข้ไม่ไปได้
พี่รับจะลงยันต์กันไว้มิให้กลับเพศเป็นกุมภา
ก็ขัดสนจนอยู่ที่ข้อนั้นกลับหันว่าลูกเมียจะด่าว่า
นี่หรือว่ารักแกล้งชักช้าแต่แย้มมาก็เห็นว่าล่อลวง
ลูกเมียของพี่ก็มีอยู่แต่เขาไม่รู้หึงหวง
พี่จะปราบปรามความทั้งปวงมิให้จาบจ้วงล่วงเกินน้อง
อย่าสงสัยว่าจะได้เคืองระคายอับอายเพื่อนบ้านร้านช่อง
ถ้าสมัครรักจริงจงปรองดองเร่งแต่งตัวเถิดน้องจะด่วนไป
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นวิมาลานารีศรีใส
ความรักกลัดกลุ้มคลุ้มใจกลัวเจ้าไกรทองจะหมองมัว
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้ร่าย
๏ จึงลุกเข้าไปในห้องจัดแจงสิ่งของจะตามผัว
ผ้าผ่อนเงินทองของแต่งตัวแหวนหัวแหวนมณฑปครบครัน
แล้วเลือกของรักใคร่ใส่กระทายมากมายสารพัดจัดสรร
พลางพิศดูห้องแก้วแพรวพรรณเตียงสุวรรณเคยนอนแต่ก่อนมา
เสียดายของต่างต่างอย่างดีเสียดายดวงมณีในคูหา
มีคุณแก่ฝูงกุมภาจะปรารถนาสิ่งใดก็สมคิด
ให้อิ่มไปด้วยทิพอาหารไม่มีความรำคาญแต่สักหนิด
โอ้แต่นี้ไปจะมืดมิดเร่งคิดสร้อยเศร้าโศกา
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
สามเส้า
๏ เมื่อนั้นโฉมเจ้าไกรทองพงศา
ค่อยย่องตามนางวิมาลาเข้ามายังที่ห้องใน
เห็นนางโศกศัลย์เศร้าหมองเป็นห่วงด้วยข้างของไม่ไปได้
จึงร่ายเทพรำจวนป่วนใจเป่าไปให้ต้องนางกุมภีล์
แล้วแกล้งแสร้งว่านี่แน่น้องเจ้าสิยังขัดข้องหมองศรี
เป็นห่วงบ่วงใยอยู่เต็มทีจะมิไปด้วยพี่ก็ตามใจ
เจ้าค่อยอยู่จงดีพี่ขอลาจะคอยท่าช้านักนั้นไม่ได้
ว่าพลางทางเดินออกไปทำนองลองใจวิมาลา
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นวิมาลาโศกศัลย์หนักหนา
ต้องเทพรำจวนป่วนวิญญาณ์ให้แสนเสน่หาเป็นสุดคิด
ซึ่งอาลัยในของทั้งหลายไม่มีความเสียดายแต่สักหนิด
นึกแต่จะภิรมย์ชมชิดนางจึงลุกติดตามไป
ฉวยฉุดชายผ้าเจ้าไกรทองจะทิ้งน้องเสียแล้วหรือไฉน
น้องได้ว่าหรือจะมิไปจึงมาตัดอาลัยไคลคลา
พ่อเจ้าไปไหนจะไปด้วยถึงชีวิตจะม้วยก็ไม่ว่า
ว่าพลางนางจูงมือมาคืนเข้าคูหาห้องทอง
เมียจัดไว้สำเร็จเสร็จสรรพสินทรัพย์สารพันข้าวของ
อีกทั้งแก้วแหวนเงินทองเจ้าจงท่าน้องบัดเดี๋ยวใจ
จะอาบน้ำทาแป้งแต่งตัวหวีหัวผัดหน้านุ่งผ้าใหม่
ว่าแล้วกลับคืนเข้าห้องในลูบไล้กระแจะแป้งแต่งกายา
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นโฉมเจ้าไกรทองพงศา
เปรมปริ่มยิ้มย่องต้องวิญญาณ์ด้วยนางวิมาลาจะคลาไคล
ครั้นเห็นนางแต่งตัวสรรพเสร็จจึงถอดแหวนเพชรที่นิ้วใส่
เสกด้วยวิทยาเรืองชัยเอาใส่ในมวยผมกัลยา
แล้วลงยันต์เลขเสกซ้ำปิดประจำท่ามกลางเกศา
มิให้นวลนางวิมาลากลับคืนกายาเป็นกุมภีล์
แล้วจุดเทียนระเบิดเลิศล้ำออกจากถ้ำนำนางสาวศรี
มาตามเปลวปล่องช่องนทีวารีแหวกกว้างเป็นทางไป
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ ขึ้นจากฟากฝั่งมหาสมุทรจะยั้งหยุดอยู่ช้าก็หาไม่
พานางย่างเยื้องคลาไคลเข้าในเมืองพิจิตรพารา
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
             

๏ ครั้นถึงซึ่งสวนเศรษฐีไม่ใกล้ไกลกับที่เคหา
จึงแวะนั่งยั้งหยุดในศาลามีฝายกพื้นอยู่ห้องใน
แล้วเล้าโลมโฉมนางกุมภีล์เจ้าพี่อย่าร้อนรนหม่นไหม้
จงอยู่คนเดียวประเดี๋ยวใจพี่จะไปบอกสองภรรยา
ว่ากล่างน้าวโน้มเสียให้ดีมิให้มีเคียดขึ้งหึงสา
พี่ไปสักครู่ไม่อยู่ช้าจะกลับมารับเจ้าเข้าไป
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นโฉมนางวิมาลาศรีใส
ค้อนให้แล้วตอบว่าขอบใจเจ้าจะทิ้งน้องไว้เอกา
เกลือกว่าศัตรูรู้แยบคายมันจะมาทำร้ายริษยา
ด้วยข้าเป็นชาติกุมภาใครเลยจะมาปรานีน้อง
แม้นหม่อมไปไหนจะไปด้วยบุญเจ้าจะได้ช่วยปกป้อง
ว่าพลางนางยุดเจ้าไกรทองชิงปิดประตูห้องศาลา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นฝ่ายว่าตาเฒ่าทาสา
กับยายทาสีภริยาสำหรับรักษาสวนดอกไม้
เห็นเจ้าไกรทองพาชู้มาหยุดอยู่ศาลาอาศัย
สองเฒ่าทุรังจังไรคิดจะไปบอกนายเอาหน้าตา
ไม่ทันเก็บดอกไม้ใส่กระจาดฉวยผ้าขาวขาดขึ้นพาดบ่า
ปิดประตูเข็นกระไดมิได้ช้ายายตางกงันมาทันที
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ มาเอยมาถึงจึงเขาไปบ้านท่านเศรษฐี
เห็นสองกัลยานารีอยู่ที่หอกลางวางเข้าไป
บอกนางตะเภาทองตะเภาแก้วที่นี้งามแล้วทั้งห้าไร่
ไหนหม่อมผู้ชายว่าหายไปบัดนี้มาอยู่ในศาลา
พาผู้หญิงคนหนึ่งมาด้วยรูปรวยสวยสมผมประบ่า
งามประหลาดเหลือล้นพ้นปัญญาพี่น้องสองราจงแจ้งใจ
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นโฉมนางตะเภาทองผ่องใส
ทั้งนางตะเภาแก้วแววไวครั้นได้ข่าวผัวตัวเป็นเกลียว
จึงว่าดูเอาหรือเจ้าไกรว่าจะไปหาครูสักประเดี๋ยว
มิรู้ช่างโป้ปดลดเลี้ยวไปเที่ยวเกี้ยวชู้แล้วพามา
น้อยหรือทำได้เป็นไรมีแม้นมิอึงคะนึงก็จึงว่า
อีคนไรรูปงามที่ตามมาจะออกไปดูหน้ามันกล้าดี
ว่าพลางทางเรียกหาข้าไทไม่ทันใจโกรธขึ้งอึงมี่
ลงจากเรือนพลันทันทีทาสีพี่เลี้ยงก็ตามไป
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงสวนก็ชวนกันหยุดอยู่ยังประตูศาลาอาศัย
ค่อยย่องมองดูเข้าไปเห็นคนไวไวอยู่ในนั้น
นางยิ่งกริ้วโกรธโกรธานุ่งผ้าโจงกระเบนเหน็บมั่น
โมโหหวงหึงดึงดันสองพี่เลี้ยงนั้นยิ่งให้ใจ
จึงเข้าคึกคักผลักประตูเห็นมั่นคงอยู่ไม่หวาดไหว
พี่น้องจึงร้องว่าไปใครอยู่ข้างในจงเปิดรับ
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองเอนหลังยังไม่หลับ
ได้ยินเรียกเข้าไปตกใจวับลุกขยับสับสนลนลาน
จึงร้องทักออกไปว่าใครนั่นไม่เกรงใจกันทำหักหาญ
ครั้นแจ้งว่าสองนงคราญออกมาดันบานประตูไว้
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสองนางหุนหันหมั่นไส้
จึงว่าอุแหม่แน่เจ้าไกรหนีไปแทบถึงสักกึ่งเดือน
แต่คอยคอยนั่นน้อยไปหรือนี่โหยกเหยกอย่างนี้ไม่มีเหมือน
มาแล้วทำไมไม่ไปเรือนยังแชเชือนชักช้าอยู่ว่าไร
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองฟังคำทำไถล
พูดจากุกกักกระอักกระไอเก้อเก้อแก้ไขไปตามจน
พี่จะเข้าไปบ้านเดี๋ยวนี้พอเดินมาถึงนี่ก็ปะฝน
เห็นศาลาฝารอบชอบกลจึงแวะนั่งหนีฝนอยู่บนนี้
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นวิมาลาอกสั่นขวัญหนี
จึงถามเจ้าไกรไปทันทีใครนี่องอาจประหลาดนัก
จะเป็นเมียของเจ้าหรือเขาอื่นเข้ามายืนเรียกอยู่ดังรู้จัก
หรือพี่ป้าย่ายายมาทายทักจงบอกเมียรักให้แจ้งใจ
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองยิ้มแห้งแถลงไข
ซึ่งมาเรียกพี่บัดนี้ไซร้โฉมงามทรามวัยตะเภาทอง
ทั้งนางตะเภาแก้วแววตาภรรยาของพี่ทั้งสอง
เจ้าอย่าตกใจไปเลยน้องพี่มิให้ขัดข้องเคีองกัน
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสองนางโกรธผัวจนตัวสั่น
เรียกหาข้าไทให้ช่วยกันเข้าผลักดันประตูดูลอง
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ลิ่มสลักหักโค่นไม่ทนได้สองนางวางเข้าไปในห้อง
ชี้หน้าว่าชะเจ้าไกรทองช่างปดเล่นคล่องคล่องสบายใจ
ไหนว่าจะไปหาพระอาจารย์เป็นที่นมัสการอันโตใหญ่
คือเธอองค์นี้แล้วหรือไรซึ่งนิมนต์มาไว้ในศาลา
เป็นไรไม่เอาเครื่องบริขารมาถวายพระอาจารย์ให้หนักหนา
จะพลอยพกโมโหโมทนาสาธุศรัทธาเต็มที
หม่อมลูกศิษย์คิดอ่านไปหาเพลยกประเคนให้ฉันเสียที่นี่
มานั่งขึงเขินค้างอยู่อย่างนี้เป็นไรมิมัสการท่านครูมา
ว่าแล้วนวบลนางตะเภาทองบอกน้องตะเภาแก้วเสน่หา
อีคนนี้มันชื่อวิมาลาเป็นเมียชาลวันที่บรรลัย
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองเมียงเมินเดินเข้าใกล้
ทำแก้ขวยฉวยมืออย่าอื้อไปจะบอกควาในใจให้เจ้ารู้
เดิมทีพี่ไปหาพระอาจารย์คิดอ่านว่าจะบวชให้ชวดอยู่
เพราะโลกีย์เจ้ากรรมมันทำพูสุดรู้ที่จะทนพ้นปัญญา
เป็นห่วงด้วยชู้เมียเสียไม่ได้ให้อักอ่วนป่วนใจเป็นนักหนา
ตะวันชายบ่ายหน่อยพี่กลับมาคิดถึงวิมาลานารี
พี่จึงไปพาเอามาไว้หวังจะให้เป็นเพื่อนน้องสองศรี
ครั้นจะบอกเจ้าแต่เดิมทีไหนนางนารีจะผ่อนตาม
บุราณท่านว่าไว้กระไรน้องชายมีเมียสองนั้นต้องห้าม
มักเกิดกลียุคลุกลามจึงหาให้เป้นสามตามตำรา
ขอเสียเถิดแม่คุณอย่าหุนหันจงสมัครรักกันดีกว่า
เพื่อนบ้านร้านช่องจะลือชาว่าพี่น้องสองราเจ้าใจดี
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนวลนางพี่น้องสองศรี
ได้ฟังวาจาสามีชำเลืองแลดูทีวิมาลา
ยิ่งคิดยิ่งแค้นถึงความหลังมิได้ฟังเจ้าไกรทองว่า
จึงตอบไปด้วยใจรามาเจ้าช่างไปคบหาแต่ที่ดี
ถ้าเป็นคนอื่นไกลน้องไม่ว่าจะร่วมเรียงเคียงหน้าก็ควรที่
นี่มันชาติทรชนคนไพรีเห็นดีหรือเจ้าเอามาไว้
ว่าแล้วพี่น้องจึงร้องถามชะนางรูปงามได้ผัวใหม่
ทำเจ๋อเจ๊อะสะเออะหน้าหม่อมไกรช่างติดตามมาได้ไม่มีอาย
เอาผัวกูไปไว้ถึงเจ็ดคืนยังไม่หายรวยรื่นหรือโฉมฉาย
หรือว่าชาลวันที่อันตรายแยบคายไม่เหมือนเจ้าไกรทอง
แต่ผัวกุมภีล์แล้วมิหนำยังแถมซ้ำมนุษย์เข้าเป็นสอง
ไสหัวลงไปเสียท้องคลองเดียรฉานจองหองไม่เจียมตัว
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นวิมาลาได้ฟังนั่งเกาหัว
ครั้นจะว่าบ้างนางก็กลัวเจ้าไกรทองผู้ผัวจะโกรธา
แต่อดอดก็เหลือที่อดกลั้นปากคันยิบยิบกระซิบด่า
โมโหหันหุนหมุนออกมาเคืองขัดสะบัดหน้าแล้วว่าไป
นี่แม่นางพี่น้องสองคนเจ้ามาบ่นมาว่าเหมือนบ้าใบ้
เขาจูงจมูกหม่อมไปหรือไรหม่อมผัวเจ้าลงไปทำวุ่นวาย
เพราะจวนตัวกลัวตายวายชีวิตใช่จะปลงลงจิตด้วยง่ายง่าย
เจ้าอย่าเพ่อติฉินยินร้ายเป็นหญิงย่อมอายอยู่เหมือนกัน
เจ้าก็เคยรู้เช่นเป็นอยู่บ้างคิดดูก่อนนางอย่าหุนหัน
อันเจ้าไกรทองกับชาลวันจะเป็นกระไรกันก็แจ้งใจ
ซึ่งข้าตามผัวเจ้าขึ้นมาด้วยกลัววิทยาไม่ขัดได้
เมื่อเจ้าตามผัวข้าลงไปเป็นไรไม่ยั้งหยุดคิด
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ ได้เอยได้ฟังตะเภาทองแค้นคั่งเคืองจิต
เจ็บแสบแปลบใจดังไฟพิษด้วยว่าถูกที่คิดก็โกรธา
กระทืบเท้าก้าวเดินเข้าไปใกล้ถ่มน้ำลายรดให้แล้วร้องว่า
เดิมทีผัวมึงอ้ายกุมภาขึ้นมาคร่าคาบกูลงไป
แล้วจำแลงแปลงตัวเป็นมนุษย์ฉวยฉุดยุดมือถือไหล่
จำเป็นเสียตัวด้วยกลัวภัยกูมิได้จงจิตไปติดตาม
ไม่เหมือนอีอุบาทว์ชาติกุมภีล์ตัวกะลีกะลำส่ำสาม
ลอยหน้าลอยตาว่าข้างามแต่งจริตติดตามผัวกูมา
กูจะว่าให้สาสมใจอีจัญไรร้อยแปดแพศยา
แม้นไม่เข็ดหลาบยังหยาบช้าจะให้ข้ากูตบไสคอไป
ฯ ๑๐ คำ ฯ
             

๏ แค้นเอยแค้นนักสุดที่จะห้ามหักโมโหได้
จะเป็นไรก็ให้เป็นไปกูหากลัวมึงไม่อีพี่น้อง
ชะช่างขึ้นหน้าว่าเมียหลวงหึงหวงจ้วงจาบจองหอง
ไม่รู้จักหรือเจ้านางตะเภาทองไหนไหนมันก็สองเหมือนกัน
จริงแล้วคะร้อยแปดแพศยาจึงลอยหน้าทะเลาะผัวจนตัวสั่น
เป็นไรเจ้ามิประจบให้ครบพันจะได้สมใจมันอีมนุษย์
เออน้อยไปหรือนั่นท่านผู้หญิงขยันยิ่งโมโหโยไม่หยุด
สารพัดบัดสีอีมนุษย์เมื่อมึงมุดไปเอาผัวกูนั้น
กูก็ว่าบ้างไว้บ้างไม่สิ้นชาติสิ้นยางพอเต็มกลั้น
แล้วแล้วก็ดีไปด้วยกันคุณของกูนั้นมึงคิดดู
ครั้นผัวมึงไปพากูขึ้นมาจะให้ข้าต่อยตบทำลบหลู่
กล้าดีมึงเข้ามาลองดูอันกูจะถอยอย่าสงกา
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นตะเภาแก้วโกรธขึ้งหึงสา
เจ็บช้ำด้วยคำวิมาลาหยาบช้าสาหัสยิ่งขัดใจ
อันนางตะเภาทองผู้พี่จะว่ากล่าวข่มขี่มันไม่ได้
ด้วยเนื้อความทั้งสองข้างไซร้ก็กระไรกระไรอยู่เหมือนกัน
คิดพลางนางออกสกัดว่าเหวยอีกุมภาตัวขยัน
ปากกล้าหน้าด้านดึงดันจะประชันให้ชนะไม่ละลด
ชอบแต่จิกหัวมาตบเล่นให้เพื่อนบ้านเข้าเห็นเสียให้หมด
จึงจะสมที่มึงมีพยศให้รู้รสรู้จักฝีมือไว้
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ น่าเอยน่าหัวช่างเปลี่ยนตัวเปลี่ยนหน้าเข้ามาใหม่
มันสะเทือนไปถึงมึงหรือไรใครช่างให้พี่สาวลำเลิกกู
ครั้นตอบพี่มึงถึงแต้มอีแสนแนมซื้อหน้าเข้ามาสู้
นางตัวกล้ามาค้าคารมดูทำกูดูเล่นก็เป็นไร
ขึ้นหน้าว่าเป็นเจ้าผัวอันจะให้กูกลัวอย่าสงสัย
ถึงกูเป็นชาติกุมภีล์ไซร้ก็ไม่โฉดโหดไร้เหมือนมึงนี้
อีมนุษย์อุบาทว์ชาติชั่วพี่น้องร่วมผัวน่าบัดสี
ขาดสามสี่วันไม่ทันทีเป็นกุลำกุลีทะยานใจ
เมื่อและเจ้าขาดลงมิรอดเป็นไรไม่กอดไว้ให้ได้
เย้ายวนชวนชมภิรมย์ใจอย่าให้ว่างเว้นสักเวลา
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ อีเอยอีหัวพลัดสารพัดรู้ตลอดสอดว่า
ก็กูร่วมผัวกันมาบิดายกให้จึงได้ครอง
กูไม่เหมือนมึงอีหน้าเป็นลักเล่นผัวเขาทำจองหอง
มึงอวดกล้าท้าดีจะตบลองจะร้องฟ้องโรงศาลก็เร่งไป
ทำให้สมน้ำหน้าสาหัสเอาฟันเล่นกำตัดเสียให้ได้
ถึงจะเสียสินไหมพินัยมากน้อยเท่าไรก็ตามที
ว่าพลางนางเรียกปลื้มอาลัยกับข้าไทถ้วนหน้าทาสี
นั่งนิ่งอยู่ไยอีเหล่านี้ช่วยกันตบตีให้หนำใจ
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้นสาวสาวบ่าวหญิงไม่นิ่งได้
คาดอกถกเขมรวางเข้าไปหมายใจจะตบตีวิมาลา
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เห็นเจ้าไกรทองออกกางกั้นความกลัวตัวสั่นล้มถลา
วิ่งปะทะกันอยู่ไปมาทาสาขัดสนจนใจ
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นวิมาลาแค้นขัดอัชฌาสัย
โมโหหุนหันกลั้นกลืนไว้นางมิได้ครั่นคร้ามกลัวเกรง
จึงว่าเอออะไรเจ้าไกรทองช่างพาน้องมาให้เขาข่มเหง
สารพัดตัดพ้อครื้นเครงแต่เมียเจ้าเองไม่น้อยใจ
นี่ใช้ให้ขี้ข้าทาสีมาหยาบช้าด่าตีหาควรไม่
ไหนว่าจะปราบปรามเมียไว้มิให้หึงหวงวุ่นวาย
ครั้นจนเข้าจริงก็นิ่งเสียให้หม่อมเมียมาด่าเล่นง่ายง่าย
เจ้าก็เป็นคนฉลาดชาติชายไม่เสียดายวงศ์วานว่านเครือ
ดีจริงนิ่งเฉยไม่เงยหน้าดูเหมือนกลัวภรรยายิ่งกว่าเสือ
คิดว่ามีเหล่ากอหน่อเนื้อจึงงวยงงหลงเชื่อตามมา
แม้นรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้จะสู้ตายอยู่ที่คูหา
ถึงจะฟันฟอนรอนราจะก้มหน้าให้ทำไม่กลัวตาย
ทั้งนี้เป็นต้นเพราะคนคดจะจำจดจารึกด้วยหมึกหมาย
คิดโมโหหวงแหนแสนร้ายเข้าหยิกข่วนตะกายเอาเจ้าไกร
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองบ่นออดทอดใจใหญ่
จะห้ามปรามผ่อนปรนก็จนใจเอออะไรกระนี้มันดีจริง
นางพี่น้องสองก็ล้นเหลือบ้าโลหิตขวิดเฝือเหมือนมหิงส์
นางวิมาลาเล่าก็เพราพริ้งน้อยหรือนั่นท่านผู้หญิงทั้งสามคน
เจ้าคารี้สีคารมไม่สมหน้าเหมือนอีแม่ค้าปลาที่หัวถนน
ขึ้นเสียงเถียงทะเลาะลนลนจะกรวดน้ำคว่ำคะนนเสียเดี๋ยวนี้
จะเขียนหนังสือหย่าสักห้าใบขีดแกงไตให้ดูอย่าจู้จี้
ทำประหนึ่งขึ้งโกรธเต็มทีเดินหนีออกไปเสียให้พ้น
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นวิมาลาตามไปพิไรบ่น
เจ้าพาน้องขึ้นมาถึงเมืองคนคิดว่าจะเป็นผลสืบไป
มิรู้กลับอับอายขายหน้าสุดปัญญาที่จะงดอดได้
ว่าพลางทางกอดเจ้าไกรสะอึกสะอื้นไห้ไปมา
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองปลอบนางพลางว่า
พี่รักเจ้าจริงจริงจึงพามาใช่ว่าจะให้เป็นเช่นนี้
อันโมโหผู้หญิงนี้ยิ่งยวดจะชวดสวดเสียเปล่าเฝ้าจู้จี้
มาถึงจะไปบอกแต่เต็มทีเจ้าฉุดชายผ้าพี่มิให้ไป
จึงเกิดเหตุเภทภัยขึ้นทั้งนี้สุดที่จะดับไฟหัวลมได้
เจ้าอย่าละห้อยน้อยใจมิใช่จะให้เสียสัญญา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสองนางแค้นคิดอิจฉา
แลไปเห็นนางวิมาลาฟูมฟายน้ำตาก็ขัดใจ
ร้องว่าเหวยเหวยอีกุมภีล์เล่ห์กลมึงดีทำร้องไห้
แกล้งชะอ้อนวอนชู้หรือไรจะให้มาทำไมกับกู
กลับมาขึ้นเสียงเถียงเจ้าผัวแต่ล้วนไม่กลัวจะต่อสู้
ทำไมเล่าจึงเข้าแฝงชู้อันจะพ้นมือกูอย่าสงกา
ว่าแล้วรุกรานเข้าไปใกล้เลี้ยวไล่จะจิกเอาเกศา
พี่เลี้ยงทาสีก็มี่มาอุตลุดฉุกคร่าจะตบตี
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นวิมาลายับย่อยไม่ถอยหนี
ร้ายกาจด้วยเป็นชาติกุมภีล์ต่อดีมีกำลังเรี่ยวแรง
จะเข้าจิกศีรษะนางไม่ได้ปัดป้องว่องไวเข้มแข็ง
หยิกข่วนกอดกัดวัดแว้งพลิกแพลงผลักไสไปมา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสองนางขัดแค้นแสนสา
ไม่ย้อท้อต่อสู้วิมาลาจนหน้าตาคางคิ้วเป็นริ้วยับ
พวกผู้หญิงสาวสาวบ่าวไพร่หลงใหลไล่ทุบกันตุบตับ
ปากจมูกถูกเล็บจนเลือดซับบ้างล้มทับพวกเพื่อนพัลวัน
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองเข้าขวางกางกั้น
จึงห้ามน้องสองนางให้วางกันอย่าตีรันหันหุนวุ่นไป
จะขืนทำล้ำเหลือไม่เชื่อพี่น่าที่จะเกิดเหตุใหญ่
อันนางวิมาลานี้ไซร้พี่เอายันต์ปิดไว้ตรึงตรา
แม้นนางเลิกเลขยันต์ออกเสียได้จะเป็นกุมภีล์ใหญ่ใจกล้า
จะขบกัดฟัดฟาดเอาสองราอย่าเต้นแร้งเต้นกาหนักไป
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสองนางจะเชื่อก็หาไม่
ร้องว่าอุแหม่แน่เจ้าไกรจะเขียนเสือไว้ให้วัวกลัว
เจ้ารักชู้ของเจ้าเข้ากับชู้แกล้งจะขู่ข่มใครน่าใคร่หัว
เมื่อมันเป็นมนุษย์อยู่เห็นตัวจะหลอกข้าให้กลัวหรือว่าไร
เกิดวิวาททะเลาะเพราะใครนั่นเพราะหม่อมผัวตัวขยันหรือมิใช่
ทำเหลาะแหละแนะนำให้ใจมันจึงทำได้ถึงเพียงนี้
ว่าพลางทางรุกเข้าไปมิได้ย่อท้อถอยหนี
บ่าวไพร่พร้อมกันทันทีเข้ากลุ้มรุมตีนางกุมภา
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นวิมาลาแค้นขัดสหัสสา
จะแก้แหวนเลิกยันต์แล้วรั้งราด้วยแสนเสน่หาเจ้าไกรทอง
ความรักรุมรึงตะลึงหลงนางนั่งลงกอดเข่าเศร้าหมอง
หน่วงหนักรักพี่เสียดายน้องฟูมฟองน้ำตาแล้วว่าไป
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้ปี่
๏ พ่อเจ้าประคุณของเมียเอ๋ยกรรมสิ่งใดเลยมาซัดให้
เจ้าพาเมียมาไม่ทันไรจะจำใจจำจากพรากกัน
สุดรักสุดรู้ไม่อยู่ได้สุดใจเหลือที่จะอดกลั้น
ถึงเสือสางกลางป่าพนาวันไม่ดุดันร้ายกาจเหมือนเช่นนี้
จะฉีกเนื้อเถือหนังเสียทั้งเป็นไม่เคยพบเคยเห็นน่าบัดสี
ไหนเล่าเจ้าชมว่าเมียดีทีนี้รู้เช่นได้เห็นตัว
จะขอลาลงไปอยู่ในถ้ำตามบุญตามกรรมที่ทำชั่ว
นางคิดขัดข้องหมองมัวตีอกชกหัวร่ำไร
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ คิดเอยคิดพลางนวลนางหุนหันหมั่นไส้
ลุกขึ้นเคืองขัดสะบัดสไบชี้หน้าว่าไปมิได้กลัว
เหวยอีตะเภาแก้วตะเภาทองพี่น้องอุบาทว์ชาติชั่ว
หฤโหดโฉดเขลาเมามัวมึงมาเอาผัวของมึงไป
ทีนี้กอดไว้มึงอย่าวางมึงเข้าคนละข้างอย่าห่างได้
ผลัดกันรึงรัดให้ถนัดใจอีหน้าไพร่สันดานมารยา
ว่าพลางนางหวนเข้าในห้องแก้แหวนในช้องเกศา
แล้วลอบเลิกยันต์มิทันช้าโจนจากศาลาด้วยขัดใจ
ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ ครั้นลงถึงพื้นพสุธาก็กลายเป็นกุมภาเติบใหญ่
ฟาดหางวัดแว้งว่องไวเข้าไล่สองนางนารี
ฯ ๒ คำ ฯ รัว เชิด
๏ เมื่อนั้นพี่น้องอกสั่นขวัญหนี
ร้องกรีดหวีดวิ่งไม่สมประดีทาสีพี่เลี้ยงก็วุ่นวาย
วิ่งปะทะปะกันอลหม่านลนลานลื่นล้มผ้าห่มหาย
บ้างขึ้นต้นไม้มือตะกายปืนป่ายไม่สันทัดพลัดลงมา
บ้างเรียกพวกพ้องร้องให้ช่วยเจ็บป่วยลำบากลากขา
สิ้นกำลังลงนั่งภาวนากอข้อกอกาว่าเปื้อนไป
สองนางวางวิ่งเข้ากอดผัวความกลัวตัวสั่นหวั่นไหว
เอ็นดูด้วยช่วยเอาชีวิตไว้นางกุมภีล์ใหญ่ไล่ขบเมีย
ลูกได้ผิดแล้วอย่าถือโทษพ่อโปรดช่วยขับให้ไปเสีย
ร้อนอกหมกไหม้เหมือนไฟเลียทิ้งเมียเสียได้ไม่เอ็นดู
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองได้ฟังนั่งไขหู
ทำเฉยเชือนเหมือนหนึ่งไม่รู้เป็นครู่จึงตอบวาจา
พี่ก็ได้บอกแล้วแต่หนหลังโกรธขึ้งตึงตังไม่ฟังว่า
ไหนเล่าเจ้าไม่กลัววิมาลาทั้งเจ้าทั้งข้าเข้ารุมรัน
เป็นไรมิทำให้หนำใจวิ่งขึ้นมาไยจนตัวสั่น
เรียกหาข้าไทให้ช่วยกันตีรันเล่นตามสบายใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
ตะนาว
๏ ว่าแล้วลุกเดินออกมาจากที่ศาลาอาศัย
แล้วมีวาจาว่าไปวิมาลาอย่าได้โกรธา
เป็นกรรมเราแล้วทั้งสองข้างใช่พี่จะทิ้งขว้างร้างหย่า
อย่าละห้อยน้อยใจจงไคลคลากลับไปคูหาห้องทอง
ด้วยเจ้ากลับรูปเป็นกุมภีล์เคยอยู่นทีเที่ยวท่อง
มาอยู่ปัถพีเช่นนี้น้องจะร้อนรนหม่นหมองด้วยแดดลม
เจ้ากลับไปก่อนเถิดวิมาลาไม่ช้าพี่จะตามไปสู่สม
ความรักพี่สมัครสมาคมยังนิยมชมชิดติดใจ
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นนางกุมภีล์เศร้าสร้อยละห้อยไห้
อาวรณ์ร้อนรุ่มกลุ้มใจดังถ่านไฟฟืนสุมทุ่มทับ
จนอยู่มิรู้ที่จะเจรจาแค่พริบตาอ้าปากหงุบหงับ
ลาผัวซบหัวลงคำนับคลานตะกุบตะกับกลับไป
ฯ ๔ คำ ฯ แผละ
๏ ครั้นถึงฝั่งคงคาก็ถาโถมโดดโครมลงในแม่น้ำใหญ่
โบกหางวางว่ายว่องไวตรงไปสู่ที่ถ้ำทอง
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ รูปร่างนางกลายเป็นมนุษย์โฉมงานบริสุทธิ์ผุดผ่อง
เดินพลางครวญคร่ำร่ำร้องเข้าไปในห้องแล้วโศกี
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
             

ตอนที่ ๒ ไกรทองตามนางวิมาลากลับไปถ้ำ

๏ เมื่อนั้นโฉมเจ้าไกรทองหมองศรี
ครั้นนางวิมาลานารีกลายเป็นภุมภีล์กลับไป
ทั้งเสียดายทั้งรักเป็นหนักหนาคิดติดขึ้นมาน้ำตาไหล
ให้ละห้อยละเหี่ยเสียน้ำใจเหมือนบ้าใบ้ไม่เป็นสมประดี
ภรรยามาเตือนให้ไปบ้านยิ่งเดือดดาลดุดันหันหน้าหนี
ชะนางตัวขยันขันสิ้นทีช่างชวนกันด่าตีวิมาลา
เหมือนแกล้งตีปลาหน้าไซเอออะไรมาคิดริษยา
หวงแหนแสนร้ายรามาจะปิดประตูค้าแต่ข้างเดียว
เมื่อกี้พิ่มิห้ามนางกุมภาที่ไหนจะคณนาคาเขี้ยว
ทั้งบ่าวไพร่ไม่ชั่วตัวเป็นเกลียวนี่หากคิดนิดเดียวดอกกระมัง
ว่าพลางทางเดินออกจากสวนหุนหันปั่นป่วนคลุ้มคลั่ง
เมียงามตามไปไม่อินังมายังบ้านพลันทันใด
ฯ ๑๒ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงจึงขึ้นบนเคหาจะอาบน้ำผลัดผ้าก็หาไม่
โมโหฮึดฮัดขัดใจเดินตรงเข้าไปในที่นอน
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ช้า
๏ ทุ่มทอดตัวตนลงบนเตียงเอนเอียงแอบอิงพิงหมอน
คิดถึงวิมาลายิ่งอาวรณ์ทุกข์ร้อนร่ำไรไปมา
ให้ผุดลุกผุดนั่งคลั่งเคลิ้มจิตสำคัญคิดว่าอยู่ในคูหา
งวยงงหลงเรียกวิมาลาขึ้นมานั่งนี่ด้วยพี่ชาย
สัพยอกหยอกยุดฉุดหมอบข้างนึกว่านางพลางพลอดกอดก่าย
ประคองขึ้นอุ้มแอบเป็นแยบคายแย้มยิ้มพริ้มพรายสบายใจ
นั่งพินิจพิศดูรู้ว่าหมอนก็กลับกลิ้งนิ่งนอนถอนใจใหญ่
เอาผ้าห่มคลี่คลุมตัวไว้เหมือนป่วยเจ็บจับไข้ครวญคราง
ได้ยินเสียงแมวไล่ตะครุบหนูชะเง้อชะแง้แลดูตามหน้าต่าง
เหลือบแลเห็นเงาเสาหอกลางนึกว่านางวิมาลายาใจ
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ จึงลุกจากเตียงเมียงออกมาแย้มยิ้มพยักหน้าแล้วปราศัย
พูดพลางทางหลงลูบไล้กอดเสาเข้าไว้ทั้งสองมือ
ครั้นรู้ว่ามิใช่ก็ได้คิดเอ๊ะผิดแล้วเราเสาดอกหรือ
ทำแก้ขวยฉวยผ้ามากระพือแลดูขื่อว่าจะผูกคอตาย
เห็นเมียมาฉุดชิงยิ่งขึ้งโกรธแกล้งโขยดยกตีนขึ้นปืนป่าย
เคืองขัดวัดเหวี่ยงวุ่นวายเดินชายเชือนออกมานอกชาน
แว่วเสียงไก่ขันสำคัญว่าวิมาลามาเรียกก็ร้องขาน
แลหาแห่งใดไม่พบพานงุ่นง่านอยู่คนเดียวเที่ยวมอง
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้นนวลนางภรรยาทั้งสอง
เห็นเจ้าไกรวิปริตผิดทำนองค่อยย่องตามมาแล้วว่าไป
ฯ ๒ คำ ฯ
เย้ย
๏ ชิชะหม่อมผัวตัวขยันเป็นไรนั่นกิริยาเหมือนบ้าใบ้
เมื่อกี้กอดเสาเข้าทำไมพูดอะไรเลื่อนเปื้อนเหมือนละเมอ
แล้วฉวยผ้ามาจะผูกคอตายทำตะเกียกตะกายเก้อเก้อ
ไม่อดสูผู้คนบ่นเพ้อคลั่งไคล้ไหลเล่อลืมตน
อย่าสงสัยไม่ผิดปากว่าจะเป็นบ้าเที่ยวเดินกลางถนน
เสียแรงเรืองฤทธิ์เดชเวทมนตร์ฝูงคนเขาจะกลุ้มรุมล้อ
ฯ ๖ คำ ฯ
(บทจำอวดแทรก)
๏ ครั้นถึงจึงพังพาบกราบไหว้เอาอ้อยควั่นมาให้ห้าหกข้อ
(บทนาง)
จงออกไปวัดวาหาท่านขรัวรักษาตัวรดน้ำมนต์เสียสักหม้อ
จับมงคลใส่สวมกรวมคอแต่พอสร่างสระปะทะปะทัง
(บทจำอวดแทรก)
ลองกินดูสักทีแม้นมิพอจะต้องเล่นมะละกอกับแกงฟัก
(บทนาง)
หรือไปอยู่สู่สมนางจระเข้ถูกเสน่ห์ยาแฝดของเขาขลัง
น่าจะเป็นเช่นนั้นดอกกระมังหรือกลัดกลุ้มคลุ้มคลั่งประรังควาน
(บทจำอวดแทรก)
หรือลงไปในท้องคลองเล่นจ้องเตให้เมียจระเข้ขึ้นขี่หลัง
(บทนาง)
ชะรอยฝีท้องเลวในเหวถ้ำเข้าประจำผัวข้ามาถึงบ้าน
จะเสียผีพลีบัตรปัดกบาลกวาดข้าวเปลือกข้าวสารส่งไป
(บทจำอวดแทรก)
ชะรอยผีพระประแดงแขวงปากน้ำเข้าประจำเจ้าประคุณจึงงุ่นง่าน
(บทนาง)
ว่าพลางทางหัวเราะเยาะเย้ยยังหาเคยพบเห็นเช่นนี้ไม่
เอามือตีอกทำตกใจยั่วเย้าเจ้าไกรไปมา
(บทจำอวดแทรก)
แกงหมูปูทะเลเทเสียสิ้นมางมกินกบเขียดไม่เกลียดหรือ
ช่างไม่อายพวกลาวชาวอัตปือตบมือหัวเราะเฮฮา
ฯ ๑๘ คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองยิ้มถลางทางว่า
รับแพ้แล้วนางแม่ค้าปลาจะขีนขัดอัธยาไปไยมี
น่าจะจริงของน้องต้องเสน่ห์เจ้าเคยคบจระเข้มาก่อนพี่
รู้ระแบบแยบยลกลกุมภีล์เห็นทีจะเป็นบ้าเหมือนว่าจริง
พี่ไปอยู่คูหาห้าหกวันผีบ้าอะไรนั่นมันเข้าสิง
ให้หลงใหลแต่จะใคร่แอบอิงถึงผู้หญิงผู้ชายก็คล้ายกัน
จริงหรือหาไม่เจ้าตะเภาแก้วหม่อมพี่สาวคราวแล้วอย่างไรนั่น
เสียจริตติดใจชาลวัลป่วนปั่นเป็นบ้ายิ่งกว่านี้
ใครเล่าเจ้าเอ๋ยช่วยรักษาจนหายบ้าได้เสียเป็นเมียพี่
กลับมาเยาะเย้ยหยันขันสิ้นทีร้อยสีร้อยอย่างช่างเจรจา
เอออะไรใส่ความว่าผีเข้าผีห่าไหนใครเล่ามาเข้าข้า
ผีชาลวันผัวตัวหยาบช้าตามมาหาเจ้าตะเภาทอง
อย่าเย้ยเยาะทะเลาะเล่นเช่นนั้นชาลวันขัดใจจะไล่ถอง
จงมาต้อนรับประคับประคองชวนชมสมสองให้ต้องใจ
ว่าพลางฉวยฉุดยุดหยอกผัวเก่าเจ้าดอกอย่าผลักไส
นางน้องสาวก็อย่าอื้อฉาวไปเจ้ามิใช่ภรรยาชาลวัน
จำเพาะพี่กับเจ้าตะเภาทองเคยรับรองคล่องอยู่เป็นคู่ขัน
ต่อเมื่อไรผีออกจะบอกกันจึงกระนั้นกระนี้กับพี่ชาย
ฯ ๑๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสองนางตาลเดือดไม่เหือดหาย
จึงว่าผีเจ้าเล่ห์เพทุบายแยบคายของเจ้าข้าเข้าใจ
เกิดขี้คร้านรำคาญหูจู้จี้ไม่พอที่จะต่อยามความไถ
ทำเคียดแค้นแสนค้อนเจ้าไกรแล้วแกล้งเดินเข้าไปเสียในเรือน
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองว่องไวใครจะเหมือน
เห็นเมียแสร้งใส่จริตบิดเบือนเดินหนีเข้าเรือนก็รู้ใจ
ฯ ๒ คำ ฯ
ปีนตลิ่ง
๏ จึงค่อยย่างย่องมองเมียงมานั่งลงบนเตียงเคียงไหล่
ทำเป็นโกรธาว่าไปเอออะไรพี่น้องสองนาง
ค้าคารมเปรี้ยงเปรี้ยงเสียงแปร้นขัดใจจะใคร่แพ่นลงสักผาง
มีแต่จะจัณฑาลรานทางถากถางทะเลาะเพราะสิ้นที
เที่ยงนางกลางคืนก็ครื้นเครงนี่หากเกรงใบบุญท่านเศรษฐี
หาไม่ที่ไหนนั่นวันนี้ฟ้าผี่เถิดนะไม่ละกัน
ทีนี้ก็แล้วไปเถิดไม่ว่าเวทนาจะเงือดดงดอดกลั้น
ถ้าคราวหลังยังเป็นอยู่เช่นนั้นจะวิวาทขาดกันเสียมั่นคง
ว่าพลางร่ายมนต์มหาละลวยเป่าไปให้งงงวยลุ่มหลง
แล้วหยิบพัดไล่ยุงเอามุ้งลงชวนน้องสองอนงค์ให้หลับนอน
สัพยอกหยอกหยิกซิกซี้ถ้อยทีดีกันเหมือนแต่ก่อน
อุตส่าห์แก้ตัวตนพ้นโทษกรณ์สโมสรเป็นสุขทุกนิรันดร์
ฯ ๑๒ คำ ฯ โลม
ช้า
๏ วันเอยวันหนึ่งคิดถึงวิมาลาสาวสรรค์
ป่านนี้จะครวญคร่ำรำพันทุกข์ร้อนนอนฝันถึงพี่ชาย
จำกูจะตามลงไปโลมเล้าเอาใจให้เหือดหาย
นึกคะนึงถึงเมียยังเสียดายจะทิ้งให้เป็นม่ายเสียทำไม
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ คิดพลางทางมีวาจาเรียกสองภรรยาเข้ามาใกล้
ลูบหลังโลมเล้าเอาใจพูดไถลหว่านล้อมอ้อมวง
แต่พี่นึกนึกจะปรึกษากลัวจะว่าใจหนุ่มลุ่มหลง
ที่จริงเป้นความตามตรงเจ้าจงคิดดูให้จงดี
ชวนกันตบตีวิมาลาด่าว่าร้อยอย่างจนนางหนี
เกลือกว่าพวกพ้องกุมภีล์จะผูกไพรีมนุษย์ไป
พี่คิดว่าจะไปไกล่เกลี่ยให้นางหายโกรธเสียจึงจะได้
หาบุญพี่ไม่เบื้องหน้าไปมนุษย์ก็จะได้อยู่สบาย
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพี่น้องสองนางโฉมฉาย
ได้ฟังนั่งยิ้มพริ้มพรายน้อยหรือนั่นแยบคายขยันจริง
สารพัดผันผ่อนย้อนยอกลวงหลอกเลี้ยวลดปดผู้หญิง
นี่แน่ะคะหม่อมไกรมิใช่ลิงจะลวงให้กินขิงกับเกลือ
ชะช่างพูดจาว่าขานดังน้ำอ้อยน้ำตาลหวานเหลือ
ยังไม่มันคั้นกะทิใส่เจือคงจะเชื่อถ้อยคำของเจ้าคุณ
ไปไหนไปเถิดไปขืนขัดจะทานทัดก็เครื่องจะเคืองขุ่น
เหมือนปล่อยปลาปล่อยเตาเสียเอาบุญจะช่วยรุนไสส่งลงไป
ฯ ๘ คำ ฯ
             

๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองข้องขัดอัชฌาสัย
ได้ฟังภรรยาว่าถูกใจยิ้มแห้งแกล้งไถลไปตามจน
ปลาเต่าเอาอะไรมาบ่นบ้าไม่เลือกหน้าเลยนางสร้างกุศล
จริงหรือจะเสือกไสเสียให้พ้นแล้วจะชวดสวดมนต์ดอกกระมัง
ถึงพี่ไปก็ไม่อยู่ช้าจะกลับมาให้ทันทีข้างนี้มั่ง
อย่าเสียดสีทีทำแต่ลำพังเหลือกำลังหนักนักจะยักตาม
ว่าพลางลูบหลังแล้วสั่งเสียดีใจด้วยเมียไม่หวงห้าม
ฉวยชักผ้าห่มชมว่างามลวนลามเลี้ยวลอดสอดคว้า
นี่อะไรค้อนควักผลักพี่ไม่พอที่กันเองก็อิจฉา
แต่เวียนเฝ้าเย้าหยอกภรรยาจนเวลาจวนแจ้งแสงทอง
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ จีงลุกขึ้นเปิดมุ้งยุงขบเดินตบไหล่พลางย่องย่อง
มาอาบน้ำในระเบียงเตียงรองแล้วกลับคืนเข้าห้องแต่งตัว
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นเสร็จสั่งสองนารีเปรมปรีดิ์กระหยิ่มยิ้มหัว
ลงบันไดเดินออกนอกรั้วเช้ามืดขมุกขมัวรีบมา
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
สามเส้า
๏ ครั้นถึงฝั่งวังวนชลธารจึงโอมอ่านอาคมคาถา
แล้วจุดเทียนชัยมิได้ช้าคงคาแหวกช่องเป็นปล่องเปลว
เจ้าไกรทองด่วนเดินมาตามทางน้ำแห้งแข็งกระด้างไม่ไหลเหลว
มีดหมอเหน็บมั่นกับบั้นเอวตรงไปปากเหวถ้ำทอง
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ ค่อยย่องเข้าไปดังใจจงสำคัญมั่นคงไม่หลงห้อง
หยุดยืนแฝงม่านเมียงมองดูทำนองวิมาลาจะว่าไร
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้ปี่
๏ เมื่อนั้นวิมาลาเศร้าสร้อยละห้อยไห้
กอดเข่าเจ่าจุกเป็นทุกข์ใจเหมือนบ้าใบ้นั่งบ่นอยู่คนเดียว
ยังเจ็บใจด้วยอีพี่น้องให้ขัดข้องเคืองขุ่นฉุนเฉียว
แค้นนักดังอัคคีจี้เจียวมันไส้จะใคร่เคี้ยวเนื้อกิน
เหตุผลเป็นต้นเพราะผัวใหม่พาไปให้เมียดูหมิ่น
ช่างโป้ปดลดเลี้ยวเล่นลิ้นไม่มีชิ้นชาติชายเท่าใยยอง
เพี้ยงเอ๋ยผีสางเทวดาที่รักษาถ้ำเหวเปลวงปล่อง
จงดลจิตดลใจเจ้าไกรทองให้หลงลงมาลองอีกสักคราว
จะตัดพ้อต่อว่าประดาเสียให้สมที่อีเมียมันรังหยาว
จะหยิกข่วนให้เจ็บด้วยเล็บยาวเลือดมิชาวโซมอยู่ก็ดูเอา
แล้วขุกคิดขึ้นมาถึงชาลวันยิ่งวิโยคโศกศัลย์สร้อยเศร้า
เมื่อยามยังอยู่เป็นคู่เคล้าไม่อาทรนอนเปล่าเปลี่ยวใจ
ไหนอีตะเภาแก้วตะเภาทองจะจาบจ้วงจองหองกับน้องได้
ทุกข์ร้อนรำพึงตะลึงตะไลครวญคร่ำร่ำไรไปมา
ฯ ๑๔ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองแฝงม่านเมียงหน้า
เข้าใจในทีวิมาลายิ้มพลางทางว่าไปทันใด
ฯ ๒ คำ ฯ
ยานี
๏ พี่คือเทวาสุราฤทธิ์ซึ่งสถิตในถ้ำต่ำใต้
เห็นนางโศกีพิรี้พิไรคิดพะวงสงสัยจะใคร่รู้
เดิมสิตามไปกับไกรทองทำไมกลับมาร้องไห้อยู่
หรือเขาขู่เข็ญไม่เอ็นดูอุปถัมภ์ค้ำชูไม่ถึงที่
จึงมานั่งบ่นหาชาลวันต้องการอะไรนั่นกับผัวผี
ถึงจะเข้มแข็งขันขยันดีไหนจะรอดชีวีคืนมา
จงอุตส่าห์ฝากตัวผัวใหม่รักใคร่ข้างนี้จะดีกว่า
ถ้าเชื่อคำทำตามเทวดาจะดลใจให้มาประเดี๋ยวนี้
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นวิมาลาสะดุ้งจิตคิดบัดสี
รู้ว่าหม่อมผัวตัวดีลงมาเมื่อไรนี่ไม่ทันรู้
สาละวนินทาว่าร้ายให้สะเทินเขินอายอดสู
แก้เก้อนั่งกัดปูนพลูก้มแกะเล็บอยู่ไม่เจรจา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองย่องเดินเข้าไปหา
ทำเป็นไม่เห็นวิมาลาแหงนเงยเฉยหน้าแล้วว่าไป
ใครนินทาว่าร้ายเราเมื่อกี้ประเดี๋ยวใจไพล่หนีไปข้างไหน
ถ้าแม้นพบปะไม่ละไว้จะทำให้คุ้มค่านินทากัน
ฯ ๔ คำ ฯ
ปีนตลิ่ง
๏ อ่อนั่งอยู่นี่เจียวสิหว่าหน้าตาคนเก้อนี้ดูขัน
ก้มแกะเล็บเล่นอยู่เช่นนั้นจะหักลันเสียเปล่าไม่เข้าการ
พี่รักเจ้านักหนาลงมาใหม่จะเกลี่ยไกล่ว่ากล่าวที่ร้าวฉาน
มิให้ร้างค้างเขินเนิ่นนานจะสมัครสมานไมตรี
เจ้าอย่าแค้นขัดสบัดสะบิ้งนั่งนิ่งเสียมั่งจงฟังพี่
เหมือนถ่านไฟเก่าเถ้ายังมีเป่าขึ้นคงอัคคีจะติดเชื้อ
ไหนไหนก็รู้เช่นได้เห็นฤทธิ์กระบวนกระบิดอย่าทำให้ล้ำเหลือ
น้อยหรือนั่นยังไม่ทันจะถูกเนื้อสะดุ้งเผื่อไปก่อนแสนงอนจริง
ทั้งระแบบแยบคายก็หลายอย่างสมที่สมทางท่านผู้หญิง
ว่าพลางผินหลังเข้านั่งอิงสะบัดสะบิ้งวิ่งหนีพี่ไย
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นวิมาลาหุนหันหมั่นไส้
เคืองขัดสะบัดผ้าแล้วว่าไปน้อยหรือนี่มาได้ช่างไม่กลัว
เมื่อจะมาได้ลาแล้วหรือยังหม่อมเมียจะคลั่งถึงหม่อมผัว
ข้างบ้านปานนี้จะสั่นรัวแต่ละคนไม่ชั่วข้ากลัวใจ
ขยันยิ่งจริงเจ้าตะเภาหลวงหึงหวงสารพัดผลัดกันได้
มิเสียแรงแกล้งกลั่นสรรไว้ชอบใจหม่อมผัวล้วนตัวเป็น
ทีนี้หรือขึ้นชื่อว่ามนุษย์จนสิ้นสุดเหล่ากอไม่ขอเห็น
อย่าปลิ้นปลอกหลอกลวงด้วยน้ำเย็นได้รู้เช่นเห็นหมดที่คดตรง
จริงแล้วคะกะได้ถ่านไฟเก่าอย่าพักเป่าเฝ้าก่อจนคอก่ง
มันมอดหมดไม่ติดดังจิตจงจะซานซมงมหลงลงมาไย
เชิญไปเสียเถิดให้พ้นห้องจะลวงน้องได้อีกอย่าสงสัย
เถิดเท่านั้นแล้วก็แล้วไปข้ากลัวใจเจ้าจอมหม่อมเมีย
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ กัลเอยกัลยาช่างตัดพ้อต่อว่าประดาเสีย
พี่มิใช่ชายชั่วที่กลัวเมียจะลงมาไกล่เกลี่ยเสียให้ดี
พี่น้องสองราก็สารภาพเข็ดหลาบแล้วเจ้าไม่จู้จี้
ยังกระเดื่องกระด้างแต่ข้างนี้ด้วยท่วงทีจริตนั้นติดงอน
ถึงยังกำลังเดือดไม่เหือดไห้จะโลมเล้าเจ้าไปกว่าจะอ่อน
อย่าสะบิ้งสะบัดตัดรอนหย่อนหย่อนเสียมั่งฟังพี่ชาย
อันธรรมดาสตรีมีผัวค่อยยังชั่วกว่าเช่นที่เป็นม่าย
ไม่มีคนข่มเหงคะเนงร้ายไปไหนไปง่ายสบายใจ
จงถอยหลังคิดดูอย่าจู้จี้ผัวร้างอย่างนี้หาดีไม่
ย่อมเป็นที่ติฉินกินใจบุราณว่าไว้ล้วนความจริง
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ ลิ้นเอยลิ้นลมน่านิยมย้อนยอกกลอกกลิ้ง
สารพัดไพเราะเพราะพริ้งสมเป็นผัวท่านผู้หญิงบ้านบน
ไวว่องคล่องขยันสันทัดหลบหลีกมือหมัดไม่ขัดสน
เคยชนะคะคานเพราะทานทนเล่ห์กลของเจ้าข้าเข้าใจ
จริงแล้วแกล้วกล้าประดาเสียปราบเมียมิให้หือขึ้นได้
กระนั้นสิเมื่อเจ้าพาข้าขึ้นไปเห็นเมียกลัวกระไรจนสั่นรัว
เขาจึงตีจึงด่าข้าคนเดียววิ่งเลี้ยวไล่ตามข้ามคอผัว
มาสับปลับกลับอ้างอวดตัวว่าเขากลัวสารภาพราบไป
ได้อายเท่านั้นแล้วมิหนำยังมาซ้ำเลี้ยวลดปดไปใหม่
ขี้คร้านตอบให้เหนื่อยเมื่อยขาตะไกรจะปิดหูเสียไม่ขอได้ยิน
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ แสนเอยแสนงอนช่างแคะค่อนอุตริติฉิน
ใส่จริตบิดเบือนเหมือนจะบินล้วนหยิบชิ้นเชิงชั้นขยันดี
พี่ไม่กลัวภรรยาเช่นว่าดอกใช่จะเหลือกตาหลอกได้เหมือนผี
แต่เขาคิดเวทนาไม่ด่าตีเท่านี้แลฮึกนึกว่ากลัว
ถึงข้างเขาข้างเราก็เล่าแหละมันเกาะแกะกวนใจมิใช่ชั่ว
โมโหมากปากคอพอตัวไม่จืดเจ้าเมามัวอยู่เหมือนกัน
จะมากลับขึ้งโกรธโทษใครข้าใช้ให้หึงหวงกันหรือนั่น
พี่ก็ว่าชี้แจงเป็นแพ่งธรรม์แต่ละคนดึงดันไม่เงือดงด
จึงนิ่งดูทีใครจะดีกว่าล้วนเหล็กกล้าขยันเหมือนกันหมด
ยังไม่หนำซ้ำมาเปรียบประชดว่าข้าปดก็ตกนรกเอง
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ น่าเอยน่าหัวอย่าปลิ้นปลอกออกตัวไม่เหมาะเหมง
เกิดวิวาทบาดทะเลาะครื้นเครงเพราะหม่อมผัวชั่วเองหรือเพราะใคร
จะขว้างงูดูถูกอสรพิษมันจะผิดพ้นคอไปข้างไหน
แยบคายของเจ้าข้าเข้าใจจูงมาจูงไปเป็นคนกลาง
เมื่อข้ากลับกลายรูปเป็นกุมภีล์เจ้าขับเหมือนขับผีขับสาง
เข้าประคับประคองแต่สองนางกอดไว้คนละข้างไม่ห่างไกล
ยอดรักของเจ้าตะเภาทองดังจะล่องลอยฟ้าไม่หาได้
สาวพรหมจารีดีสุดใจไม่มีใครถูกต้องพ้องพาน
หม่อมไกรได้ชมสมสองเหมือนได้นางรูปทองไว้ที่บ้าน
จะคุ้มโทษโทษาห้าประการอัปรีย์สีกบาลไม่มีเลย
ฯ ๑๐ คำ ฯ
             

๏ เอวเอยเอวบางชะช่างชูเชิดเปิดเผย
สารพัดผ่อนปรนเป็นคนเคยไม่ลืมเลยลิ้นลมคมชิด
เจนจัดหัดมาแต่ชาลวันหลายชั้นเชิงชวนกระบวนกระบิด
มิใช่ชายเจ้าชู้รู้ฤทธิ์จะสิ้นคิดติดกุกอยู่ทุกคน
นี่หากพี่เองรู้เพลงน้องจึงตามรอยคล้อยคล่องไม่ขัดสน
อันนางตะเภาทองทำนองคนแยบยลไม่เท่ากุมภีล์ใน
เจ้าสิกลับกลายได้หลายอย่างรู้ทางจะหนีทีจะไล่
สันทัดจัดเจนอยู่ในใจมนุษย์หรือจะได้เหมือนเช่นนี้
พี่ก็ยังต้องจิตติดใจอยู่อุตส่าห์สู้ซังตายมาถึงนี่
เจ้าตัดรอนค่อนได้ไม่ไยดีเพราะผิดที่ทำนองไม่ต้องใจ
ถ้าพี่เป็นเทวาสุราฤทธืจะนิมิตชาลวันขึ้นให้ใหม่
จะปิดทองทั้งตัวให้ทั่วไปนั่นแหละจะชอบใจวิมาลา
จะสาปสรรเสียบ้างเหมือนอย่างนี้กุมภีล์ร้ายกาจไม่ปรารถนา
เจ้ากระบิดกระบวนมารยาแต่เล็กมาจนใหญ่พึ่งได้พบ
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ หม่อมเอยหม่อมผัวมิใช่เช่นชายชั่วหัวประจบ
รู้วิชาเชี่ยวชาญชำนาญครบใครใช้ให้มาคบกับกุมภา
ใครอวดว่าข้าชาวสวรรค์หรือจึงซมซานด้านดื้อลงมาหา
ใครชักใครจูงจมูกมาใครเรียกใครหาใครแนะนัด
ไม่รู้หรือว่าชาติเดียรฉานมาสมานสมาคมสมสัตว์
ทำให้เสียเสื่อมเวทมนตร์ชะงัดสารพัดอัปรีย์ก็มีมา
เจ้าช่างคิดนิมิตชาลวันจะเอาไว้ไยนั่นในคูหา
เอาไปฝากนวลน้องทั้งสองราขอทยาของเจ้าตะเภาทอง
นี่เอาไปฝากเจ้าตะเภาแก้วดีแล้วช่วยทำฉล่ำฉลอง
เสียแรงหม่อมผัวนิมิตปิดทองทั้งสองจะได้ไม่เร่งรัด
ทำไมมิให้คิดถึงผัวเก่าถึงโฉดเฉาก็ตรงคงในสัตย์
ไม่โกหกพกลมเลี้ยวลัดชั่วช้าสารพัดเหมือนมนุษย์
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ น้อยเอยน้อยหรือยังจะรื้อกวนใจมิให้หยุด
จริงแล้วเจ้าเฝ้าติผัวมนษย์ไม่เหมือนหม่อมนักกะผุดผัวนาง
ทั้งซื่อทั้งสัตย์สารพัดดีไม่มีคดคอดตลอดทาง
ถึงเมื่อวันจะตายวายวางก็ไม่ว่างเว้นสวาทขาดแคลน
กระนั้นสิจึงร่านรนบ่นหาเพราะดีกว่าชายอื่นสักหมื่นแสน
ทั้งบกเรือเหนือใต้ในแว่นแคว้นจะหาแทนผัวเก่าไม่เท่าทัน
อันตัวพี่นี้สักแต่ว่าชายแยบคายคลายอยู่ไม่สู้ขยัน
พึ่งจะได้พบพานงานประชันชั่วกว่าชาลวันทุกสิ่งไป
เจ้าจึงตัดขาดไม่ปรารถนาจะนัดแนะให้มาก็หาไม่
แต่ข้างพี่ยังมีเยื่อใยติดใจอยู่มั่งจึงซังตาย
ไม่เห็นเลยว่าจะเฉยเสียเช่นนี้ทำให้พี่แสบท้องอยู่จนสาย
น่าจะมีสักสิ่งเป็นลิงลายรักซ้อนซ่อนร้ายไว้ภายใน
หนุ่มหนุ่มกุมภีก็มีตรึกมันจะเป็นเช่นนึกหาผิดไม่
เดิมทีพี่มาพาขึ้นไปสำคัญใจว่ารักกันจริงจริง
ไม่นึกแหนงว่าจะแกล้งไปเอาเหตุไม่สังเกตสังกามารยาหญิง
ทำกระบวนรวนเรประเว่ประวิงดีจริงแล้วจะได้เห็นกัน
กุมภาผัวเจ้าเล่าลือชื่อตายเพราะฝีมือของใครนั่น
เถิดหรือให้ไปตามชาลวันทำขบฟันแล้วเดินเมินออกมา
ฯ ๑๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นวิมาลาฉวยฉุดยุดคร่า
ทำกระบวนข่วนหยิกด้วยมารยานี่ร่ำลาใครแล้วหรือจะไป
เอออะไรอกเอ๋ยไม่เคยเห็นเชิงเช่นเจ้าจอมหม่อมผัวใหม่
มาพาโลโพคลุมกลุ้มใจสารพัดเสกใส่วิมาลา
ไหนจะพาขึ้นไปให้เมียสับยังมิหนำซ้ำกลับมาด่าว่า
เดิมทีที่วิวาทวาทาเพราะข้าพาลทะเลาะหรือเพราะใคร
เมียหม่อมมาชี้หน้าด่าทอไสคอข้าก่อนจริงหรือไม่
หยาบหยามข้ามหัวหม่อมผัวไปหูหางช่างกระไรไม่ได้ยิน
เขารุมกันตีด่าข้าอึงอื้อตาเจ้าบอดไปหรือไม่เห็นสิ้น
เหตุว่ารักแล้วก็พาบินขังแล้วถมดินให้โทรมทรุด
ได้เอียงแล้วกระไรให้จนล่มได้ชมแล้วกระไรให้สูงสุด
จับได้ไหนนั่นข้อพิรุธที่ทุจริตคิดนอกใจ
จะไว้ใยกับอีวิมาลาทำตามโทษาอย่าปราศรัย
ว่าเล่นเปล่าเปล่าแล้วจะไปข้ายังไม่ให้ไคลคลา
เชิญชี้ชายชู้ข้าดูก่อนได้แล้วจะนอนลงให้ฆ่า
แกล้งพาลพาโลโกรธานี่หม่อมเมียสอนมาข้าเข้าใจ
มิห้ำหั่นฟันข้าให้ย่อยยับอันตะให้เจ้ากลับอย่าสงสัย
ว่าพลางครวญคร่ำร่ำไรฉุดชายผ้าไว้ไม่วางมือ
ฯ ๑๘ คำ ฯ
๏ งอนเอยงอนชลเอ๊ะอ่อนหย่อนพยศลงแล้วหรือ
เจ้าสิแสนคมคารมลือทำไมมายุดยื้อข้าไว้ไย
ข้าเป็นคนพาทีไม่มีสัตย์ไม่จัดเอาจริงสักสิ่งได้
จะมาบีบน้ำตาเอาข้าไยข้าทำสิ่งไรให้เคืองตา
เป็นไรมิโลดเต้นเล่นตัวเย้ายั่วเยื้องยักให้หนักหนา
จนออกเข็ดคารมระอมระอามันไม่น่าแล้วคะข้าจะไป
ทั้งสองเมียสามเมียมิเสียแรงปากกล้าหน้าแข็งคารมใหญ่
เจ้ากระบิดกระบวนกวนใจเอาไว้ไยหย่าเสียนางเมียงาม
จะหาใหม่ให้ดุขึ้นกว่านี้อีกสักสี่ห้าคนให้พ้นสาม
แน่เจ้าจะมีใหม่มั่งก็ตามแต่ให้งามสมหน้าเหมือนชาลวัน
นิ่งอยู่ไยเล่าเจ้าคนคมมิค้าคารมอมอะไรไว้นั่น
ทำหน้าบูดบี้งเห็นขึงครันใครบอกบุญสุนธรรม์ไม่ศรัทธา
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นนางเลื่อมลายวรรณอยู่ในคูหา
ได้ยินไกรทองวิมาลาวิวาททากันอื้ออึง
คารมข้างนางเมียก็ไม่ชั่วข้างเจ้าผัวก็ไปไม้หนึ่ง
ถ้อยทีดีขยันดันดึงนางจึงลุกเดินออกไปดู
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ เยี่ยมเยี่ยมมองมองแล้วร้องว่าอะไรนี่บ่นบ้าน่าหนวกหู
ทั้งหม่อมเมียหม่อมผัวล้วนตัวรู้ไม่อดสูผีสางบ้างเลย
จะสาวไส้ให้การแย่งแร้งทึ้งอื้ออึงมันไม่ดีนะพี่เอ๋ย
ใช่จะแกล้งแสร้งซ้ำปรำเปรียบเปรยพี่ก็เป็นคนเคยคนเข้าใจ
จะมายืนฟื้นฝอยหาตะเข็บหยิกเล็บจะเจ็บเนื้อหรือหาไม่
เมื่อกินอยู่ที่ลับแล้วเป็นไรจะมาไขกลางแจ้งให้แพร่งพราย
จะพลอยให้เพื่อนเมียเสียรังวัดถ้าฉวยพลัดขาดลอยสิคอยหาย
ยิ่งจะลือระยำซ้ำร้ายเป็นสองม่ายสามม่ายน่าอายใจ
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นวิมาลาตอบพลางทางค้อนให้
อุแม่เอ๋ยเจ้าจอมเมียหม่อมไกรออกมาได้สอนสั่งตั้งกระทู้
น้อยหรือห้ามปรามเหมือนหนามเหน็บมันปวดเจ็บเหลือแล้วถึงแก้วหู
นางไม่มีที่ชั่วผัวเอ็นดูนี่เจ้ารู้อะไรมาเจรจา
ชอบจะช่วยกันเจ็บเก็บใส่ใจนานไปเผื่อจะเป็นเหมือนเช่นข้า
จะได้จดจารึกไว้ตรึกตราไหนไหนก็ราคาเดียวกัน
จริงแล้วหรือคะข้าเป็นคนโฉดเขลาไม่เหมือนเจ้าดีหมดช่างอดกลั้น
อย่าพักพูดร้อยบทประชดประชันแต่เพลาเพลาเท่านั้นเถิดเป็นไร
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองร้องว่าอัชฌาสัย
วิมาลาเมียข้าแล้วเหลือใจเหมือนหนามไหน่เกะกะระรั้ว
พบปะหน้าไหนใส่เอาหมดไม่ละลดทะเลาะคนเสียจนทั่ว
ตะกิ่งตะกายเงี่ยงงารอบตัวความวัวยังไม่หายความควายมา
เถิดซิตามถนัดไม่ขัดขวางทั้งสองข้างวางกันให้หนักหนา
ใครคารมสมควรราคาจะเปลื้องผ้าคาดพุงออกรางวัล
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นวิมาลาตอบไปขมีขมัน
เอออะไรเขาว่าประสากันหม่อมผัวตัวสั่นออกเถียงแทน
สาระวอนค่อนว่าประดาเสียให้หม่อมเมียได้หน้าขึ้นกว่าแขน
เจ็บใจใครมั่งจะไม่แค้นนี่แหละแม่นแท้ว่าเป็นตราชู
จริงแล้วข้าหมอความเหมือนหนามใหม่แต่กระนั้นเกี่ยวไว้ยังไม่อยู่
พูดจาพล่อยพล่อยร้อยประตูเหมือนใครไม่รู้ไม่เข้าใจ
ถึงคราวจะหยิบผิดไม่คิดหน้าเงี่ยงงาสารพัดพูดได้
เจ้าเอ๋ยจงถนอมหม่อมเมียไว้อย่าให้ใกล้เคียงกับเงี่ยงงา
ชะนางคนดีไม่มีชั่วเอาหม่อมผัวออกตั้งเป็นตั้งหน้า
นานไปจะขึ้นถึงหลังคาหน้าตาตละชาดเลือดฝาดแดง
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนางเลื่อมลายวรรณเถียงเสียงแข็ง
ช่างไม่ขันดันแดกแหกกระแชงมาตะแคงแว้งวัดเอากันเอง
เห็นอื้ออึงจึงออกมาห้ามปรามกลับใส่ถ้อยร้อยความไม่เหมาะเหม็ง
ข้าเป็นคนเจียมตัวกลัวเกรงไม่เป็นโตงเป็นเตงน่าอายใจ
เออจะเอาอะไรมาขึ้นหน้าเป็นแขนเป็นวาช่างว่าได้
ทำคุณบูชาโทษโหดไร้สารพันสรรใส่ไม่ไว้วาง
มาดูหน้าข้าเถิดท่านผู้หญิงมันแดงจริงยิ่งกว่าย้อมน้ำฝาง
สำคัญว่าผัวรักยักลูกคางสาระดิ้งวิ่งวางไปตามลม
ทำไมเล่าจึงมิเอาให้ขาดเด็ดหรือไปปะบอระเพ็ดเข็ดขม
กลับลงมาครางครืดผะอืดผะอมก็พอสมน้ำหน้าสาแก่ใจ
เถิดคะรำคาญขี้คร้านทะเลาะนี่เนื้อเคราะห์มาเหยียบหนามใหม่
กระทืบเท้าลงส้นเดินบ่นไปเข้าในห้องหับฉับพลัน
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ปีนตลิ่ง
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองลิ้นลมคมสัน
จึงว่านี่แน่เจ้าแต่เท่านั้นอย่าป่วนปั่นหันหุนวุ่นวาย
เขาก็เข็ดปากคอไม่ต่อสู้หนวกหูเต็มทีจนหนีหาย
ยังตะบอยบ่นว่าบ้าน้ำลายเคียดแค้นแสนร้ายรามา
จนเหงื่อย้อยเหงื่อไหลก็ไม่คิดแป้งปูนแต่สักนิดไม่ติดหน้า
มันงามเหลือแล้วเจ้าวิมาลาหน้าตามอมแมมเหมือนแมวคราว
อะไรเล่าเฝ้าชำเลืองเคืองค้อนทำแสนงอนทุ้งทิ้งยิ่งกว่าสาว
ข่วนคนเจ็บเจ็บเจ้าเล็บยาวน่าชังรังหยาวสุดใจ
ไปเอนหลังเอนไหล่เล่นดีกว่านึกว่าสู่ขอเข้าหอใหม่
ว่าพลางจูงนางเข้าห้องในนั่งบนเตียงเคียงไหล่ไขว่คว้า
อย่าฮึดฮัดวัดแว้งเครื่องแป้งจะหกหยิบกระจกมาให้น้องส่องดูหน้า
ช่วยตกแต่งแป้งกระแจะละลายทาวิมาลาเคืองขัดปัดมือ
นี่จะหยิกจะทึ้งไปถึงไหนจะทำให้พี่ป่วยไปเสียหรือ
ชักชายผ้าห่มหลุดยุดยื้อถูกถือตามธรรมเนียมเลียมลอง
คลื่นซัดอัศจรรย์ลั่นเลื่อนสะท้านสะเทือนถ้ำเหวเปลวปล่อง
เล้าโลมเลี้ยวลอดสอดคล้องทั้งสองถ้อยทีปรีดา
ฯ ๑๖ คำ ฯ โลม
             

ร่าย
๏ เมื่อนั้นวิมาลาสรวลเสเสน่หา
คลึงเคล้าเย้ายวนชวนภัสดาให้พูดจาเรื่องราวเล่านิทาน
ได้ยินข่าวเล่าลือมาจะแจ้งว่านายแฟงกับนายฉิมอยู่ริมบ้าน
หม่อมได้ฟังมั่งหรือไม่เขาไปงานโปรดประทานเล่าไปให้ฉันฟัง
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองตรองตรึกนึกความหลัง
เมื่อวันพระประนายฉิมที่ริมวังเข้าแฝงฟังพอเขาเล่าก็เข้าใจ
จำเขาได้ดอกนะน้องสองสามมุกพอแก้ทุกข์ขุกเข็ญเห็นจะได้
แล้วบ้วนปากคายหมากกระแอมไอเอาหมอนใส่หลังพิงแล้วอิงเอน
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ พี่จะกล่าวราวเรื่องเนื่องมาอารามร้างกลางนามีตาเถน
อยู่สองคนในกุฏีไม่มีเณรบิณฑบาตเช้าฉันเพลทุกวันไป
องค์หนึ่งเที่ยวบิณฑบาตยาจนาพอสีกาเขาแกงจุ๊บแจงใส่
จังหันหลายทารพีก็ดีใจกลับไปยังที่กุฏีพลัน
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงหอกลางก็วางบาตรเชิงฉลาดจะหลีกหลยขบฉัน
แม้นอยู่ให้หลวงตานั้นมาทันจะต้องปันแกงหอยนั้นน้อยไป
พอแลเห็นตุ่มวางกลางกุฏีเห็นท่วงทีจะลงฉันในนั้นได้
จึงหย่อนองค์ลงในตุ่มสุโขทัยเอาแผ่นอิฐปิดไว้มิได้ช้า
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ จะกล่าวถึงเถนองค์หนึ่งนั้นได้จังหันนิดเดียวเที่ยวหนักหนา
แหงนดูสุริย์ฉายสายเต็มประดาก็กลับมาถึงที่กุฏีพลัน
คิดว่าเพื่อนยังไม่มาก็ด่าโผงอ้ายตายโหงเที่ยวไปถึงไหนนั่น
กูแสบท้องนักหนาไม่ท่ามันขัดสมาธิ์สองชั้นเอาช้อนโพง
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ส่วนเถนในตุ่มนั้นฉันตะบอยทำปากตูดดูดหอยดังจุ๊บโจ่ง
ตาเถนอยู่ข้างบนเห็นทะนนโคลงมาเปิดอิฐปิดโอ่งเพ่งพิศ
ส่วนเถนอยู่ในทะนนพ่นแกงเอาถูกเข้าที่หน้านัยน์ตาปิด
เถนคงร้อนดิ้นแทบสิ้นชีวิตเอ๊ะอะไรพ่นพิษแสบสุดใจ
เถนองค์นั้นจึงถลันลุกออกมาแล้วว่าข้าจะช่วยดับพิษให้
จึงเอาโอตักน้ำมาทันใดรดลงไปที่หน้าตาเถนคง
เห็นเพื่อนกันหายปวดซ้ำอวดรู้นี่ว่ากูได้คาถาตาบุญสง
จึงแก้เอ็งไว้ไดไม่ปลดปลงที่นี้จงอุตส่าห์รักษาตัว
เอ็งอย่าได้ไปมองที่ปากโอ่งอ้ายจุ๊บโจ่งมันร้ายมิใช่ชั่ว
ตาเถนคงแจ้งจิตก็คิดกลัวรักษาตัวอยู่ด้วยกันทุกวันเอย
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นวิมาลาปรีด์เปรมเกษมสันต์
ชมว่าเพราะนักหนาน่ารางวัลแต่กระนี้ดีครันขยันจริง
ถ้าปะเขาหางานการของราษฎร์ส่งพิณพาทย์นายมีจะดียิ่ง
ใช่ว่าเล่นเช่นหม่อนเธอพร้อมพริ้งไปงานไหนได้ผู้หญิงวิ่งตามมา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าไกรทองยิ้มพลางทางว่า
ผู้หญิงหาไหนเฝ้าตามมาคือผู้หญิงกุมภาที่ตามไป
ไหนเล่าเจ้าจะตกรางวัลพี่หันหน้ามานี่จะบอกให้
สะกิดแก้มแนมนมชมสไบคว้าไขว่ยวนเย้าเฝ้าตอแย
อัศจรรย์บันดาลอยู่บ่อยบ่อยรสอร่อยมิได้จืดให้ชืดแช่
พิรุณร่วงตวงไว้จนเต็มแล้รักกันคุ้มแก่ไม่แชเชือน
การสัมผัสเย้ายวนชวนชื่นจะหาอื่นมาให้ไม่มีเหมือน
หยุดสวาทขาดเพลาเข้ามาเตือนมิได้เคลื่อนคลาดคลารารอ
ฯ ๘ คำ ฯ
             

เชิงอรรถ

ที่มา

บทละครนอกเรื่องไกรทอง สถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๔๐

(ขอขอบคุณ คุณพิกุลแก้ว สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน)

เครื่องมือส่วนตัว