บทละครนอกเรื่องไชยเชษฐ์

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(ตอนที่ ๒ พระไชยเชษฐ์ตามนางสุวิญชา)
(ตอนที่ ๔ อภิเษกพระไชยเชษฐ์)
 
(การแก้ไขหนึ่งรุ่นระหว่างรุ่นที่เปรียบเทียบไม่แสดงผล)
แถว 1,505: แถว 1,505:
===ตอนที่ ๓ พระไชยเชษฐ์เข้าเฝ้าท้าวสิงหล===
===ตอนที่ ๓ พระไชยเชษฐ์เข้าเฝ้าท้าวสิงหล===
<tpoem>
<tpoem>
 +
๏ เมื่อนั้น  ท้าวสิงหลยักษา
 +
อุ้มองค์พระราชนัดดา  ลูบหลังลูบหน้าแล้วว่าไป
 +
พ่อมาจนเย็นหลงเล่นอยู่  ต่อนกสีชมพูหรือต่อไก่
 +
ดูมอมแมมแก้มคางช่างกระไร  เออนี่มิไปเที่ยวซอนซุก
 +
เก็บบุปผามาบ้างหรือไม่เล่า  ให้แม่เขาร้อยมาลัยใส่จุก
 +
ตานั่งคอยเจ้าเฝ้าเป็นทุกข์  กลัวจะล้มลุกเจ็บป่วยไป
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระนารายณ์ธิเบศร์บังคมไหว้
 +
ทูลว่าลูกลาไปเล่นไพร  ชมนกชมไม้ออกเพลิดเพลิน
 +
น่ารักปักษีสารพัน  บ้างชิงกันหากินบินเหิน
 +
บ้างพาลูกเต้นไต่ร่ายเดิน  บ้างร้องเกริ่นตามไล่กันไปมา
 +
คิดจะดักปักษามาเลี้ยงเล่น  กลัวจะเป็นเวรกรรมไปชาติหน้า
 +
ลูกเมียพลัดกันเห็นทันตา  เหมือนคนต้องโทษาพ่อตาเคือง
 +
ข้าไปเห็นเป็นน่าสงสาร  ทรมานทุกข์ตรอมจนผอมเหลือง
 +
ลูกตั้งจิตคิดจะขออยู่เนืองเนือง  แต่เกรงเคืองเบื้องบาทไม่อาจทูล
 +
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  ท้าวสิงหลราชนเรนทร์สูร
 +
ฟังหลานว่ากล่าวเป็นเค้ามูล  ยิ่งเพิ่มพูนพิสมัยในนัดดา
 +
สวมสอดกอดรัดแล้วตรัสพลาง  น้อยหรือช่างออเซาะฉอเลาะว่า
 +
รู้ราวกับผู้ใหญ่ไว้อัชฌา  ให้พ่อตาจูบหน่อยเถิดกลอยใจ
 +
นี่ใครพาสัญจรซอกซอนเล่น  พ่อไปเห็นคนโทษเข้าที่ไหน
 +
มันฉกชิงวิ่งราวเขาคราวไร  หรือโทษไก่เบี้ยฝิ่นกินสุรา
 +
พ่อจะถามไถ่ไล่เลียงดู  จะได้รู้หนักเบาที่เจ้าว่า
 +
ถ้าโทษทัณฑ์มันพอจะเมตตา  บิดาไม่ขัดทัดทาน
 +
ถึงโภไคยไอศูรย์ของพ่อเฒ่า  ก็จะให้แก่เจ้าผู้ลูกหลาน
 +
แต่พอเติบใหญ่เข้าใจการ  จะเสกพ่อให้ผ่านพารา
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระนารายณ์ธิเบศร์สำรวลร่า
 +
ทำชะอ้อนถอนหนวดให้พ่อตา  พลางสนองบัญชาพระยายักษ์
 +
ซึ่งทรงพระเมตตาแก่ข้าไซร้  จะโปรดให้ครอบครองอาณาจักร
 +
ท้าวตรัสโดยในพระทัยรัก  พระคุณอยู่ลูกหนักเท่าฟ้าดิน
 +
อันคนต้องโทษาที่ข้าขอ  เขาผิดข้ออุกอาจประมาทหมิ่น
 +
เป็นคนโฉดโหดไร้ใจทมิฬ  โทษถึงสิ้นชีวันบรรลัย
 +
เดี๋ยวนี้กลับรู้ตัวว่าชั่วช้า  จะมาเฝ้าพระเจ้าตาก็ไม่ได้
 +
อันถิ่นฐานบ้านเมืองเขาอยู่ไกล  มิใช่คนโทษที่เมืองนี้
 +
ความเกรงความกลัวตัวเป็นหนู  มาปลอมคนปนอยู่ในกรุงศรี
 +
พระองค์จงโปรดปรานี  ขอประทานชีวีไว้สักครั้ง
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  ท้าวสิงหลหลากจิตคิดหวัง
 +
ไขว่ห้างเอกเขนกนิ่งฟัง  มาขอพ่อดอกกระมังอ้ายจังไร
 +
มันแน่แล้วสินะชะลูกพ่อ  โมโหแค้นแน่นคอมันไส้
 +
ลุกขึ้นกระทืบบาทตวาดไป  ดูดู๋ไอ้ลูกเล็กเด็กน้อย
 +
ควรหรือมาสาระแนแก้แทน  กูคิดคิดแล้วก็แค้นแน่นคอหอย
 +
ช่างเคลือบแฝงแต่งลิ้นมาสำออย  ให้งวยงงหลงถ้อยพลอยพยัก
 +
ไหนตัวตนคนโทษที่มึงว่า  จงเร่งบอกออกมาให้รู้จัก
 +
กูจะผ่าอกให้ไส้ทะลัก  เคี้ยวเล่นเป็นผักสนุกใจ
 +
ชิชะนารายณ์ธิเบศร์เอ๋ย  กระไรเลยลวงตาต่อหน้าได้
 +
ใครสั่งสอนมึงมาจงว่าไป  จะตัดหัวเสียบไว้ตะแลงแกง
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
 +
<sup>โอ้</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  พระนารายณ์ธิเบศร์ไม่บอกแจ้ง
 +
เห็นพ่อตาโกรธหนักพระพักตร์แดง  ก็กันแสงโศกาจาบัลย์
 +
กอดบาทาไว้พิไรวอน  ประทานโทษโปรดก่อนอย่าหุนหัน
 +
จะเป็นเวราด้วยฆ่าฟัน  จงอดกลั้นโทษาเสียเอาบุญ
 +
เขาจะได้ว่าน้ำพระทัยดี  ผิดทีสองทีไม่เคืองขุ่น
 +
ขอพระพ่อตาจงการุญ  ให้ลูกได้แทนคุณพระบิดา
 +
ถ้าแม้นพ่อข้าตายวายชนม์  ไม่ขออยู่ให้คนเห็นหน้า
 +
เขาจะล่วงดูถูกลูกกำพร้า  ทูลพลางโศกาสะอื้นฮัก
 +
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  ท้าวสิงหลเศร้าจิตคิดหน่วงหนัก
 +
ฟังถ้อยคำหลานสงสารนัก  พระยายักษ์ทรุดนั่งลงทั้งยืน
 +
อุ้มพลางทางปลอบพระนัดดา  นิ่งเถิดพ่ออาอย่าสะอื้น
 +
เนตรจะฟกช้ำจงกล้ำกลืน  ตาไม่ขัดขืนให้เคืองใจ
 +
จงผินพักตร์มาตาจะถาม  เหตุผลต้นความเป็นไฉน
 +
ได้ประสบพบพ่อหรืออย่างไร  หรือว่าใครบอกเล่าเจ้าจึงรู้
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระกุมารอิดเอื้อนเยื้อนอยู่
 +
จะลวงดอกกระมังชั่งใจดู  เช็ดน้ำหูน้ำตาแล้วพาที
 +
หลานยังคิดแคลงจะแกล้งล่อ  แล้วจะมาฆ่าพ่อข้าเป็นผี
 +
แม้นงดโทษโปรดประทานชิวี  จึงจะทูลคดีให้แจ้งใจ
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  ท้าวสิงหลยิ่งคิดพิสมัย
 +
ดำรัสตรัสตอบพระหลานไป  มาสงสัยตั้งกระทู้เถิดดูเอา
 +
อันไอ้ไชยเชษฐ์เฉโก  ตาจะดับโมโหให้แก่เจ้า
 +
ช่างฉลาดนี่กระไรไม่ใจเบา  อย่าพะวงจงเล่าเถิดนัดดา
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระนารายณ์ธิเบศร์ก็หรรษา
 +
บังคมก้มกราบกับบาทา  จึงทูลกิจจาแต่ต้นไป
 +
เมื่อเช้าหลานลาองค์พระทรงธรรม์  กับเด็กเด็กด้วยกันไปป่าใหญ่
 +
พบชายห้าคนด้นเดินไพร  เข้ามาใกล้หลานรักแล้วทักทาย
 +
ข้าเดือดฟุ้งมุ่งแผลงธนูศิลป์  จะให้สิ้นชีวิตดังจิตหมาย
 +
ลูกศรห่อนรื้อมากลับกลาย  เป็นดอกไม้มากมายหลายพรรณ
 +
พระบิดามาอุ้มเอาหลานไว้  กอดจูบลูบไล้แล้วรับขวัญ
 +
ทั้งเห็นแหวนแม่นยำเป็นสำคัญ  จึงรำพันเล่าความแต่ต้นมา
 +
ว่าเป็นเคราะห์เพราะเชื่อคนชั่ว  อันโทษตัวผิดนักผิดหนา
 +
ครั้นจะมาเฝ้าพระเจ้าตา  ก็กลัวจะโกรธาให้ฆ่าฟัน
 +
เฝ้าบ่นออดทอดถอนฤทัยฮือ  แต่ออกชื่อพ่อตาก็ตัวสั่น
 +
ว่าพวกพ้องสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์  ชิวันอยู่ใต้บทมาลย์
 +
แม้นฆ่าก็ตายไม่หมายสู้  หลานดูพระบิดาน่าสงสาร
 +
ครั้นคิดคิดไปให้รำคาญ  ด้วยพ่อยังร้าวฉานกับมารดา
 +
จงโปรดว่าชนนีให้ดีด้วย  หลานจะช่วยอ้อนวอนให้นักหนา
 +
ให้แม่ดีเสียกับพ่อเถิดหนอตา  นัดดาก็จะได้สบายใจ
 +
ฯ ๑๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  ท้าวสิงหลสรวลสันต์ไม่กลั้นได้
 +
จึงตรัสห้ามนัดดาว่าอย่าไป  แม่เขาขัดใจจะตีรัน
 +
อันโทษบิดาไซร้เจ้าได้ขอ  ตาจะยกให้พ่อผู้หลานขวัญ
 +
แต่ส่วนซึ่งจะให้ดีกัน  ข้อนั้นมิรู้ที่จะว่าเลย
 +
เอออะไรไชยเชษฐ์มันช่างชั่ว  เมามัวขับเมียเสียเฉยเฉย
 +
เกิดมาเพียงนี้แล้วมิเคย  กระไรเลยเง่าโง่ย่าโมนัก
 +
ข้างแม่เจ้าเขาแค้นไม่รู้หาย  ได้อับอายไพร่ฟ้าอาณาจักร
 +
มันให้เมียข่มเหงไม่เกรงพักตร์  หลานรักยังเยาว์ไม่เข้าใจ
 +
ถึงตาก็แค้นแสนสาหัส  นี่หากขัดนัดดาเจ้าไม่ได้
 +
อันจะดีมิดีกันนั้นไซร้  ก็สุดแท้แต่ใจของมารดา
 +
นี่พ่อเจ้าเข้ามายังธานี  หรือคอยฟังร้ายดีอยู่ในป่า
 +
ตาจะใคร่พบเขาเจ้าพระยา  ดูดู๋จะว่าประการใด
 +
ฯ ๑๒ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระนารายณ์ธิเบศร์เฉลยไข
 +
พระพ่อกับพี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ  ปลอมเป็นไพร่ติดตามข้าเข้ามา
 +
หลานให้พระบิดาซ่อนอยู่  ที่ริมทิมประตูข้างหน้า
 +
ยังเกรงพระราชอาชญา  จะให้มาเฝ้าต่อพรุ่งนี้
 +
ทูลพลางทางประณตบทบงสุ์  ลาองค์อัยการเรืองศรี
 +
พระพี่เลี้ยงรับเสด็จจรลี  ไปปราสาทมณีที่สำนัก
 +
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
 +
 +
 +
๏ บัดนั้น  วิฬาร์แสนรู้แสนหลัก
 +
แอบม่านฟังความที่ถามซัก  แจ้งประจักษ์รีบร้นเดินบ่นมา
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>รำสีนวล</sup>
 +
๏ ทีนี้สมคิดแล้วอีแมวเอ๋ย  จะเยาะเย้ยถากถางให้หนักหนา
 +
ให้คุ้มค่าแค้นแทนน้ำตา  จะต้องตีต้องด่าก็ไม่คิด
 +
เดินเขม้นเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน  กูจะร่ำรำพันให้เจ็บจิต
 +
ทำชะแง้แลเล็งเพ่งพิศ  แต่งจริตหยิบหย่งตรงมา
 +
ฯ ๔ คำ ฯ สีนวล
 +
 +
 +
<sup>เย้ย</sup>
 +
๏ ครั้นถึงแถวทิมริมประตู  แกล้งหยุดอยู่ดูคนทั้งซ้ายขวา
 +
พอแลสบพบพักตร์พระราชา  นางวิฬาร์ร่ององัน
 +
แล้วทำเสียงแห้งแทบแสบคอ  พูดพ้อเปรียบเปรยเย้ยหยัน
 +
นี่หรือภูมินทร์ปิ่นเหมันต์  โอ๊ยไม่ทันเห็นเลยประหลาดนัก
 +
แต่แรกคิดว่าใครหาไหนหนอ  เออมิรู้หม่อมพ่อเจ้าท่อนสัก
 +
ข้าแปลกหน้าไปไม่ได้ทัก  ยังมืดมนมัวนักมาทำไม
 +
อันผู้หญิงสิงหลคนแสนร้าย  มาติดตามความอายไปเสียไหน
 +
หรือเอาอายขายฝากไว้กับใคร  จึงอุตส่าห์มาได้จะใคร่รู้
 +
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  พระไชยเชษฐ์นิ่งฟังนั่งไขหู
 +
แลดีพี่เลี้ยงก็ต่างดู  พระอดสูสู้นิ่งอยู่ในใจ
 +
เพราะกูหลงกลอีคนพาล  เดียรฉานจึงกล้ามาว่าได้
 +
จะซ้ำรื้อถือจิตก็ผิดไป  ภูวไนยคิดพลางทางบัญชา
 +
อนิจจานิจจาวิฬาร์เอ๋ย  มาเยาะเย้ยตัดพ้อพ่อหนักหนา
 +
โทษผิดจึงติดตามมา  เพราะชั่วช้าเหลือใจในวันนั้น
 +
เผอิญให้เคลิ้มคลุ้มกลุ้มจิต  โมโหมืดมิดไม่อดกลั้น
 +
ถึงว่าไปอื่นอื่นสักหมื่นพัน  ตัวชั่วทั้งนั้นจะโทษใคร
 +
จึงตามมาวอนง้อขอษมา  จะทิ้งขว้างร้างหย่านั้นหาไม่
 +
แม้นนางแค้นขัดตัดอาลัย  จะสู้ตายไม่ไปเมืองเหมันต์
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ บัดนั้น  วิฬาร์ตบมือแล้วเย้ยหยัน
 +
ชะช่างถ่อมตัวชั่ววันนั้น  จะมาลุกะโทษทัณฑ์เมื่อวันนี้
 +
นี่เดชะท่านพระพี่เลี้ยงช่วย  ถ้าหาไม่ก็จะม้วยเป็นผี
 +
หม่อมเมียจะเกษมเปรมปรีดิ์  จะนั่งล้อมสามีเป็นวงกง
 +
กว่าจะคิดคืนหลังถึงแม่ลูก  พอกระดูกผุละเอียดจนเป็นผง
 +
นี่หากว่าวิฬาร์พาดั้นดง  จึงได้พบสบองค์เจ้าท่อนไม้
 +
แต่เจ็บอายเพียงนี้แล้วมิสา  ยังจะมาลอยนวลชวนไปใหม่
 +
สบถเสียแล้วคะขี้คร้านไป  เขาไม่ขอพอใจเห็นเหมันต์
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ วิเอ๋ยวิฬาร์  ชะช่างพูดจาคมสัน
 +
ทั้งสะบัดสะบิ้งทุ้งทิ้งครัน  เชิงชั้นแสนงอนกระบอนกระบึง
 +
แต่เป็นแมวแล้วยังฟังเป็นกรับ  เป็นมนุษย์ก็จะนับว่าคนหนึ่ง
 +
ทั้งเหน็บแนมแหลมหลักลึกซึ้ง  ทีจะปึ่งปั้นล่ำก็ทำเป็น
 +
เสียดายหนอนางเป็นวิฬารี  การหัวใจไมตรีจึงไม่เห็น
 +
ที่พลอยได้ลำบากยากเย็น  ถ้าแม้นเป็นผู้คนจะถึงใจ
 +
บุญคุณเจ้ามีกับลูกเมีย  เป็นคนแล้วหาเสียเจ้าได้ไม่
 +
ถ้ายังมีชีวิตด้วยกันไป  เจ้าจะได้ดูพวกอียุยง
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ น่าเอยน่าหัวร่อ  ข้ามิใช่บ้ายออย่าเสริมส่ง
 +
ถึงเป็นสัตว์เดียรฉานก็พานตรง  ไม่รักคบคนหลงเมามัว
 +
คิดมาน่าอายชายมุทะลุ  แต่เขายุก็เชื่อว่าเมียชั่ว
 +
นางเหล่านั้นทั้งรักทั้งกลัว  ควรเป็นเมียเป็นผัวทั้งเจ็ดนาง
 +
ที่จริงเล่าถึงเขาจะยุยง  แม้นไม่หลงก็จะสงสัยบ้าง
 +
นี่มืดมนกระไรไม่รุ่งราง  ช่างเชื่อว่าลูกนางเป็นท่อนไม้
 +
แต่เด็กเด็กกระจิริดพินิจดู  ก็จะรู้อยู่สิ้นว่าทำใส่
 +
เมื่อเห็นเป็นจริงแล้วก็แล้วไป  แบกหน้ามาไยที่เพิงพล
 +
ถ้าเป็นใจอีแมวแล้วสู้ตาย  ไม่อยากง้อขอกรายเมืองสิงหล
 +
จะมอดม้วยด้วยโฉมนางเจ็ดคน  กว่ากระดูกจะป่นเป็นผลคลี
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ แสนเอยแสนรู้  ทั้งขู่ทั้งเคียดทั้งเสียดสี
 +
สิตัวจัดสารพัดจะรู้ที  ปัญญามีเคล่าคล่องก็ตรองดู
 +
ข้าทำชั่วไม่กลัวจะม้วยมิด  กล้าเอาชีวิตเข้ามาสู้
 +
จนเป็นไพร่อาศัยนายประตู  จะว่าชังโฉมตรูสุวิญชา
 +
หรือจะว่ารักหากมีกรรม  ก็เร่งรำถึงก่อนจึงค่อนว่า
 +
ข้ารับแพ้เจ้าแล้วนางวิฬาร์  เจ้าว่าไปเถิดไม่เถียงเลย
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ น่าเอยน่าอดสู  ช่างดีจริงนิ่งสู้ดูตาเฉย
 +
ทรหดอดทนเป็นคนเคย  นิจจาเอ๋ยหลงใหลแล้วบ้ายพลอย
 +
จะว่าไปก็เหนื่อยเมื่อยลูกคาง  ถึงถากถางอย่างไรไม่ราถอย
 +
จะกลับไปในวังนั่งคอย  เยาะนายเล่นสักหน่อยหนึ่งเถิดรา
 +
ขอกราบลาฝ่าเท้าท่านทั้งสี่  ซึ่งมีพระคุณแก่เจ้าข้า
 +
แม้นชีวิตยังไม่มรณา  จะอุตส่าห์แทนคุณท่านคนตรง
 +
ทำเสแสร้งปากว่าตาค้อน  แสนงอนแต่งจริตหยิบหย่ง
 +
คืนเข้าในวังดังจำนง  ไปปราสาทโฉมยงสุวิญชา
 +
ฯ ๘ คำ ฯ ชุบ
 +
 +
 +
<sup>ช้าปี่</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  พระไชยเชษฐ์คิดถึงโอรสา
 +
ลืมพ่อเสียแล้วหรือแก้วตา  จนสิ้นแสงสนธยาไม่เยี่ยมดู
 +
โอ้ว่าสุวิญชาผู้เพื่อนยาก  พี่สู้แสนลำบากเข้ามาอยู่
 +
อนาถนอนในทิมริมประตู  ลำแพนขาดลาดปูกับเสื่อเตย
 +
พี่เลี้ยงช่วยปัดจัดที่นอน  ทอดท่อนไม้วางต่างเขนย
 +
ผัวเอนลงมิใคร่จะได้เลย  นิจจาเอ๋ยเคยสุขมาทุกข์ทน
 +
แม้นเจ้าตัดไมตรีพี่เสียแล้ว  จะลาแก้วตาตายในสิงหล
 +
แต่ตรึกตราอาวรณ์ร้อนรอน  จนสุริยนเรื่อรางสว่างฟ้า
 +
ฯ ๘ คำ ฯ ตระ
 +
 +
 +
<sup>ลมพัดชายเขา</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  พระนารายณ์ธิเบศร์โอรสา
 +
ครั้นฟื้นตื่นจากนิทรา  เร่งถวิลจินดาถึงบิดร
 +
จึงโสรจสรงทรงเครื่องเรืองศรี  ไม่ขึ้นเฝ้าชนนีเหมือนแต่ก่อน
 +
เด็กเด็กโดยเสด็จบทจร  ไปประตูพระนครทันใด
 +
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ ครั้นถึงสมเด็จพระบิตุเรศ  ก้มเกศบังคมประนมไหว้
 +
แล้วว่าลูกไปเฝ้าท้าวไท  ทูลขอโทษภัยพระบิตุรงค์
 +
อัยกากริ้วโกรธโกรธา  ว่าจะฆ่าให้ม้วยเป็นผุยผง
 +
ชมสี่พี่เลี้ยงว่าซื่อตรง  ขอองค์ชนนีรอดชีวา
 +
พ่อตากริ้วกราดตวาดเสียง  แต่ละคำสำเนียงดังฟ้าผ่า
 +
ลูกกลัวตัวสั่นดังตีปลา  โศกากลิ้งเกลือกเสือกไป
 +
อัยกามีจิตคิดสงสาร  จึงปลอบข้าว่าหลานอย่าร้องไห้
 +
ให้บอกบิดาคลาไคล  ไปเฝ้าท้าวไทอัยกา
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระไชยเชษฐ์เชยชมโอรสา
 +
จูบกอดลูกแก้วแล้วบัญชา  ดวงตาของพ่อเพื่อนชีวิต
 +
เจ้าเมตตาบิดาค่อยผาสุก  เสื่อมคลายวายทุกข์ออกไปหนิด
 +
พ่อยังพรั่นแต่จะเข้าเฝ้าชิด  จวนตัวกลัวฤทธิ์พระยายักษ์
 +
ตรัสสั่งพี่เลี้ยงแล้วคลาไคล  รีรอท้อใจหน่วงหนัก
 +
ฉวยฉุดยุดกรพระลูกรัก  กลัวนักหักใจจรลี
 +
ฯ ๖ คำ ฯ เพลง
 +
 +
 +
๏ ครั้นถึงปราสาทราชวัง  ถวิลหวังสุวิญชามารศรี
 +
ดูไหนไม่เห็นนางเทวี  ภูมีสร้อยเศร้าไปเฝ้าพลัน
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ บัดนั้น  ฝ่ายฝูงสุรางค์นางสาวสวรรค์
 +
แน่นนั่งคั่งคับนับพัน  แทรกเสียดเบียดกันมาคอยดู
 +
ครั้นเห็นพระไชยเชษฐ์เสด็จมา  กัลยานบนอบแล้วหมอบอยู่
 +
สะกิดเพื่อนเตือนพิศพระโฉมตรู  ต่างดูเห็นจริตผิดทำนอง
 +
บ้างว่าแต่ก่อนร่อนชะไร  ทรวดทรงดูไหนไม่บกพร่อง
 +
ผิวเนื้อเรื่อเรืองเหลืองเป็นทอง  เดี๋ยวนี้หมองมัวคล้ำดำไป
 +
บ้างว่าข้าเห็นไม่เป็นสุข  ฉุกละหุกทุกข์ตรอมผอมไผ่
 +
พลัดพรากจากเมียเสียน้ำใจ  พระจริตผิดไปทุกสิ่งอัน
 +
บ้างว่าเธอทำชั่วกลัวพ่อตา  ไม่แกล้งว่าเดินก้าวจนเท้าสั่น
 +
ต่างคนต่างพูดกับเพื่อนกัน  เสียงกระซิบสนั่นปราสาทชัย
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  สุวิญชาได้ยินยิ่งสงสัย
 +
แซ่เสียงสาวสวรรค์ด้วยอันใด  จึงแย้มแกลแลไปมิได้ช้า
 +
นางเห็นพระราชสามี  จูงลูกจรลีมาตรงหน้า
 +
ให้สงสารสมเพชเวทนา  กัลยาโศกศัลย์ตันใจ
 +
แล้วแอบบานบัญชรซ่อนพักตร์  นงลักษณ์บังคมประนมไหว้
 +
พลางพินิจพิศดูพระภูวไนย  ผิวพักตร์หมองไหม้โรยรา
 +
โอ้ว่าอนิจจาเจ้าประคุณ  ยังการุญรักเมียอยู่หนักหนา
 +
อุตส่าห์สู้พยายามตามมา  ทนทุกข์เวทนาถึงเพียงนี้
 +
พระบิดากริ้วโกรธคาดโทษทัณฑ์  พ่อไม่กลัวชีวันจะเป็นผี
 +
เมื่อคิดมาก็น่าปรานี  ครั้นคิดไปอีกทีก็สาใจ
 +
เป็นไรเล่าไม่เฝ้าอยู่เชยโฉม  เจ็ดนางช่างประโลมพิสมัย
 +
กับเรานี้ไม่มีอาลัย  ทำได้ร้อยตลบทบทวน
 +
คิดรักคิดแค้นแน่นอุรา  กัลยาโศกสร้อยละห้อยหวน
 +
หับบัญชรทอดถอนฤทัยครวญ  กันแสงศัลย์รัญจวนป่วนใจ
 +
ฯ ๑๔คำ ฯ โอด
 +
 +
 +
๏ บัดนั้น  วิฬาร์แอบม่านทองสองไข
 +
แกล้งเยี่ยมยืนยื่นหน้าออกไป  ทำใส่ไคล้พูดจาข้าคลางแคลง
 +
ประหลาดใจเป็นไรหนอหม่อมแม่  เยี่ยมแกลแปรผันแล้วกันแสง
 +
น่าใจหายจนสายพระเนตรแดง  หรือผงแกล้งแสร้างปลิวมาเข้าตา
 +
เที่ยวมองย่องยืนยื่นคอ  อะไรหนอประหลาดหนักหนา
 +
โอ๋ยอ้อพ่อเจ้าท่อนไม้มา  กระนี้หรือมิน่าร่ำไร
 +
แล้วถามว่าโศกาด้วยคิดแค้น  หรือร้องไห้ด้วยแสนพิสมัย
 +
เมื่อกระนี้จะคิดประการใด  ดวงใจมาถึงธานี
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  สุวิญชาฟังว่าน่าบัดสี
 +
นางเคืองขัดฉวยพัชนีตี  วิฬารีหลบเลี่ยงเมียงมอง
 +
นางทำปากหยิบหยิบกระซิบด่า  นี่เนื้อว่าอีแมวมันจองหอง
 +
เพราะว่าได้ถาดเงินถาดทอง  ทำแก่ตัวหัวพองมาพูดจา
 +
กูจะรักจะแค้นจะร้องไห้  ก็กลการอะไรมาสอดว่า
 +
มึงนี้ดีแต่ขึ้นหลังคา  กับลักกินปลาในครัวไฟ
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
</tpoem>
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
๏ บัดนั้น  วิฬาร์กล่าวแกล้งแถลงไข
 +
ที่การลักผักปลาไม่พอใจ  ขึ้นหลังคาของใครก็ไม่เป็น
 +
ข้าดีแต่คอยดูรู้เท่าคน  ใครแต่งกลอย่างไรในจะเห็น
 +
ยิ่งไม่บอกอีแมวแล้วซ่อนเร้น  จะค้นด้นดูเล่นให้เห็นใจ
 +
ตอบพลางวิ่งออกนอกชาลา  ทำร้องว่าใครนั่นมาแต่ไหน
 +
นี่อ่อหม่อมพ่อเจ้าท่อนไม้  มาธุระอะไรที่ในวัง
 +
ข้าดูดูเมื่อแรกก็แปลกหน้า  เห็นงดงามลงกว่าหนหลัง
 +
อนิจจาวิ่งมาแต่ลำพัง  ละเมียไว้วังให้ว่างเชย
 +
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระไชยเชษฐ์เมิดเมินเดินเฉย
 +
ไม่ตอบวาจาวิฬาร์เลย  มันเยาะเย้ยอดสูก็สู้ทน
 +
ทำสงบเสงี่ยมเจียมตัว  ด้วยกลัวอาญาท้าวสิงหล
 +
หยุดหยุดยั้งยั้งระวังตน  ปากบ่นภาวนาทุกหายใจ
 +
ได้ยินท้าวดำรัสตรัสเสียงดัง  ก็ตกใจลงนั่งบังคมไหว้
 +
พระกุมารยึดกรบิดรไว้  นี่กราบใครกลางถนนหนทาง
 +
ครั้นคิดมาได้ให้ย่อท้อ  จึงว่าพ่อกลัวเหลือยิ่งเสือสาง
 +
ยุดมือลูกไว้ไม่ละวาง  ให้พี่เลี้ยงเคียงข้างจรลี
 +
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
 +
 +
 +
<sup>ช้า</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  ท่านท้าวสิงหลยักษี
 +
สถิตเหนือแท่นรัตน์รูจี  พรั่งพร้อมนารีกำนัลใน
 +
คอยองค์หลานน้อยเสน่หา  จะชักนำบิดาเข้ามาไหว้
 +
แกล้งส่งสุรเสียงสนั่นไป  ภูวไนยทำตึงบึ้งพักตร์
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เหวยเหวยกำนัลขันที  ออกไปสั่งเสนีมีศักดิ์
 +
ให้ตำรวจตรวจเตรียมจงพร้อมพรัก  กูจะซักไซ้ถามความผัวเมีย
 +
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระไชยเชษฐ์ตกประหม่าหน้าเสีย
 +
ความกลัวพ่อตาแข้งขาเพลีย  ยืนเงี่ยหูฟังระวังภัย
 +
แต่ขยับลับล่ออยู่ช้านาน  ตัวสั่นสะท้านเหงื่อกาฬไหล
 +
เอาคุณพระเป็นที่พึ่งดึงเข้าไว้  อกสั่นหวั่นไหวอยู่ทึกทัก
 +
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง โอด
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  ท้าวสิงหลลุกสะอึกขึ้นกึกกัก
 +
ฉวยตระบองร้องเหวยอ้ายทรลักษณ์  กูจะหักคอกินให้สิ้นเนื้อ
 +
เอออะไรไม่พอที่พอทาง  มึงช่างชั่วชาติประหลาดเหลือ
 +
ไม่รู้เท่าผู้หญิงริงเรือ  ซานซมงมเชื่อนางเมียงาม
 +
ลูกกูสุวิญชานั้นไซร้  มันผิดชอบอะไรข้าขอถาม
 +
จะให้ฆ่าให้แกงแกล้งใส่ความ  หยาบหยามข่มเหงไม่เกรงเรา
 +
ขับไล่ไสเสียว่าเมียชั่ว  มุดหัวตามมาทำไมเล่า
 +
ช่างกระไรทำได้ก็ทำเอา  จองหองเปล่าเปล่าเจ้าพระยา
 +
มึงเย่อหยิ่งหาญฮึกคึกขัน  วิฬาร์มันบอกเล่ากูหนักหนา
 +
ชะเจ้าคนดีมีฤทธา  จะสู้กับพ่อตาก็มาซิ
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระไชยเชษฐ์ตัวสั่นสิ้นสติ
 +
ก้มหน้าภาวนานั่งนิ่งมิ  มิได้ปริปากทูลขอโทษทัณฑ์
 +
เห็นขุนมารโกรธาเข้ามาใกล้  สะดุ้งโดดโลดไปใจพรั่นพรั่น
 +
จวนตัวกลัวพ่อตาจะฆ่าฟัน  กอดลูกพัลวันไม่วางเลย
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  ท้าวสิงหลตั้งกระทู้ขู่เขย
 +
เป็นไรนั่งก้มหน้านิ่งเฉยเมย  ไม่เงยหน้าตาขึ้นว่ากัน
 +
เร่งบอกออกมาอย่านิ่งอยู่  ข้อผิดลูกกูอย่างไรนั่น
 +
หรือชั่วช้าจับได้ไล่ทัน  ว่ากันเสียสิเองอย่าเกรงใจ
 +
ทำเล่นแต่ตามอำเภอเจ้า  เหมือนลูกเต้าพ่อแม่หามีไม่
 +
เสียแรงเราออกปากฝากฝังไว้  จะโกรธขึ้งถึงกระไรก็นานนาน
 +
อยู่ด้วยกันก้นหม้อไม่ทันดำ  หรือมาทำเฉินฉุกสนุกจ้าน
 +
จะใคร่ถองสองศอกให้ออกคลาน  จะว่าขานอย่างไรก็ว่ามา
 +
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระไชยเชษฐ์บังคมก้มหน้า
 +
ความกลัวตัวเย็นเป็นเหน็บชา  จะรับผิดพ่อตาให้คร้ามใจ
 +
เหงื่อไคลอาบหน้าเอาผ้าซับ  แต่เวียนกราบเวียนกลับไม่นับได้
 +
คอแห้งสำลักกระอักกระไอ  แข็งใจพิดทูลขอโทษทัณฑ์
 +
ลูกเบาจิตผิดนักผิดหนา  อันที่ขอโทษาถึงอาสัญ
 +
จงโปรดเพียงตีด่าอย่าฆ่าฟัน  ไม่คุมแค้นแม่นมั่นได้เป็นพระ
 +
ทูลพลางทางว่ากับตัวลูก  ทูนหัวช่วยพ่อมั่งสิหนะ
 +
นิ่งเสียได้ไม่เอาเป็นธุระ  เห็นพ่อจะบรรลัยในวันนี้
 +
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระนารายณ์ธิเบศร์ก็หมองศรี
 +
ทูลอัยกาพลางทางโศกี  จงปรานีพ่อข้าอย่าขู่นัก
 +
พรั่นตัวกลัวตาจะถองเล่น  หัวอกเต้นทึกทึกตึกตัก
 +
จะพิดทูลถ้อยคำละล่ำละลัก  แต่ก้มพักตร์โศกาจนตาแดง
 +
อันโทษทัณฑ์นั้นพ่อก็รับผิด  ด้วยเคลิ้มจิตเบาไปมิได้แจ้ง
 +
อดโมโหหันหุนได้บุญแรง  อย่าต่อนัดต่อแนงแกล้งด่าทอ
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  ท้าวสิงหลผินผันกลั้นหัวร่อ
 +
นั่งลงแล้วมีบัญชาล้อ  ลูกพ่อคนนี้มันดีจริง
 +
รับเป็นดั้งหน้าเข้ามาแก้  เฝ้าแต่สำออยอ้อยอิ่ง
 +
อันพ่อของนัดดาตาชังชิง  ชอบแต่ถองให้กลิ้งมันหยิ่งดี
 +
เอออะไรหม่คิดถึงตัวตน  ได้รอดอยู่เป็นคนเพราะใครนี่
 +
พ่อเจ้าเขาเลี้ยงหรือชนนี  ช่างไม่มีเจ็บแค้นแทนแม่เลย
 +
ถ้าพี่เลี้ยงทั้งสี่มันมิช่วย  ทั้งแม่ลูกก็จะม้วยเสียแล้วเหวย
 +
จะส่งท่อนไม้มาให้ตาเชย  ที่ไหนเลยจะได้จ้อขอพ่อไว้
 +
ขอบใจพี่เลี้ยงหนักหนา  บุญคุณมันหาที่สุดไม่
 +
ว่าพลางทางผินพักตร์ไป  ปราศรัยพี่เลี้ยงทั้งสี่คน
 +
สุวิญชามายกความชอบเจ้า  เอ็งเห็นแก่ตาเฒ่าสิงหล
 +
ช่วยลูกเราไว้ไม่วายชนม์  บุญคุณเป็นพ้นคณนา
 +
กูตั้งใจจัดแจงข้าวของ  จะสนองคุณเจ้าให้นักหนา
 +
สมเป็นผู้ใหญ่ไวปัญญา  ไม่หลับหูหลับตาไปตามนาย
 +
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ บัดนั้น  พระพี่เลี้ยงพิดทูลขยับขยาย
 +
ซึ่งทรงพระเมตตาข้ามากมาย  พระคุณคล้ายชนกชนนี
 +
อันพระไชยเชษฐ์สุริย์วงศ์  ใช่จะไม่เกรงองค์ท้าวยักษี
 +
ซึ่งได้เคืองบาทาฝ่าธุลี  โทษผิดครั้งนี้เป็นล้นพ้น
 +
ราหูเข้าเสาร์แทรกชันษา  ประจวบเป็นเวลาอกุศล
 +
พระคลั่งคลุ้นกลุ้มจิตด้วยฤทธิ์มนต์  จึงงวยงงหลงกลอีคนเท็จ
 +
ไม่ช้าพลันครั้นคิดขึ้นมาได้  ก็โศกาเพียงใจจะขาดเด็ด
 +
สู้บุกป่าฝ่าดงลอดเล็ด  เตร่เตร็ดมาตามนางเทวี
 +
แม้นพระองค์มิทรงพระเมตตา  ทั้งเจ้าข้าไม่คืนไปกรุงศรี
 +
เห็นจะพากันตายาวายชีวี  ที่ผิดพลั้งครั้งนี้ได้โปรดปราน
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  ท้าวสิงหลนิ่งนั่งฟังว่าขาน
 +
ค่อยคลายหายเหือดเดือดดาล  มิได้มีพจมานประการใด
 +
ผินพักตร์ไปตรัสกับนัดดา  อันโทษพ่อนั้นตาจะยกให้
 +
แต่ตัดขาดกับมันจนบรรลัย  จะกรวดน้ำเสียไม่ขอพบเลย
 +
ถึงแผ่ทองหุ้มตัวมายับยับ  ก็ไม่ปรารถนานับว่าลูกเขย
 +
อย่าไปมาหากันฉันคุ้นเคย  ใครเกินเลยเถิดนะไม่ละกัน
 +
นัดดาจะรักอยู่ข้างไหน  จงว่าแต่จริงใจอย่าเดียดฉันท์
 +
จะอยู่ด้วยชนนีของเจ้านั้น  หรือจะไปเหมันต์กับบิดา
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระนารายณ์ธิเบศร์ได้ฟังว่า
 +
ก้มเกล้าทูลสนองพระบัญชา  ซึ่งโปรดมาข้ายังไม่ชอบใจ
 +
ที่จริงจิตรักตานั้นเหลือแหล่  รักพ่อรักแม่เท่าพ้อมใหญ่
 +
จะไปกับบิดาก็อาลัย  ด้วยรักใคร่อัยกากับมารดร
 +
แต่ที่จริงในจิตข้าคิดนั้น  จะใคร่ให้ดีกันเหมือนแต่ก่อน
 +
แม้นสมดังปรารถนาว่าวอน  จะสิ้นทุกข์สิ้นร้อนสำราญใจ
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  ท้าวสิงหลสรวลสันต์ไม่กลั้นได้
 +
แกล้งตรัสว่าน่าตีนี่กระไร  ช่างแก้ไขพูดเลียบเปรียบเปรย
 +
เจ้าจะให้ข้านี้ดีด้วยพ่อ  เช่นนี้พอรู้เท่าเจ้าดอกเหวย
 +
อันความแค้นของตาอย่าว่าเลย  ไม่เลี้ยงเป็นลูกเขยคุ้งบรรลัย
 +
แต่ข้างนางแม่ของเจ้านี้  จะดีด้วยพ่อเข้าหอใหม่
 +
หรือจะมิดีก็ตามใจ  กำนัลในไปหามาบัดนี้
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ บัดนั้น  นางกำนัลรับสั่งใส่เกศี
 +
ถวายบังคมคัลอัญชลี  ไปปราสาทเทวีสุวิญชา
 +
ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ
 +
 +
 +
๏ ครั้นถึงจึงทูลนางโฉมยง  ว่าพระบิตุรงค์ให้หา
 +
เชิญเสด็จรีบไปอย่าได้ช้า  แล้วแจ้งกิจจาสารพัน
 +
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  สุวิญชาร้อนจิตคิดพรั่น
 +
ซักไซ้ไต่ถามนางกำนัล  ครั้นแจ้งความสำคัญก็คลายใจ
 +
มาสระสรงทรงเครื่องสุคนธา  นุ่งผ้ายกแย่งระกำไหม
 +
ห่มริ้วทงระยับซับใน  แล้วทรามวัยเสด็จจรจรัล
 +
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
 +
 +
 +
๏ ครั้นถึงมนเทียรท้าวยักษี  เห็นพระสามีหมอบอยู่นั่น
 +
ดูผิดรูปซูบผอมลงไปครัน  สารพัดผิวพรรณก็หมองมัว
 +
ชะรอยพระคิดถึงน้องรัก  จึงโศกนักนึกน่าสงสารผัว
 +
ครั้นเห็นพ่อแลดูก็นึกกลัว  ทำแก้ตัวคมค้อนให้สามี
 +
คลานเข้าไปวันทาพระยายักษ์  แล้วนงลักษณ์ไหว้พี่เลี้ยงทั้งสี่
 +
มิได้พูดจาพาที  เทวีนั่งก้มพักตรา
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ช้า</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  ท่านท้าวสิงหลยักษา
 +
แกล้งชำเลืองแลดูสุวิญชา  เห็นท่วงทีกิริยามึนตึง
 +
จะโกรธผัวจริงจังกระมังหนอ  หรือกลัวพ่อจะว่าทำหน้าบึ้ง
 +
ลูกเราความคิดติดลึกซึ้ง  ไม่รู้ถึงเล่ห์กลเป็นจนใจ
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ จึงว่าแน่แม่เจ้านารายณ์ธิเบศร์  ไชยเชษฐ์ผัวเจ้าเขาคิดได้
 +
มางอนง้อขอดีด้วยทรามวัย  เจ้าจะว่าอย่างไรนะลูกรัก
 +
ถึงจะดีกันไซร้พ่อไม่ห้าม  จะมิดีก็ตามไม่หาญหัก
 +
เมื่อครั้งก่อนพ่อคิดผิดนัก  ไม่หน่วงหนักให้ไปเพราะในเบา
 +
ประเดี๋ยวนี้เขามาหาสู่  ก็เป็นต้นยนต์อยู่ที่ลูกเจ้า
 +
ไปพูดจาสำมะเลเทเมา  แล้วพาเขาเข้ามาว่าวิงวอน
 +
พ่อจึงให้หาเจ้าเพราะเท่านี้  เทวีชั่งจิตคิดดูก่น
 +
เขาก็ได้มาของ้องอน  จะผันผ่อนอย่างไรก็ตามที
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  สุวิญชาสะเทินเมินหน้าหนี
 +
ในจิตคิดรักพระสามี  ครั้นจะดีง่ายง่ายก็อายใจ
 +
จึงทูลสนองพระบัญชา  อันความแค้นของข้าเลือดตาไหล
 +
เขาว่าลูกเต้าเป็นท่อนไม้  ขับไล่ไสหัวเสียจากเมือง
 +
ได้อับอายขายพักตร์หนักหนา  ไพร่ฟ้าระบือลือเลื่อง
 +
ท่านเชื่อเมียสารพัดเฝ้าขัดเคือง  จะรื้อเรื่องร่ำไปทำไมมี
 +
ว่าพลางทางเรียกลูกชาย  เจ้านารายณ์ธิเบศร์มาเสียนี่
 +
เอออะไรด้านหน้าทั้งตาปี  จะใคร่ตีให้ยับลงกับมือ
 +
ช่างโง่งมซมซานหาญฮึก  ยังจะรู้สึกนึกบ้างแล้วหรือ
 +
ให้ร้องเรียกสองรื้อสามรื้อ  ดูเถิดดื้อนี้กระไรยังไม่มา
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระนารายณ์ธิเบศร์โอรสา
 +
นิ่งเสียมิได้ไคลคลา  วันทาแล้วทูลไปทันที
 +
ลูกแข็งขัดพจมานประทานโทษ  พระแม่จงโปรดเกศี
 +
จะขอทูลความทุกข์ของลูกนี้  ถึงจะทุบจะตีจะสู้ทน
 +
อกใครจะเหมือนอกข้า  ได้อับอายไพร่ฟ้าทุกแห่งหน
 +
กำเนิดเกิดมาไม่เทียมคน  เพราะพ่อแม่หมองหม่นน้ำใจกัน
 +
อันบิดาผิดพลั้งแต่ครั้งก่อน  อุตส่าห์มาง้องอนได้ผ่อนผัน
 +
ถ้าทีหลังยังมุดุดัน  จะให้ตาตีรันไม่ฉันทา
 +
จงงดโทษพระพ่อเสียสักหน  ให้ทานบาดคาดบนไว้หนักหนา
 +
เหมือนเมตตาปรานีแก่ลูกยา  ดีด้วยบิดาเถิดมารดร
 +
เฝ้าพิรี้พิไรไม่เขินขวย  พระไชยเชษฐ์ช่วยกระซิบสอน
 +
ทูลพลางทางแกล้งกันแสงวอน  สะอื้นอ้อนร่ำไรไปมา
 +
ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  นางโฉมยงสงสารโอรสา
 +
แต่มานะสตรีมีมารยา  ทำโมโหโกรธาแล้วว่าไป
 +
สู่รู้ดูดู๋เสียแรงเลี้ยง  มาบ่ายเบี่ยงพาทีเช่นนี้ได้
 +
ไม่รำพึงถึงตัวเป็นท่อนไม้  เขาสิรักใคร่เจ้าอยู่นัก
 +
แค้นใจใครหนอช่างชักพา  จึงด้านหน้าด้านตาไปรู้จัก
 +
แค่นเชื่อลิ้นลมไปสมรัก  ทำฮึกฮักพูดจามันน่าตี
 +
อันคนโฉดเช่นนี้แล้วลูกเอ๋ย  อย่าว่าเลยถึงตายไม่ดูผี
 +
อีกร้อยชาติก็ไม่ปรารถนาดี  อย่าเซ้าซี้กวนใจมิใช่การ
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระนารายณ์ธิเบศร์จึงว่าขาน
 +
แม้นพระชนนีมิโปรดปราน  ลูกจะม้วยชนมานเสียมั่นคง
 +
ไม่ควรจะหยิบยกเอาขึ้นว่า  ด้วยพ่อข้าเคลิ้มไปจนใหลหลง
 +
ความรักน้อยหรือเพราะซื่อตรง  สู้บุกป่าฝ่าดงมาติดตาม
 +
ถึงพ่อผิดคิดมั่งฟังลูกเถิด  อย่าประเจิดเชิดชื่อให้คนหยาม
 +
ไม่สงสารลูกเต้าเฝ้าถือความ  จะขอลาตายตามพระพ่อไป
 +
ทูลพลางทางทรงโศกา  พระเจ้าตากระไรเลยช่างเฉยได้
 +
เอ็นดูด้วยช่วยว่าบ้างเป็นไร  พลางกันแสงไห้วิงวอน
 +
ฯ ๘ คำ ฯ โอด เจรจา
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  ท้าวสิงหลมิรู้ที่จะผันผ่อน
 +
เห็นหลานน้อยสร้อยเศร้าเฝ้าทุกข์ร้อน  พระทอดถอนใจใหญ่ไปมา
 +
จึงว่านารายณ์ธิเบศร์เอ๋ย  อย่าร้องไห้ไปเลยฟังตาว่า
 +
เมื่อแม่เจ้าเขาไม่เมตตา  มันก็สุดปัญญาอยู่แล้วละ
 +
เจ้ารักพ่อตามแต่จะแก้ไข  อ้อนวอนกันไปเถิดสินะ
 +
ที่โทษทัณฑ์นั้นตาก็ลดละ  จะให้รับธุระเห็นสุดรู้
 +
คำบุราณหลานยังหารู้ไม่  จะดับไฟหัวลมนั้นยากอยู่
 +
ทีนี้ใครอย่ามากวนกู  จะนั่งดูเล่นตามสบายใจ
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระไชยเชษฐ์ทุกข์ทนหม่นไหม้
 +
เห็นพ่อตาว่าเชือนแชไป  เมียก็ตัดอาลัยสิ้นรัก
 +
ครั้นจะพูดเล้าโลมนางโฉมยง  ก็เกรงพระบิตุรงค์ทรงศักดิ์
 +
แต่นั่งทอดถอนใจใหญ่ฮัก  ชลเนตรนองพักตร์พระภูมี
 +
เฝ้ากระซิบสอนลูกให้ปลอบแม่  พลางแลดูเมียเห็นเบือนหนี
 +
พระสิ้นสติสมประดี  ก็ซบพักตร์โศกีเพียงขาดใจ
 +
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  นวลนางสุวิญชาศรีใส
 +
เห็นองค์ภัสดาโศกลัย  ยิ่งเศร้าใจสงสารพระผ่านฟ้า
 +
ในอกอัดอั้นสู้กลั้นกลืน  แข็งขืนอารมณ์ก้มหน้า
 +
ชลเนตรคลอคลองนัยนา  ทำเป็นผงเข้าตาไม่พาที
 +
สุดที่จะกลั้นรัญจวนจิต  ทำม้วนมิดปิดป้องที่หมองศรี
 +
จึงวันทาลาองค์อสุรี  ไปปราสาทมณีมิได้ช้า
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  ท่านท้าวสิงหลยักษา
 +
ตรองตรึกนึกในไปมา  จะล้างอายขายหน้าให้เป็นธรรม์
 +
จำจะทำโกรธขึ้งขึงไว้  ดูใจไชยเชษฐ์เขยขวัญ
 +
จะมานะกลับคืนไปเหมันต์  หรือจะอยู่รำพันพิไรวอน
 +
ท้าวแสร้างเมินเสียไม่ดูหน้า  ทำปึ่งชาเฉยนิ่งพิงหมอน
 +
เฝ้าแต่ชำเลืองเคืองค้น  แล้วบทจรเข้าที่บรรทมใน
 +
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
 +
 +
 +
<sup>โอ้</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  พระไชยเชษฐ์เศร้าสร้อยละห้อยไห้
 +
ลูบหลังลูกยาแล้วว่าไป  เห็นพ่อจะบรรลัยนี้ไม่แคล้ว
 +
เมื่อองค์พระอัยกาไม่ปรานี  จะทำอย่างไรดีนะลูกแก้ว
 +
แม่เจ้าเขาก็ตัดพ่อขาดแล้ว  ไหนจะแคล้วมอดม้วยด้วยความรัก
 +
ก็จะสู้มรณาไม่ว่าเล่น  ให้มารดาเจ้าเห็นใจประจักษ์
 +
ชาติหน้าบุญมาช่วยนำชัก  ขอให้ได้พบพักตร์ร่วมรักกัน
 +
จงบอกแม่ว่าพ่อนี้ขอลา  ตายไปคอยท่าอยู่เมืองสวรรค์
 +
ลูกเอ๋ยเป็นกรรมมาตามทัน  จอมขวัญจำหน้าบิดาไว้
 +
ตรัสพลางทางทรงโศกี  ปิ้มประหนึ่งชีวีจะตักษัย
 +
ไม่ทันสั่งพี่เลี้ยงร่วมใจ  ภูวไนยสลบลงทันที
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
 +
 +
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เมื่อนั้น  พระกุมารตกใจร้องไห้มี่
 +
พระพี่เลี้ยงเพียงจะวายชีวี  นวดฟั้นคั้นตีทั่วกายา
 +
พระโอรสวิ่งพลางร้องไห้พลาง  พี่นางอยู่งานวานช่วยข้า
 +
เร็วเร็วเร่งทูลพระเจ้าตา  บัดนี้บิดาข้าวายปราณ
 +
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  ท้าวสิงหลได้ฟังสำเนียงหลาน
 +
ลุกจากแท่นที่ตะลีตะลาน  วิ่งสะดุดเครื่องอานออกมาพลัน
 +
เห็นลูกเขยซอนซบสลบไสล  ก็ตกใจเรียกหมอปากคอสั่น
 +
ไปหาลูกกูอีกำนัล  พลางเข้านวดฟั้นสั่นเนื้อตัว
 +
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  สุวิญชาแจ้งเหตุสังเวชผัว
 +
วิ่งวางตัวสั่นอยู่รัวรัว  ตีอกชกหัวร้องไห้พลาง
 +
ถึงปราสาทบิดาเห็นสามี  ไม่ไหวติงอินทรีย์เหมือนผีสาง
 +
ลืมองค์ลืมอายกำนัลนาง  เข้านั่งหนุนปฤษฎางค์ภัสดา
 +
แล้วเอาสุคนธ์โซมชโลมให้  นางร่ำไรเรียกร้องเป็นหนักหนา
 +
สิ้นอายสิ้นกลัวพระอาญา  ออกปากว่าข้าจะดีด้วยแล้ว
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  องค์พระไชยเชษฐ์ผ่องแผ้ว
 +
ค่อยฟื้นองค์ลืมเนตรขึ้นแววแวว  เห็นลูกแก้วกับเมียนั่งโศกี
 +
พระขืนแข็งฤทัยดำรงองค์  กราบลงแทบบาทท้าวยักษี
 +
สุวิญชานึกอายพระสามี  ลุกหนีมานั่งหลังบิดา
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
</tpoem>
 +
===ตอนที่ ๔ อภิเษกพระไชยเชษฐ์===
===ตอนที่ ๔ อภิเษกพระไชยเชษฐ์===
 +
==== ====
<tpoem>
<tpoem>
 +
๏ เมื่อนั้น  ท่านท้าวสิงหลยักษา
 +
เห็นลูกเขยหน้าจ๋อยไม่พูดจา  ให้มีจิตเมตตาปรานี
 +
จึงตรัสว่าโทษทัณฑ์นั้นไซร้  พ่อก็ไม่พอใจจู้จี้
 +
แต่ดูอยู่หน่อยหนึ่งครั้งนี้  จะจะเสียให้ดีด้วยกัน
 +
ฝ่ายข้างสุวิญชายาใจ  เขาก็ไม่รังเกียจเดียดฉันท์
 +
แต่คิดอับอายชาวเหมันต์  จงผ่อนผันให้ดีนะลูกรัก
 +
จะอยู่ด้วยกันไปพ่อไม่ห้าม  อย่าให้เมียมีความอัปลักษณ์
 +
แม้นเจ้าทำตามจะงามพักตร์  ปรากฏยศศักดิ์ทั้งแดนไตร
 +
จงให้ไปเชิญสองกษัตรา  มาแต่งการวิวาห์กันเสียใหม่
 +
อันการเมื่อครั้งหลังนั้นอย่างไร  คราวนี้ก็ให้เหมือนครั้งนั้น
 +
ล้างอายขายหน้าพ่อตาเสีย  ทั้งลูกเมียไม่มีใครเย้ยหยัน
 +
ให้เสนีรีบกลับไปฉับพลัน  กำหนดสิบห้าวันให้ยกมา
 +
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระไชยเชษฐ์รับคำท้าวยักษา
 +
พลางชม้ายชายดูสุวิญชา  เสน่หารัญจวนป่วนใจ
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  สุวิญชาให้คิดพิสมัย
 +
แลสบหลบเนตรภูวไนย  อายใจก็ถวายบังคมลา
 +
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
 +
 +
 +
๏ บัดนั้น  วิฬาร์ลับปากไว้คอยท่า
 +
ครั้นเห็นนางเสด็จกลับมา  หัวร่อแล้วว่าเป็นแยบคาย
 +
วันนี้แลดูแม่สุวิญชา  พักตราผ่องเหมือนกับเดือนหงาย
 +
คราวจะได้สุขสนุกสบาย  กระไรไม่ทักทายอีวิฬาร์
 +
คิดบ้างเป็นไรเมื่อได้ทุกข์  อีขี้ข้าพาบุกมาในป่า
 +
ลืมสิ้นแล้วกระมังแต่หลังมา  อนิจจานิจจาเป็นน่าอาย
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ ได้เอยได้ฟัง  นางแค้นคั่งด่าว่าอีฉิบหาย
 +
มึงมาพูดแอบเป็นแยบคาย  กูไม่ดีง่ายง่ายอย่าเจรจา
 +
พระบิดาจะให้แต่งขันหมากใหม่  มึงรู้มั่งหรือไม่อีชาติข้า
 +
ดื้อดึงขืนขัดพระอัชฌา  จะโกรธขึ้นมาเป็นฟืนไฟ
 +
ทั้งลูกเต้าก็ร้องไห้งองอ  จะให้ดีด้วยพ่อจงได้
 +
มึงอย่ามาเซ้าซี้พิรี้พิไร  กูจะปิดหูไว้ไม่ขอฟัง
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ ไม่เอยไม่แจ้ง  ว่าจะแต่งเข้าหอเหมือนหนหลัง
 +
วิฬารีดีใจพ้นกำลัง  แม่ข้าไหว้วานฟังให้ทุกคน
 +
ถึงต้องทุกข์บุกไพรได้ความยาก  แต่ได้กินขันหมากเป็นสองหน
 +
วันนี้เห็นทีจะชอบกล  หนีนอนเสียให้พ้นข้างไหนดี
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ อีเอยอีวิฬาร์  ปากบอนค่อนว่าน่าบัดสี
 +
นางขัดใจฉวยไม้ไล่ตี  วิฬารีหนีซุกซ่อนไป
 +
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
</tpoem>
</tpoem>
 +
 +
'''(จบฉบับเพียงเท่านี้)'''
 +
== เชิงอรรถ ==
== เชิงอรรถ ==
== ที่มา ==
== ที่มา ==

รุ่นปัจจุบันของ 15:22, 27 สิงหาคม 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

บทประพันธ์

ตอนที่ ๑ นางสุวิญชาถูกขับไล่

ช้า
๏ เมื่อนั้นองค์พระไชยเชษฐ์เรืองศรี
แต่มาอยู่ป่าพนาลีได้เจ็ดราตรีทิวาวัน
ให้หมอเฒ่าเอาช้างไปเที่ยวค้นทุกตำบลโป่งป่าพนาสัณฑ์
ไม่ประสบพบช้างตัวสำคัญจนสิ้นแดนเหมันต์พารา
ฯ ๔ คำ ฯ
ปีนตลิ่ง
๏ เมื่อพระมเหสีจะมีเหตุให้เขม่นนัยน์เนตรทั้งซ้ายขวา
พระทอดถอนหฤทัยไปมาหวนรำลึกตรึกตราถึงเวียงวัง
สงสารสุวิญชาโฉมศรีเทวีมีครรภ์อยู่ข้างหลัง
จะประสูติลูกแก้วแล้วหรือยังไม่มีที่หวังที่ไว้ใจ
นางก็ไร้สุริย์วงศ์พงศ์เผ่าใครจะเอาใจดูหูใส่
จำจะเลิกพหลพลไกรกลับคืนเข้าไปยังพารา
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
คิดพลางทางสั่งเสนีจงตระเตรียมโยธีทั้งซ้ายขวา
เร่งรัดผูกช้างผูกม้าจะคืนเข้าพาราเวลานี้
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเสนีรับสั่งใส่เกศี
ออกมาจัดกันทันทีพร้อมเสร็จดังมีพระบัญชา
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นองค์พระไชยเชษฐ์ก็หรรษา
จึงสระสรงทรงเครื่องสุคนธาทรงมหาภูษิตพรายพรรณ
ครั้นเสร็จเสด็จบทจรขึ้นทรงอัสดรผายผัน
ให้ยกพวกพลช้างดั้นกันคืนเข้าเหมันต์ธานี
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา กราวนอก เชิด
๏ ครั้นถึงจึงประทับม้าทรงเสด็จลงเกยแก้วมณีศรี
พอสิ้นแสงสนธยาราตรีจรลีเข้ายังวังใน
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นเจ็ดนางนารีศรีใส
แจ้งเหตุว่าเสด็จมาแต่ไพรดีใจเปรมปริ่มยิ้มพราย
ชวนกันอาบน้ำทาแป้งจัดแจงแต่งตัวเฉิดฉาย
นุ่งยกห่มตาดนาดกรายผันผายไปเฝ้าพระภูมี
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า
๏ เมื่อนั้นองค์พระไชยเชษฐ์เรืองศรี
เห็นนางสาวสรรค์มาอัญชลีจึงปราศรัยนารีทั้งเจ็ดคน
พี่จากน้องไปคล้องคชสารทรมานนอนป่าพนาสณฑ์
เช้าค่ำรำลึกถึงนฤมลเจ้าทุกคนอยู่ดีหรือฉันใด
อันนางสุวิญชานงเยาว์พี่ฝากฝังให้เจ้าเอาใจใส่
ครรภ์นางก็แก่แต่วันไปเป็นกระไรคลอดลูกแล้วหรือยัง
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ็ดนางทูลไปดังใจหวัง
ข้าทุกข์แทนนฤมลพ้นกำลังเป็นธุระระวังนั่งรำพึง
พอวันหนึ่งนางคลอดโอรสาก่อนหน้าพระเสด็จเข้ามาถึง
รูปร่างพริ้งพร้อมดั่งกล่อมกลึงงามแม้นเหมือนหนึ่งเทวดา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ฟังคำที่ร่ำว่า
เห็นทั้งท่อนไม้ใส่พานมาผ่านฟ้านิ่งอึ้งตะลึงตะไล
เสน่ห์นางเจ็ดคนเข้าดลจิตจะทันพิจารณาก็หาไม่
ให้ชึงชังสุวิญชาแล้วว่าไปจะเลี้ยงไว้ทำไมในธานี
ว่าพลางทางขยับจับพระขรรค์หมายจะไปห้ำหั่นบั่นเกศี
ลงจากแท่นแค้นใจจรลีเจ็ดนางนารีก็ตามไป
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึงเห็นนางสุวิญชายิ่งโกรธาหุนหันมันไส้
กระทืบบาทกึกก้องทั้งห้องในชี้หน้าว่าไปกับนงลักษณ์
เสียแรงเราชุบเลี้ยงถึงเพียงนี้ควรหรือมีลูกอ่อนเป็นท่อนสัก
ให้อับอายขายหน้านักหนานักสิ้นรักใคร่กันแล้วหรือวันนี้
แม้นเลี้ยงไว้ในเมืองจะเลื่องลือขึ้นชื่อว่าเป็นเมียเสียศักดิ์ศรี
ชอบแต่สังหารผลาญชีวีภูมีฮึดฮัดขัดแค้นใจ
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
โอ้
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาตัวสั่นหวั่นไหว
กันแสงพลางทางทูลภูวไนยเขาจะคิดอย่างไรเมียไม่รู้
แต่แรกเจ็บท้องร้องครวญครางเจ็ดนางมานั่งหนุนหลังอยู่
แล้วขับไล่ข้าไทมิให้ดูเมียไม่รู้ทันเท่าเขาคิดคด
นางว่าข้าไม่เคยจะคลอดลูกเอาผ้าผูกพันตาเสียมืดหมด
เมื่อแรกประสูติพระโอรสเสียงร้องปรากฏเหมือนเสียงคน
บัดนี้ลูกอ่อนเป็นท่อนไม้เพราะเขาปิดตาไว้ไม่เห็นหน
พระองค์จงคิดดูเล่ห์กลลูกคนใครห่อนเป็นท่อนไม้
เมื่อฟังคำข้างเดียวมาเกรี้ยวโกรธจะลงโทษน้องรักให้ตักษัย
เมียจะผินพักตราไปหาใครร่ำพลางสะอื้นไห้ไปมา
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ฟังคำจึงซ้ำว่า
เหม่เหม่ดูดู๋สุวิญชายังขืนกลับมาว่าเขาพาโล
ยักเยื้องพูดจาสารพัดเจ้าสำบัดสำนวนกวนโมโห
เมื่อลูกเป็นท่อนไม้ไอ้กะโตข้ามิใช่ชายโง่จะงงงวย
เจ็ดนางรักเจ้าเรารู้แจ้งว่าเขาแกล้งใส่ไคล้ไม่เห็นด้วย
อย่าพักทำกำสรดระทดระทวยจะมอดม้วยไม่ทันรุ่งพรุ่งนี้
ว่าพลางทางเรียกเสนาใครอยู่บ้างข้างหน้าเข้ามานี่
จงเอาตัวสุวิญชากาลีไปประหารชีวิตให้วายปราณ
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเสนาคำนับรับบรรหาร
เข้าผูกรัดมัดมือเยาวมาลย์ลนลานรีบพาออกมาพลัน
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาตระหนกอกสั่น
เหลียวดูภัสดาแล้วจาบัลย์ครวญคร่ำรำพันวิงวอน
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้
๏ โอ้ว่าพระองค์ทรงเดชโปรดเกศหยุดยั้งมั่งก่อน
พระจะให้ห้ำหั่นบั่นรอนโทษกรณ์น้องนี้ไม่มีเลย
ช่างเชื่อแต่เจ็ดนางไปข้างเดียวไม่แลเหลียวดูมั่งนั่งนิ่งเฉย
แต่ก่อนร่อนชะไรก็ไม่เคยอกเอ๋ยน้องคิดเห็นผิดใจ
นางวิ่งเข้ากอดบาทภัสดาขอโทษกรณ์วอนว่ากราบไหว้
เสนาเข้าคร่าเอาตัวไปอรไทครวญคร่ำร่ำโศกา
ฯ ๖คำ ฯ โอด เชิด
ร่าย
๏ ครั้นออกมานอกทวารวังพอเห็นพี่เลี้ยงนั่งอยู่พร้อมหน้า
นางร้องเรียกไปมิได้ช้าเชษฐาโปรดด้วยช่วยน้องไว้
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้นสี่พี่เลี้ยงย่างเหย่าเข้ามาใกล้
เห็นเขาจูงสุวิญชาพาไปตกใจตัวสั่นเข้ากั้นกาง
พวกเสนาว่าหลีกไปให้พ้นต่างคนฮึดฮัดขัดขวาง
พระพี่เลี้ยงชิงไว้ไม่ละวางแล้วถามว่าโทษนางเป็นอย่างไร
ฯ ๔คำ ฯ เจรจา
๏ ครั้นรู้แน่ตระหนักประจักษ์ความจึงห้ามเสนาว่าไม่ได้
ถ้าแม้นขืนฆ่าฟันให้บรรลัยนานไปเราร่อยจะพลอยตาย
ท่านจงหยุดยั้งรั้งรอข้าจะไปทูลขอนางโฉมฉาย
มิให้ม้วยมอดวอดวายว่าแล้วสี่นายจรลี
ฯ ๔คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึงคลานเข้าไปเฝ้าก้มเกล้าประณตบทศรี
กราบทูลไปพลันทันทีพระภูมีเป็นไฉนจึงใจเบา
ธรรมดาลูกอ่อนเป็นท่อนไม้มีมั่งหรือไม่แต่ก่อนเก่า
แต่เพียงนี้มิรู้ดูเอายิ่งกว่ามัวเมามึนตึง
ธรรมดาเมียหลวงกับเมียน้อยย่อมคอยหยิบผิดคิดหวงหึง
ช่างไม่ตรองตรึกให้ลึกซึ้งเหมือนไม่รู้ถึงทันเมีย
ล้วนเหล่าริษยาเป็นอารมณ์มีแต่จะเรียกลมให้เรือเสีย
ทั้งเล่ห์กลกระทำยำเยียจะให้เขาผัวเมียได้รำคาญ
ถึงว่านางจะเป็นเช่นนั้นไซร้ก็ยังไม่ควรสั่งให้สังหาร
รู้ถึงสิงหลมิเป็นการจะมาผลาญเสียสิ้นทั้งเหมันต์
มนุษย์หรือจะสู้กับหมู่ยักษ์จะเคี้ยวเล่นเป็นผักไม่พักหั่น
พระองค์จงโปรดยกโทษทัณฑ์อย่าให้ชีวันนางมอดม้วย
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
สามเส้า
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ได้ฟังก็เห็นด้วย
จริงอยู่พี่ว่าข้างงงวยเพราะใครใครไม่ช่วงห้ามปราม
มีแต่จะเติมเสริมซ้ำจึงพลอยพล้ำเผลอไปไม่ไต่ถาม
น้องนี้โฉดเฉาเบาความนี่หากว่าพี่ห้ามจึงได้คิด
ถ้าสิงหลรู้ไปที่ไหนนั่นจะพากันย่อยยับดับจิต
ใครจะออกต่อต้านทานฤทธิ์น่าที่ชีวิตจะม้วยมรณ์
ตายแล้วหรือยังอยู่สุวิญชากลับไปให้หาเข้ามาก่อน
อย่าให้ห้ำหั่นบั่นรอนทำโทษโรธกรณ์เยาวมาลย์
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ เมื่อนั้นเจ็ดนางนั่งฟังอยู่ในม่าน
ได้ยินสี่พี่เลี้ยงทูลทัดทานว่าขานเป็นแยบก็แปลบใจ
นิ่งอยู่ดูเห็นจะเป็นรองชวนกันเผยม่านทองสองไข
โกรธาชี้หน้าแล้วว่าไรนี่อะไรมากลุ้มรุมชิงชัง
ชิชะท่านสารพัดรู้มาข่มขู่ตะคอกหลอกผู้หญิง
ลิ้นลมคมสันขยันจริงพูดแยบแอบอิงสอพลอพลอย
หรือทั้งสี่แจ้งใจว่าใครทำจึงพิดทูลปรักปรำให้ยับย่อย
ช่างซื้อหน้ามาเฝ้าทูลตะบอยข้าสิน่ากลัวน้องไปเมื่อไร
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้นพระพี่เลี้ยงเคืองขัดอัชฌาสัย
จึงว่าข้าทูลขออรไทกลการอะไรมาโกรธฟุ้ง
ชาติวัวระวังสันหลังขาดเห็นแต่กาบินผาดก็สะดุ้ง
เรารู้อยู่เต็มใจในไส้พุงอย่าหยาบยุ่งกรุ่งกริ่งเจรจา
หากว่าภูวไนยไม่ให้ถามนางรูปงามจึงออกมาลอยหน้า
แม้นทรงฤทธิ์ให้เราพิจารณาที่ไหนเจ้าจะมาท้าทายอึง
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ็ดนางพิโรธโกรธขึ้ง
จึงร้องว่าอย่าพักรำพึงข้าไม่อยากพรั่นพรึงทั้งสี่นาย
จะถามไถ่อย่างไรก็ถามกันที่จะเป็นเช่นนั้นอย่านึกหมาย
มาช่วยกันแก้หน้าว่าไม่อายเที่ยวเอาความร้ายมาบ้ายทา
ทั้งสี่นี้ดูเหมือนงูงอดจะคอยมองย่องตอดกระมังหนา
เมื่อลูกเป็นท่อนสักประจักษ์ตายังจะแค่นมีหน้าว่ากั้นกาง
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
สมิงทองไทย
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์นิ่งฟังทั้งสองข้าง
ผลกรรมจำให้เริดร้างพระเคืองข้องหมองหมางในอารมณ์
ฟังสี่พี่เลี้ยงก็เห็นชอบฟังเจ็ดนางตอบก็เห็นสม
เห็นชอบเป็นผิดคิดนิยมด้วยว่าอาคมเข้าดลใจ
พระตรัสห้ามความเสียทั้งสองข้างจะถากถางเถียงกันหาควรไม่
อันนางสุวิญชานั้นไซร้พี่ขอชีวิตไว้ก็ตามที
แต่ตัวมันนั้นอัปมังคลเร่งขับไปให้พ้นจากกรุงศรี
อย่าให้มานั่งเฝ้าเซ้าซี้แม้นช้าชีวีจะบรรลัย
ฯ ๘คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาได้ฟังนั่งร้องไห้
โศกศัลย์รันทดสลดใจทรามวัยไม่เป็นสมประดี
ดังหนึ่งจะพินาศขาดจิตสุดสิ้นชีวิตลงกับที่
นางเข้ากอดบาทาพระสามีโศกีครวญคร่ำร่ำไร
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
โอ้
๏ โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมแก้วจะขับเมียเสียแล้วหรือไฉน
พระเคืองข้องน้องผิดด้วยสิ่งไรภูวไนยไม่ทรงพระเมตตา
ถึงกระไรไต่ถามความสักนิดถ้าแม้นผิดแล้วก็ตามแต่โทษา
นี่ทรงฤทธิ์ไม่พิจารณาชะรอยกรรมเวราของน้องนี้
เมื่อเมียได้กุมภามาเลี้ยงไว้ก็จากเวียงชัยไปในไพรศรี
มาเป็นบาทบริจาพระสามีพอประจบครบปีจะจำไกล
เที่ยงนางกลางคืนถึงเพียงนี้จะเดินดงพงพีกระไรได้
ตัวเป็นผู้หญิงจะวิ่งไปหนทางกลางไรพนาดร
โปรดให้เมียพักแต่สักคืนพออยู่ไฟอยู่ฟืนเสียหน่อยก่อน
ร่ำพลางนางคิดอาวรณ์สองกรข้อนทรวงเข้าโศกา
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ฟังคำที่ร่ำว่า
ยิ่งมีโมโหโกรธาจึงร้องด่าสำทับขับไป
เหม่อีอัปรีย์ทรลักษณ์มึงอย่างพักมานั่งร้องไห้
ยังขืนขัดผัดวันขออยู่ไฟหัวจะขาดปลิวไปไม่ทันรู้
อย่าว่าแต่คืนหนึ่งถึงครู่เดียวพระอินทร์มาเขียวเขียวไม่ให้อยู่
เร่งไปให้พ้นบ้านเมืองกูค่ำมืดไม่รู้ไม่เข้าใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นวิฬาร์ฟังว่าน่าหมั่นไส้
เจ็บจิตสุดที่จะคิดไปน้อยใจเป็นพ้นคณนา
ถึงโศกีก็ไม่มีใครเอ็นดูยังจะอยู่เอาอะไรให้เร่งว่า
จึงวิ่งเข้าแย่งยุดฉุดมือมาไปพาราเราเถิดนะทรามวัย
เมื่อพลัดพรากจากเมืองมาคราวแล้วแต่หม่อมแม่กับอีแมวยังมาได้
ดึกดื่นคืนค่ำค่อยคลำไปร้องไห้ไยให้เสียน้ำตา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาตอบคำวิฬาร์ว่า
ข้าก็รู้อยู่สิ้นแล้ววิฬาร์ท่านไม่เมตตาจึงขับไป
เมื่อความผิดนิดหนึ่งก็ไม่มีคิดแค้นเท่านี้จึงร้องไห้
วิฬาร์อย่าเพ่อคลาไคลทรามวัยวิ่งกลับคืนมา
โอ้
๏ ยอกรก้มกราบกับตีนผัวพ่อทูนหัวจงโปรดเกศา
ซึ่งว่าโทษตัวน้องชั่วช้าพระจงพิจารณาให้แจ้งใจ
นี่ไม่ถามความเลยมาเฉยเสียพระจะดูหน้าเมียก็หาไม่
ว่าพลางนางทรงโศกาลัยอรไทพ่างเพียงจะมรณา
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ บัดนั้นวิฬาร์น้อยใจเป็นนักหนา
คิดแค้นแล่นไปด้วยโกรธาฉุดมือนางมาแล้วว่าไป
คิดบ้างเป็นไรในสวนขวัญหนียักษ์ตัวสั่นดังลูกไก่
จักแหล่านชีวันจะบรรลัยยังแต่ลมหายใจอยู่รวยรวย
ไม่พบเราบบ่าวนายก็ตายแล้วพูดอ้อนวอนแมวให้ช่วยด้วย
ที่นี้แทนคุณให้ที่ไม่ม้วยทั้งเจ้าข้ารื่นรวยบริบูรณ์
เสียแรงรักภักดีสุจริตแทบจะเอาชีวิตมาสาบสูญ
อนิจจาอาภัพลับเหมือนปูนหม่อมเมียท่านทูลท่านเชื่อกัน
ว่าพลางพานางลีลาศลงจากปราสาทเฉิดฉัน
วิฬาร์นำหน้าจรจรัลนางโศกศัลย์ดำเนินเดินมา
ฯ ๑๐ คำ ฯ ทยอย
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ผันแปรแลหา
เห็นโฉมงามเดินตามหลังวิฬาร์ให้คืนคิดเมตตาอาลัย
ความรักหักห้ามโมโหหายแสนเสียดายไม่กลั้นน้ำตาได้
นี่เนื้อว่าเวรกรรมได้ทำไว้จึงเกิดเข็ญเป็นไปถึงเพียงนี้
เสียทีเพียรพากลำบากกายปิ้มจะตายเพราะมิ่งมารศรี
ได้สมสองครองกันพอครบปีจะมาจากอกพี่ไปทั้งรัก
นิจจาเอ๋ยเดินพลางร้องไห้พลางสงสารนางนักหนาน่าอกหัก
จะเรียกกลับอับอายเสนานักพระทรงศักดิ์อักอ่วนป่วนใจ
ไม่มีสุขผุดลุกผุดนั่งร้อนรุมคลุ้มคลั่งดังเพลิงไหม้
แต่รัญจวนครวญคร่ำร่ำไรภูวไนยโศกาจาบัลย์
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นสุวิญชามิใคร่จะผายผัน
กันแสงพลางทางลงอัฒจันทร์แว่วเสียงโศกศัลย์สะดุ้งใจ
จึงยืนยั้งฟังศัพท์สำเนียงได้ยินเสียงผัวรักร้องไห้
นางตีอกฟกช้ำร่ำไรทรามวัยวิ่งกลับคืนมา
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
โอ้
๏ ยอกรกราบลงกับเบื้องบาทใจจะขาดด้วยความเสน่หา
เป็นกรรมตามสนองทั้งสองราพระจะทรงโศกาไปว่าไร
ธรรมดาจารีตเป็นกษัตริย์โองการตรัสขาดแล้วไม่คืนได้
น้องนี้จะขอลาคลาไคลสัญจรไปตามกรรมได้ทำมา
นางยกบาทผัวขึ้นทูลเกศชลเนตรไหลหลั่งทั้งซ้ายขวา
ตีอกชกเกล้าเข้าโศกาซบกับบาทาพระสามี
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้นเจ็ดนางร้อนใจดังไฟจี้
เห็นนางสุวิญชามาโศกีกลัวว่าเขาจะดีกันผัวเมีย
คิดวิตกอกไหม้ไส้ขมในอารมณ์นั้นจะใคร่ให้ขับเสีย
จึงชี้หน้าว่านางช่างทำเยียมาอะลิ้มอะเหลี่ยภูวไนย
อีหน้าด้านมารยาพิรากวนทำกระบวนชวนผัวให้ร้องไห้
จะพะนึงพะเน้าเอาอะไรไปไปแล้ววกหกกลับมา
คนกระลีกระลำส่ำเสียให้เพื่อนเมียพลอยอายขายหน้า
ไสหัวไปให้พ้นพารามึงอย่ามายียวนกวนพระทัย
บ้างว่าน่าเกลียดเคียดค้อนขอดค่อนงอนว่าไม่ปราศรัย
บ้างยั่วเย้าเฝ้าทูลตะบอยไปปรานีมันไยอีใจคด
แต่เลือดร้ายในกายยังกอกเสียมานั่งนับกับเมียที่อัปยศ
ชั่วชาติอุบาทว์ไม่เป็นรสเชิญเสด็จทรงยศเข้าห้องใน
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้นวิฬาร์ฟังว่าไม่อดได้
ความโกรธกระโดดโลดเข้าไปแล้วจูงมืออรไทออกมา
ทำลอยหน้าลอยตาพาทีตัวเป็นทาสีแล้วมิสา
ทั้งโหดไร้ไม่มีปัญญาขืนจะขึ้นแข่งหน้าว่าไม่ฟัง
รูปร่างของตัวก็ชั่วช้าแล้วหยูกยาอาคมก็ไม่ขลัง
สารพัดวิบัติให้ผัวชังถึงจะโปรดปรานมั่งก็เจ็บใจ
ช่างอาภัพอับจนหม่นหมองจะผินพึ่งพี่น้องก็ไม่ได้
จึงต้องจ้างช่างทำท่อนไม้ไปซ่อนใส่สมหวังแล้วครั้งนี้
เอออะไรที่ไหนมานั่งวอนให้เขาค่อนแคะว่าน่าบัดสี
มิใช่แม่แก่เฒ่าเมื่อไรมีแต่เป็นม่ายเพียงนี้ไม่น้อยใจ
มันไม่ต้องอารมณ์สมประกอบผิดชอบชั่วดีมีผัวใหม่
เที่ยงนางกลางคืนแม่มาไปกลัวอะไรมือค่ำกรรมของตัว
จะเที่ยวหาหมอยามนต์ดลทำเสน่ห์กลซนหาผัว
ให้มันขลังทั้งรักทั้งกลัวขึ้นนั่งซังตั้งตัวเป็นผู้ดี
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสุริยาเคืองเคียดมันเสียดสี
จึงชี้หน้าว่าอีวิฬารีมึงพาทีเถียงแทนช่วยแค้นเคือง
กูจะตอบสำนวนไม่ควรคู่เหมือนเอาทองไปถูรู่กระเบื้อง
ไสหัวมึงไปเสียจากเมืองจะยักเยื้องอย่างไรเขาไม่ฟัง
อีแมวอุบาทว์ชาติขี้ข้ามึงไม่รู้ว่าฟ้าจะเคืองหลัง
แม้นเจ้าข้ามิไปให้พ้นวังกูจะสั่งให้เขาไสคอไป
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นวิฬาร์ฟังว่าน่าหมั่นไส้
จะออมอดลดละมันทำไมตายไหนตายไปคงให้ลือ
จึงร้องว่าแน่คะหม่อมเมียเอกอภิเษกขึ้นใหม่เมื่อไรหรือ
บัญชาแทนรับสั่งนั่งชี้มือมาออกหน้าค่าชื่อไม่อายใจ
เจ้าสิคนสบเสียนางเมียต้นจะฆ่าผู้ฟันคนก็ทำได้
มานั่งขับเหนื่อยปากลำบากใจเอาจับใส่หีบฝังเสียทั้งเป็น
อีพวกเหล่าเจ้าเสน่ห์เล่ห์กลแต่ละคนใจคอไม่พอเล่น
มันตาร้อนตาไฟมิใช่เย็นเอาคนฝังทั้งเป็นอีอัปรีย์
แม้นเจ้าข้าพากันวายชนม์ถ้ารู้ถึงสิงหลยักษี
เหมันต์ก็จะหมดทั้งธานีอสุรีเคี้ยวเล่นเป็นผักไป
ว่าพลางพานางจรลีลงจากปราสาทศรีที่อาศัย
ออกนอกพระทวารวังในเดินไปตามถนนธานี
ฯ ๑๒ คำ ฯ เพลง
             

๏ ครั้นออกมานอกประตูเมืองพอเรื่อเรืองรุ่งแจ้งแสงสี
วิฬาร์ทูลความตามคดีเมื่อเทวีประสูติพระโอรส
ข้าระวังนั่งเฝ้าแฝงประตูแอบดูเห็นแน่แก่ตาหมด
อีทั้งเจ็ดทุจริตคิดคดลักองค์โอรสใส่หีบมา
ข้าวิ่งแอบอ้อมด้อมตามไปพอถึงต้นไทรสาขา
มันยั้งหยุดขุดหลุมที่ฉายาแล้วฝังหีบรีบมาเสียทันที
ข้าไปดูที่ฝังสังเกตไว้จำได้สันทัดสนัดสนี่
ทูลพลางทางรีบจรลีนำนางเทวีไปทันใด
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงพระไทรสาขาวิฬาร์จึงแจ้งแถลงไข
มันฝังองค์พระโอรสไว้อยู่ใต้ร่มไทรต้นนี้
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนางสุวิญชาโฉมศรี
ดีใจเป็นพ้นพันทวีก็ขุดลงตรงที่ฝังไว้
ฯ ๒ คำ ฯ
ล่องเรือ
๏ ขุดไปไม่พบพระโอรสนางกำสรดดิ้นโดยโหยไห้
สะอื้นพลางทางถามวิฬาร์ไปเหตุไฉนไม่พบพระลูกยา
ฯ ๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ บัดนั้นวิฬาร์หลากใจเป็นนักหนา
หรือผีสางบังหูบังตามาหลอนหลอกหยอกข้าดอกกระมัง
คิดแล้วนางแมวยกมือไหว้ขอให้ได้พระกุมารเหมือนใจหวัง
เทพไทองค์ใดที่กำบังจะแต่งตั้งสังเวยที่ร่มไทร
ข้าจะรำฉุยฉายถวายมือให้เลื่องลือว่าแมวนี้รำได้
บนพลางทางแลดูไปก็เห็นหีบที่ในหลุมนั้น
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา ฉุยฉาย
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
เอาหีบมาเปิดฝาดูพลันจึงเห็นโอรสนั้นเป็นชาย
ยกพระลูกน้อยขึ้นใส่ตักพิศพักตร์ลักขณาเฉิดฉาย
ทรงศรพระขรรค์สำหรับกายทั้งม้ารถพรรณรายก็มีมา
นางแสนพิศวาสพระลูกรักจูบพักตร์แล้วทูนเหนือเกศา
พ่อคุณทูนหัวของมารดาจะหาไหนได้เหมือนเช่นนี้
แม่คิดว่าอาสัญบรรลัยตามจากแม่ไปไม่เห็นผี
ร่ำพลางทางทรงโศกีมารศรีพ่างเพียงจะขาดใจ
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
๏ ครั้นสร่างโศกาปรึกษาแมวเราพบลูกแล้วจะไปไหน
หรือจะกลับหลังยังเวียงชัยทูลให้ทราบเบื้องบาทา
เมียท่านทำการถึงเพียงนี้จะดูพระสามีพิพากษา
เจ้าจะเห็นอย่างไรนางวิฬาร์จงว่ามาให้แม่แจ้งใจ
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นวิฬาร์เคืองขัดอัชฌาสัย
จึงตอบวาจาไปทันใดช่างไม่อายแก่ใจหรือไรนา
เขาขับหนีตีด่าว่าตัวชั่วยังแค่นคิดถึงผัวจะไปหา
ไม่เจ็บจำน้ำคำอีสุริยามันด่าว่านั้นน้อยไปเมื่อไร
ข้างผัวก็หลงงงงวยเมียว่าไรว่าด้วยไม่ถามไถ่
จะขืนไปบอกเล่าเขาทำไมเขาจะเชื่อที่ไหนว่าลูกตน
เมื่อรักผัวไม่คิดถึงตัวแล้วอีแมวก็จะในไพรสณฑ์
จะอุตส่าห์สัญจรซอนซนกว่าจะถึงสิงหลเวียงชัย
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาฟังแจ้งแถลงไข
แต่วิฬาร์ยังว่าน่าอายใจคิดมานะพระทัยขึ้นมา
จำจะผายผันสัญจรไปนครสิงหลยักษา
แต่ขัดสนจนเสียด้วยมรคาไม่รู้ว่าตำแหน่งแห่งใด
นางจึงยอกรขึ้นเพียงผมบังคมเทวาในป่าใหญ่
เชิญช่วยนำข้าคลาไคลไปถึงเวียงชัยฉับพลัน
ฯ ๖ คำ ฯ
ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงท้าวสหัสนัยน์รังสรรค์
อาสน์อ่อนร้อนเร่าดังไฟกัลป์เร่งคิดอัศจรรย์เป็นพ้นนัก
จึงเล็งทิพเนตรลงมาเห็นนางสุวิญชามีศักดิ์
มาประสบพบองค์โอรสรักจะไปสู่สำนักพระบิดา
จำกูจะให้นำไปถึงกรุงไกรสิงหลยักษา
อย่าให้นางทนทุกข์ทรมาเวทนาแก่องค์พระกุมาร
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ จึงตรัสสั่งพระวิษณุกรรม์จงจรจรัลไปในไพรสาณฑ์
พานางสุวิญชานงคราญไปส่งถึงสถานธานี
ฯ ๒คำ ฯ
๏ บัดนั้นพระวิษณุกรรม์เรืองศรี
รับสั่งท้าวสุชัมบดีบังคมลาจรลีลงมาพลัน
ฯ ๒คำ ฯ กลม
๏ ครั้นถึงจึงมีวาจาเจ้าอย่าวิโยคโศกศัลย์
เราจะมาพานางจรจรัลไปส่งยังเขตขัณฑ์เวียงชัย
ฯ ๒คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสุวิญชานารีศรีใส
ชื่นชมเปรมปรีดิ์ดีใจยอกรบังคมไหว้เทวา
แล้วอุ้มองค์โอรสยศยงวางลงยังราชรถา
พระวิษณุกรรมขับมาวิฬาร์นำหน้าคลาไคล
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงหิมวันต์บรรพตให้หยุดรถอยู่ริมภูเขาใหญ่
เห็นน้ำพุจากผาชลาลัยอรไทยินดีปรีดา
จึงยกเอาลูกน้อยกลอยใจลงจากพิชัยรถา
พาไปสระสรงคงคาวิฬาร์ก็พาเสด็จไป
ฯ ๔ คำ ฯ ลงสรง
๏ ครั้นชำระสระสรงพระลูกแล้วคลาดแคล้วจากเชิงเขาใหญ่
นางเปลื้องภูษาผ้าสไบผูกเป็นเปลให้เจ้าไสยา
กอดจูบลูกแก้วแล้วเชยชมค่อยวางลงบรรทมในเปลผ้า
นอนเสียเถิดพ่ออย่าโศกาปลอบพลางกัลยาก็กล่อมไป
ฯ ๔ คำ ฯ
กล่อม
๏ เจ้านอนไปเถิดแม่จะกล่อมเจ้างามละม่อมจะไกวให้
ขวัญอ่อนอย่าอ้อนอาลัยหลับไปเถิดพ่ออย่าโศกา
แม่ลูกมีกรรมลำบากต้องตกยากนอนหลับกับเปลผ้า
แม้นอยู่เวียงวังพระบิดาจะไสยาอู่ทองรององค์
ตื่นบรรทมนางนมจะแซ่ซ้องค่อยประคององค์วางในอ่างสรง
ครั้นเห็นลูกหลับไปดังใจจงบังอรเอนองค์ลงไสยา
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ
ร่าย
๏ ครั้นพระสุริยันตะวันชายแสงสายบ่ายบังพฤกษา
พระกุมารก็ฟื้นตื่นนิทรากัลยาโอบอุ้มเอามาพลัน
โลมลูบจูบกอดให้กินนมเชยชมรับมิ่งสิ่งขวัญ
แล้ววางองค์ลงเหนือรถสุวรรณวิษณุกรรม์นำหน้าพาจรลี
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ สุริยาสายัณห์ลงรอนรอนก็ถึงพระนครท้าวยักษี
เทวาลากลับไปทันทีเทวีอุ้มลูกคลาไคล
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เดินพลางทางทรงโศกาชลนาแถวถั่งหลั่งไหล
ชวนนางวิฬาร์ผู้ร่วมใจรีบไปเฝ้าองค์พระบิดา
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงท้องพระโรงรูจีเทวีคิดเกรงท้าวยักษา
ยั้งหยุดยืนแฝงทวาราตรึกตรองกิจจาจะเพ็ดทูล
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลราชนเรนทร์สูร
สถิตเหนือแท่นรัตน์เรืองจำรูญพร้อมมูลข้าเฝ้าท้าวพระยา
ว่าขานกิจการนคเรศให้เขม่นนัยน์เนตรทั้งซ้ายขวา
พระยายักษ์นิ่งนึกตรึกตราจะได้ลาภหรือว่าจะได้ทุกข์
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ แต่ก่อนร่อนชะไรไม่เคยเป็นจะพูดเล่นเจรจาไม่ผาสุก
จึงตรัสเรียกกระดานหมากรุกมาทรงเล่นกับมุขมนตรี
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นนวลนางสุวิญชาโฉมศรี
แอบประตูดูองค์อสุรีเห็นท่วงทีเริงรื่นชื่นบาน
อุ้มองค์ลูกน้อยกลอยใจร้องไห้เข้าไปตรงหน้าฉาน
ก้มเกล้าประณตบทมาลย์นงคราญซวนซบสลบลง
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลเร่งคิดพิศวง
แปลกนางสุวิญชาโฉมยงด้วยพระองค์ชราหูตามัว
พิศดูเอ๊ะนี่มีธิดาเป็นไรมาสลบซบหัว
ท้าวค่อยประคองต้องตัวลูบทั่วสรรพางค์นางเทวี
ตรัสเรียกเท่าไรก็ไม่ขานพระยามารเรียกหมออึงมี่
พลางทรงนวดฟั้นให้ทันทีเสนีนิ่งได้ไม่ช่วยกู
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ ครั้นนางค่อยฟื้นสมประดีเทวียังทรงกันแสงอยู่
ประคอบปลอบเล้าโลมนางโฉมตรูจะใคร่รู้เนื้อความจึงถามไป
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จอมเอยจอมขวัญเหมันต์เกิดเข็ญเป็นไฉน
หรือผัวเจ้าเขาทำให้ช้ำใจได้ลำบากยากไร้อับจน
มีธุระอะไรนะบังอรจึงมายังนครสิงหล
เหตุไรไม่มีรี้พลมาแต่สองคนกับอีแมว
นี่ลูกเต้าของใครได้ไหนมาดูหน้าตายิ้มยิ่งผ่องแผ้ว
ยังเล็กนักได้สักกี่เดือนแล้วลูกแก้วจงแถลงแจ้งกิจจา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาบังคมก้มหน้า
นางคิดพิดทูลแต่อัชฌาด้วยกลัวจะโกรธาพระสามี
เดิมยกลูกให้พระไชยเชษฐ์ไปจากนคเรศยักษี
เธอร่วมเรียงเลี้ยงลูกไว้ดิบดีมิได้มีอาธรรม์อันใด
เมื่อจะเกิดเหตุนั้นลูกครรภ์แก่เป็นกรรมแต่หนหลังมาซัดให้
เขาบอกข่าวช้างเผือกที่ในไพรพระสามีดีใจไปคล้องช้าง
ข้าคลอดลูกชายภายหลังเพื่อนเมียมานั่งอยู่รอบข้าง
สมคะเนเล่ห์กลอีเจ็ดนางจะแกล้งล้างผลาญข้าให้บรรลัย
เอาลูกน้อยนี้ใส่ในหีบผ้าให้ทาสาไปฝังนอกกรุงใหญ่
พอผัวกลับมาถึงเวียงชัยมันเอาท่อนไม้ไปให้ดู
พระไชยเชษฐ์นั้นไม่ทันคิดจำจิตขับข้าด้วยอดสู
อันที่ฝังลูกยาวิฬาร์รู้มาขุดดูได้ลูกที่ต้นไทร
เดชะสมภารพระหลานขวัญเทวัญเอารถลงมาให้
แล้วช่วยพามาส่งถึงกรุงไกรจงทราบใต้บาทบงสุ์พระทรงฤทธิ์
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลฟังเรื่องให้เคืองจิต
จึงว่าชะไชยเชษฐ์ช่างไม่คิดถึงชอบผิดก็ควรจะบอกกู
น้อยหรือขับไล่ไม่ไว้หน้าให้พ่อตาอัปยศอดสู
มันเชื่อฤทธิ์จะลองฝีมือดูเห็นว่ากูแก่เฒ่าจะเข้าโลง
เมื่อเมียมันพาลผิดริษยาเห็นตัวอยู่อิจฉาโต้งโต้ง
อ้ายคนหลับตาบ้าลำโพงโป้งโย้งพูดฮึกไม่ตรึกตรา
งมเงาแล้วมิหนำซ้ำจองหองถ้าอยู่ใกล้จะถองให้หนักหนา
จำจะหามาถามตามกิจจามันจะว่าอย่างไรจะใคร่ฟัง
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้นวิฬาร์แค้นคิดถึงความหลัง
เห็นนางทูลปิดงำอำปลังนี่เนื้อยังรักผัวกลัวจะเคือง
วิฬาร์ขัดใจเข้าไปทูลว่านางเล่าเค้ามูลไม่สิ้นเรื่อง
พอผัวเขากลับมาถึงเมืองมันยักเยื้องยุยงให้โกรธา
หม่อมเมียว่าไรก็เป็นนั่นสารพันแคะไค้พิไรว่า
ไม่ไต่ถามความพิจารณาสั่งให้เข่นฆ่านางโฉมตรู
หากสี่พี่เลี้ยงมาขอไว้ทั้งเจ้าข้าจึงได้รอดอยู่
เธอว่ายับขับเสียไม่เลี้ยงดูนางผัดพอเช้าตรู่จะจรลี
เธอยิ่งกราดเกรี้ยวเคี่ยวเข็ญถ้าขืนอยู่ก็เห็นจะเป็นผี
ข้าจึงพานางมาในราตรีปิ้มชีวีจะม้วยด้วยเจ็บใจ
ทั้งผัวเมียเขารุมกันด่าว่าหาเกรงใต้บาทาผ่านฟ้าไม่
ขันศึกฮึกฮักเป็นพ้นไปว่าจะสู้ภูวไนยไม่พรั่นพรึง
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลพิโรธโกรธขึ้ง
ลุกขึ้นกระทืบบาทตวาดอึงสุวิญชาดูดู๋มึงไม่บอกกู
ช่างรักผัวกระไรกระนี้หนอให้หม่อมพ่อไชยเชษฐ์มาลบหลู่
ความโตความใหญ่พ่อไม่รู้หากวิฬาร์ลูกกูมันเจ็บอาย
อัปยศครั้งนี้เป็นที่สุดถึงชีวิตม้วยมุดก็ไม่หาย
มันดูหมิ่นถิ่นแคลนกูมากมายจะปล่อยแก่แก้อายไม่เกรงมัน
ชะอ้ายไชยเชษฐ์ลูกเขยคงได้เล่นกันเหวยอย่าคึกขัน
ขัดเขมรเป็นเกลียวเคี้ยวฟันโจนจากแท่นสุวรรณทันที
เขี้ยวงอกออกข้างละสามวานัยนาดังแสงพระสุริย์ศรี
สำแดงแผลงฤทธิ์อสุรีเพียงพื้นปัถพีจะโทรมทรุด
ฯ ๑๐ คำ ฯ คุกพาทย์
๏ จับศรสะพายแล่งแกว่งตระบองขึ้นฆาตกลองสำคัญชั้นสุด
แล้วให้เตรียมทัพสำหรับยุทธ์กู้จะไปรบมนุษย์เมืองเหมันต์
พระยามารมายังเกยลายืนท่าพหลพลขันธ์
ร้องเรียกโยธีนี่นันหุนหันฮึดฮัดขัดใจ
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ ครั้นพร้อมเสร็จเสด็จขึ้นทรงรถยกอสุรจัตุรงค์ทัพใหญ่
กระทืบบาทเร่งราชรถชัยออกไปจากวังไม่รั้งรอ
ฯ ๒คำ ฯ กราว
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาขวัญหนีดีฝ่อ
วิ่งตะกายน้ำลายไม่ติดคอกลัวพ่อจะไปฆ่าพระสามี
ตามยุดท้ายรถกำสรดพลางนวลนางร้องทูลท้าวยักษี
จงผินพักตรามาพาทีเทวีครวญคร่ำร่ำวิงวอน
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้ปี่
๏ โอ้ว่าพระองค์ผู้ทรงเดชโปรดเกศลูกมั่งจงยั้งก่อน
พระจะยกพลมารไปราญรอนทำโทษโรธกรณ์กับเขาไย
คิดเห็นเป็นกรรมลูกเที่ยงแท้จึงได้แต่ทุกข์ทนหม่นไหม้
พลัดพรากพ่อแม่มาเดินไพรนี่หากได้พึ่งบาทพระบิดา
ชีวิตจึงรอดไม่วอดวายทั้งกุมารหลานชายเป็นสุขา
ครั้งนี้มิทรงพระเมตตาก็จะเป็นเวราแก่ข้านี้
ประทานโทษเถิดทูลกระหม่อมเอ๋ยอย่าไปเลยจงคืนเข้ากรุงศรี
ให้เห็นแก่นัดดาของภูมีเทวีทูลพลางทางโศกา
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ บัดนั้นท้าวสิงหลให้คิดเสนหา
เหลียวมาปลอบพระธิดาอย่าโศกาอาวรณ์ร้อนรน
จึงมีสิงหนาทประกาศร้องให้เลิกกองทัพกลับเข้าสิงหล
ง่าหัตถ์รับนางนฤมลขึ้นนั่งบนรถาแล้วพาที
พ่อขัดใจไชยเชษฐ์มันดูแคลนเจ็บแค้นดังหัวอกเป็นฝี
หากสงสารหลานน้อยคนนี้ดับโมโหเสียทีเอาบุญไว้
ตรัสพลางทางเหลือบเห็นวิฬาร์รื้อคิดโกรธาขึ้นมาใหม่
ชังลูกชังหลานงุ่นง่านใจแกว่งตระบองร้องให้กลับรถ
เสนาเร่งขับพลขันธ์จะไปเหยียบเหมันต์ให้แหลกหมด
กูจะได้แก้แค้นแทนทดกระทืบบาทเร่งรถรีบไป
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาอกสั่นหวั่นไหว
วอนว่าพาทีรี้พิไรพระบิตุรงค์จงได้เมตตา
หลานน้อยนี้จะเป็นกำพร้าพ่อลูกขอประทานโทษา
ทูลพลางนางซบพักตรากอดบาทพระบิดาโศกาลัย
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลกลับคิดพิสมัย
จึงโลมเล้าธิดายาใจอย่าร้องได้ไปเลยนะลูกรัก
พ่อคิดแค้นขึ้นมาก็งุ่นง่านจะใคร่ยกพลมารไปหาญหัก
อันโทษตัวผัวเจ้ามันฮึกฮักจะยกให้หลานรักอย่าทุกข์ร้อน
แล้วดำรัสตรัสร้องเปรยไปลูกหลานมันร้องไห้ไม่หยุดหย่อน
ให้กลับพหลพลนิกรคืนเข้าพระนครมิทันช้า
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงขึ้นบนปราสาทเสด็จนั่งเหนืออาสน์อันเลขา
เชยชมพระราชนัดดาเป็นที่เสน่หาพระยายักษ์
ขนานนามประทานหลานชายชื่อนารายณ์ธิเบศร์สมศักดิ์
ให้พี่เลี้ยงนางนมพร้อมพรักบำรุงรักษ์พระกุมารสำราญใจ
ฯ ๔ คำ ฯ
             

ตอนที่ ๒ พระไชยเชษฐ์ตามนางสุวิญชา

ช้า
๏ เมื่อนั้นฝ่ายท้าวธรรมึกเป็นใหญ่
แต่ละห้อยคอยหาพระดนัยมิได้เป็นสุขสักเวลา
จึงตรัสกับมเหสีพี่ทุกข์นักลูกรักของเรานี้ไปป่า
จะคล้องช้างอยู่กลางพนาวาหรือกลับมายังไม่ถึงธานี
สงสารสุวิญชาทรงครรภ์จะเป็นฉันใดอยู่ไม่รู้ที่
จำจะไปเยี่ยมเยือนเทวีให้แจ้งเหตุร้ายดีประการใด
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ จึงชวนพระมเหสีบังอรบทจรจากแท่นที่อาศัย
สองกษัตริย์ลีลาคลาไคลเสด็จไปปราสาทพระโอรส
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงแลดูประตูปิดประหลาดจิตเงียบเชียบไปไหนหมด
พระดำเนินเดินเที่ยวเลี้ยวลดรอบปราสาทโอรสด้วยสงกา
จึงร้องเรียกสุวิญชานารีชนนีบิตุรงค์ลงมาหา
หลับไปหรือไรไม่พูดจาแก้วตาเปิดรับพ่อฉับไว
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ทอดถอนใจใหญ่
แว่วเสียงพระชนกก็ตกใจพรั่นตัวกลัวภัยเป็นสุดคิด
ด้วยขับไล่สุวิญชาบังอรไม่ทูลก่อนทำตามอำเภอจิต
กลัวความทั้งนี้จะมิมิดทรงฤทธิ์อ้นอั้นตันใจ
จึงค่อยย่องมามองเมียงดูเปิดประตูมิใคร่จะออกได้
จำเป็นก็จำออกไปบังคมไหว้ทั้งสองกษัตรา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระบิตุรงค์เห็นองค์โอรสา
สะกิดบอกมเหสีโสภาหน้าตาลูกเราเศร้าโศกไป
ดูท่วงทีกิริยาไม่สบายดีร้ายชะรอยจะเจ็บไข้
จึงตรัสถามไปพลันทันใดเจ้ามาถึงเมื่อไรนะลูกยา
ซึ่งว่าช้างเผือกพลายพังได้พบมั่งหรือไม่ที่ในป่า
จริงเหมือนหนังสือเขาถือมาหรือว่าเหตุผลประการใด
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ทูลแจ้งแถลงไข
ลูกอุตส่าห์จัดแจงเสียแรงไปเชือกบาศเชือกใช้ก็เตรียมครบ
หมายใจว่าจะได้ช้างสำคัญดันดั้นในป่าเที่ยวหาจบ
ชั้นแต่รอยเท้าก็ไม่พบพอครบเจ็ดวันก็รีบมา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสองกษัตริย์สุริย์วงศ์นาถา
จึงตรัสแก่องค์พระลูกยาสงสารสุวิญชาทรามวัย
นางไกลชนนีบิตุรงค์เจ้าจงเอาใจดูหูใส่
จะคลอดลูกคลอดเต้าไม่เข้าใจให้นอนฟืนนอนไฟอย่าใจเบา
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์บังคมก้มเกล้า
คิดเสียดายสุวิญชานงเยาว์จึงทูลเล่าเนื้อความตามกิจจา
ลูกไปป่ามาถึงไม่ทันนั่งเห็นท่อนไม้มาตั้งอยู่ตรงหน้า
เจ็ดนางว่าลูกสุวิญชาเกิดมาเป็นกลีไม่ดีจริง
สองพระองค์จงโปรดปรานีลูกนี้อับอายชายหญิง
เขาว่าขานมีพยานอ้างอิงพิเคราะห์ความจริงข้างสุริยา
ให้เคืองขัดอัดอั้นตันจิตสุดคิดที่จะงดอดโทษา
จึงขับไล่นางไปกับวิฬาร์ออกนอกทวาราแต่คืนนี้
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระบิตุรงค์ธิราชเรืองศรี
ได้ฟังคั่งแค้นแสนทวีจึงว่าแก่มเหสีทรามวัย
ดูดู๋ไชยเชษฐ์ทะนงศักดิ์ฮึกฮักไม่บอกเล่าเราผู้ใหญ่
ที่ไหนมั่งลูกคนเป็นท่อนไม้ผิดเพศวิสัยในแผ่นดิน
เราก็ได้มีเมียมาเสียหนักจนฟันหักหัวหงอกไปหมดสิ้น
เกิดมาแก่จะตายพึ่งได้ยินช่างเชื่อลิ้นหลงกลคนมารยา
ชิชะขอบใจไชยเชษฐ์ฤทธิ์เดชสุงสิงหยิ่งนักหนา
ทำตามลำพังอหังการ์ไม่เกรงศักดาพระยามาร
ว่าแล้วสั่งสี่พี่เลี้ยงพลันจงเกณฑ์กันพลเรือนแลทหาร
ไปติดตามสุวิญชานงคราญเที่ยวค้นดูทุกบ้านแลดงดอน
แม้นประสบพบนางเทวีว่าเรานี้ให้คืนเข้ามาก่อน
จะถามดูให้รู้โทษกรณ์อ้อนวอนว่ากล่าวทั้งวิฬาร์
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นพระพี่เลี้ยงรับสั่งใส่เกศา
ต่างถวายบังคมแล้วไคลคลาออกมาบอกเวรเกณฑ์กัน
เรียกหาบ่าวไพร่วุ่นวายจัดแจงแต่งกายขมีขมัน
ครั้นเสร็จก็รีบจรจรัลแยกกันไปตามมรคา
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ออกนอกพารามาถึงทางหนึ่งจะเข้าประตูป่า
เที่ยวดูสำคัญสัญญาก็พบรอยวิฬาร์จำปาทอง
ทั้งสี่ยินดีปรีดาหัวเราะร่ากระหยิ่มยิ้มย่อง
ให้บ่าวสนิทติดพี่น้องเป็นนายกองเก็บดอกจำปาไป
แล้วรีบตามทรามวัยจะให้ทันดันดั้นเดินมาในป่าใหญ่
สักครู่หนึ่งก็ถึงต้นไทรแลไปเห็นหีบก็สงกา
ต่างวุ่นวิ่งชิงกันเข้าเพ่งพิศประหลาดจิตเปิดดูเห็นภูษา
จำปาทองตกกลาดดาษดาพี่เลี้ยงพูดจาหารือกัน
แล้วแยกย้ายเดินไปด้อมมองเที่ยวท่องตามไปในไพรสัณฑ์
บ้างระวังนั่งเฝ้าของสำคัญบ้างชวนกันขึ้นบนต้นไม้ดู
บ้างเที่ยวไปพบรอยอัสดรซอกซอนเที่ยวหาเป็นหมู่หมู่
ไม่ประสบพบนางโฉมตรูต่างกู่บ่าวไพร่มาพร้อมกัน
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
๏ จงปรึกษาหารือกันทั้งสี่เรานี้จำจะรีบผายผัน
ไปทูลความตามได้ของสำคัญทรงธรรม์จะโปรดประการใด
ครั้นจะเที่ยวหาองค์นงลักษณ์ไม่ประจักษ์ว่าไปตำบลไหน
ว่าแล้วพากันคลาไคลบ่าวไพร่แบกหีบรีบตามมา
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงตรงเข้าไปเฝ้าก้มเกล้าบังคมเหนือเกศา
แล้วกราบทูลความตามกิจจาเดิมข้าไปถึงชายไพร
พบรอยเท้าแมวเป็นแถวถ้องดอกจำปาทองก็ใหม่ใหม่
จึงตามรอยดำเนินเดินไปถึงต้นไทรได้หีบกับผ้านี้
ทั้งจำปาทองก็กองกลาดผิดประหลาดไม่พบนางโฉมศรี
ข้าเที่ยวดูในดงพงพีพบแต่รอยพาชีรอยรถ
ครั้นดั้นดันค้นหาต่อไปรอยรถมโนมัยก็หายหมด
สุดที่จะเที่ยวเลี้ยวลดพระทรงยศจงทราบฝ่าธุลี
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นท่านท้าวธรรมึกเรืองศรี
เห็นหีบกับสไบของเทวีภูมีสงสัยในวิญญาณ์
จึงตรัสแก่มเหสีทรามวัยพิเคราะห์ไปสมสิ้นดังเราว่า
เจ้าจะเห็นอย่างไรให้ว่ามาอันนางสุวิญชานงเยาว์
อีเหล่านี้ริษยาสาธารณ์เอาท่อนไม้ใส่พานว่าลูกเขา
เฝ้าตะบอยบอกผัวยั่วเย้าอนิจจาลูกเราช่างเบาความ
ถึงจะเป็นกาลีดีชั่วเมียของตัวเป็นไรไม่ไต่ถาม
ผิดชอบก็ไม่รู้วู่วามขับไล่เล่นตามสบายใจ
นี่แน่ไชยเชษฐ์ลูกเอ๋ยกระไรเลยงวยงงหลงใหล
จงพินิจพิศดูผ้าสไบเห็นเจ้าจะจำได้ดอกกระมัง
อันหีบใหญ่ใบนี้อยู่กลางดงมันคงจะใส่เอาไปฝัง
แต่จนใจว่าไปก็อำปลังจะคอยฟังถ้อยคำสุวิญชา
เออสิ่งของร่องรอยก็พบสิ้นจะแทรกดินบินไปไหนหนักหนา
อ้ายทั้งสี่พี่เลี้ยงมึงกลับมามุสาเปล่าเปล่าไม่เข้าการ
เสียแรงกู้ไว้เนื้อเชื่อใจช่างนิ่งได้มุดหัวอยู่กับบ้าน
ชอบแต่เฆี่ยนให้หลังเป็นทาลานการงานหนักเบาไม่เข้าใจ
ฯ ๑๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นนางแก้วสัจจาอัชฌาสัย
เคืองแค้นลูกยาแล้วว่าไปนั่งดูอยู่ไยไม่พาที
ของนี้จำได้หรือไม่เล่าลูกเต้าอะไรที่ไหนนี่
พลอยเฟือนเปื้อนปนเจ้าคนดีช่างไม่มีความคิดสักนิดเดียว
เชื่อลิ้นหลงกลคนโกหกมีแต่พกโมโหฉุนเฉียว
ใจคอพอดีกระนี้เจียวจะบอกแม่คำเดียวไม่น้อยใจ
นิจจาเอ๋ยสุวิญชาบังอรจะซอกซอนไปตำบลหนไหน
จะอดอยากลำบากประการใดว่าพลางอรไทก็โศกี
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์สุริย์วงศ์เรืองศรี
เห็นองค์สมเด็จพระชนนีโศกีรำพันว่าไป
คิดถึงเมียเสียใจอาลัยนักพระเมินพักตร์ผินผันกลั้นร้องไห้
พลางหยิบดอกจำปาผ้าสไบภูวไนยแลเล็งเพ่งพิศ
แล้วทูลสองพระองค์ทรงเดชจงโปรดเกศเกศีลูกนี้ผิด
เพราะโมโหหุนหันไม่ทันคิดอกุศลดลจิตให้เป็นไป
หากสี่พี่เลี้ยงเข้ากั้นกางขอโทษนางอ้อนวอนเป็นไหนไหน
จึงมิได้ฆ่าฟันให้บรรลัยขับไล่เสียจากพารา
เดชะบุญจางตลอดรอดฝั่งอีคนชังคนคิดริษยา
จะเสี่ยงสับแล่เนื้อเอาเกลือทาแก้แค้นแสนสาแก่ใจมัน
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท่านท้าวธรรมึกนึกหุนหัน
จึงตรัสว่าไม่เห็นถึงเช่นนั้นน้อยหรือให้ฆ่าฟันกัลยา
นี่หากอ้ายทั้งสี่พี่เลี้ยงมันว่ากล่าวบ่ายเบี่ยงเป็นหนักหนา
ยังขับไล่เสียจากพารางามหน้าแล้วคราวนี้ดีแท้
จะพูดไปเหนื่อยเปล่าไม่เข้าข้อถึงเป็นพ่อก็ทำไมกับคนแก่
นับวันแต่จะเฟือนเชือนแชไม่รู้คุ้งรู้แควประตูไร
แต่คิดมาหรือหนึ่งจะต้องว่าจะพลอยพาความผิดถึงผู้ใหญ่
หยาบหยามทำตามอำเภอใจยิ่งกว่าข้าสินไถ่ที่ได้มา
ถ้านางไปทูลท้าวกล่าวโทษจะกริ้วโกรธขัดแค้นแสนสา
ก็จะยกพวกพลอสุรารีบมาเคี้ยวกันสิ้นทั้งเมือง
จงเร่งคิดติดตามทรามวัยไปแก้ไขทูลความตามเรื่อง
ชี้แจงบรรยายให้หายเคืองเร่งออกจากเมืองในวันนี้
ว่าพลางชวนนางแก้วสัจจาลีลาลงจากปราสาทศรี
พร้อมสนมกำนัลขันทีภูมีเสด็จคลาไคล
ฯ ๑๔ คำ ฯ เสมอ
ช้า
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์รัศมีศรีใส
ครวญคร่ำกำสรดระทดใจอยู่ในแท่นที่ศรีไสยา
ฯ ๒ คำ ฯ
พญาโศก
๏ ทอดองค์ลงนอนเหนืออาสน์กรก่ายพระนลาฏละห้อยหา
คิดคะนึงถึงโฉมสุวิญชาให้มีความเมตตาอาลัยนัก
แต่เจ้าพลัดพรากจากบุรีพี่นี้วิตกเพียงอกหัก
จากเมียเสียทั้งพระลูกรักทรงศักดิ์รัญจวนครวญคราง
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้
๏ โอ้ว่าสุวิญชาของผัวเอ๋ยบาปสิ่งไรเลยเราเคยสร้าง
บันดาลดลให้มีอีเจ็ดนางมันเกิดมาตามล้างในชาตินี้
จึงเผอิญให้ผัวมัวนิยมสมาคมคบพวกเดียรถีย์
ไม่รู้กลคนกาลกิณีจึงเสียมิ่งมารศรีน่าน้อยใจ
สงสารปานนี้นางโฉมตรูจะไปอยู่แห่งหนตำบลไหน
หรือจะตายวายวางเสียกลางไพรหรือจะไปได้ถึงพระบิดร
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแสนเทวษชลเนตรซึมซาบอาบหมอน
พระโศกศัลย์กันแสงถึงบังอรแน่นอนสะอื้นไห้ไปมา
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้นนางศรีสุริยาเสน่หา
เห็นพระโฉมยงทรงโศกาสะอื้นถึงสุวิญชาก็พรั่นใจ
จึงเรียกนางอุบลวดีครั้นนี้เราจะคิดเป็นไฉน
หยูกยาอาคมที่ทำไว้ก็เสื่อมคลายหายไปทุกเวลา
พระรื้อครวญคร่ำรำพึงคิดถึงสุวิญชาเป็นหนักหนา
แม้นตามไปได้ตัวกลับมาเบื้องหน้าก็จะเกิดวุ่นวาย
จำเราจะพากันขึ้นไปเยาะเย้ยไยไพพระโฉมฉาย
ให้เธออัปยศอดอายแล้วเดินกรายตรงไปไม่รั้งรอ
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
เย้ย
๏ ครั้นถึงจึงเข้าผลักไสทุกข์ร้อนถึงใครกระนี้หนอ
เฝ้าครวญคร่ำน้ำเนตรยังคลอคลอเห็นต่อจะรำลึกถึงเมียรัก
นางสุวิญชาเป็นกาลีเผอิญมีลูกอ่อนเป็นท่อนสัก
ยังอาลัยในหญิงทรลักษณ์ไม่อายพักตร์นักสนมกรมใน
เขาจะว่าพระองค์หลงเมียขับไล่ไปเสียแล้วร้องไห้
นางอื่นหมื่นแสนแน่นไปมิใช่สตรีมีจำเพาะ
ไม่เหมือนนางหน้านวลไม่ควรคู่แต่เจ้าสุวิญชาจะพาเหาะ
เดี๋ยวนี้พรากจากท้าวเป็นคราวเคราะห์ไปสืบเสาะตามหาเอามาซิ
รักเมียสุดอย่างห่างไม่รอดเป็นไรไม่กอดกันไว้สิ
ขับเสียจากวังแล้วนั่งมิสิ้นสติมึนตึงตะลึงตะไล
สมเพชเวทนาน่าหัวร่อทุกข์ร้อนงอนหง่อเหมือนจับไข้
รู้กระนี้ขับเมียเสียทำไมแล้วจะมาอาลัยเมื่อปลายมือ
น้ำลายคายถ่มลงถึงดินจะกลับคืนกลืนกินไม่เกลียดหรือ
ไพร่บ้านพลเมืองจะเลืองลืออึงอื้อไปทั่วทั้งเหมันต์
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา
             

ร่าย
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์เคืองแค้นแสนศัลย์
งุ่นง่านดาลเดือดดุดันขบฟันเกรี้ยวกราดตวาดไป
เหม่อีขี้ข้าหน้าเป็นมาเยาะเย้ยกูเล่นหรือไฉน
กูขับเมียกูเสียก็เพราะใครพวกมึงหรือมิใช่มายุยง
มึงอย่าพักชมชื่นรื่นรวยชีวิตมึงจะม้วยเป็นผุยผง
แม้นตามไปได้สมดังใจจงจะปลดปลงทั้งโคตรอีเจ็ดคน
วันนั้นเสียความไม่ถามไถ่กูหลงเชื่ออีใจอกุศล
ไม่ทันคิดพิเคราะห์ดูเล่ห์กลบันดาลดลจิตใจให้ขับน้อง
มึงทั้งเจ็ดคนอีชาติข้าเห็นกูไปมาก็จองหอง
ทำแก่เนื้อแก่ตัวหนังหัวพองเหมือนกิ้งก่าได้ทองผูกคอไว้
กูได้หีบมาเป็นสำคัญจะได้เล่นเห็นกันให้จงได้
ช่างพันผูกว่าลูกเป็นท่อนไม้นั่นเล่ห์กลของใครอีมารยา
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนางอุบลวดีเสน่หา
เคืองค้อนย้อนตอบพระวาจาถึงหีบหีบได้มาไม่ตกใจ
ใครยั่งยืนว่าข้าทำร้ายอันจะคิดตัวตายอย่าสงสัย
ถึงจะดำน้ำลุยไฟไม่ย่อท้อต่อใครอย่าสงกา
สิได้หีบมาเห็นเป็นสำคัญก็เชิญไปตามกันที่ในป่า
เกลือกว่าจะพบพระลูกยาจะได้พามาให้พร้อมพรัก
ข้านี้ขี้ข้าอยู่ในเรือนมันไม่เหมือนหม่อมแม่เจ้าท่อนสัก
แต่ขับไล่ไปแล้วยังร่ำรักจนพระพักตร์ดูดำดังหมึกทา
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์เคืองแค้นแสนสา
ดูดู๋ลิ้นลมเจรจาต่อล้อเล่นหน้าคารมดี
อุตส่าห์เร่งขึ้นเสียงเถียงให้อึงหัวมึงจะขาดอยู่ที่นี่
พระกริ้วโกรธนักดังอัคคีเหม่อีกาลีมึงเย้ยใคร
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
ศัพท์ไทย
๏ ว่าเอยว่าแล้วฉวยพระขรรค์แก้วเลี้ยวไล่
ทุดอีจัญไรวิ่งไปไยนา
ปากกล้าสาหัสกูจะตัดเกศา
อีเจ้ามายาขี้ข้าอาธรรม์
พระยิ่งโกรธเกรี้ยวไล่เลี้ยวห้ำหั่น
กระชิดติดพันฟาดฟันวุ่นไป
ฯ ๖ คำ ฯ
รื้อ
๏ เจ็ดเอยเจ็ดนางเถียงพลางวิ่งพลางไม่เข้าใกล้
เขาว่าถูกใจออกไล่ฆ่าฟัน
คลั่งถึงเมียรักฮึกฮักหุนหัน
ว่าพลางพากันพัลวันวิ่งไป
ฯ ๔ คำ ฯ
รื้อ
๏ อีเอยอีเจ็ดคนยังขึ้นเสียงเถียงลนทะเลาะได้
กล้าดีหนีไยอีใจฉกรรจ์
หัวมึงจะพับลงกับพระขรรค์
ว่าพลางทรงธรรม์ไล่ฟันกัลยา
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ ครั้นเห็นเจ็ดนางหนีไปคั่งแค้นพระทัยเป็นหนักหนา
หวนรำลึกถึงสุวิญชาเสด็จมายังพระโรงรูจี
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ลดองค์ลงนั่งเหนืออาสน์ประภาษสั่งพี่เลี้ยงทั้งสี่
ให้ผูกม้าเตรียมพลมนตรีพรุ่งนี้น้องจะไปไพรวัน
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นพระพี่เลี้ยงรับสั่งแล้วผายผัน
มาจัดพลผูกม้าเครื่องสุวรรณเตรียมท่าทรงธรรม์ที่เกยลา
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ลือเดชทุกทิศา
ครั้นสว่างสร่างแสงพระสุริยาเสด็จมาสระสรงสาคร
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ทรงเครื่องประดับสรรพเสร็จขัดพระขรรค์ใจเพชรสะพักศร
แล้วลีลามาทรงอัศดรให้เลิกพลนิกรไคลคลา
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
ชมดง
๏ พระเสด็จเข้าในไพรไพฤกษ์คะนึงนึกถึงเจ้ายอดเสน่หา
พลางชมรุกขชาติดาษดาบ้างทรงผลผกาอรชร
หอมหวนอวลอบมารวยรินกลั้วกลิ่นเหมือนกลิ่นดวงสมร
พระผันแปรแลเห็นทิชากรบ้างบินร่อนเรียกคู่บ้างจับคอย
เบญจวรรณจับวัลย์พ้นอุโลกถวิลวันวิโยคที่โศกสร้อย
กระลิงจับไม้กระลิงลอยเหมือนขับไล่สาวน้อยให้คลาดแคล้ว
นกหว้าจับไม้ขานางนอนเหมือนน้องวอนว่าพี่อยู่แจ้วแจ้ว
นกกระเต็นเต้นไต่ต้นช้องแมวเหมือนน้องแก้วไต่เต้าตามวิฬาร์
ชมพลางทางคะนึงถึงเมียรักพระทรงศักดิ์เศร้าสร้อยละห้อยหา
ไม่แลดูหมู่ไม้สกุณารีบเร่งอาชาจรลี
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
ตะนาว
๏ เดินพลางทางเห็นจำปาทองเรี่ยรายก่ายกองตามวิถี
ทั้งรอยแมวขุดคุ้ยปัถพีจึงบอกสี่พี่เลี้ยงมิได้ช้า
อันนวลนางมาทางสิงหลได้น้องนี้ดีใจเป็นหนักหนา
ชะรอยเจ้าเศร้าโศกไคลคลาดอกจำปาจึงตกตามทางไป
แล้วสั่งบรรดาพวกพลให้ดั้นด้นค้นคว้าในป่าใหญ่
สั่งพลางทางขับมโนมัยตามรอยดอกไม้ไปดู
ฯ ๖ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
ร้องเชิดฉิ่ง
๏ เห็นจอมปลวกตอไม้หมายว่าน้องพระก้มองค์ลงมองอยู่เป็นครู่
ครั้นแลไปมิใช่นางโฉมตรูให้คิดอายอดสูในพระทัย
เห็นเงาไวไวอยู่ในรกรื้อขับม้าหกมาดูใหม่
เข้าใกล้มิใช่นางทรามวัยชลนัยน์ไหลหลั่งลงหลังม้า
ได้ยินเสียงดุเหว่าเร่าร้องเอ๊ะเสียงน้องโน่นแล้วกระมังหนา
ฟังไปมิใช่เสียงสุวิญชาพระทรงโศกาแล้วคลาไคล
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ ครั้นถึงปลายแดนเมืองสิงหลให้พักพลหยุดอยู่ในป่าใหญ่
พระตรัสแก่พี่เลี้ยงทันใดเราจะตั้งแรมไรอยู่ที่นี้
จะได้ซับซาบดูให้รู้ข่าวว่านางมาถึงท้าวยักษี
หรือเวียนวนหลงอยู่พนาลีจะได้ยกโยธีไปเที่ยวค้น
พี่ออกไปบอกเสนาให้ตั้งพลับพลาพนาสณฑ์
อย่าเกรียวกราวป่าวร้องจงทุกคนรู้ถึงสิงหลจะวุ่นวาย
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นพระพี่เลี้ยงรับสั่งแล้วผันผาย
จึงเรียกหาบรรดาตัวนายแล้วบรรยายสั่งความตามบัญชา
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเสนาตำรวจในซ้ายขวา
ให้บ่าวไพร่ตัดไม้เกี่ยวคามาปลูกพลับพลาฉับพลัน
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นองค์พระไชยเชษฐ์เฉิดฉัน
พอพระสุริยาสายัณห์จรจรัลขึ้นสู่พลับพลาชัย
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ลดองค์ลงนั่นเหนืออาสน์จะดำรัสตรัสประภาษก็หาไม่
ให้คิดรำพึงคะนึงในถึงนางทรามวัยสุวิญชา
ครั้นเพลาพลบค่ำย่ำฆ้องเสียงนกหกร้องก้องป่า
จึงเสด็จเข้าในที่ไสยาเอนองค์ลงนิทราไม่มีสบาย
ฯ ๔ คำ ฯ      ตระ ประทมไพร
ช้าปี่
๏ พระแน่นอนถอนทอดใจใหญ่คิดใคร่ครวญไปฤทัยหาย
กูขับเมียเสียรู้อีแสนร้ายมันอุบายพูดพ้อล่อลวง
พอฉุกจิตคิดกลับสิขับแล้วดังดวงแก้วตกลงชเลหลวง
น้อยใจเจ็บช้ำระกำทรวงมันแกล้งเด็ดเอาดวงชีวิตไป
แต่จากมิ่งเมียขวัญจนวันนี้ผัวจะมีความสุขก็หาไม่
เจ้าคิดถึงพี่บ้างหรืออย่างไรหรือจะแค้นเคืองใจไม่ไยดี
นิจจาเอ๋ยป่านนี้สุวิญชาจะอยู่ป่าหรือจะอยู่ในกรุงศรี
พระรัญจวนครวญหาในราตรีจนม่อยหลับไปกับที่ไสยา
ฯ ๘ คำ ฯ      ตระ
ช้า
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์โอรสา
อยู่ในสิงหลพาราจนชันษาอายุได้เจ็ดปี
รูปทรงละม่อมพร้อมพริ้งงามยิ่งเทวาในราศี
เสวยรมย์สมบัติสวัสดีกับพระชนนีโฉมตรู
เมื่อวันจะพบพระบิตุเรศให้บังเหตุโอรสคิดอดสู
น่าเจ็บใจใครหนอเป็นพ่อกูจึงถามมารดาดูทันใด
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ อันพระบิตุเรศของลูกรักไม่รู้จักรูปทรงว่าองค์ไหน
เห็นแต่แม่ผู้เดียวเปลี่ยวใจกับท้าวไทอัยกาเป็นสองคน
สุริย์วงศ์พงศ์ประยูรที่คุ้นเคยช่างไม่มีบ้างเลยในสิงหล
โปรดเกล้าเล่าแถลงแจ้งยุบลเหตุผลเป็นไฉนพระชนนี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนวลนางสุวิญชามารศรี
ได้ฟังลูกยาพาทีเทวีก็คิดสะดุ้งใจ
เหตุนี้ดีร้ายพระบิดาตามมาแล้วลูกจึงนึกได้
แสนสงสารลูกน้อยกลอยใจชลนัยน์ไหลหลั่งดังธารา
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นพระนารายณธิเบศร์โอรสา
แลเห็นสมเด็จพระมารดาชลนาไหลพรากก็หลากใจ
จึงทูลว่าข้าถามถึงบิตุรงค์เป็นไฉนไยทรงกันแสงไห้
เหตุผลต้นปลายประการใดจงบอกเล่าลูกไปตามสัจจา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสุวิญชากล่าวแกล้งแสร้งว่า
เมื่อกี้แม่แหงนดูหลังคาผงปลิวเข้าตาให้เคืองคาย
ชลเนตรไหลหลั่งลงพรั่งพรูเคืองอยู่เดี๋ยวนี้ยังมิหาย
ซึ่งถามถึงบิดาอย่าวุ่นวายแม่จะบอกฤาสายอย่าร้อนรน
อันบิตุเรศเกิดเกศของเจ้านั้นคือพระองค์ทรงธรรม์ท้าวสิงหล
จงไปเฝ้าอัยกาเจ้าสากลทูลถามเหตุผลให้แจ้งใจ
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์สิ้นสงสัย
แล้วบังคมลาคลาไคลไปเฝ้าท้าวไทอัยกา
ฯ ๒ คำ ฯ      เพลง
๏ ครั้นถึงมหาปราสาทจึงลีลาสเข้าไปใกล้ยักษา
ลดองค์ลงกราบกับบาทานั่งเฝ้าอัยกาพระยายักษ์
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์บังคมไหว้
แล้วกราบทูลความถามท้าวไทพ่อข้าคนไหนอัยกา
แต่หลานรักรู้คำจำความยังไม่รู้จักนามรู้จักหน้า
ครั้นทูลถามพระแม่สุวิญชาบอกว่าตาเป็นพ่อเห็นผิดนัก
มารดาข้ายังเป็นสาวแส้ตาแก่โคร่งคร่างฟันฟางหัก
ไม่ร่วมแท่นบรรทมภิรมย์รักสงสัยนักตาเล่าให้เข้าใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท่านท้าวสิงหลเป็นใหญ่
ได้ฟังหลานสนองต้องพระทัยยิ้มแย้มละไมแล้วว่ามา
เขาเห็นว่าตาชรานักหลานรักจะอับอายขายหน้า
ไม่สมกันกับแม่สุวิญชาจึงให้เรียกพ่อตาแล้วเป็นไร
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์สิ้นสงสัย
สำคัญว่าพ่อจริงก็นิ่งไปจึงกราบทูลท้าวไทยอัยกา
หลานจะลาไปเล่นพนาลีจับหมู่มฤคีแลปักษา
ตะวันชายบ่ายคล้อยจะกลับมาพระอัยกาจงโปรดปรานี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท่านท้าวสิงหลยักษี
แสนสวาทนัดดาพ้นทวีกอดจูบแล้วมีพระบัญชา
หลานจะใคร่ไปเที่ยวเล่นไพรก็ตามแต่น้ำใจตาไม่ว่า
จึงเรียกสี่พี่เลี้ยงเข้ามากำชับกำชาสารพัน
แล้วบัญชาการว่าหลานรักพ่ออย่าอยู่ช้านักในไพรสัณฑ์
พอบ่ายชายแสงสุริยันจงรีบผายผันมาพารา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์โอรสา
ชื่นชมยินดีชลีลามาทรงอาชาทันใด
พร้อมพระพี่เลี้ยงทั้งสี่เสนีขี่ม้ามาไสว
ควบขับคับคั่งเวียงชัยเร่งอาชาไนยให้เคลื่อนคลาย
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงป่าใหญ่ไพรสาณฑ์จึงสั่งพนักงานบ่วงข่าย
ให้เร่งลงหลักดักรายพวกม้าผันผายไปไล่มา
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเหล่าพวกพนักงานถ้วนหน้า
ผูกบ่วงถ่วงทิ้งโยทะกาดักตามมรคาที่เนื้อจร
บ้างวงข่ายรายรอบปากชนางใส่สายรยางค์ชักหลอน
พวกม้าไล่ไปชายดงดอนหุ้มต้อนฝูงสัตว์สะพัดมา
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด เจรจา
๏ บ้างจับได้สิงโตโคกระทิงสารพัดสัตว์สิงมหิงสา
บ้างได้เนื้อเบื้อนานาต่างเอามาถวายพระกุมาร
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์เกษมศานต์
ชมสัตว์จัตุบาทแสนสำราญแล้วพระกุมารก็ปล่อยไป
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นเสร็จขึ้นสายธนูศิลป์ฟ้าดินกัมปนาทหวาดไหว
ยิงต้นรังพลันทันใดเสียงสนั่นลั่นไปในอารัญ
ฯ ๒ คำ ฯ เชิดฉิ่ง เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ตระหนกอกสั่น
กับสี่พี่เลี้ยงทั้งนั้นพากันหวั่นหวาดประหลาดใจ
พี่เลี้ยงว่าเสียงเหมือนฟ้าผ่าบ้างว่าเขายิงปืนใหญ่
จึงลงจากพลับพลาคลาไคลเที่ยวด้อมเดินไปจะใคร่รู้
ฯ ๔ คำ ฯเพลง
๏ ค่อยแลลอดสอดเห็นพระกุมารกับทวยหาญน้อยน้อยมาเล่นอยู่
รูปทรงโสภาน่าเอ็นดูถือธนูน้าวประลองคะนองนัก
พระจึงว่ากับสี่พี่เลี้ยงไปลูกใครกระจิริดสิทธิศักดิ์
งามทั้งรูปทรงวงพักตร์น่ารักน่าชมภิรมย์ใจ
ครั้นเราจะเข้าไปพูดจาเด็กดูแปลกหน้าจะร้องไห้
จะใคร่ชักชวนมาพลับพลาชัยจะเกลี้ยกล่อมฉันใดพี่ช่วยคิด
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นทั้งสี่พี่เลี้ยงผู้ร่วมจิต
ต่างคนแลเล็งเพ่งพิศแล้วทูลทรงฤทธิ์ไปทันใด
อันทรวดทรงองค์พระกุมารนี้เหมือนภูมีจริงจังดังเถือใส่
ทั้งท่วงทีกิริยาละม่อมละไมจะดูไหนไม่ผิดสักสิ่งอัน
อย่าสงสัยไปเลยพระทรงยศโอรสของพระองค์เป็นแม่นมั่น
ชะรอยบุตรสุวิญชาลาวัณย์พระทรงธรรม์อย่าแหนงแคลงใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์จึงตอบแถลงไข
พี่ว่าเห็นจริงทุกสิ่งไปจึงดลใจให้น้องนี้เมตตา
ถ้าแม้นเป็นลูกเต้าของเราจริงจะปรากฏยศยิ่งในใต้หล้า
ชาตินี้มีกรรมได้ทำมาพลัดพรากสุวิญชานงลักษณ์
เผอิญเห็นเป็นไปเข้าใจดลหลงกลอีคนอัปลักษณ์
จนจากเมียเสียองค์พระลูกรักแสนวิตกอกจะหักสู้ตามมา
อนิจจาสุวิญชาของผัวเอ๋ยเมื่อไรเลยจะได้เห็นหน้า
เจ้าช่างวางใจไม่อัชฌาละให้ลูกยามาเล่นไพร
พระคิดถึงเมียแก้วแล้วโศกศัลย์ยิ่งกลืนกลั้นชลเนตรก็ยิ่งไหล
เสด็จออกไปนอกพุ่มไม้ตั้งใจยืนดูพระกุมาร
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์ใจหาญ
เล่นอยู่กับหมู่บริวารเห็นคนยืนหน้าฉานก็ขัดใจ
จึงชี้หัตถ์ตรัสว่าอ้ายเหล่านี้ชีวีมึงจะม้วยหารู้ไม่
ยืนเขม่นจะเล่นกูเท่าไรตำรวจในเร่งออกไปถามดู
ว่ามายืนทำไมที่ไหนนั่นหรือชวนกันหลอกล้อจะต่อสู้
จึงมิได้ยำเยงเกรงกูไปถามดูแล้วกลับมาฉับพลัน
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
             

๏ บัดนั้นพวกตำรวจในคนขยัน
ก้มเกล้ารับสั่งบังคมคัลพากันวิ่งไปเก้กัง
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงว่าตานั่งลงทำไมมายืนตรงหน้าที่นั่ง
ตาเหล่านี้นักหนาว่าไม่ฟังจะเอาหวายลงหลังหรือว่าไร
แกล้งออกมาเผ่นเห็นถนัดรับสั่งตรัสให้เข้ามาถามไถ่
ตัวยืนหน้าที่นั่งบังอาจใจไม่เห็นเจ้าหรือไรให้ว่ามา
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นองค์พระไชยเชษฐ์ก็หรรษา
ได้ฟังเด็กเด็กมาพูดจายิ้มแย้มไปมาในพระทัย
จึงตรัสว่าน้อยน้อยเท่านี้สำนวนถ้วนถี่ดังผู้ใหญ่
ว่าพลางทางยื่นพระหัตถ์ไปจับเกศาเลือกไสไปมา
ทำไมจะให้กูกลัวเกรงเจ้าเอ็งเป็นอะไรมานักหนา
ยืนอยู่ไม่ได้หรือไรนากูมิรู้ที่จะว่าให้การเป็น
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเด็กเด็กโกรธใจมิใช่เล่น
พากันกลับมาน้ำตากระเด็นร้องว่าจะได้เห็นกันเดี๋ยวนี้
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ มาถึงจึงกราบบาทมูลสะอื้นพลางทางทูลถ้วนถี่
ข้าถือรับสั่งพระภูมีครั้งนี้สุดแค้นแสนเจ็บใจ
ไต่ถามตาแก่รังแกนักจะให้หลักให้การก็หาไม่
ตัวนายนั้นดื้อทั้งมือไวจับศีรษะข้าไว้จะให้กลัว
แล้วว่ากูยืนนดูไม่ได้หรือพูดพลางเอามือสั่นหัว
เห็นว่าเป็นเด็กเล็กกว่าตัวมิได้กลัวพระราชอาญา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์โอรสา
ฟังคำอำมาตย์ทูลมาพระกริ้วโกรธาตละไฟ
น้อยหรือทำได้ไม่ยำเกรงข่มเหงเสนาผู้ใหญ่
กูกลับเข้าไปในเวียงชัยจะกราบทูลท้าวไทอัยกา
อุกอาจราชศักดิ์เป็นสุดคิดน้อยจิตน้อยใจหนักหนา
สิถามไถ่ไม่ให้การมาไปผูกคอคร่ามาบัดนี้
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเด็กเด็กรับสั่งใส่เกศี
บ้างบิดผ้าหาเชือกมาทันทีเปรมปรีดิ์ดีใจแล้ววิ่งมา
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงร้องว่าไปสาแก่ใจบาปกรรมที่ทำข้า
พระองค์ทรงกริ้วโกรธาให้ผูกคอตาห้าคนไป
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ผู้มีอัชฌาสัย
แจ้งการว่ากุมารเคืองใจภูวไนยถวิลจินดา
จำจะไปเล้าโลมโฉมงามจะได้ชมสมความปรารถนา
คิดพลางย่างเยื้องลีลาไคลคลามากับพี่เลี้ยงพลัน
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึงมีวาจาพ่ออย่าเคืองขุ่นหุนหัน
รักกันนั้นดีกว่าชังกันจะทำน้ำใจสั้นไม่เข้ายา
ข้าเห็นเจ้าเล่นกับบ่าวไพร่ให้มีใจจงรักเป็นหนักหนา
ขออุ้มเจ้าหน่อยเถิดราพลางคว้าข้อมือยื้อยุดไว้
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนารายณ์ธิเบศร์โกรธหนักผลักไส
สะบัดมือเสียพลางทางว่าไปนี่รู้จักใครมายุดมือ
เมื่อกี้เราใช้ให้ไปว่าควรทำเสนาเราได้หรือ
ยังกลับมาอุตลุดยุดยื้อทำบ่าวแล้วรื้อมาทำเรา
ตาเห็นเป็นเด็กไม่ยำเกรงแกล้งข่มเหงกันเล่นเปล่าเปล่า
เป็นผู้ใหญ่ทำได้ก็ทำเอาแล้วเดินหนีมิให้เข้าใกล้องค์
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นองค์พระไชยเชษฐ์สูงส่ง
จึงตรัสปลอบตอบคำจำนงเพราะใจตรงจงรักจึงหักมา
ข้าไม่หลอกล่อดอกพ่อเอ๋ยอย่าโกรธเลยรักกันเสียดีกว่า
เจ้าก็ตัดเยื่อใยไม่เมตตาอนิจจาเดินหนีหลีกลี้ไย
เมื่อกี้เจ้าใช้บ่าวออกไปห้ามข้าพาลเขลาเบาความไม่ถามไถ่
ไม่ทันรู้ว่าเสนาในเกิดมายังไม่เห็นใครเป็น
เมื่อแต่ล้วนเล็กเล็กกระจิริดข้ามีจิตคิดรักจึงหยอกเล่น
ลูกเท่าหัวเหาเต่าเล็นไม่เคยพบเคยเห็นแต่บุราณ
ตรัสพลางทางสั่งพี่เลี้ยงไปเอาขนมมาให้แก่พระหลาน
แล้วโลมเล้าเอาใจพระกุมารเชิญเสวยของหวานเถิดหลานชาย
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์ว่าอย่าพึงหมาย
ถึงจะแสบท้องให้แทบตายไม่มักง่ายกินอะไรของใครเป็น
มิใช่ฝีปีศาจที่เดินหนจะเสือกสนเที่ยวท่องกินของเซ่น
อย่าปลอบไปให้เลือดตากระเด็นพลางเดินเที่ยวเล่นไม่เจรจา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ความแสนเสน่หา
พยายามตามปลอบกุมาราอนิจจาปลื้มใจไม่ดูดี
ข้ามิใช่ชายพาลย่อมวงศ์วานกษัตริย์เรืองศรี
ครอบครองเหมันต์ธานีไม่มีโอรสแลนัดดา
ไร้ทั้งสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ที่จะผ่านเหมันต์ไปวันหน้า
เป็นบุตรข้าเถิดนะพ่ออาบิดาจะให้ครองพระเวียงชัย
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์เคืองขัดอัชฌาสัย
พระกริ้วโกรธพลางว่าไปคนอะไรที่ไหนนี่หยาบช้า
อุเหม่ตาเฒ่านี้เจ้าเล่ห์เฉโกโว้เว้นักหนา
และเลียมเทียมเล่นเจรจาจะเป็นผัวแม่ข้าหรือว่าไร
ถึงตัวเราเล็กก็เหล็กเพชรไม่ขามเข็ดพวกตาอย่าสงสัย
ปั้นเจ๋อเย่อหยิ่งเป็นพ้นไปผู้ใหญ่แสนรู้มาสู้กัน
ว่าพลางทางขึ้นธนูศิลป์ฟ้าดินสะเทือนเลื่อนลั่น
พาดสายหมายล้างชีวันผาดแผลงไปพลันทันใด
ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ ศรทรงองค์พระกุมารกลายเป็นมาลาแลไสว
ไม่สังหารผลาญชีพชีวาลัยพระกุมารโกรธใจเป็นโกลี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นองค์พระไชยเชษฐ์เรืองศรี
เห็นศรกุมารชาญฤทธีกลับเป็นมาลีประหลาดใจ
วิปริตผิดเพศไม่เคยพบพระปรารภพิศวงสงสัย
คิดพลางทางเสี่ยงศิลป์ชัยเดชะฤทธิไกรธนูนี้
แม้นกุมารมิใช่โอรสาของนางสุวิญชามารศรี
ขอให้ศรสิทธิ์ฤทธีสังหารกุมารนี้ให้วายปราณ
แม้นเป็นลูกน้อยนางโฉมฉายให้ศรกลายเป็นทิพย์อาหาร
เสี่ยงแล้วขึ้นศรรอนราญแผลงไปให้ผลาญกุมารา
ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ ศรทรงองค์พระไชยเชษฐ์อาเพศไม่พานโอรสา
กลับเป็นเอมโอชโภชนาเกลื่อนกลาดดาษดาพนาวัน
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระทิ้งศรทรงลงทันใดวิ่งไปกอดลูกแล้วรับขวัญ
พ่อลูกมาประสบพบกันจะหักโหมโรมรันด้วยอันใด
ปลอบพลางทางเห็นธำมรงค์ที่กุมารสอดทรงก็จำได้
จึงว่าแหวนนี้ข้าให้ไว้กับโฉมงามทรามวัยสุวิญชา
มิเชื่อเราเจ้าถามพี่เลี้ยงดูเขารู้จักอยู่ถ้วนหน้า
แม้นเขาว่าข้ามิใช่บิดาจึงค่อยว่าล่อลวงเจ้าดวงใจ
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์ยังสงสัย
แล้วตริตรึกนึกแหนงแคลงพระทัยด้วยออกนามทรามวัยสุวิญชา
พลางเรียกพี่เลี้ยงเข้ามาถามจงแจ้งความตามสัตย์อย่าพรางข้า
จริงหรือเขาว่าเป็นบิดาผัวแม่สุวิญชาชนนี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้นพระพี่เลี้ยงประณตบทศรี
จึงทูลว่าอัยกาธิบดีห้ามปรามความนี้อยู่มากมาย
แม้นว่าบอกกล่าวเล่าพระองค์จะลงอาญาข้าทั้งหลาย
ฉวยรู้ไปในวังสิหลังลายพระเบี่ยงบ่ายอย่าให้ข้าถูกตี
มั่นคงองค์นี้แลบิตุเรศทรงนามไชยเชษฐ์เรืองศรี
ครองเมืองเหมันต์ธานีสามีพระเม่สุวิญชา
อันพระบิตุรงค์ทรงฤทธิ์โทษผิดใหญ่หลวงนักหนา
พระยายักษ์เคืองขัดอัธยาไม่ให้มาพานพบพระชนนี
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์เรืองศรี
ได้ฟังพี่เลี้ยงพาทีมีความยินดีเป็นพ้นไป
จึงยอกรกราบบาทบิตุเรศชลเนตรแถวถั่งหลั่งไหล
สะอื้นพลางทางทูลถามไปเหตุผลกลใดพระทรงธรรม์
บิตุรงค์กับองค์พระมารดรไม่สมัครสโมสรเกษมสันต์
หรือวิวาทบาดหมายอะไรกันทรงธรรม์จงเล่าให้เข้าใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์เศร้าสร้อยละห้อยไห้
ฟังลูกทูลถามถึงความในชลเนตรหลั่งไหลฟูมฟาย
จึงว่าพ่อจะเล่าแก่ลูกแก้วกรรมของพ่อแล้วนะโฉมฉาย
ข้างแม่เจ้าเล่าก็เคราะห์ร้ายจึงเผอิญวุ่นวายวิวาทกัน
เหตุผลต้นยนต์อีสุริยามันทำกับบิดานี้แสนศัลย์
ให้บอกกล่าวข่าวช้างสำคัญพ่อต้องผายผันมาอยู่ไพร
ภายหลังแม่คลอดเจ้าออกมาสุริยาลอบลักเอาไปได้
ครั้นบิดากลับมาถึงวังในเห็นแต่ท่อนไม้ใส่พานมา
มันว่าลูกของนางโฉมยงพ่อหลงเชื่อฟังอีแพศยา
จึงขับแม่พลัดพรากจากพาราจนเจ้าชันษาถึงเพียงนี้
กับท้าวสิงหลภูวไนยขึ้งโกรธเป็นไฉนนะโฉมศรี
ด่าทอพ่อมั่งหรือไม่มีจะใคร่ไปอัญชลีพระเจ้าตา
ถ้าท่านแค้นขัดตัดรอนพ่อลูกรักช่วยทูลขอซึ่งโทษา
ถึงจะม้วยลงด้วยพระอาญาแต่พอให้มารดาเจ้าเห็นใจ
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์บังคมไหว้
จึงทูลว่าพระอย่าทุกข์ฤทัยเกรงกลัวโพยภัยพระยามาร
ลูกจะทูลเบี่ยงบ่ายให้หายโกรธถึงพ่อต้องโทษก็โปรดหลาน
พอจะขอได้อยู่ดูอาการเห็นจะคิดสงสารแก่นัดดา
ขอเชิญพระองค์คลาไคลเข้าไปกรุงไกรด้วยกับข้า
เกลือกทูลขอโทษโปรดลูกยาพระบิดาจะได้เฝ้าท้าวทันที
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นองค์พระไชยเชษฐ์เรืองศรี
ฟังลูกทูลความเห็นงามดีสมที่พระทัยนึกตรึกไตร
จะเข้าไปตรงตรงคงพรายแพร่งจำจะแปลงปลอมองค์ให้สงสัย
คิดพลางเปลื้องเครื่องออกทันใดให้พี่เลี้ยงซ่อนใส่ย่ามตะพาย
พระจึงจัดแจงแปลงองค์แกล้งทรงผ้าตาเล็ดงาด้าย
ห่มแพรเพลาะดำเนินกรายมาชวนพระลูกชายไคลคลา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์หัวเราะร่า
ชะงามพ้นคิดพระบิดาขายหน้าขายตาชนนี
ว่าพลางทางทรงอาชาไนยให้เลิกพลกลับไปกรุงศรี
พระบิดาเดินหลังรั้งโยธีกับสี่พี่เลี้ยงจรจรัล
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงที่ประตูเวียงชัยลงจากมโนมัยผายผัน
มาบังคมบิตุรงค์ทรงธรรม์พลางทูลไปพลันทันที
พระจงนั่งในทิมริมประตูอย่าให้ใครรู้ว่าอยู่นี่
ลูกยาจะลาจรลีไปเฝ้าชนนีกับเจ้าตา
ถ้าวันนี้เห็นทีจะทูลได้ถึงมืดค่ำอย่างไรจะมาหา
แล้วกำชับนายประตูดูอัชฌากูฝากตาห้าคนไว้ด้วยกัน
สั่งแล้วบังคมก้มเกศลาองค์บิตุเรศรังสรรค์
รีบเสด็จลีลามาพลันจรจรัลไปเฝ้าพระอัยกา
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
             

ตอนที่ ๓ พระไชยเชษฐ์เข้าเฝ้าท้าวสิงหล

๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลยักษา
อุ้มองค์พระราชนัดดาลูบหลังลูบหน้าแล้วว่าไป
พ่อมาจนเย็นหลงเล่นอยู่ต่อนกสีชมพูหรือต่อไก่
ดูมอมแมมแก้มคางช่างกระไรเออนี่มิไปเที่ยวซอนซุก
เก็บบุปผามาบ้างหรือไม่เล่าให้แม่เขาร้อยมาลัยใส่จุก
ตานั่งคอยเจ้าเฝ้าเป็นทุกข์กลัวจะล้มลุกเจ็บป่วยไป
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์บังคมไหว้
ทูลว่าลูกลาไปเล่นไพรชมนกชมไม้ออกเพลิดเพลิน
น่ารักปักษีสารพันบ้างชิงกันหากินบินเหิน
บ้างพาลูกเต้นไต่ร่ายเดินบ้างร้องเกริ่นตามไล่กันไปมา
คิดจะดักปักษามาเลี้ยงเล่นกลัวจะเป็นเวรกรรมไปชาติหน้า
ลูกเมียพลัดกันเห็นทันตาเหมือนคนต้องโทษาพ่อตาเคือง
ข้าไปเห็นเป็นน่าสงสารทรมานทุกข์ตรอมจนผอมเหลือง
ลูกตั้งจิตคิดจะขออยู่เนืองเนืองแต่เกรงเคืองเบื้องบาทไม่อาจทูล
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลราชนเรนทร์สูร
ฟังหลานว่ากล่าวเป็นเค้ามูลยิ่งเพิ่มพูนพิสมัยในนัดดา
สวมสอดกอดรัดแล้วตรัสพลางน้อยหรือช่างออเซาะฉอเลาะว่า
รู้ราวกับผู้ใหญ่ไว้อัชฌาให้พ่อตาจูบหน่อยเถิดกลอยใจ
นี่ใครพาสัญจรซอกซอนเล่นพ่อไปเห็นคนโทษเข้าที่ไหน
มันฉกชิงวิ่งราวเขาคราวไรหรือโทษไก่เบี้ยฝิ่นกินสุรา
พ่อจะถามไถ่ไล่เลียงดูจะได้รู้หนักเบาที่เจ้าว่า
ถ้าโทษทัณฑ์มันพอจะเมตตาบิดาไม่ขัดทัดทาน
ถึงโภไคยไอศูรย์ของพ่อเฒ่าก็จะให้แก่เจ้าผู้ลูกหลาน
แต่พอเติบใหญ่เข้าใจการจะเสกพ่อให้ผ่านพารา
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์สำรวลร่า
ทำชะอ้อนถอนหนวดให้พ่อตาพลางสนองบัญชาพระยายักษ์
ซึ่งทรงพระเมตตาแก่ข้าไซร้จะโปรดให้ครอบครองอาณาจักร
ท้าวตรัสโดยในพระทัยรักพระคุณอยู่ลูกหนักเท่าฟ้าดิน
อันคนต้องโทษาที่ข้าขอเขาผิดข้ออุกอาจประมาทหมิ่น
เป็นคนโฉดโหดไร้ใจทมิฬโทษถึงสิ้นชีวันบรรลัย
เดี๋ยวนี้กลับรู้ตัวว่าชั่วช้าจะมาเฝ้าพระเจ้าตาก็ไม่ได้
อันถิ่นฐานบ้านเมืองเขาอยู่ไกลมิใช่คนโทษที่เมืองนี้
ความเกรงความกลัวตัวเป็นหนูมาปลอมคนปนอยู่ในกรุงศรี
พระองค์จงโปรดปรานีขอประทานชีวีไว้สักครั้ง
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลหลากจิตคิดหวัง
ไขว่ห้างเอกเขนกนิ่งฟังมาขอพ่อดอกกระมังอ้ายจังไร
มันแน่แล้วสินะชะลูกพ่อโมโหแค้นแน่นคอมันไส้
ลุกขึ้นกระทืบบาทตวาดไปดูดู๋ไอ้ลูกเล็กเด็กน้อย
ควรหรือมาสาระแนแก้แทนกูคิดคิดแล้วก็แค้นแน่นคอหอย
ช่างเคลือบแฝงแต่งลิ้นมาสำออยให้งวยงงหลงถ้อยพลอยพยัก
ไหนตัวตนคนโทษที่มึงว่าจงเร่งบอกออกมาให้รู้จัก
กูจะผ่าอกให้ไส้ทะลักเคี้ยวเล่นเป็นผักสนุกใจ
ชิชะนารายณ์ธิเบศร์เอ๋ยกระไรเลยลวงตาต่อหน้าได้
ใครสั่งสอนมึงมาจงว่าไปจะตัดหัวเสียบไว้ตะแลงแกง
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
โอ้
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์ไม่บอกแจ้ง
เห็นพ่อตาโกรธหนักพระพักตร์แดงก็กันแสงโศกาจาบัลย์
กอดบาทาไว้พิไรวอนประทานโทษโปรดก่อนอย่าหุนหัน
จะเป็นเวราด้วยฆ่าฟันจงอดกลั้นโทษาเสียเอาบุญ
เขาจะได้ว่าน้ำพระทัยดีผิดทีสองทีไม่เคืองขุ่น
ขอพระพ่อตาจงการุญให้ลูกได้แทนคุณพระบิดา
ถ้าแม้นพ่อข้าตายวายชนม์ไม่ขออยู่ให้คนเห็นหน้า
เขาจะล่วงดูถูกลูกกำพร้าทูลพลางโศกาสะอื้นฮัก
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลเศร้าจิตคิดหน่วงหนัก
ฟังถ้อยคำหลานสงสารนักพระยายักษ์ทรุดนั่งลงทั้งยืน
อุ้มพลางทางปลอบพระนัดดานิ่งเถิดพ่ออาอย่าสะอื้น
เนตรจะฟกช้ำจงกล้ำกลืนตาไม่ขัดขืนให้เคืองใจ
จงผินพักตร์มาตาจะถามเหตุผลต้นความเป็นไฉน
ได้ประสบพบพ่อหรืออย่างไรหรือว่าใครบอกเล่าเจ้าจึงรู้
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระกุมารอิดเอื้อนเยื้อนอยู่
จะลวงดอกกระมังชั่งใจดูเช็ดน้ำหูน้ำตาแล้วพาที
หลานยังคิดแคลงจะแกล้งล่อแล้วจะมาฆ่าพ่อข้าเป็นผี
แม้นงดโทษโปรดประทานชิวีจึงจะทูลคดีให้แจ้งใจ
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลยิ่งคิดพิสมัย
ดำรัสตรัสตอบพระหลานไปมาสงสัยตั้งกระทู้เถิดดูเอา
อันไอ้ไชยเชษฐ์เฉโกตาจะดับโมโหให้แก่เจ้า
ช่างฉลาดนี่กระไรไม่ใจเบาอย่าพะวงจงเล่าเถิดนัดดา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์ก็หรรษา
บังคมก้มกราบกับบาทาจึงทูลกิจจาแต่ต้นไป
เมื่อเช้าหลานลาองค์พระทรงธรรม์กับเด็กเด็กด้วยกันไปป่าใหญ่
พบชายห้าคนด้นเดินไพรเข้ามาใกล้หลานรักแล้วทักทาย
ข้าเดือดฟุ้งมุ่งแผลงธนูศิลป์จะให้สิ้นชีวิตดังจิตหมาย
ลูกศรห่อนรื้อมากลับกลายเป็นดอกไม้มากมายหลายพรรณ
พระบิดามาอุ้มเอาหลานไว้กอดจูบลูบไล้แล้วรับขวัญ
ทั้งเห็นแหวนแม่นยำเป็นสำคัญจึงรำพันเล่าความแต่ต้นมา
ว่าเป็นเคราะห์เพราะเชื่อคนชั่วอันโทษตัวผิดนักผิดหนา
ครั้นจะมาเฝ้าพระเจ้าตาก็กลัวจะโกรธาให้ฆ่าฟัน
เฝ้าบ่นออดทอดถอนฤทัยฮือแต่ออกชื่อพ่อตาก็ตัวสั่น
ว่าพวกพ้องสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ชิวันอยู่ใต้บทมาลย์
แม้นฆ่าก็ตายไม่หมายสู้หลานดูพระบิดาน่าสงสาร
ครั้นคิดคิดไปให้รำคาญด้วยพ่อยังร้าวฉานกับมารดา
จงโปรดว่าชนนีให้ดีด้วยหลานจะช่วยอ้อนวอนให้นักหนา
ให้แม่ดีเสียกับพ่อเถิดหนอตานัดดาก็จะได้สบายใจ
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลสรวลสันต์ไม่กลั้นได้
จึงตรัสห้ามนัดดาว่าอย่าไปแม่เขาขัดใจจะตีรัน
อันโทษบิดาไซร้เจ้าได้ขอตาจะยกให้พ่อผู้หลานขวัญ
แต่ส่วนซึ่งจะให้ดีกันข้อนั้นมิรู้ที่จะว่าเลย
เอออะไรไชยเชษฐ์มันช่างชั่วเมามัวขับเมียเสียเฉยเฉย
เกิดมาเพียงนี้แล้วมิเคยกระไรเลยเง่าโง่ย่าโมนัก
ข้างแม่เจ้าเขาแค้นไม่รู้หายได้อับอายไพร่ฟ้าอาณาจักร
มันให้เมียข่มเหงไม่เกรงพักตร์หลานรักยังเยาว์ไม่เข้าใจ
ถึงตาก็แค้นแสนสาหัสนี่หากขัดนัดดาเจ้าไม่ได้
อันจะดีมิดีกันนั้นไซร้ก็สุดแท้แต่ใจของมารดา
นี่พ่อเจ้าเข้ามายังธานีหรือคอยฟังร้ายดีอยู่ในป่า
ตาจะใคร่พบเขาเจ้าพระยาดูดู๋จะว่าประการใด
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์เฉลยไข
พระพ่อกับพี่เลี้ยงผู้ร่วมใจปลอมเป็นไพร่ติดตามข้าเข้ามา
หลานให้พระบิดาซ่อนอยู่ที่ริมทิมประตูข้างหน้า
ยังเกรงพระราชอาชญาจะให้มาเฝ้าต่อพรุ่งนี้
ทูลพลางทางประณตบทบงสุ์ลาองค์อัยการเรืองศรี
พระพี่เลี้ยงรับเสด็จจรลีไปปราสาทมณีที่สำนัก
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ บัดนั้นวิฬาร์แสนรู้แสนหลัก
แอบม่านฟังความที่ถามซักแจ้งประจักษ์รีบร้นเดินบ่นมา
ฯ ๒ คำ ฯ
รำสีนวล
๏ ทีนี้สมคิดแล้วอีแมวเอ๋ยจะเยาะเย้ยถากถางให้หนักหนา
ให้คุ้มค่าแค้นแทนน้ำตาจะต้องตีต้องด่าก็ไม่คิด
เดินเขม้นเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกูจะร่ำรำพันให้เจ็บจิต
ทำชะแง้แลเล็งเพ่งพิศแต่งจริตหยิบหย่งตรงมา
ฯ ๔ คำ ฯ สีนวล
เย้ย
๏ ครั้นถึงแถวทิมริมประตูแกล้งหยุดอยู่ดูคนทั้งซ้ายขวา
พอแลสบพบพักตร์พระราชานางวิฬาร์ร่ององัน
แล้วทำเสียงแห้งแทบแสบคอพูดพ้อเปรียบเปรยเย้ยหยัน
นี่หรือภูมินทร์ปิ่นเหมันต์โอ๊ยไม่ทันเห็นเลยประหลาดนัก
แต่แรกคิดว่าใครหาไหนหนอเออมิรู้หม่อมพ่อเจ้าท่อนสัก
ข้าแปลกหน้าไปไม่ได้ทักยังมืดมนมัวนักมาทำไม
อันผู้หญิงสิงหลคนแสนร้ายมาติดตามความอายไปเสียไหน
หรือเอาอายขายฝากไว้กับใครจึงอุตส่าห์มาได้จะใคร่รู้
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์นิ่งฟังนั่งไขหู
แลดีพี่เลี้ยงก็ต่างดูพระอดสูสู้นิ่งอยู่ในใจ
เพราะกูหลงกลอีคนพาลเดียรฉานจึงกล้ามาว่าได้
จะซ้ำรื้อถือจิตก็ผิดไปภูวไนยคิดพลางทางบัญชา
อนิจจานิจจาวิฬาร์เอ๋ยมาเยาะเย้ยตัดพ้อพ่อหนักหนา
โทษผิดจึงติดตามมาเพราะชั่วช้าเหลือใจในวันนั้น
เผอิญให้เคลิ้มคลุ้มกลุ้มจิตโมโหมืดมิดไม่อดกลั้น
ถึงว่าไปอื่นอื่นสักหมื่นพันตัวชั่วทั้งนั้นจะโทษใคร
จึงตามมาวอนง้อขอษมาจะทิ้งขว้างร้างหย่านั้นหาไม่
แม้นนางแค้นขัดตัดอาลัยจะสู้ตายไม่ไปเมืองเหมันต์
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้นวิฬาร์ตบมือแล้วเย้ยหยัน
ชะช่างถ่อมตัวชั่ววันนั้นจะมาลุกะโทษทัณฑ์เมื่อวันนี้
นี่เดชะท่านพระพี่เลี้ยงช่วยถ้าหาไม่ก็จะม้วยเป็นผี
หม่อมเมียจะเกษมเปรมปรีดิ์จะนั่งล้อมสามีเป็นวงกง
กว่าจะคิดคืนหลังถึงแม่ลูกพอกระดูกผุละเอียดจนเป็นผง
นี่หากว่าวิฬาร์พาดั้นดงจึงได้พบสบองค์เจ้าท่อนไม้
แต่เจ็บอายเพียงนี้แล้วมิสายังจะมาลอยนวลชวนไปใหม่
สบถเสียแล้วคะขี้คร้านไปเขาไม่ขอพอใจเห็นเหมันต์
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ วิเอ๋ยวิฬาร์ชะช่างพูดจาคมสัน
ทั้งสะบัดสะบิ้งทุ้งทิ้งครันเชิงชั้นแสนงอนกระบอนกระบึง
แต่เป็นแมวแล้วยังฟังเป็นกรับเป็นมนุษย์ก็จะนับว่าคนหนึ่ง
ทั้งเหน็บแนมแหลมหลักลึกซึ้งทีจะปึ่งปั้นล่ำก็ทำเป็น
เสียดายหนอนางเป็นวิฬารีการหัวใจไมตรีจึงไม่เห็น
ที่พลอยได้ลำบากยากเย็นถ้าแม้นเป็นผู้คนจะถึงใจ
บุญคุณเจ้ามีกับลูกเมียเป็นคนแล้วหาเสียเจ้าได้ไม่
ถ้ายังมีชีวิตด้วยกันไปเจ้าจะได้ดูพวกอียุยง
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ น่าเอยน่าหัวร่อข้ามิใช่บ้ายออย่าเสริมส่ง
ถึงเป็นสัตว์เดียรฉานก็พานตรงไม่รักคบคนหลงเมามัว
คิดมาน่าอายชายมุทะลุแต่เขายุก็เชื่อว่าเมียชั่ว
นางเหล่านั้นทั้งรักทั้งกลัวควรเป็นเมียเป็นผัวทั้งเจ็ดนาง
ที่จริงเล่าถึงเขาจะยุยงแม้นไม่หลงก็จะสงสัยบ้าง
นี่มืดมนกระไรไม่รุ่งรางช่างเชื่อว่าลูกนางเป็นท่อนไม้
แต่เด็กเด็กกระจิริดพินิจดูก็จะรู้อยู่สิ้นว่าทำใส่
เมื่อเห็นเป็นจริงแล้วก็แล้วไปแบกหน้ามาไยที่เพิงพล
ถ้าเป็นใจอีแมวแล้วสู้ตายไม่อยากง้อขอกรายเมืองสิงหล
จะมอดม้วยด้วยโฉมนางเจ็ดคนกว่ากระดูกจะป่นเป็นผลคลี
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ แสนเอยแสนรู้ทั้งขู่ทั้งเคียดทั้งเสียดสี
สิตัวจัดสารพัดจะรู้ทีปัญญามีเคล่าคล่องก็ตรองดู
ข้าทำชั่วไม่กลัวจะม้วยมิดกล้าเอาชีวิตเข้ามาสู้
จนเป็นไพร่อาศัยนายประตูจะว่าชังโฉมตรูสุวิญชา
หรือจะว่ารักหากมีกรรมก็เร่งรำถึงก่อนจึงค่อนว่า
ข้ารับแพ้เจ้าแล้วนางวิฬาร์เจ้าว่าไปเถิดไม่เถียงเลย
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ น่าเอยน่าอดสูช่างดีจริงนิ่งสู้ดูตาเฉย
ทรหดอดทนเป็นคนเคยนิจจาเอ๋ยหลงใหลแล้วบ้ายพลอย
จะว่าไปก็เหนื่อยเมื่อยลูกคางถึงถากถางอย่างไรไม่ราถอย
จะกลับไปในวังนั่งคอยเยาะนายเล่นสักหน่อยหนึ่งเถิดรา
ขอกราบลาฝ่าเท้าท่านทั้งสี่ซึ่งมีพระคุณแก่เจ้าข้า
แม้นชีวิตยังไม่มรณาจะอุตส่าห์แทนคุณท่านคนตรง
ทำเสแสร้งปากว่าตาค้อนแสนงอนแต่งจริตหยิบหย่ง
คืนเข้าในวังดังจำนงไปปราสาทโฉมยงสุวิญชา
ฯ ๘ คำ ฯ ชุบ
ช้าปี่
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์คิดถึงโอรสา
ลืมพ่อเสียแล้วหรือแก้วตาจนสิ้นแสงสนธยาไม่เยี่ยมดู
โอ้ว่าสุวิญชาผู้เพื่อนยากพี่สู้แสนลำบากเข้ามาอยู่
อนาถนอนในทิมริมประตูลำแพนขาดลาดปูกับเสื่อเตย
พี่เลี้ยงช่วยปัดจัดที่นอนทอดท่อนไม้วางต่างเขนย
ผัวเอนลงมิใคร่จะได้เลยนิจจาเอ๋ยเคยสุขมาทุกข์ทน
แม้นเจ้าตัดไมตรีพี่เสียแล้วจะลาแก้วตาตายในสิงหล
แต่ตรึกตราอาวรณ์ร้อนรอนจนสุริยนเรื่อรางสว่างฟ้า
ฯ ๘ คำ ฯ ตระ
ลมพัดชายเขา
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์โอรสา
ครั้นฟื้นตื่นจากนิทราเร่งถวิลจินดาถึงบิดร
จึงโสรจสรงทรงเครื่องเรืองศรีไม่ขึ้นเฝ้าชนนีเหมือนแต่ก่อน
เด็กเด็กโดยเสด็จบทจรไปประตูพระนครทันใด
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ ครั้นถึงสมเด็จพระบิตุเรศก้มเกศบังคมประนมไหว้
แล้วว่าลูกไปเฝ้าท้าวไททูลขอโทษภัยพระบิตุรงค์
อัยกากริ้วโกรธโกรธาว่าจะฆ่าให้ม้วยเป็นผุยผง
ชมสี่พี่เลี้ยงว่าซื่อตรงขอองค์ชนนีรอดชีวา
พ่อตากริ้วกราดตวาดเสียงแต่ละคำสำเนียงดังฟ้าผ่า
ลูกกลัวตัวสั่นดังตีปลาโศกากลิ้งเกลือกเสือกไป
อัยกามีจิตคิดสงสารจึงปลอบข้าว่าหลานอย่าร้องไห้
ให้บอกบิดาคลาไคลไปเฝ้าท้าวไทอัยกา
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์เชยชมโอรสา
จูบกอดลูกแก้วแล้วบัญชาดวงตาของพ่อเพื่อนชีวิต
เจ้าเมตตาบิดาค่อยผาสุกเสื่อมคลายวายทุกข์ออกไปหนิด
พ่อยังพรั่นแต่จะเข้าเฝ้าชิดจวนตัวกลัวฤทธิ์พระยายักษ์
ตรัสสั่งพี่เลี้ยงแล้วคลาไคลรีรอท้อใจหน่วงหนัก
ฉวยฉุดยุดกรพระลูกรักกลัวนักหักใจจรลี
ฯ ๖ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงปราสาทราชวังถวิลหวังสุวิญชามารศรี
ดูไหนไม่เห็นนางเทวีภูมีสร้อยเศร้าไปเฝ้าพลัน
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้นฝ่ายฝูงสุรางค์นางสาวสวรรค์
แน่นนั่งคั่งคับนับพันแทรกเสียดเบียดกันมาคอยดู
ครั้นเห็นพระไชยเชษฐ์เสด็จมากัลยานบนอบแล้วหมอบอยู่
สะกิดเพื่อนเตือนพิศพระโฉมตรูต่างดูเห็นจริตผิดทำนอง
บ้างว่าแต่ก่อนร่อนชะไรทรวดทรงดูไหนไม่บกพร่อง
ผิวเนื้อเรื่อเรืองเหลืองเป็นทองเดี๋ยวนี้หมองมัวคล้ำดำไป
บ้างว่าข้าเห็นไม่เป็นสุขฉุกละหุกทุกข์ตรอมผอมไผ่
พลัดพรากจากเมียเสียน้ำใจพระจริตผิดไปทุกสิ่งอัน
บ้างว่าเธอทำชั่วกลัวพ่อตาไม่แกล้งว่าเดินก้าวจนเท้าสั่น
ต่างคนต่างพูดกับเพื่อนกันเสียงกระซิบสนั่นปราสาทชัย
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาได้ยินยิ่งสงสัย
แซ่เสียงสาวสวรรค์ด้วยอันใดจึงแย้มแกลแลไปมิได้ช้า
นางเห็นพระราชสามีจูงลูกจรลีมาตรงหน้า
ให้สงสารสมเพชเวทนากัลยาโศกศัลย์ตันใจ
แล้วแอบบานบัญชรซ่อนพักตร์นงลักษณ์บังคมประนมไหว้
พลางพินิจพิศดูพระภูวไนยผิวพักตร์หมองไหม้โรยรา
โอ้ว่าอนิจจาเจ้าประคุณยังการุญรักเมียอยู่หนักหนา
อุตส่าห์สู้พยายามตามมาทนทุกข์เวทนาถึงเพียงนี้
พระบิดากริ้วโกรธคาดโทษทัณฑ์พ่อไม่กลัวชีวันจะเป็นผี
เมื่อคิดมาก็น่าปรานีครั้นคิดไปอีกทีก็สาใจ
เป็นไรเล่าไม่เฝ้าอยู่เชยโฉมเจ็ดนางช่างประโลมพิสมัย
กับเรานี้ไม่มีอาลัยทำได้ร้อยตลบทบทวน
คิดรักคิดแค้นแน่นอุรากัลยาโศกสร้อยละห้อยหวน
หับบัญชรทอดถอนฤทัยครวญกันแสงศัลย์รัญจวนป่วนใจ
ฯ ๑๔คำ ฯ โอด
๏ บัดนั้นวิฬาร์แอบม่านทองสองไข
แกล้งเยี่ยมยืนยื่นหน้าออกไปทำใส่ไคล้พูดจาข้าคลางแคลง
ประหลาดใจเป็นไรหนอหม่อมแม่เยี่ยมแกลแปรผันแล้วกันแสง
น่าใจหายจนสายพระเนตรแดงหรือผงแกล้งแสร้างปลิวมาเข้าตา
เที่ยวมองย่องยืนยื่นคออะไรหนอประหลาดหนักหนา
โอ๋ยอ้อพ่อเจ้าท่อนไม้มากระนี้หรือมิน่าร่ำไร
แล้วถามว่าโศกาด้วยคิดแค้นหรือร้องไห้ด้วยแสนพิสมัย
เมื่อกระนี้จะคิดประการใดดวงใจมาถึงธานี
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาฟังว่าน่าบัดสี
นางเคืองขัดฉวยพัชนีตีวิฬารีหลบเลี่ยงเมียงมอง
นางทำปากหยิบหยิบกระซิบด่านี่เนื้อว่าอีแมวมันจองหอง
เพราะว่าได้ถาดเงินถาดทองทำแก่ตัวหัวพองมาพูดจา
กูจะรักจะแค้นจะร้องไห้ก็กลการอะไรมาสอดว่า
มึงนี้ดีแต่ขึ้นหลังคากับลักกินปลาในครัวไฟ
ฯ ๖ คำ ฯ
             

๏ บัดนั้นวิฬาร์กล่าวแกล้งแถลงไข
ที่การลักผักปลาไม่พอใจขึ้นหลังคาของใครก็ไม่เป็น
ข้าดีแต่คอยดูรู้เท่าคนใครแต่งกลอย่างไรในจะเห็น
ยิ่งไม่บอกอีแมวแล้วซ่อนเร้นจะค้นด้นดูเล่นให้เห็นใจ
ตอบพลางวิ่งออกนอกชาลาทำร้องว่าใครนั่นมาแต่ไหน
นี่อ่อหม่อมพ่อเจ้าท่อนไม้มาธุระอะไรที่ในวัง
ข้าดูดูเมื่อแรกก็แปลกหน้าเห็นงดงามลงกว่าหนหลัง
อนิจจาวิ่งมาแต่ลำพังละเมียไว้วังให้ว่างเชย
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์เมิดเมินเดินเฉย
ไม่ตอบวาจาวิฬาร์เลยมันเยาะเย้ยอดสูก็สู้ทน
ทำสงบเสงี่ยมเจียมตัวด้วยกลัวอาญาท้าวสิงหล
หยุดหยุดยั้งยั้งระวังตนปากบ่นภาวนาทุกหายใจ
ได้ยินท้าวดำรัสตรัสเสียงดังก็ตกใจลงนั่งบังคมไหว้
พระกุมารยึดกรบิดรไว้นี่กราบใครกลางถนนหนทาง
ครั้นคิดมาได้ให้ย่อท้อจึงว่าพ่อกลัวเหลือยิ่งเสือสาง
ยุดมือลูกไว้ไม่ละวางให้พี่เลี้ยงเคียงข้างจรลี
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
ช้า
๏ เมื่อนั้นท่านท้าวสิงหลยักษี
สถิตเหนือแท่นรัตน์รูจีพรั่งพร้อมนารีกำนัลใน
คอยองค์หลานน้อยเสน่หาจะชักนำบิดาเข้ามาไหว้
แกล้งส่งสุรเสียงสนั่นไปภูวไนยทำตึงบึ้งพักตร์
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ เหวยเหวยกำนัลขันทีออกไปสั่งเสนีมีศักดิ์
ให้ตำรวจตรวจเตรียมจงพร้อมพรักกูจะซักไซ้ถามความผัวเมีย
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ตกประหม่าหน้าเสีย
ความกลัวพ่อตาแข้งขาเพลียยืนเงี่ยหูฟังระวังภัย
แต่ขยับลับล่ออยู่ช้านานตัวสั่นสะท้านเหงื่อกาฬไหล
เอาคุณพระเป็นที่พึ่งดึงเข้าไว้อกสั่นหวั่นไหวอยู่ทึกทัก
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง โอด
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลลุกสะอึกขึ้นกึกกัก
ฉวยตระบองร้องเหวยอ้ายทรลักษณ์กูจะหักคอกินให้สิ้นเนื้อ
เอออะไรไม่พอที่พอทางมึงช่างชั่วชาติประหลาดเหลือ
ไม่รู้เท่าผู้หญิงริงเรือซานซมงมเชื่อนางเมียงาม
ลูกกูสุวิญชานั้นไซร้มันผิดชอบอะไรข้าขอถาม
จะให้ฆ่าให้แกงแกล้งใส่ความหยาบหยามข่มเหงไม่เกรงเรา
ขับไล่ไสเสียว่าเมียชั่วมุดหัวตามมาทำไมเล่า
ช่างกระไรทำได้ก็ทำเอาจองหองเปล่าเปล่าเจ้าพระยา
มึงเย่อหยิ่งหาญฮึกคึกขันวิฬาร์มันบอกเล่ากูหนักหนา
ชะเจ้าคนดีมีฤทธาจะสู้กับพ่อตาก็มาซิ
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ตัวสั่นสิ้นสติ
ก้มหน้าภาวนานั่งนิ่งมิมิได้ปริปากทูลขอโทษทัณฑ์
เห็นขุนมารโกรธาเข้ามาใกล้สะดุ้งโดดโลดไปใจพรั่นพรั่น
จวนตัวกลัวพ่อตาจะฆ่าฟันกอดลูกพัลวันไม่วางเลย
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลตั้งกระทู้ขู่เขย
เป็นไรนั่งก้มหน้านิ่งเฉยเมยไม่เงยหน้าตาขึ้นว่ากัน
เร่งบอกออกมาอย่านิ่งอยู่ข้อผิดลูกกูอย่างไรนั่น
หรือชั่วช้าจับได้ไล่ทันว่ากันเสียสิเองอย่าเกรงใจ
ทำเล่นแต่ตามอำเภอเจ้าเหมือนลูกเต้าพ่อแม่หามีไม่
เสียแรงเราออกปากฝากฝังไว้จะโกรธขึ้งถึงกระไรก็นานนาน
อยู่ด้วยกันก้นหม้อไม่ทันดำหรือมาทำเฉินฉุกสนุกจ้าน
จะใคร่ถองสองศอกให้ออกคลานจะว่าขานอย่างไรก็ว่ามา
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์บังคมก้มหน้า
ความกลัวตัวเย็นเป็นเหน็บชาจะรับผิดพ่อตาให้คร้ามใจ
เหงื่อไคลอาบหน้าเอาผ้าซับแต่เวียนกราบเวียนกลับไม่นับได้
คอแห้งสำลักกระอักกระไอแข็งใจพิดทูลขอโทษทัณฑ์
ลูกเบาจิตผิดนักผิดหนาอันที่ขอโทษาถึงอาสัญ
จงโปรดเพียงตีด่าอย่าฆ่าฟันไม่คุมแค้นแม่นมั่นได้เป็นพระ
ทูลพลางทางว่ากับตัวลูกทูนหัวช่วยพ่อมั่งสิหนะ
นิ่งเสียได้ไม่เอาเป็นธุระเห็นพ่อจะบรรลัยในวันนี้
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์ก็หมองศรี
ทูลอัยกาพลางทางโศกีจงปรานีพ่อข้าอย่าขู่นัก
พรั่นตัวกลัวตาจะถองเล่นหัวอกเต้นทึกทึกตึกตัก
จะพิดทูลถ้อยคำละล่ำละลักแต่ก้มพักตร์โศกาจนตาแดง
อันโทษทัณฑ์นั้นพ่อก็รับผิดด้วยเคลิ้มจิตเบาไปมิได้แจ้ง
อดโมโหหันหุนได้บุญแรงอย่าต่อนัดต่อแนงแกล้งด่าทอ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลผินผันกลั้นหัวร่อ
นั่งลงแล้วมีบัญชาล้อลูกพ่อคนนี้มันดีจริง
รับเป็นดั้งหน้าเข้ามาแก้เฝ้าแต่สำออยอ้อยอิ่ง
อันพ่อของนัดดาตาชังชิงชอบแต่ถองให้กลิ้งมันหยิ่งดี
เอออะไรหม่คิดถึงตัวตนได้รอดอยู่เป็นคนเพราะใครนี่
พ่อเจ้าเขาเลี้ยงหรือชนนีช่างไม่มีเจ็บแค้นแทนแม่เลย
ถ้าพี่เลี้ยงทั้งสี่มันมิช่วยทั้งแม่ลูกก็จะม้วยเสียแล้วเหวย
จะส่งท่อนไม้มาให้ตาเชยที่ไหนเลยจะได้จ้อขอพ่อไว้
ขอบใจพี่เลี้ยงหนักหนาบุญคุณมันหาที่สุดไม่
ว่าพลางทางผินพักตร์ไปปราศรัยพี่เลี้ยงทั้งสี่คน
สุวิญชามายกความชอบเจ้าเอ็งเห็นแก่ตาเฒ่าสิงหล
ช่วยลูกเราไว้ไม่วายชนม์บุญคุณเป็นพ้นคณนา
กูตั้งใจจัดแจงข้าวของจะสนองคุณเจ้าให้นักหนา
สมเป็นผู้ใหญ่ไวปัญญาไม่หลับหูหลับตาไปตามนาย
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นพระพี่เลี้ยงพิดทูลขยับขยาย
ซึ่งทรงพระเมตตาข้ามากมายพระคุณคล้ายชนกชนนี
อันพระไชยเชษฐ์สุริย์วงศ์ใช่จะไม่เกรงองค์ท้าวยักษี
ซึ่งได้เคืองบาทาฝ่าธุลีโทษผิดครั้งนี้เป็นล้นพ้น
ราหูเข้าเสาร์แทรกชันษาประจวบเป็นเวลาอกุศล
พระคลั่งคลุ้นกลุ้มจิตด้วยฤทธิ์มนต์จึงงวยงงหลงกลอีคนเท็จ
ไม่ช้าพลันครั้นคิดขึ้นมาได้ก็โศกาเพียงใจจะขาดเด็ด
สู้บุกป่าฝ่าดงลอดเล็ดเตร่เตร็ดมาตามนางเทวี
แม้นพระองค์มิทรงพระเมตตาทั้งเจ้าข้าไม่คืนไปกรุงศรี
เห็นจะพากันตายาวายชีวีที่ผิดพลั้งครั้งนี้ได้โปรดปราน
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลนิ่งนั่งฟังว่าขาน
ค่อยคลายหายเหือดเดือดดาลมิได้มีพจมานประการใด
ผินพักตร์ไปตรัสกับนัดดาอันโทษพ่อนั้นตาจะยกให้
แต่ตัดขาดกับมันจนบรรลัยจะกรวดน้ำเสียไม่ขอพบเลย
ถึงแผ่ทองหุ้มตัวมายับยับก็ไม่ปรารถนานับว่าลูกเขย
อย่าไปมาหากันฉันคุ้นเคยใครเกินเลยเถิดนะไม่ละกัน
นัดดาจะรักอยู่ข้างไหนจงว่าแต่จริงใจอย่าเดียดฉันท์
จะอยู่ด้วยชนนีของเจ้านั้นหรือจะไปเหมันต์กับบิดา
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์ได้ฟังว่า
ก้มเกล้าทูลสนองพระบัญชาซึ่งโปรดมาข้ายังไม่ชอบใจ
ที่จริงจิตรักตานั้นเหลือแหล่รักพ่อรักแม่เท่าพ้อมใหญ่
จะไปกับบิดาก็อาลัยด้วยรักใคร่อัยกากับมารดร
แต่ที่จริงในจิตข้าคิดนั้นจะใคร่ให้ดีกันเหมือนแต่ก่อน
แม้นสมดังปรารถนาว่าวอนจะสิ้นทุกข์สิ้นร้อนสำราญใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลสรวลสันต์ไม่กลั้นได้
แกล้งตรัสว่าน่าตีนี่กระไรช่างแก้ไขพูดเลียบเปรียบเปรย
เจ้าจะให้ข้านี้ดีด้วยพ่อเช่นนี้พอรู้เท่าเจ้าดอกเหวย
อันความแค้นของตาอย่าว่าเลยไม่เลี้ยงเป็นลูกเขยคุ้งบรรลัย
แต่ข้างนางแม่ของเจ้านี้จะดีด้วยพ่อเข้าหอใหม่
หรือจะมิดีก็ตามใจกำนัลในไปหามาบัดนี้
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นนางกำนัลรับสั่งใส่เกศี
ถวายบังคมคัลอัญชลีไปปราสาทเทวีสุวิญชา
ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ
๏ ครั้นถึงจึงทูลนางโฉมยงว่าพระบิตุรงค์ให้หา
เชิญเสด็จรีบไปอย่าได้ช้าแล้วแจ้งกิจจาสารพัน
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาร้อนจิตคิดพรั่น
ซักไซ้ไต่ถามนางกำนัลครั้นแจ้งความสำคัญก็คลายใจ
มาสระสรงทรงเครื่องสุคนธานุ่งผ้ายกแย่งระกำไหม
ห่มริ้วทงระยับซับในแล้วทรามวัยเสด็จจรจรัล
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงมนเทียรท้าวยักษีเห็นพระสามีหมอบอยู่นั่น
ดูผิดรูปซูบผอมลงไปครันสารพัดผิวพรรณก็หมองมัว
ชะรอยพระคิดถึงน้องรักจึงโศกนักนึกน่าสงสารผัว
ครั้นเห็นพ่อแลดูก็นึกกลัวทำแก้ตัวคมค้อนให้สามี
คลานเข้าไปวันทาพระยายักษ์แล้วนงลักษณ์ไหว้พี่เลี้ยงทั้งสี่
มิได้พูดจาพาทีเทวีนั่งก้มพักตรา
ฯ ๖ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นท่านท้าวสิงหลยักษา
แกล้งชำเลืองแลดูสุวิญชาเห็นท่วงทีกิริยามึนตึง
จะโกรธผัวจริงจังกระมังหนอหรือกลัวพ่อจะว่าทำหน้าบึ้ง
ลูกเราความคิดติดลึกซึ้งไม่รู้ถึงเล่ห์กลเป็นจนใจ
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ จึงว่าแน่แม่เจ้านารายณ์ธิเบศร์ไชยเชษฐ์ผัวเจ้าเขาคิดได้
มางอนง้อขอดีด้วยทรามวัยเจ้าจะว่าอย่างไรนะลูกรัก
ถึงจะดีกันไซร้พ่อไม่ห้ามจะมิดีก็ตามไม่หาญหัก
เมื่อครั้งก่อนพ่อคิดผิดนักไม่หน่วงหนักให้ไปเพราะในเบา
ประเดี๋ยวนี้เขามาหาสู่ก็เป็นต้นยนต์อยู่ที่ลูกเจ้า
ไปพูดจาสำมะเลเทเมาแล้วพาเขาเข้ามาว่าวิงวอน
พ่อจึงให้หาเจ้าเพราะเท่านี้เทวีชั่งจิตคิดดูก่น
เขาก็ได้มาของ้องอนจะผันผ่อนอย่างไรก็ตามที
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาสะเทินเมินหน้าหนี
ในจิตคิดรักพระสามีครั้นจะดีง่ายง่ายก็อายใจ
จึงทูลสนองพระบัญชาอันความแค้นของข้าเลือดตาไหล
เขาว่าลูกเต้าเป็นท่อนไม้ขับไล่ไสหัวเสียจากเมือง
ได้อับอายขายพักตร์หนักหนาไพร่ฟ้าระบือลือเลื่อง
ท่านเชื่อเมียสารพัดเฝ้าขัดเคืองจะรื้อเรื่องร่ำไปทำไมมี
ว่าพลางทางเรียกลูกชายเจ้านารายณ์ธิเบศร์มาเสียนี่
เอออะไรด้านหน้าทั้งตาปีจะใคร่ตีให้ยับลงกับมือ
ช่างโง่งมซมซานหาญฮึกยังจะรู้สึกนึกบ้างแล้วหรือ
ให้ร้องเรียกสองรื้อสามรื้อดูเถิดดื้อนี้กระไรยังไม่มา
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์โอรสา
นิ่งเสียมิได้ไคลคลาวันทาแล้วทูลไปทันที
ลูกแข็งขัดพจมานประทานโทษพระแม่จงโปรดเกศี
จะขอทูลความทุกข์ของลูกนี้ถึงจะทุบจะตีจะสู้ทน
อกใครจะเหมือนอกข้าได้อับอายไพร่ฟ้าทุกแห่งหน
กำเนิดเกิดมาไม่เทียมคนเพราะพ่อแม่หมองหม่นน้ำใจกัน
อันบิดาผิดพลั้งแต่ครั้งก่อนอุตส่าห์มาง้องอนได้ผ่อนผัน
ถ้าทีหลังยังมุดุดันจะให้ตาตีรันไม่ฉันทา
จงงดโทษพระพ่อเสียสักหนให้ทานบาดคาดบนไว้หนักหนา
เหมือนเมตตาปรานีแก่ลูกยาดีด้วยบิดาเถิดมารดร
เฝ้าพิรี้พิไรไม่เขินขวยพระไชยเชษฐ์ช่วยกระซิบสอน
ทูลพลางทางแกล้งกันแสงวอนสะอื้นอ้อนร่ำไรไปมา
ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นนางโฉมยงสงสารโอรสา
แต่มานะสตรีมีมารยาทำโมโหโกรธาแล้วว่าไป
สู่รู้ดูดู๋เสียแรงเลี้ยงมาบ่ายเบี่ยงพาทีเช่นนี้ได้
ไม่รำพึงถึงตัวเป็นท่อนไม้เขาสิรักใคร่เจ้าอยู่นัก
แค้นใจใครหนอช่างชักพาจึงด้านหน้าด้านตาไปรู้จัก
แค่นเชื่อลิ้นลมไปสมรักทำฮึกฮักพูดจามันน่าตี
อันคนโฉดเช่นนี้แล้วลูกเอ๋ยอย่าว่าเลยถึงตายไม่ดูผี
อีกร้อยชาติก็ไม่ปรารถนาดีอย่าเซ้าซี้กวนใจมิใช่การ
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์จึงว่าขาน
แม้นพระชนนีมิโปรดปรานลูกจะม้วยชนมานเสียมั่นคง
ไม่ควรจะหยิบยกเอาขึ้นว่าด้วยพ่อข้าเคลิ้มไปจนใหลหลง
ความรักน้อยหรือเพราะซื่อตรงสู้บุกป่าฝ่าดงมาติดตาม
ถึงพ่อผิดคิดมั่งฟังลูกเถิดอย่าประเจิดเชิดชื่อให้คนหยาม
ไม่สงสารลูกเต้าเฝ้าถือความจะขอลาตายตามพระพ่อไป
ทูลพลางทางทรงโศกาพระเจ้าตากระไรเลยช่างเฉยได้
เอ็นดูด้วยช่วยว่าบ้างเป็นไรพลางกันแสงไห้วิงวอน
ฯ ๘ คำ ฯ โอด เจรจา
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลมิรู้ที่จะผันผ่อน
เห็นหลานน้อยสร้อยเศร้าเฝ้าทุกข์ร้อนพระทอดถอนใจใหญ่ไปมา
จึงว่านารายณ์ธิเบศร์เอ๋ยอย่าร้องไห้ไปเลยฟังตาว่า
เมื่อแม่เจ้าเขาไม่เมตตามันก็สุดปัญญาอยู่แล้วละ
เจ้ารักพ่อตามแต่จะแก้ไขอ้อนวอนกันไปเถิดสินะ
ที่โทษทัณฑ์นั้นตาก็ลดละจะให้รับธุระเห็นสุดรู้
คำบุราณหลานยังหารู้ไม่จะดับไฟหัวลมนั้นยากอยู่
ทีนี้ใครอย่ามากวนกูจะนั่งดูเล่นตามสบายใจ
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ทุกข์ทนหม่นไหม้
เห็นพ่อตาว่าเชือนแชไปเมียก็ตัดอาลัยสิ้นรัก
ครั้นจะพูดเล้าโลมนางโฉมยงก็เกรงพระบิตุรงค์ทรงศักดิ์
แต่นั่งทอดถอนใจใหญ่ฮักชลเนตรนองพักตร์พระภูมี
เฝ้ากระซิบสอนลูกให้ปลอบแม่พลางแลดูเมียเห็นเบือนหนี
พระสิ้นสติสมประดีก็ซบพักตร์โศกีเพียงขาดใจ
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นนวลนางสุวิญชาศรีใส
เห็นองค์ภัสดาโศกลัยยิ่งเศร้าใจสงสารพระผ่านฟ้า
ในอกอัดอั้นสู้กลั้นกลืนแข็งขืนอารมณ์ก้มหน้า
ชลเนตรคลอคลองนัยนาทำเป็นผงเข้าตาไม่พาที
สุดที่จะกลั้นรัญจวนจิตทำม้วนมิดปิดป้องที่หมองศรี
จึงวันทาลาองค์อสุรีไปปราสาทมณีมิได้ช้า
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท่านท้าวสิงหลยักษา
ตรองตรึกนึกในไปมาจะล้างอายขายหน้าให้เป็นธรรม์
จำจะทำโกรธขึ้งขึงไว้ดูใจไชยเชษฐ์เขยขวัญ
จะมานะกลับคืนไปเหมันต์หรือจะอยู่รำพันพิไรวอน
ท้าวแสร้างเมินเสียไม่ดูหน้าทำปึ่งชาเฉยนิ่งพิงหมอน
เฝ้าแต่ชำเลืองเคืองค้นแล้วบทจรเข้าที่บรรทมใน
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
โอ้
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์เศร้าสร้อยละห้อยไห้
ลูบหลังลูกยาแล้วว่าไปเห็นพ่อจะบรรลัยนี้ไม่แคล้ว
เมื่อองค์พระอัยกาไม่ปรานีจะทำอย่างไรดีนะลูกแก้ว
แม่เจ้าเขาก็ตัดพ่อขาดแล้วไหนจะแคล้วมอดม้วยด้วยความรัก
ก็จะสู้มรณาไม่ว่าเล่นให้มารดาเจ้าเห็นใจประจักษ์
ชาติหน้าบุญมาช่วยนำชักขอให้ได้พบพักตร์ร่วมรักกัน
จงบอกแม่ว่าพ่อนี้ขอลาตายไปคอยท่าอยู่เมืองสวรรค์
ลูกเอ๋ยเป็นกรรมมาตามทันจอมขวัญจำหน้าบิดาไว้
ตรัสพลางทางทรงโศกีปิ้มประหนึ่งชีวีจะตักษัย
ไม่ทันสั่งพี่เลี้ยงร่วมใจภูวไนยสลบลงทันที
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้นพระกุมารตกใจร้องไห้มี่
พระพี่เลี้ยงเพียงจะวายชีวีนวดฟั้นคั้นตีทั่วกายา
พระโอรสวิ่งพลางร้องไห้พลางพี่นางอยู่งานวานช่วยข้า
เร็วเร็วเร่งทูลพระเจ้าตาบัดนี้บิดาข้าวายปราณ
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลได้ฟังสำเนียงหลาน
ลุกจากแท่นที่ตะลีตะลานวิ่งสะดุดเครื่องอานออกมาพลัน
เห็นลูกเขยซอนซบสลบไสลก็ตกใจเรียกหมอปากคอสั่น
ไปหาลูกกูอีกำนัลพลางเข้านวดฟั้นสั่นเนื้อตัว
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาแจ้งเหตุสังเวชผัว
วิ่งวางตัวสั่นอยู่รัวรัวตีอกชกหัวร้องไห้พลาง
ถึงปราสาทบิดาเห็นสามีไม่ไหวติงอินทรีย์เหมือนผีสาง
ลืมองค์ลืมอายกำนัลนางเข้านั่งหนุนปฤษฎางค์ภัสดา
แล้วเอาสุคนธ์โซมชโลมให้นางร่ำไรเรียกร้องเป็นหนักหนา
สิ้นอายสิ้นกลัวพระอาญาออกปากว่าข้าจะดีด้วยแล้ว
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นองค์พระไชยเชษฐ์ผ่องแผ้ว
ค่อยฟื้นองค์ลืมเนตรขึ้นแววแววเห็นลูกแก้วกับเมียนั่งโศกี
พระขืนแข็งฤทัยดำรงองค์กราบลงแทบบาทท้าวยักษี
สุวิญชานึกอายพระสามีลุกหนีมานั่งหลังบิดา
ฯ ๔ คำ ฯ
             

ตอนที่ ๔ อภิเษกพระไชยเชษฐ์

๏ เมื่อนั้นท่านท้าวสิงหลยักษา
เห็นลูกเขยหน้าจ๋อยไม่พูดจาให้มีจิตเมตตาปรานี
จึงตรัสว่าโทษทัณฑ์นั้นไซร้พ่อก็ไม่พอใจจู้จี้
แต่ดูอยู่หน่อยหนึ่งครั้งนี้จะจะเสียให้ดีด้วยกัน
ฝ่ายข้างสุวิญชายาใจเขาก็ไม่รังเกียจเดียดฉันท์
แต่คิดอับอายชาวเหมันต์จงผ่อนผันให้ดีนะลูกรัก
จะอยู่ด้วยกันไปพ่อไม่ห้ามอย่าให้เมียมีความอัปลักษณ์
แม้นเจ้าทำตามจะงามพักตร์ปรากฏยศศักดิ์ทั้งแดนไตร
จงให้ไปเชิญสองกษัตรามาแต่งการวิวาห์กันเสียใหม่
อันการเมื่อครั้งหลังนั้นอย่างไรคราวนี้ก็ให้เหมือนครั้งนั้น
ล้างอายขายหน้าพ่อตาเสียทั้งลูกเมียไม่มีใครเย้ยหยัน
ให้เสนีรีบกลับไปฉับพลันกำหนดสิบห้าวันให้ยกมา
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์รับคำท้าวยักษา
พลางชม้ายชายดูสุวิญชาเสน่หารัญจวนป่วนใจ
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาให้คิดพิสมัย
แลสบหลบเนตรภูวไนยอายใจก็ถวายบังคมลา
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ บัดนั้นวิฬาร์ลับปากไว้คอยท่า
ครั้นเห็นนางเสด็จกลับมาหัวร่อแล้วว่าเป็นแยบคาย
วันนี้แลดูแม่สุวิญชาพักตราผ่องเหมือนกับเดือนหงาย
คราวจะได้สุขสนุกสบายกระไรไม่ทักทายอีวิฬาร์
คิดบ้างเป็นไรเมื่อได้ทุกข์อีขี้ข้าพาบุกมาในป่า
ลืมสิ้นแล้วกระมังแต่หลังมาอนิจจานิจจาเป็นน่าอาย
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ได้เอยได้ฟังนางแค้นคั่งด่าว่าอีฉิบหาย
มึงมาพูดแอบเป็นแยบคายกูไม่ดีง่ายง่ายอย่าเจรจา
พระบิดาจะให้แต่งขันหมากใหม่มึงรู้มั่งหรือไม่อีชาติข้า
ดื้อดึงขืนขัดพระอัชฌาจะโกรธขึ้นมาเป็นฟืนไฟ
ทั้งลูกเต้าก็ร้องไห้งองอจะให้ดีด้วยพ่อจงได้
มึงอย่ามาเซ้าซี้พิรี้พิไรกูจะปิดหูไว้ไม่ขอฟัง
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ไม่เอยไม่แจ้งว่าจะแต่งเข้าหอเหมือนหนหลัง
วิฬารีดีใจพ้นกำลังแม่ข้าไหว้วานฟังให้ทุกคน
ถึงต้องทุกข์บุกไพรได้ความยากแต่ได้กินขันหมากเป็นสองหน
วันนี้เห็นทีจะชอบกลหนีนอนเสียให้พ้นข้างไหนดี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ อีเอยอีวิฬาร์ปากบอนค่อนว่าน่าบัดสี
นางขัดใจฉวยไม้ไล่ตีวิฬารีหนีซุกซ่อนไป
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
             

(จบฉบับเพียงเท่านี้)

เชิงอรรถ

ที่มา

บทละครนอกเรื่อง ไชยเชษฐ์ สถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๓๘

(ขอขอบคุณ คุณ gignoi สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน)

เครื่องมือส่วนตัว