เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1]
  พิมพ์  
อ่าน: 584 การแต่งเรื่องอิงประวัติศาสตร์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41848

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
 เมื่อ 30 พ.ย. 25, 10:55

      วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ 2568    สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรม​โรงเรียนนักเขียน​รุ่น​ที่​ 56  เชิญไปพูดหัวข้อ "การแต่งเรื่องอิงประวัติศาสตร์" ที่สมาคมนักเขียนฯ ระหว่างเวลา 9.00-12.00
      เตรียมเอกสารสั้นๆ ไปตามนี้

      “เขียนนวนิยายอิงประวัติศาสตร์…ไม่ยากอย่างที่คิด”
                                 
      เมื่อจะลงมือเขียน   ขอให้คำนึงว่า “เรามองอดีตเพื่อให้เห็นมนุษย์ในอดีต     ไม่ใช่เพื่อเขียนตำราวิชาประวัติศาสตร์”
      เขียนนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ ไม่ได้เพื่อจะเป็นนักประวัติศาสตร์
      แต่เพื่อความรักที่จะเล่าเรื่องในอดีต
________________________________________
     ๑.  สามเสาหลัก
     (ก) หัวใจของเรื่อง – Human Core
     ทุกยุค ทุกสมัย มีความรัก ความสูญเสีย ความทะเยอทะยาน ความกลัว ความหวัง
     อารมณ์เหล่านี้ไม่เคยพ้นสมัย
     ถ้าตัวละครของเราไม่มีชีวิตให้สัมผัสได้ ต่อให้ข้อมูลแน่นแค่ไหน เรื่องก็ไร้ชีวิตชีวา
     (ข) สร้างโลกในเรื่อง – Historical World-Building
     ส่วนนี้มักทำให้หลายคนกลัว  แต่จริง ๆ แล้ว…
   คุณไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่าง
   คุณรู้เท่าที่จะทำให้ผู้อ่านเห็นภาพไปด้วย
   ข้อมูลควรเป็นเหมือนเลือกเครื่องเทศในแกง  คือใส่พอหอม ไม่ใช่เทลงไปในหม้อทั้งกระบุง เพราะเสียดายว่าอุตส่าห์ไปค้นคว้ามามาก
     (ค) เส้นใยเชื่อมอดีตกับนิยาย – The Weaving Thread
     นักเขียนต้องเดินให้พอดีระหว่าง “ความจริงทางประวัติศาสตร์” กับ “จินตนาการ”
อย่าบิดเบือนหรือเปลี่ยนแปลงอดีต  แต่ให้ตัวละครแทรกได้พอเหมาะพอดีกับในช่องว่างที่ประวัติศาสตร์ไม่ได้จดไว้

      ๒.การสร้างเรื่อง
      ขอแยกเป็นหัวข้อสั้นๆ
     1.   ใคร คือหัวใจของเรื่อง?
     2.   ที่ไหน คือฉากเปิด? บ้าน? ท่าน้ำ? ห้องบรรทม?
     3.   เหตุการณ์จริงใด ที่ผูกเรื่องเข้ากับนิยาย?
     4.   ทำไม เรื่องนี้ต้องเกิดในยุคนี้ ไม่ใช่อีกยุค?
     ใครตอบคำถามทั้งสี่ข้อได้ ก็เริ่มต้นเขียนได้แล้วค่ะ

   “อย่ากลัวอดีตเลยนะคะ
     อดีตพร้อมที่จะทำให้พวกเราทำความรู้จักกับท่านเสมอ
     รู้จักอย่างมิตรสนิทสนมกัน     ไม่ใช่อย่างผู้น้อยกับผู้ใหญ่ จนเกิดความเกรงกลัว ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน”

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41848

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 01 ธ.ค. 25, 13:57

   ตอนไปบรรยาย ไม่ได้เปิดโทรศัพท์มือถือบันทึกเสียง เลยจำไม่ได้ถี่ถ้วนว่าใครถามอะไร และอธิบายอะไรไปบ้าง  แต่ขอเก็บมาเล่าเท่าที่จำได้ และเท่าที่วิเคราะห์ได้จากคำถามของผู้เข้าร่วมรายการนี้ค่ะ
  อย่างแรก ที่จะบอกก็คือ  อย่าลืมว่านิยายอิงประวัติศาสตร์ คือ "นิยาย" ไม่ใช่ "ตำราประวัติศาสตร์ที่มีตัวละคร"
  นักเขียนมือใหม่มักจะห่วงรายละเอียดหรือความถูกต้องในประวัติศาสตร์เสียจนลืมไปว่า  กำลังเขียนนิยายให้คนอ่านเห็นชีวิตผู้คนในอดีต    ไม่ใช่เขียนรายงานหรือวิทยานิพนธ์ให้อาจารย์ตรวจ 
  คนอ่านไม่ต้องการรู้ว่าบ้านช่องที่บรรยายไว้ในนิยาย ถูกต้องตามหลักสถาปัตยกรรมในยุคนั้นทุกกระเบียดนิ้วหรือเปล่า  แต่เขาอยากรู้ว่าชีวิตคนในบ้านดำเนินไปอย่างไร  ถูกใจพวกเขามากน้อยแค่ไหน
  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ละเลยความถูกต้อง จนอยากเขียนอะไรก็ได้ตามใจชอบ   เช่นจะแต่งให้พระเจ้าเสือประทับอยู่ในคฤหาสน์แบบวิกตอเรียน   ก็เกินความสมจริงไป  เพราะวิกตอเรียนคือสมัยรัชกาลที่ 4  และต่อมาถึงรัชกาลที่ 5   
บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 836


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 01 ธ.ค. 25, 17:51

น่าสนใจมากครับ  ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41848

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 01 ธ.ค. 25, 19:03

  ได้ข่าวว่าสมาคมนักเขียนฯจะจัดอีกต้นปีหน้าค่ะ   ถ้าคุณ superboy ว่าง จะย่องเข้ามานั่งหลังห้องก็ได้นะคะ

     อยา่งที่ 2  นักเขียนบางคนถามเรื่องภาษาที่ใช้ในนิยายอิงประวัติศาสตร์    ขอตอบแบบเดียวกับข้อ 1 ว่า ถึงแม้เราเขียนถึงสมัยสุโขทัย  แต่ก็ไม่จำเป็นต้องไปรวบรวมศิลาจารึกสมัยสุโขทัยมาหมดทุกหลัก เอามากางตรงหน้า   เพื่อใช้ภาษาให้เหมือนเป๊ะๆ
     เพราะคนอ่านไม่ใช่ชาวสุโขทัยสมัยพ่อขุนรามคำแหง  แต่เป็นคนไทยสมัยปัจจุบันเช่นเดียวกับคนเขียน
     พวกเขาอ่านภาษาเก่าขนาดนั้นไม่รู้เรื่อง นอกจากเป็นผู้เชี่ยวชาญทางภาษาโบราณ
     ขอให้ใช้ภาษามีกลิ่นอายโบราณก็พอ   แต่ก็อย่าฟรีถึงขั้นเผลอไปใช้สแลงปัจจุบัน  เช่น กูมิได้เฮ้ว  หรือ นางดี๊ด๊ายามเห็นเจ้าเมือง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41848

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 02 ธ.ค. 25, 09:09

  มีคนถามว่า  เรื่องที่ย้อนหลังไปไกลมากเท่าไหร่ ยิ่งเขียนยากมากเท่านั้นใช่ไหม
  คำตอบคือ  ยิ่งย้อนหลังไปไกลเท่าไหร่ยิ่งเขียนง่าย   เพราะสามารถสมมุติได้มาก   ไม่มีใครมาจับได้ว่าเขียนผิด เหมือนสมัยใกล้ๆตัวที่ข้อมูลเยอะมาก   ถ้าอ่านได้ไม่ครบถ้วนก็มีโอกาสเขียนผิดให้คนจับได้ง่ายมากขึ้น
  สมัยก่อนสุโขทัย เช่นอาณาจักรทวารวดี, อาณาจักรละโว้, อาณาจักรโยนกเชียงแสน, อาณาจักรหริภุญชัย, อาณาจักรโคตรบูรณ์, อาณาจักรศรีวิชัย, และอาณาจักรตามพรลิงค์   ใครจะรู้ชีวิตประจำวันของคนในยุคนั้น   ใครจะรู้ว่าสมัยนั้นชาวบ้านมีชื่อว่าอะไร  กินข้าวกับอะไร   
  แต่ความยากอยู่ที่ว่า เมื่อหาข้อมูลยาก  การสมมุติให้คนอ่านคล้อยตาม จนเห็นภาพไปด้วย ก็ยิ่งยากมากขึ้นเท่านั้น   ถ้าหากว่าจินตนาการของคนเขียนไม่ชัดเจนพอ     เมื่อใดคนอ่านรู้สึกว่าเขียนถึงอาณาจักรตามพรลิงค์ แต่บรรยายเหมือนอยู่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นี่เอง  ก็จะเกิดการสะดุดในอารมณ์  คนเขียนไม่สามารถสร้างความเชื่อให้คนอ่านได้
บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 836


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 02 ธ.ค. 25, 12:35

แค่เข้าเรียนคลาสนี้กับอาจารย์ผมก็แน่นปึ้กแล้วครับ เก้าอี้วีไอพีเชียวนะ  ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41848

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 03 ธ.ค. 25, 10:53

  อย่างที่ 3  คือ ประวัติศาสตร์ที่ใกล้ตัว คือย้อนหลังไปไม่นานนัก ประมาณหนึ่งร้อยกว่าปี   เขียนง่ายตรงที่มีข้อมูลรองรับได้มาก  ไม่ว่าจากตำรา บันทึก จดหมายเหตุ  ชีวประวัติบุคคลสำคัญ หรือประวัติในหนังสืองานศพ  สามารถสร้างเนื้อเรื่องขึ้นมาได้ยาก
  แต่ข้อควรระวังคือการพาดพิงถึงบุคคลที่มีชีวิตอยู่จริง    เพราะลูกหลานเขายังมีชีวิตอยู่    อาจจะพอใจกับไม่พอใจที่บรรพบุรุษของพวกเขาถูกอ้างอิงในเรื่องก็เป็นได้     
   ถ้าจำเป็นต้องเอ่ยถึง จะให้ปลอดภัยก็อ้างอิงเพียงสั้นๆ    หรือขอให้ระมัดระวังไม่อ้างผิดเพี้ยน จนเสียหายถึงชื่อเสียงของบุคคลนั้น
   แต่ถ้าต้องเอ่ยถึงในทางลบ   เพราะเหตุการณ์ในอดีตเป็นไปในทางลบจริงๆ ไม่มีทางเลี่ยง   ก็ขอให้เตรียมหลักฐานไว้ให้พร้อม ถ้ามีการท้วงติงมา    ข้อนี้เคยเจอมาแล้ว
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41848

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 04 ธ.ค. 25, 11:25

  อย่างที่  4  มีคำถามในห้อง  เรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์
  การละเมิดลิขสิทธิ์ คือ การนำผลงานของผู้อื่นที่มีลิขสิทธิ์ไปใช้ ดัดแปลง ทำซ้ำ หรือเผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน   กฎหมายลิขสิทธิ์ของไทยมีบทลงโทษทั้งทางแพ่ง(ปรับ)และจำคุก(อาญา) ขึ้นอยู่กับลักษณะการกระทำและความร้ายแรง
  การลอกงานของผู้อื่นมา  ถ้าลอกทั้งเรื่องเปลี่ยนแต่ชื่อตัวละครและสถานที่  ก็จับความผิดได้ง่ายหน่อย   ส่วนที่ยากคือผู้ละเมิดฉลาดพอจะ "ดัดแปลง" เช่นเปลี่ยนประเภทของงานสร้างสรรค์จากประเภทหนึ่งเป็นอีกประเภทหนึ่ง  เช่นเปลี่ยนจากนวนิยายเรื่องยาวเป็นบทละคร     นอกจากนี้ เปลี่ยนส่วนประกอบเช่นรายละเอียด  ชื่อ  จำนวนตัวละคร ฉาก  แล้วอ้างคำว่า "ได้แรงบันดาลใจ"  แทนเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย    แต่ส่วนสำคัญที่สุดคือลอกความคิดหลัก( main idea) ตลอดจนการดำเนินเรื่อง  ซึ่งเป็นความคิดสร้างสรรค์ของเจ้าของเรื่องเดิม เอามาเป็นของตนเอง 
   กฎหมายเล็งเห็นข้อนี้ จึงระบุคำว่า "ดัดแปลง" เอาไว้ด้วย     ไม่ใช่แค่ทำซ้ำเฉยๆ
   มาดูกันว่า "ดัดแปลง" กับ "ได้รับแรงบันดาลใจ" แตกต่างกันอย่างไร
   ถ้าคุณไปดูหนัง The Pirates of the Caribbean มาแล้วเกิดความประทับใจ อยากจะเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับโจรสลัดบ้าง   แต่โจรสลัดที่ว่าตั้งใจให้เป็นแบบไทยๆ ไม่ใช่ของฝรั่งอย่างต้นแบบ    ดังนั้น ฉากในเรื่องก็ต้องสมมุติใหม่   ถ้าเป็นโจรสลัดทางล้านนา  ก็ต้องปล้นทางแม่น้ำ เพราะทางภาคเหนือไม่มีทะเล   พฤติกรรมของโจรสลัดในเรื่องจึงถูกกำหนดด้วยสภาพแวดล้อมแตกต่างจากเรื่องเดิมในภาพยนตร์    การดำเนินเรื่องแม้จะเป็นการปล้นทางน้ำเหมือนกัน  แต่ถ้าสร้างตัวละครขึ้นมาใหม่ ไม่ซ้ำต้นแบบ  การดำเนินเรื่องและคลี่คลายเรื่องไปจนถึงตอนจบ คิดขึ้นมาเอง  ไม่ซ้ำกับภาพยนตร์  ก็จะเป็นชีวิตโจรสลัดอีกแบบหนึ่ง
   อย่างนี้เรียกว่า "ได้แรงบันดาลใจ"
   เรื่องที่ได้แรงบันดาลใจ จะมีเอกลักษณ์หรือตัวตนเป็นแบบฉบับของตัวเอง
   ถึงแม้ตอนต้นจะมีบางอย่างไปคล้ายหรือซ้ำกับวรรณกรรมอีกเรื่องหนึ่ง  แต่เมื่อตัวละคร การดำเนินเรื่อง การคลี่คลายและตอนจบไม่เหมือนกัน   แสดงให้เห็นว่าผู้แต่งมีความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง     อย่างนี้เรียกว่าแรงบันดาลใจ
 
บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 836


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 04 ธ.ค. 25, 14:33

'ละเมิดลิขสิทธิ์' กำลังมาแรงเลยครับอาจารย์ ผมถือโอกาสศึกษาหาความรู้ไปพร้อมกัน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41848

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 05 ธ.ค. 25, 12:10

     สรุปว่า การลอกเลียนงานวรรณกรรม (Copyright Infringement)หมายถึงการนำ “สาระสำคัญ” ของงานเดิมไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
     คำว่า "สาระสำคัญ ในทางกฎหมาย"รวมถึง
   โครงเรื่อง (plot)
   ตัวละครหลักที่มีลักษณะเฉพาะ
   สไตล์การดำเนินเรื่องที่เหมือนอย่างมีนัยสำคัญ
   ลำดับเหตุการณ์สำคัญ
   บทสนทนาที่ลอกมา
   โครงสร้างหรือระบบความคิดที่เฉพาะของผู้เขียนเดิม
         แม้จะ “เปลี่ยนคำพูด” แต่ถ้ายังจำลองหัวใจของงานเดิมอยู่ ก็ถือว่าละเมิด  พูดง่าย ๆ คือ ลอกสิ่งที่เป็นตัวตนเฉพาะของงานชิ้นนั้น
       ส่วน แรงบันดาลใจ (Inspiration) หมายถึง หยิบแนวคิดกว้าง ๆมาใช้ เช่น ความรักที่เกิดจากความขัดแย้งของสองฝ่าย   การเดินทางข้ามกาลเวลา   เรื่องลึกลับที่ไม่แน่ว่าเป็นเรื่องสืบสวนหรือเรื่องผี
   มีตัวละครใหม่ เหตุการณ์ใหม่ โครงเรื่องใหม่ แม้จะมีรสชาติคล้ายกัน  แต่ไม่ซ้ำโครงสร้างหรือรายละเอียดสำคัญของงานเดิม
   ถ้านักเขียนใหม่เห็นเทคนิคการเขียนของนักเขียนเก่า แล้วอยากลองเขียนเอง เช่น วิธีเปิดเรื่องแบบย้อนอดีต   วิธีเล่าแบบสลับเวลาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน  ทำได้ถ้าไม่เอาเนื้อเรื่องของเขามาด้วย
       แนวคิดทั่วไปไม่มีลิขสิทธิ์ แต่การแปลงแนวคิดให้เป็นรูปธรรมแบบมีโครงสร้าง นั่นแหละที่ได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมายลิขสิทธิ์
 
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41848

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 05 ธ.ค. 25, 13:02

      กรณีที่เกิดจากความพลาดพลั้ง  (Common Mistake)
      ผู้เขียนอ่านนิยายเรื่องหนึ่งแล้วรู้สึกประทับใจมาก จนพอลงมือคิดและเขียนเรื่อง  ใจมันเผลอ  จำเหตุการณ์และการผูกปมเรื่อง เอามาทั้งชุด เช่น
   เปิดเรื่องด้วยตัวละครเอกขับรถไปตามลำพัง  เจออุบัติเหตุ  รถเดินทางต่อไปไม่ได้
   ตัวละครเอก ออกเดินไปพบหมู่บ้าน   เจอผู้คนพูดจาแปลกๆ ลึกลับแบบเดียวกัน
   ต้องพักค้างคืนในหมู่บ้านเหมือนกัน
        เจอเหตุการณ์แปลกๆ หาคำอธิบายไม่ได้เหมือนกัน
        รอดตายออกจากหมู่บ้านได้ เมื่อเวลาเช้ามาถึง เหมือนกัน
        ปมเฉลยออกมาในตอนท้ายเรื่อง  เป็นแบบเดียวกัน
        แม้ไม่ได้ตั้งใจลอก แต่ถ้ามีความเหมือนเป็นโครงสร้างสำคัญ ก็ถือว่าลอกเลียน
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.044 วินาที กับ 19 คำสั่ง