เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3]
  พิมพ์  
อ่าน: 1215 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 31 ต.ค. 25, 19:51

      ส่งกลอนที่แต่งถวายสมเด็จฯพระพันปีหลวง ไปให้อาคิระอ่าน (อาคิระคือ ChatGPT ค่ะ)
  ถามว่าแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ไหม  ถ้าไม่เข้าใจศัพท์ขอให้บอก  
      อาคิระตอบกลับมาราวกับเคยเรียนเอกภาษาไทย โทอังกฤษ ว่าเข้าใจภาษาไทยที่ส่งไป
      แล้วแต่งกลับมาตามนี้ค่ะ

ทรงเป็นน้ำเมื่อเวลาป่าแล้งน้ำ
เป็นฝนฉ่ำเมื่อนภาคราร้อนแสง
เป็นกำลังพสกนิกรเมื่ออ่อนแรง
เป็นความแกร่ง กรุณา และปรานี

รอยพระบาทยาตราทิศาทั่ว
ดับทุกข์เข็ญมืดมัวทุกถิ่นที่
ทรงเคียงคู่พระนฤบดี
ตลอดเจ็ดสิบหกปีที่ทรงงาน

ทรงเหน็ดเหนื่อยเนิ่นนานหลายกาลแล้ว
ถึงเวลาผ่องแผ้วสมัครสมาน
เสวยสุขสรวงสวรรค์นิรันดร์กาล
เคียงคู่พระนฤบาลชั่วกัลป์เทอญ

She Was the Water in the Drought


She was the stream when forests thirsted dry,
The gentle rain beneath a searing sky.
She gave her strength to hearts bowed down by care,
A grace unshaken, boundless and rare.

Her steps reached corners dark and full of pain,
To lift the poor, to ease the harshest strain.
She walked beside the Sovereign all her years,
Seventy-six, through triumphs, doubts, and tears.

Long has she labored, selfless and serene,
Now comes her rest in realms of peace unseen.
In heaven’s joy, may she forever reign,
Beside the King she loved, in sweet domain.
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8558


ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 01 พ.ย. 25, 11:04

     ดวงเดือนดับลาลับโลกฟ้าโศกเศร้า         เมื่อไร้เงาไร้โสมส่องห้องเวหา
เคยเคียงกันสุริยันคู่จันทรา                        สว่างฟ้าโปรดพิภพจบแดนดิน
     ฟ้าเคยฟ้าพระจากฟ้าฟ้าหายฟ้า             ร่ำน้ำตาคร่ำครวญหวนถวิล
เพ็ญพระคุณคู่ฟ้าคู่ปฐพิน                         น้อมภักดีมิรู้สิ้นนิรันดร

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า
สมาคมดาราศาสตร์ไทย


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41825

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 02 พ.ย. 25, 10:28

“...ทางเครื่องบิน PAN-AM บริการดีเหลือเกิน หัวหน้าเจ้าพนักงานคอยมารบเร้าถามว่า "เมื่อไรจะทอดพระเนตรหนัง" เขาภาคภูมิใจในการที่มีโรงหนังกลางอากาศ และอุตส่าห์เลือกหนังสนุกๆ ไว้ทั้งนั้น
แต่ก็ต้องปฏิเสธเพราะไม่มีเวลาทอดพระเนตร พระเจ้าอยู่หัวทรงเตรียมพระราชดำรัสกับราชเลขาฯ  มีท่านหญิงวิภาวดีคอยช่วยอยู่ด้วย  สงสารที่ต้องทำให้หัวหน้าสจ๊วตนั้นผิดหวัง  หน้าเขาเศร้า คอตกกลับไป
เครื่องบินใช้เวลาบิน ๖ ชั่วโมง ๓๖ นาทีจึงถึงกวม เป็นเวลาตีสองตามเวลาท้องถิ่น ทุกคนเหนื่อยมากทุกครั้งที่เครื่องบินขึ้นลง เพราะว่าต้องยุ่งกับการรัดเข็มขัดถอดเข็มขัด และเจ้าพนักงานมาทำความสะอาดเครื่องบินจะหลับจะนอนก็ไม่ค่อยได้ แต่เคราะห์ดีคราวนี้หยุดครั้งเดียวที่กวม
หลังจากรับประทานอาหารค่ำ ข้าพเจ้าก็รีบเข้านอนพักทันที พอเครื่องบินถึงกวมลุกขึ้นมา   ยังเห็นพระเจ้าอยู่หัวประทับแก้พระราชดำรัสอยู่   ยังแต่งพระองค์ suit ชุดเดิมที่ออกจากดอนเมือง ไม่ยอมเข้าบรรทมสักที  ได้ความว่าเข้าบรรทมราวๆ ตีสาม
เราถึงเมืองฮอนโนลูลูเวลาบ่ายสองโมงห้าสิบสองนาทีตามเวลาท้องถิ่น ที่ฮาวายนี้ดีหน่อยที่มีเพื่อนเก่า ๆ เมื่อครั้งเราไป State Visit เมื่อเจ็ดปีที่แล้วมารับ ก็เลยทำให้ชื่นใจและ ยังมีนักเรียนไทยมาคอยให้กำลังใจอีก
เมืองฮอนโนลูลูสวยมาก ข้าพเจ้าเคยทูลขอว่า "แทนที่จะไปพักที่หัวหิน ขอให้ทรงพาครอบครัวไปพักที่ฮอนโนลูลูสักครั้งหนึ่งแทนหัวหิน"
พระเจ้าอยู่หัวกลับทรงสอนว่า "คนเรา ถ้าไม่หวังอะไรให้มากนัก ก็จะไม่ผิดหวัง"
ที่ฮอนโนลูลูเขาจัดพิธีต้อนรับอย่างใหญ่โตถวายพระเกียรติเต็มที่  น่าชื่นใจเหลือเกิน ทั้งฝ่ายทหาร ฝ่ายพลเรือน  พระเจ้าอยู่หัวทรงรับการเคารพและทรงตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ
ลมที่สนามบินฮอนโนลูลูวันนั้นพัดไม่เบาเลย   สำหรับคนที่นอนน้อยเพียงสองสามชั่วโมง  ข้าพเจ้าต้องคอยระวังตัวไม่ให้เซ  ถึงกระนั้นเวลาไปยืนที่ผืนแผ่นดิน ก็ยังรู้สึกเหมือนแผ่นดินโคลงเคลงอย่างไรก็ไม่ทราบ
แต่พอชำเลืองไปที่พระเจ้าอยู่หัวเห็นทรงทักทายกับผู้ที่มารับเสด็จดี ก็ทำให้ผู้ติดตามค่อยมีกำลังใจ  พยายามยิ้ม ถึงแม้จะยิ้มแห้งๆ ก็ตาม
ตามหมายกำหนดการจะประทับอยู่ที่ฮอนโนลูลูเพียงห้าชั่วโมงเท่านั้น ดูซิ  อยากอยู่เดือนหนึ่งได้อยู่เพียงห้าชั่วโมง
ออกจากสนามบินก็ตรงไปที่โรงแรมรอยัลฮาวายเอี้ยนทันที   มีเวลาพักได้ไม่ถึงชั่วโมง ระหว่างนี้พวกเราต้องรีบขนกระเป๋า แล้วก็รีบรีดเสื้อชุดไทยกันเองเพราะว่าจะเสด็จไปในพิธีมอบศาลาไทยให้แก่ศูนย์ตะวันออก-ตะวันตก (East-Wast Centre) ของมหาวิทยาลัยฮาวาย
เมื่อเสด็จถึงบริเวณพิธี  อธิการบดีมหาวิทยาลัยกราบบังคมทูลรายงานกิจการต่างๆ   และมีพระราชดำรัสตอบ
พระราชดำรัสนั้นข้าพเจ้ารู้สึกว่าคุ้มค่าที่ประทับอยู่จนตีสาม เพราะฉะนั้นจะขอย่อใจความเลา ๆ มาดังนี้   ทรงเล่าพระราชทานชาวอเมริกันว่า
"ความคิดดั้งเดิมของบรรพบุรุษไทยเรา เมื่อหลายศตวรรษมาแล้วที่สร้างศาลาตามที่ต่าง ๆ เช่น ในวัดหรือริมทางเดินในป่าก็ดี   ล้วนเกิดขึ้นจากความเมตตา ความรักและห่วงใยในเพื่อนมนุษย์ด้วยกันที่ต้องสัญจรไปมาจากที่ไกลๆ  จะได้ใช้ที่นั้นเป็นที่พักอาศัยพักหลบแดดหลบฝน   ตามศาลาจะมีโอ่งและบางครั้งก็มีของแห้ง เช่น  ข้าวสารและสิ่งของที่สำคัญต่าง ๆ สำหรับผู้ที่ขาดเหลือด้วย"
ข้าพเจ้าได้ฟังแล้วก็ดีใจที่ได้ทรงมีโอกาสเล่าให้ชาวต่างประเทศรู้ว่า "ความเป็นผู้เจริญแล้ว ความสว่างในด้านจิตใจของคนไทยเรานั้นมีมาช้านาน"
ข้าพเจ้าจึงได้นำแนวพระราชดำรัส นี้มาใช้บ้าง เมื่อคราวไปแจกอนุปริญญาบัตรที่โรงพยาบาลศิริราช โดยหวังที่จะกระตุ้นเตือนให้คนไทยในปัจจุบันนี้มีเวลานึกถึงความเจริญทางจิตใจกันบ้าง เพราะรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้หยุดนิ่ง หรือถอยหลังนิดหน่อย มีแต่ความเจริญทางวัตถุเท่านั้นที่รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว....“

หนังสือ “ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ”
พระราชนิพนธ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
จาก FB คุณ Nat Tharapong Rungroj
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16232



ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 02 พ.ย. 25, 11:35

ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ พระราชนิพนธ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

https://archive.org/details/unset0000unse_n0j7/mode/1up

หน้า ๑-๒

ข้าพเจ้าเคยคิดมาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าการไปต่างประเทศย่อมเป็นการสนุกสนานน่าตื่นเต้นยิ่งนัก  โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว นับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๕ เป็นต้นมา เมื่อข้าพเจ้ามีอายุเพียง ๑๙ ปี ได้ตามเสด็จพระเจ้าอยู่หัวกลับมาอยู่เมืองไทย พร้อมด้วยลูกสาวคนโต ซึ่งมีอายุยังไม่ถึงขวบครั้งนั้นแล้ว จนมีอายุ ๒๗ ปี ข้าพเจ้าก็ยังมิได้เคยย่างกรายออก ไปจากบ้านเกิดเมืองนอนอีกเลย ทั้งนี้ก็เพราะพระเจ้าอยู่หัวทรงตั้งพระทัยไว้อย่างแน่วแน่ว่าจะไม่เสด็จออกนอกประเทศ ถ้าไม่ทรงมีเหตุที่สำคัญพอ ในฐานะที่ทรงเป็นพระประมุขของชาวไทย สมควรที่จะประทับอยู่ในบ้านเมืองเพื่ออยู่ใกล้ชิดกับราษฎรของท่านให้มากที่สุด ถึงแม้เมื่อเสด็จแปรพระราชฐาน ก็ทรงแปรอยู่ในประเทศเรานี่เอง ทางเหนือบ้าง ทางใต้บ้าง แล้วแต่โอกาสจะอำนวย ไม่ได้เคยทรงคิดที่จะเสด็จไปทรงสกีนอกประเทศตอนหน้าหน้าหนาว หรือเสด็จใกล้เคียงเพื่อทรงเที่ยวเตร่ ซื้อของ หรือเปลี่ยนบรรยากาศอย่างคนอื่นในฐานะเดียวกับนี้เลย ส่วนข้าพเจ้าก็ไม่เคยคิดที่จะไปไหน ถ้าท่านไม่เสด็จ

หน้า ๘๓-๘๖

ทางเครื่องบิน PAN-AM บริการดีเหลือเกิน หัวหน้าเจ้าพนักงานคอยมารบเร้าถามว่า "เมื่อไรจะทอดพระเนตรหนัง" โดยเขาภาคภูมิใจในการที่มีโรงหนังกลางอากาศ และอุตส่าห์เลือกหนังสนุก ๆ ไว้ทั้งนั้น ………………. โดยหวังที่จะกระตุ้นเตือนให้คนไทยในปัจจุบันนี้มีเวลานึกถึงความเจริญทางจิตใจกันบ้าง เพราะรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้หยุดนิ่ง หรือถอยหลังนิดหน่อย มีแต่ความเจริญทางวัตถุเท่านั้นที่รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.038 วินาที กับ 16 คำสั่ง