เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 9 10 [11]
  พิมพ์  
อ่าน: 9994 คุยกันถึงวรรณกรรมระดับโลก
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41828

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 150  เมื่อ 17 พ.ย. 25, 16:08

  จบแล้วนะคะ  มีเรื่องไหนอีกไหม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41828

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 151  เมื่อ 18 พ.ย. 25, 13:44

    เรื่องต่อไป The Metamorphosis ของ Franz Kafka ค่ะ
    เรื่องนี้บรรยายถึงครอบครัวธรรมดาๆที่ประกอบด้วยพ่อ แม่ ลูกชายและลูกสาว  เกรเกอร์คือลูกชายผู้ทำงานเป็นเซลล์แมน  เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหาเลี้ยงครอบครัว
    เช้าวันหนึ่งที่ดูธรรมดาๆเหมือนวันอื่นๆ  เกรเกอร์ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า ตนเองกลายเป็นแมลงขนาดใหญ่—ไม่มีคำอธิบาย  ไม่มีสาเหตุ  ไม่มีผล  เพียงแต่เขาเคลื่อนไหวลำบาก พูดไม่ได้ และเป็นที่น่ารังเกียจของทุกคนในบ้าน
     ในตอนแรก ครอบครัวพยายามดูแลช่วยเหลือ แต่ไม่นาน  ผลกระทบก็มาถึงทุกคน   รายได้จากเงินเดือนของเกรเกอร์หายไป  ฐานะทางบ้านเรืิ่มตกต่ำ   ความเหน็ดเหนื่อยของคนในบ้านเพิ่มมากขึ้น   ความเห็นใจเริ่มจางหายไป เพราะเกรเกอร์ไม่สามารถทำงาน ช่วยเหลือเรื่องเงินทองให้ครอบครัวได้อีกต่อไป
     เขาถูกกักไว้ในห้องเหมือนขยะที่ต้องซ่อนเร้นจากคนเช่าบ้าน (ที่ต้องรับเข้ามาเพื่อเป็นรายได้)และถูกมองว่าเป็นภาระมากกว่าสมาชิกครอบครัว
     ผู้ที่ผูกพันกับเกรเกอร์ที่สุดคือ “เกรเต้” น้องสาว
    แรกเริ่ม เธอเป็นคนเดียวที่เข้ามาทำความสะอาดห้อง  หาอาหารที่เขากินได้มาให้เขา
    แต่นานๆเข้า  เธอก็เหนื่อยล้าและสิ้นหวัง  เมื่อคนเช่าบ้านรังเกียจเกรเกอร์จนยื่นคำขาดว่าจะเลิกเช่าและไม่จ่ายเงิน   ครอบครัวก็เริ่มเดือดร้อนมากขึ้นอีก   จนถึงจุดที่เกรเต้กล่าวกับพ่อแม่ว่า
    “เราต้องกำจัดมันออกไป”
    ครอบครัวไม่ได้เห็นเกรเกอร์เป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้ว  แต่เป็น "มัน" สิ่งเลวรา้ยที่ทำให้ทุกคนในบ้านเดือดร้อน
    เกรเกอร์—ผู้ซึ่งยังคงรู้สึกนึกคิดแบบมนุษย์ และยังรักครอบครัวอย่างลึกซึ้ง—ได้ยินทุกคำ
เขาค่อย ๆ ถอยกลับไปในความมืด ยอมรับชะตากรรม   และในที่สุดก็ตายอย่างเงียบงัน
    เมื่อพบว่าแมลงที่เคยเป็นลูกชายตายไปแล้ว   ครอบครัวรู้สึกโล่งใจราวกับภาระหนักได้ถูกปลดลงจากบ่า  หลังจากสั่งให้หญิงรับใช้กวาดซากออกไปทิ้ง  พ่อ แม่และลูกสาวก็ออกจากบ้าน นั่งรถไฟออกไปเที่ยวชนบท  ชมทิวทัศน์ที่เจริญตาด้วยความรื่นรมย์ใจ     พ่อกับแม่สบายใจ ถึงกับปรารภว่าถึงเวลาจะหาผู้ชายดีๆมาแต่งงานกับเกรเต้ได้สักที
     ทุกคนมองหาชีวิตใหม่—โดยไม่หันกลับมาเหลียวแลเกรเกอร์อีกเลย


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8561


ความคิดเห็นที่ 152  เมื่อ 18 พ.ย. 25, 15:55

         เป็นนักเขียนที่สัมผัสผลงานแล้วเลยเถิดต้องไปตามหาเรื่องความเจ็บปวดใจ,ป่วยกาย ของคนเขียน
รีวิวแบบรีบ คือ ป่วยเรื้อรังทางใจและมีอาการแปรปรวนทางกายร่วมด้วยเข้าข่ายซึมเศร้า ในปีที่เขาเขียน
The Metamorphosis (1912) จดหมายที่เขียนถึงเพื่อนบอกว่าเขาใกล้จะฆ่าตัวตายแล้ว
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41828

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 153  เมื่อ 18 พ.ย. 25, 16:20

  ชีวิตของคัฟคา เต็มไปด้วยสีเทาหม่นมืด ไม่ต่างจากผลงานของเขา    พระเจ้าประทานพรสวรรค์ให้เขาก็จริง แต่แถมคำท้ายว่า "อาภัพ"  ประทับตราชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย   
   ตลอดเวลาที่ยังมีลมหายใจ เขาไม่เคยสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ที่มาถึงเขาหลังจากตายไปแล้ว    รู้สึกแต่ว่าตัวเองเต็มไปด้วยความทุกข์ ท้อแท้  ผิดหวัง และล้มเหลว  ถ้าสวรรค์จะปรานีก็ตรงที่ช่วยปิดฉากชีวิตเขาเร็วหน่อย แค่ 40 ปีก็จบความทุกข์
   คัฟคาเกิดในครอบครัวชาวยิวที่พูดภาษาเยอรมัน  ตั้งถิ่นฐานในกรุงปราก  สาธารณรัฐเช็กในปัจจุบัน   พ่อเป็นเศรษฐีนักธุรกิจที่ถีบตัวขึ้นมาจากคนยากไร้   พอประสบผลสำเร็จก็หวังว่าลูกชายจะเจริญรอยตาม   ยิ่งเป็นลูกชายคนโตและคนเดียว( น้องชายอีก 2 คนตายไปตั้งแต่เล็ก) นอกนั้นเป็นน้องสาว   พ่อก็ยิ่งกวดขันให้ได้ดังใจ    โดยไม่เคยคิดเลยว่าธรรมชาติของคัฟคาไม่ใช่นักสู้ชีวิตอย่างพ่อ  แต่เป็นศิลปินที่บอบบางและอ่อนไหวทั้งกายและใจ    เมื่อโดนพ่อเข้มงวด (สมัยนี้เรียกว่าบุลลี่) ทุกย่างก้าว ดุด่า ลงโทษ บังคับเคี่ยวเข็ญทุกอย่างเพื่อหวังจะให้ประสบผลสำเร็จ    คัฟคาก็เหมือนเด็กที่ถูกบังคับให้โดดลงน้ำทั้งๆว่ายน้ำไม่เป็น  ให้กระเสือกกระสนลอยคอเอาเอง เพื่อจะได้ว่ายน้ำเก่ง   ไม่ว่าจะสำลักน้ำ แสบจมูก หนาวสั่นขนาดไหน พ่อก็โยนลงไปครั้งแล้วครั้งเล่าตลอด 40 ปี
    คัฟคาไม่เคยออกจากบ้านไปดำเนินชีวิตอิสระจากพ่อ    เพราะเกรงกลัวพ่อเกินกว่าจะกล้าขัดขืน     แม่เป็นผู้หญิงดีแต่ถูกธรรมเนียมสมัยนั้น และสามีกดหัวจนโงไม่ขึ้น   เธอเป็นกำลังใจให้ลูกชายได้แต่ช่วยเหลือไม่ได้     เขาพยายามจะดำเนินชีวิตอย่าง "ลูกผู้ชายที่ดี"  แต่ไม่เคยแต่งงานมีครอบครัว    คบผู้หญิง แต่แล้วก็พาตัวเองไปสู่ประตูวิวาห์ไม่ได้จนแล้วจนรอด   
    (อ่านชีวิตและลักษณะนิสัยของเขา ดิฉันสงสัยว่าคัฟคาเป็นเกย์แบบแอบแฝง   แม้ไม่มีหลักฐานชัดๆ แต่นักวิจารณ์หลายคนก็สงสัยเหมือนกัน)
   ท่ามกลางความทุกข์ทรมานใจ  ต้องทำงานที่ตัวเองเกลียด  ต้องทนพ่อที่ตัวเองไม่อยากทน  ต้องมีคนรักทั้งๆไม่อยากแต่งงาน   คัฟคามีช่องระบายอากาศให้หายใจได้ช่องเดียว คือการเขียนหนังสือ    เขาระบายความในใจออกมาเป็นตัวหนังสือ และเป็นภาษาสำนวนของเขาเองที่ไม่ซ้ำแบบกับนักเขียนคนใด    โลกมารู้จักเมื่อเขาจากไปแล้ว


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41828

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 154  เมื่อ วันนี้ เวลา 10:50

               The Metamorphosis  เป็นแนวเขียนที่มองได้หลายมุม นักวิชาการบางคนเรียกว่าเป็นแนวสัญลักษณ์นิยม (Symbolism) บางคนก็ตัดสินว่าเข้าข่าย สัจนิยมแนวมหัศจรรย์ (magical realism)  แต่จะเป็นอะไรก็ตาม  ความจริงคือมันสะท้อนตัวตนและความเจ็บปวดของคัฟคาออกมาด้วยชั้นเชิงวรรณศิลป์ไม่ซ้ำแบบใคร 
    ความหมายของเรื่องนี้
   1. เกรเกอร์คือภาพสะท้อนของมนุษย์ที่ถูกสังคมลดทอนคุณค่าให้กลายเป็น "เครื่องมือ" หรือ "วัตถุ" ชิ้นหนึ่งเท่านั้น
    เกรเกอร์ทำงานหาเงินให้ครอบครัวอย่างแข็งขัน  แต่เขาไม่ได้รับความรักและการยอมรับนับถือในแบบที่มนุษย์ควรได้รับจากมนุษย์ด้วยกัน   วันหนึ่งเมื่อเขากลายเป็นแมลง  ความจริงข้อนี้ก็ประจักษ์ออกมา
     คัฟคาสร้างสัญลักษณ์ขึ้นมาให้เห็นว่า เกรเกอร์ไม่ใช่มนุษย์   แต่เป็นตัวอะไรตัวหนึ่งที่ไม่มีค่า   มันไม่ใช่สัตว์ประหลาด   แต่เป็นภาพเปรียบเทียบที่น่าเจ็บปวดของการถูกทอดทิ้งเมื่อหมดประโยชน์
   2. ครอบครัวคือภาพจำลองของสังคม
    ในตอนแรก ทุกคนในบ้านยังห่วงใย วิตกทุกข์ร้อนและพยายามช่วยเหลือเขา   ต่อมาเมื่อรู้ว่าเกรเกอร์ไม่มีวันกลับสู่สภาพชายหนุ่มแข็งแรงเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหารายได้เข้าบ้าน    กลายเป็นภาระ และของไร้ประโยชน์  ความเห็นใจเริ่มจางหาย   ความเกรงใจเริ่มลดลง   จนความรังเกียจก็ค่อย ๆ แทรกเข้ามาแทนที่
    เหมือนสังคมที่บอกว่า
    “เราจะรักคุณ…ตราบใดที่คุณยังทำประโยชน์แก่สังคมได้”
    เราคงเห็นภาพนี้บ่อยๆรอบตัว แต่อาจไม่ค่อยได้สังเกต   เช่นบุคคลที่เคยทำชื่อเสียงให้ประเทศชาติ ต่อมาเมื่อสปอตไลต์ไม่ได้จับที่ตัวอีกต่อไป  หลายปีเข้า เขาแก่ชราลง ไม่มีผลงานอีก  ก็ถูกลืมเลือนไปจากสังคม
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 9 10 [11]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.054 วินาที กับ 20 คำสั่ง