ขอขยายความถึงเจ้าของที่ดินผืนนี้สักหน่อยค่ะ สำหรับท่านที่สนใจ
เดิมเป็นของกลุ่มขุนนางชาวจีน เป็นต้นว่า พระยาเพชรพิไชย (จีน) พระยารัตนสมบัติ (แป๊ะ) พระยาวรเดชศักดาวุธ (เจ๊ก)
ราชทินนามและชื่อตัวที่ระบุมา ทำให้ทราบว่าที่ดินแปลงนี้เป็นของตระกูล "จารุจินดา" มาก่อน พระยาเพชรพิไชย(ทองจีน ) เป็นบิดาของพระยารัตนสมบัติ (แป๊ะ) และ พระยาวรเดชศักดาวุธ(เจ๊ก)
พระยาวรเดชศักดาวุธ ต่อมาได้เลื่อนขึ้นเป็นพระยาเทพอรชุน
ประวัติท่านผู้นี้น่าสนใจมาก
เมื่อสมเด็จฯ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรควรพินิต ทรงสำเร็จการศึกษาจากประเทศเยอรมนี กลับมาถึงสยามต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2446 ทรงเริ่มงานที่กรมยุทธนาธิการทหารบก ครั้นถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ศกนั้น ระหว่างการซ้อมรบที่ราชบุรี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็มีพระบรมราชโองการเรียกให้กลับ แล้วแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ ขณะพระชนมายุเพียง 23 พรรษา
ขณะนั้นงานกองทัพเรือเต็มไปด้วยปัญหา กองทัพเรือเป็นลูกหนี้ห้างอีสต์เอเชียติ๊กถึง 200,000 บาทและข้าราชการกำลังแตกแยกกัน แบ่งเป็นพวกหัวใหม่กับพวกหัวเก่า พวกหัวใหม่มีกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และพระยามหาโยธา (ฉ่าง แสงชูโต) เป็นอาทิ ส่วนพวกหัวเก่า เช่น พระยาราชสงคราม (กร หงษกุล) พระยานาวาพลพยุหรักษ์ (ชม ภูมิรัตน์) และพระศรสำแดง เป็นต้น
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสกับสมเด็จเจ้าฟ้าฯกรมพระนครสวรรคว่า
“พ่อเชื่อว่าเจ้าจะทำได้ พ่อจะให้พระยาเทพอรชุน (เจ๊ก จารุจินดา) ไปทำงานกับลูกด้วย เพื่อจะได้ช่วยไกล่เกลี่ยพวกหัวเก่าซึ่งเป็นผู้ใหญ่ด้วยกัน พอจะเข้าใจกันได้ง่าย”