ถึงแม้ว่าเอปสตีนผูกคอตาย(อย่างมีเงื่อนงำ)ไปหลายปีแล้ว เวอร์จิเนีย จุฟเฟรย์ พยานสาวคนสำคัญผู้เขย่าเรื่องเบื้องหลังจนอื้อฉาวไปทั่วโลกก็ฆ่าตัวตายไปแล้ว แต่อิทธิฤทธิ์ของเรื่องนี้ก็ยังแผลงฤทธิ์ไม่รู้จบ
ข่าวล่ามาเร็ววันนี้ วันที่ 17 ตุลาคม 2568 สำนักพระราชวังบักกิงแฮมออกแถลงการณ์ว่า "เจ้าชายแอนดรูว์" พระราชโอรสในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงตัดสินพระทัย สละพระอิสริยยศและเลิกใช้ตำแหน่งดยุกแห่งยอร์ก (Duke of York) รวมถึงสละเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งหมด โดยมีผลบังคับใช้ทันที หลังการหารือร่วมกับสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมาชิกราชวงศ์
ในแถลงการณ์ เจ้าชายแอนดรูว์ระบุว่า ภายหลังการหารือกับพระมหากษัตริย์และสมาชิกครอบครัวโดยรอบ เกิดความเห็นร่วมกันว่าข้อกล่าวหาที่ยังคงดำเนินอยู่เกี่ยวกับพระองค์นั้น ก่อให้เกิดการเบี่ยงเบนความสนใจจากภารกิจของพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ ขณะที่สำนักพระราชวังยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงนี้มีผลในทันที
รายงานจากแหล่งข่าวใกล้ชิดระบุเพิ่มเติมว่า พระองค์จะไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองคริสต์มาสของราชวงศ์อีกต่อไป แต่จะยังคงพำนักอยู่ที่ทำเนียบรอยัลลอดจ์ เมืองวินด์เซอร์ ภายใต้สัญญาเช่าระยะยาว และยังคงดำรงพระอิสริยยศเจ้าชายเเนื่องจากเป็นพระโอรสของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
ส่วน ซาราห์ เฟอร์กูสัน พระชายาเดิมของเจ้าชายแอนดรูว์ จะกลับมาใช้พระนามว่า “ซาราห์ เฟอร์กูสัน” ขณะที่พระธิดาทั้งสองคือ เจ้าหญิงบีทริซ และ เจ้าหญิงยูจีนี จะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้
รายงานระบุว่า การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันอย่างหนักเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าชายแอนดรูกับ เจฟฟรีย์ เอปสตีน นักธุรกิจสหรัฐผู้ล่วงลับที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานค้ามนุษย์ทางเพศ รวมถึงความเชื่อมโยงกับ หยาง เถิงปั๋ว ชาวจีนซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับและเคยทำงานติดต่อธุรกิจแทนเจ้าชายในอังกฤษ
ทั้งนี้ พระองค์ได้ถอนตัวจากการปฏิบัติภารกิจสาธารณะตั้งแต่ปี 2562 หลังให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์กับเอปสตีน ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนัก โดยในครั้งนั้น พระองค์ถูกถอดจากตำแหน่งทางทหารและองค์กรการกุศลหลายแห่ง
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2889747