เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 13 14 [15]
  พิมพ์  
อ่าน: 16726 คุยกันเรื่องวิลเลียม ซอมเมอเซท มอห์ม (William Somerset Maugham)
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41635

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 210  เมื่อ 10 ก.ย. 25, 11:19

ต่อมาอีกหนึ่งหรือสองวัน นายแพทย์รู้สึกไม่สบาย เขามีโรคภายในเรื้อรังอยู่โรคหนึ่ง บางครั้งบางคราวก็กำเริบขึ้นมา แต่เขาชินกับอาการนี้เสียแล้ว และไม่อยากจะบอกกล่าวให้ใครรู้ เวลาอาการกำเริบขึ้นมา เขามักจะปลีกตัวไปอยู่ตามลำพังห่างจากคนอื่นๆ ในเมื่อห้องพักของเขาแคบและอับทึบ เขาจึงขึ้นมานอนอยู่บนเก้าอี้ยาวบานดาดฟ้าเรือ หลับตานิ่งเป็นการพักผ่อน
ในวันนั้น นางสาวรี้ดกำลังเดินออกกำลังกายครั้งละครึ่งชั่วโมงอย่างที่เธอทำเป็นประจำทุกเช้าและค่ำ นายแพทย์คิดว่าถ้าเขาแสร้งทำเป็นนอนหลับ เธอก็คงไม่เข้ามากวนเขา แต่เมื่อนางสาวรี้ดเดินผ่านไปมาสักหกเที่ยวแล้วเห็นจะได้ จู่ๆ เธอก็หยุดกึกอยู่ตรงหน้า แม้ว่านายแพทย์นอนหลับตาอยู่ เขาไม่วายรู้สึกว่าเธอกำลังจ้องเขาเป๋ง
“มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยคุณได้มั่งไหมคะ คุณหมอ?” เธอกล่าวปราศรัย
นายแพทย์สะดุ้ง
“ทำไม...มีอะไรต้องให้ช่วยหรือครับ?”
เขามองหน้าเธอแวบหนึ่ง ก็เห็นสายตาเธอบอกแวววิตกกังวล
“ท่าทางคุณหมอไม่สบายมากเชียวนะคะ”
“ผมกำลังปวดมาก”
“ค่ะ เห็นหน้าก็รู้ แหม! ทำไมอยู่เฉยๆ ยังงี้ล่ะคะ น่าจะต้องทำอะไรกันสักอย่าง”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวมันก็หาย”
นางสาวรี้ดทำท่าลังเลอยู่อึดใจ ก่อนจะเดินผละไป แต่เพียงอีกครู่เดียว เธอก็กลับมา
“ท่าทางคุณหมอนอนไม่สบายตัวเลยนะคะ น่าจะมีหมอนนุ่มๆ หรืออะไรอิงหลังก็จะดี ฉันมีหมอนหนุนหัวอยู่ใบหนึ่ง เอาติดตัวมาด้วยทุกครั้งละค่ะเวลาเดินทางไปไหนมาไหน เอาหนุนศีรษะสักนิดนะคะจะได้สบายขึ้น”
นายแพทย์รู้สึกไม่สบายเกินกว่าจะคัดค้าน เธอค่อยๆ ยกศีรษะเขาขึ้น แล้วสอดหมอนนุ่มๆ ใบนั้นลงรองรับ ปรากฏว่ามันทำให้เขารู้สึกสบายมากขึ้นจริงๆ เธอวางมือลงบนหน้าผาก มือเธอนั้นเย็นและอ่อนนุ่ม
“โถ! น่าสงสาร” เธอปรารภ “ฉันรู้นะคะว่าพวกหมอเวลาป่วยขึ้นมาเองน่ะแย่แค่ไหน เคยแต่รักษาคนอื่น จนไม่รู้ว่าต้องรักษาตัวเองยังไง”
เธอผละออกไป แต่เพียงหนึ่งหรือสองนาทีต่อมาก็กลับมาพร้อมด้วยเก้าอี้ และถุงเครื่องเย็บ พอนายแพทย์เห็นเธอ ก็นิ่วหน้าอย่างไม่สบอารมณ์
“เอาละ ฉันไม่ปล่อยให้คุณหมอพูดอะไรหรอกค่ะ ฉันจะนั่งใกล้ๆ คุณหมอตรงนี้ละนะคะ แล้วถักไหมพรมของฉันไป คนเราไม่สบายไม่ควรอยู่คนเดียวหรอกค่ะ ต้องมีคนนั่งเป็นเพื่อน จะสบายกว่า”
นางสาวรี้ดนั่งลง ดึงปลอกสวมมือทำด้วยไหมพรมที่ถักค้างเอาไว้ออกมาจากถุง แล้วลงมือถักง่วนอยู่ เธอไม่ปริปากพูดออกมาสักคำเดียว และก็น่าแปลกที่นายแพทย์พบว่าการมีเธอนั่งเป็นเพื่อนอยู่ด้วยนั้นทำให้เขาผ่อนคลายลงอย่างประหลาด ไม่มีใครในเรือนี้สักคนที่สังเกตเห็นว่าเขากำลังป่วย เขารู้สึกอ้างว้าง น้ำใจที่ได้รับจากยายตัวน่าเบื่อมหาวินาศนี้ทำให้เขารู้สึกจับใจ มันทำให้เขาสบายใจขึ้นเมื่อเห็นเธอนั่งทำงานอย่างเงียบเชียบอยู่ใกล้ๆ ในที่สุดเขาก็ม่อยหลับไป
เมื่อเขาตื่นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง นางสาวรี้ดยังคงถักไหมพรมอยู่ เธอส่งยิ้มน้อยๆ ให้แต่มิได้พูดว่าอะไร อาการปวดของเขาจางหายไปแล้ว เขารู้สึกสบายขึ้นเกือบเป็นปกติ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41635

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 211  เมื่อ 11 ก.ย. 25, 19:20

  อ่านมาถึงตอนนี้ คนอ่านอาจเดาว่า นางสาวรี้ดจะเจอเนื้อคู่ในตัวแพทย์ประจำเรือหรืออย่างไร   
  เปล่าค่ะ เปล่า
  อ่านฉากต่อไปนะคะ

  นายแพทย์ไม่ได้เข้าไปในห้องรับประทานอาหารจนกระทั่งบ่ายคล้อย เมื่อเข้าไป เขาพบกัปตันเรือและฮันส์ ครูซ ต้นเรือ กำลังดื่มเบียร์อยู่ด้วยกัน
“นั่งก่อนซี คุณหมอ” กัปตันทักเขา “เรากำลังประชุมเตรียมวางแผนการรบกันอยู่ คุณก็รู้ใช่ไหมว่ามะรืนนี้จะเป็นวัน ‘ซิลเวสเตอร์ อะเบนด์’”
“แน่นอน”
ซิลเวสเตอร์ อะเบนด์ คือวันส่งท้ายปีเก่า ถือเป็นวันที่มีความหมายมากที่สุดของชาวเยอรมัน ทุกคนกระหายรอวันนี้อย่างใจจดใจจ่อ และได้นำเอาต้นสนคริสต์มาสลงเรือมาด้วยตั้งแต่ออกจากท่าที่เยอรมัน
“ตอนอาหารกลางวันวันนี้ คุณรี้ดเกิดช่างจ้อมากกว่าทุกวัน ฮันส์กับผมก็เลยต้องหันหน้ามาปรึกษากันว่า เราเห็นจะต้องลงมือทำอะไรกันสักอย่างแล้วละ”
“ตอนเช้านี้ เธอมานั่งเป็นเพื่อนผมอยู่สองชั่วโมงโดยไม่มีโอกาสจะจ้อ น่ากลัวว่าเธอคงชดเชยเวลาที่เสียไป เอากับพวกคุณละมั้ง”
“การที่เราต้องห่างบ้าน ห่างลูกเมียมาอยู่กลางทะเล มันก็แย่พออยู่แล้ว ทุกวันนี้ก็ต้องกัดฟันทนทำงานไปวันๆ เราอยากจะรื่นเริงสนุกสนานกันจริงๆ สักทีในวันซิลเวสเตอร์ อะเบนด์ แต่ถ้ายังจัดการกับคุณรี้ดไม่ได้ละก็ เป็นอันว่าไม่มีหวังจะได้บันเทิงกับเขาแน่”
“ถ้าคุณรี้ดอยู่รวมกลุ่มกับเราด้วย เราไม่มีทางบันเทิงแหงๆ” ต้นเรือเห็นด้วย “เธอจะถล่มไม่มีเหลือ แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง”
“แล้วคุณจะจัดการให้เธอออกนอกทางไปยังไงล่ะ ไม่มีทาง เว้นเสียแต่โยนเธอลงทะเลไป” นายแพทย์ถามยิ้มๆ “ความจริงคุณรี้ดเธอไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรที่เราจะต้องรังเกียจ สิ่งเดียวที่เธอขาดก็คือคู่รัก”
“อายุปูนนี้น่ะรึ?” ฮันส์ ครูซร้องลั่นออกมา
ยิ่งอายุปูนนี้นี่แหละยิ่งรู้สึกว่าขาด คุณคิดดู การที่พล่ามเรื่อยเจื้อยไม่มีวันหยุดก็ดี เรื่องที่อยากถามอยากรู้ไปซะทุกอย่างก็ดี ถามอะไรต่อมิอะไรไม่หยุดปากก็ดี พูดซ้ำพูดซาก พูดแล้วพูดอีกไม่รู้จักเบื่อ–ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณถึงความเป็นสาวพรหมจารีที่ไม่มีทางระบายออก ถ้ามีคู่รักกะเขาสักคน เธอจะสงบนิ่งลงได้ ประสาทเธอก็จะหยุดหวั่นไหว อย่างน้อย เธอก็มีเวลาสักชั่วโมงในชีวิตที่จะรู้ว่าการมีชีวิตจริงๆ น่ะเป็นยังไง แล้วเธอก็จะพอใจอย่างลึกซึ้งว่ามีใครสักคนต้องการเธอ เธอก็จะหยุดพล่าม แล้วเราทุกคนก็จะได้สงบสติอารมณ์กันได้สักที”
เป็นการยากที่จะดูออกว่านายแพทย์หมายความจริงจังมากน้อยแค่ไหน หรือว่าเขาเพียงแต่เสียดสีล้อเลียนเป็นเรื่องตลก อย่างไรก็ตาม นัยน์ตาสีฟ้าของกัปตันเริ่มระยิบระยับอย่างมีเลศนัย
“เอาละ คุณหมอ ผมเชื่อภูมิรู้ของคุณหมอในการวินิจฉัยโรค วิธีบำบัดที่คุณเสนอมานับว่าควรค่าแก่การทดลอง ในเมื่อคุณหมอเองเป็นชายโสด ผมว่าคุณหมอน่าจะลองลงมือรักษาเองเป็นดีที่สุด”

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41635

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 212  เมื่อ 11 ก.ย. 25, 19:22

“ขอประทานโทษนะครับ ผู้การ หน้าที่ของหมอคือการสั่งยาและบอกวิธีบำบัดสำหรับคนไข้ที่ผมดูแลอยู่บนเรือลำนี้ แต่ไม่ใช่ว่าลงทุนไปเป็นตัวยาหรือเป็นนักบำบัดเสียเอง อีกอย่าง ผมก็แก่จนหกสิบเข้าไปแล้ว”
“ไอ้ผมเองก็มีเมียแล้ว ซ้ำลูกเต้าก็โตๆ เป็นหนุ่มสาวหมดทุกคน” กัปตันว่าบ้าง “ผมรู้ตัวว่าทั้งแก่ ทั้งอ้วน ทั้งมีโรคหอบหืดประจำตัวซะด้วย   ดูๆ เท่าไรก็ไม่มีคุณสมบัติพอจะไปบำบัดโรคนี้ได้เลย ผมน่ะรู้ตัวว่าถูกธรรมชาติกำหนดบทบาทมาให้ว่าต้องเป็นสามีกับพ่อ ไม่ใช่คู่รัก”
“ในกรณีนี้ เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้คนหนุ่ม แล้วยิ่งรูปหล่อก็ยิ่งเป็นประโยชน์ได้มาก” นายแพทย์ตอบอย่างเอางานเอาการ
กัปตันทุบโต๊ะดังปัง
“คุณหมอคิดถึงฮันส์อยู่ใช่มั้ยล่ะ ถูกเผง เรื่องนี้ต้องอาศัยฮันส์นี่แหละ”
ต้นเรือลุกพรวดขึ้นยืน
“ผมเหรอครับ! ไม่มีวันซะละครับ!”
“ฮันส์ นายมันสูง รูปร่างหล่อ ซ้ำล่ำสันแข็งแรงยังกะสิงโต ทั้งกล้า ทั้งหนุ่มแน่น เราต้องอยู่ในทะเลอีกตั้งยี่สิบสามวันกว่าจะไปถึงฮัมบูร์ก ในกรณีฉุกเฉินยังงี้ ใจคอแกจะทิ้งผู้การที่แกเคารพ กับคุณหมอที่แสนดีคนนี้ เอาตัวรอดไปคนเดียวได้ลงคอเชียวหรือ”
“ไม่รับประทานละครับ ผู้การ เรื่องนี้มันเหลือที่จะทำตามได้ไหว ผมเองแต่งงานมายังไม่ถึงหนึ่งปีเลยครับ แล้วผมก็รักเมียผมมาก ผมแทบจะอดใจรอกลับบ้านที่ฮัมบูร์กไม่ไหวด้วยซ้ำ ป่านนี้เมียคิดถึงผมแย่ แล้วผมก็คิดถึงเมียใจจะขาด ให้ตายผมก็ไม่ยอมนอกใจเมีย โดยเฉพาะนอกใจไปจีบคุณป้าอย่างคุณรี้ด!”
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41635

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 213  เมื่อ 12 ก.ย. 25, 10:41

  หลังจากเกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมาในหมู่นายเรือ ผู้ไม่มีใครยอมเสียสละ   ต้นเรือก็นึกขึ้นได้
  “ยังไงเราก็ยังมีพนักงานวิทยุสื่อสารเหลืออยู่คนหนึ่งนะครับ”
  กัปตันตะโกนออกมาลั่นห้อง
   “ฮันส์! พ่อคุณพ่อทูนหัว...พ่อช่างประเสริฐเลิศแท้...เร็ว ไปตามพนักงานวิทยุสื่อสารมาเดี๋ยวนี้!”
   มอห์มบรรยายไว้ว่า
   พนักงานวิทยุสื่อสารเป็นชายหนุ่มร่างสูงเหนือระดับปานกลาง ไหล่กว้างผึ่งผายและสะโพกแคบ หลังตรง ร่างเพรียว ผิวสีคล้ำแดดอันเกลี้ยงเกลานั้นดูผ่องใสประหนึ่งผิวเด็กที่ยังไม่เคยเจอมีดโกน นัยน์ตาใหญ่สีฟ้ากระจ่าง และผมหยิกสลวยสีทอง พูดรวมๆ กันแล้วรูปโฉมของเขานั้นเป็นความงามอันสมบูรณ์ของชายชาวยุโรปทางเหนือ
    เขาดูแข็งแกร่งด้วยพลานามัย กระปรี้กระเปร่า เต็มไปด้วยความสดชื่น จนแม้แต่เขายืนอยู่ห่าง คนอื่นๆก็อาจจะสัมผัสความเปล่งปลั่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาของเขาได้อย่างดี
   “ชนเผ่าอารยันแท้ๆ” กัปตันเอ่ยขึ้นมาในที่สุด “ไม่ต้องสงสัยเลยข้อนี้ นี่ไอ้น้อง อายุเท่าไหร่แล้วล่ะปีนี้”
   “ยี่สิบเอ็ดปีครับผม”
   “มีเมียแล้วรึยัง?”
   “ยังครับผม”
   “คั่วกะใครอยู่รึเปล่า?”
   พนักงานวิทยุสื่อสารหนุ่มหัวเราะ น้ำเสียงเขาฟังดูสดใส แสดงว่าความเป็นเด็กยังไม่ละไปจากตัวเสียทีเดียว
   “ยังไม่มีครับผม”
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41635

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 214  เมื่อ 12 ก.ย. 25, 10:43

  กัปตันวางท่าทางขึงขังที่สุดเท่าที่จะทำได้ นัยน์ตาสีฟ้าซึ่งระยิบด้วยความครึกครื้นอยู่เสมอนั้น บัดนี้ออกแววเคร่งเอาจริงเอาจัง และน้ำเสียงเขาก็เติมความเคร่งครัดลงไปในเสียงห้าวกังวานตามปกติ
   “แม้ว่าเรือของเราเป็นเรือสินค้า และเราขนถ่ายสินค้าอันมีค่าสูง แต่เราก็รับผู้โดยสารด้วย ข้อหลังนี้เป็นสิ่งที่ทางบริษัทให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ฉันได้รับคำสั่งมาว่าให้พยายามบริการทุกอย่างที่จะก่อความพึงพอใจและสะดวกสบายให้ผู้โดยสารของเรา คุณรี้ดประสงค์จะมีคู่รัก คุณหมอและฉันได้ปรึกษาหารือกันแล้ว ตกลงกันว่าแกเป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุดที่จะทำตามคำเรียกร้องของผู้โดยสารอันทรงเกียรติของเรา”
    “ผมน่ะหรือ...ครับผม?”
    พนักงานวิทยุหน้าแดงก่ำ เขาเผลอหัวเราะก๊ากออกมา แต่ก็รีบสำรวมท่าทีโดยเร็วเมื่อมองเห็นสีหน้าเครียดถมึงทึงของชายทั้งสามผู้ประจันหน้าเขาอยู่
   " แต่เธอแก่พอจะเป็นแม่ของผมได้นะครับผม”
    “อายุเท่าแกนี่ ข้อนี้ไม่นับว่าเป็นปัญหาอะไร คุณรี้ดเป็นสุภาพสตรีผู้มีตระกูลผู้ดีที่สุดในสังคม และยังเกี่ยวดองกับบรรดาพระราชวงศ์ทุกพระองค์ในประเทศอังกฤษด้วย ถ้าหากว่าเธอเป็นชาวเยอรมัน เธอก็คงมีบรรดาศักดิ์อย่างต่ำก็เคานเตสเข้าไปแล้ว การที่แกได้รับมอบให้ทำหน้าที่นี้ย่อมถือว่าเป็นเกียรติยศอย่างสูงส่ง และแกควรจะภูมิใจให้มาก นอกจากนี้ ภาษาอังกฤษของแกก็ตะกุกตะกัก คราวนี้ย่อมเป็นโอกาสอันวิเศษแล้วที่จะฝึกฝนให้ดีขึ้น”
    “ครับ ข้อนี้ก็น่าสนใจเหมือนกัน” พนักงานวิทยุตอบ “ผมเองก็อยากจะฝึกภาษาอังกฤษให้ดีกว่านี้”
    “คนเราน่ะไม่ค่อยมีโอกาสจะผสมผสานความบันเทิงเริงรมย์ กับพัฒนาการทางสติปัญญาได้พร้อมๆ กันอย่างนี้หรอก แกน่าจะขอบใจตัวเองให้มากๆ ที่ประสบโชคดีขนาดนี้”
    “ผมขออนุญาตถามคำถามสักข้อนะครับ ผู้การ ทำไมคุณรี้ดถึงต้องการคู่รัก?”
    “คือมันเป็นธรรมเนียมประเพณีเก่าแก่ของอังกฤษเขาน่ะ เขาถือต่อๆ กันมาว่าผู้หญิงผู้ดีมีตระกูลที่เป็นสาวโสด จะยินยอมมอบกายมอบใจให้คนรักในช่วงระยะเวลานี้ของปี บริษัทเดินเรือก็เลยกังวลมากว่าคุณรี้ดควรจะได้รับการปฏิบัติอย่างถูกต้องเหมือนดังที่เธออยู่บนเรือชาติอังกฤษของเธอเอง อีกอย่างหนึ่งคือ ถ้าหากว่าเธอพอใจกับการบริการของเรา การที่เธอเกี่ยวดองกับผู้ดีมีตระกูลอีกเยอะแยะ ก็จะทำให้เธอชักชวนเพื่อนฝูงของเธอมาโดยสารเรือของเราเพิ่มมากขึ้น”
    “ผมขอตัวในกรณีนี้ครับผม”
    “ฉันไม่ได้ถามความสมัครใจของแก นี่คือคำสั่งตะหากเล่า แกจะต้องไปหาคุณรี้ดที่ห้องพักของเธอ ตอนห้าทุ่มคืนนี้ เข้าใจไหม”
    “แล้วผู้การจะให้ผมไปทำอะไรที่นั่นครับผม?”
    “ทำอะไร?” กัปตันแผดเสียง “ก็ทำอย่างที่แกควรจะทำน่ะซีโว้ย”

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41635

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 215  เมื่อ 13 ก.ย. 25, 19:49

   เหตุการณ์ที่โต๊ะอาหารในตอนค่ำ ดำเนินไปอย่างพะอืดพะอมสำหรับชาวเรือทุกคน ยกเว้นนางสาวรี้ด
   เธอเป็นคนเดียวที่มีอารมณ์แช่มชื่น   ช่างพูดไม่หยุดไม่ยั้ง    ไม่มีเรื่องซ้ำซากเรื่องใดที่เธอไม่เอ่ยซ้ำอีกครั้ง ไม่มีเรื่องแสนจะธรรมดาเรื่องใดที่เธอจะไม่ซักไม่ถามออกความเห็น    เธอระดมคำถามโง่ๆ ทั้งหลายทั้งปวงใส่พวกผู้ชาย จนสีหน้าของกัปตันแดงก่ำแล้วแดงก่ำอีกด้วยความฉุนโกรธเหลือจะระงับไว้ได้
    มอห์มบรรยายไว้ว่า
    เขารู้สึกเหลืออดเหลือกลั้นที่จะแสดงมารยาทต่อผู้หญิงคนนี้ได้อีกต่อไป
    ถ้าหากว่าวิธีบำบัดโรคของนายแพทย์ไม่ได้ผลละก็ วันหนึ่ง เขาคงจะลืมตัว แล้วไม่ใช่แต่เพียงบอกนางสาวรี้ดว่าเขาคิดยังไงเท่านั้น แต่คงจะพ่นผรุสวาทออกมาจนสิ้นไส้สิ้นพุง
    “ฉันก็คงตกงานละว้า” เขาครุ่นคิด “แต่นึกๆ ดูมันก็น่าจะคุ้มแฮะ”


   และแล้ว...ก็มาถึงวันต่อมา
   วันต่อมา พวกผู้ชายนั่งพร้อมหน้ากันอยู่ที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว เมื่อนางสาวรี้ดเดินมาร่วมวง
   “พรุ่งนี้ก็วันซิลเวสเตอร์ อะเบนด์แล้วนะคะ” เธอพูดอย่างเบิกบาน ด้วยถ้อยคำอย่างที่จะพึงพูด แล้วแถมว่า “เป็นไงคะ ตอนเช้านี้ พวกคุณทำอะไรกันบ้าง”
    ในเมื่อทุกคนก็ทำกิจวัตรอย่างที่ประจำกันอยู่ทุกวัน และเธอก็รู้คำตอบดีว่าพวกเขาทำอะไร คำถามนี้จึงก่อความแค้นเคืองให้กัปตันจนเหลือระงับ เขาก็เลยหันไปด่าใส่หน้านายแพทย์เป็นการระบายอารมณ์
    "อย่าพูดเยอรมันค่ะ อย่าเชียว” นางสาวรี้ดห้ามด้วยท่าทีมีสง่า “คุณก็รู้ว่าฉันไม่ยอมให้คุณพูดเป็นอันขาด แล้ว...กัปตัน ทำไมคุณจ้องหน้าคุณหมอถมึงทึงยังงั้นล่ะคะ ระยะนี้เป็นคริสต์มาสนะคะ เราควรจะมีความปรองดองและโอบเอื้อต่อกันถ้วนหน้า ฉันตื่นเต้นจะตาย แทบจะรอคืนพรุ่งนี้ไม่ไหว พวกคุณจะจุดเทียนบนต้นคริสต์มาสไหมคะ”
    “แน่ละครับ”
     “แหม! น่าปลื้มใจจัง ฉันน่ะเชื่ออยู่เสมอว่าต้นคริสต์มาสคงจะดูไม่เป็นต้นคริสต์มาสเอาเล้ยถ้าไม่มีเทียนประดับ อ้อ! พวกคุณทราบไหมคะ ฉันเจอเรื่องตลกเข้าเมื่อคืนนี้ จนบัดนี้ฉันยังไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียวว่ามันเรื่องอะไรกัน”
    ทุกคนเงียบงันกันไปทันที ต่างคนต่างก็จ้องรอคำพูดของนางสาวรี้ดอย่างใจจดใจจ่อเป็นครั้งแรก
   “ค่ะ” นางสาวรี้ดพูดต่อไป ด้วยเสียงสม่ำเสมอ ไม่มีสูงไม่มีต่ำ แต่ว่าเจื้อยแจ้ว “ฉันกำลังจะเข้านอนพอดี ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ฉันก็ร้องถามออกไปว่า ‘ใครคะนั่น?’ ‘พนักงานวิทยุสื่อสารครับ’ มีเสียงตอบมายังงั้น ฉันถามว่า ‘มีเรื่องอะไรหรือคะ?’ เขาก็ตอบว่า ‘ผมมีเรื่องจะขอพูดด้วยครับ’ ”
        ทุกคนตั้งใจฟังกันอย่างหูผึ่ง
“ฉันก็เลยตอบไปว่า ‘งั้นคอยเดี๋ยวนะคะ ฉันขอคว้าเสื้อคลุมมาสวมก่อน แล้วถึงจะเปิดประตู’ แล้วฉันก็คว้าเสื้อคลุมมาสวมก่อน แล้วจึงเปิดประตู พนักงานวิทยุสื่อสารถามฉันว่า ‘ขออภัยนะครับ คุณ คุณอยากจะส่งโทรเลขไหมครับ’ ฉันคิดว่าการที่เขามาเคาะประตูห้องของฉันตอนดึกดื่นป่านนี้แล้วยังถามว่าจะส่งโทรเลขไหม เป็นเรื่องตลกแท้ๆ ฉันก็เลยหัวเราะกิ๊กออกมา เพราะมันไปกระทบอารมณ์ขันของฉันเข้าพอดี คุณคงจะเข้าใจนะคะว่าทำไมฉันถึงขำ แต่ฉันไม่อยากทำให้เขาเสียหน้า ฉันก็เลยตอบว่า ‘ขอบคุณมากค่ะ แต่ฉันไม่อยากจะส่งโทรเลข’ เขายืนอยู่ตรงนั้น ทำหน้าพิกลเหมือนเขากระดากกระเดื่องอะไรสักอย่าง ฉันก็เลยพูดต่อไปว่า ‘แต่ก็ขอบคุณมากนะคะที่เอื้อเฟื้อ’ แล้วฉันก็พูดว่า ‘ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ฝันดีนะคะ’ แล้วก็ปิดประตู”
    “ไอ้งั่ง!” กัปตันร้องด่า
    “เขายังเด็กอยู่มากน่ะครับ คุณรี้ด” นายแพทย์กล่าวแก้ให้ “เลยพูดไม่ค่อยจะถูก ผมคิดว่าเขาหมายความว่าคุณอยากจะส่งโทรเลขไปอวยพรปีใหม่แก่เพื่อนๆ ของคุณหรือเปล่า เขาก็เลยมาถาม เพราะว่าเวลากลางคืน ถ้าส่งจะได้ลดราคาเป็นพิเศษ”
     “อ๋อ! ฉันไม่ถือสาอะไรเขาหรอกค่ะ มีเรื่องตลกๆ เกิดขึ้นระหว่างเดินทางก็ดีซีคะ ฉันชอบจะตาย ได้เก็บเอาไปหัวเราะได้อีกตั้งนาน”
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41635

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 216  เมื่อ 14 ก.ย. 25, 10:51

    เมื่ออาหารกลางวันจบลง  นางสาวรี้ดกลับเข้าห้องพัก   ทันทีที่เธอออกจากห้องไป กัปตันก็ส่งคนไปตามพนักงานวิทยุสื่อสารมาทันที
    ต่อไปนี้คือบทโต้ตอบดุเดือดระหว่างสองชาย
   
    “ไอ้คนปัญญาอ่อน! นี่แกนึกยังไงของแก หา! ถึงไปอุตริถามคุณรี้ดว่าอยากจะส่งโทรเลขรึเปล่า” กัปตันตะคอก
    “ผู้การครับ ท่านสั่งผมให้ทำอย่างที่ควรทำ ในเมื่อผมเป็นพนักงานวิทยุสื่อสาร ผมก็คิดว่าสิ่งที่ควรทำก็คือถามเธอว่าจะส่งโทรเลขไหมน่ะซีครับ ถ้าไม่พูดเรื่องนี้ผมก็ไม่ทราบว่าจะพูดอะไร”
    “โว้ย! กูจะบ้าตาย” กัปตันตะโกนลั่น “คิดดูนะ เมื่อซีกฟรีดพบบรุนฮิลด์นอนอยู่บนแท่นหิน แล้วออกอุทานว่า ‘เจ้าหาใช่ชายไม่’” (กัปตันเกิดพึงพอใจกับถ้อยคำที่เปล่งออกมามาก จึงเอ่ยทวนไปมาซ้ำอยู่หลายครั้ง ก่อนจะเล่าเรื่องต่อไป) “แกจะว่ายังไง ถ้าซีกฟรีดเกิดเอ่ยถามนางผู้ทรงโฉมว่า จะส่งโทรเลขไปบอกกะพ่อของนางมั้ยว่านางฟื้นขึ้นมาแล้วจากนิทราอันยาวนาน วรรณคดีมันมิบรรลัยไปหมดทั้งเรื่องรึ”
    “ขอประทานอภัยอย่างยิ่งที่ผมจะต้องขอค้านสักนิดครับผม ผู้การ ซีกฟรีดนั้นรู้ว่าบรุนฮิลด์เป็นอาของเขา แต่คุณรี้ดกับผมไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อนนะครับผม”
    “ซีกฟรีดเขารู้ตั้งแต่แรกที่ไหนกันเล่าว่านางเป็นอาของเขา เขารู้แต่ว่านางเป็นหญิงงาม ไร้ผู้คุ้มครองจากผองภัย และมาจากชาติตระกูลสูงส่ง เขาก็ปฏิบัติต่อนางอย่างที่สุภาพบุรุษพึงปฏิบัติ แกเองเป็นหนุ่มแน่น รูปร่างก็หล่อเหลา เป็นเผ่าอารยันทุกกระเบียดนิ้ว อย่าลืมว่าเกียรติยศของประเทศเยอรมันอยู่ในอุ้งมือของแกคนเดียว”
   “ครับผม ผมจะพยายามอย่างเต็มความสามารถ”

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41635

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 217  เมื่อ 14 ก.ย. 25, 10:55

  ต่อไปนี้คือฉากสำคัญ

     คืนนั้นเอง ก็มีเสียงเคาะประตูหน้าห้องพักของนางสาวรี้ด
     “ใครคะนั่น?”
     “พนักงานวิทยุสื่อสารครับ ผมมีโทรเลขส่งถึงคุณ”
     “ถึงฉันรึคะ?” นางสาวรี้ดประหลาดใจ พลันก็นึกขึ้นมาได้ว่าหรือจะเป็นผู้โดยสารคนใดคนหนึ่งที่ขึ้นฝั่งที่สาธารณรัฐไฮติ ส่งโทรเลขมาอวยพรปีใหม่ให้เธอ
      เธอนึกในใจว่า ‘คนเราบางคนก็ช่างมีน้ำใจดีเหลือแสน’ แต่พูดดังๆ ว่า
     “สอดเข้ามาใต้ประตูได้เลยค่ะ”
     “โทรเลขขอให้ตอบครับ สิบคำแรกไม่คิดเงิน”
      ถ้ายังงั้น มันก็ไม่ใช่โทรเลขอวยพรปีใหม่เสียแล้ว นางสาวรี้ดแทบหัวใจหยุดเต้น มันย่อมหมายความได้อย่างเดียวว่าร้านน้ำชาของเธอถูกไฟไหม้ราบเรียบเป็นเถ้าถ่านไปหมด เธอผวาลุกจากเตียง
      “สอดเข้ามาใต้ประตู แล้วฉันจะเขียนตอบแล้วสอดกลับออกไปให้คุณนะคะ”
      ซองกระดาษถูกสอดเข้ามาใต้ประตู เมื่อมาปรากฏอยู่บนพรมปูห้อง มันดูแปลกพิกล นางสาวรี้ดฉวยขึ้นมาฉีกซองอ่านทันที ตัวหนังสือพร่าเลือนอยู่ตรงหน้า เป็นเวลาอึดใจหนึ่งกว่าเธอจะหาแว่นตาพบ
      มันมีข้อความว่า
      "สวัสดีปีใหม่ - เปลี่ยน - ขออวยพรแด่ปวงประชาทั้งมวล - เปลี่ยน - คุณเป็นคนสวยมาก - เปลี่ยน - ผมรักคุณ - เปลี่ยน - ผมขอพูดกับคุณได้ไหมครับ - เปลี่ยน"
                                                         พนักงานวิทยุสื่อสาร

      นางสาวรี้ดอ่านข้อความอย่างถี่ถ้วนกลับไปกลับมาถึงสองครั้ง แล้วเธอก็ค่อยๆ ถอดแว่นตาออก เอาซุกไว้ในผ้าพันคอ แล้วเธอก็เปิดประตู
     “เข้ามาซิ” เธอว่า
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41635

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 218  เมื่อ 15 ก.ย. 25, 10:41

   วันรุ่งขึ้นเป็นวันสุดท้ายของปีเก่า  บรรยากาศสดชื่นครื้นเครง  เจ้าหน้าที่ของเรือเตรียมจัดงานรื่นเริงฉลองส่งท้ายปีเก่ารับปีใหม่   พวกเขาหาต้นสนคริสต์มาสมาตั้ง ปักด้วยเทียนไขทั่วทั้งต้นรอเวลาที่จะจุดในตอนอาหารค่ำ
    ตลอดเวลา นางสาวรี้ดเก็บตัวอยู่ในห้องพัก   ไม่ได้มาให้ใครเห็นจนถึงเวลาอาหารค่ำ  เมื่อเจ้าหน้าที่นั่งประจำโต๊ะกันหมดแล้ว เธอจึงเพิ่งจะเข้ามา  
    เมื่อทุกคนเอ่ยสวัสดีกับเธอ เธอมิได้ตอบ เพียงแต่น้อมศีรษะรับการทักทาย
    ทุกคนจ้องเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็น แม้ว่านางสาวรี้ดรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เธอมิได้ปริปากออกมาสักคำเดียว ความเงียบกริบที่โต๊ะอาหารทำให้ทุกคนอึดอัดไปตามๆ กัน ในที่สุด กัปตันก็ทนอีกต่อไปไม่ได้ จึงเอ่ยขึ้นมาว่า
    “วันนี้ ดูคุณเงียบเชียวนะครับ คุณรี้ด”
    “ฉันกำลังคิดอะไรอยู่น่ะค่ะ”
    “ไม่ลองขยายให้พวกเรารู้กันบ้างหรือครับ?” นายแพทย์เอ่ยถามทีเล่นทีจริง
     เธอมองเขาด้วยสีหน้าเย็นชา  จนเกือบจะเรียกได้ว่าบึ้งตึง บอกบุญไม่รับ
     “ฉันคิดว่าเก็บไว้ในใจดีกว่าค่ะ คุณหมอ ขอเนื้อสับเพิ่มอีกหน่อยได้ไหมคะ ฉันเป็นคนทานอะไรจุอยู่มาก”
      มอห์มบรรยายว่า
       ทุกคนรับประทานอาหารเสร็จด้วยความเงียบอย่างน่าปลื้มใจ กัปตันถอนหายใจด้วยความโล่งอก  โต๊ะอาหารควรมีไว้เพื่อกินอาหาร  ไม่ใช่เพื่อคุย เมื่อทุกคนลุกจากโต๊ะ เขาก็ตรงไปหานายแพทย์ ฉวยมืออีกฝ่ายมาบีบไว้
     “มันต้องเกิดอะไรขึ้นแล้วแน่ๆ คุณหมอ”
     “ก็เกิดขึ้นแล้วน่ะซี เธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย เห็นไหมเล่า”
     “แต่มันจะดีไปได้สักกี่น้ำล่ะ”
     “เราก็ได้แต่หวังว่าคงจะนานที่สุด  จนกว่าจะขึ้นฝั่งน่ะแหละ”


      ตอนค่ำ ในงานเลี้ยงฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่  นางสาวรี้ดแต่งตัวสวยงามมาร่วมงาน   เมื่อเริ่มจุดเทียนคริสต์มาส บรรดาพนักงานชั้นผู้น้อยได้รับอนุญาตให้มาร่วมวงในห้องอาหารด้วย ทุกคนดูหล่อเหลาอยู่ในชุดเครื่องแบบสีขาว  
      ในช่วงร้องเพลงประสานเสียงกัน  เสียงกึกก้องของกัปตันนำขบวนกังวานลั่นกว่าทุกคน นางสาวรี้ดร่วมวงผสมโรงด้วยเสียงหวานไพเราะในระดับคอนทราลโต   นายแพทย์สังเกตเห็นว่าสายตาของเธอเหลือบชำเลืองไปมองพนักงานวิทยุสื่อสาร และในสายตานั้น เขาสังเกตเห็นความพิศวงสงสัยปรากฏอยู่
    “เขารูปร่างหน้าตาหล่อดีนะครับ” นายแพทย์เปรยขึ้น
     นางสาวรี้ดหันกลับมา แล้วจ้องมองนายแพทย์ด้วยสายตาเย็นชา
     “ใครกันคะ?”
     “พนักงานวิทยุสื่อสารไงครับ ผมนึกว่าคุณกำลังมองเขาอยู่เสียอีก”
     “คนไหนคะ?”
     “ผู้หญิงนี่แหละนะ ปากอย่างใจอย่าง” นายแพทย์พึมพำกับตนเอง แต่เขาตอบด้วยสีหน้ายิ้มละไมว่า “คนที่นั่งติดกับหัวหน้าช่างเครื่องน่ะครับ”
      “อ๋อ! คนนั้นเอง ฉันจำได้แล้วละค่ะ อันที่จริงแล้ว ฉันไม่ค่อยได้เอาใจใส่รูปร่างหน้าตาของคนเท่าไรนักหรอก ฉันสนใจความคิดอ่านของคนมากกว่ารูปกายภายนอก”
     “อ้อ! งั้นหรือครับ” นายแพทย์ว่า
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41635

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 219  เมื่อ วันนี้ เวลา 09:57

     ทุกคนฉลองกันจนเมารวมทั้งนางสาวรี้ดด้วย แต่เธอก็มิได้ปล่อยตัวเองให้น่าเกลียด เมื่อถึงเวลากลับไปห้องพัก เธอก็เดินได้อย่างมั่นคงไม่ซวนเซ ทั้งๆดื่มเข้าไปไม่น้อยกว่าพวกผู้ชาย 
     เธอกล่าวคำขอบคุณกัปตันและเจ้าหน้าที่เรืออย่างไพเราะ
“งานคืนนี้สนุกมากค่ะ ฉันจะไม่มีวันลืมงานฉลองปีใหม่บนเรือของเยอรมันได้เลย นับว่าน่าสนใจมาก เป็นประสบการณ์ใหม่ของฉันทีเดียว”
     วันรุ่งขึ้น ทุกคนยังคงมีอาการตกค้างมาจากการดื่มฉลองเมื่อวันวาน จึงตื่นสายกว่าปกติ เมื่อกัปตัน ต้นเรือ นายแพทย์ และหัวหน้าช่างเครื่องมาที่โต๊ะอาหารกลางวัน พวกเขาพบว่านางสาวรี้ดนั่งประจำที่อยู่เรียบร้อยแล้ว
     บนโต๊ะตรงหน้าที่นั่งของทุกคน มีห่อของเล็กๆ วางไว้ ผูกด้วยโบสีชมพู   เป็นของขวัญปีใหม่จากนางสาวรี้ด   
     กัปตันได้กล้องยาเส้นทำด้วยไม้เบรียร์คู่หนึ่ง นายแพทย์ได้ผ้าเช็ดหน้าไหมจำนวนครึ่งโหล กล่องซิการ์สำหรับต้นเรือ และเนกไทคู่หนึ่งสำหรับหัวหน้าช่างเครื่อง

      มาดูว่ามอห์มบรรยายไว้อย่างไรนะคะ
      ทุกคนรับประทานอาหารพร้อมกันอย่างเงียบๆ   พอเสร็จนางสาวรี้ดก็กลับไปห้องพัก   เจ้าหน้าที่เรือทั้งหมดมองหน้ากันและกันอย่างอึดอัดกระดากกระเดื่อง ต้นเรือพลิกกล่องซิการ์ที่ได้เป็นของขวัญไปมาอย่างใจลอย
    “ผมรู้สึกละอายใจยังไงไม่รู้แฮะ” เขาโพล่งออกมาในที่สุด
     กัปตันเงียบกริบไม่โต้ตอบ เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ไม่สบายใจเช่นกัน
     “ที่จริง เราก็ไม่น่าใช้อุบายกับคุณรี้ดเธอเลยนะ” เขาพูดออกมาในที่สุด “จะว่าไปเธอก็เป็นคนใจดี ซ้ำก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร เธอเป็นผู้หญิงที่ต้องทำมาหาเลี้ยงตนเอง ซื้อของขวัญพวกนี้ราคามันคงจะปาเข้าไปร่วมหลายร้อยมาร์คเชียวละ ผมนึกๆ แล้ว...เราก็ไม่น่าไปยุ่งกับเธอเลย”
     นายแพทย์ยักไหล่
    “พวกคุณต้องการให้เธอหุบปาก ผมก็ทำให้เธอหุบปากแล้วไงเล่า”
    “มาพูดตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์ ที่จริงเราทนฟังเธอคุยน้ำไหลไฟดับไปอีกแค่สามอาทิตย์ ก็ไม่เห็นจะหนักหนาอะไร”
    “แล้วท่าทางเธอก็ทำให้ผมไม่สบายใจ” กัปตันแถมท้าย “ดูเหมือนเธอจะเก็บซ่อนอะไรไว้ในใจยังไงพิกล”
    นางสาวรี้ดแทบไม่ได้ปริปากแม้แต่คำเดียวในระหว่างมื้ออาหารที่ผ่านมา เธอทำเหมือนไม่ได้ฟังด้วยซ้ำไปว่าพวกผู้ชายพูดอะไร
    “คุณคิดว่าเราน่าจะถามไถ่เธอสักหน่อยไหมว่าเป็นอะไรไป หมอ?” กัปตันหารือ “เผื่อเธอไม่สบาย”
    “ไม่สบายกะผีอะไรกัน ไม่เห็นหรือว่าเธอกินเอาๆ อย่างกะอะไรดี     ถ้าอยากจะรู้อะไรให้แจ่มแจ้ง ก็เรียกพนักงานวิทยุสื่อสารมาซักถามซี คงจะได้รู้กันว่าอะไรเป็นอะไร”
    “คุณนึกว่าผมเป็นคนยังไง หมอ ผมเป็นคนมีมารยาท ไม่สอดรู้สอดเห็นเรื่องส่วนตัวของใครเขานะ”
     “ผมเองก็ทำไม่ลงเหมือนกันแหละ” นายแพทย์ว่า

     สรุปว่านางสาวรี้ดก็เปลี่ยนแปลงไปจริงๆ  นิ่ง เย็นชา เฉยเมย  แต่แสดงน้ำใจกับกัปตันและเจ้าหน้าที่เรือด้วยมารยาทดี
     ที่น่าขำก็คือ เมื่อแผนการบรรลุผล   พวกผู้ชายกลับไม่สบายใจไปตามๆกัน
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 13 14 [15]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.062 วินาที กับ 19 คำสั่ง