เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 5 6 [7]
  พิมพ์  
อ่าน: 4080 คุยกันเรื่องวิลเลียม ซอมเมอเซท มอห์ม (William Somerset Maugham)
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41307

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 90  เมื่อ 15 ก.ค. 25, 08:54

    หล่อนกินไข่ปลาคาเวียร์และปลาแซมมอนไปพลาง คุยไปพลางถึงเรื่องศิลปะ วรรณกรรม และดนตรี  ส่วนตัวผู้ชายก็ได้แต่นั่งเงียบฟังอย่างเดียว   ใจมัวพะวงว่าค่าอาหารจะออกมาเท่าไหร่
   จนเนื้อแกะนำมาเสิฟ   ผู้หญิงก็ออกปากตำหนิว่า 
    " ทำไมกินมื้อกลางวันหนักจังคะ  ไม่เอาอย่างฉันล่ะ กินแค่จานเดียว"
    " ผมก็กินจานเดียวเท่านั้น"
     เมื่อบริกรเดินมาถามว่าจะสั่งอะไรอีกหรือไม่    หล่อนก็โบกมือปฏิเสธแบบสบายๆ ตอบว่า
     "ไม่ค่ะ ปกติมื้อกลางวันฉันไม่กินอยู่แล้ว  ถ้ากินก็แค่คำสองคำ  เอาไว้ประกอบการคุยเท่านั้น  เว้นแต่ว่าจะมีแอสปารากัส  มาปารีสทั้งที ไม่กินแอสปารากัสก็น่าเสียดาย"
     แอสปารากัสเป็นของแพงสาหัสในตอนนั้น   บริกรยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำสั่งลูกค้า   
     หล่อนบอกว่า
     " ฉันไม่หิวหรอกนะคะ แต่ถ้าคุณอยากให้ชืมก็สั่งมาหนึ่งที่แล้วกัน  คุณล่ะ ไม่กินบ้างหรือคะ"
    "ไม่ครับ   ผมไม่เคยกินหน่อไม้ฝรั่ง"
     "ฉันรู้ว่ามีบางคนไม่ชอบ  แต่คุณรับประทานของหนักๆอย่างเนื้อเข้าไปแล้ว คงกินอะไรไม่ลงอีก"
      ตอนนั้น  เขาเริ่มตื่นตระหนกว่าจะมีเงินพอจ่ายมื้อนี้หรือไม่   ทำไงดีหนอ  ถ้าไม่พอจะต้องยืมเงินแขกเชิญก็น่าอายแย่   หรือทำทีว่าถูกล้วงกระเป๋า ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
      ในที่สุด แอสปารากัสก็มาถึง   หล่อนก็กินอย่างเอร็ดอร่อย   
      เป็นอันจบมื้อนั้น
      "รับกาแฟไหมครับ?" เขาถาม
      "ค่ะ ขอแค่ไอศกรีมกับกาแฟก็พอ
      เป็นอันว่าหล่อนกินไอศกรีมกับกาแฟตบท้าย  ส่วนเขาสั่งกาแฟอย่างเดียว
      แต่..เปล่า...ยังไม่จบอยู่ดี 
      " คุณรู้ไหมคะ ฉันเชื่ออยู่อย่าง" หล่อนบอกขณะกินไอศกรีม "คนเราไม่ควรกินอิ่มเกินไป  น่าจะให้ท้องยังว่างอีกนิดหน่อยเวลากินเสร็จ" 
     "คุณยังหิวอยู่รึครับ?" เขาถามอย่างหมดแรง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41307

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 91  เมื่อ 15 ก.ค. 25, 09:05

    "อุ๊ย  ไม่หรอกค่ะ   ปกติฉันไม่กินอาหารกลางวันอยู่แล้ว  เช้าดื่มกาแฟแล้วข้ามไปมื้อเย็นเลย   ส่วนกลางวันก็กินอะไรนิดๆหน่อยๆแต่หนึ่งอย่าง    ฉันหมายถึงคุณต่างหาก"
     "อ้อ  ครับ ผมเข้าใจแล้ว!"
      เรื่องแย่ยังไม่จบแค่นั้น ยังตามมาอีกในรูปของบริกรถือตะกร้าใบใหญ่เดินผ่านมา  ในตะกร้าบรรจุลูกพีชขนาดใหญ่ ผิวอิ่ม แดงระเรื่อเหมือนแก้มสาวบริสุทธิ์    เป็นผลไม้นอกฤดูที่ราคาแพงลิบลิ่ว    แขกรับเชิญกำลังคุยเพลิน  ก็เลยเผลอหยิบมาลูกหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ
    หล่อนบอกอีกว่า
    " เห็นไหมคะ คุณรับประทานเนื้อแกะหนักท้องจนอิ่ม  เลยกินอะไรไม่ลง  ไม่เหมือนฉัน  ฉันกินอะไรเบาๆ ก็เลยยังกินลูกพีชได้อีก"  
    เมื่อบิลค่าอาหารมาถึง  ปรากฏว่าเขาต้องเทกระเป๋าจนเกลี้ยงสำหรับมื้อนั้น   เมื่อเดินมาส่งหล่อนที่หน้าร้านอาหาร หล่อนบอกว่า
   "ลองทำตามอย่างฉันนะคะ  อย่ากินเกินหนึ่งอย่างสำหรับมื้อกลางวัน"
    "ผมจะทำได้ดีกว่านั้นอีกครับ " ผมตอบกลับ "เย็นนี้ ผมจะไม่กินอะไรเลย"
    " ตลกจัง!" หล่อนว่าอย่างร่าเริง ขณะก้าวขึ้นรถแท็กซี่ "คุณนี่ตลกจริงๆด้วย!"
    20 ปีผ่านไป   เมื่อพบกันอีกครั้ง เขาเชื่อว่าเทพเจ้าได้ลงโทษผู้หญิงคนนี้สาสมแล้ว    เขาสะใจมากเมื่อพบว่าวันนี้หล่อนหนักอย่างน้อยก็ 133 กิโลกรัมเข้าไปแล้ว
 
จบ


   แล้วจะกลับมาวิเคราะห์แนวการเขียนของมอห์มจากเรื่องนี้นะคะ
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8428


ความคิดเห็นที่ 92  เมื่อ 15 ก.ค. 25, 10:35

             อ่านแล้วนึกถึงฉาก "มื้อกลางวัน" จากนิยายน่าจะเป็นของ เศก ดุสิต เมื่อนานมากสมัยยังเป็นนักเรียน
             บรรยายความตอนที่พระเอกมีนัดหญิงรับประทานมื้อกลางวัน โดยฝ่ายหญิงเลือกร้านอาหารญี่ปุ่น*
(สมัยนั้นจัดว่าเป็นของหรูและแพง) บรรยากาศอารมณ์เหมือนในเรื่องนี้อย่างสูง พระเอกของเราระมัดระวังเลือก
รายการอาหารที่ราคาย่อมเยาโดยคำนึงถึงคำนวณเงินที่มีในกระเป๋าตลอดเวลา รายการอาหารผ่านไปทีพระเอก
ก็เหงื่อซึมทีโดยที่ความเย็นของเครื่องปรับอากาศในร้านช่วยไม่ได้เลย เมื่อถึงเวลาใกล้จะคิดเงิน, คำนวณดูแล้ว
มีไม่พอจึงขอตัวไปห้องน้ำ แต่ความจริงคือแอบไปโทรศัพท์ให้คนรู้จักนำเงินมาเพิ่ม แล้วมาจิบกาแฟอย่างช้าๆ
แทบว่าจะทีละหยดเพื่อรอเงิน  
             เรื่องผ่านไปโดยที่ พระเอกแวบไปรับเงินแล้วกลับมา พบว่าฝ่ายหญิงได้จ่ายค่าอาหารไปเรียบร้อยแล้ว

* ความจำแว้บกลับมา บอกว่า น่าจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นบนของห้าง ไทยไดมารู ราชประสงค์ สาขาดั้งเดิม
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16068



ความคิดเห็นที่ 93  เมื่อ 15 ก.ค. 25, 12:35

ยังนึกอยู่ว่า ฉากในเรื่อง "อาหารมื้อกลางวัน" ของมอห์ม คงสามารถนำไปดัดแปลงแทรกในนวนิยายไทยได้อีกหลายเรื่อง

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41307

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 94  เมื่อ 15 ก.ค. 25, 20:36

  อย่างที่บอกมาแล้วว่า มอห์มเป็นนักเขียนที่เล่าเรื่องด้วยภาษาเรียบง่าย  แสดงภาพที่ผ่านสายตาผู้เล่า เหมือนเรามองเห็นภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวิดีโอ    แต่เขาเข้าใจซ่อนเรื่องราวที่ลึกกว่านั้นไว้ระหว่างบรรทัดอย่างแยบคาย   ไม่บอกออกมาตรงๆ แต่ให้คนอ่านคิดเอาเอง  
  มองจากที่เห็นผ่านสายตาของนักเขียนหนุ่ม(ซึ่งอาจเป็นตัวมอห์มเอง) ก็คือชายหนุ่มคนหนึ่งเชิญหญิงคนหนึ่งไปรับประทานอาหารมื้อกลางวันในภัตตาคาร  แต่เงินแทบไม่พอจ่าย   จบลงด้วยเงินหมดกระเป๋า ต้องลำบากยากแค้นไปตลอดเดือน  
  แต่ระหว่างบรรทัด  มอห์มทำให้เราเห็นอะไรบ้าง  ลองมาดูกัน
  1   ผู้หญิงเป็นฝ่ายทอดสะพานไมตรีเข้ามาก่อน  ไม่ใช่ผู้ชายเป็นฝ่ายสนใจอยากผูกมิตรด้วยแต่แรก
   หล่อนเขียนจดหมายมาแสดงความชื่นชมผลงานของเขา   จดหมายชมแบบนี้ แน่นอนว่าผู้รัับต้องตอบรับด้วยความยินดี
   2  เมื่อตอบรับแล้ว ก็ถึงเป้าหมาย คือบอกว่าจะแวะมาปารีส มีเวลาน้อยนิดแค่กินอาหารกลางวันด้วย  บอกชื่อร้านมาเสร็จสรรพ
   ถ้าเป็นคนที่ไม่มีแผนอยู่ในใจ   อยากจะแวะมาพบปะนักเขียนที่ตัวชื่นชอบ   ก็ไม่จำเป็นต้องให้เขาควักกระเป๋าเลี้ยงอาหาร  และไม่สมควรระบุชื่อร้านอาหารแพงๆด้วย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41307

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 95  เมื่อ 16 ก.ค. 25, 09:55

  3 ตอนที่ผู้เล่าเรื่องมาเจอหน้าผู้หญิงคนนี้ครั้งแรก  เขาบอกว่า หล่อนไม่ใช่หญิงสาวอย่างที่เขาคิด แต่เป็นหญิงวัย 40
   ทำไมผู้เล่าเรื่องถึงคิดว่าหล่อนเป็นสาว  ก็เป็นเพราะข้อความในจดหมาย น่าจะเขียนด้วยสำนวนหวานๆอ้อนๆ แบบสาวน้อย เขียนถึงชายที่หล่อนปลื้ม     ผู้หญิงอายุ 40 ถ้าชื่นชมศิลปินน่าจะใช้สำนวนสุภาพ หรือเรียบๆเป็นทางการอยู่สักหน่อย
   เรื่องนี้เขียนขึ้นหลังจากเหตุการณ์ผ่านไป 20 ปี   ผู้เล่าอยู่ในวัยผู้ใหญ่ผ่านโลกมาพอสมควรแล้ว    วิธีเล่าอ้อมๆแบบนี้คือให้คิดเอาเองว่า หล่อนวางกับดักไว้ตั้งแต่วิธีเขียนจดหมายเลยทีเดียว
   4   ต่อไปก็มาดูวิธีการพูดของผู้หญิงคนนี้บ้าง
       ฉันไม่กินอะไรตอนกลางวันหรอกค่ะ
       ฉันไม่เคยกินอาหารเกินหนึ่งจานค่ะ
       ที่จริงปลาเล็กๆสักตัวก็พอ
       ฉันไม่เคยกินอะไรเกินหนึ่งจานอยู่แล้ว    เว้นแต่จะมีไข่ปลาคาเวียร์
       ฉันไม่เคยดื่มอะไรตอนกลางวันเลยค่ะ    ยกเว้นไวน์ขาว
       หมอประจำตัวไม่ให้ฉันดื่มอย่างอื่นนอกจากแชมเปญค่ะ
       ปกติมื้อกลางวันฉันไม่กินอยู่แล้ว   เว้นแต่ว่าจะมีแอสปารากัส  มาปารีสทั้งที ไม่กินแอสปารากัสก็น่าเสียดาย
       ขอแค่ไอศกรีมกับกาแฟก็พอ
       ฉันกินอะไรเบาๆ ก็เลยยังกินลูกพีชได้อีก

       ฝ่ายชายกินเนื้อแกะชิ้นเล็กๆ 1 จานกับกาแฟ
       สรุปว่า มื้อกลางวัน หล่อนสวาปาม 1 ปลาแซมมอน 2 ไข่ปลาคาเวียร์ 3 แชมเปญ  4 แอสปารากัส  5 ไอศกรีม 6 กาแฟ 7  ลูกพีชลูกใหญ่
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41307

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 96  เมื่อ 17 ก.ค. 25, 11:11

   5  ความเด่นของวรรณกรรมไม่ได้อยู่ที่ว่าเนื้อหาจะต้องซับซ้อน  ตรงกันข้าม เรื่องนี้มีเนื้อหาง่ายๆธรรมดาๆมาก  แต่วิธีเล่าของมอห์มต่างหากที่เป็นชั้นเชิงของนักประพันธ์เอก
   มอห์มไม่ได้บอกออกมาโจ่งแจ้งว่าตัวละคร 2 ตัวในเรื่องเป็นคนประเภทไหน อย่างไร    เขาให้คนอ่านมองเห็นเอาเอง ว่าฝ่ายชายคือนักเขียนหนุ่มอ่อนหัด  ขี้เกรงใจ  รักษามารยาท  ส่วนผู้หญิงก็คือไก่แก่แม่ปลาช่อน เพียงแต่ไม่ได้มุ่งไปด้านชู้สาว แต่หล่อนเจนโลกเรื่องหลอกให้ผู้ชายเลี้ยงอาหารแพงๆ 
   ถ้าหากว่ามอห์มเขียนเสียใหม่ แบบตรงๆ มีอะไรเล่าหมด  อย่างข้างล่างนี้   ก็จะเหมือนใครคนหนึ่งมาพล่ามประสบการณ์ห่วยๆของตัวเองให้เพื่อนฝูงฟัง ด้วยน้ำเสียงเคืองแค้น   ฟังแล้วก็แล้วกัน   หาความน่าสนใจไม่ได้เลย   
   ถ้าเป็นงานเขียนก็คือเรื่องเขียนแบบไร้ฝีมือ ไร้วรรณศิลป์
   " เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน  ผมยังเป็นนักเขียนหน้าใหม่ กระเป๋าแห้ง   นิสัยก็เป็นคนขี้เกรงใจคน   อยากรักษาหน้าตัวเอง  แถมยังอ่อนหัดไม่รู้เท่ากันผู้หญิง    ส่วนแม่คนนั้นก็เป็นผู้หญิงวัยคราวน้า รอบจัด เหลี่ยมจัด  สามารถหลอกให้ผมเลี้ยงอาหารแพงๆได้อย่างหน้าด้านๆ  แถมยังโกหกทุกคนเสียอีก"
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41307

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 97  เมื่อ 17 ก.ค. 25, 11:42

   ถ้าถามว่า เนื้อเรื่องเดียวกันแต่เล่าโดยนักเขียนแต่ละคนไม่ซ้ำกัน  เรื่องจะมีคุณค่าน่าสนใจเท่าเทียมกันไหม  คำตอบคือไม่
   คุณค่าของวรรณกรรมไม่ได้อยู่แค่เนื้อเรื่อง  แต่อยู่ที่ชั้นเชิงการเล่าด้วย   ว่าเรื่องไหนทำให้ "คิด"  ส่วนเรื่องไหนทำได้แค่ให้ "ฟัง"
   เรื่องนี้ถ้าเล่าแบบธรรมดา ก็เป็นการเลี้ยงอาหารแพงๆที่เจ้าภาพเกือบไม่มีเงินจ่าย   แต่มอห์มทำให้เรา"คิด" ได้ว่านี่มันคือศึกระหว่างฝ่ายเจ้าภาพและแขกต่างหาก  มีอาหารเป็นเดิมพัน    เป็นเรื่องขำที่ไม่ใช่เรียกเสียงหัวเราะกันงอหาย แต่คนอ่านอ่านแล้วมักจะขำระคนอึดอัดใจกับวิธีรุกคืบเอาอาหารในแต่ละขั้นตอนของฝ่ายหญิง   ส่วนฝ่ายชายก็ได้แต่ถูก "ยิง" ครั้งแล้วครั้งเล่า ให้คนอ่านลุ้นระทึกว่าในตอนจบเขาจะต้องยกธงขาว ไม่มีเงินพอจ่ายหรือไม่
   
6   นักเขียนที่เก่งจะไม่บรรยายออกมาโต้งๆ ว่าตัวละครแต่ละตัวเป็นคนอย่างไร  พฤติกรรมแบบนี้เรียกว่าอะไรดี  แต่จะให้คนอ่านคิดเอาเอง
    ฝ่ายชายในเรื่องนี้ สิ่งที่มอห์มบรรยายจากลักษณะภายนอกคือเป็นคนจน   พูดน้อย  รู้สึกอย่างไรก็เก็บไว้ในใจ   ตรงกันข้ามกับผู้หญิงที่พูดไม่หยุด
    สิ่งที่ให้คิดเอาเองคือ  เขาต้องเป็นคนอ่อนต่อโลก   รักษาหน้าตัวเอง จึงยอมไปรา้นอาหารแพงๆโดยดี  แทนที่จะบอกผู้หญิงแต่แรกว่า ผมสะดวกที่จะไปร้านอาหารอื่น(ที่ไม่แพง)มากกว่าครับ   แต่กลับพยายามรักษาหน้า แม้ใจสั่นระรัวทุกครั้งที่หล่อนสั่งอาหารเพิ่ม—เขาก็ขี้เกรงใจจนไม่กล้าพูดว่า "ไม่" เลยสักครั้ง
    พอเข้าใจเขา  เราก็จะหวนนึกถึงตัวเอง ว่าสมัยยังเป็นละอ่อน  เราเองก็เคยเจอมาแบบนี้บ้างหรือเปล่า  คือหน้าบาง ขี้เกรงใจ จนเสียเปรียบคนอื่น   ใครบ้างล่ะไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น  มันก็คงเคยเจอบ้างละน่า
    ตรงนี้คือฝีมือของนักเขียน ให้คนอ่านรู้สึกว่า "ดูหนังดูละคร แล้วย้อนดูตัว"
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41307

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 98  เมื่อ 18 ก.ค. 25, 09:54

   ทีนี้ มาดูถึงตัวละครเอกในเรื่องสั้นนี้บ้าง   มอห์มไม่ได้ระบุชื่อหล่อน  ไม่ได้บอกภูมิหลัง หรืออาชีพ   แต่ก็บอกอะไรเกี่ยวกับตัวหล่อนให้คนอ่านได้มองเห็นมากโดยไม่ต้องบรรยายออกมาโต้งๆ ตรงๆ
   วิิธีบอกโดยไม่ต้องเล่าแบบนี้ นักเขียนที่เจนจัดและมีชั้นเชิงการเขียนถึงจะทำได้     ถ้ายังอ่อนเชิง ก็จะบรรยายออกมาตรงๆ
   " ผู้หญิงคนนี้เป็นคนน่ารังเกียจ    ใครจะคบหาสมาคมด้วยต้องระวังให้ได้   หล่อนเป็นคนปากหวานแต่ไม่จริงใจ   พูดจาโกหกหน้าตาเฉย ฯลฯ
   มอห์มไม่ทำแบบนั้น  เขาถ่ายทอดคำพูดของหล่อนออกมาให้คนอ่านได้ฟังแต่ละประโยค  ที่ล้วนแต่ขัดกันเองทั้งสิ้น
เพื่อให้คนอ่านสรุปได้เอง
    -บอกว่าไม่กินมื้อกลางวัน แต่สวาปามจนเจ้าภาพหมดตัว
   - พูดเท็จหน้าตาเฉย   
   - โยนความผิดให้คนอื่น  ด้วยการย้ำว่าเขาเป็นฝ่ายกินอาหารมากกว่าหล่อน ทั้งๆเขากินจานเดียว
   - หล่อนดูออกว่าเขาหมดตัว แต่ก็ทำเป็นไม่รู้
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 5 6 [7]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.045 วินาที กับ 19 คำสั่ง