เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
อ่าน: 1490 คุยกันเรื่องวิลเลียม ซอมเมอเซท มอห์ม (William Somerset Maugham)
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41305

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 30 มิ.ย. 25, 17:18

    ออกตัวก่อนว่า แม้จะเริ่มเล่าเรื่องที่ 2  แต่ถ้าท่านใดจะถาม จะส่งข้อมูล จะแสดงความคิดเห็น ก็เชิญตามสบายนะคะ  

    เรื่องต่อไปที่จะเล่า ชื่อ Rain  เป็นเรื่องสั้นขนาดยาว   นับว่าเป็นเรื่องสั้นเด่นที่สุดของมอห์มก็ว่าได้
   เรื่องนี้เมื่อตีพิมพ์ครั้งแรก  มีชื่อว่า Miss Thompson ก่อนจะเปลี่ยนเป็น Rain  ในภายหลัง   ลงพิมพ์ในนิตยสารวรรณกรรมอเมริกันชื่อ The Smart Set ฉบับเดือนเมษายน พ.ศ. 2464 เมื่อรวมเล่ม  รวมอยู่ในชุดเรื่องสั้นชื่อ The Trembling of a Leaf  
    เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเบาๆ อย่างเรื่องแรก   แต่เป็นเรื่องเครียด และจะต้องจับรายละเอียดระหว่างบรรทัดของมอห์มอยา่งมากอีกด้วย    ถ้าจะได้อรรถรสครบถ้วนก็ควรจะแปลทั้งหมด   ปัญหามีอยู่ว่าแปลไม่ได้ เพราะติดปัญหาลิขสิทธิ์   ทำได้เพียงเล่าเหตุการณ์ไปเรื่อยๆ และลงรายละเอียดในบางตอน   หวังว่าท่านผู้อ่านคงเห็นใจถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ    ดิฉันจะพยายามอธิบายอย่างดีที่สุด


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41305

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 30 มิ.ย. 25, 19:15

    หมายเหตุ : เรื่องนี้ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อค.ศ. 1921 (พ.ศ. 2464) ตรงกับในรัชกาลที่ 6 ของไทย    เหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 1  เพียงเล็กน้อย   การเดินทางข้ามทะเลยังต้องอาศัยเรือ ติดต่อกันนานหลายวันหรือเป็นเดือน  เพราะยังไม่มีเครื่องบินโดยสารที่เดินทางได้ไกลๆ 
     ดินแดนต่างๆทางตะวันออก ไม่ว่าในมหาสมุทรแปซิฟิค หรือเรื่อยลงมาถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีสภาพดั้งเดิมของท้องถิ่นอยู่มาก     การเผยแพร่ศาสนาเป็นไปตามแบบหลักการที่ยึดถือกันอยู่ในยุคนั้น  ไม่ใช่ยุคนี้   
**************
 
    ฉากเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อกลุ่มผู้โดยสารในเรือต้องหยุดอยู่เมือง ปาโก ปาโก บนเกาะซามัว ในหมู่เกาะแปซิฟิกใต้  ซึ่งเป็นดินแดนในความดูแลของสหรัฐอเมริกา  มีผู้ว่าการฯซึ่งขึ้นตรงกับวอชิงตัน ดี.ซี   
   พวกเขาถูกกักกันอยู่ที่นั่นประมาณ 10 วัน- สองสัปดาห์  เนื่องจากเกิดโรคหัดระบาด  ในสมัยนั้นยังถือว่าเป็นโรคระบาดร้ายแรง    ต่อเมื่อทางการตรวจสอบได้ว่าลูกเรือไม่ติดเชื้อหัดแล้ว ก็จะได้รับอนุญาตให้เดินทางต่อไปได้   ทุกคนจำใจต้องพักอยู่ในสถานที่พักแรม (boarding house)ค่อนข้างโกโรโกโสแห่งหนึ่งด้วยกัน ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาไม่ขาดสายตามฤดูกาล
   เรื่องนี้ ผู้เขียนบรรยายผ่านมุมมองของนายแพทย์แม็คเฟล   เขาและภรรยาเป็นชาวอังกฤษที่กำลังเดินทางไปยังเกาะอีกแห่งหนึ่ง  ตัวละครนอกจากนี้คือมิชชันนารีหรือผู้เผยแพร่คริสตศาสนา สองคนผัวเมียชื่อสาธุคุณเดวิดสัน และภรรยา มิสซิสเดวิดสัน ทั้งสองเป็นชายหญิงวัยกลางคนที่เคร่งครัดในศาสนา   มีศรัทธาแน่วแน่ในภารกิจของตนที่จะ "กอบกู้" ผู้หลงผิดและคนบาปให้กลับหันหน้าเข้าหาพระเจ้า ก่อนจะต้องพลาดพลั้งลงนรกชั่วนิรันดร
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41305

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 01 ก.ค. 25, 13:31

    สองคู่ - คือคู่นักบวชและภรรยา กับนายแพทย์และภรรยา ได้ผูกมิตรสนิทสนมกันระหว่างอยู่บนเรือ  ซึ่งเกิดจากการที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกันมากกว่าจะเกิดจากรสนิยมเหมือนกัน  อย่างเดียวที่เห็นพ้องต้องกันคือไม่เห็นด้วยกับการใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนในห้องสูบบุหรี่ เล่นไพ่โป๊กเกอร์หรือไพ่บริดจ์และดื่มเหล้า อย่างผู้โดยสารอื่นๆ
    ภรรยาหมอแมคเฟลรู้สึกภูมิใจไม่น้อย ที่คิดว่าเธอและสามีเป็นคู่เดียวบนเรือที่สามีภรรยาเดวิดสันเต็มใจคบหาด้วย หมอแมคเฟลเองก็รู้สึกเช่นกัน  แต่ไม่ถึงกับมากอย่างภรรยา

    ทีนี้ก็ถึงฉากที่มอห์มแนะนำเราให้รู้จักตัวละครสำคัญ คือสามีภรรยานักบวช  เขาเริ่มบรรยายภาพของนางเดวิดสันตามนี้ค่ะ
    นางเดวิดสันสวมชุดสีดำ  สวมสร้อยคอทองห้อยไม้กางเขนเล็กๆ   นางเป็นหญิงร่างเล็ก ผมสีน้ำตาลแก่หวีเรียบอย่างประณีต   ดวงตาสีฟ้าเด่นอยู่หลังแว่นตาหนีบจมูกแบบเก่า    ใบหน้าแหลมยาว  ท่าทีกระฉับกระเฉงว่องไวเหมือนนกเล็กๆกระโดดบนกิ่งไม้   สิ่งสะดุดหูที่สุดคือเสียงที่สูง กระด้าง ก้องกังวานระคายประสาทหูเหมือนเสียงสว่านเจาะพื้นถี่ยิบ

   ส่วนสาธุคุณเดวิดสันเป็นชายวัยกลางคน  กิริยาท่าทีสุภาพกับครอบครัวแมคเฟลพอสมควรระหว่างการเดินทาง แต่เขาไม่มีท่าทีเป็นกันเองเหมือนภรรยา เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อ่านหนังสือ  แบบคนเงียบๆ ค่อนข้างเครียดอยู่ลึกๆ  แสดงความเป็นกันเองตามมารยาทมากกว่ารู้สึกจริงๆ  ดูเป็นคนสำรวมถึงขั้นเก็บตัว  
   ส่วนรูปร่าง  มอห์มบรรยายว่าสูงและผอมมาก แขนขายาวเก้งก้าง  แก้มตอบและโหนกแก้มสูง   ท่าทีไร้ชีวิตชีวา ตาสีเข้มดูลึกโหลและหม่นหมอง  ตรงข้ามกับริมฝีปากที่หนาเต็มอิ่ม   เป็นชายที่ดูเฉยชา  ไม่ไยดีจะมีความสัมพันธ์กับคนอื่น แม้แต่กับผู้หญิง
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8428


ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 01 ก.ค. 25, 15:45

           ปกหนังสือชื่อ RAIN ต่อด้วยส่วนขยายว่า The story of Sadie Thompson
           ดูจะเป็นแนวเรื่อง "คนขาวในเมืองร้อน" ที่นอกจากต้องสู้กับธรรมชาติที่ไม่เป็นมิตร, ไม่สามารถควบคุม
ได้แล้ว ยังเผชิญกับความขัดแย้งทางวัฒนธรรมสังคมที่แตกต่างระหว่างคนขาวกับคนพื้นเมือง แต่ท่าทางเรื่องนี้
จะเป็นความขัดแย้งระหว่างคนขาวด้วยกันเองที่แบ่งแยกด้วย "ศาสนา" มีสถานการณ์โรคระบาดและฝนตกไม่หยุด
เป็นตัวบังคับกำกับให้ต้องติดเกาะด้วยกัน
           รอเปิดตัว Sadie Thompson สรรพคุณ: She brazenly defied the world's scorn ครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41305

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 02 ก.ค. 25, 09:46

  คุณหมอทำท่าจะเป็นดอกเตอร์ดูไปแล้ว   ถูกทั้ง 2 อย่างค่ะ 
  ก่อนเปิดตัวตัวละครเอกอีกตัว   เรามาฟังกันว่าชีวิตมิชชันนารีในยุคนั้นเป็นอย่างไรบ้าง   เพื่อความเข้าใจตัวละครดีขึ้น
 
  สาธุคุณเดวิดสันกับภรรยาเป็นชาวอเมริกัน ถูกส่งตัวมาเผยแพร่ศาสนาคริสต์แถวหมู่เกาะแปซิฟิก ยาวนานหลายปี  ทั้งสองประจำอยู่ที่เกาะอีกแห่งหนึ่ง แต่มีธุระจำเป็นทำให้ต้องจากมา 1 ปี ตอนนี้ กำลังจะเดินทางกลับไปที่เกาะแห่งเดิม   
   สาธุคุณเดวิดสันกังวลมาก ว่าทิ้งงานเผยแพร่ศาสนาไว้ในมือของมิชชันนารีคนท้องถิ่น  พวกนี้ถึงแม้ว่าเป็นคนดีและมีศรัทธาในพระเจ้า แต่ก็ย่อหย่อนเรื่องระเบียบความเคร่งครัด เขาถึงร้อนใจอยากจะกลับไปเร็วๆ ก็บังเอิญต้องมาติดอยู่ที่นี่ถึง 2 สัปดาห์
    ปัญหาที่เดวิดสันประสบกับชาวบ้าน ที่เขาเรียกว่า "ชาวพื้นเมือง" คือแม้ว่าพวกนี้เป็นคนไม่ได้เลวร้าย ไม่มีพิษมีภัยอะไรก็จริง  แต่พวกเขาเป็นคนที่ไม่รู้จักคำว่า 'บาป' คืออะไร   
    พวกเขาชอบร้องรำทำเพลงเฮฮาสนุกสนาน ไม่เลือกว่าวันธรรมดาหรือวันอาทิตย์ แทนที่จะสงบสำรวม  และที่สำคัญที่สุดคือ พวกนี้ชอบเปลือยร่างกาย  ทั้งหญิงและชาย   เด็กและผู้ใหญ่   นุ่งแต่ 'ลาลา' ผืนเดียว ปล่อยท่อนบนเปลือยเปล่าอุจาดตา
   (คำว่า lala หมายถึงผ้าที่พันท่อนล่างของร่างกาย   ทำนองเดียวกับโสร่ง หรือผ้าขาวม้าสำหรับชายไทย  หรือผ้าซิ่นสำหรับผู้หญิง   ในที่นี้ถ้าจะแปลว่าโสร่ง ก็อาจทำให้นึกไปถึงโสร่งปาเต๊ะ   จะเรียกว่าผ้าขาวม้าก็ไม่ใช่อยู่ดี  จึงขอทับศัพท์ไปก่อน)
   สิ่งที่สาธุคุณและภรรยาต้องฝึกสอนพวกชาวบ้านด้วยความยากลำบากมาตลอด คือให้พวกผู้ชายนุ่งกางเกงที่มิดชิดกว่าผ้านุ่ง   เด็กชายที่อายุเกิน 10 ขวบ ต้องเปลี่ยนเป็นนุ่งกางเกงให้เรียบร้อย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41305

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 02 ก.ค. 25, 11:00

      จากคำบอกเล่า สาธุคุณเดวิดสันมีพื้นฐานทางการแพทย์  รักษาคนไข้คืองานที่เขาตรากตรำทำอย่างไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อย ดึกดื่นเที่ยงคืนถ้ามีคนมาตามไปรักษาคนป่วย แม้ต้องนั่งเรือแคนูข้ามไปอีกเกาะ ท่ามกลางคลื่นพายุพัดจัดของมหาสมุทร  เขาก็ลงเรือเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายไปอย่างไม่ย่อท้อ นับครั้งไม่ถ้วน  ด้วยความศรัทธาเชื่อมั่นในพระเจ้าว่า พระองค์จะไม่มีวันทอดทิ้งผู้อุทิศตนเพื่อศาสนาอยา่งเขา
      มารผจญของมิชชันนารีสองคนนี้มาในรูปของผู้ที่ไม่นับถือ-และไม่เชื่อถือพระเจ้า  เดวิดสันเมื่อตระหนักว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้ผล เขาก็ใช้ไม้แข็งปราบจนสำเร็จ เช่นชายชาวพื้นเมืองที่ไม่ยอมนุ่งกางเกง และหญิงที่เปลือยอกไม่ยอมสวมเสื้อ  หรือไม่ยอมมาโบสถ์ในวันอาทิตย์  เขาก็ใช้วิธีลงโทษด้วยการปรับเงิน หรือใช้ให้ทำงานหนัก   จนพวกนี้ตระหนักถึงโทษที่ได้รับ ก็จะยอมศิโรราบไปเอง
   (ในยุคนั้นดินแดนแถบนี้ยังอยู่ในอารักขาของสหรัฐอเมริกา   เพราะฉะนั้นคนอเมริกันจึงอำนาจสั่งการลงโทษชาวพื้นเมืองได้ค่ะ)
  
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41305

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 02 ก.ค. 25, 11:00

 ถ้าหากว่ามีชาวพื้นเมืองคนใดยังดื้อรั้น ไม่ยอมรับนับถือศาสนาคริสต์  ไม่ยอมมาโบสถ์จนแล้วจนรอด  สาธุคุณก็มีไม้ตาย คือขับคนนั้นออกจากคริสตจักร  หมายความว่าคนนั้นถูก "บัพพาชนียกรรม"  (excommunication)
  คำนี้เป็นคำที่คริสตศาสนิกชนตั้งแต่ยุคกลางมาจนถึงยุคที่มอห์มเล่า  กลัวเกรงกันมาก  ใครที่เจอคือถูกตัดออกจากสังคมโดยสิ้นเชิง   ถูกตัดทางทำมาหากินเพราะขายสินค้า(เช่นมะพร้าวแห้งที่เป็นสินค้าออกสำคัญ) ก็ไม่มีใครซื้อ   เมื่อพากันออกเรือไปจับปลา  ลูกเรือคนนั้นก็จะไม่ได้รับส่วนแบ่งจากการขายปลา เพื่อนบ้านไม่คบค้าด้วย   หมู่บ้านมีงานการอะไรก็ไม่มีสิทธิ์ไปร่วม  เรียกว่าหมดอาชีพ หมดอนาคตโดยสิ้นเชิง
    หนึ่งในคนที่โดนสาธุคุณขับออกจากคริสตจักรเป็นพ่อค้าชาวเดนมาร์กชื่อเฟร็ด โอลสัน   เขาค้าขายกับชาวพื้นเมืองจนมั่งคั่ง    เพราะกดราคามะพร้าวแห้งตามใจชอบ บางทีก็จ่ายเป็นเหล้าและข้าวของแทนที่จะให้เงิน  มีเมียหลายคน ล้วนเป็นชาวเกาะ  ตัวเองก็กินเหล้าหัวราน้ำ
    แน่นอนว่าคนบาปอย่างโอลสันคือเป้าหมายที่เดวิดสันมีหน้าที่จะแก้ไขขัดเกลาให้กลับเป็นคนดี  ตอนแรกก็เทศนาดีๆก่อนให้โอกาสกลับใจ  นอกจากโอลสันไม่มีท่าทียอมรับ ยังหัวเราะเยาะใส่หน้าเสียอีก   ก็เลยเจอไม้แข็งจากมิชชันนารี ด้วยการสั่งห้ามชาวบ้านเลิกค้าขายและคบค้ากับโอลสันในทุกทาง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41305

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 02 ก.ค. 25, 11:22

   ขอแปลตอนนี้มาให้อ่านกันนะคะ
   " ภายในสองปี เขากลายเป็นคนล้มละลาย สูญเสียทรัพย์สินทุกอย่างที่สะสมไว้นานกว่า 25 ปี   ผมปราบเขาลงอย่างราบคาบ   ในที่สุด เขาก็แทบจะคลานเข้ามาหาเหมือนขอทาน  วิงวอนให้เมตตาพาเขากลับซิดนีย์”
   นางเดวิดสันเสริมขึ้นว่า
   “ฉันอยากให้คุณสองคนเห็นตอนนายคนนั้นมาขอพบท่านสาธุคุณจังค่ะ   ก่อนหน้านี้  วางท่าใหญ่โตซะไม่มี   ตัวอ้วนลงพุง  พูดจาเสียงดังลั่น แต่ตอนนี้ ผอมซูบลงไปเหลือครึ่งเดียวเห็นจะได้  ตัวสั่นงันงก   งกๆเงิ่นๆ เหมือนคนแก่”
    สาธุคุณเดวิดสันเหม่อมองออกไปสู่ยามค่ำคืน ที่เห็นนอกหน้าต่าง ฝนกำลังตกไม่ขาดสายลงมาอีกครั้ง
    จู่ๆ  ก็มีเสียงดังขึ้นแหวกความเงียบขึ้นจากด้านล่าง    เดวิดสันหันไปมองภรรยาด้วยความสงสัย   
    เป็นเสียงเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ดังลั่น เป็นจังหวะ   ฟังแสบระคายหู
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41305

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 03 ก.ค. 25, 10:23

  นอกจากเสียงเพลง ยังมีเสียงเอะอะเฮฮาดังมาจากห้องข้างล่างของที่พักแรม  เสียงเปิดขวดเหล้า เสียงผู้ชายและผู้หญิงร้องเพลง หัวเราะร่า เต้นรำกัน   
  เสียงเหล่านั้นดังมาจากห้องพักของหญิงสาวผู้โดยสารมาจากเรืออีกลำหนึ่ง แต่มาติดอยู่ที่เมืองนี้เช่นกัน
  คุณหมอ SILA คงเดาได้ว่า นี่คือตัวละครสำคัญอีกตัวหนึ่งของมอห์ม - เซดี้  ธอมป์สัน
  มอห์มบรรยายนางไว้ว่า
  " หล่อนน่าจะอยู่ในวัยราวๆยี่สิบเจ็ดปี รูปร่างอวบอิ่ม สวยแบบกระด้าง สวมเสื้อกระโปรงขาวและหมวกสีขาวใบใหญ่ น่องอวบอยู่ในถุงน่องผ้าฝ้ายสีขาวที่คับจนแทบปริ เห็นได้เหนือรองเท้าบู๊ตยาว ทำด้วยหนังสีขาวเป็นมันวาบ   หล่อนส่งยิ้มเชิงผูกมิตรให้หมอแม็กเฟลเมื่อเดินผ่านกันเป็นครั้งแรก"

ภาพล่างนี้คือกลอเรียน สวอนสัน ดาราหนังเงียบของฮอลลีวู้ด รับบทเซดี้ เมื่อเรื่องนี้ทำเป็นภาพยนตร์ครั้งแรกในปี 1928


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8428


ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 03 ก.ค. 25, 11:36

นักแสดงหญิงระดับตัวแม่รับบทเซดี้ ในหนังทั้ง 3 สมัย
ส่วนปกหนังสือเล่มนี้ดูจากเสื้อผ้าหน้าผมแล้วน่าจะวาดจากริต้า เฮย์เวิร์ทแต่ปรับให้สาวและเปรี้ยวขึ้น


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41305

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 03 ก.ค. 25, 11:51

      หมอแมคเฟลออกความเห็นว่า เจ้าของห้องพักน่าจะจัดปาร์ตี้อำลาผู้โดยสารที่มาในเรือลำเดียวกัน  เพราะวันรุ่งขึ้นจะมีเรืออีกลำออกจากท่าเมืองนี้ตอนเที่ยง
     สาธุคุณและภรรยาไม่ประสงค์จะทนฟังเสียงระคายโสต แถมก่อกวนสมาธิแบบนี้ได้ ก็เลยขอตัวกลับไปพักในห้องของตน   แม้ว่ายังค่ำอยู่ ไม่ถึงเวลานอน  ทั้งสองมีกิจกรรมทางศาสนาที่จะทำเป็นประจำ คือ
   " เรามีหนังสืออ่านมากมายค่ะ” นางเดวิดสันอธิบาย “ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน เราจะอ่านพระคัมภีร์หนึ่งบทก่อนเข้านอนเสมอ  จากนั้นก็ศึกษาพระคัมภีร์บทอื่นๆ พร้อมคำอธิบายประกอบ   เราสองคนจะตีความและอภิปรายกันอย่างละเอียดถี่ถ้วน   นับเป็นการฝึกฝนจิตใจให้สงบ เข้าถึงศาสนาได้อย่างวิเศษสุด”
    สาธุคุณเดวิดสันยึดหลักนี้อย่างเคร่งครัดเช่นกัน   เห็นได้จากเขาเล่าไว้ในอีกตอนหนึ่งของหนังสือว่า
    " เมื่อเราออกมาเผยแพร่ศาสนาที่หมู่เกาะนี้   ไม่มีใครช่วยเราเลย เราอยู่กันตามลำพังสองคน   ห่างจากคริสตศาสนิกชนอื่นๆหลายพันไมล์    แวดล้อมความมืดมิด   เวลาใดที่ผมท้อแท้และเหนื่อยล้า  ภรรยาผมจะวางมือจากงาน  แล้วหยิบพระคัมภีร์มาอ่านให้ผมฟัง    จนกระทั่งจิตผมดิ่งลงสู่ความสงบนิ่ง ราวเด็กน้อยที่นอนหลับสนิท  ในที่สุด เมื่อเธอปิดพระคัมภีร์ลง  เธอจะพูดว่า
 ‘เราจะต้องช่วยพวกชาวบ้านให้รอดพ้นจากบาปได้ แม้พวกเขาไม่ช่วยเหลือตัวเองเลยก็ตาม
      ตอนนั้น พลังอันแข็งแกร่งของพระเจ้าก็กลับคืนมาสู่ผมอีกครั้ง   ผมตอบภรรยาว่า
     ‘ถูกของเธอ  ด้วยความกรุณาของพระผู้เป็นเจ้า ฉันจะสามารถช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากบาปได้ ฉันต้องช่วยพวกเขา’
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41305

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 03 ก.ค. 25, 13:14

    ค่ำวันต่อมา  ห้องชั้นล่างก็ยังเหมือนคืนก่อน  คือมีเสียงเพลงดังก้องจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง เสียงลากเก้าอี้โครกคราก  เสียงแก้วเหล้าชนกัน ผสมเสียงเอะอะเฮฮาของชายหลายคน กับเสียงแหลมปรี๊ดของผู้หญิง ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเซดี้     ทำเอาสี่คนในห้องชั้นบนนั่งไม่เป็นสุขไปตามๆกัน  โดยเฉพาะสาธุคุณและภรรยา
    จู่ๆสาธุคุณเดวิดสันก็ลุกพรวดขึ้น  อุทานเสียงดัง
    " อะไรหรือ อัลเฟรด" ภรรยาของเขาถาม
    " ฉันเพิ่งนึกออกเดี๋ยวนี้เองละเธอ    ก่อนหน้านี้ไม่ทันคิด ผู้หญิงคนนี้มาจาก 'อิวิเล'"
    " ต๊ายตาย!ใช่หรือคะ"
    " ใช่แน่นอน    หล่อนลงเรือที่โฮโนลูลู แล้วจะมาจากที่ไหนล่ะ  ถ้าไม่ใช่เขตอิวิเล   มิน่าล่ะ  เอาสินค้ามาขายถึงที่นี่เทียวนะ"
    น้ำเสียงที่พูดประโยคท้ายเต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์
   " มันคืออะไรครับ" หมอแมคเฟลถาม

     ขออธิบายสั้นๆว่า อิวิเล ในโฮโนลูลู  ถ้าอธิบายแบบไทยๆ เทียบได้กับละแวกโคมเขียวในกรุงเทพยุคหนึ่งร้อยกว่าปีก่อน    เป็นเขตที่มีแต่บรรดาผู้ชายเท่านั้นไปเตร็ดเตร่หาความสำราญ    ชาวบ้านทั่วไปไม่ไปยุ่งเกี่ยวด้วย
    
    “เป็นแหล่งอบายมุขสกปรกโสมมที่สุดในแปซิฟิก” เดวิดสันอธิบายเสียงเครียด  “พวกเรามิชชันนารีได้รณรงค์ต่อต้านเรื่องนี้มาหลายปี  จนในที่สุดสื่อท้องถิ่นก็หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาช่วยเราโจมตี  แต่ตำรวจไม่ยักลงมือทำอะไร  คุณก็คงเดาได้นะ ว่าพวกเขาโต้แย้งยังไง   เขาอ้างว่ายังไงอบายมุขก็เป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว   ก็ควรควบคุมและจำกัดไว้ไม่ให้ออกนอกพื้นที่เท่านั้นก็พอ     อ้างไปยังงั้นแหละ  จริงๆคือได้รับค่าส่วยจากร้านเหล้า จากเจ้าของซ่อง จากผู้หญิงพวกนั้น แต่ที่สุดเราก็ชนะ  พวกนั้นก็ถูกบังคับให้ย้ายออกไป"
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41305

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 04 ก.ค. 25, 08:56

    คืนต่อมา   เสียงเพลงกับเฮฮาปาร์ตี้ในห้องของเซดี้ก็ยังเกิดขึ้นอีก   จนสาธุคุณเดวิดสันทนไม่ไหว  เขาตัดสินใจขึ้นบันไดตรงไปที่ห้อง   เข้าไปทุ่มเคร่ื่องเล่นแผ่นเสียงลงบนพื้น จนเสียงในห้องเงียบลงทันที พร้อมกับประกาศให้รู้ว่า สิ่งที่ทำอยู่คืออบายมุขล้วนๆ
  ผลก็คือ เซดี้ตะโกนด่า  แล้วสาดเหล้าในมือใส่หน้าเดวิดสันจนเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปทั้งหน้าตาและเสื้อผ้า   เขาต้องล่าถอยกลับห้องพัก
  ศึกระหว่างนักเทศน์และสาวผู้มีอดีตดำมืด   ก็เริ่มขึ้นนับแต่นั้น
  สาธุคุณเดวิดสันและภรรยาพยายามจะเกลี้ยกล่อมนางให้เข้าใจว่าควรถอยห่างจากอบายมุข เพื่อชีวิตที่จะปลอดมลทิน กลับสู่ความสะอาดในฐานะคริสตศาสนิกชนแท้จริง   ก็ไม่สำเร็จ   เซดี้ไม่แยแส ยังทำตัวเป็นนางบาปอยู่เช่นเดิมในวันต่อๆมา
  ในเมื่อเซดี้ไม่ใช่ชาวเมืองนี้ เพียงแค่ผ่านมาแล้วเดี๋ยวก็จะเลยไปเมืองอื่น   บัพพาชนียกรรมย่อมใช้ไม่ได้   สาธุคุณก็ต้องใช้ไม้แข็งแบบอื่น  คือตรงไปหาผู้ว่าการเมืองซึ่งเป็นชาวอเมริกัน ขอให้ออกคำสั่งส่งตัวหญิงสาวไปซานฟรานซิสโก    ที่นั่น เซดี้จะต้องถูกส่งตัวเข้าคุก
   พอรู้ชะตากรรมของตน   หญิงสาวก็อ่อนยวบลงทันที 
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41305

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 04 ก.ค. 25, 08:58

    นางเร่ิมร้องไห้  เลิกแต่งกายแบบเก่า ปล่อยปละละเลยรูปร่างหน้าตา    ยอมสารภาพบาปที่ทำมา   โอนอ่อนต่อการเทศนาชักจูงใจของเดวิดสันที่เขาทำเป็นประจำหลังอาหารมื้อเย็น
    เซดี้อ่อนน้อมเชื่อฟัง  ยอมแม้แต่จะให้ทางการส่งตัวไปรับโทษที่ซานฟรานซิสโก ไม่บิดพลิ้ว   ด้วยสำนึกในความผิดบาปของตน
    ทุกอย่างทำท่าจะเป็นไปด้วยดี     ทุกคนเห็นว่าศาสนาเป็นฝ่ายมีชัย ในที่สุดงานของเดวิดสันก็ลุล่วงไปด้วยดีอีกครั้งหนึ่ง    สามารถทำให้คนบาปกลับใจเป็นสุจริตชนได้
    แต่...จู่ๆทุกคนก็พบว่าเดวิดสันตายเสียแล้ว    ในสภาพใช้มีดโกนเชือดคอตัวเองตาย
    ไม่มีใครรู้ว่าสาเหตุ  ไม่มีแรงจูงใจ   ไม่มีคำอธิบาย
    ส่วนเซดี้... เปลี่ยนกลับไป—หัวเราะเสียงดังลั่น เพลงในห้องพักเปิดสุดเสียง  กลับไปสู่สภาพโสเภณีตามเดิม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41305

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 04 ก.ค. 25, 11:48

     กลับเข้าสู่รายละเอียดของเรื่องนะคะ  เพื่อจะได้แก้เงื่อนปมปริศนาในตอนจบได้
     วิธีชำระล้างบาปเซดี้ที่สาธึุคุณคร่ำเคร่งทำ ก็ใช้เวลาเกือบทั้งหมดอ่านพระคัมภีร์ไบเบิ้ลให้เซดี้ฟัง  อธิบายความหมายอย่างละเอียดถี่ถ้วน  เพื่อให้เข้าใจและนำไปสู่การกลับใจ จากนั้นก็ร่วมกันสวดมนตร์บทต่างๆอีกยืดยาว    เขาจะเว้นว่างก็เฉพาะลงไปกินข้าวกับคนอื่นๆ เท่านั้น ดร. แมคเฟลสังเกตเห็นว่าเขากินอะไรแทบไม่ลงคอ
     " ท่านสาธุคุณทุ่มเทเรี่ยวแรงลงไปทั้งหมดค่ะ แบบนี้เหนื่อยแทบสิ้นชีวิตเทียวละ"  นางเดวิดสันเล่าถึงสามีด้วยความเวทนา " ทุ่มเทจนลืมดูแลตัวเองไปแล้ว   แต่เวลาทำงานก็ยังงี้ละค่ะ  ลืมตัวเอง ไม่เคยคำนึงถึงสุขภาพตัวเองเลย”
     ตัวนางเดวิดสันเองก็ซูบซีดอิดโรยพอกัน  เพราะไม่ได้นอนเลยเกือบทั้งคืน     เมื่อเดวิดสันขึ้นบันไดมาที่ห้องพักหลังจากไปเทศน์ให้เซดี้ฟังแล้ว เขาก็ยังมาอธิษฐานต่อจนหมดเรี่ยวแรง  ลงนอนแต่หนึ่งหรือสองชั่วโมง เขาก็ลุกขึ้น แต่งตัว และออกเดินจงกรมไปตามชายหาดที่ปากอ่าว

    เขาเห็นภาพนิมิต ตามที่เล่าให้ภรรยาฟัง
     “ เช้านี้ ท่านสาธุคณเล่าให้ฟังว่าฝันเห็นภูเขาในรัฐนีบราสกาค่ะ" นางเดวิดสันกล่าว

    ( ภูเขาเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่สูงส่ง    ความศักดิ์สิทธิ์หลายอย่างที่บรรยายไว้ในพระคัมภีร์เกิดขึ้นบนภูเขา เช่นบัญญัติสิบประการที่โมเสสได้รับมอบจากพระผู้เป็นเจ้า ก็เกิดขึ้นเมื่อขึ้นไปภาวนาอยู่บนยอดเขาซีนาย)
   “ แปลกนะครับ” ดร. แมคเฟลว่า
  
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.04 วินาที กับ 20 คำสั่ง