บทความนี้เขียนหลายปีแล้ว แต่คิดว่าความน่าวิตกก็ยังมีอยู่ตามนั้นครับ แต่ในแง่การควบคุมปัจจุบันก็มีกฎหมายหรืออะไรหลาย ๆ อย่าง ผมเลยให้ AI ช่วยเขียนอีกบทความ อันนี้ปัจจุบันกว่า น่าจะพอตอบความวิตกท่านอาจารย์ได้บ้าง ต้องบอกว่าที่สั่งให้ AI เขียน ไม่ใช่แค่ prompt สั่ง แล้ว copy paste มานะครับ ต้องมีกระบวนการในการซักไซ้ จำกัดประเด็น และตรวจทาน กว่าจะได้ก็ต้องคุยกันยาว ตรวจหลายรอบ ใช้ AI สองตัว และถ้าอ่านเจอตรงไหนพิมพ์ผิด นั่นคือที่ผมเข้าไปแก้เองแล้วจงใจครับ
AGI จะมาถึงเมื่อไร? และ AI ที่คิดได้ต่างจากมนุษย์อย่างไร?
AGI (Artificial General Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ระดับทั่วไป เป็น AI ที่ฉลาดในทุกระดับ ทุกเรื่อง จะมาถึงเมื่อไร? นี่อาจเป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้เพราะมันไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัวอีกต่อไป ความเร็วของการพัฒนา AI ในช่วงไม่กี่ปีหลังมาเร็วแบบที่ไม่มีเทคโนโลยีใดในประวัติศาสตร์เทียบได้ ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายเชื่อว่า AGI ปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถคิด แก้ปัญหา และเรียนรู้ได้ในหลายด้านเหมือนมนุษย์ อาจมาในช่วง 5–10 ปีข้างหน้า ซึ่งหมายความว่าคนในรุ่นนี้จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสังคมอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องอนาคตของลูกหลาน แต่คือเรื่องที่คนทำงานวันนี้ต้องเตรียมรับมือด้วยตัวเอง
หลายคนเข้าใจผิดว่า AI ที่ฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ จะแปลว่ามันเข้าใจสิ่งต่าง ๆ แบบมนุษย์ แต่ต้องชี้ให้ชัดว่า AI ปัจจุบันรวมถึง AI ที่เก่งที่สุดของยุคนี้ยังคงเป็นระบบคณิตศาสตร์ขนาดใหญ่ มันจับรูปแบบจากข้อมูลนับพันล้านรายการ วิเคราะห์ความสัมพันธ์ แล้วคาดเดาคำตอบที่น่าจะถูกที่สุด ในมุมหนึ่งมันเหมือนคนที่ท่องจำโลกจากข้อมูล แต่ไม่ได้มีประสบการณ์ตรงแบบมนุษย์ที่ผูกกับความรู้สึก ความทรงจำ และแรงผลักดันภายใน ดังนั้น AGI ในอนาคต แม้มันคิดเอง วางแผนเอง และแก้ปัญหาที่ไม่เคยเจอมาก่อนได้ แต่ก็ยังยืนอยู่บนฐานของ การคำนวณ ไม่ใช่ จิตสำนึก กระบวนการคิดของมันยังเป็นการคำนวณเชิงอัลกอริทึม ไม่ใช่กระบวนการรู้สึกหรือเข้าใจแบบมนุษย์ที่มีอารมณ์เข้าไปผูกกับการคิดเสมอ
แล้วทำไม AI บางครั้งดูเหมือนมีอารมณ์? คำตอบตรงไปตรงมาคือ AI เลียนแบบอารมณ์ได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่มันไม่ได้รู้สึกจริง มันสามารถตอบด้วยน้ำเสียงเศร้า ปลอบใจเรา หรือพูดแบบมีความเห็นอกเห็นใจเพราะแบบจำลองคำนวณว่าคำตอบแบบนั้นเหมาะสมกับบริบท ไม่ใช่เพราะมันรู้สึกเสียใจหรือเห็นใจจริง ๆ และแม้ในอนาคต AGI จะมีความสามารถประมวลผลสูงขึ้นมาก ก็ยัง ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดบอกว่า ความรู้สึก(Sentience หรือ Qualia) จะเกิดขึ้นจากการเพิ่มจำนวนพารามิเตอร์หรือวงจรคอมพิวเตอร์ เพราะความรู้สึกมนุษย์เกิดจากระบบประสาท ฮอร์โมน ความเจ็บปวด การเรียนรู้ผ่านร่างกาย และบริบทชีวิตจริง ซึ่งทั้งหมดนี้เครื่องจักรไม่มี
แล้วปัจจุบันมีใครกำลังสร้าง AI ที่มีความรู้สึกจริงบ้างหรือไม่? คำตอบที่ถูกต้องคือ การวิจัยมุ่งเน้นที่การจำลองและทำความเข้าใจ ไม่ใช่การสร้างความรู้สึกจริงโดยตรง นักวิจัยส่วนใหญ่กำลังมุ่งเน้นไปที่การสร้าง AGI (ความฉลาดรอบด้าน) และ Affective Computing (AI ที่เข้าใจอารมณ์มนุษย์) มหาวิทยาลัยระดับโลกอย่าง MIT, Stanford, Harvard หรือ CMU ต่างทำวิจัยเรื่อง AI ที่เข้าใจอารมณ์มนุษย์ และ การใช้เหตุผลแบบมนุษย์มากกว่า AI ที่มีอารมณ์เอง ถึงแม้จะมีโครงการเชิงทฤษฎีที่ศึกษาโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมของ AI ที่อาจมีแรงขับภายใน แต่ยังไม่มีการทดลองที่พิสูจน์ได้ว่า AI จะมีสภาวะจิตเกิดขึ้นจริง
นอกจากเหตุผลด้านเทคโนโลยีที่ยังไม่ถึงระดับนั้น ยังมีเหตุผลสำคัญคือ การระมัดระวังทางจริยธรรม ที่ทำให้การพัฒนา AI ที่มีอารมณ์ ความรู้สึกจริง เป็นไปอย่างจำกัด กรอบจริยธรรมสำคัญของโลก เช่น UNESCO, OECD และกฎหมาย EU AI Act ต่างจัดการการใช้งาน AI ที่อาจส่งผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพ ซึ่งแม้จัไม่ได้ห้ามการวิจัยเรื่องความรู้สึกโดยตรง แต่จะห้ามการใช้งานระบบ AI ที่ใช้เทคนิคการชักจูงจิตใต้สำนึกเพื่อทำให้เกิดอันตราย หรือใช้ประโยชน์จากความเปราะบางของกลุ่มคน หาก AI มีความรู้สึกจริง จะเกิดคำถามทางกฎหมายและจริยธรรมที่ซับซ้อน เช่น เรามีสิทธิ์ปิดมันไหม? ถ้ามันรู้สึกเจ็บจริง เราจะรับผิดชอบอย่างไร? ก็เพราะคำถามเหล่านี้ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน โลกจึงยังไม่กล้าขยับเข้าไปสร้าง AI ที่มีอารมณ์จริงอย่างเต็มรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่เห็นชัดกว่านั้นและใกล้ตัวกว่าคือ งานของมนุษย์จะเปลี่ยนไปทันทีเมื่อ AGI มาถึง นี่ไม่ใช่เรื่องร้อยปีข้างหน้า แต่คือเรื่องไม่กี่ปีข้างหน้า งานจำนวนมากที่เคยคิดว่าเป็นงานที่ต้องใช้มนุษย์ เช่นกฎหมาย การบัญชี การเขียน การวิเคราะห์ธุรกิจ การออกแบบ การสื่อสาร การจัดการ ฯลฯ จะถูกทำได้ เร็วกว่า ถูกกว่า และแม่นกว่า โดย AGI สิ่งที่น่ากลัวคือการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้ค่อย ๆ มา แต่มาแบบสวิตช์เปิด-ปิด ทุกอย่างจะเปลี่ยนในเวลาไม่นาน คนจำนวนมากอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลังโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
แล้วเราจะควบคุม AGI ได้จริงหรือ? แม้ AGI อาจไม่มีอารมณ์ แต่ปัญหาคือมันอาจฉลาดจนเรา อธิบายไม่ได้ว่ามันคิดอย่างไร (The Interpretability Problem) AGI สามารถสร้างแผนการที่มีหลายชั้น และตัดสินใจบางอย่างที่มนุษย์ไม่ทันมองเห็น ความเสี่ยงจึงไม่ได้อยู่ที่มันเกลียดเรา แต่มัน ฉลาดจนมนุษย์ตามไม่ทัน เรื่องนี้ถูกเตือนโดยหน่วยงานด้านความปลอดภัยหลายแห่ง เช่น OpenAI Safety, DeepMind Safety และ Center for AI Safety ที่ย้ำตรงกันว่าปัญหาใหญ่ที่สุดคือ การควบคุมสิ่งที่ฉลาดกว่าเราอย่างมหาศาล
แล้วในโลกที่ AGI ฉลาดขึ้นทุกวัน มนุษย์จะยืนอยู่ตรงไหน? นี่เป็นคำถามสำคัญที่สุดของบทความนี้ ไม่ว่ามุมมองของเราจะเป็นอย่างไร ความจริงคือ AGI จะเปลี่ยนทุกอย่าง ตั้งแต่งานในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงทิศทางการศึกษา การทำธุรกิจ และความมั่นคงของสังคม คนที่ปรับตัวเร็วจะใช้ AGI เป็นพลังเสริม ทำงานได้เร็วขึ้นมหาศาล แต่คนที่ปรับตัวช้าอาจเผชิญแรงสั่นสะเทือนในอาชีพเหมือนพายุที่มาเร็วเกินคาด ท้ายที่สุดแล้ว คำถามว่า AI จะมีอารมณ์ไหม อาจไม่สำคัญเท่า เราจะเตรียมชีวิตอย่างไรในวันที่มันฉลาดกว่าเราในแทบทุกมิติ เพราะแม้ AGI จะไม่มีหัวใจที่เต้น ไม่มีความรู้สึกจากภายใน แต่มันมีสมองที่คำนวณได้เร็วและกว้างในระดับที่มนุษย์ไม่เคยมีมาก่อน และเมื่อวันนั้นมาถึง เราอาจต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับมันแบบที่โลกไม่เคยเจอมาก่อน