เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 5
  พิมพ์  
อ่าน: 8145 แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ สะเทือนกรุง
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 29 มี.ค. 25, 14:38

     คุณม้าเยือกเย็นกับสถานการณ์ที่ชวนให้ขวัญหนีดีฝ่อมากค่ะ    นั่งอยู่จนตึกหายสั่นสะเทือนเลยหรือคะ  ไม่คิดวิ่งลงบันไดหนีไฟเลย หรืออยู่ชั้นสูงเกินกว่าจะวิ่งลงมาทัน
     คนอยู่คอนโดเจอสภาพผนังร้าว ปูนกระเทาะ  ฝ้าเพดานหล่น ฯลฯ ในระดับใกล้เคียงกัน     คุณม้าสติแข็งมากที่กลับไปนอนตามปกติ   มีอยู่มากที่ใจไม่กล้าพอจะเข้าไปนอน
    เมื่อคืนในกรุงเทพน่าจะมีคนนอนไม่หลับหลายล้านคน
     
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2051



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 29 มี.ค. 25, 15:40

ตอนแผ่นดินไหวห้ามวิ่งครับ ถ้ามีอะไรร่วงหล่นลงมาเสี่ยงอันตรายมาก ให้หาที่ปลอดภัยหลบก่อน คิดไม่ออกก็ใต้โต๊ะนี่แหละครับ อย่างน้อยฝ้าถล่มลงมาจะได้ไม่ลงหัว น่ากลัวกว่านั้นบางอาคารกรุผนังทางเดินด้วยแผ่นหินอ่อนหรือแกรนิต ถ้าร่วงลงมาใส่นี่อาจถึงตายได้ครับ

รอจนหยุดไหวค่อยเดินลงทางบันไดหนีไฟครับ

ถามว่ากลัวไหม กลัวสิครับ ได้กลิ่นความตายลอยมาเลยครับ รู้สึกเลยว่าตึกอาจจะถล่มลงมาได้ แต่ผมโชคดีที่เวลากลัวจะใจเย็นตั้งสติได้ครับ

ส่วนเรื่องเข้าไปนอนในคอนโดนี่ ผมประเมินจากสถานการณ์แล้วไม่น่าจะมี after shock ที่รุนแรงไปกว่าเดิม ดูจากข้อมูลของ USGS แล้ว after shock เบาลงมาก ซึ่งธรรมชาติของแผ่นดินไหวรุนแรงขนาดนี้คือน่าปลดปล่อยพลังงานสะสมในรอยเลื่อนออกไปเยอะแล้ว น่าจะจบครับ ประกอบกับสำรวจดูแล้วไม่เจอร่องรอยความเสียหายของโครงสร้าง คิดว่าไม่มีปัญหา เก็บกวาดความเสียหายแล้วทำความสะอาดห้องจนตีสอง กว่าจะอาบน้ำนอนก็สลบเหมือด หลับสบายโดยธรรมชาติครับ

ตอนนี้ผมก็นั่งพิมพ์ชิลๆอยู่ในคอนโดนี่แหละครับ  ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2051



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 29 มี.ค. 25, 15:42

เรื่องการออกเสียงชื่อเมือง Sagaing มีประเด็นที่น่าสนใจในภาษาไทยอยู่

ในภาษาไทยเรามีสระ 21 รูป 32 เสียง แต่ใน 32 เสียงไม่มีสระอาย ซึ่งก็แปลกมาก เพราะสระ ไ และ ใ เป็นสระผสม อะ+ย แต่กรณี อา+ย ที่ต่างกันแค่เป็นเสียงสั้นกับเสียงยาว กลับถูกจัดให้ อา เป็นสระ ส่วน ย เป็นตัวสะกด

ผมคิดว่าต้นเหตุเป็นเพราะในภาษาไทย คำที่เป็นสระอาย(และสระไอหรือใอ)จะไม่มีตัวสะกด ทำให้เราหลงเข้าใจว่า ย (ลดรูป) เป็นตัวสะกด ทั้งที่มันไม่ใช่ครับ มันควรเป็นสระผสม อะ+อิ และ อา+อี


Sagaing เป็นตัวอย่างของคำในภาษาพม่าที่ใช้สระอายแต่มี ง เป็นตัวสะกด ตัวอย่างอื่นๆก็มีเช่นชื่อพระธาตุอินทร์แขวน Kyaiktiyo คำว่า Kyaik มีตัว ก เป็นตัวสะกด หรืออย่างนักแสดงชาวพม่า Daung อันนี้เป็นสระเอา แต่มี ง เป็นตัวสะกด
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 7004


ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 29 มี.ค. 25, 19:59

แผ่นดินไหวตามแนวรอยเลื่อนสะแกงนี้ จัดอยู่ในประเภทที่เกิดขึ้นได้อย่างรุนแรงในระดับ 7 ขึ้นไป ซึ่งหลายๆครั้งที่เกิดขึ้น ได้ทำให้ไทยได้รับผลกระทบค่อนข้างจะรุนแรงจนต้องมีการลงบันทึกเหตุการณ์ไว้ ดังที่พบอยู่ในเอกสารทางประวัติศาสตร์ต่างๆ  แท้จริงแล้วในไทยเราก็มีพื้นที่ๆมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ ซึ่งก็มีจุดกำเนิดอยู่ในพื้นที่นั้นๆ เช่น ในพื้นที่ จ.แพร่ และ จ.เชียงราย หากแต่ทั้งหมดเป็นประเภทแผ่นดินไหวขนาดเล็กที่ไม่ส่งผลเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อความเสียหายทางชีวิตและทรัพย์สิน มีไม่มากครั้งนักที่อาจจะดูรุนแรง

ความรุนแรงของแผ่นดินไหววัดกันที่พลังที่ปล่อยออกมา ณ จุดกำเนิด แต่เมื่อพลังนั้นเคลื่อนห่างออกไปจากจุดกำเนิด ความเข้มข้นของพลังนั้นก็จะค่อยๆลดลง ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็จะค่อยๆลดลงไปตามลำดับ 

ในทางวิชาการเราใช้อัตราเร่ง g ของพื้นดินเป็นตัวบอกพลัง  ในภาพง่ายๆก็คือแรงกระชาก/แรงผลัก (โดยเฉพาะ)ในทางราบและในทางตั้ง ซึ่งก็คือตัวคลื่นแผ่นดินไหว  อาคารต่างๆจะถูกออกแบบให้สามารถทนแรงกระชาก/แรงผลัก ได้ในระดับหนึ่งอย่างพอสมควรตามสภาพสิ่งแวดล้อมธรรมชาติของแต่ละลักษณะพื้นที่ เช่น ลม คลื่น การสั่นสะเทือนของพิ้นดิน...  การออกแบบเพื่อกันเรื่องใดๆมากน้อยเพียงใดก็จะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่มีสะสมมา แข็งแกร่งเกินไปก็แพงโดยใช่เหตุ ในกรณีของการออกแบบเพื่อทนต่อแผ่นดินไหวนั้น ต่างไปจากปกติก็ตรงที่ไม่รู้เลยว่าเมื่อใดมันจะมา จะมาจากทางใหน ใกล้หรือไกล พลังที่จะมาถึงมากน้อยเพียงใด ในรูปใด ลักษณะใด  แต่ก็ยังพอคาดคะเน ประมาณการเอาได้จากข้อมูลเก่าๆที่พอจะมีเก็บสะสมกันมา   
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 7004


ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 29 มี.ค. 25, 20:21

ตั้งแต่แผ่นดินไหวที่มีจุดกำเนิดในพื้นที่ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ซึ่งรู้สึกได้ในกรุงเทพ เมื่อปี 2526  วงการวิศวกรรมของไทยเราได้เริ่มตื่นตัวในการออกแบบ/คำนวนโครงสร้างโดยคำนึงถึงแผ่นดินไหว แต่จะเริ่มมีบทบังคับอย่างจริงตั้งแต่เมื่อใดนั้นไม่ทราบ  มาทราบว่าก็เมื่อเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ว่ามี Building Code ที่ออกเมื่อปี 2550 (?) บนฐานของพลังแผ่นดินไหวขนาด 7 (?)

ก็คงพอเป็นคำตอบได้ว่า อาคารต่างๆก่อนปี 2550 ไม่แน่ว่าทุกแห่งก็มีการก่อสร้างโดยคำนึงถึงภัยแผ่นดินไหว แต่หลังจาก 2550 ไปแล้ว ทุกตึกมีการก่อสร้างที่คำนึงถึงแผ่นดินไหว ส่วนรื่องอาคารใหนดีหรือไม่ดี รับแผ่นดินไหวได้หรือไม่ จึงไปขึ้นอยู่กับเรื่องคุณภาพของวัสดุและการก่อสร้าง
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16057



ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 30 มี.ค. 25, 09:35

สื่อญี่ปุ่นหลายสำนัก วิเคราะห์อาคารสูงในกรุงเทพน่าจะเจอปรากฏการณ์ "การสั่นของคลื่นแผ่นดินไหวคาบยาว" (LPGM - long-period ground motion) ทำให้แผ่นดินไหวที่มีจุดศูนย์กลางในพม่าครั้งนี้ความเสียหายมากขึ้นมาไกลถึงกรุงเทพฯ

ปรากฏการณ์การสั่นของคลื่นแผ่นดินไหวคาบยาว มักเกิดขึ้นเมื่อ ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ตื้น ความรุนแรง (แมกนิจูด) มากกว่า ๗.๐ สามารถไปไกลได้เป็นพันกิโลเมตร และทำความเสียหายในพื้นที่ที่เป็นดินอ่อน ตึกสูง ๑๔-๑๕ ชั้นขึ้นไปมักจะเกิดการสั่นพ้อง (Resonance) กับคลื่นแผ่นดินไหวคาบยาว ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนที่รุนแรงและยาวนาน การที่มีสระน้ำหรือแท็งก์น้ำอยู่บนดาดฟ้าของตึก เป็นการแก้ปัญหาการสั่นพ้องวิธีหนึ่ง เพราะเมื่อคลื่นแผ่นดินไหวมาถึง น้ำบนตึกจะกระเพื่อม ขัดจังหวะการส่ายของตึก

ที่ญี่ปุ่น ตึกสูงส่วนใหญ่จะดีไซน์มาให้โยกซ้ายขวา เพื่อลดทอนความแรงของแผ่นดินไหวไม่ให้ถล่มอยู่แล้ว โอกาสที่จะถล่มค่อนข้างยาก แต่ยิ่งสูงจะยิ่งโยกแรง คนข้างบนอาจจะอาเจียนได้  สำหรับในกรณีของไทย อาคารที่สร้างก่อนปี ๒๕๕๐ ก่อนมีกำหนดมาตรการแผ่นดินไหว อาจจะต้องตรวจสอบดูอีกครั้งว่าตึกกันแผ่นดินไหวได้เท่าไหร่ ส่วนหลังปี ๒๕๕๐ คงต้องไปคอนเฟิร์มกับผู้สร้างว่ากันได้เกิน ๗.๐ ตามกฎหมายใหม่หรือไม่

ข้อมูลจาก กิ๊ฟจัง


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16057



ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 30 มี.ค. 25, 10:35

อ้างถึง
ขณะเกิดแผ่นดินไหวการปฏิบัติตนที่ถูกต้องคืออะไร
๑.ไม่ต้องรอให้หยุดไหวเดี๋ยวรีบเผ่นหนีออกมานอกตึกหรือนอกอาคารให้เร็วที่สุด  หรือ
๒.หลบอยู่ใต้โต๊ะใต้เตียงรอจนมันหยุดไหวแล้วค่อยหนีออกมา

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16057



ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 30 มี.ค. 25, 11:35

ในขณะที่สื่อบ้านเราจะโฟกัสอยู่แต่ความเสียหายในเนื่องมาจากแผ่นดินไหวในไทย  แต่ความจริงแล้วที่พม่า โดยเฉพาะที่เมืองมัณฑะเลย์อันเป็นจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหว มีความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินมากกว่าบ้านเรายิ่งนัก ตัวเลขผู้เสียชีวิตในพม่าอย่างเป็นทางการทะลุ ๑,๐๐๐ รายแล้ว แต่สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งสหรัฐ (USGS - United States Geological Survey) ประเมินว่ายอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้อาจทะลุ ๑๐,๐๐๐ คน

เจส ฟินิกซ์ (Jess Phoenix) นักธรณีวิทยาชาวอเมริกันกล่าวกับสำนักข่าว CNN ว่าเหตุแผ่นดินไหวที่พม่าเมื่อ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๘ ได้ปลดปล่อยพลังงานมหาศาลที่มีขนาดเทียบเท่าการระเบิดของระเบิดปรมาณูกว่า ๓๓๔ ครั้ง เธอยังเตือนด้วยว่า อาฟเตอร์ช็อกยังมีแนวโน้มที่จะเขย่าภูมิภาคนี้ต่อไปอย่างน้อยอีก ๒-๓ เดือนนับจากนี้ เนื่องจากแผ่นเปลือกโลกอินเดียยังคงพุ่งชนกับแผ่นเปลือกโลกยูเรเชียใต้บริเวณของพม่า ที่คาดว่าจะสร้างหายนะให้กับประเทศมากกว่าความรุนแรงจากสงครามภายในของพม่าเสียอีก

ความเสียหายและแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ นอกจากจะเกิดที่ พม่า และ ไทย แล้ว ยังกินบริเวณไปถึง จีน (ยูนนาน) เวียดนาม กัมพูชา ลาว มาเลเซีย บังคลาเทศ และอินเดีย

บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 7004


ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 30 มี.ค. 25, 19:33

มีการกล่าวถึงว่าใต้ผืนดินกรุงเทพฯเป็นดินเหนียว แล้วจะรับน้ำหนักอาคารได้อย่างไร

คำว่า Bangkok clay และ ใต้ผืนดินกรุงเทพเป็นดินเหนียว ดูจะเป็นต้นตอของคำที่สื่อความให้เข้าใจผิด ทั้งสองคำนี้เป็นเพียงชื่อเรียกในภาพรวมๆของชั้นตะกอนดินทรายชั้นบนสุดซึ่งเป็นดินอ่อน (soft clay) หนาประมาณ 10+ เมตร  ลึกต่อลงไปจะเป็นชั้นที่ดินมีความแข็งมากขึ้นจนถึงระดับประมาณ 25+ เมตร  ลึกต่อลงไปอีกจนถึงระดับประมาณ 50 เมตร ก็จะเป็นชั้นทราย   พวกอาคารสูงๆจะใช้เสาเข็มลงไปวางอยู่ในชั้นทราย บ้านเรือนต่างๆก็จะวางเสาเข็มอยู่ในระดับลึกประมาณ 20+/- เมตร  บ้านจัดสรรสมัยก่อนดูจะใช้เสาเข็มไม้ยาวประมาณ 8 เมตร   

เอาเป็นว่า หากการลงเสาเข็มมีความถูกต้อง ก็เชื่อได้ว่าอาคารนั้นๆก็จะมีความแข็งแรงสามารถรองรับเงื่อนไขตามที่ได้ออกแบบตอบสนองไว้
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16057



ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 31 มี.ค. 25, 09:35

โลกเราเกิดแผ่นดินไหวทุกวัน วันละหลาย ๆ ครั้ง ทั่วโลก เราสามารถหาสถิติการเกิดแผ่นดินไหวย้อนหลังได้ ๓๐ วัน จากเว็บของ สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งสหรัฐ (USGS)

ภาพแสดงสถิติแผ่นดินไหว เรียงลำดับความรุนแรงจากมากไปหาน้อยลงภายใน  ๗ วันที่ผ่านมา (๒๔-๓๐ มีนาคม ๒๐๒๕)


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16057



ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 31 มี.ค. 25, 12:35

มัณฑะเลย์วิปโยค


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 31 มี.ค. 25, 17:28

  วันแรกของสัปดาห์ใหม่ ชาวกรุงเทพก็ยังไม่หายขวัญเสียจากแผ่นดินไหว   เมื่อประสบว่าอาคารหลายแห่งเกิดสั่นไหวขึ้นมา  จะสั่นมากสั่นน้อยก็แล้วแต่   มันก็สั่นละ    ผู้คนที่ทำงานอยู่ก็ต้องอพยพกันลงมา   บางแห่งก็ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้  หรือทำงานจากบ้านไปเลยตลอดสัปดาห์
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16057



ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 31 มี.ค. 25, 18:35

แปลกใจไหมว่า การรายงานความรุนแรงของแผ่นดินไหวที่มีศูนย์กลางที่มัณฑะเลย์เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๘ มีอยู่ ๒ ตัวเลข

อาจารย์ลอย ชุนพงษ์ทอง อธิบายดังนี้

กรมอุตุนิยมวิทยา ยังวัดความรุนแรงของแผ่นดินไหวเป็น "ริกเตอร์" เช่น แผ่นดินไหววันนี้บอก ๘.๒ ซึ่งนักธรณีวิทยาไม่ใช้มาร่วม ๒๐ ปี แล้ว นิยมใช้ M เช่น แผ่นดินไหววันนี้ ๗.๗

ผมต้องอธิบายพื้นฐานก่อนว่า  หน่วยมาตราวัดที่นิยมใช้ มี ๒ กลุ่ม

๑. มาตราแมกนิจูด (Magnitude Scales)  วัดที่ศูนย์กลางเปะ
   - มาตราริกเตอร์ (Richter scale)
     วัดขนาดแผ่นดินไหวจากพลังงานที่ปล่อยออกมา โดยใช้ข้อมูลจากเครื่องวัดคลื่นแผ่นดินไหว (seismograph) เหมาะสำหรับแผ่นดินไหวขนาดเล็กถึงกลางในระยะใกล้  แบบนี้ ไม่แม่นยำสำหรับแผ่นดินไหวใหญ่ (เกิน ๗.๐) หรือระยะไกล  กรณีของวันที่ ๒๘ มีนาคม วัดได้ ๘.๒
   - โมเมนต์แมกนิจูด (Moment Magnitude Scale: Mw)  
     วัดจากพลังงานที่ปล่อยออกมาทั้งหมด (โมเมนต์ความเค้น) คำนวณจากพื้นที่รอยเลื่อนที่เคลื่อนตัวและความแข็งของหิน  แบบนี้ แม่นยำสำหรับแผ่นดินไหวทุกระดับ ใช้โดยนักแผ่นดินไหววิทยาสมัยใหม่  กรณีของวันที่ ๒๘ มีนาคมวัดได้ ๗.๗

๒. มาตราเมอร์แคลลี (Mercalli Intensity Scale) ในแต่ละเมือง
    วัดความรุนแรงที่ผู้คนรู้สึกและความเสียหาย ในพื้นที่ต่าง ๆ (แบ่งเป็นระดับ I–XII) ขึ้นกับระยะห่างจากศูนย์กลาง, ความลึกของแผ่นดินไหว, และสภาพดินในพื้นที่  แบบนี้วัดความเสียหายได้ดีที่สุด กรณีของวันที่ ๒๘ มีนาคม  ที่กรุงเทพฯ MI น่าอยู่ที่ V ระดับห้า

โมเมนต์แมกนิจูด (Mw) เป็นมาตรฐานในการรายงานขนาดแผ่นดินไหว ส่วน เมอร์แคลลี ใช้อธิบายผลกระทบในแต่ละพื้นที่

ระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหว ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๘ ตามมาตรา MMI (Modified Mercalli Intensity scale) ข้อมูลโดย USGS


บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 7004


ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 31 มี.ค. 25, 20:00

มี Mercalli Intensity Scale,  มี Modified Mercalli Intensity Scale,  มี Japan Meteorological Agency Seismic Scale (JMA Seismic Intensity Scale)  จะมีอื่นๆอีกหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ จำได้ว่าก็มีอยู่แต่นึกไม่ออกเลยครับ

ผู้คนส่วนมากจะสนใจต้วเลข Magnitude แล้วจินตนาการไปถึงพลังอำนาจ ณ จุดที่มันแผลงฤทธิ์ออกมา แท้จริงแล้วความน่าสนใจน่าจะไปอยู่ที่ระดับของความดุดันที่มันแผ่กระจายออกไปที่เป็นหลักฐานปรากฎให้เห็น เพื่อที่จะได้สามารถจัดการให้ความช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสมให้กับพื้นที่ๆได้รับผลกระทบที่มีลักษณะทางธรณ๊ต่างกัน

อาคารบ้านเรือนอย่างเดียวกัน ตั้งอยู่บนพื้นที่ๆมีลักษณะทางกายภาพใต้ผืนดินต่างกัน จะได้รับผลกระทบ(ความเสียหาย)มากน้อยต่างกัน  ญี่ปุ่นก็เลยมีการพัฒนา scale สำหรับใช้รับมือกับสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศของตนเอง   
บันทึกการเข้า
kui045
ชมพูพาน
***
ตอบ: 118


ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 31 มี.ค. 25, 21:27

ย้อนไปวันศุกร์  ขณะเกิดเหตุ
กำลังทำงานงานอยู่หน้าคอนพิวเตอร์ในสำนักงาน(อาคารสูง) ย่านปากเกร็ด อันที่จริงสติยังกลับมาไม่เต็มร้อยนัก จากการงีบหลับกลางวัน ยังไม่ทันได้ชงกาแฟร้อนดิ่มช่วงบ่าย
ขณะทำงานอยู่ รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน จึงละสายตาจากหน้าจอ มองได้ด้านหน้า ใต้ฝ้าเพดานจะมีป้ายห้อยอยู่ โดยมีสายโซ่/เชื่อกยึดจากฝ้าเพดาน
สังเกตุเห็นป้ายแกว่งซ้าย-ขวา ก็รับรู้ได้ทันทีว่าคงเป็นแผ่นดินไหว แน่นอน ละสายตาจากป้ายแขวน หันมามองเพื่อนร่วมงานที่นั่งข้างๆ ถัดได้
เขาก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน เช่นกัน เช่นนั่แล้วจึงมั่นใจได้ว่า เป็นแผ่นดินไหว ไม่ใช่อาการเมา วูบ ้บ้านหมุน
ได้พูด กันว่า แผ่นดินไหว รู้สึกเหมือนกัน ใช่ไหม /เมื่อต่างคน ต่างรับรู้ก็เป็นอันจบ
ระลอกแรกผ่านไป เพียงอึดใจ ช่่วงหายใจเข้าออก ระลอกสองก็ตามมา เบาๆ คราวนี็ก็ไม่ได้ตื่นเต้นตกใจเท่าไร
เพราะพอทราบมาว่า ระลอกแรกจะแรงที่สุด ละลอกถัดมาก็จะเบาลง
ระลอก ผ่านมา ผ่านไปอย่างเบาๆ และไว ก็นั่งทำงานปกติ
นึกว่าจบ หมดแล้ว ก็ทำงานต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สักพักที่นี่ล่ะ ระลอก 3 มา รู้สึกว่าแรงกว่าระลอกแรกอีก
คราวนี่เริ่มตะหนัก ถึงความผิดปกติ แล้ว ก็เรื่มเตรียมตัวรับ มือ ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ในขณะที่เพิ่อนร่วมงานคนออื่น ตะหนกตกใจ เรื่มมีเสียงร้อง เริ่มเก็บออก เดินออกจากอาคาร
ในขณะทีผมยังใจเย็น หยิบมือถือมาถ่ายคลิปภาพเคลื่อนไหวของของป้ายแขวน และบรรยากาศแตกตื่นตกใจอของเพื่อนร่วมงาน อีกร่วม 2 นาที มียังคงมีแผ่นดินไหว
ก่อนที่เก็บของปิดคอนพิวเตอร์เดินลง บันไดหนีไฟจากชั้น 16 ลงไปพื้นดินด้านล่าง
ปล. ในความรู้สึก ระลอกทั้ง 3 ห่างกันไม่เกิน 1 นาที
วันถัดมา หาข่าวเพิ่มเติม จึงรู้าว่า เกิดเหตุที่ พม่าช่วง 13.20 น. แต่กทม.รับรู้ เวลา 13.24-13.25 น
คิดคร่าวๆ คลื่นสะเทือนใต้ดดิน เดินทาง ร่วม 1000 กม.ในเวลา 5 นาที
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 5
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.046 วินาที กับ 19 คำสั่ง