เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41269
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ตอนนี้ นิยาย "วาย" ละคร" วาย" เป็นกระแสอยู่ในสังคม จึงอยากจะเล่าถึงบทกวีของอภิมหากวี วิลเลียม เชกสเปียร์ ที่มีนักวิชาการวรรณคดีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะเป็นเรื่องของ"วาย" (ชายรักชาย) ได้เช่นกัน
บทกวีดังกล่าวไม่ใช่บทละคร อย่างที่เรารู้จักกัน แต่เป็นบทกวีนิพนธ์ประเภท sonnet
sonnet คืออะไร อธิบายสั้นที่สุดคือบทกวีประเภทหนึ่ง แต่ละบทมีอยู่ 14 บรรทุัด แต่ละบรรทัดมี 10 คำ และกำหนดสัมผัสตายตัว ตามแบบของตัวเอง
เชกสเปียร์เขียน sonnets ไว้ไม่มากนัก เป็นบทสั้นๆบ้าง ยาวๆบ้าง บทที่ก่อให้เกิดการถกเถียงและตีความมากที่สุด มีอยู่ 2 หัวข้อด้วยกัน คือ The Dark Lady และ The Fair Youth เรื่องหลังนี่ละค่ะเป็นที่มาของกระทู้นี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41269
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 29 มี.ค. 25, 10:11
|
|
สมัยนั้นก็คล้ายๆกับสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นของเรา คือบทกวีส่วนใหญ่แต่งขึ้นเพื่อโชว์ฝีมือของผู้แต่งเสียมากกว่า ไม่ได้ผลิตเพื่อจำหน่าย เช่น แต่งรำพึงรำพันถึงคนรัก (นิราศ) หรือแต่งเพื่ออุทิศให้ผู้มีอุปการคุณ(เพลงยาวถวายโอวาท) ซอนเนทในสมัยเชกสเปียร์แต่งขึ้น ไม่ใช่เพื่อเอาไว้ตีพิมพ์จำหน่าย แต่เป็นการส่งสารถึงคนที่นับถือหรือชอบพอ หรือแสดงฝีมือให้เห็นกัน เพราะเป็นบทกวีที่แต่งยาก ใครแต่งได้ถือว่าเก่ง ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะส่วนตัว อาจจะบรรยายอะไรๆหลายอย่างที่ไม่มีในชิ้นงานที่ผลิตเพื่อสาธารณชน อย่างซอนเนทที่จะเล่านี้ จึงถูกมองว่าเป็นการเปิดเผยความในใจของเชกสเปียร์อยู่มาก อย่างที่ไม่อาจพบได้ในบทละคร ซอนเนททั้งหมดมี 154 บท ในจำนวนนี้มีกลุ่มหนึ่งจำนวน 126 บท จัดเข้ากลุ่มเดียวกันได้ ว่าเป็นการส่งสารเจาะจงถึงหนุ่มน้อยผู้หนึ่ง ไม่มีการระบุชื่อว่าเป็นใคร แต่พรรณนาว่าเป็นหนุ่มที่รูปงามมาก รูปโฉมเขาผสมผสานกันทั้งความสง่าของบุรุษเพศและความสวยของสตรีเพศ นอกจากนี้ยังมีความดีงามน่ายกย่องอีกด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41269
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 29 มี.ค. 25, 10:31
|
|
ในบทกวี ไม่มีการระบุชื่อว่าหนุ่มน้อยผู้นี้คือใคร แต่มีข้อความระบุว่า ซอนเนทเหล่านี้ผู้แต่งขออุทิศให้ Mr. W.H. สั้นๆแค่นั้น แต่ก็ทำให้บรรดาช่างขุดวรรณกรรมทั้งหลายพากันขุดเจาะสำรวจเป็นการใหญ่ว่า ในยุคของเชกสเปียร์ มีผู้ชายคนไหนน่าจะเข้าล็อก Mr. W.H. ผลก็คือ ได้รายชื่อเข้ารอบสุดท้าย มา 2 ชื่อ คือ 1 เฮนรี ริสลีย์(Henry Wriothesley) ผู้ต่อมาดำรงบรรดาศักดิ์ The Earl of Southampton, เป็นผู้อุปถัมภ์ของคณะละคร และเป็นเพื่อนคุ้นเคยกันของเชกสเปียร์ด้วย (ภาพซ้าย) 1 วิลเลียม เฮอร์เบิร์ต (William Herbert) ผู้ต่อมาดำรงบรรดาศักดิ์ The Earl of Pembroke เป็นผู้อุปถัมภ์อีกผู้หนึ่งของคณะละครของเชกสเปียร์ (ภาพขวา)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41269
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 01 เม.ย. 25, 17:08
|
|
คำว่า Fair มีได้หลายความหมาย แปลว่า ยุติธรรม ก็ได้ คงเคยได้ยินคนไทยพูดว่า "เรื่องนี้มันไม่แฟร์" นี่คือความหมายแรก ความหมายที่สอง ใช้กับฝรั่ง ทั้งหญิงและชาย คือผู้ที่มีผิวขาว ผมสีทอง (ดวงตาก็มักจะสีฟ้าด้วย) เหมือนอย่างพวกยุโรปทางเหนือ fair woman หมายถึงสาวผมทองผิวขาว ถ้าเป็นสาวสเปนหรืออิตาเลียนผมดำผิวสีมะกอก(น้ำตาลอมแดง) ต่อให้สวยขนาดไหนก็ไม่ใช้คำประกอบว่า fair ความหมายที่สาม หมายถึงรูปโฉมที่งดงาม มักใช้กับผู้หญิง ราชินีใจร้าย แม่เลี้ยงของสโนไวท์ ถามกระจกวิเศษ ว่า "Mirror mirror on the wall, who is the fairest of them all" นางหมายถึงว่าในอาณาจักร ผู้หญิงคนไหนมีรูปโฉมงดงามที่สุด คืองามเกินหน้านางได้ ไม่ได้หมายถึงประชาชนชายหญิงทั้งหมด เพราะฉะนั้นเจ้าชายของสโนไวท์ก็ไม่อยู่ในข่ายนี้ เจ้ากระจกวิเศษก็รู้ จึงตอบว่าสโนไวท์ แต่คำว่าfair ก็ไม่ได้ผูกขาดว่าต้องเป็นสตรีเพศเท่านั้น เพราะบุรุษก็งามได้เหมือนกัน ดังเช่นกวีไทยก็เคยใข้คำว่า โฉมยง โสภา กับตัวละครชายแท้ อย่างเมื่ออิเหนามาเห็นศพของวิหยาสะกำที่เสียชีวิตในการรบ กวีบรรยายว่า มาเห็นศพทอดทิ้งกลิ้งอยู่ พระพินิจพิศดูแล้วใจหาย หนุ่มน้อยโสภาน่าเสียดาย ควรจะนับว่าชายโฉมยง
ดังนั้น The Fair Youth ในซอนเนทของเชกสเปียร์ จึงหมายถึง "หนุ่มน้อยโสภา" ตามการใช้ภาษาในสมัยนั้น ไม่ได้หมายถึงคนผิวขาวผมทอง ทั้งริสลีย์และเพมโบรคไม่ได้มีผมสีทองทั้งคู่ แต่ความหล่อเหลาเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาในวัยหนุ่ม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41269
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 02 เม.ย. 25, 19:06
|
|
เข้าสู่เรื่องเสียที ในบรรดาซอนเนท 154 บท มี 126 บทมีใจความสอดคล้องกัน คือเชกสเปียร์เขียนถึงชายหนุ่มผู้หนึ่ง ที่ระบุว่าเขาน่าจะอยู่ในวัยประมาณ 20-25 ปี เป็นวัยที่เหมาะสมจะแต่งงานแล้ว กวีบรรยายว่าเป็นชายหนุ่ม ไม่ใช่แค่หน้าตาดีธรรมดาๆ แต่มีรูปงามยากจะหาใครเทียบ เป็นชายที่ทรงโฉมทั้งแบบบุรุษและสตรีในคนเดียวกัน และยังเป็นคนที่มีคุณสมบัติดีงาม หาข้อด่างพร้อยมิได้ ความรู้สึกที่กวีมีต่อหนุ่มรูปงามคนนี้ มีทั้งรัก ชื่นชมบูชา ยกย่องสรรเสริญ เริ่มด้วยคำพรรณนาเกลี้ยกล่อมว่า เขาผู้นี้ควรจะเข้าสู่การสมรสได้แล้ว เพื่อจะได้มีทายาทสืบต่อความงามจากบิดาต่อไป โดยไม่ต้องสิ้นสุดแค่ผู้เป็นพ่อเพียงคนเดียว จึงสรุปได้ว่า หนุ่มคนนี้เป็นผู้ดีมีตระกูล จึงเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติตามที่ถูกพรรณนามา แต่จะด้วยอะไรก็ตาม เจ้าตัวยังเป็นโสด และไม่ได้หมายตาหญิงใดไว้ กวีจึงเกลี้ยกล่อมชักจูงว่าควรจะมีครอบครัวได้แล้ว เหตุผลก็ไม่ค่อยจะหาเจอนักในหมู่เพศชาย คือจะได้มีลูกชายไว้สืบทอดความหล่อเหลาจากพ่อต่อไป อย่าให้ความงามที่มีนั้นสูญเปล่าไปเพราะตายไปโดยไม่มีทายาท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปัญจมา
อสุรผัด

ตอบ: 247
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 03 เม.ย. 25, 11:11
|
|
ในบทกวี ไม่มีการระบุชื่อว่าหนุ่มน้อยผู้นี้คือใคร แต่มีข้อความระบุว่า ซอนเนทเหล่านี้ผู้แต่งขออุทิศให้ Mr. W.H. สั้นๆแค่นั้น แต่ก็ทำให้บรรดาช่างขุดวรรณกรรมทั้งหลายพากันขุดเจาะสำรวจเป็นการใหญ่ว่า ในยุคของเชกสเปียร์ มีผู้ชายคนไหนน่าจะเข้าล็อก Mr. W.H. ผลก็คือ ได้รายชื่อเข้ารอบสุดท้าย มา 2 ชื่อ คือ 1 เฮนรี ริสลีย์(Henry Wriothesley) ผู้ต่อมาดำรงบรรดาศักดิ์ The Earl of Southampton, เป็นผู้อุปถัมภ์ของคณะละคร และเป็นเพื่อนคุ้นเคยกันของเชกสเปียร์ด้วย (ภาพซ้าย) 1 วิลเลียม เฮอร์เบิร์ต (William Herbert) ผู้ต่อมาดำรงบรรดาศักดิ์ The Earl of Pembroke เป็นผู้อุปถัมภ์อีกผู้หนึ่งของคณะละครของเชกสเปียร์ (ภาพขวา)
หนูเห็นมีอีกทฤษฎีหนึ่งที่บอกว่า W.H. อาจหมายถึง William Hart ลูกชายคนโตของน้องสาวเชกสเปียร์ Joan Shakespeare Hart ซึ่งเกิด 4 ปีหลังจากที่ลูกชายของเชกสเปียร์เองเสียชีวิตไป โดยมีคนชี้ไปที่ Procreation sonnets ว่าเป็นคำสอนว่าด้วยการครองคู่และการเป็นพ่อที่เชกสเปียร์เขียนให้หลานชาย เพราะตัวเขาเองไม่มีลูกชายที่จะให้พร่ำสอน อันนี้ไม่ทราบมีมูลไหมคะอาจารย์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41269
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 03 เม.ย. 25, 19:08
|
|
ดีใจที่คุณปัญจมาเข้ามาร่วมวงคุยอีกคนค่ะ ไม่งั้นมีแต่คุณหมอ SILA กับดิฉันส่งเสียงกันอยู่ 2 คน ห้องออกจะเหงา
ใช่ค่ะ มีทฤษฎีหนึ่ง สันนิษฐานว่า หนุ่มน้อยเจ้าของชื่อย่อปริศนาว่า W.H. อาจหมายถึง William Hart หลานชายของเชกสเปียร์ก็ได้ ซอนเนทที่คุณปู่เขียนถึง W.H. อาจเป็นสารที่ลุงเขียนถึงหลานชาย รำพึงรำพันความรู้สึกนึกคิดต่างๆ เพราะคุณปู่ไม่มีบุตรชายเหลืออยู่นับแต่แฮมเน็ต ลูกชายคนเดียวตายไปเมื่ออายุแค่ 11 ขวบ แต่ทฤษฎีนี้ออกจะน้ำหนักเบาโหวงกว่าทฤษฎีอื่นๆ เพราะนอกจากชื่อย่อของหลานชายแล้ว ไม่มีสิ่งใดอื่นที่ยืนยันได้ว่า William Hart คือ The Fair Youth ในบทโคลง 126 บท มาเล่าถึงหลานชายผู้นี้บ้าง แม้ว่าเป็นหลานบุคคลมีชื่อเสียงอย่างเชกสเปียร์ แต่หลักฐานเกี่ยวกับวิลเลียม ฮาร์ต แทบไม่มีให้รู้กัน เรารู้เพียงว่าเขาเกิดเมื่อปี 1600 ตายเมื่อปี 1639 ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีลูกหลานสืบเชื้อสาย แม้แต่หลักฐานว่าแต่งงานหรือไม่ก็ไม่มีมายืนยัน เรารู้แต่ว่าเขาเกิดที่สแตรทฟอร์ด อพอน เอวอน เมืองเกิดของลุง อยู่ในเมืองมาตลอดจนถึงแก่กรรม ประกอบอาชีพอะไรก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน สรุปว่าที่ชื่อเขายังเป็นที่รู้จักจนปัจจุบันก็เพราะเป็นหลานชายของลุงเท่านั้นเอง ดังนั้น ถ้าดูจากประวัติของเชกสเปียร์ เขาทิ้งบ้านเกิดที่อยู่ห่างลอนดอนนับ 100 ไมล์มาอยู่เมืองหลวง ก่อนหลานชายเกิดตั้งนาน หลานชายอยู่ที่โน่น ลุงอยู่ทางนี้ กว่าจะโยกย้ายกลับภูมิลำเนาก็เมื่อเกษียณตัวเองจากงาน ลุงกับหลานก็ไม่นา่จะมีโอกาสสนิทกัน ถึงขั้นลุงลงทุนแต่งโคลงกลอนยากๆ ตั้ง 126 บทให้หลานชาย ซ้ำเมื่อลุงตาย ก็ไม่ได้ทำพินัยกรรมยกมรดกให้หลานชายแม้แต่สตางค์เดียว ทั้งนี้ไม่ต้องรวมถึงเนื้อหาในซอนเนท ที่เอ่ยอ้างถึงความสนิทชิดเชื้อ ชื่นชมบูชาที่กวีมีต่อหนุ่มรูปงามผู้นี้ รวมทั้งอารมณ์หึงหวง รักโรแมนติก ชนิดที่ถ้าแยกบางบทออกมาเดี่ยวๆแล้ว ก็เหมือนกวีเขียนถึงนางผู้เป็นที่รัก มันไม่มีตรงไหนแสดงความรู้สึกเมตตาอารีอย่างที่ลุงพึงมีต่อหลาน หลักฐานหนักแน่นที่สุดที่มีคือชื่อย่อของหลานชาย W.H. ไปตรงกับชื่อย่อของบุรุษลึกลับที่กวีเขียนอุุทิศถึง แต่ถ้าจะเอาแต่ช่ื่อย่อเป็นหลักฐานอย่างเดียว ในลอนดอน ชายหนุ่มที่มีชื่อและนามสกุล W.H. หรือ H.W.(ถ้าเอานามสกุลขึ้นก่อน) น่าจะมีหลายพันคนในสมัยนั้น แม้แต่ในสแตรทฟอร์ด ก็น่าจะมีนับร้อย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปัญจมา
อสุรผัด

ตอบ: 247
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 04 เม.ย. 25, 06:50
|
|
แล้วที่บางทฤษฎีบอกว่า Sonnets เป็น fiction สิ่งที่เชกสเปียร์บรรยายจึงอาจจะไม่ใช่ความรู้สึกของตัวเองล่ะคะ อาจารย์ ส่วนอันนี้ https://en.wikipedia.org/wiki/The_Portrait_of_Mr._W._H. อ่านแล้วเห็นที่มาของพล็อตหนังเรื่อง Shakespeare in Love ขึ้นมารำไร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41269
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 04 เม.ย. 25, 09:31
|
|
เข้าไปตามลิ้งค์ที่คุณปัญจมาพิมพ์มาให้ ปรากฏว่าไม่มี ได้คำตอบมาอย่างนี้ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41269
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 04 เม.ย. 25, 09:46
|
|
ไปค้นต่อ เจอคำตอบว่า เรื่อง "The Portrait of Mr. W. H." เป็นเรื่องแต่งค่ะ ไม่ใช่เรื่องจริง ผู้แต่งคือ Oscar Wilde นักเขียนและนักเขียนบทละครชื่อดังของอังกฤษเมื่อศตวรรษที่ 19 ส่วนทฤษฎีที่ว่า เชกสเปียร์ เขียน Sonnets เป็น fiction หรือเรื่องสมมุติขึ้น ก็เป็นหนึ่งในทฤษฎีที่นักวิชาการกล่าวถึงกันมาก โดยเฉพาะเมื่อหาหลักฐานไม่ได้ว่า W.H. เป็นใครกันแน่ หลายคนก็เลยวิเคราะห์ว่า การที่กวีทั้งหลายในโลก ไม่ใช่เฉพาะคุณปู่เชกคนเดียว พร่ำพรรณนาถึงใครคนหนึ่งในบทกวี ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องหมายถึงคนจริงๆมีตัวตนเสมอไป หรือหมายความว่าความสัมพันธ์นั้นเกิดขึ้นจริงแน่ๆ เพราะจินตนาการของกวีย่อมมีไม่จำกัดขอบเขต จะเขียนอะไรสมมุติอะไรล้วนเป็นสิทธิ์ประจำบทบาทกวี ที่อาชีพอื่นไม่อาจทำได้ ในเมื่อเชกสเปียร์ไม่ได้แสดงหลักฐานว่า เขา(หรือนาง) ในซอนเนท ผู้นั้นมีตัวจริงอยู่ในสำมะโนประชากรสมัยนั้น นักวิชาการก็ย่อมมีสิทธิ์ตีความได้ว่า เป็นบุคคลในจินตนาการล้วนๆ ก็เป็นได้ วงเล็บว่า พวกคุณไม่ต้องคิดให้มากไป ปวดหัวเปล่าๆ ลักษณะนี้เกิดได้ทั่วโลก ไทยเราก็มี อย่างสุนทรภู่รำพันถึงความพิศวาสที่มีต่อ "โฉมเทพธิดามิ่งมารศรี" ในเรื่อง "รำพันพิิลาป" อ่านแล้วก็ชวนให้คิดว่าท่านหมายถึงกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ผู้เป็นองค์อุปัฏฐากสุนทรภู่สมัยบวชอยู่ที่วัดเทพธิดาราม แต่เราก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองจะมีความสัมพันธ์ต่อกัน เรื่องพรรค์นี้แม้แต่หลุดปากออกไป หัวก็ขาดแน่นอนแล้ว สุนทรภู่จึงออกตัวไว้ว่า "นักเลงกลอนนอนฝันเป็นสันดาน" ในตอนท้ายเรื่อง ให้ประจักษ์ว่าท่านจินตนาการไปเอง นักเลงกลอนอย่างเชกสเปียร์ จะนอนฝันเป็นสันดานอีกคน ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นไปไม่ได้ค่ะ แต่ถ้าสรุปอย่างนี้แล้ว นักวิชาการทั้งหลายก็จะถอนใจว่า...งั้นก็ไม่ต้องเล่าต้องเรียนกันแล้ว อะไรๆมันก็ลงเอยแบบนี้ได้ทั้งนั้นละ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
ปัญจมา
อสุรผัด

ตอบ: 247
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 04 เม.ย. 25, 11:00
|
|
ที่เอามาอ้างถึงก็เพราะว่าเมื่ออ่านลงไปเรื่อยๆ จะเจอพล็อตหนัง Shakespeare in love อย่างที่บอกน่ะค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปัญจมา
อสุรผัด

ตอบ: 247
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 04 เม.ย. 25, 11:06
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 04 เม.ย. 25, 11:24
|
|
ใช้เวลานานกว่าชั่วโมง ครับ กว่าจะเขียนได้เท่านี้
เท่าที่อ่านร้อยกรองท่านเชกบางบทแบบมีคำอธิบาย เห็นได้ชัดถึงความหมายไม่ต้องตีความอย่างพ่อค้าเวนิส แต่ ประเด็นที่ไม่คิดว่าจะคลี่คลายได้เลยคือ ใครคือคนรำพึงในบทกวี(มีตัวจริงหรือจินตนาการ) และ รำพันถึงใครในกรณีมีตัวจริง ผ่านตาว่า ความสัมพันธ์ช-ช สมัยนั้นคือความผิด โทษรุนแรง แต่ บันทึกคำตัดสินผู้กระทำผิด(ถ้าเห็นไม่ผิด) คือ น้อย อาจจะแปลว่า พฤติกรรมนั้นเป็นเฉพาะบางคน แน่นอน,ทำกันอย่างปกปิด,จับไม่ได้ แต่ก็มีบันทึกถึงความนิยมแนวนี้ว่า มีมาช้านาน ในกลุ่มชายชั้นล่างที่อาศัยอยู่ร่วมกัน, เด็กชายในรร. และในชนชั้นสูงถึงระดับ พระเจ้าเจมส์ที่หนึ่ง(ครองราชย์ต่อจากควีนอลิซเบธ)ก็ทรงมี ทั้งลูกชาย, ลูกสวาท catamite และชายคนโปรด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 04 เม.ย. 25, 11:27
|
|
เรื่องนี้คงเป็นปริศนาต่อไป แม้มี AI ก็ไม่มีคำเฉลย"แน่นอน",
เขียนบทละครมามากมาย, ท่านเชกเขียนงานทดลอง(ท้าทายกฎหมาย,สังคม) แนวนี้ แล้วพบว่า เขียนออกมาได้ลื่นไหลไกลเกินคาดคิด, จากไม่รู้ตัวเริ่มพบตัวเอง, จนผลิตงานออกมาได้มากมายนับร้อยบท ท่านเชกมีรักเร้นกับลูกสวาทไม่อาจเปิดเผย รักมากจนต้องระบายออกเป็นบทกวีนับร้อยบท ท่านเชกแต่งร้อยกรองนี้ สำหรับนักอ่านที่ชื่นชอบแนวนี้ให้อ่านกันเฉพาะกลุ่ม onlyfans ท่านเชกแต่งเพื่อสนองสุนทรีย"นิยม" ของผู้อุปถัมภ์ ฯ
งานนี้สะกดว่า SHAKE-SPEARES
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|