naitang
|
ตั้งกระทู้มาสนทนากันเรื่องของคนแก่ ครับ เชื่อว่าหลายท่านสมาชิกกำลังอยู่ในวัยนี้ ครับ
ศัพท์ในกลุ่มความหมายของคำว่า 'คนแก่' นี้ มีอยู่หลายคำ ที่นึกออกก็มี เช่น ผู้เฒ่า วัยแก่ วัยชรา ผูู้สูงอายุ ผู้สูงวัย รวมถึงคำว่า ลุง ป้า ปู่ ย่า ตา ยาย ทวด เทียด ซึ่งแม้จะให้ความหมายในเชิงองค์รวมที่ไม่ต่างกันนัก แต่กลับมีความต่างกันที่ค่อนข้างจะชัดในเชิงของรูปธรรม นามธรรม จิตสำนึก และวิธีการใช้ การผูกกับความ/ข้อความในคำพูด ภาษา หรือเรื่องราวที่แสดงออกมา
ดูเหมือนว่าฝรั่งจะมีศัพท์ที่ใช้ในเรื่องนี้ไม่มากเท่ากับที่ใช้ในภาษาไทยของเรา ซึ่งก็น่าจะพอเป็นสิ่งที่บ่งชี้ถึงลักษณะพื้นฐานทางด้านจิตใจของผู้คนในสังคมไทย (ซึ่งก็น่าจะเป็นวงกว้างครอบคลุมผู้คนในสังคมของคนที่ใช้ภาษาในกลุ่มภาษาไท-กะได ??)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 05 มี.ค. 25, 20:05
|
|
ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อยว่า จะเห็นพ้องตรงกันในนิยามของคำเหล่านั้นเหมือนๆกันมากน้อยเพียงใด กระทั่งตัวเองผู้มีอายุนั้นๆก็ตาม บ้างก็ใช้ตัวเลขอายุ บ้างก็ใช้ลักษณะรูปร่าง บ้างก็ใช้ความสามารถทางการรับรู้ บ้างก็ใช้ความสามารถในการแสดงออก ฯลฯ
กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาเพื่อจะพยายามล้วงลึกเข้าไปในเรื่องของคนแก่กัน ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41293
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 05 มี.ค. 25, 21:34
|
|
เข้ามาสวัสดีคุณตั้งค่ะ หายหน้าไปนานทีเดียว ขอแถมอีก 2 คำ คือวัยดึก กับวัยตกกระ(ซึ่งเคยเป็นชื่อภาพยนตร์ไทย)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภศุสรร อมร
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 06 มี.ค. 25, 10:03
|
|
ขอเติมคำว่า ปัจฉิมวัยด้วยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
unicorn9u
มัจฉานุ
 
ตอบ: 99
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 06 มี.ค. 25, 10:53
|
|
ไม้ใกล้ฝั่ง เข้ามารออ่านครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 06 มี.ค. 25, 11:35
|
|
"คนแก่" ควรจะนับตั้งแต่อายุเท่าไรหนอ❓ ๖๐-๗๐-๘๐-๙๐ หรือ ๑๐๐ ปี
ทำความรู้จัก "ศูนย์ศตวรรษิกชน"
คำเรียกช่วงอายุของคนในรอบสิบปีทั้งหมดนี้ ทุกคำปรากฏอยู่ในหนังสือ ศัพทานุกรม การวิจัยทางประชากรและสังคม ฉบับปี ๒๕๕๘ (Glossary of Terms in Population and Social Research 2015) ของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้ โครงการนิยามศัพท์การวิจัยทางประชากรและสังคม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 06 มี.ค. 25, 18:05
|
|
สวัสดีครับ อ.เทาชมพู และทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกระทู้นี้ครับ
หายไปจากเรีอนไทยปีกว่าก็ด้วยเหตุเรื่องของสุขภาพที่นัดเวลากันมาแสดงอาการเสื่อมทรุดตามวัย iวมไปกับผลข้างเคียงระยะยาวที่มาจากการรักษาด้วยการฉายแสง(โพรงจมูก)เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว
เข้ามาตั้งกระทู้นี้ก็รู้สึกกล้าๆกลัวๆอยู่ เพราะมองอะไรไม่ค่อยชัดนัก กลัวพิมพ์ผิดพิมพ์ถูกและช้า ตาขวามีความจำกัดในการเห็น
เลยต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าในข้อผิดพลาดต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 06 มี.ค. 25, 18:58
|
|
ก็คงมีอีกหลายคำเรียกที่มีความหมายถึงคนแก่ เช่น ผู้อาวุโส วัยเฉา วัยทอง วัยโรย พ่ออุ้ย แม่อุ้ย วัยตะบันหมาก-ตะบันน้ำกิน ฯลฯ
เอาเป็นว่า ก็มีคำเรียกมากมาย ซึ่งมีมากพอที่จะอนุมาณได้หรือไม่ว่า เราอยู่ในสังคมที่ให้ความสำคัญในเรื่องของวัยที่สูงกว่าตัวเรา ?
นิยามของคำทั้งหลายที่กล่าวถึงมาเหล่านี้ เมื่อพิจารณาในเชิงของขอบเขตของลักษณะนามแล้ว ทั้งหมดดูจะมีความต่างกันโดยพื้นฐานด้วยถูกกำหนดโดยคน 3 กลุ่ม คือ ตัวตนคนนั้นๆ ผู้อื่นที่พิจารณาใช้คำเรียกสำหรับแต่ละบุคคลนั้นๆ และจากการตั้งเกณฑ์มาตรฐาน (เข่น กรณีตามที่คุณเพ็ญชมพู ได้ค้นหานำมาแสดงให้ดู)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 06 มี.ค. 25, 19:57
|
|
ในเชิงของคุณภาพของลักษณะนามนั้น ก็มีความน่าสนใจอยู่เหมือนกันว่า ในภาษาไทยเรา เพียงเพิ่มคำนามบางคำผสมลงไปก็ทำให้ได้เห็นภาพคุณสมบัติ/คุณภาพของลักษณะนามนั้นๆ เช่น ไอ้(แก่) ไอ้(เฒ่า) อี(แก่) อี(เฒ่า) พ่อ(เฒ่า) แม่(เฒ่า) อุ๊ย... ฯลฯ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 07 มี.ค. 25, 18:49
|
|
แต่ก่อนนั้น น่าจะเป็นประมาณช่วงเวลาไม่เกิน พ.ศ.2510 คนที่อายุระมาณ 60 ปีขึ้นไปมักจะถูกจำแนกออกไปเป็นกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่าคนแก่ ซึ่งก็ดูจะมีเหตุผลสนับสนุนเส้นแบ่งอยู่บ้าง เช่น ความต่างของลักษณะการแต่งตัว เสื้อผ้า ทรงผม ความนิยมทางเสียงเพลง ความเขื่อทางสังคมและประเพณี เป็นต้น (โลกในสมัยนั้นมีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย ทั้งในทางรูปธรรมและนามธรรม รวมทั้งหลักนิยมต่างๆ) เมื่อความต่างทั้งหลายได้ผสมกลมกลืนกันมากขึ้น คำเรียกคนแก่ทีในยุคนั้น แต่เดิมค่อนข้างผนวกถึงเรื่องของความไม่ทันสมัยเข้าไปด้วย ก็ถูกขยับออกไปใช้กับคนที่มีอายุมากกว่า 60 มากมากขึ้น จนในปัจจุบันนี้ดูจะเป็นการใช้เรื่องต่างๆในองค์รวมสำหรับพิจารณาเลือกใช้คำให้เหมาะสมเป็นการเฉพาะกับบุคคลหนึ่งใด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 07 มี.ค. 25, 19:03
|
|
ก็เลยตั้งกระทู้เพื่อประมวลดูว่า 'อาการแก่' นั้น มันมีอะไรบ้าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 08 มี.ค. 25, 20:15
|
|
ก็ต้องขอบอกกล่าวไว้เสียแต่แรกว่า ข้อมูลของเรื่องราวที่ผมเอามาสนทนานี้ มีทั้งที่ประมวลมาทั้งจากการอ่านเอกสาร/เรื่องราวที่เป็นแบบวิชาการ เอกสารเผยแพร่ความรู้ต่างๆ แต่ส่วนใหญ่มาจากข้อสังเกตกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง จากเพื่อนพ้องและจากผู้อื่นที่เล่าสู่กันฟัง
ข้อสังเกตที่ได้จากการดำเนินชีวิตแบบค่อนข้างจะ active ของผมและของคนที่ใช้ชีวิตในลักษณะคล้ายๆกัน ที่มีอายุอยู่ในวัยพอๆกัน ที่ล้วนทำงานในลักษณะที่ต้องมีการเคลื่อนไหวทางกาย มีการใช้สมอง มีการใช้ความคิดแบบสลับซับซ้อนอยู่เกือบตลอดเวลา มีการกินอยู่หลับนอนที่เพียงพอตามสมควรกับสุขภาพ พบว่าเมื่อเข้าสู่วัยอายุประมาณ 45+/- ตนเองจะเริ่มรับรู้ว่าสมรรถนะของตัวเองในทุกๆด้านอยู่ในจุดที่กำลังเริ่มเสื่อมลง อายุประมาณนี้คงยังไม่จัดว่าเป็นคนแก่ แต่น่าจะเป็นช่วงอายุเริ่มต้นของความเสื่อมของร่างกายในองคฺ์รวมที่จะปรากฎออกมาให้เห็นค่อนข้างจะชัดเจน ผมได้สัมผัสรู้มาจากเหตุการณ์ในครั้งหนึ่งที่ต้องเดินสำรวจแบบเดินไกล ระยะเวลาเดินประมาณ 10 - 12 ชม.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 09 มี.ค. 25, 20:29
|
|
อาการแรกๆที่พอสังเกตได้ก็คือเรื่องของข้อมูล/ข้อพิจารณาที่ต้องอยู่ในกระบวนคิด/ประเมินเพื่อหาข้อยุตินั้น หลุดหรือตกหล่นไป ตามปกติของผู้คนทั่วไปนั้น กระบวยการคิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะประกอบไปด้วยตัวแปรมากมาย ทั้งในเชิงที่พ้องและในเชิงที่แย้งที่ตั้งอยู่บนฐานของหลักการ ทฤษฎี หรือความจริงที่ปรากฎ
แพทย์เรียนรู้สิ่งที่ประกอบกันเป็นตัวตนของมนุษย์ปกติและความสัมพันธ์ของการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นในตัวมนุษย์ มีวัตถุประสงค์พื้นฐานก็เพื่อการรักษา เยียวยา แก้ไข ให้สิ่งที่ผิดเพี้ยนไปกลับไปอยู่ในสภาพเดิมหรือให้สามารถใช้งานได้ต่อไปตามสมควรแก่เหตุ
ผมเรียนธรณีวิทยา เรียนเพื่อรู้ในสรรพสิ่งต่างๆที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นสภาพทางกายภาพ การเปลี่ยนแปลงของมัน และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเหล่านั้นที่เกิดขึ้นมาในอดีตตั้งแต่เกิดโลก มีวัตถุประสงค์พื้นฐานเพื่อความเข้าใจในเรื่องของการกำเนิด การเปลี่ยนแปลง การดับสลาย และผลของมันของสรรพสิ่งต่างๆที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้าเรา เพื่อการนำมาซึ่งการใช้ให้เกิดประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ
ทั้งสองตัวอย่างที่ยกขึ้นมานี้ เพียงเพื่อให้เห็นว่าตัวแปรในแต่ละสิ่งที่เห็นและรับทราบนั้น กว่าจะได้เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องสมด้วยเหตุและผลนั้นมันมีหลากหลายมากมายนัก เมื่อยังเป็นหนุ่มสาวมันก็ตกหล่นไปจากการนำมาร่วมคิดน้อย แต่เมื่ออายุมากเข้าม้นก็ตกหล่นมากขึ้น จะเรียกว่าเริ่มอาการลืมได้ใหม ??
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 10 มี.ค. 25, 18:52
|
|
ผมมองว่าสมองของเราก็คล้ายกับห้องสมุดที่เก็บไฟล์เรื่องราวต่างๆ เมื่ออยู่ในวัยของการเรียนรู้ในระบบมีผู้ให้เช่น ครู อาจารย์ ผู้ให้นั้นๆก็จะเป็นผู้ช่วยนำไฟล์ต่างๆเข้าห้องสมุดในสมองของเรา โดยจัดวางให้อย่างเป็นระบบเป็นระเบียบ ค้นหาเอาออกมาใช้แบบโยงใยกันมาได้ง่าย เมื่อเราเริ่มเผชิญชีวิตในโลกที่เป็นของจริง มีความรู้ใหม่ๆในลักษณะต่างๆมากมาย เราก็เก็บสะสมเอาเข้าห้องสมุดในสมอง จัดเข้าระบบเดิมได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ตั้งกลุ่มเรื่องใหม่บ้าง กองทิ้งไว้ก่อนบ้าง เมื่อข้อมูลต่างๆมีสะสมอยู่มากมาย ที่ได้หยิบออกมาใช้บ่อยๆก็มี ไม่ค่อยได้เอาออกมาใช้ก็มี ไม่เคยเอาออกมาใช้เลยก็มี หรือต้องใช้เวลารื้อค้นนึกเรียบเรียงก็มี
เมื่อสภาพร่างกายและจิตใจยังมีความสมบูรณ์ดี การเข้าไปค้นหาหยิบเอาไฟล์ข้อมูลในสมองมาใช้งานก็จะมีความรวดเร็วและสามารถเข้าไปค้นหาได้ครั้งละหลายๆเรื่องพร้อมๆกัน เมื่ออายุมากขึ้นความสามารถในเรื่องนี้ลดลง ซึ่งก็เป็นไปตามธรรมชาติ ก็จึงไม่แปลกนักที่ผู้ที่เริ่มมีอายุมากขึ้นจะเริ่มมีความสามารถลดลงในการพูดคุย สื่อสาร ไม่ทันในเนื้อหาของเรื่องใดๆหรือในหลายเรื่องพร้อมๆกันในเวลาเดียวกัน คำพูดในวงสนทนา เช่น อะไรนะ ว่าไงนะ บอกอีกทีซิ อ้อ อ้าว ลืมไป ... คำเหล่านี้ดูจะแสดงออกถึงลักษณะของการคิดได้ช้าลง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 11 มี.ค. 25, 19:57
|
|
อาการลืมโน่นบ้างนี่บ้างเล็กๆน้อยๆ มีแนวโน้มที่ปรากฎมากขึ้นตามอายุที่มีมากขึ้น มากน้อยต่างกันไป ทำให้เกิดพฤติกรรมที่ทำให้ผู้อื่นกล่าวถึงในทางลบ โดยเฉพาะกับคำพูด เช่น ขี้หลงขี้ลืม ไม่ใส่ใจในงาน ขาดความตั้งใจ ไม่มีสมาธิ ทำงานแบบลวกๆ ... ซึ่งตัวเองก็จะค่อยๆให้การยอมรับมากขึ้นไปตามวัยว่า ความขี้ลืมมากน้อยนั้นๆของตนนั้นมันเป็นความจริง
เมื่อมีอายุมากถึงระดับที่พอจะใช้คำว่า'แก่' ได้ คำว่า ขี้หลงขี้ลืม ก็กลายเป็นคำที่ติดฝังอยู่ในใจ ซึ่ง..ก็น่าจะด้วยความสำนึกถึงเป้าหมายและความสำเร็จของงานหนึ่งงานใดที่ตนเองจะทำ เลยทำให้คนสูงอายุต้องมุ่งมั่นทำงานเป็นการเฉพาะเรื่องเป็นเรื่องๆไป มิฉะนั้น งานหลายๆเรื่องของหลายๆงานที่จะทำพร้อมๆกันไป ก็จะไม่มีงานใดทำสำเร็จบริบูรณ์ตามเวลาที่ตั้งใจไว้
ก็เลยมีกรณีของคนแก่เริ่มต้นงานที่ทำแล้วคาทิ้งไว้ เมื่อกลับมาต่องานก็จะต้องใช้เวลาในการทบทวนของเดิมและสิ่งที่คิดว่าจะต้องทำต่อไป รูปธรรมที่จะปรากฎให้เห็นอย่างหนึ่งก็คือ กองงานที่ทำยังไม่เสร็จซึ่งอาจจะถูกบ่นว่ารก ต้องเอาไปกองรวมกันเป็นสภาพของขยะชั่วคราว หรือ แล้วก็กลายเป็นขยะของจริง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|