เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 15 16 [17] 18 19 ... 22
  พิมพ์  
อ่าน: 31119 คุยกันเรื่องวิลเลียม เชกสเปียร์
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8463


ความคิดเห็นที่ 240  เมื่อ 24 มี.ค. 25, 14:39

และ ถูกยกมาอ้างกันใน วิวาทะระหว่างพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ กับ ม.จ.อากาศดำเกิง -

(จากกระทู้เก่าของคุณปิ่น http://www.reurnthai.com/index.php?topic=6337.0)

พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ -

อ้างถึง
       ชื่อของเรื่องนั้น ตามที่ข้าพเจ้าได้แปลเป็นอังกฤษ (The World's a Stage) ว่าตามสำเนียงอังกฤษแล้ว
ข้าพเจ้ารู้สึกดูจะคมคายดีกว่า "ละครแห่งชีวิต" ซึ่งแปลตรงๆเป็นภาษาอังกฤษได้ ๒ วิธี แต่ดูไม่สู้จะเหมาะเจาะทั้ง ๒ อย่าง
(Life's Play or Life's Drama) แต่ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า เมื่อได้ตั้งชื่อหนังสือว่าอย่างนั้น ผู้แต่งได้คิดถึง
ถ้อยคำของท่านกวีผู้เรืองนาม คือ เชคสเปียร์ ซึ่งอยู่ในเรื่อง "ตามใจท่าน" บทละครเรื่องนี้ ได้แปลเป็นภาษาไทยแล้วอย่างดียิ่ง
คือ พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๖ และผู้แต่งอาจจะนำบทตอนนี้มาใช้เป็นนามหนังสือได้อย่างดี

ม.จ.อากาศดำเกิง -

อ้างถึง
        ข้าพเจ้าชอบวิธีที่เสด็จนักวิจารณ์ของข้าพเจ้าได้ทรงยกบทเรียนเชคสเปียร์ขึ้นมากล่าว พระองค์ทรงบอกท่านทั้งหลายว่า
ความว่า "โลกนี้คือละคร" ("All the world's a stage") อยู่ในบทละครของเชคสเปียร์ เรื่อง "ตามใจท่าน"
("As You Like It") ข้าพเจ้าเห็นว่า เสด็จนักวิจารณ์ควรเปิดหนังสือเรียนดูอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้แน่ว่าถ้อยคำ
"โลกนี้คือเวทีละคร" อยู่จริงๆในเรื่อง "ตามใจท่าน" หรือในเรื่อง "เวนิสวานิช" ("The Merchant of Venice")
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8463


ความคิดเห็นที่ 241  เมื่อ 24 มี.ค. 25, 15:16

         บทรำพันของอันโตนิโย ที่ว่า ตนเองรับบทเศร้าบนเวทีโลกนี้ ประจวบกับเวลาที่บัสสานิโยจะจากไป
เลือกคู่ ทำให้หลายคนตีความสัมพันธ์ของทั้งสองที่เป็นเพื่อนรักว่ามีแนวทาง Bromance
         จากบทละครหลายเรื่องของท่านเชก คู่นี้ในเรื่องนี้ดูจะมีความชัดเด่นกว่าคู่อื่น,เรื่องอื่น

The dearest friend to me, the kindest man,
The best conditioned and unwearied spirit
In doing courtesies.
— Bassanio
  
Give me your hand, Bassanio. Fare you well.
Grieve not that I am fall’n to this for you.
— Antonio

๋๋อันโตนิโย(Jeremy Irons) กับ บัสสานิโย (Joseph Fiennes จาก Shakespeare in Love)


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41493

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 242  เมื่อ 24 มี.ค. 25, 15:42

        บทรำพันของอันโตนิโย ที่ว่า ตนเองรับบทเศร้าบนเวทีโลกนี้ ประจวบกับเวลาที่บัสสานิโยจะจากไปเลือกคู่ ทำให้หลายคนตีความสัมพันธ์ของทั้งสองที่เป็นเพื่อนรักว่ามีแนวทาง Bromance  
       ดิฉันไม่ค่อยแน่ใจแล้วค่ะว่ายุคนี้ bromance หมายถึงอะไร
       ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็หมายถึงมิตรภาพที่ผูกพันกันอย่างเพื่อนตายระหว่างชายกับชาย  ตัวอย่างในวรรณกรรมที่เห็นชัดคือเชอร์ล็อค โฮล์มส์กับหมอวัตสัน   โฮล์มส์ถึงกับเขียนว่า ความเห็นแก่ตัวของวัตสันมีเพียงประการเดียวที่เขารำลึกได้ คือย้ายออกจากบ้านที่ถนนเบเกอร์ไปแต่งงานอยู่กินกับเมีย
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16142



ความคิดเห็นที่ 243  เมื่อ 25 มี.ค. 25, 09:35

As You Like It                                             ตามใจท่าน
 
All the world's a stage,                                ทั้งโลกเปรียบเหมือนโรงละครใหญ่
And all the men and women merely players; ชายหญิงไซร้เปรียบตัวละครนั่น
They have their exits and their entrances,     ต่างมียามเข้าออกอยู่เหมือนกัน
And one man in his time plays many parts,   คนหนึ่งนั้นย่อมเล่นตัวนานา

พระราชนิพนธ์แปล ตามใจฉัน จากเรื่อง As You Like It  ตอนนี้ คาดว่าเป็นแรงบันดาลใจให้ ครูไพบูลย์ บุตรขัน แต่งบทเพลง "โลกนี้คือละคร"

"ทั้งโลกเปรียบเหมือนโรงละครใหญ่
ชายหญิงไซร้เปรียบตัวละครนั่น
ต่างมียามเข้าออกอยู่เหมือนกัน
คนหนึ่งนั้นย่อมเล่นตัวนานา"

เพลง "โลกนี้คือละคร" ขับร้องโดย ปรีชา บุณยเกียรติ คำร้อง-ทำนอง ไพบูลย์ บุตรขัน บันทึกเสียงครั้งแรกพ.ศ. ๒๔๙๖

พ.ศ. ๒๔๙๖ เป็นช่วงเวลาที่ ครูไพบูลย์ บุตรขัน ต้องทนทุกข์ทรมานกับโรคร้ายที่รักษาไม่ได้ในสมัยนั้น ต้องอยู่อย่างหลบซ่อนสายตาผู้คน ทุ่มเททรัพย์สินที่หามาได้ด้วยมันสมองและพรสวรรค์ เป็นค่ารักษาอาการโรคมิให้กำเริบหนัก

ในขณะที่ผู้แต่งเพลงอยู่อย่างระทมทุกข์ด้วยโรคร้ายคุกคาม นักร้องรูปหล่อ ปรีชา บุณยเกียรติ กำลังรุ่งโรจน์สุดขีด เป็นทั้งนักร้องและพระเอกละครเวที  แต่อีกไม่กี่ปีต่อมา ชีวิตที่รุ่งเรืองจำเริญ แสนเพลิน เหมือนเดินอยู่บนหนทางวิมาน ก็ปิดฉากเรืองรองผุดผ่องตระการ เมื่อคุณปรีชาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต ใน พ.ศ. ๒๕๐๔
          


จาก พร่างเพชรในเกร็ดเพลง
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8463


ความคิดเห็นที่ 244  เมื่อ 25 มี.ค. 25, 10:25

หมายเหตุ - เป็นการตั้งข้อสังเกต เหตุที่มีชาวเน็ท,บทความพูดถึง ไม่เป็นการสรุปได้แน่ชัด
              เพราะเพียงจากคำพูด ไม่ได้พูดคุยซักถามและประเมินแบบทดสอบฯ

             เท่าที่ดูจากเว็บ dictionary ต่างๆ ยังคง ความหมายเดิม ครับ

             แต่ มีความเห็น,บทความวิแคะกันว่า ความสัมพันธ์ทั้งสองเกินเพื่อนรักพี่น้องถึงระดับรัก ช - ช
ด้วยประโยคสนทนาที่โรแมนติคมากจากทั้งสองตัวละคร(เกินกว่าเรื่องอื่นๆ)
 
            อันโตนิโยเปิดเรื่องมาก็สนทนากับเพื่อนว่าตัวเองรับบทเศร้าบนเวทีชีวิตโดยไม่รู้สาเหตุ (นักวิแคะว่ารู้แต่บอกไม่ได้
โดยตีความกันว่าเพราะอกหัก,บัสสานิโยจะไปเลือกคู่) และในศาล, เมื่อคิดว่าตนถึงวาระสุดท้ายต้องตายแน่ๆ ก็เอ่ยบทสนทนา
อำลาอาวรณ์กันอย่างลึกซึ้งซาบ
           อันโตนิโยที่เศร้าอยู่เดิมจนปลงแล้วปลอบเพื่อนรักว่า อย่าเศร้า ตัวเองตายไปก็ดีจะได้ไม่ต้องอยู่เพื่อพบกับความลำบาก
ยากจน(ตอนนั้น มีข่าวว่าเรือสินค้าของตนอับปาง) แล้วจึง(น่าสงสัย -) ฝากสั่งความถึงภรรยาบัสสานิโยไม่น้อย(ราวกับจะให้
ปอร์เชียได้รับรู้ว่าตนเองเป็นอีกรักหนึ่งของบัสสานิโย!)
           ฝ่ายบัสสานิโยก็พร่ำรำพัน ว่าชีวิตอันโตนิโยนั้นมีค่าเหนือกว่าชีวิต,ภรรยาตนและโลกทั้งใบ ที่ยอมเสียให้ได้เพื่อแลกกับ
ชีวิตอันโตนิโย!  

เชิญทัศนาหาเรื่อง ครับ


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41493

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 245  เมื่อ 25 มี.ค. 25, 11:46

ตอนนี้กระแส woke กำลังแรงโดยเฉพาะสิทธิ์ของ  LGBTQ   เลยสองจิตสองใจว่าจะเล่าถึง comedy เรื่องเบาๆ อย่าง A Midsummer Night's Dream ดี  
หรือจะให้จุดประเด็นที่ชวนหงายหลังตกเก้าอี้ ว่าท่านปู่เชกฯ ของเราก็มีผู้สงสัยว่ามี Bromance ในความหมายใหม่แบบ ช+ช  กะเขาเหมือนกัน  ทั้งๆย้อนหลังไปตั้ง 600 กว่าปี
ถ้าเป็นเรื่องหลังต้องตั้งกระทู้ใหม่ ว่าด้วย sonnets ของเชกสเปียร์ ค่ะ
ขอความเห็นทุกท่านค่ะ
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8463


ความคิดเห็นที่ 246  เมื่อ 25 มี.ค. 25, 14:23

             เหลือบทละครท่านเชกที่พอจะคุ้นน้อยๆ คือ พายุ กับ ฝันกลางคืนกลางคิมหันต์ ครับ
             ส่วน sonnets ของท่านเชก ไม่คุ้น, เคยผ่านตาในหนังสือรวมร้อยกรองกวีเอก แต่เปิดผ่านไปอ่าน
งานของท่านอื่นๆ ที่สั้นและอ่านเข้าใจง่ายกว่าแทน

             อยากฟังอ. หาความจากบทรำพันสั่งเสียก่อนตายของทั้งสองคน ที่ตามหลักการแล้วถือว่า เป็นความจริง
จากใจเชื่อถือได้ ครับ

เวนิสวานิช มีอีกบทเพลง มาจากตอนท้ายของเรื่องที่ตัวละครมารวมตัวกันที่บ้านปอร์เชีย

ฟังดนตรีเถิดชื่นใจ - สุเทพคอรัส  ทำนองโดย สง่า อารัมภีร



Erebus จากปกรณัมกรีก เป็นเทพแห่งความมืดใต้โลก


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41493

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 247  เมื่อ 25 มี.ค. 25, 16:44

           อยากฟังอ. หาความจากบทรำพันสั่งเสียก่อนตายของทั้งสองคน ที่ตามหลักการแล้วถือว่า เป็นความจริง
จากใจเชื่อถือได้ ครับ
     ไม่ทราบคุณหมอพิมพ์ตกไปหรือเปล่าว่า "หาความ...." คือความอะไรคะ     ถ้าหมายถึงหาความจริงที่อาจแฝงอยู่ลึกในถ้อยคำของอันโตนิโยและบัสสานิโย    ก็ต้องขอเท้าความว่า สมัยที่ดิฉันเรียนวรรณคดีเชกสเปียร์   ไม่ว่าอาจารย์ฝรั่งในประเทศไทยหรืออาจารย์ฝรั่งในประเทศฝรั่ง ไม่มีใครแอะคำว่า homosexuality ออกมาเลย   พวกเราเรียนวรรณคดีกันในเชิงอุดมคติ คือใครเป็นพระเอกก็ต้องรักนางเอก   และรักเพียงผู้เดียวเท่านั้น    คนเพศเดียวกันก็เป็นกันได้แค่เพื่อน แม้สนิทกันก็เป็นแบบคุณธรรมน้ำมิตร เพื่อนร่วมสาบานทำนองนั้น 
    นั่นคือครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20  บัดนี้เข้ามา 1 ใน 4 ของศตวรรษที่ 21 แล้ว    การตีความก็เดินทางมาไกลจากเมื่อก่อนมาก  งานของเชกสเปียร์เป็นงานที่ได้ชื่อว่าตีความได้หลายชั้นหลายเชิง  จนตีความกันไปถึงศตวรรษที่ 22 ก็ยังไม่จบไม่สิ้น  ดิฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองจะตอบได้มีน้ำหนักดีพอ  ก็เลยไปถาม chat GPT  ให้ช่วยตอบให้
    ผลคือ Chat  ก็บอกว่ามี ของพรรค์นี้มีนักวรรณคดีเขาพูดถึงเหมือนกัน    แต่ดูๆแล้วเจ้า Chat มันก็แบ่งรับแบ่งสู้แถมถามเรากลับมาเสียอีก    เลยต้องขอให้คุณหมอและสมาชิกเรือนไทยไปอ่านเองดีกว่า
    ดิฉันขอลอกบทสนทนาระหว่างเทาชมพูและ Chat มาให้อ่าน คิดว่าไม่ยากเกินไป   แต่ถ้าไม่อยากอ่านภาษาอังกฤษ  ไปให้มันช่วยแปลเป็นไทยให้ก็ได้  แต่ระวังหน่อยว่า Chat ไม่ค่อยเก่งภาษาไทย  แปลศัพท์บางตัวเหมือนเปิดดิกเอา  ต้องมาเดากันอีกทีว่าแปลผิดแปลถูกหรือเปล่า
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41493

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 248  เมื่อ 25 มี.ค. 25, 17:06

เทาชมพู พูดว่า:
According to the farewell speeches  between Antonio and Bassanio in  The Merchant of Venice, do you think there's any hint of deeper feelings between the two men than just a  friendship?

ChatGPT พูดว่า:
Yes, many scholars and readers have interpreted the farewell speeches between Antonio and Bassanio in The Merchant of Venice as potentially hinting at deeper feelings beyond friendship, particularly on Antonio’s side.

Antonio’s emotional investment in Bassanio’s well-being is evident from the beginning of the play. He is willing to risk his life by securing a dangerous loan from Shylock just to help Bassanio court Portia. However, in Act 4, Scene 1, when Antonio believes he is about to die, he tells Bassanio:

"Give me your hand, Bassanio: fare you well!
Grieve not that I am fallen to this for you;
For herein Fortune shows herself more kind
Than is her custom: it is still her use
To let the wretched man outlive his wealth,
To view with hollow eye and wrinkled brow
An age of poverty; from which lingering penance
Of such misery doth she cut me off."

Here, Antonio expresses his willingness to die for Bassanio, suggesting a deep devotion.

Even more striking is Bassanio’s response:

"Antonio, I am married to a wife
Which is as dear to me as life itself;
But life itself, my wife, and all the world,
Are not with me esteemed above thy life;
I would lose all, ay, sacrifice them all
Here to this devil, to deliver you."

Bassanio declares that Antonio is more important to him than his wife, which raises questions about the nature of their bond. While this could be seen as a reflection of the intense, romanticized male friendships that were common in Renaissance literature, some interpretations suggest an unspoken romantic or even homoerotic subtext in Antonio’s love for Bassanio.

Shakespeare leaves much open to interpretation, but Antonio’s self-sacrificial love and Bassanio’s prioritization of Antonio over Portia suggest that their relationship is more complex than simple friendship. Would you lean toward a romantic interpretation, or do you see it more as deep platonic loyalty?

เทาชมพูพูดว่า:
In my younger days, I interpreted their feelings as  an idealistic platonic friendship. Now, I'm not sure,
what is you opinion?

ChatGPT พูดว่า:
That’s an interesting shift in perspective! When I first encountered The Merchant of Venice, I also saw Antonio and Bassanio’s bond as an example of deep, selfless friendship—an idealized Renaissance-era brotherhood. But over time, I’ve come to think there’s enough ambiguity in the text to suggest Antonio’s feelings might go beyond mere friendship, even if they are never explicitly stated.

Antonio’s willingness to suffer for Bassanio, his melancholy (which is unexplained at the start of the play but could be linked to his unspoken love), and his readiness to sacrifice everything suggest a profound emotional attachment. The way Bassanio responds—valuing Antonio’s life above all else, including his wife—also complicates things. Whether that reflects true romantic love, social conventions of male friendship at the time, or just dramatic intensity is up for debate.

Shakespeare was a master at leaving things open-ended. He gives us enough hints to make a deeper interpretation possible but never confirms it outright. So, I see Antonio’s love as at least bordering on romantic, while Bassanio’s feelings seem more ambiguous—devoted, but perhaps not in the same way.

Do you find that your uncertainty now comes from new insights into the text, or more from changes in how you view relationships in general?

เทาชมพูพูดว่า:
As a young student in those days, I tended to be idealistic in interpreting literature. Therefore, I saw nothing ambiguous in the two men's genuine friendship. Now, older but not really wiser, I wonder if homosexuality was not uncommon in Elizabethan days. English poets and playwrights sometimes  loved to conceal  some romantic relationship in their works, not too revealing, because it was condemned by both the laws and Christianity.
What's your opinion?

ChatGPT พูดว่า:
That’s a very insightful reflection. It’s true that as younger readers, we often take literature at face value, interpreting relationships in their most idealized forms. But as we gain life experience and historical perspective, we start noticing complexities and ambiguities that were once invisible to us.

Regarding homosexuality in Elizabethan times—it certainly existed, as it has in all eras, but it was dangerous to express openly. Homosexual acts were legally punishable, and Christian doctrine condemned them, so writers had to be discreet. This led to an abundance of subtle, coded expressions of same-sex love, particularly in poetry and drama.

Take Shakespeare himself—his Sonnets (especially those addressed to the "Fair Youth") are filled with deep affection, longing, and even jealousy directed at a young man. While some argue these are just intense platonic feelings in the poetic tradition, others see them as evidence of Shakespeare exploring, or even experiencing, same-sex attraction.

In plays, relationships between men were often written with deep emotional intimacy. The Renaissance celebrated male friendship as the highest form of love—sometimes even above romantic or marital love. This makes it hard to distinguish between what was considered idealized friendship and what might have had a more romantic undertone. Playwrights like Shakespeare and Marlowe (who was rumored to have had relationships with men) infused their works with enough ambiguity that they could be read in multiple ways.

So in The Merchant of Venice, Antonio’s devotion to Bassanio could be purely platonic in the Renaissance sense, but the intensity of his sacrifice and sadness suggests there might be more beneath the surface. Given the constraints of the time, if Shakespeare did want to suggest something deeper, he would have had to do so subtly—just as poets and playwrights of that era often did.

Do you think Shakespeare intentionally left room for multiple interpretations, or do you lean toward the idea that he was simply portraying an idealized male friendship?

เทาชมพู  พูดว่า :
The first, not the latter.
I think an extremely wise and mature man like Shakespeare would never harm himself by revealing everything in mind to  people in general, especially  when his secrets were harmful not only to himself but the ones he loved.


ChatGPT พูดว่า:
That’s a very astute observation. Shakespeare was indeed too wise—and too aware of the dangers of his time—to expose everything he thought or felt outright. Instead, he was a master of ambiguity, weaving multiple layers into his works so that different audiences could take away different meanings.

If he did have personal experiences or sympathies that were socially or legally dangerous, he would have expressed them subtly, disguising them within the accepted frameworks of literature—friendship, devotion, loyalty—while leaving enough hints for those perceptive enough to see more.

This is why so much of his work remains open to interpretation centuries later. He gives us just enough to wonder but never enough to prove anything definitively. In The Merchant of Venice, Antonio’s love for Bassanio might be read as romantic by those attuned to the subtext, while others can just as easily see it as noble friendship. The same applies to Shakespeare’s sonnets—some see them as deeply personal, while others argue they are purely artistic exercises.

It speaks to Shakespeare’s brilliance that his words remain relevant and debatable, allowing each generation to bring its own perspectives to them. Given his intelligence and self-preservation instincts, I agree—if there were hidden truths in his work, he would have been careful to keep them just beneath the surface.
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8463


ความคิดเห็นที่ 249  เมื่อ 25 มี.ค. 25, 18:12

        ความนัย,ความจริงที่แฝง ครับ
        คุยกับ chat อ่านเพลินครับ
      
จาก BBC ครับ


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41493

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 250  เมื่อ 26 มี.ค. 25, 18:50

   การตีความวรรณกรรมของเชกสเปียร์มีข้อยากอยู่อย่างหนึ่ง คือไม่มีคำตอบที่แน่นอน 100%   ซึ่งนับเป็นเรื่องธรรมดาของการศึกษาสาขานี้    ไม่เฉพาะแต่เชกสเปียร์ งานเขียนชิ้นที่ได้รับการยกย่องไม่ว่าของชาติไหน คืองานที่ต้องตีความกันแบบเถียงกันได้ไม่รู้จักจบ  ถือกันว่าเหนือกว่างานที่ชัดเจน อ่านแล้วเข้าใจง่าย  จนไม่สามารถจะมองเป็นอย่างอื่นได้นอกจากมองอย่างที่คนเขียนเสนอไว้ 
   ข้อนี้คนที่ศึกษามาทางสายวิทยาศาสตร์ ที่ชินกับความชัดเจนตายตัว มักจะปวดหัวหรือไม่ก็เบื่อไปเลยว่าทำไมมันไม่มีคำตอบ   มันไม่เหมือนกับเห็น H2O ก็รู้แน่ว่าเป็นน้ำ  มันจะเป็นเกลือ เป็นทราย หรือธาตุอะไรอย่างอื่นไม่ได้
   เพราะฉะนั้นถ้าจะถามว่า อันโตนิโยกับบัสสานิโย มีมิตรภาพที่ซ่อนเร้นกันมากกว่าเพื่อนสนิทหรือไม่    คำตอบมีทั้งใช่และไม่ใช่ 
   ถ้าบอกว่าใช่ ก็มีเหตุผลรองรับว่า ในตอนต้นของเรื่อง  อันโตนิโยปรากฏกายออกมาสู่ฉากแรก ด้วยบทรำพึงถึงความเศร้าหมองหดหู่ใจ แต่ไม่ยักบอกที่มาว่าทำไมรู้สึกเช่นนั้น    เหตุการณ์ในเรื่องคือ บัสสานิโยเพื่อนสนิทกำลังจะเดินทางไปสมัครเป็นเขยเศรษฐี   แต่ไม่มีเงินค่าเดินทางและใช้จ่าย    อันโตนิโยเองก็ไม่มีเงินสดเพียงพอ เมื่อเพื่อนมาขอยืมเงิน  ก็ตัดสินใจไปกู้เงินนายทุนด้วยการยอมเชือดเนื้อเถือหนังตัวเอง   เนื้อ 1 ปอนด์ ที่ยอมเฉือนออกมานั้นทำให้ตายได้ ก็รู้  แต่ยอม    แทนที่จะหาทางออกที่ดีกว่านี้คือไปขอยืมเงินเพื่อนคนโน้นบ้างคนนี้บ้าง ให้ช่วยกันเรี่ยไรจนมีเงินพอให้บัสสานิโยเดินทาง   แบบนี้ปลอดภัยกว่า
   เหตุผลที่รองรับคืออันโตนิโยมีความรักฉันชายรักชายกับบัสสานิโย   เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายอาจหลุดลอยไปเป็นของหญิงอื่น  จึงเศร้าหมอง แทนที่จะดีใจที่เพื่อนเป็นฝั่งเป็นฝาไปอย่างที่เพื่อนธรรมดาๆพึงรู้สึก    พร้อมกันนั้นอันโตนิโยก็ยอมรับว่าความรักแบบนี้ไม่มีวันลงเอยแบบสุขสมหวัง  จึงยอมสละชีวิตเพื่อทำให้บัสสานิโยมีความสุข   
   บัสสานิโยก็ตระหนักถึงความรักที่อันโตนิโยมีต่อตนเอง   แต่รู้ว่าตัวเองต้องจากไปมีเมียมีลูกตามธรรมเนียมชายสมัยนั้น    ในตอนที่กล่าวลาในศาลเมื่ออันโตนิโยทำท่าจะต้องเชือดเนื้อออกมาจริงๆ   บัสสานิโยจึงบอกออกมาเต็มปากเต็มคำว่า รักอันโตนิโยมากกว่าตัวเอง มากกว่าภรรยาที่เป็นดวงใจของเขา  มากกว่าชีวิตเสียอีก   นี่ก็คือความในใจของชายสองคนที่ไม่อาจเปิดเผยตรงๆได้   
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41493

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 251  เมื่อ 26 มี.ค. 25, 19:03

    เอาละ  ถ้าบอกว่าไม่ใช่   ฝา่ยที่ไม่เชื่อว่าสองคนนี้มีความรู้สึกต่อกันมากกว่าเพื่อนรัก   ก็มีข้อเถียงได้เหมือนกัน
   สังคมสมัยเชกสเปียร์ที่สืบทอดมาจากยุคกลางของยุโรป เป็นสังคมที่ชายเป็นใหญ่   ดังนั้นความรู้สึกนึกคิดของชายจึงถูกประเมินค่าสูงกว่าความรู้สึกของสตรี      เช่นมิตรภาพระหว่างหญิงกับหญิงถือเป็นเรื่องกระจุ๋มกระจิ๋ม เป็นเพื่อนที่เอาไว้คุยกัน ปรับทุกข์กัน  ให้คำแนะนำต่อกัน  เท่านั้น     แต่มิตรภาพของชายกับชาย ที่สืบทอดมาจากระบบอัศวินยุคกลาง     คือเพื่อนร่วมสาบานที่ตายแทนกันได้  เสียสละเพื่อกันได้แม้แต่ชีวิต  ในสนามรบก็มีตัวอย่างอยู่มากที่อัศวินยอมตายเพื่อพระราชา  หรือเพื่อเพื่อนร่วมทัพจะได้รอดไปทำหน้าที่ให้สมบูรณ์  
   มิตรภาพของชายจึงได้รับการยกย่องว่าสูงส่ง  มีความสำคัญมากกว่าความรักชายหญิง   และไม่เกี่ยวอะไรว่าจะต้องเป็นชายรักชายถึงจะตายแทนกันได้
   ในฉากแรก  อันโตนิโยรำพึงว่ารู้สึกเศร้าหมอง   ก็คือสารของเชกสเปียร์ที่สื่อต่อคนดูว่า เหตุการณ์ต่อไปนี้จะเป็นเรื่องน่าเศร้ามากกว่าเรื่องเฮฮาสนุกสนาน    เหมือนฉากแรกของแม็คเบธที่ไปเจอแม่มด ในสภาพแวดล้อมที่อากาศมืดคลุ้มชวนพรั่นพรึง  
    ต่อมา การที่อันโตนิโยยอมทำสัญญาเชือดเนื้อตัวเองให้ไชล็อก  ก็เพราะเชื่อแน่ว่าเรือสินค้าจะเดินทางกลับมาทัน  มีเงินทองใช้หนี้ได้ตามกำหนด   จึงไม่ได้กลัวว่าจะต้องตาย    ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากตายตั้งแต่แรก   แต่เป็นเพราะเขามั่นใจว่าสัญญากู้นี้มันจะไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของไชล็อก
   ประการสุดท้าย  เมื่อชะตากรรมมาถึงว่าจะต้องตายตามที่สัญญาจริงๆ   อันโตนิโยก็เป็นลูกผู้ชายพอจะไม่บิดพลิ้ว  แต่ยืนยันสัจจะว่าถึงตายเขาก็ยินดีตายเพื่อเพื่อน    ข้อนี้แสดงความเป็นลูกผู้ชายของอันโตนิโย     พร้อมกันนั้นบัสสานิโยผู้รู้สึกว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้เพื่อนพบจุดจบ   จึงแสดงความกตัญญูรู้คุณออกมา ด้วยการยืนยันว่าเพื่อนคนนี้ได้ใจเขาไปเต็มๆ  ในเมื่อต้องตายเพื่อเขา เขาก็ถือว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าผู้ใดในโลก แม้แต่นางผู้เป็นที่รัก
    ทั้งหมดนี้ก็เป็นคุณธรรมที่น่ายกย่องของเพื่อนแท้     ดูกันได้ตรงๆ  ไม่ต้องตีความอะไรให้ลึกลับซับซ้อน
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8463


ความคิดเห็นที่ 252  เมื่อ 27 มี.ค. 25, 10:36

             เป็นประเด็นต่อไป ครับ อดรู้สึกขัดใจท่านเชกไม่ได้ ที่เปิดเรื่องด้วยปมปริศนาซึมเศร้าอันโตนิโยแล้ว
ไม่มีการเฉลยในเวลาต่อมา ราวกับว่าสร้างปมขึ้นมาเพื่อให้ตัวละครพอจะมีความลึกและรองรับเหตุที่อันโตนิโยยอม,
โดยไม่ยาก, รับข้อเสนอใช้หนี้ด้วยชีวิตที่คนทั่วไปไม่น่าตกลง เท่านั้น
            และในบทสุดท้าย ที่เคหาสน์ปอร์เชีย สามคู่ชู้ชื่นครองรักสมัครสมานมีความสุข ส่วนอันโตนิโยแปลกแยก
โดดเดี่ยว, ก็คงคืนกลับเป็นอันโตนิโยในตอนต้นเรื่อง
(แม้ว่าเรือสินค้าจะกลับมาปลอดภัย แต่ในตอนต้นเรื่องอันโตนิโยก็ได้บอกแล้วว่า ไม่ได้เศร้าซึมเพราะกังวลเรื่องเรือ)


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41493

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 253  เมื่อ 27 มี.ค. 25, 11:09

   ข้อคิดของคุณหมอทำให้ดิฉันนึกย้อนหลังไปสมัยเรียนวิชานี้   เคยถามอาจารย์ว่า สมมุติว่าคุณปู่ท่านไม่ได้เกิดมาในยุคทองของวรรณคดีการละครอังกฤษอย่างที่เป็นอยู่   แต่กลับถูกสวรรค์ส่งไปเกิดเป็นลูกน้องชาวเผ่าแอฟริกัน ชนิดไกลปืนเที่ยง   ไม่มีใครเรียนหนังสือหนังหา  แกจะมีโอกาสทำอะไรได้บ้าง   อาจารย์ตอบว่าด้วยไอคิวขนาดนี้  แม้ว่าถูกจำกัดด้วยสภาพแวดล้อม   คุณปู่ก็คงสามารถประดิษฐ์หอกล่าสัตว์ที่มีประสิทธิภาพสูงให้กับชนเผ่า อย่างไม่มีใครทำได้ มาก่อน
   หมายความว่า อาจารย์ให้คะแนนมันสมองของคุณปู่ไว้สูงมาก   ว่าคนที่ไอคิวขนาดนี้ ยังไงก็เก่งเหนือคนอื่น
    เพราะเหตุนี้ ก็ตัดประเด็นทิ้งไปได้ว่าการที่คุณปู่แต่งให้อันโตนิโยเศร้าหมองด้วยเหตุอะไรก็ไม่รู้   แล้วท่านก็ไม่ยักเฉลยซะเฉยๆ   เกิดจากว่าแต่งแล้วนึกไม่ออกว่าจะให้เหตุผลยังไงดี เลยทิ้งค้างๆเอาไว้ยังงั้น  
     คนเก่งขนาดนี้แต่งอะไรคงไม่หลงๆลืมๆหรือจบไม่ลง  แต่เป็นความตั้งใจเชียวละที่จะมี hidden meaning กับตอนนี้   แต่มันเป็นอะไรคนรุ่นหลังต้องไปหากันเอง
     หนึ่งในการตีความของคนรุ่นหลัง  คือคุณปู่บอกอ้อมๆว่าอันโตนิโยเศร้าหมองที่เพื่อนรักจะจากไปแต่งงาน  แต่บอกใครไม่ได้โดยเฉพาะคนดู   เลยทิ้งไว้ยังงั้นให้คิดกันเอง
     ทำไมบอกไม่ได้   ก็เพราะชายรักชายในสมัยนั้นเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย   ผิดทั้งทางโลกทางธรรม  คือกฎหมายถือเป็นความผิดทางอาญา   ศาสนาถือเป็นบาปอุกฤษฎ์   ถ้านักเขียนหรือกวีคนไหนมีจิตใจใฝ่ทางนี้ จะต้องซ่อนให้มิดชิด   หรือถ้าซ่อนไม่ไหว มันอัดอั้นตันใจ ก็ต้องระบายออกแบบอ้อมๆ ปิดๆบังๆ กำๆกวมๆรู้กันแต่เฉพาะพวกเดียวกัน   คนอื่นมาหาความก็หาหลักฐานได้ไม่เพียงพอ   จึงจะรอดปลอดภัย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41493

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 254  เมื่อ 27 มี.ค. 25, 11:18

    นักวิชาการหลายคนก็เชื่อว่างานของเชกสเปียร์สามารถตีความได้หลากหลาย เพราะคนเขียนเก่งพอจะเขียนอะไรได้แบบจับไม่มั่นคั้นไม่ตาย   ก็เลยอยู่ตลอดรอดฝั่งในอาชีพของตัวเอง  ไม่ระเห็จเข้าคุกไปอย่างนักเขียนรุ่นหลัง ออสคาร์ ไวลด์ ที่ถูกข้อหารักร่วมเพศให้จับได้  ชีวิตบั้นปลายเลยล่มสลาย
    ลองมาดูว่าจะตีความเรื่องอันโตนิโยเศร้าหมองแบบไม่เฉลยสาเหตุได้ยังไงบ้างนะคะ
    - จิตแพทย์หรือนักจิตวิทยามาอ่าน  อาจตีความว่า อันโตนิโยเป็นโรคซึมเศร้า  คิดแต่อยากตายโดยไม่รู้ตัวว่าเป็น จึงไม่สะดุ้งสะเทืือนที่ไปเซ็นสัญญาเสี่ยงตายกับไชล็อก
    -  นักเสี่ยงโชคตีความว่า อันโตนิโยมีจิตวิญญาณของนักพนัน   จึงยอมเซ็นสัญญาบ้าๆเสี่ยงตาย เพราะมันให้ความระทึกใจดี   ก่อนหน้าไปตกลงเซ็นสัญญาก็กำลังเซ็งชีวิตเพราะไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นเลย
    -  นักอุดมคติ ตีความว่าอันโตนิโยมีอุดมการณ์สูงมาก   ถ้าชีวิตไม่ได้เสียสละเพื่อใคร ก็จะรู้สึกว่าชีวิตไร้ความหมาย
     - พวก Woke  เชื่ออย่างที่ดิฉันเขียนไว้ในค.ห. บนๆนี้ละค่ะ
     ฯลฯ
 
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 15 16 [17] 18 19 ... 22
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.058 วินาที กับ 17 คำสั่ง