ขอพาเพื่อนๆ สมาชิกทุกคนกลับคืนสู่สยามประเทศ หลังล้างมือในอ่างทองคำไม่ขอเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 6 ความเครียดในสมองพระยาพหลพลพยุหเสนาได้พลันรางเลือนหายไป กลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามอัตภาพตัวเองได้อีกครั้ง
ว่ากันตามจริงพระยาพหลพลพยุหเสนาอยากลงหลังเสือนานแล้ว เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2481 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก เนื่องจากสุขภาพพระยาพหลพลพยุหเสนาไม่ค่อยแข็งแรง คงรับราชการตำแหน่งจเรทหารทั่วไปตำแหน่งเดียว สิ่งนี้อาจถือเป็นการถอยทัพก้าวแรกอย่างเป็นทางการ บรรดานายทหารน้อยใหญ่จะได้ปรับตัวหรือหาสังกัดใหม่อย่างทันท่วงที
ต่อมาในวันที่ 11 กันยายน 2481 มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พระยาพหลพลพยุหเสนาถือโอกาสถอนตัวจากการเมืองตลอดไป ตั้งใจใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเข้าวัดฟังธรรมไปตามท้องเรื่อง แต่ถึงกระนั้นทั้งหน้าที่การงานรวมทั้งยศถาบรรดาศักดิ์ กลับวิ่งเข้าหาตลอดเวลาราวกับเจ้าตัวยังดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ
มาดูกันนะครับว่าพี่ใหญ่แก๊งทะแกล้วทหารสามเกลอได้รับอะไรบ้าง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนายกย่องในฐานะเชษฐบุรุษ และทรงพระราชทานวังปารุสกวันให้เป็นที่พำนักพักพิงจนกว่าชีวิตจะหาไม่
เชษฐบุรุษตามพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 หมายถึง ‘พี่ผู้เป็นใหญ่’ พูดแบบภาษาชาวบ้านก็คือพี่ใหญ่ผู้แสนดีของน้องๆ ทุกสถาบัน เป็นตำแหน่งลอยไม่มีเงินเดือนไม่มีอำนาจไม่สามารถชี้นิ้วสั่งการใครได้
วันที่ 3 เมษายน 2482 ได้รับพระราชทานยศเป็นพลตรี พลเรือตรี และพลอากาศตรี
พระยาทรงสุรเดชกำลังลำบากลำบนอยู่ที่พนมเปญ ส่วนพระยาพหลพลพยุหเสนาได้ขึ้นเป็นนายพลติดดาว เหตุผลที่ได้รับโชคสามชั้นน่าจะมาจากหลวงพิบูลสงคราม เขาอยากเลื่อนยศให้ตัวเองเป็นพลตรีแต่กลัวชาวบ้านครหานินทา จึงตัดสินใจเลื่อนยศให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีในอีกสองวันถัดมา มีอะไรเกิดขึ้นจะได้แบ่งๆ กันโดนไม่ใช่เละอยู่ฝ่ายเดียว
วันที่ 24 มิถุนายน 2482 เป็นศาสตราจารย์วิสามัญแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง ตำแหน่งนี้บอกตามตรงผมอึ้งมาก…เพราะนึกไม่ออกว่าพระยาพหลพลพยุหเสนาจะสอนนักศึกษาอีท่าไหน พยายามค้นหาหลักฐานกลับไม่พบตามความตั้งใจ
วันที่ 24 มิถุนายน 2482 เช่นกัน ประเทศสยามถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ‘ประเทศไทย’
แม้ประกาศล้างมือในอ่างทองคำไม่วุ่นวายกับเรื่องการเมือง แต่อดีตผู้นำคณะราษฎรยังมีชื่อเสียงในวงกว้าง เขาได้เข้าร่วมงานสำคัญๆ ตลอดเวลาอาทิเช่น วันที่ 10 สิงหาคม 2482 ได้รับเชิญให้เข้าชมการก่อสร้างท่าเรือกรุงเทพ (หรือท่าเรือคลองเตย) เป็นท่าเรือทันสมัยให้เรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ขนถ่ายสินค้าได้อย่างสะดวกปลอดภัย วันที่ 23 มิถุนายน 2483 เป็นประธานตัดริบบิ้นพิธีเปิดตึกที่ทำการกรมไปรษณีย์โทรเลข ซึ่งเป็นงานประจำที่เชษฐบุรุษท่านนี้ได้รับเชิญทุกเมื่อเชื่อวัน รวมทั้งเป็นประธานในรัฐพิธีวางรากศิลาอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2484
