เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 7
  พิมพ์  
อ่าน: 8974 ทะแกล้วทหารสามเกลอกับการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 31 ม.ค. 25, 08:52


       ผมมีข้อมูลเรื่องพระยาศรีสิทธิสงครามกับคณะผู้ก่อการมาเล่าสู่กันฟัง

       1.สมัยเรียนวิชาทหารที่ยุโรปนายประยูร ภมรมนตรีเคยทาบทามพระยาศรีสิทธิสงครามให้เข้าร่วมคณะผู้ก่อการ ต่อมาเมื่อพระยาศรีสิทธิสงครามทราบข่าวว่าพหลพลพยุหเสนาได้เป็นหัวหน้าคณะผู้ก่อการ ส่วนพระยาทรงสุรเดชเข้าร่วมเป็นเสนาธิการ จึงได้บอกปัดโดยอ้างว่าต้องการหลีกทางให้กับเพื่อนรักทั้งสองคน

       2.สมัยเรียนวิชาทหารที่ยุโรปนายประยูร ภมรมนตรีเคยทาบทามพระยาศรีสิทธิสงครามให้เข้าร่วมคณะผู้ก่อการ พระยาศรีสิทธิสงครามตอบตกลงโดยมีข้อแม้ว่า หนึ่งต้องไม่มีพระยาทรงสุรเดชเพราะเป็นคนก้าวร้าว สองต้องไม่มีพระยาพหลพลพยุหเสนาเพราะเป็นคนชอบสร้างความวุ่นวาย ข้อมูลนี้มาจากหนังสือ ‘ชีวิต 5 แผ่นดินของข้าพเจ้า’ เขียนโดยนายประยูร ภมรมนตรี ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าในเมื่อตัวเองรู้ดีเต็มอก ทำไมถึงชวนพระยาพหลพลพยุหเสนาเข้าร่วมคณะผู้ก่อการ หนำซ้ำยังให้ทาบทามพระยาทรงสุรเดชกับพระยาศรีสิทธิสงครามเพิ่มเข้ามาอีกสองคน

       3.ปี 2473 พระยาทรงสุรเดชกับพระยาศรีสิทธิสงครามเดินทางมาดูงานที่ทวีปยุโรป นายประยูร ภมรมนตรีติดต่อขอเข้าพบเพื่อทาบทามทั้งคู่เข้าร่วมคณะผู้ก่อการ พระยาทรงสุรเดชตอบรับเข้าร่วมด้วยความเต็มใจ ส่วนพระยาศรีสิทธิสงครามตัดสินใจบอกปัดไม่เอาด้วย รวมทั้งให้สัญญาว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้คนอื่นรู้อย่างเด็ดขาด
   
   เรื่องไหนจริงเรื่องไหนเท็จตัดสินใจกันเองได้เลยครับ

       สิ่งที่ชัดเจนก็คือทะแกล้วทหารสามเกลอถูกนายประยูร ภมรมนตรีทาบทามทุกคนในช่วงเวลาแตกต่างกัน อาจเป็นการโยนหินถามทางเพื่อรวบรวมสมัครพรรคพวกให้มากที่สุด


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 31 ม.ค. 25, 09:48

       ต่อไปเรามาชมฝีมือพระยาทรงสุรเดชกันบ้าง

       การประชุมครั้งที่สองพระยาทรงสุรเดชเสนอแผนการต่อที่ประชุม กำหนดให้ใช้กำลังพลจู่โจมเข้าสู่พระราชวังในช่วงค่ำคืน และบังคับให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงนามในรัฐธรรมนูญที่คณะผู้ก่อการจัดเตรียมไว้ บังเอิญผู้เข้าร่วมการประชุมรู้สึกตื่นเต้นหวาดเสียวมากเกินไป จึงได้ขอร้องให้วางแผนการใหม่ที่มีความละมุนละม่อมมากกว่าเดิม

       การประชุมครั้งที่สามพระยาทรงสุรเดชเสนอแผนการอีกครั้ง คราวนี้ปรับเปลี่ยนจากตอนกลางคืนเป็นช่วงเช้าวันอาทิตย์ คณะผู้ก่อการจะนำกำลังพลทั้งหมดมาชุมนุมที่ลานพระบรมรูป แล้วส่งหัวหน้าคณะผู้ก่อการเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระราชวัง เป็นการบีบบังคับให้พระองค์ลงนามในรัฐธรรมนูญที่คณะผู้ก่อการจัดเตรียมไว้

       แผนการใหม่ความรู้สึกตื่นเต้นหวาดเสียวน้อยลงกว่าเดิมก็จริง แต่คงหลีกเลี่ยงการต่อสู้ชนิดเลือดนองแผ่นดินได้ยากเต็มที ซึ่งเป็นสิ่งที่คณะผู้ก่อการพยายามหลีกเลี่ยงอย่างถึงที่สุด ผู้เข้าร่วมการประชุมจึงได้ขอร้องให้วางแผนการใหม่อีกครั้ง กำหนดให้หลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจกระทบกระเทือนมาถึงพระเกียรติยศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

       การประชุมครั้งที่สี่เกิดขึ้นในวันที่ 12 มิถุนายน 2475 เวลา 7.00 น. ที่บ้านพักนายประยูร ภมรมนตรี พระยาทรงสุรเดชเสนอให้ยึดอำนาจช่วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปประทับที่หัวหิน และเสนอแผนการจำนวน 3 ทางเลือกประกอบไปด้วย


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 31 ม.ค. 25, 09:55

       1.ให้นัดประชุมนายทหารที่กรมเสนาธิการ กรมยุทธศึกษา หรือศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อประกาศว่าจะเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดิน ผู้ใดไม่เห็นด้วยหรือแสดงทีท่าคัดค้านรีบควบคุมตัวทันที เวลาเดียวกันให้ส่งกำลังพลไปควบคุมวังเจ้านายและบ้านข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เสร็จจากการประชุมจึงนำบุคคลสำคัญมากกักตัวไว้ในพระที่นั่งอนันตสมาคม หรือบนเรือรบขนาดใหญ่ที่หลวงสินธุสงครามชัยจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า

       2.ให้ส่งกำลังพลไปควบคุมวังเจ้านายและบ้านข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และส่งกำลังพลอีกส่วนไปตัดการสื่อสารทั้งโทรเลขและโทรศัพท์ เวลาเดียวกันให้นำกำลังทหารในกรุงเทพทั้งหมดมาชุมนุมที่ลานพระบรมรูปโดยใช้วิธีออกคำสั่งลวง พร้อมควบคุมตัวนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาแล้วส่งนายทหารคณะผู้ก่อการไปควบคุมกำลังพลแทน จากนั้นจึงประกาศเปลี่ยนแปลงการปกครองต่อหน้ากำลังพลซึ่งกำลังตื่นตระหนกตกใจและสับสนงุนงง

        3.ส่งกำลังส่วนหนึ่งบุกเข้าควบคุมตัวสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ซึ่งเป็นเสนาบดีกระทรวงกลาโหมและเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย มาประทับที่พระที่นั่งอนันตสมาคมเพื่อใช้เป็นตัวประกัน จากนั้นจึงดำเนินวิธีการต่างๆ ตามแผนที่ 2 จนกว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะสำเร็จลุล่วง

       ผู้เข้าร่วมการประชุมเลือกแผนที่ 3 ซึ่งมีความเป็นไปได้มากที่สุด เสร็จเรียบร้อยจึงกำหนดวันดำเนินการซึ่งต้องเลื่อนแล้วเลื่อนอีกหลายครั้ง กระทั่งครั้ง 3 จึงกำหนดให้เป็นวันที่ 24 มิถุนายน 2475 รวมทั้งจะไม่เปลี่ยนแปลงกำหนดการเพราะอาจทำให้แผนแตก

       ภาพประกอบคือกรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป้าหมายสำคัญในการการันตีความปลอดภัยคณะผู้ก่อการ

         



     
บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 31 ม.ค. 25, 10:06

ประกาศ!!!!

ดูเหมือนผมจะลงข้ามไป 1 ตอนนะครับ  ร้องไห้

รบกวนทุกคนอ่านความเห็นที่ 19 20  และ 21 ก่อน แล้วค่อยย้อนมาอ่านความเห็นที่ 15 16 และ 17 ขอโทษด้วย


เท่ากับว่าวันนี้ได้อ่าน 2 ตอนเลยไปถึงของวันพรุ่งนี้รวดเดียวจบ  เศร้า


ว่าแล้วเชียว...ทำไมวันนี้เราต้องเขียนไปลงไป งงกับชีวิตมาก

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 31 ม.ค. 25, 10:07

        หลังตกปากรับคำกับนายประยูร ภมรมนตรี พระยาพหลพลพยุหเสนารีบเดินทางมาที่บ้านพักพระยาทรงสุรเดช เพื่อแจ้งข่าวสำคัญด้วยน้ำเสียงสดชื่นแจ่มใสว่า ‘อ้ายเพื่อนเอ๋ย กันได้ไปพบขุมทรัพย์เข้าแล้วล่ะ การที่เราได้คิดกันไว้ช้านาน คงจะสำเร็จเป็นแน่’

   เมื่อได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดพระยาทรงสุรเดชตกลงเข้าร่วมด้วยความเต็มใจ พระยาพหลพลพยุหเสนาจึงเดินทางมาพบเพื่อนอีกคน เพื่อสอบถามความสมัครใจโดยบอกข้อมูลแค่เพียงคร่าวๆ พระยาศรีสิทธิสงครามรับฟังอย่างเดียวโดยไม่แสดงความคิดเห็นส่วนตัว

   เรื่องนี้ต้องเข้าใจหัวอกพระยาศรีสิทธิสงครามด้วย ตัวเองเป็นทหารบกยศนายพันเอกสถานะค่อนข้างมั่นคง มีโอกาสเจริญก้าวหน้ามากกว่าเดิมหากตั้งใจทำงาน อยู่ดีๆ เพื่อนรักดันชวนโค่นล้มอำนาจสิทธิ์ขาดของกษัตริย์ ถ้าตอบตกลงครอบครัวตัวเองอาจประสบปัญหาใหญ่ อาจถูกตัดหัวกลายเป็นตราบาปติดตัวชั่วลูกชั่วหลาน แต่ถ้าบอกปัดก็อาจเสียเพื่อนสนิทมากที่สุดไป การไม่พูดอะไรสักอย่างน่าจะเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด

   พระยาพหลพลพยุหเสนาเพียรสอบถามหลายครั้งกระทั่งมั่นใจว่าเพื่อนไม่เอาด้วย จึงนำเรื่องนี้มาปรึกษาพระยาทรงสุรเดชเพื่อคิดหาหนทางแก้ไขร่วมกัน และตัดสินใจร่วมกันว่าเพื่อให้งานใหญ่สำเร็จลุล่วง พวกเราต้องหาสมัครพรรคพวกเพิ่มเติมตามความเหมาะสม
บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 31 ม.ค. 25, 10:16

         เนื่องจากพระยาพหลพลพยุหเสนาต้องการรถยนต์บรรทุกปืนใหญ่ ใช้ลำเลียงกำลังทหารในวันทำการยึดอำนาจจากรัฐบาล จึงไหว้วานพระยาทรงสุรเดชให้มาทาบทามนายพันเอกพระยาฤทธิอัคเนย์ (สละ เอมะศิริ) ผู้บังคับการทหารปืนใหญ่รักษาพระองค์ พระยาทรงสุรเดชเดินทางไปเกลี้ยกล่อมพระยาฤทธิอัคเนย์และทำสำเร็จสมดั่งใจหวัง เพียงแต่สีหน้าเจ้าตัวแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความไม่มั่นคง อาจกลับกลับใจไม่ยอมล่มหัวจมท้ายกับสมัครพรรคพวกในภายหลัง

         

   บุคคลอีกหนึ่งคนที่พระยาทรงสุรเดชเดินทางมากเกลี้ยกล่อมด้วยตัวเอง ก็คือนายพันโทพระประศาสน์พิทยายุทธ (วัน ชูถิ่น) อาจารย์ประจำโรงเรียนนายร้อยทหารบก เหตุผลสำคัญเพราะต้องการใช้นักเรียนนายร้อยเป็นกำลังพลในการยึดอำนาจ ทั้งที่คณะผู้ก่อการมีทหารบกนำทีมโดยหลวงพิบูลสงครามจำนวนพอสมควร อาจเป็นเพราะพระยาทรงสุรเดชคิดว่านักเรียนนายร้อยทหารบกมีปัญหาน้อยกว่า ฤกษ์งามยามดีก็พาขึ้นรถได้เลยไปไหนไปกัน ไม่ต้องเสี่ยงกับปัญหากำลังพลไม่มาตามนัดปล่อยให้รอเก้อ

     

             
   เท่ากับว่าคณะผู้ก่อการกลุ่ม 4 หรือทหารบกรุ่นใหญ่มีกำลังพลประกอบไปด้วย

        1.พระยาพหลพลพยุหเสนา
        2.พระยาทรงสุรเดช
   3.พระยาฤทธิอัคเนย์
   4.พระประศาสน์พิทยายุทธ


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 31 ม.ค. 25, 10:19

       พระยาพหลพลพยุหเสนาเข้าร่วมการประชุมกระทรวงกลาโหมประมาณปลาย 2473 จากนั้นสักพักหนึ่งถึงได้พูดคุยเรื่องการเปลี่ยนแปลงการปกครองกับน้องชาย กว่าจะได้เจอนายประยูร ภมรมนตรีน่าจะประมาณต้นปี 2474 และใช้เวลารวบรวมนายทหารรุ่นใหญ่เพิ่มเติมอีกสักพักใหญ่ๆ จากนั้นจึงนัดหมายประชุมระดับหัวหน้าเป็นครั้งแรก กำหนดให้มีผู้เข้าร่วมไม่เกิน 8 คนตามที่โหรประจำตัวให้คำแนะนำ รวมทั้งเพื่อมิให้การประชุมเป็นที่เอิกเกริกมากเกินไป ถูกตำรวจบุกเข้ามารวบตัวจะได้ไม่เดินซ้ำรอยคดี ร.ศ.130

       การประชุมครั้งแรกจัดขึ้นช่วงต้นปี 2475 ใช้บ้านพักนายประยูร ภมรมนตรีที่สามเสนเป็นจุดนัดพบในยามค่ำคืน มีผู้เข้าร่วมการประชุมจำนวน 5 คนประกอบไปด้วย พระยาพหลพลพยุหเสนา พระยาทรงสุรเดช พระยาฤทธิอัคเนย์ นายประยูร ภมรมนตรี และหลวงพิบูลสงคราม ประเด็นหลักมีการพิจารณาปัญหาต่างๆ จำนวน 4 เรื่อง ประเด็นสำคัญก็คือให้พหลพลพยุหเสนาเป็นหัวหน้าคณะผู้ก่อการ และให้พระยาทรงสุรเดชร่างแผนการเสนอให้กับที่ประชุมพิจารณาในครั้งหน้า

     

       เนื่องจากพระยาฤทธิอัคเนย์แสดงท่าทีค่อนข้างประหลาด พหลพลพยุหเสนากับพระยาทรงสุรเดชจึงตัดสินใจร่วมกันว่า เพื่อรักษาความลับจะให้พระยาฤทธิอัคเนย์เข้าประชุมอีกแค่ครั้งเดียว จากนั้นจึงแจ้งข่าวอีกครั้งก่อนวันยึดอำนาจโน่นเลย เพื่อที่เจ้าตัวจะได้เตรียมความพร้อมทุกอย่างโดยไม่มีข้อผิดพลาด

        พหลพลพยุหเสนาถูกแต่งตั้งเป็นหัวหน้าคณะผู้ก่อการ พระยาทรงสุรเดชเป็นเสนาธิการวางแผนยึดอำนาจด้วยตัวเอง ส่วนพระยาศรีสิทธิสงครามยังคงทำงานตามปรกติดังเดิม ไม่ระแคะระคายว่าสองเพื่อนสนิทได้เพื่อนใหม่และมีแผนการสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 01 ก.พ. 25, 09:55


       แม้พระยาพหลพลพยุหเสนาจะกำชับอย่างหนักแน่นเรื่องการรักษาความลับ โชคร้ายค่ำคืนสุดท้ายก่อนการยึดอำนาจตำรวจกลับทราบเรื่องนี้โดยบังเอิญ เนื่องจากคณะผู้ก่อการสายพลเรือนบางคนเมาแล้วหลุดปากพูดออกมาในร้านอาหาร พระยาอธิกรณ์ประกาศอธิบดีกรมตำรวจรีบเดินทางมาพบกรมพระนครสวรรค์วรพินิต เพื่อเสนอรายชื่อบุคคลผู้สมควรถูกจับกุมโดยเร่งด่วนจำนวน 5 รายประกอบไปด้วย

   1.หลวงประดิษฐ์ มนูธรรม
       2.นายพันตรีหลวงพิบูลสงคราม
       3.นายนาวาตรีหลวงสินธุสงครามชัย
       4.นายตั้ว พลานุกรม
       5.นายประยูร ภมรมนตรี

       กรมพระนครสวรรค์วรพินิตเห็นรายชื่อก็ทักขึ้นมาว่า บุคคลเหล่านี้ล้วนเป็นเด็กไม่มีความหมาย โดยเฉพาะตายูรลูกตาแย้มก็เคยทำขวัญตั้งชื่อมาตั้งแต่เกิด จึงยับยั้งไม่ให้ตำรวจออกหมายจับและทำพลาดครั้งใหญ่โตมากที่สุดในชีวิต

       ไม่รู้จะบอกว่าคณะผู้ก่อการอยู่ในจำพวกคนเหนือดวง หรือกรมพระนครสวรรค์วรพินิตประมาทมากเกิดเหตุถึงจะถูก ว่ากันตามจริงในเมื่ออธิบดีกรมตำรวจนำรายชื่อมาส่งมอบกลางดึก ก็สมควรให้ตำรวจนำตัวมาสอบสวนเพื่อขยายความหรืออะไรก็ว่ากันไป

       และด้วยเหตุผลที่พระยาพหลพลพยุหเสนารักษาความลับอย่างเต็มที่ คณะผู้ก่อการสายพลเรือนขี้เมาทั้งสองรายจึงไม่คุ้นเคยคณะผู้ก่อการกลุ่มที่ 4 การประชุมวันสุดท้ายหลวงประดิษฐ์ มนูธรรมพยายามสอบถามรายชื่อทหารทั้งหมด พระยาทรงสุรเดชก็เอาแต่บอกปัดไม่ยอมลงรายละเอียด อ้างว่าเมื่อถึงวันยึดอำนาจเขาจะพามาตามนัดหมายด้วยตัวเอง

       ความอ่อนด้อยประสบการณ์เกือบทำให้คณะผู้ก่อการทุกคนถูกแขวนคอ

       ภาพประกอบคือ พลตำรวจโทพระยาอธิกรณ์ประกาศ (หลุย จาติกวณิช) ผู้เกือบยับยั้งการยึดอำนาจในปี 2475 จากการตามสืบข่าวคณะผู้ก่อการสายพลเรือน

       


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 01 ก.พ. 25, 10:01

       ในเมื่อคณะผู้ก่อการทั้งหมดไม่ถูกแขวนคอเพราะพวกขี้เมาปากเสีย แผนการสะท้านฟ้าสะเทือนดินจึงเดินหน้าต่อโดยไม่มีสิ่งใดเข้ามากั้นขวาง

       วันที่ 24 มิถุนายน 2475 คณะผู้ก่อการซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘คณะราษฎร’ ได้ออกปฏิบัติการตามแผนที่ 3 โดยพร้อมเพรียงตั้งแต่เวลา 05.00 น. ผมไม่ลงรายละเอียดนะครับเนื่องจากไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สรุปแค่เพียงสั้นๆ แผนการยึดอำนาจแบบสายฟ้าแลบสำเร็จลุล่วงด้วยฝีมือ พระยาพหลพลพยุหเสนา พระยาทรงสุรเดช พระประศาสน์พิทยายุทธ และรถยนต์บรรทุกปืนใหญ่ของพระยาฤทธิอัคเนย์ โดยมีหลวงพิบูลสงคราม หลวงสินธุสงครามชัย และนักเรียนนายร้อยทหารบก เป็นตัวประกอบมีหน้าที่เดินตามหลังไม่มีบทพูด

       วันที่ 24 มิถุนายน 2475 'ทะแกล้วทหารสามเกลอ' หรือ ‘สามทหารเสือแห่งสยามประเทศ’ ได้พลันสูญสลายหายไป ‘สี่ทหารเสือแห่งคณะราษฎร’ ผงาดขึ้นมาแทนที่ทันทีทันควัน กลายเป็นบุคคลสำคัญระดับประเทศผู้มีอำนาจทั้งทางการทหารและการเมือง

            

       ผมขอชื่นชมพระประศาสน์พิทยายุทธมากเป็นพิเศษ แม้ตัวเองอาจเข้าร่วมกับคณะราษฎรเป็นคนสุดท้าย แต่เป็นการเข้าร่วมแบบใจเกินร้อยพร้อมเทหมดหน้าตักเพื่อชัยชนะ เขาหน้าที่ตัวเองได้อย่างยอมเยี่ยมได้คะแนนเต็มสิบทุกปฏิบัติการ รวมทั้งการคุมตัวกรมพระนครสวรรค์วรพินิตมาประทับที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งเป็นภารกิจชี้เป็นชี้ตายอีกหนึ่งภารกิจหากทำผิดพลาดตัวเองอาจไม่มีแผ่นดินกลบหน้า



บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 01 ก.พ. 25, 10:06

     ผมมีเบื้องหลังการยึดอำนาจแบบสายฟ้าแลบมาเล่าสู่กันฟัง นายประยูร ภมรมนตรีเคยบอกกับพระยาพหลพลพยุหเสนาว่า กำลังพลของเรามากเพียงพอในการดำเนินการ ขาดอยู่ก็แต่ความร่วมมือจากนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ทว่าเมื่อถึงวันจริงคณะราษฎรกลุ่มที่ 1 ถึง 3 มีบทบาทน้อยนิดและมีกำลังพลค่อนข้างน้อย หากลงมือด้วยตัวเองมีหวังถูกทหารฝ่ายรัฐบาลบดขยี้เหมือนมดปลวก รวมทั้งอาจถูกจับยกแก๊งถ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิตรอบคอบมากกว่านี้

     ส่วนคณะราษฎรกลุ่มที่ 4 อาจยึดอำนาจได้อย่างละมุนละม่อม แต่หลังจากนั้นคงปกครองแผ่นดินไม่ได้เพราะตัวเองไม่มีความรู้ความสามารถ ต้องพึ่งพาคณะราษฎรกลุ่มอื่นซึ่งร่วมกับศึกษาและวางแผนปกครองสยามประเทศมานานนับสิบปี

     วันยึดอำนาจมีประเด็นเล็กน้อยที่ผมจำเป็นต้องพูดถึง คณะราษฎรกลุ่มพลเรือนได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เขียนใบปลิว เนื้อหาใจความค่อนข้างรุนแรงและใส่คำว่า ‘ศรีอารยะ’ ในช่วงปิดท้าย เมื่อนายประยูร ภมรมนตรีได้อ่านพลันเกิดอาการเม้งแตกทันที เนื่องจากรู้ดีหลวงประดิษฐ์ มนูธรรมมักใช้คำว่าศรีอารยะเป็นคำแฝงแทนที่คำว่า ‘คอมมูนิสต์’ ยังนับว่าโชคดีที่ 4 ทหารเสือไม่เข้าใจความหมายแฝงในช่วงท้ายของใบปลิว ไม่เช่นนั้นอาจมีการตบตีกันเองในคณะผู้ก่อการตั้งแต่วันแรกของการยึดอำนาจ

     สิ่งนี้อาจเป็นรอยร้าวเล็กๆ รอยแรกของคณะราษฎรทั้ง 4 กลุ่ม


      


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 01 ก.พ. 25, 10:37


      ศึกษาเรื่องนี้สนุกไปอีกแบบนะครับ  ยิ้ม

      การหาข้อเท็จจริงของเหตุการณ์เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะแต่ละคนมักอธิบายเหตุการณ์เดียวกันด้วยมุมมองตัวเองเป็นหลัก หลายเหตุการณ์จึงขัดแย้งกันชนิดคนอ่านต้องปวดไมเกรนสองข้าง (ราโชมอนชัดๆ) แม้กระทั่งหนังสือ ‘ชีวิต 5 แผ่นดินของข้าพเจ้า’ เขียนโดยนายประยูร ภมรมนตรี ฉบับรวบรวมและตีพิมพ์โดย วิชัย บำรุงฤทธิ์ ปี 2519 กับฉบับงานพระราชทานเพลิงศพปี 2525 ยังมีข้อมูลหลายส่วนไม่ตรงกันอันเกิดจากการปรุงแต่งต้นฉบับเพื่ออะไรสักอย่าง ผมจึงยึดถือฉบับปี 2519 เป็นข้อมูลหลักเพราะมีเหตุผลที่มาที่ไปที่น่าเชื่อถือมากกว่า
 

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 02 ก.พ. 25, 10:24

       เช้าวันที่ 24 มิถุนายน 2475 เมื่อพระยาศรีสิทธิสงครามทราบข่าวว่ามีการยึดอำนาจ เขารีบเดินทางมาที่บ้านพักพระยาพหลพลพยุหเสนาเพื่อปรึกษาเพื่อน เนื่องจากเพื่อนเคยพูดถึงเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้วจากนั้นก็เงียบหายไป โชคร้ายไม่เจอเพื่อนสอบถามคนในบ้านก็ยังไม่รู้ความ จึงตัดสินใจนั่งคอยกระทั่งทราบข่าวในช่วงบ่ายว่าเพื่อนเป็นผู้นำการยึดอำนาจ เขาพลันโล่งใจยอมเดินทางกลับบ้านพักตัวเองเพื่อทำกิจธุระส่วนตัว

       เวลาเดียวกันหลังยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครองสยามประเทศ พระยาพหลพลพยุหเสนาส่งคนตามหาพระยาศรีสิทธิสงครามทั้งที่ทำงานและที่บ้าน เพื่อสอบถามเป็นครั้งสุดท้ายว่าสรุปนายจะเอากับกันหรือไม่ ถ้าเพื่อนตกลงจะได้ช่วยกันทำงานเพื่ออนาคตใหม่ของพี่น้องชาวไทย โชคร้ายไม่มีใครพบหน้าพระยาศรีสิทธิสงคราม เนื่องจากเจ้าตัวนั่งรออยู่ที่บ้านพักพระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นอันว่าวันนั้นทั้งคู่พาลไม่ได้พบหน้าหรือพูดคุยกัน

       ไม่กี่วันถัดมาหลังตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสร็จเรียบร้อย พระยาศรีสิทธิสงครามเดินทางมาพบพระยาพหลพลพยุหเสนาเพื่อปรับความเข้าใจ จากนั้นจึงกลับไปทำงานด้วยความปลอดโปร่งโล่งใจ แม้การยึดอำนาจตัวเองไม่ได้ช่วยเหลือเพื่อนตามความประสงค์ แต่ไม่ได้ขัดขวางหรือกระทำสิ่งที่ไม่สมควร จึงคิดว่าเพื่อนไม่น่าทำอะไรที่เป็นการหักหาญน้ำใจ

       พระยาศรีสิทธิสงครามมัวแต่ระแวงพระยาพหลพลพยุหเสนา ลืมคิดไปว่าผู้กุมอำนาจตัวจริงคือเพื่อนร่วมแก๊งทะแกล้วทหารสามเกลออีกหนึ่งคน

       ภาพประกอบคือพระลานพระราชวังดุสิตในวันยึดอำนาจ

      


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 02 ก.พ. 25, 10:30

       ย้อนกลับไปในวันที่ 25 มิถุนายน 2475 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเดินทางจากหัวหินกลับมาถึงพระนคร คณะราษฎรได้ขอเข้าเฝ้าเพื่อนำรัฐธรรมนูญขึ้นทูลฯ ถวายเกล้าเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย พระองค์ทรงถามพระยาทรงสุรเดชว่าได้อ่านรัฐธรรมนูญ พระยาทรงสุรเดชตอบว่าไม่ได้อ่านสอบถามนายประยูร ภมรมนตรีก็ไม่ได้อ่านเช่นเดียวกัน ปัญหาก็คือรัฐธรรมนูญซึ่งสมควรร่างตามแบบอังกฤษ ใช้คำว่า ‘คณะกรรมการราษฎร’แทนที่คำว่าเสนาบดีตามแบบรัสเซีย พระยาทรงสุรเดชรีบขอโทษและบอกว่าข้าพเจ้าจะกลับไปร่างมาใหม่ให้ตรงตามพระประสงค์

       เป็นอันว่าวันนั้นรัฐธรรมนูญไม่ได้ลงพระปรมาภิไธย และพระยาทรงสุรเดชก็ทะเลาะกับหลวงประดิษฐ์มนูธรรมซึ่งเป็นผู้นำคณะราษฎรสายพลเรือน

      ความขัดแย้งภายในคณะราษฎรต้องเกิดขึ้นแน่นอน เพราะแต่ละกลุ่มไม่ได้สนิทสนมกันชนิดมองหัวแม่โป้งก็รู้ใจ โดยเฉพาะกลุ่มที่ 4 ทหารบกรุ่นใหญ่ซึ่งมาทีหลังไม่สนิทกับกลุ่มอื่น เจอหน้าตอนประชุมเพียงไม่กี่ครั้งก็ลงมือเดินหน้าแผนการยึดอำนาจ ส่วนนายประยูร ภมรมนตรีซึ่งเป็นคนกลางทำหน้าที่ประสานงาน สนิทกับหลวงประดิษฐ์มนูธรรมและหลวงพิบูลสงครามจนอาจเรียกว่าสามทหารเสือรุ่นเล็ก ทว่าเจ้าตัวสนิทกับหลวงพิบูลสงครามมากและถือเป็นเพื่อนตาย ส่วนหลวงประดิษฐ์มนูธรรมสนิทเพียงผิวเผินไม่รู้ใจซึ่งกันและกัน

       ความขัดแย้งภายในคณะราษฎรครั้งที่ 1 เกิดขึ้นหลังการยึดอำนาจเพียง 1 วัน

       ภาพประกอบคือหลวงประดิษฐ์มนูธรรมผู้นำคณะราษฎรสายพลเรือน

        


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 02 ก.พ. 25, 10:31

        หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองและได้พระยามโนปกรณ์นิติธาดาเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศ คณะราษฎรได้รับรางวัลตอบแทนคุณงามความดีกันอย่างทั่วถึง พระยาพหลพลพยุหเสนาได้ครองตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกและเข้าร่วมรัฐบาล ส่วนพระยาทรงสุรเดชได้ครองตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกและเข้าร่วมรัฐบาล เขาคือคนกุมอำนาจทางทหารเพื่อดูแลประเทศชาติ รวมทั้งความปลอดภัยของตัวเองและเพื่อนร่วมคณะราษฎร

        เข้ารับตำแหน่งได้ไม่นานพระยาทรงสุรเดชพลันนึกได้ว่า อำนาจที่ตัวเองครอบครองได้มาจากการใช้กำลังยึดอำนาจ โอกาสที่ตัวเองจะถูกยึดอำนาจกลับคืนย่อมมีความเป็นไปได้ เขาพิจารณาต่อจนได้พบว่ามีบุคคลเพียงไม่กี่รายที่สามารถทำได้ และบุคคลผู้น่าหวาดวิตกมากที่สุดก็คืออดีตเพื่อนสนิทจากแก๊งทะแกล้วทหารสามเกลอ

   พระยาทรงสุรเดชตัดสินใจย้ายพระยาศรีสิทธิสงครามจากตำแหน่งเสนาธิการกองทัพที่ 1 มาเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงธรรมการชนิดสายฟ้าแลบ

       ความสัมพันธ์สามทหารเสือแห่งสยามประเทศพังทลายทันที!


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 02 ก.พ. 25, 10:32



        สำหรับเรื่องนี้ผมทั้งเห็นใจและเข้าใจพระยาทรงสุรเดช เขาเป็นคนให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าวิธีการ บางครั้งต้องทำในสิ่งที่คนทั่วไปมองว่าสกปรกไม่เป็นสุภาพบุรุษ เขามองว่าพระยาศรีสิทธิสงครามมีความสามารถใกล้เคียงกัน ถ้าถูกกลุ่มอำนาจเก่าเกลี้ยกล่อมตัวเองอาจไม่ปลอดภัย จำเป็นต้องตัดไฟแต่ต้นลมโดยการย้ายเพื่อนออกห่างจากเขตทหาร
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 7
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.06 วินาที กับ 19 คำสั่ง