ยินดีต้อนรับ
ท่านผู้มาเยือน
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
หน้าแรก
ตู้หนังสือ
ค้นหา
ข่าว
: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
เรือนไทย
>
General Category
>
ภาษาวรรณคดี
>
ชื่อ“สรัทจันทร” อ่านว่ายังไงครับ
หน้า: [
1
]
พิมพ์
อ่าน: 11763
ชื่อ“สรัทจันทร” อ่านว่ายังไงครับ
Kiangsak loekaudom
อสุรผัด
ตอบ: 137
เมื่อ 05 ธ.ค. 24, 22:15
ขอรบกวนชาวสมาขิกช่วยอ่านชื่อนี้ให้หน่อยครับ
1.สะ-รัด/หรัด-จัน
2.สะ-รัด/หนัด-ทะ-จัน
3.สัด-ทะ- จัน
รบกวนช่วยหน่อยนะครับว่าอ่านแบบไหน แล้วความหมายคืออะไรครับ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
ตอบ: 16060
ความคิดเห็นที่ 1
เมื่อ 06 ธ.ค. 24, 09:35
มีคำที่พบบ่อย ๆ มากกว่า "สรัทจันทร" คือ "สรัสจันทร" ซึ่งเป็นชื่อพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สำหรับไม้ล้มลุกขนาดเล็ก ดอกสีชมพูจนถึงสีม่วงอ่อนอมฟ้า ชื่ออื่นคือ ดอกดิน, กล้วยมือนาง, หญ้าหนวดเสือ ชื่อวิทยาศาสตร์คือ
Burmannia coelestis
คำว่า "สรัส" ออกเสียงตามหลักอักษรนำ ซึ่งมีพยัญชนะต้นสองตัว ตัวแรกคือ ส เป็นอักษรสูง ออกเสียงเป็น สะ ครึ่งเสียง ตัวที่สองคือ ร เป็นอักษรต่ำเดี่ยว ออกเสียงโดยมี ห นำ เป็น หรัด ดังนั้น สรัส จึงอ่านว่า สะ-หรัด
คำว่า "จันทร" หากมีเครื่องหมายทัณฑฆาตบนอักษร ร คือ จันทร์ อ่านว่า จัน แต่ถ้าไม่มี อ่านเป็นสองพยางค์ คือ จัน-ทอน
"สรัทจันทร" และ "สรัสจันทร " อ่านว่า สะ-หรัด-จัน-ทอน หรือถ้าถือว่าเป็นคำสมาส "สรัทจันทร" อ่านว่า สะ-หรัด-ทะ-จัน-ทอน และ "สรัสจันทร " อ่านว่า สะ-หรัด-สะ-จัน-ทอน
บันทึกการเข้า
Kiangsak loekaudom
อสุรผัด
ตอบ: 137
ความคิดเห็นที่ 2
เมื่อ 06 ธ.ค. 24, 13:30
สรัทจันทร ยังเป็นพระนามของหม่อมเจ้าหญิงสรัทจันทร กิติยากร พระธิดาองค์เล็กใน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ กับหม่อมเจ้าหญิงอัปษรสมาน เทวกุล ประสูติ 26 ธันวาคม 2450 ชีพิตักษัย 30 กันยายน 2466
บันทึกการเข้า
Kiangsak loekaudom
อสุรผัด
ตอบ: 137
ความคิดเห็นที่ 3
เมื่อ 06 ธ.ค. 24, 19:29
อ้างจาก: เพ็ญชมพู ที่ 06 ธ.ค. 24, 09:35
มีคำที่พบบ่อย ๆ มากกว่า "สรัทจันทร" คือ "สรัสจันทร" ซึ่งเป็นชื่อพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สำหรับไม้ล้มลุกขนาดเล็ก ดอกสีชมพูจนถึงสีม่วงอ่อนอมฟ้า ชื่ออื่นคือ ดอกดิน, กล้วยมือนาง, หญ้าหนวดเสือ ชื่อวิทยาศาสตร์คือ
Burmannia coelestis
คำว่า "สรัส" ออกเสียงตามหลักอักษรนำ ซึ่งมีพยัญชนะต้นสองตัว ตัวแรกคือ ส เป็นอักษรสูง ออกเสียงเป็น สะ ครึ่งเสียง ตัวที่สองคือ ร เป็นอักษรต่ำเดี่ยว ออกเสียงโดยมี ห นำ เป็น หรัด ดังนั้น สรัส จึงอ่านว่า สะ-หรัด
คำว่า "จันทร" หากมีเครื่องหมายทัณฑฆาตบนอักษร ร คือ จันทร์ อ่านว่า จัน แต่ถ้าไม่มี อ่านเป็นสองพยางค์ คือ จัน-ทอน
"สรัทจันทร" และ "สรัสจันทร " อ่านว่า สะ-หรัด-จัน-ทอน หรือถ้าถือว่าเป็นคำสมาส "สรัทจันทร" อ่านว่า สะ-หรัด-ทะ-จัน-ทอน และ "สรัสจันทร " อ่านว่า สะ-หรัด-สะ-จัน-ทอน
เป็นไปได้ไหมครับที่คำว่าสรัท มาจากคำว่าสารท
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
ตอบ: 16060
ความคิดเห็นที่ 4
เมื่อ 07 ธ.ค. 24, 09:35
อ้างจาก: Kiangsak loekaudom ที่ 06 ธ.ค. 24, 19:29
เป็นไปได้ไหมครับที่คำว่าสรัท มาจากคำว่าสารท
ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ มีแต่คำว่า ศรัท อ่านว่า สะ-รัด แปลว่า ฤดูสารท มาจากสันสกฤตว่า ศรท บาลีว่า สรท น่าจะแปลงได้เป็น สรัท ซึ่งน่าจะอ่านว่า สะ-รัด เช่นกัน
สำหรับ สรัส เป็นคำเดียวกับคำว่า สระ มาจากสันสกฤตว่า สรสฺ อ่านว่า สะ-รัด แปลว่า สายน้ำ, แอ่งน้ำ
ดังนั้นขอแก้ไขดังนี้
สรัท, สรัส อ่านว่า สะ-หรัด ❌
สรัท, สรัส อ่านว่า สะ-รัด ✅
บันทึกการเข้า
Kiangsak loekaudom
อสุรผัด
ตอบ: 137
ความคิดเห็นที่ 5
เมื่อ 17 ธ.ค. 24, 07:50
แล้วกิติปปียา มีความหมายว่าอะไร มาจากรากศัพท์อะไรครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 41293
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
ความคิดเห็นที่ 6
เมื่อ 17 ธ.ค. 24, 10:23
ส่งข้อความหลังไมค์ไปขอความรู้จากผู้เชี่ยวชาญทางภาษาบาลีแล้วค่ะ ระหว่างนี้ขอแปลตามความเข้าใจของตัวเองไปก่อน
"กิติปปียา" ที่ถามมา คงเห็นจากพระนามหม่อมเจ้ากิติปปียา กิติยากร พระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ ประสูติแต่หม่อมละเมียด
แปลว่า ผู้เป็นที่รักของกิติ
หรือจะแปลคำว่า กิติ ด้วย ก็แปลว่าผู้เป็นที่รักที่มีชื่อเสียง
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
ตอบ: 16060
ความคิดเห็นที่ 7
เมื่อ 17 ธ.ค. 24, 10:35
กิติ อาจมาจาก พระนามเดิมของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ คือ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ หรือ ชื่อราชสกุล กิติยากร
ดังนั้น กิติปปียา อาจแปลได้ว่า ผู้เป็นที่รักของ 'กิติยากรวรลักษณ์' หรือ ผู้เป็นที่รักแห่ง 'กิติยากร'
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 41293
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
ความคิดเห็นที่ 8
เมื่อ 19 ธ.ค. 24, 19:57
ไปขอคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญทางบาลี พลเรือตรีทองย้อย แสงสินชัย ท่านก็กรุณาให้คำตอบมาอย่างถี่ถ้วน ตามนี้ค่ะ
#บาลีวันละคำ (4,572)
กิติปปียา
หมายความว่าอะไร
มีท่านที่เคารพนับถือถามมาว่า คำว่า “กิติปปียา” หมายความว่าอะไร
ผู้เขียนบาลีวันละคำเห็นว่าเป็นคำที่น่ารู้ จึงขออนุญาตเอามาเขียนเป็นบาลีวันละคำ และขอให้ถือว่าเป็นการตอบคำถามไปในตัว
เบื้องต้น ตามหลักภาษาเท่าที่ตาเห็น คำว่า “กิติปปียา” ในภาษาไทย อ่านว่า กิ-ติบ-ปี-ยา ก็ได้ หรือจะอนุโลมอ่านว่า กิด-ติบ-ปี-ยา ก็ได้ ต่างกันที่พยางค์แรก “กิติป-” ถ้าอ่านเท่าที่ตาเห็น ต้องอ่านว่า กิ-ติบ- แต่เนื่องจากคำว่า “กิติ-” (ต เต่า ตัวเดียว) รูปคำเดิมควรจะเป็น “กิตติ-” (ต เต่า 2 ตัว) ซึ่งอ่านว่า กิด-ติ- เพราะฉะนั้น จึงบอกว่า จะอนุโลมอ่านว่า กิด-ติ- ก็ได้ คือเป็นการอ่านตามรูปคำเดิม
“กิติปปียา” ในที่นี้สันนิษฐานว่า เป็นคำที่มาจากบาลี ไม่ได้แปลงรูปและเสียงมาจากคำในภาษาอื่น ถ้ามาจากบาลีก็แยกศัพท์เป็น กิติ + ปียา ซ้อน ป ระหว่างศัพท์
(๑) “กิติ”
รูปคำเดิมเป็น “กิตติ” เขียนแบบบาลีเป็น “กิตฺติ” (มีจุดใต้ ตฺ ตัวแรก) อ่านว่า กิด-ติ รากศัพท์มาจาก กิตฺตฺ (ธาตุ = กล่าวถึง, พูดด้วยดี) + อิ ปัจจัย
: กิตฺต + อิ = กิตฺติ แปลตามศัพท์ว่า “ความดีอันเขากล่าวถึง” หมายถึง คำเล่าลือ, คำสรรเสริญ, ชื่อเสียง, ความรุ่งโรจน์, เกียรติยศ (fame, renown, glory, honour)
“กิตฺติ” สันสกฤตเป็น “กีรฺติ”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน มีคำว่า “กีรฺตฺติ” และ “กีรฺติ” บอกไว้ดังนี้ :
(สะกดตามต้นฉบับ)
“กีรฺตฺติ, กีรฺติ : (คำนาม) เกียรติ, ความบันลือ, ศรี (ยศสฺหรือสง่า), อนุเคราะห์, อนุกูลย์; ธันยวาท; ศัพท์, เสียง; อาภา, โศภา; โคลน, สิ่งโสโครก; ความซ่านทั่ว; มูรติทิพยศักดิ์ของพระกฤษณ; fame, renown, glory; favour; approbation; sound; light, lustre; mud, dirt; diffusion, expansion; one of the Mātrikās or personified divine energies of Krishṇa.”
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า -
“กิตติ : (คำนาม) คำเล่าลือ, คำสรรเสริญ. (ป.).”
(๒) “ปียา”
รูปคำเดิมในบาลีเป็น “ปิย” (ปิ- สระ อิ) อ่านว่า ปิ-ยะ รากศัพท์มาจาก ปี (ธาตุ = รักใคร่, ชอบใจ) + ณฺย ปัจจัย, ลบ ณ, รัสสะ อี ที่ ปี เป็น อิ (ปี > ปิ)
: ปี + ณฺย = ปีณฺย > ปีย > ปิย แปลตามศัพท์ว่า “ผู้อันบุคคลพึงรักใคร่” “สิ่งที่ควรรักชอบ”
“ปิย” ในบาลีมีความหมายว่า -
(1) ที่รัก, ผู้เป็นที่รัก (dear, beloved)
(2) น่าพึงพอใจ, คบได้, เป็นที่ชอบ (pleasant, agreeable, liked)
โปรดสังเกตว่า รูปสำเร็จ “ปิย” (ปิ- สระ อิ) ผ่าน “ปีย” (ปี- สระ อี) มาก่อน
กิตฺติ + ปิย ซ้อน ปฺ ระหว่างศัพท์
: กิตฺติ + ปฺ + ปิย = กิตฺติปฺปิย อ่านว่า กิด-ติบ-ปิ-ยะ
“กิตฺติปฺปิย” ใช้ในภาษาไทย --
(1) ตัด ตฺ ตัวสะกดออกตัวหนึ่ง เขียนเป็น “กิติ”
(2) แผลง อิ ที่ ปิ เป็น อี กลับไปหารูปเดิมที่เป็น “ปีย” (ดูข้างต้น)
(3) + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์โดยประสงค์ เช่น-เนื่องจากใช้เป็นชื่อสตรี
: กิตฺติปฺปิย > กิติปปิย > กิติปปีย > กิติปปียา
ขยายความ :
เนื่องจากคำว่า “กิตฺติปฺปิย” เป็นคำที่เอาศัพท์ 2 ศัพท์มาสมาสกันโดยประสงค์ ดังนั้น จึงอาจแปลได้หลายนัย คือ -
(1) “มีชื่อเสียงและเป็นที่รัก” = ทั้งมีชื่อเสียง ทั้งเป็นที่รัก
(2) “เป็นที่รักเพราะมีชื่อเสียง” = ชื่อเสียงเป็นเหตุให้เป็นที่รัก เช่น ประกอบกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นที่รู้เห็นกันทั่วไป ( = มีชื่อเสียง) และกรรมนั้นเป็นเรื่องดีงาม จึงเป็นเหตุให้คนทั้งหลายชื่นชมยินดี ( = เป็นที่รัก) (ถ้ากรรมนั้นเป็นเรื่องไม่ดีไม่งาม ก็ย่อมจะไม่เป็นที่รักของใคร)
(3) “มีชื่อเสียงเพราะเป็นที่รัก” = เป็นที่รักเป็นเหตุให้มีชื่อเสียง เช่น ประกอบกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งอันเป็นที่รักของคนทั้งหลาย ( = เป็นที่รัก) จึงเป็นเหตุให้มีคนรู้จักกันทั่วไป ( = มีชื่อเสียง) (ถ้ากรรมนั้นเป็นเรื่องไม่ดีไม่งาม ก็ย่อมจะไม่มีชื่อเสียงในทางดี)
คำบาลี “กิตฺติปฺปิย” แปลงรูปเป็นคำไทยโดยประสงค์เป็น “กิติปปียา”
ถ้าเป็นชื่อบุคคล เช่นชื่อสตรี ก็เข้าลักษณะที่ภาษาบาลีเรียกว่า “อสาธารณนาม” (ชื่อที่ไม่ทั่วไป เช่นใช้กับบางคน ไม่ได้ใช้กับคนทั่วไป) หรือศัพท์วิชาการภาษาไทยเรียกว่า “วิสามานยนาม” (คำนามที่เป็นชื่อเฉพาะ) คำอังกฤษเรียกว่า proper name
ถ้าเป็นชื่อเฉพาะอย่างนี้ คำว่า “กิติปปียา” จะมาจากภาษาอะไร อ่านว่าอย่างไร แปลว่าอย่างไร มีความหมายว่าอย่างไร ย่อมเป็นไปตามความประสงค์ของเจ้าของชื่อหรือผู้ตั้งชื่อ
รากศัพท์ ตลอดจนคำอ่าน คำแปล ที่แสดงไว้ เป็นการแสดงตามหลักภาษาบาลีเท่าที่ตาเห็นเท่านั้น อาจตรงหรือไม่ตรงกับความประสงค์ของเจ้าของชื่อหรือผู้ตั้งชื่อก็เป็นได้
..............
ดูก่อนภราดา!
: ประสบความสำเร็จเพราะสร้างบุญบารมี
: น่าชื่นชมกว่าได้ดีเพราะโชคช่วย
18-12-67
..................................
https://www.facebook.com/tsangsinchai/posts/pfbid02oEDyeWYvRS3qKVeYzmomDrYsxGA1kPmZzkxGeF5xvrpK1b2t9Xn6KbV1KU35bMel
..................................
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
ตอบ: 16060
ความคิดเห็นที่ 9
เมื่อ 19 ธ.ค. 24, 20:35
อ้างจาก: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 24, 19:57
กิตฺติ + ปิย ซ้อน ปฺ ระหว่างศัพท์ : กิตฺติ + ปฺ + ปิย = กิตฺติปฺปิย
ถามอาจารย์ทองย้อยผ่านคุณเทาชมพูว่า "ทำไมต้องเอา ปฺ ซ้อนระหว่างศัพท์ ไม่มี ปฺ ได้หรือไม่ หรือเป็นไปตามหลักไวยากรณ์บาลี"
บันทึกการเข้า
Kiangsak loekaudom
อสุรผัด
ตอบ: 137
ความคิดเห็นที่ 10
เมื่อ 19 ธ.ค. 24, 21:58
อ้างจาก: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 24, 19:57
ไปขอคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญทางบาลี พลเรือตรีทองย้อย แสงสินชัย ท่านก็กรุณาให้คำตอบมาอย่างถี่ถ้วน ตามนี้ค่ะ
#บาลีวันละคำ (4,572)
กิติปปียา
หมายความว่าอะไร
มีท่านที่เคารพนับถือถามมาว่า คำว่า “กิติปปียา” หมายความว่าอะไร
ผู้เขียนบาลีวันละคำเห็นว่าเป็นคำที่น่ารู้ จึงขออนุญาตเอามาเขียนเป็นบาลีวันละคำ และขอให้ถือว่าเป็นการตอบคำถามไปในตัว
เบื้องต้น ตามหลักภาษาเท่าที่ตาเห็น คำว่า “กิติปปียา” ในภาษาไทย อ่านว่า กิ-ติบ-ปี-ยา ก็ได้ หรือจะอนุโลมอ่านว่า กิด-ติบ-ปี-ยา ก็ได้ ต่างกันที่พยางค์แรก “กิติป-” ถ้าอ่านเท่าที่ตาเห็น ต้องอ่านว่า กิ-ติบ- แต่เนื่องจากคำว่า “กิติ-” (ต เต่า ตัวเดียว) รูปคำเดิมควรจะเป็น “กิตติ-” (ต เต่า 2 ตัว) ซึ่งอ่านว่า กิด-ติ- เพราะฉะนั้น จึงบอกว่า จะอนุโลมอ่านว่า กิด-ติ- ก็ได้ คือเป็นการอ่านตามรูปคำเดิม
“กิติปปียา” ในที่นี้สันนิษฐานว่า เป็นคำที่มาจากบาลี ไม่ได้แปลงรูปและเสียงมาจากคำในภาษาอื่น ถ้ามาจากบาลีก็แยกศัพท์เป็น กิติ + ปียา ซ้อน ป ระหว่างศัพท์
(๑) “กิติ”
รูปคำเดิมเป็น “กิตติ” เขียนแบบบาลีเป็น “กิตฺติ” (มีจุดใต้ ตฺ ตัวแรก) อ่านว่า กิด-ติ รากศัพท์มาจาก กิตฺตฺ (ธาตุ = กล่าวถึง, พูดด้วยดี) + อิ ปัจจัย
: กิตฺต + อิ = กิตฺติ แปลตามศัพท์ว่า “ความดีอันเขากล่าวถึง” หมายถึง คำเล่าลือ, คำสรรเสริญ, ชื่อเสียง, ความรุ่งโรจน์, เกียรติยศ (fame, renown, glory, honour)
“กิตฺติ” สันสกฤตเป็น “กีรฺติ”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน มีคำว่า “กีรฺตฺติ” และ “กีรฺติ” บอกไว้ดังนี้ :
(สะกดตามต้นฉบับ)
“กีรฺตฺติ, กีรฺติ : (คำนาม) เกียรติ, ความบันลือ, ศรี (ยศสฺหรือสง่า), อนุเคราะห์, อนุกูลย์; ธันยวาท; ศัพท์, เสียง; อาภา, โศภา; โคลน, สิ่งโสโครก; ความซ่านทั่ว; มูรติทิพยศักดิ์ของพระกฤษณ; fame, renown, glory; favour; approbation; sound; light, lustre; mud, dirt; diffusion, expansion; one of the Mātrikās or personified divine energies of Krishṇa.”
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า -
“กิตติ : (คำนาม) คำเล่าลือ, คำสรรเสริญ. (ป.).”
(๒) “ปียา”
รูปคำเดิมในบาลีเป็น “ปิย” (ปิ- สระ อิ) อ่านว่า ปิ-ยะ รากศัพท์มาจาก ปี (ธาตุ = รักใคร่, ชอบใจ) + ณฺย ปัจจัย, ลบ ณ, รัสสะ อี ที่ ปี เป็น อิ (ปี > ปิ)
: ปี + ณฺย = ปีณฺย > ปีย > ปิย แปลตามศัพท์ว่า “ผู้อันบุคคลพึงรักใคร่” “สิ่งที่ควรรักชอบ”
“ปิย” ในบาลีมีความหมายว่า -
(1) ที่รัก, ผู้เป็นที่รัก (dear, beloved)
(2) น่าพึงพอใจ, คบได้, เป็นที่ชอบ (pleasant, agreeable, liked)
โปรดสังเกตว่า รูปสำเร็จ “ปิย” (ปิ- สระ อิ) ผ่าน “ปีย” (ปี- สระ อี) มาก่อน
กิตฺติ + ปิย ซ้อน ปฺ ระหว่างศัพท์
: กิตฺติ + ปฺ + ปิย = กิตฺติปฺปิย อ่านว่า กิด-ติบ-ปิ-ยะ
“กิตฺติปฺปิย” ใช้ในภาษาไทย --
(1) ตัด ตฺ ตัวสะกดออกตัวหนึ่ง เขียนเป็น “กิติ”
(2) แผลง อิ ที่ ปิ เป็น อี กลับไปหารูปเดิมที่เป็น “ปีย” (ดูข้างต้น)
(3) + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์โดยประสงค์ เช่น-เนื่องจากใช้เป็นชื่อสตรี
: กิตฺติปฺปิย > กิติปปิย > กิติปปีย > กิติปปียา
ขยายความ :
เนื่องจากคำว่า “กิตฺติปฺปิย” เป็นคำที่เอาศัพท์ 2 ศัพท์มาสมาสกันโดยประสงค์ ดังนั้น จึงอาจแปลได้หลายนัย คือ -
(1) “มีชื่อเสียงและเป็นที่รัก” = ทั้งมีชื่อเสียง ทั้งเป็นที่รัก
(2) “เป็นที่รักเพราะมีชื่อเสียง” = ชื่อเสียงเป็นเหตุให้เป็นที่รัก เช่น ประกอบกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นที่รู้เห็นกันทั่วไป ( = มีชื่อเสียง) และกรรมนั้นเป็นเรื่องดีงาม จึงเป็นเหตุให้คนทั้งหลายชื่นชมยินดี ( = เป็นที่รัก) (ถ้ากรรมนั้นเป็นเรื่องไม่ดีไม่งาม ก็ย่อมจะไม่เป็นที่รักของใคร)
(3) “มีชื่อเสียงเพราะเป็นที่รัก” = เป็นที่รักเป็นเหตุให้มีชื่อเสียง เช่น ประกอบกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งอันเป็นที่รักของคนทั้งหลาย ( = เป็นที่รัก) จึงเป็นเหตุให้มีคนรู้จักกันทั่วไป ( = มีชื่อเสียง) (ถ้ากรรมนั้นเป็นเรื่องไม่ดีไม่งาม ก็ย่อมจะไม่มีชื่อเสียงในทางดี)
คำบาลี “กิตฺติปฺปิย” แปลงรูปเป็นคำไทยโดยประสงค์เป็น “กิติปปียา”
ถ้าเป็นชื่อบุคคล เช่นชื่อสตรี ก็เข้าลักษณะที่ภาษาบาลีเรียกว่า “อสาธารณนาม” (ชื่อที่ไม่ทั่วไป เช่นใช้กับบางคน ไม่ได้ใช้กับคนทั่วไป) หรือศัพท์วิชาการภาษาไทยเรียกว่า “วิสามานยนาม” (คำนามที่เป็นชื่อเฉพาะ) คำอังกฤษเรียกว่า proper name
ถ้าเป็นชื่อเฉพาะอย่างนี้ คำว่า “กิติปปียา” จะมาจากภาษาอะไร อ่านว่าอย่างไร แปลว่าอย่างไร มีความหมายว่าอย่างไร ย่อมเป็นไปตามความประสงค์ของเจ้าของชื่อหรือผู้ตั้งชื่อ
รากศัพท์ ตลอดจนคำอ่าน คำแปล ที่แสดงไว้ เป็นการแสดงตามหลักภาษาบาลีเท่าที่ตาเห็นเท่านั้น อาจตรงหรือไม่ตรงกับความประสงค์ของเจ้าของชื่อหรือผู้ตั้งชื่อก็เป็นได้
..............
ดูก่อนภราดา!
: ประสบความสำเร็จเพราะสร้างบุญบารมี
: น่าชื่นชมกว่าได้ดีเพราะโชคช่วย
18-12-67
..................................
https://www.facebook.com/tsangsinchai/posts/pfbid02oEDyeWYvRS3qKVeYzmomDrYsxGA1kPmZzkxGeF5xvrpK1b2t9Xn6KbV1KU35bMel
..................................
ขอบพระคุณมากครับ แล้ว ฉัตรฏิปปียา หลักเกณฑ์เดียวกันไหมครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 41293
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
ความคิดเห็นที่ 11
เมื่อ 20 ธ.ค. 24, 19:46
ท่านอาจารย์ทองย้อยตอบมาแล้วค่ะ
การซ้อนพยัญชนะระหว่างคำ
ถ้าตอบตามอักขรวิธี ก็ต้องตอบว่า เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของไวยากรณ์
แต่เมื่อพิจารณาให้ดี ๆ จะเห็นว่า เป็นไปตามธรรมชาติของการเปล่งเสียงอีกด้วย อาจกล่าวได้ว่า กฎเกณฑ์ของไวยากรณ์ก็กำหนดขึ้นตามธรรมชาติของการเปล่งเสียงนั่นเอง
กล่าวเฉพาะคำในคำถาม คือ กิติปปียา
กิติ ออกเสียงว่า กิ-ติ
ปียา ออกเสียงว่า ปี-ยา
กิติ + ปียา ออกเสียงปกติเรียงพยางค์ว่า กิ - ติ - ปี - ยา
ออกเสียงแบบแยกคำว่า กิ-ติ / ปี-ยา
คราวนี้ลองออกเสียงแบบแยกคำช้า ๆ
กิ-ติ /หยุด/ ปี-ยา
กิ-ติ /หยุด/ ปี-ยา
กิ-ติ /หยุด/ ปี-ยา
แล้วค่อย ๆ ออกเสียงหยุดระหว่างคำให้เร็วขึ้นเรื่อย ๆ
เสียงระหว่าง ติ กับ ปี จะกลายเป็น ติบ-ปี
กิ-ติ / ปี-ยา
กิ-ติ-ปี-ยา
กิ-ติบ-ปี-ยา
เสียงระหว่าง ติ กับ ปี ที่กลายเป็น -ติบ-ปี นี่เองที่ถูกกำหนดเป็นเกณฑ์ของไวยากรณ์ว่า ซ้อน ปฺ ระหว่าง กิติ กับ ปียา
กิติ + ปฺ + ปียา = กิติปปียา
ภาษาบาลีสะกดเป็น กิตฺติปฺปิยา (มีจุดใต้ ปฺ ตัวหน้า)
เอามาใช้เป็นคำไทย สะกดตามประสงค์เป็น กิติปปียา (ตัด ต ตัวสะกด, แปลงเสียง ปิ เป็น ปี, ป ตัวหน้าไม่มีจุดใต้)
เมื่อเอามาใช้ในภาษาไทย อาจตัดตัวซ้อนออก เขียนเป็น กิติปียา ไม่ต้องเอากฎการซ้อนในบาลีติดมาด้วยก็ได้ ถ้าเจ้าของชื่อหรือผู้ตั้งชื่อประสงค์
.................
หลักการซ้อนที่ควรทราบ คือ พยางค์แรกของคำหลังขึ้นต้นด้วยพยัญชนะอะไร ถ้าเป็นพยัญชนะที่เรียกว่า “พยัญชนะวรรค” นิยมซ้อนด้วยพยัญชนะต้นวรรค หรือไม่ก็พยัญชนะท้ายวรรค
พยัญชนะวรรคในบาลีมีดังนี้ -
ก-วรรค: ก ข ค ฆ ง
จ-วรรค: จ ฉ ช ฌ ญ
ฏ-วรรค: ฏ ฐ ฑ ฒ ณ
ต-วรรค: ต ถ ท ธ น
ป-วรรค: ป ผ พ ภ ม
นอกนั้นเรียกว่า “พยัญชนะอวรรค” คือ
ย ร ล ว ส ห ฬ อํ (อัง)
.................
ดูที่คำว่า กิติ + ปียา
พยางค์แรกของคำหลังคือ ปี- ขึ้นต้นด้วย ป
ป เป็นพยัญชนะใน ป-วรรค
พยัญชนะต้นวรรคคือ ป พยัญชนะท้ายวรรคคือ ม
เพราะฉะนั้น กิติ + ปียา ซ้อน ป ก็ได้ ซ้อน ม ก็ได้
ซ้อน ป: กิติ + ป + ปียา = กิติปปียา (กิ-ติบ-ปี-ยา)
ซ้อน ม: กิติ + ม + ปียา = กิติมปียา (กิ-ติม-ปี-ยา)
ในที่นี้ (เจ้าของชื่อหรือผู้ตั้งชื่อ) เลือกซ้อน ป จึงเป็น กิติปปียา
.................
ขอให้ลองออกเสียงคำเป็นตัวเทียบ เช่น -
สัพพัญญู
สัพพ + ญู
สัพพ = สับ-พะ
ญู = ยู
สัพพ + ญู = สับ-พะ / ยู
สับ-พะ /หยุด/ ยู
สับ-พะ /หยุด/ ยู
สับ-พะ /หยุด/ ยู
(ค่อย ๆ เร็วขึ้น)
สับ-พะ/ยู
สับ-พัด-ยู = สัพพัจญู (ซ้อนพยัญชนะต้นวรรค)
สับ-พัน-ยู = สัพพัญญู (ซ้อนพยัญชนะท้ายวรรค)
ในที่นี้เลือกใช้ สัพพัญญู
ทีปังกร
ทีป + กร
ทีป = ที-ปะ
กร = กอน
ทีป + กร = ที-ปะ / กอน
ที-ปะ /หยุด/ กอน
ที-ปะ /หยุด/ กอน
ที-ปะ /หยุด/ กอน
(ค่อย ๆ เร็วขึ้น)
ที-ปะ/กอน
ที-ปัก-กอน = ทีปักกร (ซ้อนพยัญชนะต้นวรรค)
ที-ปัง-กร = ทีปังกร (ซ้อนพยัญชนะท้ายวรรค)
ในที่นี้เลือกใช้ ทีปังกร
กฎการซ้อนมีรายละเอียดอีก แสดงในที่นี้โดยประสงค์
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 41293
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
ความคิดเห็นที่ 12
เมื่อ 20 ธ.ค. 24, 19:49
อ้างถึง
ขอบพระคุณมากครับ แล้ว ฉัตรฏิปปียา หลักเกณฑ์เดียวกันไหมครับ
ดิฉันไม่กล้าไปถามพลเรือตรีทองย้อย แสงสินชัยแล้วค่ะ เกรงใจท่าน
ขอฝากไปยังท่านที่รู้บาลีท่านอื่นๆที่แวะเข้ามาอ่าน ว่าใครจะตอบคุณ Kiangsak loekaudom ได้บ้าง
บันทึกการเข้า
หน้า: [
1
]
พิมพ์
กระโดดไป:
เลือกกระทู้:
-----------------------------
General Category
-----------------------------
=> ศิลปะวัฒนธรรม
=> ภาษาวรรณคดี
=> ระเบียงกวี
=> ชั้นเรียนวรรณกรรม
=> หน้าต่างโลก
=> ประวัติศาสตร์โลก
=> ประวัติศาสตร์ไทย
=> ทันกระแส
=> วิเสทนิยม
=> ห้องหนังสือ
=> ชมรมอนุรักษ์ภาพจิตรกรรมไทย
Powered by SMF 1.1.21
|
SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder
XHTML
|
CSS
|
Aero79
design by
Bloc
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.07 วินาที กับ 17 คำสั่ง
Loading...