เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
อ่าน: 19020 ขุนแผนกับวันลอยกระทง
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2055



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 25 พ.ย. 24, 17:55

ชื่อสุดท้าย ที่ผมจะเขียนถึงในตระกูลผานนี้ก็คือ ผานหวาง (盘王) ครับ
王 หวาง แปลว่า กษัตริย์, เจ้า หรือจะเรียกแบบไทยเก่ายุคสุโขทัยหรืออยุธยาตอนต้นว่า ขุน ก็ไม่น่าจะผิดกติกาแต่อย่างใด ดังนั้นถ้าใครจะเรียกผานหวางว่า ขุนผาน หรือขุนแผ่น ก็เชิญเลยครับ แต่ผมจะขอเรียกว่าผานหวาง เพื่อไม่ให้ดูเป็นการชี้นำจนเกินงามครับ  ยิ้มเท่ห์

ชาวเย้าในจีนจะมีงานเทศกาลสำคัญงานหนึ่งที่เรียกว่าเทศกาลผานหวาง (盘王节 ผานหวางเจี๋ย) ที่มาของเทศกาลนี้ ก็เช่นเดิมครับ มีหลายฉบับปลีกย่อย แต่เล่าสัก 3 เรื่อง เพื่อจะพอเห็นภาพรวมได้ดังนี้ครับ

เรื่องแรก เป็นภาคต่อจากผานฮู่ ว่ากันว่าหลังจากผานฮู่แต่งงานแล้ว พาเจ้าหญิงไปอยู่บนเขา จักรพรรดิ์เกาซินทรงอวยยศผานฮู่ให้เป็นขุนผาน เอ๊ย... ผานหวาง ผานหวางตั้งแซ่ต่างๆ 12 แซ่ให้ลูกๆสืบสกุลเป็นชาวเย้าต่อมา ทั้งหมดอาศัยอยู่บนภูเขา อยู่มาวันหนึ่งผานหวางเกิดนึกอยากกินเนื้อเลียงผา ลูกๆก็ไม่มีใครอยู่สักคน ผานหวางจึงออกไปล่าเลียงผาด้วยตนเอง โชคร้ายพลาดท่าร่วงตกหน้าผา ถึงตอนนี้ถ้าเป็นนิยายกำลังภายในผานหวางคงต้องได้วิชาอะไรดีๆเป็นแน่ แต่ผานหวางไม่โชคดีอย่างนั้น ผานหวางถึงฆาตในคราวนี้ ร่างของผานหวางไปติดอยู่บนต้นไม้ที่ขึ้นอยู่กลางหน้าผานั้น เมื่อลูกๆนำร่างของผานหวางลงมาได้ จึงตัดต้นไม้ต้นนั้นมาทำโครงของกลองยาว แล้วถลกหนังเลียงผาตัวต้นเหตุมาทำหน้ากลอง และใช้ตีพร้อมกับร้องเพลงในเทศกาลนี้เพื่อแสดงความอาลัยต่อผานหวาง


เรื่องที่สอง ว่ากันว่าในอดีตกาลนานมา มีภูเขา 2 ลูกที่สูงทัดเทียมกัน ลูกแรกมีชื่อว่า 布洛西 ปู้ลว่อซี (แปลตามตัวอักษร ปู้แปลว่าเสื้อผ้า ลว่อเป็นแซ่ๆหนึ่ง และเป็นชื่อแม่น้ำสายหนึ่งในจีน ส่วนซีแปลว่าทิศตะวันตก แปลรวมๆไม่เป็นภาษามนุษย์ครับ) รูปร่างของภูปู้ลว่อซีจะคล้ายชายหนุ่มภูมิฐาน ในขณะที่ภูเขาอีกลูกหนึ่งที่มีรูปร่างเหมือนหญิงงามนั้นจะมีชื่อว่า 密洛陀 มี่ลว่อทว่อ (แปลตามตัวอักษร มี่ แปลว่าความลับ ลว่อ ตัวเดียวกับในชื่อปู้ลว่อซี ส่วนทว่อเป็นแซ่ๆหนึ่งเหมือนกัน แน่นอนว่ามี่ลว่อทว่อ แปลรวมกันไม่เป็นภาษามนุษย์เช่นกัน) ถึงตรงนี้บางท่านอาจถึงบางอ้อแล้ว แต่สำหรับท่านที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ขอให้รอสักครู่ เดี๋ยวผมจะขยายความให้ฟังหลังจากเล่าเรื่องนี้ก่อนครับ

ภูปู้ลว่อซี กับภูมี่ลว่อทว่ออยู่ห่างกัน 1,000 เชียะ ทุกๆปี ภูเขา 2 ลูกนี้จะเคลื่อนเข้าใกล้กัน 1 เชียะ เมื่อผ่านไป 995 ปี ภูเขา 2 ลูกนี้ก็เขาใกล้กัน 995 เชียะ เหลืออีกแค่ 5 เชียะก็จะชนกันแล้ว อยู่มาวันหนึ่งเกิดเสียงฟ้าร้องดังสะเทือนเลื่อนลั่น ภูทั้งสองกลับเคลื่อนออกจากกันไปยังตำแหน่งเดิม พลันมีชายร่างสูงเดินออกมาจากภูปู้ลว่อซี ในเวลาเดียวกันมีหญิงร่างกำยำเดินออกมาจากภูมี่ลว่อทว่อเช่นกัน ทั้งสองคนนี้แต่งงานกันและเป็นผู้สร้างโลกและสรรพสิ่งขึ้นมา สามีภรรยาคู่นี้เป็นที่รู้จักในนามปู้ลว่อซีและมี่ลว่อทว่อ

ทั้งสองมีบุตรีรวม 3 นาง เมื่อเติบโตขึ้นต่างก็แยกออกไปใช้ชีวิตของตน บุตรีคนโตนำคันไถติดตัวไปด้วย และไปบุกเบิกที่ราบทำนา เป็นบรรพบุรุษของชาวฮั่น บุตรีคนรองนำตำรับตำราติดตัวไปศึกษาเป็นอันมาก เป็นบรรพบุรุษของชาวจ้วงในเวลาต่อมา ส่วนบุตรีคนเล็กนำตะกร้าใส่ข้าวโพดติดตัวไป แถมด้วยฆ้องทองแดงที่มารดา(มี่ลว่อทว่อ) มอบให้ติดตัวไป นางขึ้นไปบุกร้างถางพงบนภูเขา กลายเป็นบรรพบุรุษของชาวเย้าในเวลาต่อมา

ต่อมา มี่ลว่อทส่อได้เรียกบุตรีทั้ง 3 คนกลับมาสั่งว่า ทุกวันที่ 16 เดือน 10 ของทุกปี (ตามปฏิทินสุริยจันทรคติของจีน - หลังๆผมเห็นคนปฏิทินแบบนี้กันว่าปฏิทินจันทรคติ แล้วพลอยเข้าใจว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการโคจรของดวงอาทิตย์ ซึ่งไม่ถูกต้อง ถ้ามีโอกาสผมจะเขียนถึงเรื่องนี้อีกทีครับ) ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของมี่ลว่อทว่อ ให้ลูกๆนำอาหารมาเติมยุ้งฉางของมารดา ไม่ต้องนำของขวัญล้ำค่าใดมา เพียงนำสุราข้าว(สาโท?)มาให้ทุกคนได้ดื่มกัน โดยให้นำฆ้องมาเริ่มตีสร้างบรรยากาศตั้งแต่วันที่ 15 เดือน 10 นับแต่นั้น ชาวเย้าทั้งหลายจึงจัดงานฉลองตั้งแต่วันที่ 15 ถึงวันที่ 17 ของเดือน 10 ของทุกปี

** ขอขยายความที่ว่าไว้ข้างต้นตรงนี้นิดหนึ่งครับ ชื่อปู้ลว่อซีและมี่ลว่อทว่อน่าจะทำให้ท่านที่เคยอ่านตำนานของชาวจ้วงนึกถึงพระผู้สร้างของวัฒนธรรมจ้วงกระแสหลักรู้สึกคุ้นๆ เพราะพระผู้สร้างของชาวจ้วงมีชื่อว่าปู้ลว่อทว่อ 布洛陀 เหมือนเอาชื่อปู้ลว่อซีกับมี่ลว่อทว่อมารวมกัน (หรือไม่ก็สองชื่อนี้มาจากชื่อปู้ลว่อทว่อ) แล้วชื่อนี้ก็แปลเป็นไม่เป็นภาษาเช่นกัน หากแต่ถ้าเทียบคำอ่านกับคำในภาษาจ้วง แต่ละตัวมีความหมายดังนี้

ปู้ 布 เป็นคำเรียกชายสูงอายุที่เป็นที่นับถือ
ลว่อ 洛 แปลว่า รู้
ทว่อ 陀 แปลว่า ทุกสิ่ง

พอรวมกันคนไทยก็ถึงบางอ้อ ปู้ลว่อทว่อ คือคำทับศัพท์ของ “ปู่รู้ทั่ว” อย่างแน่นอน

ผมไม่รู้ว่าภาษาเย้าสามารถแปลคำเหล่านี้ได้หรือไม่ และยังค้นไม่เจอว่ามีใครแปลชื่อ ปู้ลว่อซีและมี่ลว่อทว่อไว้ แต่ผมเชื่อว่าชาวเย้า(กลุ่มที่ยึดถือเรื่องนี้) น่าจะต้องได้อิทธิพลมาจากต้นทางเดียวกับเรื่องของชาวจ้วงแน่)


เรื่องที่สาม เล่ากันว่าครั้งหนึ่งชาวเย้าทั้งหลายเดินทางไปบนเรือท่ามกลางพายุใหญ่ เวลาผ่านไปถึง 49 วันก็ไม่สามารถกลับขึ้นฝั่งได้ ชาวเย้าจึงได้อธิษฐานขอพรต่อผานหวาง ทันใดนั้นคลื่นลมสงบ เรือนำชาวเย้าทั้งหลายกลับขึ้นฝั่งได้ปลอดภัย วันนั้นเป็นวันคล้ายวันเกิดของผานหวางพอดี คือวันที่ 16 เดือน 10 (ปฏิทินจีน) ชาวเย้าทั้งหลายดีใจที่รอดชีวิต จึงนึ่งข้าวเหนียวมานวดเป็นขนม และร้องเพลงเต้นระบำเฉลิมฉลองทั้งชีวิตใหม่ของตนเองและอวยพรวันเกิดแด่ผานหวางด้วย หลังจากนั้นวันนี้ของทุกปีจึงเป็นวันเทศกาลผานหวางครับ

จบ 3 เรื่องดังนี้ โปรดสังเกตว่าเรื่องที่ 2 ไม่เห็นจะมีผานหวางอยู่ตรงไหน ในขณะที่เรื่องที่ 3 มีผานหวางก็จริง แต่สามารถตัดตอนออกจากเรื่องของผานฮู่ได้อย่างสิ้นเชิง แล้วทั้งสามเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผานกู่เลย แต่สิ่งที่มีร่วมกันคือ ทั้งสามเรื่องเล่าถึงผู้สร้าง(หรือให้ผู้ให้ชีวิตใหม่) และโยงไปถึงวันที่ 16 เดือน 10 ซึ่งเป็นงานเฉลิมฉลองวันเดียวกันครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 26 พ.ย. 24, 09:28

อ้างถึง
ปู้ลว่อทว่อ คือคำทับศัพท์ของ “ปู่รู้ทั่ว” อย่างแน่นอน

       ตำนานการสร้างโลกของชาวจ้วง  แปลเรียบเรียงจากภาษาจีนโดย ทองแถม นาถจำนง

http://www.thaipoet.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=538784547&Ntype=2

กล่าวถึง    เรื่องที่ ๓   ผู้หลวกทั่ว

               ต่อมาเกิดมีคนที่มีภูมิปัญญาฉลาดเฉลียวมาก เรียกกันว่า ผู้หลวกทั่ว (หรือผู้รู้ทั่ว)
               ผู้หลวกทั่วคิดสิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับคนไว้มากมาย.....

             เรื่องที่ ๔    สี่พี่น้องแตกกัน
               
             ตำนานว่า ผู้หลวกทั่วมีพี่น้องรวมกันสี่ตน   คนโตคือ “ตัวฟ้า” (ภาษาจ้วงว่า duz byaj   ตูเปี๊ยะ หมายถึง “ฟ้าผ่า”)
คนที่สองคือ “ตัวเงือก” (ภาษาจ้วงว่า duz ngieg ตูเนวี๊ยะ หมายถึงเงือกหรือนาคในความหมายโบราณ คือสัตว์ร้ายในน้ำ
อาจหมายถึงจรเข้ หรืองูใหญ่) คนที่สามคือ “ตัวเสือ” (ภาษาจ้วงเหนือถิ่นฐานที่รวบรวมตำนานเหล่านี้ ว่า duz guk ตูกุ๊ก
ในภาษาจ้วงใต้ใช้ตรงกับคำไทยว่า “เสือ)
            ส่วนคนสุดท้องก็คือ “ผู้หลวกทั่ว”....ไม่มีฤทธิ์เดชอะไร มีแต่ภูมิปีญญา   เขารู้เรื่องทุกอย่างรู้หลักเหตุผลต่าง ๆ   
จึงได้รับฉายาว่า “ผู้หลวกทั่ว” (หรือผู้รู้ทั่ว)
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16059



ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 26 พ.ย. 24, 09:35

เล่ากันว่าครั้งหนึ่งชาวเย้าทั้งหลายเดินทางไปบนเรือท่ามกลางพายุใหญ่ เวลาผ่านไปถึง 49 วันก็ไม่สามารถกลับขึ้นฝั่งได้ ชาวเย้าจึงได้อธิษฐานขอพรต่อผานหวาง ทันใดนั้นคลื่นลมสงบ เรือนำชาวเย้าทั้งหลายกลับขึ้นฝั่งได้ปลอดภัย วันนั้นเป็นวันคล้ายวันเกิดของผานหวางพอดี คือวันที่ 16 เดือน 10 (ปฏิทินจีน) ชาวเย้าทั้งหลายดีใจที่รอดชีวิต จึงนึ่งข้าวเหนียวมานวดเป็นขนม และร้องเพลงเต้นระบำเฉลิมฉลองทั้งชีวิตใหม่ของตนเองและอวยพรวันเกิดแด่ผานหวางด้วย หลังจากนั้นวันนี้ของทุกปีจึงเป็นวันเทศกาลผานหวางครับ

ชื่อ 'เหยา หรือ เย้า' (瑶) เป็นชื่อที่คนจีนเรียก เขาเรียกตนเองว่า 'เมี่ยน หรือ อิ้วเมี่ยน' หมายถึง 'ชนชาติมนุษย์ หรือ “คน'

เทศกาลผานหวัง - ผานหวังเจี๋ย (盘王节) เป็นเทศกาลดั้งเดิมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีของชนเผ่าเหยา (瑶族) หรือ อิ้วเมี่ยน

บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2055



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 26 พ.ย. 24, 18:25

ผมเพิ่งจะเจอคนแปลความหมายมี่ลว่อทว่อจากที่นี่ครับ https://baike.baidu.com/item/%E5%AF%86%E6%B4%9B%E9%99%80/2617788

ว่าไปคนละทางเลยครับ เขาบอกว่า มี่ แปลว่าแม่ ส่วน ลว่อทว่อ แปลว่าโบราณ โดยลว่อซีก็แปลเหมือนลว่อทว่อ

แถมตำนานมี่ลวอทว่อ พระผู้สร้างของชาวเย้าเผ่าปู้หนู่ 布努 อย่างย่อๆนะครับ

ในอดีตกาลนานมา มีภูเขาลูกหนึ่ง มีชื่อว่ามี่ลว่อทว่อ (คุ้นๆนะครับ) ภูเขาลูกนี้ค่อยๆขยับเลื่อนตำแหน่งไปถึง 995 เชียะ วันหนึ่งเกิดเสียงดังเลื่อนลั่น ปรากฏพระแม่มี่ลว่อทว่อออกมาจากภูเขาลูกนี้ มี่ลว่อทว่อมีบรรพบุรุษที่เรียกขานกันว่า ซือฟู่ 师傅 แปลไทยว่าท่านอาจารย์ เมื่อซือฟู่ตายลง มี่ล่อทว่อใช้ร่างกายของซือฟู่สร้างโลกและสวรรค์ขึ้นมา

วันหนึ่งมีลมพัดมา มี่ลว่อทว่อตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย 9 คน เธอสอนลูกๆให้เพาะปลูกต้นไม้ขึ้นจากเมล็ดพืช หลังจากนั้นเธอก็สร้างสรรพสัตว์ทั้งหลายขึ้นมา

ณ เวลานั้น บนท้องฟ้ามีพระอาทิตย์ 12 ดวง ความร้อนจากดวงอาทิตย์แผดเผาจนสิ่งมีชีวิตต่างๆล้มตายเป็นอันมาก มี่ลว่อทว่อจึงสั่งให้ลูกๆยิงพระอาทิตย์ให้ตกลงมา ลูกๆของมี่ลว่อทว่อจึงยิงพระอาทิตย์ตกลงมาตายถึง 10 ดวง อีก 2 ดวงพากันหนีตายไปหลบอยู่ในถ้ำจนท้องฟ้ามีแต่ความมืดมิด มี่ล่อทว่อจึงสั่งให้พระอาทิตย์ทั้งสองดวงกลับขึ้นไปอยู่บนฟ้าเหมือนเดิมแล้วจะไว้ชีวิต พระอาทิตย์ทั้งสองจึงได้กลับไปอยู่บนฟ้าอีกครั้ง

หลังจากนั้นพระอาทิตย์ทั้งสองได้แต่งงานกันและมีลูกเป็นพระอาทิตย์ดวงเล็กๆมากมาย มี่ลว่อทว่อทราบเรื่อง(คงเห็นท่าไม่ดี) จึงสั่งให้พระอาทิตย์ทั้งสองแยกกันอยู่ นับแต่นั้นพระอาทิตย์ดวงหนึ่งจึงต้องขึ้นมาส่องแสงในเวลากลางคืน และได้ชื่อว่าพระจันทร์

จากนั้นมี่ลว่อทว่อให้ลูกๆช่วยกันสร้างมนุษย์ขึ้นมา และให้จับคู่แต่งงานและแยกย้ายกันไปอาศัยอยู่ในที่ต่างๆ


บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2055



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 26 พ.ย. 24, 22:59

ผมคงพอแค่นี้กับการตามหาขุนแผนในจีน ถึงแม้ว่าความเชื่อเรื่องผานกู่มักจะอยู่กับชาวฮั่น ชาวเย้านับถือผานฮู่ ผานหวาง แต่ก็เห็นได้ว่าในกลุ่มชาวเย้าเองก็มีบางกลุ่มที่มีความเชื่อคล้ายอย่างชาวจ้วง(ปู้ลว่อทว่อ-มี่ลว่อทว่อ) ในชาวจ้วงเองก็มีบางกลุ่มที่เชื่อตำนานอื่นที่แตกต่างไปอีกอย่าง เอียนผาน 咽盘 และ เล่อโกว 勒勾 ซึ่งนักวิชาการบางท่านเชื่อว่าเป็นที่มาของผานกู่ แต่ผมจะไม่ขอลงรายละเอียดมากไปกว่านี้แล้ว นอกจากนี้ยังมีชาวปู้อีหรือปู้ใหญ่ 布依 ที่เป็นชนที่พูดภาษาตระกูลไทอีกสายหนึ่ง ก็นับถือผานกู่ เพียงแต่มีเรื่องภาคต่อที่เป็นกำเนิดชาวปู้ใหญ่อีกทอดหนึ่ง

จะไปดูเรื่องลอยกระทงบ้างครับ เกือบจะลืมไปแล้วว่าในชื่อกระทู้มีลอยกระทงอยู่ด้วย

ว่าแต่ผมยังไม่ได้บอกใช่ไหมครับว่าปฏิทินสุริยจันทรคติของจีนโดยทั่วไปช้ากว่าของไทยอยู่ 2 เดือน แล้วในขณะที่เราเริ่มต้นแต่ละเดือนด้วยวันขึ้น 1 ค่ำ นับไปจนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ แล้วเปลี่ยนไปเริ่มเป็นแรม 1 ค่ำ ไปจบที่แรม 14-15 ค่ำแล้วแต่ว่าจะเป็นเดือนคี่หรือเดือนคู่ ส่วนของจีนเขาจะนับยาวจากวันที่ 1 ไปถึง 29-30 วัน ไม่แยกข้างขึ้นข้างแรมอย่างเราครับ

ดังนั้นวันฉลองเทศกาลผานหวาง 16 เดือน 10 ของจีน (โดยทั่วไป)จึงตรงกับวันวันแรม 1 ค่ำ เดือน 12 ของไทย โดยจะเริ่มฉลองตั้งแต่วันขึ้น 15 ค่ำ ไปจนถึงแรม 2 ค่ำ เดือน 12 ครับ สรุปคืองานฉลองเทศกาลผานหวางจะเริ่มต้นในวันลอยกระทงพอดี แต่วันตรงนั้นคือวันถัดมาครับ เรื่องนี้เป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า หรือว่านี่เป็นกุญแจที่จะไขปริศนาอีกอย่างคือ ทำไมคนไทยไม่มีงานฉลองปีใหม่ไทยในวันที่ 1 เดือน 1 เหมือนที่ชาวโลกเขามีกัน
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16059



ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 27 พ.ย. 24, 09:35

หรือว่านี่เป็นกุญแจที่จะไขปริศนาอีกอย่างคือ ทำไมคนไทยไม่มีงานฉลองปีใหม่ไทยในวันที่ 1 เดือน 1 เหมือนที่ชาวโลกเขามีกัน

ว่าด้วยวันขึ้นปีใหม่ของเราแต่เก่าก่อน

วันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑ เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยมาแต่เดิมอีกทั้งยังเป็นวันเปลี่ยนปีนักษัตรด้วย ภายหลังเมื่อได้รับอิทธิพลของพราหมณ์จากอินเดียทำให้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นเดือน ๕ จึงทำให้โหรเริ่มนับปีนักษัตรใหม่ที่เดือน ๕ ตามไปด้วยเช่นกัน

ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระบรมราชโองการประกาศให้วันที่ ๑ เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดความคลาดเคลื่อนจากการนับวันขึ้นปีใหม่ตามวัน เดือน ปี ของทั้งทางจันทรคติและสุริยคติที่ใช้ปะปนกันจนเกิดความสับสน จนกระทั่งภายหลังไทยได้ประกาศใช้วันขึ้นปีใหม่ตามแบบสากลที่ยึดเอาวันที่ ๑ มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๔ จึงทำให้เกิดความสับสนเกี่ยวกับความเข้าใจในการเปลี่ยนปีนักษัตรตามไปด้วย ดังปรากฎภาพในบัตรอวยพรปีใหม่ตามสื่อออนไลน์ที่มีการใช้ภาพของปีนักษัตรใหม่มาใช้อวยพรกันในวันที่ ๑ มกราคม

อย่างไรก็ดีปฏิทินหลวงพระราชทานยังคงกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑ เป็นวันขึ้นปีนักษัตรใหม่ ซึ่งนับเป็นร่องรอยหลักฐานสำคัญอันแสดงให้เห็นว่าวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑ เป็นวันขึ้นปีใหม่ และวันขึ้นนักษัตรใหม่ของไทยมาแต่เดิม

นายเอกลักษณ์ ลอยศักดิ์
นักอักษรศาสตร์ปฏิบัติการ กลุ่มประวัติศาสตร์
สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร

ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑ ปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๗  ในประเทศไทย นอกจากจะเป็น วันขึ้นปีนักษัตรใหม่ ตามปฏิทินหลวงแล้ว ยังเป็นวันขึ้นปีใหม่ของพี่น้องไทใหญ่อีกด้วย

งานเฉลิมฉลองปีใหม่ของพี่น้องไทใหญ่ในไทยปีที่แล้ว

บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2055



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 27 พ.ย. 24, 20:50

เรื่องปีใหม่ไทใหญ่นี่ผมยังสงสัยอยู่ครับ ข้อมูลหายาก ผมยังไม่เคยมีโอกาสได้อ่านเอกสารที่เป็นเอกสารเก่าเลย ที่ค้นเจอก็มีคำถามมากมาย

ลองดูจากเพจนี้นะครับ http://www.taiyai.org/2011/index.php?page=4c2378500328311c7354592d47cc700d&r=3&id=286

ปีใหม่ไต เริ่มต้นครั้งแรกเป็นมาอย่างไรนั้น ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่นักประวัติศาสตร์และนักวิชาการของชาวไต ได้ลงความเห็นร่วมกันตามหลักฐานที่สืบค้นได้ว่า ปีใหม่ไต ได้เริ่มต้นเมื่อปีพ.ศ. 450 ก่อนคริสตศักราช 95 ปี มีการเริ่มนับปีเมื่อครั้งอาณาจักรไตได้นำเอาพระไตรปิฏกเข้ามาจากประเทศอินเดียเป็นปีแรก

                ในขณะที่พวกไตอีกกลุ่มหนึ่ง เริ่มนับปีครั้งเมื่อเจ้าฟ้าเมืองไตในอาณาจักรไตมาว ได้รวบรวมบ้านเมืองขึ้นเป็นปึกแผ่น เป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งพวกไตทั้งสองกลุ่มต่างก็นับเอาวันขึ้น 1 ค่ำ เดือนเจ๋ง (อ้าย) เป็นวันปีใหม่

                ต่อมา ในปีพ.ศ. 2098 ตรงกับคศ. 1555 อาณาจักรไตได้ถูกอิทธิพลของพม่าเข้าคุกคาม ครอบงำ และในปีพ.ศ. 2136 ได้ถูกอิทธิพลของอาณาจักรจีนเข้าครอบงำอีก จึงทำให้ชาวไตดังกล่าว เปลี่ยนไปยึดถือวันปีใหม่ตามอาณาจักรที่ปกครองครอบงำเหล่านั้น ระยะหนึ่ง

                ครั้นต่อมา ในปีพ.ศ. 2509 ซึ่งตรงกับคศ. 1966 คณะกรรมการภาษาและวัฒนธรรมเมืองมาว (ก๋อลีกลายฟิงเหง้เมืองมาว) ได้ฟื้นฟู “วันปีใหม่ไต” ขึ้น พออีกหนึ่งปีต่อมาได้ขยายไปยังเมืองล้าเสี้ยว และอีกสามปีต่อมาก็ขยายไปยังชาวไตทางตะวันออก และตอนใต้ แล้วเริ่มต้นยึดถือเอาวันขึ้น 1 ค่ำ เดือนเจ๋ง เป็นวันปีใหม่ของชาวไตอย่างพร้อมเพรียงกันอีกครั้งหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2518


อ่านจากข้างบนนี้ สรุปว่าวันปีใหม่ไทใหญ่เชื่อว่าเลิกฉลองกันไปสี่ห้าร้อยปีแล้ว และเพิ่งจะมาฉลองกันใหม่เมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งก็น่าสงสัยว่ามีหลักฐานหรือไม่ว่าเคยฉลองปีใหม่ในวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 1 จริง



หรือลองดูอีกแหล่งหนึ่ง https://thecitizen.plus/node/9994

ปีใหม่ชาวไต (ไทใหญ่) ศักราชที่ 2105 จะก้าวเข้ามาถึงในวันที่ 7 ธ.ค. นี้ ตามปฏิทินจันทรคติขึ้น 1 ค่ำ เดือน 1 หรือเดือนยี่ของทุกปี โดยชาวไทใหญ่ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยกำลังเตรียมจัดงานฉลองต้อนรับกันอย่างคึกคักในหลายพื้นที่

อันนี้ยิ่งแปลก ขึ้นศักราชใหม่ในวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 1 ไม่แปลก แต่มี “หรือเดือนยี่” เข้ามาด้วย อันนี้แปลกมาก ถ้าคนเขียนข่าวเขียนเดือนอ้ายเป็นเดือนยี่ก็พอเข้าใจได้ แต่ถ้าเป็นเดือนยี่จริงๆ แสดงว่าวิธีนับวันปีใหม่มันเป็นคนละระบบกับการนับเดือนแล้วครับ ดังนั้นไม่อันใดก็อันหนึ่งต้องไม่ใช่ของดั้งเดิมแล้ว

ผมเจอบทความ (ตีพิมพ์ 1984) เกี่ยวกับปฏิทินไทใหญ่ของนักวิชาการตะวันตก อันนี้ครับ https://www.jstor.org/stable/40461872


ดูจากที่เขียนไว้ เทศกาลต่างๆคล้ายกับไทยมาก โดยมากเป็นงานบุญต่างๆในพุทธศาสนา มีงานลอยกระทง (ใช้ชื่อว่า Pwe Mahaduk แปลว่า great trouble น่าจะคือมหาทุกข์) ลองดูที่เขาเขียนเรื่องลอยกระทงนะครับ

During the twelfth month another festival, pwe mahaduk (great trouble), can be scheduled This festival increases the luck of the people in the village. People decide how many households are going to participate and invite two fewer monks than participating households. In addition to the monks, the temple Buddha image and an offering boat (kratong), are included. People draw lots to determine who they the will feed. The Buddha image and the kratong are considered lucky. This festival commemorates the offerings made by a poor man, Ay Mahaduk, to the Buddha with the help of the Buddha's disciple, Sang On Pin. The offering to the Buddha image represents feeding the Buddha and the kratong, Sang On Pin.


ช่วงเดือน 1 หรือเดือน 2 มีงานแปลกๆที่เราไม่มี

Sometime during the first or second month an offering is made to the valley and stream spirits for taking care of the water buffalo.

ในขณะที่เทศกาลปีใหม่จะมีในช่วงเดือน 4-5 ซึ่งก็คือสงกรานต์แน่นอน

The traditional New Year which marks the beginning of the rainy season occurs during the fourth or fifth month.

แต่ผมก็พบข้อผิดพลาดในบทความนี่อยู่บ้าง โดยเฉพาะส่วนที่พูดถึงเรื่องปฏิทินไทใหญ่และล้านนาครับ ก็คงต้องใช้ข้อมูลนี้อย่างระมัดระวังสักหน่อย
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16059



ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 27 พ.ย. 24, 21:35

ปีใหม่ชาวไต (ไทใหญ่) ศักราชที่ 2105 จะก้าวเข้ามาถึงในวันที่ 7 ธ.ค. นี้ ตามปฏิทินจันทรคติขึ้น 1 ค่ำ เดือน 1 หรือเดือน ยี่ ของทุกปี

ตามปฏิทินจันทรคติขึ้น 1 ค่ำ เดือน 1 หรือเดือน ยี่ ของทุกปี ที่ถูกต้องควรเป็น ตามปฏิทินจันทรคติขึ้น 1 ค่ำ เดือน 1 หรือเดือน อ้าย ของทุกปี
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2055



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 27 พ.ย. 24, 22:27

ครับ ถ้าตั้งใจจะเขียนว่าเดือนอ้าย แต่เผลอเป็นยี่ ก็จบครับ แต่มันดูคล้ายๆ อันนี้หรือเปล่าครับ

Sometime during the first or second month an offering is made to the valley and stream spirits for taking care of the water buffalo.

ว่าแต่ลอยกระทงไทใหญ่ มีชื่อ Sang On Pin ที่เป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้า อ่านชื่อว่าอย่างไรดีครับ Sang นี่คือส่างแน่นอน แต่ On Pin นี่คืออะไรครับ ผมยังหาไม่เจอ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16059



ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 27 พ.ย. 24, 23:35

ว่าแต่ลอยกระทงไทใหญ่ มีชื่อ Sang On Pin ที่เป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้า อ่านชื่อว่าอย่างไรดีครับ Sang นี่คือส่างแน่นอน แต่ On Pin นี่คืออะไรครับ ผมยังหาไม่เจอ

พิธีลอยกระทงไทใหญ่ เป็นการบูชาพระอุปคุต ซึ่งไทใหญ่เรียกว่า ส่างอุ๊กปุ๊ก ฝรั่งอาจจะฟังเพี้ยนเป็น Sang On Pin

บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 28 พ.ย. 24, 09:51

อ้างถึง
ปีใหม่ชาวไต (ไทใหญ่) ศักราชที่ 2105 จะก้าวเข้ามาถึงในวันที่ 7 ธ.ค. นี้ ตามปฏิทินจันทรคติขึ้น 1 ค่ำ เดือน 1 หรือเดือนยี่ของทุกปี

จาก ไทยใหญ่ - คลัง ความ รู้ ดิจิทัล ม ก.


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 28 พ.ย. 24, 10:03

และ เดือนที่แตกต่าง ภาคกลาง ล้านนา ไทลื้อ

https://www.matichonweekly.com/column/article_610685


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16059



ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 28 พ.ย. 24, 10:35

น้องโมอธิบายเรื่อง ปฏิทินไทใหญ่ เมื่อวันปีใหม่ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑ (เดือนอ้าย) ตรงกับวันที่ ๒๓ เหลินซิบเอ็ด ปี ๒๑๑๗ ตามปฏิทินไทใหญ่ (ปฏิทินไทยคือวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๕)



น้องคำพู เชียงตุง  อธิบายเพิ่มเติมว่า

โดยทั่วไปแล้วปฏิทินของไทใหญ่จะคล้ายกับปฏิทินไทยแต่ก็มีข้อแตกต่างในเรื่องของวันข้างขื้นข้างแรมและวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

ปกติแล้ววันพระทางไทใหญ่จะนับเร็วกว่าไทยหนึ่งวัน แต่ถ้าปีไหนที่เดือน ๗ มีแรม ๑๕ ค่ำซึ่งปกติแล้วเดือน ๗ จะมีถึงแค่แรม ๑๔ ค่ำเเท่านั้น ก็จะทำให้หลังจากแรม ๑๕ ค่ำเดือน ๗ ในปีนั้นมีวันพระขยับออกมาตรงกับทางไทย

ปัจจุบันพบว่ามีทั้งใช้รูปแบบเดียวกับไทย และแบบเร็วกว่าหนึ่งวัน
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2055



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 28 พ.ย. 24, 18:04

อ้างถึง
ปีใหม่ชาวไต (ไทใหญ่) ศักราชที่ 2105 จะก้าวเข้ามาถึงในวันที่ 7 ธ.ค. นี้ ตามปฏิทินจันทรคติขึ้น 1 ค่ำ เดือน 1 หรือเดือนยี่ของทุกปี

จาก ไทยใหญ่ - คลัง ความ รู้ ดิจิทัล ม ก.

การใช้แม่ปีลูกปีนี่ผมเคยเขียนไว้ในกระทู้ปีหนไทเมื่อหลายปีก่อนครับ (หรือจะอ่านบทความ ศักราช ศก ปี วัน เดือน ฤกษ์ และยามในจารึกล้านนา ของ อ.ประเสริฐ ณ นคร ที่ท่านเคยเขียนไว้ก็ดีครับ - ถ้าตอนนั้นผมได้อ่านบทความนี้ก็สบายเลยครับ) ถ้าเอามาใช้กับวันจะเรียกว่าแม่มื้อลูกมื้อ รอบของแม่มื้อลูกมื้อหนึ่งรอบคือ 60 วัน โดยจะนับไล่ไปเรื่อยๆ แม้ขึ้นปีใหม่ก็ไม่ได้รีเซ็ตกลับไปเริ่มที่วันกาบไจ้แต่อย่างใดครับ

ในขณะที่ปีในปฏิทินสุริยจันทรคติโดยพื้นฐานในเดือนคี่จะมี 29 วัน(ขึ้น 1-15 ค่ำ แรม 1-14 ค่ำ) ส่วนในเดือนคู่จะมี 30 วัน (มีวันแรม 15 ค่ำด้วย) จะเห็นว่าถ้าไม่มีการชดเชยอธิกมาส อธิกวาร ปีหนึ่งจะมี 354 วัน เดือนหนึ่งเฉลี่ยแล้ว 29.5 วัน

แต่การโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ โดยเฉลี่ยจะใช้เวลาประมาณ 365.2422 วัน จะเห็นว่าถ้าไม่เติมอธิกมาส แต่ละปีจะขาดไป 11 วันเศษ ผ่านไปหลายปี จะผิดเพี้ยนไปจนไม่สามารถใช้เดือนกำหนดฤดูกาลเพาะปลูกได้ ดังนั้นปฏิทินไทยจะเติมเดือน โดยบางปีจะมีเดือน 8 ซ้ำ 2 หน เรียกว่าปีอธิกมาส จะเกิดขึ้นโดยเฉลี่ยทุกๆเกือบจะ 3 ปี ทางล้านนาผมเข้าใจว่าจะใช้เดือน 10 ซ้ำ (ซึ่งตรงกับเดือน 8 ของไทย) ในขณะที่ทางจีนจะอิสระกว่านี้ คือสามารถเติมเดือนซ้ำเป็นเดือนไหนก็ได้ ไม่ได้เจาะจงที่เดือน 8 ครับ ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะเติมเดือนคนละปีกับไทย ดังนั้นปฏิทินไทยกับจีนจะห่างกันกี่เดือนนั้นจึงไม่ได้ตายตัวที่ 2 เดือนเสมอไปครับ

ส่วนอธิกวาร เกิดจากการที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลกใช้เวลาประมาณ 29.53 วัน จะเห็นว่าแต่ละเดือนถ้ามี 29.5 วันก็จะขาดไป 0.03 วัน ถ้าไม่ชดเชย นานไปความแหว่งเว้าของดวงจันทร์จะไม่ตรงกับวันข้างขึ้นข้างแรม ดังนั้นบางปีปฏิทินไทยจะต้องมีการเติมวันแรม 15 ค่ำในเดือน 7 (ปกติเดือนคี่จะไม่มีวันแรม 15 ค่ำ) เรียกว่าอธิกวาร ปฏิทินอื่นๆ ผมไม่ได้ไปไล่ดู แต่หลักการต้องไม่ต่างจากนี้ เพียงแต่จะเติมในเดือนไหนเท่านั้นเอง

จะเห็นได้ว่าปฏิทินแบบสุริยจันทรคติที่ใช้กันอยู่ จำนวนวันที่เป็นไปได้ในแต่ละปีคือ 354, 355 หรือ 384 (ปีที่มีอธิกมาสจะไม่มีอธิกวาร ดังนั้นไม่มีปีที่มี 385 วัน) ซึ่งไม่มีรูปแบบใดที่หารด้วย 60 ลงตัวเลย ดังนั้นที่ว่าลูกปี(ซึ่งเขาหมายถึงลูกมื้อ)หมดในวันแรม 15 ค่ำเดือน 12 แล้ววันถัดมาจึงเป็นปีใหม่ไทใหญ่จึงผิดฝาผิดตัวครับ เข้าใจว่าเขาคงไปจับเรื่องแม่เดือนลูกเดือน แต่แม่เดือนลูกเดือนก็ไม่ได้รีเซ็ตทุกปี ดังนั้นหากให้กำหนดให้เดือนแรกของปีเป็นเดือนกาบไจ้ ถึงเดือน 10 แม่เดือนหมด เดือน 11 ก็จะเป็นเดือนกาบเสด พอถึงเดือน 1 ของปีถัดไปก็จะเป็นเดือนระวายไจ้ครับ ไม่ได้กลับไปเป็นกาบไจ้แต่อย่างใดครับ ถ้าเริ่มเดือนแรกเป็นกาบไจ้ กว่าจะวนครบรอบ 60 เดือนมาเป็นกาบไจ้ ก็จะไม่ใช่ 5 ปีเต็มอยู่ดี เพราะในระหว่างนั้นจะต้องมีอธิกมาส 1-2 ครั้งแน่นอนครับ

บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2055



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 28 พ.ย. 24, 18:19

น้องโมอธิบายเรื่อง ปฏิทินไทใหญ่ เมื่อวันปีใหม่ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑ (เดือนอ้าย) ตรงกับวันที่ ๒๓ เหลินซิบเอ็ด ปี ๒๑๑๗ ตามปฏิทินไทใหญ่ (ปฏิทินไทยคือวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๕)



น้องคำพู เชียงตุง  อธิบายเพิ่มเติมว่า

โดยทั่วไปแล้วปฏิทินของไทใหญ่จะคล้ายกับปฏิทินไทยแต่ก็มีข้อแตกต่างในเรื่องของวันข้างขื้นข้างแรมและวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

ปกติแล้ววันพระทางไทใหญ่จะนับเร็วกว่าไทยหนึ่งวัน แต่ถ้าปีไหนที่เดือน ๗ มีแรม ๑๕ ค่ำซึ่งปกติแล้วเดือน ๗ จะมีถึงแค่แรม ๑๔ ค่ำเเท่านั้น ก็จะทำให้หลังจากแรม ๑๕ ค่ำเดือน ๗ ในปีนั้นมีวันพระขยับออกมาตรงกับทางไทย

ปัจจุบันพบว่ามีทั้งใช้รูปแบบเดียวกับไทย และแบบเร็วกว่าหนึ่งวัน

อันนี้ดีครับ ได้ฟังคนไทใหญ่ออกเสียงชื่อเดือน 1 เดือน 2 เขาว่า เลินเจ๋ง เลินก๋ำ ตรงกับที่ Tannenbaum เขียนไว้ว่า luan tseng, luan kam

เลิน คือเดือน (ผมเคยเห็นคนตระกูลไทในเวียดนามออกเสียงว่า เบือน ก็มี)
เลินเจ๋ง ตรงกับ เดือนเกี๋ยง ของทางล้านนา, ทางอีสานเรียกเดือนเจียง มีทางภาคกลางที่เรียกแตกต่างไปจากพรรคพวกว่าเดือนอ้าย

เจ๋ง, เกี๋ยง, เจียง นี้ตรงกับจีนกลางว่า เจิง 正 แปลว่าเดือน 1 เหมือนกัน คนไทยจะคุ้นเคยกับการออกเสียงแบบแต้จิ๋วมากกว่า โดยจะออกเสียงว่า เจีย ในคำอวยพรว่า ซิงเจียหยู่อี่ คำนี้มีความหมายอื่นด้วย แต่จะออกเสียงว่าเจิ้ง แต่แต้จิ๋วจะออกเสียงว่าเจียเหมือนกัน อย่างในชื่อ เจียไต๋ 正大 บ.เจริญโภคภัณฑ์ครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.079 วินาที กับ 20 คำสั่ง