อ่านกระทู้ข้างล่างนี้จบแล้ว ขอเชิญต่อท่ีกระทู้นี้ค่ะ
https://www.reurnthai.com/index.php?topic=7450.0 สงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายอักษะ(เยอรมัน)ในยุโรป และฝ่ายญี่ปุ่นในเอเชีย ไทยเองในฐานะที่ยินยอมเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น ถึงกับประกาศสงครามกับฝ่ายพันธมิตร ก็เลยถูกจับชูมือเป็นฝ่ายแพ้ไปกับเขาด้วย
การเป็นประเทศแพ้สงคราม ย่อมรู้ว่าชะตากรรมตกอยู่ในมือของผู้ชนะ แล้วแต่เขาจะปรานีมากน้อยแค่ไหน แต่ก็เชื่อขนมกินได้ว่าไม่ปรานีเลยก็ว่าได้ ประเดิมด้วยลอร์ดหลุยส์ เมานต์แบ็ตเทน ผู้บัญชาการทหารสัมพันธมิตรในเอเชียอาคเนย์ ส่งกองพลอินเดียที่ 7 จำนวน 17,000 คน มาปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นในไทย
พร้อมกันนั้นก็ยื่นสัญญามาบีบให้ไทยเซ็น “ข้อตกลงสมบูรณ์” แบบเร่งด่วน เพราะตราบใดที่ไทยยังไม่เซ็น สถานะสงครามกับไทยและอังกฤษกับเครือจักรภพก็ยังอยู่
ถ้าไทยไม่เซ็น อังกฤษยังไม่เปิดสถานทูตในไทย เรื่องไม่เปิดอาจไม่หนักเท่าไหร่ ที่หนักคือไม่ใช่ว่าไม่เปิดเฉยๆ แต่ไม่ยอมคืนทองและเงินปอนด์ (มูลค่าขณะนั้นประมาณ 265 ล้านบาท) ที่อังกฤษอายัดไว้ที่ลอนดอน ข้อนี้ซีที่หนัก
นอกจากนี้ ไทยต้องเลี้ยงดูเสียค่าใช้จ่ายทั้งทหารกองพลที่ 7 และเชลยศึก (ทหารญี่ปุ่นราว 1.2 แสนคน) จนกว่าฝ่ายสัมพันธมิตรจะปลดอาวุธและส่งทหารญี่ปุ่นกลับไปหมด ใช้เวลาประมาณ 1 ปีเศษ ระหว่างนี้ไทยต้องควักกีระเป๋าเลี้ยงทั้งทหารสัมพันธมิตร ทหารญี่ปุ่น และเชลยที่ญี่ปุ่นจับไว้
ไทยก็พยายามให้มีการเจรจาระหว่างไทย-อังกฤษ หลายครั้ง เพราะจะให้ตกลงกันในครั้งเดียว ไทยรับไม่ไหว
อังกฤษในฐานะผู้นำฝ่ายชนะสงคราม ซัดไทยเต็มเหนี่ยว ทั้งเรียกร้องและปรับโทษไทยอย่างโหดมาก เช่นให้ยุบองค์กรทางทหาร ทางการเมือง ที่เคยเป็นปฏิปักษ์ต่อสัมพันธมิตร ต่อมาอังกฤษจะเข้าปกครอง จะควบคุมเรือสินค้าไทย การฝึกทหาร ฯลฯ ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วนั่นเท่ากับไทยกลายเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษทันที ไม่มีอธิปไตยของตนเองอีกต่อไป ไม่ว่าภายนอกจะเรียกว่าอะไรก็ตามทีเถิด
เท่านั้นยังไม่พอ อังกฤษเรียกร้องให้ปรับโทษไทยด้วยข้าวสาร 1.5 ล้านตัน แก่อังกฤษ (มูลค่าขณะนั้น 2,500 ล้านบาท โดยจำนวนดังกล่าว เท่ากับปริมาณข้าวที่ไทยผลิต 1 ปี) ไทยต้องจ่ายความเสียหายของฝ่ายอังกฤษในระหว่างสงคราม ต้องเลี้ยงเชลยศึกและทหารสัมพันธมิตรในไทยจนกว่าจะอพยพกลับประเทศได้หมดด้วย