เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 8 9 [10]
  พิมพ์  
อ่าน: 20211 ทรัมป์กลับมาแล้ว!
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1414


ความคิดเห็นที่ 135  เมื่อ 09 มิ.ย. 25, 14:27

ปัจจุบันผมใช้เวลากับ tiktok แต่ละวันมากกว่าโซเชียลมีเดียอื่น ๆ
และใน tiktok ผม ก็มักจะมีคลิปเกี่ยวกับทรัมป์ขึ้นมาบ่อย ๆ ทั้งอวยทรัมป์ และด่าทรัมป์ (แบบด่านี่มีมากกว่ามาก ๆ)

นอกจากดูคลิป ยังเข้าไปอ่านพวก comment ในคลิปทั้งหลายด้วย
ก็พบว่ายังมีคนจำนวนไม่น้อย ที่เชียร์ทรัมป์ และเห็นว่าสิ่งที่ทรัมป์ทำอยู่นั้นถูกต้อง  ทั้งคนเมกันเอง หรือแม้แต่คนไทย
ความเห็นของคนพวกนี้ ทำให้ผมสงสัยมาก อเมริกามีคนโง่มากขนาดนี้ ทำไมจึงกลายเป็นประเทศที่ร่ำรวย เป็นผู้นำโลก

ประเทศร่ำรวยได้ แม้มีคนโง่จำนวนมาก จริงหรือ?

มันช่างน่าสงสัยว่า ทำไมถึงรวยขนาดนี้ ทั้งที่ดูเหมือนมีคนไม่รู้เรื่องเยอะมาก
มีทั้งคนหัวรุนแรง เชื่อทฤษฎีสมคบคิด ต่อต้านวิทยาศาสตร์ ฯลฯ แต่เศรษฐกิจก็ยังแกร่ง เทคโนโลยีก็นำโลกอยู่ตลอด


ลองถาม chat ดู มันบอกว่า ความร่ำรวยของประเทศไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าทุกคนต้องฉลาด แต่มันอยู่ที่ “ระบบ” ที่เปิดทางให้คนเก่งสามารถสร้างสิ่งใหญ่ได้ และ “กลไก” ที่ทำให้คนทั่วไปยังมีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

คนเก่งไม่ได้เยอะ แต่มีเวทีให้เปล่งประกาย
ประเทศอย่างอเมริกามีระบบที่เปิดทางให้คนมีไอเดียหรือความสามารถสร้างนวัตกรรมได้จริง เช่น Elon Musk, Steve Jobs, Jeff Bezos
คนเหล่านี้อาจเป็น 1 ในล้าน แต่ระบบทุน ตลาด เทคโนโลยี และกฎหมายสนับสนุนพวกเขาเต็มที่ ความสำเร็จของพวกเขาจึงกระจายผลต่อเศรษฐกิจทั้งประเทศ

คนธรรมดาก็ยังมีบทบาท
แม้บางคนจะไม่รู้มาก แต่ยังทำงาน ผลิต และบริโภคในระบบเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะระบบการศึกษา การจ้างงาน และเทคโนโลยีพื้นฐานรองรับไว้หมด ไม่ได้ต้องฉลาดทุกคน แต่ต้อง มีบทบาทบางอย่างในระบบ


อีกจุดแข็งของอเมริกาคือการเป็นแม่เหล็กดูดสมอง นักวิจัย นักเรียนปริญญาเอกจากทั่วโลกอยากมาเรียน มาทำงาน เพราะมีโอกาสและอิสระในการสร้างสิ่งใหม่ ความฉลาดของ “คนอื่น” กลายเป็นพลังให้ประเทศ
ที่น่าสนใจคือ วัฒนธรรมของอเมริกาไม่กลัวความล้มเหลว กล้าลอง กล้าพูด กล้าทำผิด ทำใหม่ คนเก่งจึงไม่โดนตัดโอกาสง่าย ๆ ระบบไม่สกัดกั้น แต่ส่งเสริมให้เติบโต

โดยสรุป อเมริกาไม่ได้รวยเพราะทุกคนฉลาด แต่เพราะมีระบบที่เปิดโอกาสให้ “คนที่มีของ” ได้แสดงฝีมือ และช่วยดึงศักยภาพของคนธรรมดาทุกกลุ่มออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ มีโครงสร้างดีพอ คนโง่บางคนก็ไม่ทำให้ประเทศล่มได้ง่าย ๆ


แต่ด้วยคนอย่างทรัมป์  และคนโง่ที่สนับสนุนทรัมป์จำนวนมาก  เรากำลังได้เห็นทำลายโครงสร้างที่มีประสิทธิภาพและแข็งแกร่งนี้อย่างรวดเร็ว
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41287

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 136  เมื่อ 09 มิ.ย. 25, 14:53

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41287

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 137  เมื่อ 10 มิ.ย. 25, 15:10


ก็พบว่ายังมีคนจำนวนไม่น้อย ที่เชียร์ทรัมป์ และเห็นว่าสิ่งที่ทรัมป์ทำอยู่นั้นถูกต้อง  ทั้งคนเมกันเอง หรือแม้แต่คนไทย
ความเห็นของคนพวกนี้ ทำให้ผมสงสัยมาก อเมริกามีคนโง่มากขนาดนี้ ทำไมจึงกลายเป็นประเทศที่ร่ำรวย เป็นผู้นำโลก
ค.ห.ของคุณประกอบทำให้ดิฉันเกิดความสงสัยว่า ทำไมชาวอเมริกันจำนวนมากถึงชอบทรัมป์   แม้แต่การปราบจลาจลใน LA คราวนี้ก็มีผู้สนับสนุนทรัมป์   ก็เลยลองไปหาคำตอบดู
เจอคำตอบนี้ค่ะ

 จาก FB ของคุณ CSI LA
 เหตุการณ์ไม่สงบในลอสแอนเจลิสตอนนี้
เกิดขึ้นเพียงไม่กี่จุดเท่านั้น และส่วนใหญ่โฟกัสอยู่รอบๆ ย่านตึกของราชการใน Downtown Los Angeles
พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจริง ๆ ไม่เกิน 2 ตารางกิโลเมตร และยังไม่ได้ลุกลามหรือขยายตัวไปทั่วเมืองอย่างที่สื่อบางเจ้าในไทยพยายามเสนอ
อย่าตื่นตระหนกเกินจริง — สถานการณ์ในลอสแอนเจลิส ไม่ได้ “ลุกเป็นไฟ” อย่างที่บางสื่อพาดหัว
ต้องขอบคุณประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เคยสั่งให้หน่วย National Guard และ ทหารเรือ ลงมาควบคุมสถานการณ์อย่างเด็ดขาด
มีคำสั่งชัดเจนให้ “ลงโทษทันที” กับผู้ฝ่าฝืน หากไม่มีมาตรการเข้มแบบนั้น เมืองนี้อาจเผาไหม้จริง เหมือนเหตุการณ์ Black Lives Matter ที่ผู้ว่ารัฐในตอนนั้น ไม่ยอมใช้กำลังรักษาความสงบ จนเกิดการจลาจลและปล้นสะดมอย่างรุนแรง

ปัจจุบันยังมีบางกลุ่มถือโอกาส “ปล้นร้านค้า” ซ้ำรอยเดิม
ลองคิดดู… ถ้าเป็นประเทศไทย
แล้วมีคนจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เขมรหรือพม่า
มายืนชูธงชาติของเขา แล้ว จุดไฟเผาธงชาติไทย — คุณจะยอมรับได้ไหม?
ตอนนี้บางกลุ่มชาวเม็กซิกันในอเมริกากำลังทำพฤติกรรมในลักษณะนี้ ซึ่งทำให้เกิดคำถามใหญ่เรื่อง “เสรีภาพ”
เสรีภาพแค่ไหน?
และที่สำคัญ — เสรีภาพโดยไม่รับผิดชอบ ต่างจาก “อิสรภาพ” อย่างไร?
ความจริงคือ… ลอสแอนเจลิสยังดำเนินชีวิตตามปกติในเกือบทุกย่าน
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ “ไฟลามเมือง” อย่างที่บางสื่อพยายามบิดเบือน
อย่าลืมว่า เมืองใหญ่แบบ LA เคยผ่านความโกลาหลจาก Black Lives Matter มาแล้ว
แต่วันนี้หลายหน่วยงานได้เตรียมพร้อมรับมือ
สิ่งสำคัญที่สุดคือ:
แยกแยะ “ข่าวจริง” ออกจาก “กระแสปั่นความกลัว”
เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับภาพรวมของอเมริกาในตอนนี้
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 138  เมื่อ 10 มิ.ย. 25, 20:28

จาก FB ของคุณ CSI LA
 เหตุการณ์ไม่สงบในลอสแอนเจลิสตอนนี้
เกิดขึ้นเพียงไม่กี่จุดเท่านั้น และส่วนใหญ่โฟกัสอยู่รอบๆ ย่านตึกของราชการใน Downtown Los Angeles
พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจริง ๆ ไม่เกิน 2 ตารางกิโลเมตร และยังไม่ได้ลุกลามหรือขยายตัวไปทั่วเมืองอย่างที่สื่อบางเจ้าในไทยพยายามเสนอ
อย่าตื่นตระหนกเกินจริง — สถานการณ์ในลอสแอนเจลิส ไม่ได้ “ลุกเป็นไฟ” อย่างที่บางสื่อพาดหัว
ต้องขอบคุณประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เคยสั่งให้หน่วย National Guard และ ทหารเรือ ลงมาควบคุมสถานการณ์อย่างเด็ดขาด
มีคำสั่งชัดเจนให้ “ลงโทษทันที” กับผู้ฝ่าฝืน หากไม่มีมาตรการเข้มแบบนั้น เมืองนี้อาจเผาไหม้จริง เหมือนเหตุการณ์ Black Lives Matter ที่ผู้ว่ารัฐในตอนนั้น ไม่ยอมใช้กำลังรักษาความสงบ จนเกิดการจลาจลและปล้นสะดมอย่างรุนแรง



อาจารย์ไม่รู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดมันย้อนแย้งกันเองหรือคะ  ก็ในเมื่อเหตุการณ์ไม่สงบมันเกิดขึ้นเพียงไม่กี่จุด  แล้วมันมีความจำเป็นอะไรที่รัฐบาลกลางจะต้องเข้าไปก้าวก่ายในกิจการที่อยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ของรัฐบาลท้องถิ่น  และรัฐแคลิฟอร์เนียเองก็น่าจะมีทรัพยากรเพียงพอที่จะจัดการได้
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 139  เมื่อ 11 มิ.ย. 25, 07:28

ความเห็นของคนอเมริกันต่อทรัมป์หลัง 100 วันแรกผ่านไป




บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41287

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 140  เมื่อ 11 มิ.ย. 25, 10:16

    คะแนนคุณปู่แกก็ดิ่งพสุธาน่าใจหายเหมือนกันนะคะ    อาจเป็นได้ว่าผลงานของแกกระทบกระเทือนคนจำนวนมาก  อย่างที่ประชาชนนึกไม่ถึงมาก่อน 
   ถ้าประเทศเป็นคนไข้รอการรักษา  คุณปู่แกไม่ได้ทำแค่ตัดไส้ติ่งออกไป  หรือใส่รากฟันเทียม หรือช่วยใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ    แต่แกเล่นผ่าตัดตั้งแต่สมอง ลงไปถึงลำไส้ ถึงกระดูกขา  เล่นเกือบหมดตัว   บางทีก็ไม่ใช้ยาสลบหรือยาแก้ปวดด้วย
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 141  เมื่อ 14 มิ.ย. 25, 09:24

จาก FB ของคุณ CSI LA
 เหตุการณ์ไม่สงบในลอสแอนเจลิสตอนนี้
เกิดขึ้นเพียงไม่กี่จุดเท่านั้น และส่วนใหญ่โฟกัสอยู่รอบๆ ย่านตึกของราชการใน Downtown Los Angeles
พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจริง ๆ ไม่เกิน 2 ตารางกิโลเมตร และยังไม่ได้ลุกลามหรือขยายตัวไปทั่วเมืองอย่างที่สื่อบางเจ้าในไทยพยายามเสนอ
อย่าตื่นตระหนกเกินจริง — สถานการณ์ในลอสแอนเจลิส ไม่ได้ “ลุกเป็นไฟ” อย่างที่บางสื่อพาดหัว
ต้องขอบคุณประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เคยสั่งให้หน่วย National Guard และ ทหารเรือ ลงมาควบคุมสถานการณ์อย่างเด็ดขาด
มีคำสั่งชัดเจนให้ “ลงโทษทันที” กับผู้ฝ่าฝืน หากไม่มีมาตรการเข้มแบบนั้น เมืองนี้อาจเผาไหม้จริง เหมือนเหตุการณ์ Black Lives Matter ที่ผู้ว่ารัฐในตอนนั้น ไม่ยอมใช้กำลังรักษาความสงบ จนเกิดการจลาจลและปล้นสะดมอย่างรุนแรง

ปัจจุบันยังมีบางกลุ่มถือโอกาส “ปล้นร้านค้า” ซ้ำรอยเดิม
ลองคิดดู… ถ้าเป็นประเทศไทย
แล้วมีคนจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เขมรหรือพม่า
มายืนชูธงชาติของเขา แล้ว จุดไฟเผาธงชาติไทย — คุณจะยอมรับได้ไหม?
ตอนนี้บางกลุ่มชาวเม็กซิกันในอเมริกากำลังทำพฤติกรรมในลักษณะนี้ ซึ่งทำให้เกิดคำถามใหญ่เรื่อง “เสรีภาพ”
เสรีภาพแค่ไหน?
และที่สำคัญ — เสรีภาพโดยไม่รับผิดชอบ ต่างจาก “อิสรภาพ” อย่างไร?
ความจริงคือ… ลอสแอนเจลิสยังดำเนินชีวิตตามปกติในเกือบทุกย่าน
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ “ไฟลามเมือง” อย่างที่บางสื่อพยายามบิดเบือน
อย่าลืมว่า เมืองใหญ่แบบ LA เคยผ่านความโกลาหลจาก Black Lives Matter มาแล้ว
[/quote]

เผื่อใครจำไม่ได้ว่า "ความโกลาหล" จากเหตุการณ์ประท้วง Black Lives Matter ที่คุณคนนี้พูดถึงมีจุดเริ่มต้นมาจากอะไร  ขออนุญาตเอาภาพมาเตือนความจำกันค่ะ 


บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 142  เมื่อ 14 มิ.ย. 25, 10:05

   คะแนนคุณปู่แกก็ดิ่งพสุธาน่าใจหายเหมือนกันนะคะ    อาจเป็นได้ว่าผลงานของแกกระทบกระเทือนคนจำนวนมาก  อย่างที่ประชาชนนึกไม่ถึงมาก่อน  
   ถ้าประเทศเป็นคนไข้รอการรักษา  คุณปู่แกไม่ได้ทำแค่ตัดไส้ติ่งออกไป  หรือใส่รากฟันเทียม หรือช่วยใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ    แต่แกเล่นผ่าตัดตั้งแต่สมอง ลงไปถึงลำไส้ ถึงกระดูกขา  เล่นเกือบหมดตัว   บางทีก็ไม่ใช้ยาสลบหรือยาแก้ปวดด้วย

Make no mistake ค่ะอาจารย์

Trump may be a symptom of America's ills. But, he is neither the cure nor the solution.  

ไม่ผิดที่เราจะมองว่าทรัมป์คืออาการของโรค  เพราะอเมริกาทุกวันนี้ป่วยจริงๆ  การดำรงอยู่ของทรัมป์แสดงให้เราเห็นอย่างกระจ่างชัดว่าที่ผ่านมานั้นรัฐล้มเหลวมาโดยตลอด  การที่พรรคการเมืองใหญ่ทั้งสองพรรคมัวแต่เล่น identity politics  มัวแต่ใช้ culture wars เป็นเครืองมือหาเสียงและไม่ฟังเสียงที่แท้จริงของคนหมู่มากนั้น  มันมีแต่จะทำให้ประชาชนทั่วไปเบื่อการเมืองแบบเก่าๆ  สิ้นหวังกับสถาบันการเมือง  ทำให้คนนอกอย่างทรัมป์ที่หาเสียงด้วยการประกาศว่าจะเข้ามาล้างบางนักการเมืองแบบเก่าๆ กลายเป็นตัวเลือกเดียวก็ว่าได้สำหรับคนที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง  

แต่อย่าได้คิดเชียวว่าทรัมป์คือยารักษาโรคหรือทางออกของปัญหา  กรณีที่เกิดขึ้นใน LA นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดตัวอย่างหนึ่ง  การที่ปธน.ส่งทหารเข้าพื้นที่โดยไม่ฟังเสียงของผู้ว่าฯ นั้นคือการทำให้ปัญหาลุกลามเกินกว่าที่ควรจะเป็น  เป็นการวางรากฐานให้เกิดสถานการณ์รุนแรงเข้าขั้นวิกฤติ  แถมยังสร้างบรรยากาศแห่งความไม่ไว้ใจในประสิทธิภาพของรัฐบาลท้องถิ่นในการบริหารจัดการเรื่องในท้องถิ่นอีกด้วย  (ไม่ได้บอกว่าแคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่ไม่มีปัญหานะคะ  แต่การประท้วงที่เกิดขึ้นครั้งนี้มันไม่ได้ใหญ่โตถึงขนาดที่รัฐบาลท้องถิ่นจะจัดการไม่ได้เลย  ที่คนออกมาประท้วงมากขึ้นนั้นเป็นเพราะมีทหารเข้ามาในพื้นที่ต่างหาก)  

การตัดสินใจของทรัมป์นั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขามองทุกอย่างจากมุมของตัวเองเป็นหลัก  วิธีคิดของทรัมป์ไม่ได้มีพื้นฐานมาจาก "ทำอย่างไรถึงจะแก้ปัญหาของประเทศได้อย่างอลุ้มอล่วย ให้ทุกฝ่ายเสียหายน้อยที่สุด"  แต่เป็น "ทำอย่างไรกรูถึงจะเป็นพระเอกได้ในหนังเรื่องนี้" และ "ทำอย่างไรถึงจะเรียกเสียงเชียร์จากฐานเสียงขวาจัดให้ได้มากที่สุด" โดยไม่สนว่าจะสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติมากน้อยแค่ไหน   เคยมีคนพูดว่า  ถ้าทรัมป์ออกมาพูดหรือทำอะไรก็ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่ามีเหตุผลแค่สองอย่าง  ถ้าไม่เพราะ (1) ต้องการเรียกร้องความสนใจ (โจ๊กหนึ่งที่ฝ่ายซ้ายชอบใช้กับทรัมป์คือโจ๊กเรื่องสมัยเด็กๆ พ่อคงไม่ค่อยได้กอดเด็กชายโดนัลด์เท่าไหร่  พอโตมาเลยหิวแสงและโหยหาความสนใจเป็นพิเศษ)   ก็เพราะ (2) ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจไปจากบางเรื่อง   ตอนนี้เรื่องที่เขาไม่สามารถแก้ปัญหาข้าวของแพงได้อย่างที่เคยหาเสียงไว้  เรื่องที่ราคาสินค้าแพงขึ้นเพราะเขาทำสงครามการค้ากับทั้งโลกโดยไม่มีความจำเป็น  เรื่องที่เขาไม่สามารถหยุดสงครามในยูเครนและตะวันออกกลางได้ในหนึ่งวันอย่างที่เคยโม้  รวมทั้งเรื่องที่เขาแตกหักกับอีลอน มัสก์และถูกขู่ว่าจะแฉเอกสารลับคดีเอพสตีนนั้นแทบจะปลิวหายไปกับสายลมเลยก็ว่าได้  เพราะมีข่าวอื่นที่ใหญ่กว่าให้สื่อรายงาน    

นี่แหละค่ะที่เป็นสาเหตุว่าทำไมหนูถึงไม่ค่อยอยากจะติดตามข่าวสารหรือ engage กับใครด้วยเรื่องทรัมป์ เพราะมันไม่น่าจะมีอะไรให้ debate กันอีกแล้ว จนป่านนี้ก็น่าจะมองกันออกแล้วว่าสำหรับทรัมป์ทุกอย่างคือการละครหรือ theater  สิ่งที่เห็นไม่ใช่ policy แต่เป็น politics หรือ performance ไม่ก็เป็นการกลบเกลื่อนความฉาวโฉ่ของตัวเอง

    
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 8 9 [10]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.04 วินาที กับ 19 คำสั่ง