เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41267
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 120 เมื่อ 28 เม.ย. 25, 20:35
|
|
ช่วงฮันนีมูนระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับประชาชนอเมริกัน สั้นมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41267
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 121 เมื่อ 28 เม.ย. 25, 20:38
|
|
จาก Facebook เจาะลึกตะวันออกกลาง
เพราะอย่างงี้ไงครับที่ทรัมป์ฟาดงวงฟาดงาไปทั่วโลก ที่ผ่านมา ดอลฯ เป็นสกุลหลัก มีอิทธิพลบารมีเต็มอัตรา ใครจะได้เปรียบดุลการค้ายังไงมะกันไม่เคยสน เพราะตรูพิมพ์แบงก์ดอลฯ ได้ตามใจชอบคล้ายแบงก์กงเต็ก แต่พอดอลฯ เริ่มถูกคุกคาม นานาชาติเริ่มตาสว่าง เริ่มจับมือกันสู้... มะกันยุคทรัมป์จึงมองว่าหายนะมะกันใกล้เข้ามาแล้ว เพราะมะกันเคยกระจายการผลิตไปอยู่ในจีนเพียบเพราะค่าแรงถูก ชาวมะกันจึงมือเติบ นำเข้าเต็มที่ ขาดดุลก็ไม่สน แต่ตอนนี้ไม่สนไม่ได้ เพราะดอลฯ มีแนวโน้มจะโดนเท ทรัมป์จึงหันไปใช้วิธีโบราณ - ตั้งกำแพงภาษี! แต่อนิจจา ชาวมะกันเสพติดความสบายมาตั้งแต่ยุคดอลฯ เฟื่องฟู การขึ้นภาษีจีนจึงเดือดร้อนไปถึงคนรากหญ้ามะกันที่ชอบของถูกจากจีน แต่นี้ต่อไป ค่าครองชีพจะสูงขึ้น คนเร่ร่อนในมะกันก็จะยิ่งเพิ่มจำนวน ชนชั้นกลางจะลำบากกว่าเดิม ซึ่งส่วนหนึ่งก็คือฐานเสียงทรัมป์นั่นเอง!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41267
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 122 เมื่อ 28 พ.ค. 25, 11:44
|
|
อิทธิฤทธิ์ล่าสุดของคุณปู่ทรัมป์ คือไล่บี้มหาวิทยาลัยดังอันดับหนึ่งของอเมริกา ฮาร์วาร์ด รัฐบาลของทรัมป์ สั่งเพิกถอนสิทธิการรับนักศึกษาต่างชาติของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สั่งผ่านมาทางกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ยกเลิกสิทธิการรับรองโครงการนักเรียนและผู้มาแลกเปลี่ยน (SEVP) ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด คำสั่งดังกล่าว ส่งผลให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดจะไม่สามารถรับนักศึกษาต่างชาติเข้าเรียนได้อีก และนักศึกษาต่างชาติที่ศึกษาอยู่ ต้องย้ายไปเรียนที่อื่นหรือสูญเสียสถานภาพทางกฎหมาย ฮาร์วาร์ดมีนักศึกษาต่างชาติอยู่ถึง 27% พวกนี้ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนแพงกว่านศ.อเมริกันหลายเท่า พอเจอนโยบายทุบหม้อข้าวแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเข้าแบบนี้ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดก็ยอมไม่ได้ ฮึดสู้ขึ้นมาด้วยการออกแถลงการณ์ว่า การกระทำดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย ฮาร์วาร์ดยังมีนโยบายจะเป็นสถาบันการศึกษาของนักศึกษาและนักวิชาการจากกว่า 140 ประเทศที่ทำประโยชน์ให้ทั้งทางมหาวิทยาลัยและประเทศชาติ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41267
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 123 เมื่อ 28 พ.ค. 25, 11:59
|
|
ถ้าหากว่าหาหลักฐานกันจริงๆ ก็จะได้คำตอบว่า จำนวนนักศึกษาที่เคยก่อปัญหาด้านความมั่นคงให้สหรัฐอเมริกา เช่นเป็นสายลับแฝงตัวเข้ามาบ้าง หรือลอบเอาสูตรวิทยาศาสตร์ที่เรียนในชั้นกลับไปบ้าง มีหลักฐานให้เห็นไม่กี่คน ในจำนวนเป็นแสนเป็นล้านที่เคยเรียนมาแล้วกลับไปประเทศของตน พวกที่จับได้นี่ก็ไม่เคยก่อเรื่องก่อราวใหญ่โตสักคน ทำไมทรัมป์ถึงหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาเป็นเรื่องใหญ่โตวุ่นวายกันไปหลายประเทศ ต้องย้อนกลับไปดูกลยุทธ์ของทรัมป์ คุณปู่แกมีฝีมือในการขยายเหตุการณ์เล็กน้อยให้เป็นภาพใหญ่ นักศึกษาต่างชาติที่ถูกกล่าวหาว่าสอดแนมหรือกระทำผิด ถูกนำไปขยายความว่า นี่ไง ตัวอย่างของภัยคุกคามที่ทะมึนอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลจากต่างชาติ การก่อการร้าย หรือนโยบายแอนตี้ชาติในรั้วมหาวิทยาลัยชั้นนำ กรอบความคิดเช่นนี้สื่อถึงฐานเสียงของคุณปู่ ฐานของทรัมป์มาจากประชาชนที่ระแวงผู้อพยพว่ามาแย่งงาน ก่ออาชญากรรมและกินสวัสดิการฟรี มองโลกาภิวัตน์ว่าทำลายวัฒนธรรมเดิมของพวกเขา และไม่ชอบใจสถาบันการศึกษาที่มีแนวคิดเสรีนิยม เมื่อทรัมป์ชี้ว่านักศึกษาต่างชาติอาจเป็นภัย ทำให้ได้รับเสียงสนับสนุนว่าสังคมอเมริกาต้องมีควบคุมอย่างมีระเบียบวินัย มากกว่ายอมรับความหลากหลาย แต่ใจจริงทรัมป์ก็ไม่ได้เกลียดนักศึกษาต่างชาติหรอกค่ะ ไม่งั้นคงไม่ให้บัตรเขียว( ใบต่างด้าว อนุญาตให้ทำงานได้) กับนักศึกษาเก่งๆ ที่สามารถทำงานเป็นประโยชน์แก่ประเทศได้ พร้อมกันนั้นก็สั่งระงับการสัมภาษณ์ขอวีซ่า ยกเลิกวีซ่าเดิม และไล่ขยี้มหาวิทยาลัยอย่างฮาร์วาร์ด ความย้อนแย้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการวางกลยุทธ์ เพื่อเอาใจทั้งกลุ่มธุรกิจที่ต้องการแรงงานฝีมือ และกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ต้องการปิดพรมแดน สรุปว่า ทรัมป์ไม่ได้วุ่นวายแบบเปล่าๆปลี้ๆ แต่เป็นการสร้างคะแนนให้ฐานเสียงของเขา กับบอกนศ.ต่างชาติ แบบง่ายๆว่า " ถ้าจะมาทำประโยชน์ให้อเมริกา ก็มาเรียนได้ แต่ถ้ามาแล้วไม่เป็นประโยชน์แก่ประเทศผม (ถึงจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศคุณ) ก็อย่ามาเลย"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|