ทรัมป์กลับมาแล้ว!

[ปัญจมา]

รูปที่สร้างโดยเอไอ

[ปัญจมา]

ยังไม่จบค่ะ  ตอนไปร่วมพิธีเปิดอาสนวิหารนอเทรอดามที่ปารีส  เจ้าภาพจัดให้นั่งใกล้ๆ สตรีหมายเลขหนึ่งจิล ไบเดน  ทรัมป์ก็เอารูปที่มาดามไบเดนยิ้มให้ตามมารยาทมาใช้กับการโฆษณาน้ำหอมชื่อ “ไฟท์ ไฟท์ ไฟท์”  (ซึ่งเป็นคำพูดแรกที่ทรัมป์ปล่อยออกมาหลังจากถูกลอบยิงที่เพนซิลเวเนียเมื่อเดือนกรกฎา)  พร้อมๆ กับจั่วหัวว่า “น้ำหอมที่ขนาดศัตรูคุณยังหลงใหล”

[ปัญจมา]

ที่แย่ยิ่งกว่าก็คือการที่ทรัมป์ชนะเลือกตั้งนั้นมีส่วนทำให้การใช้คำพูดหรือการแสดงทัศนคติเหยียดเพศเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก   มีรายงานวิจัยที่ชี้ว่า ทวิตเตอร์โพสต์ที่มีคำว่า Your body, my choice (เรือนร่างอาจเป็นของคุณก็จริง  แต่สิทธิ์ต่อเรือนร่างนั้นเป็นของฉัน) และ Get Back in the Kitchen (กลับไปยืนหน้าเตาซะ) พุ่งสูงขึ้นกว่า 4000% ในช่วงเวลาแค่ 24 ชม. หลังการเลือกตั้ง  และตามแคมปัสต่างๆ ก็มีนักศึกษาชายเดินถือป้าย Women are property (ผู้หญิงคือสมบัติผลัดกันชม) ให้เห็นอยู่บ่อยๆ 

[เทาชมพู]

  ใครๆก็รักผู้ชนะ!
  ล่าสุด มหาเศรษฐีที่เดินต้อยๆตามรอยอีลอน มัสก์มาติดๆ คือพี่มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเมตา และเฟซบุ๊ก
   เมตา บริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์ เข้ากองทุนพิธีสาบานรับตำแหน่งของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทางบริษัทยืนยันกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นในวันพฤหัสบดี ที่12 ธ.ค. ทั้งที่ก่อนหน้านี้  พี่มาร์คแกผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ กับคุณปู่  ถึงขั้นประกาศแบนทรัมป์จากแพลตฟอร์ม หลังเหตุการณ์ฝ่ายสนับสนุนทรัมป์ ก่อจลาจลบุกอาคารรัฐสภาวันที่ 6 กราคม 2021
   แต่หลังจากนั้น  ท่าทีแข็งกร้าวของพี่มาร์คก็อ่อนลงเป็นลำดับ  คงจะได้กลิ่นว่าทรัมป์อาจกลับมาได้อีก  ตอนนี้พอแน่ใจว่าคุณปู่กลับมาผงาดเต็มตัว  ก็ไม่แปลกที่เคยเกลียดก็หาย เคยหน่ายก็รัก   ตอนนี้ทำทุกอย่างเพื่อฟื้นคืนดีกันได้ตามเดิม

[เทาชมพู]

        ไม่ต้องเสียเวลาให้ทางการเขาประกาศก่อนว่าได้เข้าทำเนียบขาวแน่แล้ว      คุณปู่ทรัมป์แกก็เริ่มงานในหน้าที่แกจากนอกทำเนียบ แบบไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น   ถือว่ายังไงๆแกก็เป็นประธานาธิบดีชัวร์ จะมัวรีรอพิธีการอยู่ทำไม 
        แกส่งข้อความหา 'โวโลดิมีร์ เซเลนสกี' แห่งยูเครน ขอให้ทบทวน เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงและยอมละทิ้งดินแดนต่างๆ ที่ปัจจุบันอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย    แปลอีกทีคือให้ยูหยวนๆยอมรัสเซียเขาไปเหอะ   เสียดินแดนส่วนหนึ่งให้เขาไป   เรื่องมันจะได้จบเสียที     ขืนรบกันต่อไปยังงี้เขาก็ถล่มยูแหลกลาญไปทั้งประเทศ   ประชาชนจะตาย บ้านเรือนจะพินาศอีกไม่รู้เท่าไหร่   ยูจะได้อะไรขึ้นมารึก็เปล่า     และที่สำคัญที่ไอไม่ได้บอกตรงๆแต่บอกอ้อมๆคือรัฐบาลชุดที่แล้วทุ่มเทเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์ช่วยยูไปจนประเทศจนกรอบลงทันตาเห็น      ตอนนี้ไอขอเก็บเงินทุกดอลลาร์ที่ยังเหลืออยู่ใส่กระปุก  เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประชาชนของไอดีกว่า 
    เรื่องนี้ปู่ทรัมป์เอาจริง        ก่อนหน้านี้ แกเรียกร้องทั้งยูเครนและรัสเซียให้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในทันที โพสต์ข้อความเรียกร้องบนทรัสต์โซเชียล แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของตัวเอง หลังจากพบปะกับ เซเลนสกี และประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศสในกรุงปารีส
    คนที่ยิ้มและขานรับปู่ทันที คือประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย  ที่ออกมาประกาศว่ามอสโกเปิดกว้างที่จะเจรจากับเคียฟโดยปราศจากการวางเงื่อนไขล่วงหน้า ยกเว้นที่เงื่อนไขที่เห็นพ้องกันก่อนหน้านี้ ณ โต๊ะเจรจาในอิสตันบูล ปี 2022

[เทาชมพู]

อิทธิฤทธิ์อีกเรื่องหนึ่งที่คุณปู่ทรัมป์เพิ่งลงไม้ลงมือไปหยกๆ  คือจัดการกับพวก Woke
ถ้าท่านผู้อ่านเรือนไทยยังไม่เข้าใจว่า Woke คืออะไร  หรืออ่านแล้วแต่ลืมไป  เชิญอ่านได้ที่นี่ค่ะ
https://www.reurnthai.com/index.php?topic=7396.0

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2024 นี้เอง   คุณปู่แกขึ้นปราศัยในงาน American Fest ที่เมืองฟินิกซ์ รัฐแอริโซนา  เล่นงาน วัฒนธรรม Woke  ว่าเป็นสิ่งที่ไร้สาระ  มีไว้ก็บั่นทอนทำลายประเทศ
แกยืนยันว่า อเมริกาจะมีการรับรองเพียงแค่ 2 เพศเท่านั้น ก็คือ ชาย หรือ หญิง   ส่วนเพศที่สาม สี่ ห้า ฯลฯ  ไม่ถูกนับ  พูดอีกทีคือพลเมืองอเมริกันเกิดมา  ถ้าไม่ใช่ชายก็ต้องเป็นหญิง   จบ

คุณปู่ยังสัญญาว่า เข้ารับตำแหน่งเมื่อไหร่    หลักสูตรการเรียนการสอนเรื่อง  LGBTQIA2S+  ที่เพิ่งนำมาบรรจุหมาดๆ ในโรงเรียนประถมและมัธยมต้น  เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ถึงเพศอื่นๆนอกเหนือจากชายหญิง จะถูกกวาดเกลี้ยงออกจากหลักสูตร ทันทีที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี
เพิ่มเติมจากนี้คือทรัมป์จะเซ็นคำสั่งระงับการแปลงเพศ สำหรับผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ   เพราะปัจจุบัน การแปลงเพศในเด็กวัยรุ่นกระทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย       ถ้าเด็กคนไหนพบว่าตัวเองเกิดมาเพศหนึ่งแต่ใจเป็นอีกเพศหนึ่ง   ก็สามารถไปปรึกษาหมอ  ให้หมอจ่ายยาที่มีผลในการหยุดการพัฒนาของร่างกาย และกดฮอร์โมนเอาไว้ เพืื่อไม่ให้ร่างกายเติบโตขึ้นตามเพศที่เกิดมา    ต่อไปก็จะสะดวกที่จะผ่าตัดเป็นอีกเพศหนึ่ง      เรื่องนี้ทรัมป์ไม่ยอมเด็ดขาด เห็นว่าเด็กเหล่านี้ยังเยาว์เกินกว่าจะมีวิจารณญาณได้เที่ยงตรงว่าตัวเองอยากเป็นอะไรกันแน่      เอาไว้เป็นผู้ใหญ่ก่อนแล้วอยากทำก็ค่อยไปทำนอนนั้น
ทรัมป์ ทิ้งท้ายการปราศัยด้วยแด๊นซ์กระจายประกอบเพลง YMCA ก่อนที่จะลงจากเวทีไป

[เทาชมพู]

ข่าวคราวไม่จืดของปู่ทรัมป์ยังคงออกมาให้ประชาชนทั่วโลกเห็นอยู่เป็นระยะ
ก่อนหน้านี้ ย้อนหลังไปเมื่อปี 2016  มีผู้ร้องเรียนว่าทนายความของโดนัลด์ ทรัมป์ จ่ายเงินให้กับดาราหนังผู้ใหญ่(หรือหนังโป๊) ชื่อสตอร์มี แดเนียลส์ เป็นเงิน  130,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.1 ล้านบาท)  เพื่อเป็นค่าปิดข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับทรัมป์   แปลอีกทีว่าเอาเงินปิดปาก   อย่าแฉว่าเคยมีอะไรๆกันมาก่อน
พอความแตก  เรื่องนี้ก็ถูกนำขึ้นสู่ศาล    ลากยาวกันมาหลายปี
ผู้พิพากษาคดีนี้ระบุว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะถูกตัดสินลงโทษในวันที่ 10 มกราคม ในคดีอาญาเรื่องนี้  แต่ไม่น่าจะต้องรับโทษจำคุกหรือบทลงโทษอื่นๆ
ผลคือ ทรัมป์จะต้องปรากฏตัวในการพิจารณาคดีของศาลเพียง 10 วันก่อนการเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ
ก่อนหน้าทรัมป์ ไม่มีประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งอดีตหรือดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใดถูกตั้งข้อหาหรือตัดสินว่ามีความผิดทางอาญา   ปู่แกนี่แหละเป็นตัวประเดิม

[เทาชมพู]

    ในที่สุด  ผลการตัดสินของผู้พิพากษา ฮวน เมอร์ชาน ก็ออกมาตรงกับที่คาดกันเอาไว้  คือปล่อยตัว ว่าที่ประธานาธิบดีแบบไร้เงื่อนไข      คือไม่โดนอะไรทั้งสิ้น    ไม่จำไม่ปรับ ไม่รอลงอาญา   สรุปว่าคดีนี้จบแบบทรัมป์ลอยนวล   
     แต่ทรัมป์ก็กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่เข้ารับตำแหน่ง    โดยมีประวัติก่อคดีอาญาติดตัว
     ผู้พิพากษาเมอร์ชาน แถลงว่า การที่ทรัมป์ไม่โดนจำคุก ไม่ถูกปรับเงิน หรือโดนทัณฑ์บน   เนื่องจากรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ คุ้มครองประธานาธิบดีจากการถูกดำเนินคดีทางอาญา    หมายความว่าประธานาธิบดีคือผู้ที่กฎหมายไม่สามารถเอื้อมไปถึง  ต่อให้ทำผิดยังไงก็ตาม      แต่เขาเน้นว่าแม้รัฐธรรมนูญเปิดช่องให้ลอยนวลไปได้  แต่ก็ “ไม่ได้ลดทอนความร้ายแรงของอาชญากรรม หรือสร้างความชอบธรรมให้ในกรณีใดๆ”
      ผู้พิพากษายังสรุปอย่างแสบสันต์ต่อไปว่า
     “ แม้รัฐธรรมนูญคุ้มครองประธานาธิบดีได้สูงสุดอย่างใดก็ตาม  แต่ก็ไม่ครอบคลุมไปถึงอำนาจในการลบล้างคำตัดสินของคณะลูกขุน”
     สรุปอีกทีคือ  ยูน่ะผิดจริงนะ แต่ตำแหน่งยูทำให้ได้รับการยกเว้นไม่ถูกลงโทษต่างหาก
      ส่วนทรัมป์ ยืนกรานหัวชนฝามาแต่แรกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรอย่างที่ถูกกล่าวหา     และจะอุทธรณ์คำตัดสินที่ว่าตนผิด  เพราะเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่เคยทำอะไรผิด
     ระหว่างการไต่สวน   ทรัมป์ไม่ยอมไปให้การท่าเดียว  แต่ออกมาสับแหลกผู้พิพากษา และอัยการเขตแมนฮัตตัน ที่เป็นผู้สั่งฟ้องคดีนี้
     ทรัมป์โพสข้อความว่า เขาจะอุทธรณ์คำตัดสินนี้ต่อไป

[เทาชมพู]

   ส่วนคุณตาไบเดนนั้นก็ใช่ว่าจะปลอดพ้นจากเรื่องพรรค์นี้     เพียงแต่มันไม่อื้อฉาวออกมาสู่ข่าวหน้าหนึ่งของสื่อเท่านั้น   อาจจะเป็นเพราะขาดหลักฐาน หรือสื่อไม่ตามเจาะลึก
   ย้อนหลังไปเมื่อปี 2020    เจ้าหน้าที่สาวคนหนึ่งชื่อแทรา รีด (Tara Reade) ออกมาร้องเรียนว่าเธอถูกโจ ไบเดนล่วงละเมิดทางเพศ เหตุการณ์เกิดเมื่อปี  1993   แต่เมื่อร้องเรียนไปเรื่องก็เงียบหาย   กลับถูกคุกคามบีบบังคับ จนเธอเป็นฝ่ายต้องออกจากงาน   
     ปัจจุบันเธอหนีไปอยู่รัสเซีย  บอกว่าจะทำเรื่องโอนสัญชาติไปเป็นคนที่นั่น  เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะอยู่อเมริกา
    นอกจากรีด  ยังมีผู้หญิงอีก 7 คนที่ออกมาร้องเรียนว่า ไบเดนมักจะชอบสัมผัสพวกเธออย่างชนิดเกินเลย  (ก็คือลวนลามน่ะละ)  อย่างเช่น ลูซี ฟลอเรส สมาชิกพรรคเดโมแครตจากเนวาดา บอกว่า โจ จูบที่ซอกคอของเธอ ระหว่างหาเสียงที่เนวาดา
     เอมี แลปปอส อดีตผู้ช่วยของเขาก็เล่าว่า ตอนที่หาเสียงในปี 2009 เขานำมือเธอมาจับแก้มทั้งสองข้างของเขา แล้วก็เอาจมูกมาถูไถกับจมูกของเธอ
      ดีเจ ฮิลล์ คอลัมนิสต์ของนิวยอร์กไทม์ส เล่าว่า ระหว่างที่โจ ไบเดน จัดระดมทุนในปี 2012 เขาจัับไหล่แล้วกอดเธอทางด้านหลัง  ทำให้เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนมากๆ
      ไบเดนปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด   แต่แก้ตัวลงทวิตเตอร์ ว่าเขาไม่มีเจตนาร้ายใดๆ  แต่เมื่อมีเรื่องพรรค์นี้ เขาก็จะระมัดระวังกิริยาของตัวเองให้มากขึ้น

  ภาพข้างล่างคือแทรา รีด

[เทาชมพู]

    ในที่สุด วันนี้ที่รอคอย(สำหรับคุณปู่โดนัลด์ ทรัมป์) ก็มาถึง  คือวันที่เข้าพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐอเมริกา

เจ ดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ  หนุ่มใหม่เอี่ยมวัย 40 ปี เข้าสาบานตนรับตำแหน่งเช่นกัน

พิธีจัดขึ้นภายในโถงโรทันดาของอาคารรัฐสภา ที่นี่ 4 ปีก่อนกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์บุกเข้าก่อเหตุโจมตีทุบทำลายข้าวของรุนแรง หลังทรัมป์แพ้การเลือกตั้งให้โจ ไบเดน
นโยบายแรกของทรัมป์ตามที่ประกาศไว้ล่วงหน้า คือ เนรเทศผู้อพยพ   ยุติการเข้าเมืองผิดกฎหมายทั้งหมดในทันที   ส่งกลับผู้อพยพผิดกฎหมายหลายล้านคนกลับไปยังต้นทาง     ส่งทหารไปยังพรมแดนใต้เพื่อป้องกันการรุกรานของผู้อพยพเข้ามาในประเทศ   หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า ไล่คนลักลอบเข้าเมืองกลับออกไป แล้วปิดพรมแดน

ด้านเศรษฐกิจ ทรัมป์ประกาศว่าจะทำให้ราคาสินค้าที่แพงจนประชาชนแทบไม่มีกิน ให้ถูกลง เริ่มการขุดเจาะน้ำมันเพื่อเพิ่มน้ำมันสำรองในคลัง     ส่งออกพลังงานไปทั่วโลก    ไม่เชียร์รถยนต์พลังงานไฟฟ้า แต่กลับมากอบกู้รถยนต์ใช้น้ำมันเพื่อให้สร้างงานให้แรงงานในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศ

เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นชื่ออ่าวอเมริกา    โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการฟื้นฟูอเมริกา ในฐานะชาติที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังที่สุดในโลก

[เทาชมพู]

[SILA]

8 เรื่องที่ โดนัลด์ ทรัมป์ วางแผนจะทำในวันแรกที่หวนคืนสู่ทำเนียบขาว

https://www.bbc.com/thai/articles/cx2m0yrk3myo

จุมพิตสุภาพสตรีหมายเลข 1 สมัย 2

[เทาชมพู]

จาก  FB ของ Drama-addict

หลังทรัมพ์ขึ้นเป็น ปธน

ได้ออกคำสั่ง ยกเลิกนโยบาย DEI ทั้งหมดจากสมัยของไบเดนเรียบร้อยแล้ว
หนึ่งในนั้นคือนโยบายของไบเดน ที่เน้นการจ้างงานโดยดูจาก เชื้อชาติ หรือเพศสภาพ พูดง่ายๆคือ ในแต่ละบริษัทจะมีโควต้าว่า ต้องมีพนักงานเป็น LGBT เท่านี้ๆ % ต้องมีพนักงานเป็นคนดำ คนลาติน บลาๆ เท่านี้ %  โดยทรัมพ์บอกว่า การที่รัฐเข้าไปมีส่วนแทรกแซงในประเด็นนี้คือการเอาเรื่องเชื้อชาติสีผิวเข้าไปแทรกในทุกเรื่องตั้งแต่ชีวิตส่วนตัวยันหน้าที่การงาน นับจากนี้ไปรัฐบาลของเขา จะทำประหนึ่งว่าเป็นตาบอดสี คือไม่สนใจสีผิวใดๆทั้งสิ้น ทุกอย่างว่ากันตามความสามารถของแต่ละบุคคลเท่านั้น
โดยคำสั่งของทรัมพ์คือให้ยกเลิกนโยบาย DEI ในหน่วยงานรัฐทั้งหมด
และยังประกาศว่าจากนี้ไปอเมริกา จะมีเพียงสอง "เพศ" เท่านั้น คือชาย และหญิง ซึ่งเป็นการประกาศให้แยก "เพศ" และ "เพศสภาพ" ออกจากกันอย่างชัดเจน ซึ่งในสมัยไบเดนมีการเอาสองอย่างนี้มาปนกันมั่วไปหมด หลังจากนี้ไปในเอกสารราชการของบุคคล ในส่วนที่เป็น "เพศ" จะระบุแค่ ชาย หรือ หญิง เท่านั้น ไม่มีนอกเหนือจากนี้
ซึ่งในส่วนของผู้ประกอบการเอกชน ได้สนองนโยบายของทรัมพ์ล่วงหน้าตั้งแต่ตอนชนะเลือกตั้ง โดยยกเลิกนโยบาย DEI เกลี้ยงเรียบวุธแทบทุกบริษัทแล้ว

[เทาชมพู]

จาก  FB คุยทุกเรื่องกับสนธิ

ทรัมป์ลงนามคำสั่งนับสิบครอบคลุมประเด็นโลกร้อนไปจนถึงคนเข้าเมือง ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งตามที่ลั่นวาจาไว้

คำสั่งฝ่ายบริหารบางส่วนที่โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามหลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) เป็นคำสัญญาที่ให้ไว้ระหว่างหาเสียงเมื่อปีที่แล้ว เช่น การอภัยโทษผู้ประท้วงจำนวนมากที่บุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2021 เพื่อขัดขวางการรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต แต่ยังมีคำสั่งอีกจำนวนหนึ่งที่ถือว่าเกินคาด เช่น การนำอเมริกาถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก (WHO)

ต่อไปนี้คือสรุปคำสั่งที่ทรัมป์ลงนามในสนามกีฬาที่วอชิงตันท่ามกลางผู้สนับสนุนจำนวนมาก และที่ทำเนียบขาวในเวลาต่อมาภายหลังสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง

คนเข้าเมือง
ทรัมป์เซ็นคำสั่งหลายฉบับเพื่อปรับเปลี่ยนวิธีที่อเมริกาจัดการปัญหาคนเข้าเมืองและความเป็นพลเมือง ซึ่งรวมถึงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินบริเวณชายแดนทางใต้
ประมุขทำเนียบขาวคนใหม่ยังสัญญาว่า จะจัดการเนรเทศครั้งใหญ่ซึ่งจะมีกองทัพร่วมปฏิบัติการด้วย โดยเป้าหมายอยู่ที่ “อาชญากรต่างด้าว”

ที่ห้องทำงานรูปไข่ ทรัมป์ลงนามคำสั่งยกเลิกการให้สัญชาติจากการเกิดในประเทศ อย่างไรก็ดี ทรัมป์อาจเผชิญการท้าทายทางกฎหมายเนื่องจากการให้สัญชาติอเมริกันโดยอัตโนมัตินี้กำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญ

ม็อบบุกสภา 6 มกราคม
ทรัมป์ลงนามอภัยโทษผู้สนับสนุนตนเองบางส่วนจากทั้งหมด 1,500 คนที่บุกโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 เพื่อล้มล้างผลการเลือกตั้งปี 2020 โดยเรียกคนเหล่านั้นที่ถูกตัดสินความผิดหรือยอมรับผิดในการก่อจลาจลว่าเป็น “ตัวประกัน”

ความหลากหลาย ความเท่าเทียม การยอมรับความแตกต่าง
ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของอเมริกายกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารหลายฉบับที่ส่งเสริมโครงการความหลากหลายและความเท่าเทียมของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) ในหน่วยงานรัฐบาล ภาคธุรกิจ และบริการสาธารณสุข รวมถึงสิทธิของคนอเมริกันกลุ่ม LGBTQ ตามที่สัญญาไว้ว่าจะจัดการวัฒนธรรม “การตื่นรู้”

ทรัมป์ยังประกาศว่า ต่อไปรัฐบาลสหรัฐฯ จะยอมรับคนเพียงสองเพศคือชายกับหญิงเท่านั้น

ข้อตกลงโลกร้อนปารีส
ผู้นำใหม่ของสหรัฐฯ นำอเมริกาถอนตัวจากข้อตกลงโลกร้อนปารีสเหมือนที่เคยทำมาตอนรับตำแหน่งสมัยแรก ตอกย้ำการปฏิเสธความพยายามของทั่วโลกในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน ขณะที่ภัยพิบัติธรรมชาติรุนแรงขึ้นทั่วโลก
อย่างไรก็ดี ต้องใช้เวลา 1 ปีหลังจากยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อกรอบข้อตกลงของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ฉบับนี้ อเมริกาจึงจะสามารถถอนตัวได้

การขุดเจาะน้ำมัน
ทรัมป์ลงนามคำสั่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อขยายการขุดเจาะในอเมริกาซึ่งเป็นผู้นำการผลิตก๊าซและน้ำมันของโลก

เวิร์ก ฟอร์ม โฮม
นอกจากนั้น ทรัมป์ยังลงนามคำสั่งกำหนดให้ลูกจ้างรัฐบาลกลางกลับไปทำงานในสำนักงานเต็มเวลา เพื่อยุติการอนุญาตการทำงานจากที่บ้านส่วนใหญ่ที่ริเริ่มขึ้นในช่วงที่โควิด-19 ระบาด

ถอนตัวจาก WHO
ทรัมป์เซ็นคำสั่งให้อเมริกาถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก โดยยืนยันว่า ไม่เป็นธรรมที่สหรัฐฯ จ่ายเงินสมทบองค์กรนี้มากกว่าที่จีนจ่าย

ติ๊กต็อก Tiktok
ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้สั่งระงับการบังคับใช้กฎหมายแบนติ๊กต็อกออกไป 75 วัน ซึ่งเท่ากับเป็นการชะลอการดำเนินการห้ามการเผยแพร่และอัปเดตแพลตฟอร์มติ๊กต็อกในอเมริกาที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (19 ม.ค.)
ทรัมป์ระบุว่า ต้องการให้ ไบต์แดนซ์ บริษัทแม่ของติ๊กต็อกที่อยู่ในจีน ตกลงขายหุ้นติ๊กต็อก 50% ให้นักลงทุนในอเมริกา

ผู้ตั้งถิ่นฐานในเวสต์แบงก์
ทรัมป์ยกเลิกมาตรการแซงก์ชันของคณะบริหารของไบเดนต่อผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวที่ใช้ความรุนแรงกับชาวปาเลสไตน์ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์

คิวบา
ทรัมป์ล้มล้างอีกหนึ่งคำสั่งของไบเดนที่เพิ่งประกาศเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ในการถอดคิวบาออกจากบัญชีดำประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้าย เพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยนักโทษ

*******************
ต้องรอดูกันต่อไปว่า 4 ปีจากนี้  อเมริกาจะฟื้นฟูตัวเอง   กลับสู่ประเทศมั่งคั่ง   อยู่ดีกินดี  มีงานมีเงินใช้  เป็นดินแดนในฝันของคนในประเทศยากจน  อย่างที่เคยเป็นเมื่อหลายสิบปีก่อนได้หรือเปล่า

[เพ็ญชมพู]

ยังไม่ทันไร โดนัลด์ ทรัมป์ เจอพระผู้หญิงเลคเชอร์ซะแล้ว มุขนายกมาริแอนน์ บัดเด ๖๕ ปี บิชอปแห่งวอชิงตัน ดี.ซี. ขอร้องประธานาธิบดีทรัมป์ ให้ "เมตตา" ชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ "ที่กำลังหวาดกลัว" รวมทั้งกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ และผู้อพยพเข้าเมือง "พระเจ้าสอนให้เราเมตตาต่อคนแปลกหน้า เพราะเราทุกคนต่างเคยเป็นคนแปลกหน้าในดินแดนแห่งนี้มาก่อน"

นับเป็นเคราะห์หามยามร้ายของทรัมป์ เจดี แวนซ์ คู่สมรส และบรรดา oligarchs ที่ร่วมครม.ของเขาที่ต้องมาฟังเทศน์จากหัวหน้าคณะสงฆ์นิกายอิปิสโคปัล ที่มีความก้าวหน้า มักสนับสนุนการทำกิจกรรมเพื่อสังคมและสิทธิพลเรือน มุขนายกมาริแอนน์ บัดเดยังเป็นผู้นำหญิงคนแรกของนิกายนี้ในเขตวอชิงตันด้วย
 
ท่านบัดเดบอกทรัมป์ระหว่างพิธีที่เป็นส่วนหนึ่งของการเข้ารับตำแหน่งว่า "ผู้คนนับล้านวางใจในตัวคุณ และเมื่อวานนี้ คุณก็ได้บอกกับคนทั้งประเทศว่า คุณได้สัมผัสถึงพระหัตถ์อันเปี่ยมด้วยความรักของพระเจ้า (ที่คุณคุยโวว่ารอดจากการยิงปืนถากหูเพราะพระเจ้าน่ะ) ในนามของพระเจ้าของเรา อาตมาขอให้คุณเมตตาผู้คนในประเทศของเราที่กำลังหวาดกลัวอยู่ในขณะนี้"

"มีเด็กที่เป็นเกย์ เลสเบี้ยน และคนข้ามเพศในครอบครัวเดโมแครต รีพับลิกัน และกลุ่มการเมืองอิสระ" ท่านบัดเดยังกล่าวถึงผู้อพยพจำนวนมาก ซึ่งเป็น "คนที่มาเก็บเกี่ยวพืชผล และทำความสะอาดสำนักงานของเรา ทำงานในฟาร์มสัตว์ปีกและโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ คนที่ล้างจานหลังจากเรากินอาหารในร้านอาหาร และทำงานกะกลางคืนในโรงพยาบาล"

"พวกเขาอาจไม่ใช่พลเมืองหรือมีเอกสารที่ถูกต้อง แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่ผู้กระทำความผิด พวกเขาจ่ายภาษีและเป็นเพื่อนบ้านที่ดี พวกเขาเป็นสมาชิกที่ซื่อสัตย์ของโบสถ์ มัสยิด คุรุทวารา (โบสถ์ซิกข์) และโบสถ์ของเรา"
 
"อาตมาขอให้ท่านโปรดเมตตาต่อผู้คนในชุมชนของเรา บุตรหลานของพวกเขาที่กลัวว่าจะต้องพลัดพรากจากพ่อแม่ของตนเอง และขอให้ท่านช่วยเหลือผู้ที่หลบหนีจากเขตสงครามและการข่มเหงในดินแดนของตนเอง ให้ได้รับความเมตตาและการต้อนรับที่นี่ พระเจ้าของเราสอนเราว่าเราควรเมตตาต่อคนแปลกหน้า เพราะเราทุกคนเคยเป็นคนแปลกหน้าในดินแดนแห่งนี้มาก่อน"

หลังจบพิธี Mike Collins สส.รีพับลิกันจากจอร์เจียถึงกับโพสต์ X ว่า "คนที่เทศน์คำสอนคนนั้น ควรเป็นส่วนหนึ่งของรายชื่อคนที่จะถูกเนรเทศไปนอกประเทศ" ทรัมป์เองดูไม่แฮปปี้เท่าไรระหว่างพิธี ต่อมาเขายังให้สัมภาษณ์ว่า "ไม่น่าตื่นเต้นเลย พวกเขาน่าจะจัดงานได้ดีกว่านี้นะ"

จากเฟซบุ๊กของ คุณพิภพ อุดมอิทธิพงศ์ นักแปลข่าวต่างประเทศ/สื่อมวลชนอิสระ