เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 9
  พิมพ์  
อ่าน: 19232 ทรัมป์กลับมาแล้ว!
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 08 พ.ย. 24, 06:52

อีกมุมหนึ่งจากดร.กอบศักดิ์ ค่ะ
https://www.youtube.com/live/8IhbtHTwBfA
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 08 พ.ย. 24, 07:07

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางกมลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

นายจูเลียน เซลิเซอร์ อาจารย์ประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกัน มหาวิทยาลัยพรินซ์ตันมองว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งไม่ได้เกิดจากตัวแฮร์ริส แต่เกิดจากการที่เธอเป็นผู้สมัครจากรัฐบาลที่ไม่ได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก นอกจากนี้ยังเป็นผลจากการที่สังคมอเมริกันยังคงมีกระแสแบ่งแยกเพศและเชื้อชาติอยู่ แม้ว่าทีมหาเสียงของเธอได้พยายามหาเสียงอย่างหนักและค่อนข้างไร้ที่ติ

นายวิลเลียม ฮาวเวลล์ นักรัฐศาสตร์การเมืองอเมริกัน มหาวิทยาลัยชิคาโกมองว่า ปัญหาอยู่ที่การเลือกตัวผู้สมัครของพรรคเดโมแครตที่ตอนแรกสนับสนุนประธานาธิบดีคนปัจจุบันโดยไม่มีผู้เสนอตัวแข่งขัน แต่แล้วกลับทอดทิ้งเขาในนาทีสุดท้าย แล้วหันไปเลือกรองประธานาธิบดีที่แม้ว่าเคยเสนอตัวเป็นตัวแทนพรรคในการเลือกตั้งปี 2563 แต่ก็ไม่เป็นที่รู้จักเท่าใดนัก และไม่มีฐานเสียงชัดเจน

เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น (CNN) แจ้งผลคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐว่า แฮร์ริสได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) 226 คะแนน และได้คะแนนประชาชน (popular vote) 67,802,382 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 47.5 ขณะที่ทรัมป์ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 295 คะแนน เกิน 270 คะแนนที่เป็นเกณฑ์ผู้ชนะ และได้คะแนนประชาชน 72,513,374 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 50.8

https://www.naewna.com/inter/840042
บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 817


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 08 พ.ย. 24, 08:20

มาดูมุมมองคนไทยที่ไปทำมาหากินในสหรัฐอเมริกากันบ้าง คนนี้ผมตามอ่านเรื่องผีเป็นหลักเพราะสนุกมาก เรื่องทำมาหากินในอเมริกาก็สนุกไม่แพ้กัน แต่ไม่เหมาะสมกับพวก woke นะครับขอเตือนล่วงหน้า
 
https://web.facebook.com/twitch.sanitthangkoon/posts/pfbid0ajxPCSgmDSrCf42Hy49ffcSjmVdTwNEbCWQ5RsmvFMWzSe3VWvQxtS1fDtNUgHd6l

การหาเสียงของทรัมพ์เกี่ยวกับนโยบายคนต่างด้าว

เรารู้แล้วว่าการที่ทรัมพ์ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากนโยบายเกี่ยวกับคนต่างด้าว ซึ่งถือว่าเป็นยุทธวิธีที่ฉลาดวิธีนึง ยังไม่ต้องหาเสียงเลยว่าจะเอาเงินจากไหนมาทำสวัสดิการ แค่ลดตัวหารภาษีของคนเสียภาษีลงก่อน แค่นี้เงินก็เพิ่มขึ้นมาโดยอัตโนมัติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการรักษาพยาบาล การศึกษา หรือแม้แต่งบประมาณที่จะต้องเอาไปดูแลพวกต่างด้าวที่ทำผิดกฏหมายที่อยู่ในคุก

ทีนี้เราย่อยมาดูว่า นโยบายเกี่ยวกับคนต่างด้าวของทรัมพ์มีอะไรบ้าง โดยจะจัดอันดับตามความมุ่งมั่นที่จะดำเนินนโยบาย และความเป็นไปได้

1. การเนรเทศครั้งใหญ่

สหรัฐอเมริกาจะทำการเนรเทศผู้เข้าเมืองแบบผิดกฏหมายและผู้ที่อยู่เกินวีซ่า( โรบินฮูดไทยโดนด้วย) ต่างด้าวที่เข้าเมืองหรืออยู่แบบผิดกฏหมายจะโดนเนรเทศทันที โดยไม่เลี้ยงไว้ในคุกให้เปลืองงบประมาณ ทรัมพ์พูดหาเสียงเรื่องนี้ถึง 16 ครั้ง

ความเป็นไปได้ : มีกฏหมายรองรับอยู่แล้ว ดำเนินการได้เลย ….แต่ การจะไล่กวาดล้างแบบนี้ใข้งบประมาณและกำลังคนเยอะมาก ๆ คิดว่าช่วงแรกคงใช้วิธีเนรเทศเฉพาะพวกอาชญากรก่อน เพราะมีตำรวจช่วยจับมาให้แล้ว อย่างไรก็ตาม ต้องดูความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจด้วย ตอนโควิด แรงงานต่างด้าวหายไป 2 ล้านตำแหน่ง เศรษฐกิจง่อยจนต้องแทบปิดเมือง
….

2. เนรเทศนักศึกษาต่างด้าวที่แสดงความคิดเห็นสนับสนุนฮามาส หรือกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง หาเสียงไว้ 8 ครั้ง

ความเป็นไปได้ : มีกฎหมายเด่าจากปี 1952 รองรับ แต่การเนรเทศเพราะการแสดงความคิดเห็นผิดรัฐธรรมนูญข้อ 1 อาจจะยากตอนไปศาล
….

3. ยกเลิกทัณฑ์บนของอาชญากรต่างด้าวที่ออกให้โดย รัฐบาลก่อน

เวลาอาชญากรต่างด้าวทำผิด จะถูกส่งไปควบคุมตัวที่เรือนจำของรัฐ แต่รัฐบาลไบเดนไปให้ทัณฑ์บนจนพวกนี้ออกมาก่ออาชญากรรมซ้ำ จนคนอเมริกันโกรธมาก  ทรัมพ์หาเสียงเรื่องนี้ไว้ 8 ครั้ง

ความเป็นไปได้ : มีกฏหมายรองรับ สามารถดำเนินการได้ทันที
…..

4. นโยบายคัดกรองบุคคลที่จะเดินทางเข้าประเทศ

ใครก็ตามที่เคยแสดงความคิดเห็นออกสื่อหรือโซเชียลมีเดียว่าสนับสนุน สงสาร เห็นใจ เข้าใจ กลุ่มอิสลามหัวรุนแรงจะถูกปฏิเสธวีซ่าทันที หาเสียงไว้ 4 ครั้ง

ความเป็นไปได้ : ดำเนินการได้เลยโดนส่งเรื่องไปยังสถานฑูต
…..

5. สร้างกำแพงพรมแดนเพิ่ม

หาเสียงไว้ 4 ครั้ง

ความเป็นไปได้ : ถ้ามีตังค์ก็ทำได้เลย
…..

6. ห้ามมุสลิม เดินทางเข้าประเทศ

ผู้นับถือศาสนาอิสลามจากกลุ่มประเทศที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มก่อการร้าย  ชาด, อิหร่าน, ลิเบีย, เยเมน, ซีเรีย, โซมาเลีย ( แถมเกาหลีเหนือกับเวเนซุเอลา ) จะไม่ได้รับอนุญาตให้ขอวีซ่า

ความเป็นไปได้ : แค่ส่งนโยบายไปที่สถานฑูต
…..

7. ยกเลิกสถานะคุ้มครองชั่วคราวของผู้อพยพ

ปรกติผู้หลบหนีเข้าเมืองจะมีเวลาเตรียมตัวไปศาล 18 เดือน ระหว่างนั้นจะได้รับความคุ้มครองให้ไม่ต้องถูกเนรเทศ

ความเป็นไปได้ : ต้องโหวตแก้กฏหมายจากปี 1990
……

8. ยกเลิกรับผู้ลี้ภัยชั่วคราว ( น้อง ๆ 3 กีบ ไปแคนาดาโลดดด )

จนกว่าจะสะสางคดีที่ค้างอยู่หมด ทรัมพ์พูดถึงไว้ 2 ครั้ง

ความเป็นไปได้  : ไม่มีกฏหมายรองรับ แต่สามารถใช้คำสั่งพิเศษของประธานธิบดีได้ แต่นักกฏหมายวิเคราะห์ไว้ว่าไม่กล้าทำ เพราะละเมิดกฏหมายเดิมเยอะมาก
……

9. ยกเลิกรับผู้ลี้ภัยมาเลี้ยงในแคมป์

ผู้ยื่นขอลี้ภัยจากทางใต้จะถูกจัดให้อยู่ในแคมป์ที่เมกซิโกแทน หาเสียงไว้ 1 ครั้ง

ความเป็นไปได้ : มีกฏหมายรองรับอยู่แล้ว แต่นักการต่างประเทศก็ประเมินแล้วว่าเมกซิโกประท้วงผ่านทางฑูตมาแน่ ๆ
….

10. ระงับการเดินทางจากประเทศต้นตอโรคระบาดได้ทันที

หาเสียงไว้ 3 ครั้ง

ความเป็นไปได้ : ทำได้ทันที มีกฏหมายรองรับ
…..

11. ส่งผู้ลี้ภัยไปประเทศที่ 3 ได้ทันที

กลุ่มผู้ขอลี้ภัยจาก กัวเตมาลา, ฮอนดูรัส, เอล ซัลวาดอร์ จะถูกส่งไปประเทศที่ 3 ทันที ( ถ้ามีคนรับ ถ้าาไม่มีคนรับก็ต้องอยู่ในแคมป์ทีีเมกซิโกจากข้อ 9. )  หาเสียงไว้ 2 ครั้ง

ความเป็นไปได้ : ความยากอยู่ที่ประเทศที่ 3 ที่ไม่มีใครอยากรับผู้ลี้ภัยคุณภาพต่ำ
…….

12. นักศึกษาต่างด้าวที่เรียนสาขาวิชาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานจะได้กรีนการ์ดอัตโนมัติหลังเรียนจบ หาเสียงไว้ 2 ครั้ง

ความเป็นไปได้ : ต้องรอผ่านกฏหมายใหม่
…..

13. ยกเลิกความช่วยเหลือผู้ที่รอการลี้ภัยในประเทศ ยกเลิกใบอนุญาตทำงาน หาเสียงไว้ 1 ครั้ง

ความเป็นไปได้ : ต้องรอแก้ และออกกฏหมายใหม่
….

14. ยกเลิกสิทธิ์พลเมืองโดยกำเนิด

ปรกติเวลาต่างด้าวเข้ามาคลอดลูกในสหรัฐอเมริกา เด็กที่เกิดจะเป็นพลเมืองโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าพ่อแม่จะเข้ามาหรืออยู่อาศัยแบบถูกกฏหมายหรือไม่  ทรัมพ์ต้องการจะยกเลิกสิทธิ์พลเมืองโดยกำเนิดของเด็กที่เกิดจากพ่อแม่ที่อยู่แบบผิดกฏหมาย หาเสียงไว้ 1 ครั้ง

ความเป็นไปได้ : เป็นไปไม่ได้ ผิดรัฐธรรมนูญ




บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 08 พ.ย. 24, 08:38

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางกมลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

นายจูเลียน เซลิเซอร์ อาจารย์ประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกัน มหาวิทยาลัยพรินซ์ตันมองว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งไม่ได้เกิดจากตัวแฮร์ริส แต่เกิดจากการที่เธอเป็นผู้สมัครจากรัฐบาลที่ไม่ได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก นอกจากนี้ยังเป็นผลจากการที่สังคมอเมริกันยังคงมีกระแสแบ่งแยกเพศและเชื้อชาติอยู่ แม้ว่าทีมหาเสียงของเธอได้พยายามหาเสียงอย่างหนักและค่อนข้างไร้ที่ติ

นายวิลเลียม ฮาวเวลล์ นักรัฐศาสตร์การเมืองอเมริกัน มหาวิทยาลัยชิคาโกมองว่า ปัญหาอยู่ที่การเลือกตัวผู้สมัครของพรรคเดโมแครตที่ตอนแรกสนับสนุนประธานาธิบดีคนปัจจุบันโดยไม่มีผู้เสนอตัวแข่งขัน แต่แล้วกลับทอดทิ้งเขาในนาทีสุดท้าย แล้วหันไปเลือกรองประธานาธิบดีที่แม้ว่าเคยเสนอตัวเป็นตัวแทนพรรคในการเลือกตั้งปี 2563 แต่ก็ไม่เป็นที่รู้จักเท่าใดนัก และไม่มีฐานเสียงชัดเจนะ 50.8

https://www.naewna.com/inter/840042

ปฏิกิริยาจากฝั่งเดโมแครตตอนนี้มีทั้ง contempt ความเกลียดชัง  และ  curiosity ความสนใจใคร่รู้   

มีคนจำนวนมากที่โกรธคนที่ออกไปลงคะแนนให้ทรัมป์  ทั้งๆ ที่เขาเป็นมีพฤติกรรมและคำพูดที่ค้านกับความเป็นอเมริกันในแทบจะทุกเรื่อง  แถมยังมีนโยบายที่น่าจะสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศและโลกได้เป็นอย่างมากอีกด้วย  สำหรับคนเหล่านี้  สิ่งที่ง่ายที่สุดคือการปิดประตูไม่คบหาสมาคมกับคนที่ไปเลืออกทรัมป์ หรือดูถูกเขาและเธอเหล่านั้นว่าไม่มีสมอง เป็นพวกเหยียดเชื้อชาติหรือชอบกดขี่เพศเหมือนทรัมป์​ ​(ซึ่งอาจจะมีอยู่บ้างในหมู่คนที่สนับสนุนทรัมป์ทั้งหมด)   ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่คนไทยน่าจะเข้าใจได้เพราะมันเคยเกิดขึ้นมาแล้วในบ้านเราเอง

บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 08 พ.ย. 24, 08:40

แต่คนที่พอจะตั้งสติได้ก็อาจจะมองปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย curiosity  และสงสัยว่าพรรคเดโมแครตพลาดตรงไหนผู้ชายผิวดำ คนลาติโน่ และชนชั้นแรงงาน ซึ่งเคยเป็นฐานเสียงหลักของตัวเอง ถึงได้หันเหไปหาทรัมป์และพรรคที่มีประวัติการต่อสู้เพื่อคนผิวขาวในชนชั้นนำและนักธุรกิจอย่างรีพับลิกัน  

ถ้าดูจากคะแนนที่ทรัมป์ได้ในการเลือกตั้งทั้งสามครั้งเราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า  คนที่สนับสนุนทรัมป์นั้นมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนผิวดำ ลาติโน่น และชนชั้นแรงงานผิวขาวซึ่งเคยเป็นฐานเสียงของเดโมแครตนั้นเริ่มจะไม่รู้สึกว่าพรรคนี้เป็นผู้แทนของตัวเองอย่างแท้จริงเหมือนเมื่อก่อน  

ปี         ทรัมป์                        คู่ต่อสู้
2016       62,984,825                  65,853,516
2020         74,224,319                  81,284,666
2024         73,171,846 (as of 11/08)                      68,786,801

หมายเหตุ:  ตอนนี้ยังนับคะแนนไม่จบ   รัฐใหญ่ๆ อย่างแคลิฟอร์เนียเพิ่งนับไปได้ 55% ขณะที่รัฐอื่นๆ นับกันไปแล้ว 71%-99%   แต่จากที่เห็นนั้นทำให้เชื่อว่าคราวนี้ทรัมป์จะได้คะแนนมากกว่าครั้งที่แล้ว
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 08 พ.ย. 24, 08:41

จริงๆ เรื่องนี้พรรคน่าจะเรียนรู้ได้ตั้งแต่สมัยแพ้ทรัมป์รอบแรกแล้ว  แต่ตอนนั้นด้วยเหตุที่ตัวแทนพรรค​(คุณฮิลลารี คลินตัน) เป็นผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์และเป็นคนที่มีคนชังเยอะ  แถมยังมีเรื่องที่หน.เอฟบีไอมาโยนระเบิดใส่นางก่อนเลือกตั้งไม่กี่วันอีก  พรรคก็อาจจมีข้ออ้างได้ว่าที่แพ้เพราะเอฟบีไอเข้าข้างทรัมป์โน่นนี่    แต่ถ้าพรรคไปดูคะแนนเสียงที่ทรัมป์ได้ในปี 2020 หลังจากที่ทรัมป์ mismanaged the covid crisis ทำให้คนตายเป็นล้าน  แถมยังทำให้วัคซีนกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองทั้งๆ ที่ไม่ควรจะเป็นอีก    พรรคก็น่าจะตระหนักแล้วว่าควรจะต้องทำอะไรเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของคนให้กลับมา   

ตอนนี้นิ้วส่วนหนึ่งก็ชี้ไปทางไบเดนและอีลีทในพรรคที่ยอมให้คุณปู่ลงสมัครเลือกตั้งเป็นครั้งที่สอง   เพราะทำให้ไม่มี competitive process ในการคัดเลือกผู้สมัครที่จะมาสู้กับทรัมป์   พอปู่ต้องถอนตัวและคุณกมลาต้องมาเสียบก็เลยมีเวลาน้อยในการหาเสียง  และไม่สามารถขายผู้สมัครคนใหม่ให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่สนใจซื้อได้ 

(จริงๆ หนูเองก็ไม่คิดว่าคุณกมลาแกสมบูรณ์แบบหรอกค่ะ  ขัดใจมากเวลานางตอบคำถามง่ายๆ ว่า “คุณจะทำอะไรที่แตกต่างจากไบเดน” ไม่ได้ทั้งๆ ที่น่าจะเตรียมตอบคำถามแบบนี้ไว้แล้วล่วงหน้าเพราะยังไงก็ต้องมีคนถามแน่ๆ  ระดมทุนได้เป็นพันล้านแต่ทำไมถึงไม่มีปัญญาจ้าง communication strategist ที่มีประสิทธิภาพมาช่วยโค้ชก็ไม่รู้   

แต่ถ้าต้องเลือกระหว่างทรัมป์กับใครที่ไม่สมบูรณ์แบบ หนูก็ขอเลือกใครที่ไม่สมบูรณ์แบบนั่นก่อนเพราะทรัมป์คือทุกสิ่งทุกอย่างที่หนูต่อต้าน  อีกอย่างคือหนูรู้สึกว่าคนอเมริกันนี่มันสองมาตรฐานมาก  Trump can be as lawless as he wants, but Harris has to be flawless?  บางทีโกรธควันออกหูเลยเวลาได้ยินคนพูดว่า  “ยังไม่รู้จักแฮร์ริสมากพอ” หรือ “นางยังไม่ได้แสดงท่าทีเรื่อง…”  บลา บลา บลา  คือทรัมป์นี่พูดโกหกอะไรก็ไม่มีคนถือสา พูดจาก็วกไปวนมาเอาแต่อวยตัวเอง  หมกมุ่นแต่เรื่องจำนวนคนที่ฟังตัวเองปราศรัย  เรียกทหารผ่านศึกว่าเป็นพวกขี้แพ้  ฯลฯ แต่กมลานี่ไม่ด๊าย ไม่ด้าย ต้องเพอร์เฟคท์ตลอดเวลา ต้องชัดเจนเรื่องนั้นเรื่องนี้ ต้องตอบคำถามได้เคลียร์)   
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 08 พ.ย. 24, 08:54

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางกมลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

https://www.naewna.com/inter/840042

อีกเรื่องทีน่าสนใจคือการที่ประชาชนใน 7 รัฐโหวตสนับสนุนสิทธิในการทำแท้ง แต่ไปเลือกทรัมป์เป็นปธน.  ถ้าอ.สนใจเรื่องนี้ก็เดี๋ยวจะหาเวลามาเขียนค่ะ
บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 817


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 08 พ.ย. 24, 14:08

เรามาชมความเห็นจากแอดมินเว็บเพจการทหารในประเทศไทยชื่อ thaiarmedforce.com กันต่อ

https://web.facebook.com/share/p/CcN1aPyZdghjUyvB/

รัฐบาล #ทรัมป์ ภาคสองมาแล้วหลังชนะ #เลือกตั้งสหรัฐ และมาแบบชัดเจนจัดเต็ม เพราะ Republican มีแนวโน้มจะครองอำนาจในทุก ๆ เสาอำนาจของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นทำเนียบขาว วุฒิสภา และศาลสูง ซึ่ง Republican ควบคุมเสียงข้างมากอยู่แล้ว และสภาผู้แทนราษฎรก็น่าจะได้เสียงข้างมากเช่นกัน

การควบคุมอำนาจแบบ Total Control แบบนี้ทำให้เราน่าจะเห็นนโยบายของ Republican ถูกใช้กับทุก ๆ ด้านอย่างเต็มที่โดยมีแรงต่อต้านค่อนข้างน้อย ซึ่งในนโยบายด้านความมั่นคง การต่างประเทศ และนโยบายเกี่ยวกับภูมิภาคเอเชียที่สหรัฐฯ เรียกว่าอินโด-แปซิฟิกจากการมองแปซิฟิกและอินเดียเข้าเป็นหนึ่งยุทธศาสตร์ก็น่าจะเป็นนโบายและท่าทีทางฝั่งของ Republican อย่างชัดเจน

วันนี้เราจะลองมาดูนโยบายและความเป็นไปได้ของรัฐบาลทรัมป์ 2 ในประเด็นหลัก ๆ ทั้งกองทัพสหรัฐ NATO ยูเครน อิสราเอล ไต้หวัน และประเด็นที่กระทบกับไทยครับ

--------------------

แน่นอนว่าในสไตล์ของ Republican แบบคลาสสิกน่าจะต้องสนับสนุนการใช้จ่ายด้านการทหาร เพิ่มการจัดหาอาวุธเพื่อสนับสนุนทั้งการสร้างกองทัพสหรัฐฯให้เข้มแข็งและสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งมีอิทธิพลสูงมากทั้งในทางการเมืองและเศรษฐกิจ แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่มีท่าทีที่ชัดเจนลงไปว่าจะมีการสนับสนุนโครงการใด แต่ทรัมป์เคยกล่าวว่าตนเองจะสร้างกองกำลังใหม่คือกองกำลังรักษาดินแดนอวกาศหรือ Space National Guard ซึ่งเป็นการรวมหน่วยงานของ National Guard ที่ทำงานเกี่ยวกับอวกาศเข้าด้วยกัน แต่ที่ผ่านมารัฐบาลไบเดนไม่เห็นด้วยเพราะค่าใช้จ่ายน่าจะสูงขึ้นและคิดว่าการนำทุกอย่างไปรวมกับ Space Force น่าจะเป็นการดีกว่า

แต่ถ้าทรัมป์ สร้าง Space National Guard ได้จริง ก็จะทำให้ทรัมป์ผู้ให้กำเนิดทั้ง Space Force และ Space National Guard เลยทีเดียว

--------------------

ส่วนเรื่องนอกประเทศนั้น ความสนใจน่าจะอยู่ที่ #NATO และยุโรป เพราะตั้งแต่สมัยแรกของทรัมป์แล้วที่เขาแสดงจุดยืนว่า NATO และพันธมิตรเป็นภาระของสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ ควรใช้จ่ายมากขึ้นในการป้องกันตนเองมากกว่าจะให้สหรัฐฯ มารับผิดชอบ แม้ทีมที่ปรึกษาหรือผู้เกี่ยวข้องจะไม่ค่อยเห็นด้วย ซึ่งก็ตามมาด้วยการเปลี่ยนรัฐมนตรีกลาโหมไปหลายคน แต่เขาก็ทำจริงด้วยการลดจำนวนทหารในยุโรปลง

ครั้งนี้สถานการณ์ต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยุโรปที่ยังมีปัญหาสงครามที่ #รัสเซีย บุก #ยูเครน อยู่ ซึ่งแม้ว่าการสนับสนุนยูเครนจะได้เสียงสนับสนุนท่วมท้นจากทั้งสองพรรคมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีบางเสียงจาก Republican ที่ออกมาบอกว่าสหรัฐฯ ไม่ควรสนใจยูเครนและควรงดการช่วยเหลือ ซึ่งแม้จะถือว่าแปลกถ้าวัดว่า Republican คือพรรคฝ่ายขวาที่มักมีท่าทีแข็งกร้าวต่อประเทศที่ถือว่าเป็นขั้วตรงข้ามของตน แต่จากกระแส America First ตั้งแต่รัฐบาลทรัมป์สมัยแรกก็ทำให้มี Republican หลายคนที่ออกมาแสดงจุดยืนแบบนี้

ในรอบนี้ทรัมป์หาเสียงหลายครั้งว่าเขาสามารถหยุดสงครามยูเครนได้ภายในเวลา 24 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำได้อย่างไรเพราะเขาก็ไม่ได้ให้รายละเอียด แต่ก็มีหลายคนคาดว่าทรัมป์จะบังคับให้ยูเครนยอมรับเงื่อนไขที่ทั้งยูเครนเองและยุโรปไม่พอใจ เช่น การยกดินแดนให้กับรัสเซีย หรือการลดกำลังของกองทัพยูเครน แต่ในทางกลับกัน หลายคนก็คาดว่าทรัมป์ไม่น่าจะยอมตามข้อเสนอของรัสเซียทุกอย่าง เพราะสุดท้ายสหรัฐฯ และรัสเซียก็มองว่าเป็นประเทศที่เป็นศัตรูกัน การที่ผู้นำสหรัฐฯ ยอมตามรัสเซียทั้งหมดอาจส่งผลให้ชาวอเมริกันมองว่าทรัมป์ยอมแพ้รัสเซีย ซึ่งไม่ได้เป็นผลดีต่อฐานเสียงของ Republican แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นแน่นอนก็คือการลดการสนับสนุนยูเครนของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยุโรปไม่อยากเห็น เพราะสำหรับชาติ NATO ในยุโรปแล้ว การรุกรานยูเครนของรัสเซียคือภัยคุกคามตรง ๆ ที่ยุโรปต้องรับมือ ที่ผ่านมาชาติยุโรปมีความพยายามในการร่างแผนสำหรับรับมือและสนับสนุนยูเครนในกรณีที่สหรัฐฯ ตัดการช่วยเหลือทั้งหมด ซึ่งแม้จะช่วยให้ยูเครนลดแรงกดดันลงไปได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการสนับสนุนของสหรัฐฯ สำคัญมาก และถ้าไม่มีการสนับสนุนนี้ยูเครนก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้เปรียบได้โดยง่าย

--------------------

แต่ในทางกลับกัน เราก็คาดว่าสหรัฐฯจะเพิ่มการสนับสนุน #อิสราเอล ในสงครามกับกลุ่มติดอาวุธรอบบ้าน วัดจากท่าทีของทรัมป์ในสมัยแรกที่ประกาศย้ายสถานทูตของตนไปยังเยรูซาเล็มซึ่งถือเป็นการยอมรับว่าเยรูซาเล็มคือเมืองหลวงของอิสราเอล และประกาศแผนสันติภาพตะวันออกกลางที่แม้สุดท้ายจะไม่สำเร็จแต่ก็ถือว่าเป็นท่าทีที่ชัดเจนมากของสหรัฐฯ ต่อกรณีตะวันออกกลาง

ยิ่งในปัจจุบันการสนับสนุนอิสราเอลของสหรัฐฯ จะยิ่งทำให้อิสราเอลมีความอ่อนตัวมากขึ้นในการทำสงคราม เพราะนอกจากการสนับสนุนอาวุธที่น่าจะมากขึ้นแล้ว สหรัฐฯ อาจอนุญาตให้อิสราเอลทำในหลาย ๆ สิ่งที่รัฐบาลไบเดนในปัจจุบันไม่เห็นด้วย ซึ่งก็อาจจะทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางรุนแรงขึ้นก็เป็นได้

--------------------

เมื่อมองมายังเอเชีย ทรัมป์ที่แม้จะมีจุดขายเป็นการต่อต้านอิทธิพลของ #จีน แต่ในกรณี #ไต้หวัน คาดว่าทรัมป์ไม่น่าจะสนับสนุนอย่างชัดเจน กลับกันมีหลายท่าทีที่ทรัมป์กล่าวว่าไต้หวันต้องลงทุนป้องกันตนเองมากขึ้น ซึ่งน่าจะต่างจากรัฐบาลไบเดนที่แสดงท่าทีสนับสนุนไต้หวันด้านการทหารชัดเจน นั่นทำให้ไต้หวันต้องเลือกทางเลือกที่ไม่ง่ายนัก เพราะปัจจุบันไต้หวันมีไม้ตายก็คือธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ที่เป็นหัวใจหลักของการพัฒนาเทคโนโลยีของโลก ทรัมป์อาจจะยื่นข้อเสนอให้ไต้หวันต้องมาลงทุนผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศมากขึ้นแลกกับการสนับสนุน แต่นั้นก็หมายความว่าไต้หวันจะลดความสำคัญลงเพราะโลกจะมีแหล่งผลิตเซมิคอนดักเตอร์ใหม่ในสหรัฐฯ และทำให้ถ้าธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ในไต้หวันถูกทำลายไปก็จะยังมีแหล่งผลิตสำรองในสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯ ควบคุมได้อย่างสมบูรณ์

ไต้หวันอาจจะเลือกทางเลือกโดยลงทุนจัดหาอาวุธจากสหรัฐฯ มากขึ้นเพื่อให้ทรัมป์พอใจในการเพิ่มการจ้างงานและเพิ่มตัวเลขส่งออก และยังคงโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ในไต้หวันโดยพยายามชี้ให้เห็นว่า ต่อให้จีนบุกไต้หวัน จีนก็จะไม่ทำลายอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวัน แต่จะยึดเข้ามาอยู่ภายใต้การควบคุมของตนเอง ซึ่งจะทำให้จีนเข้าถึงเซมิคอนดักเตอร์ที่ทันสมัยได้โดยมีข้อจำกัดน้อยกว่าเดิมมาก และทางเดียวที่จะป้องกันไม่ให้จีนได้เทคโนโลยีล้ำค่าของโลกนี้ไปครองก็คือสหรัฐฯ ต้องช่วยปกป้องไต้หวันจากการรุกรานของจีน

--------------------

ส่วนประเทศ #ไทย เองนั้นอาจจะยังไม่มีผลกระทบอะไรอย่างชัดเจนมากนักในตอนนี้ เพราะที่ผ่านมาไทยพยายามวางตัวเป็นกลาง แต่ไม่ได้เป็นกลางแบบพยายามเลือกหลักการที่ทำให้คบหาได้ทั้งสองข้าง แต่เป็นกลางแบบไม่สนใจอะไรและไม่มีบทบาทอะไรชัดเจน ไทยก็เลยไม่ได้รับกระทบจากความขัดแย้งมากนัก แต่ก็ทำให้ไทยไม่ได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายใดอย่างเต็มที่เช่นกัน ดังเช่นที่ไทยก็ไม่ได้อะไรชัดเจนจากทั้งรัฐบาลทรัมป์ภาคแรกและรัฐบาลไบเดน

อย่างไรก็ตาม หลักทราบผลการเลือกตั้ง นายกรัฐมนตรีของไทยคือแพทองธาร ชินวัตร ได้ออกมาแสดงความยินดีกับทรัมป์ และยืนยันว่าไทยพร้อมทำงานกับร่วมทรัมป์ในการส่งเสริมความเป็นพันธมิตรระหว่างไทย-สหรัฐฯ ที่มีมาอย่างยาวนานให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ และความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ซึ่งสังเกตุได้ว่าเป็นคำกล่าวแสดงความยินดีที่ถูกออกแบบมาอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะการใช้คำว่าภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกซึ่งถือเป็นการแสดงท่าทีว่าไทยพร้อมจะทำงานกับสหรัฐฯ ตามยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของสหรัฐที่มีมาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ในมุมของสหรัฐฯ ซึ่งขาดดุลการค้ากับไทยเป็นจำนวนมาก สหรัฐฯ อาจกดดันให้ไทยลดตัวเลขการขาดดุลลงด้วยการให้ไทยซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้น ควบคู่ไปกับการตอบโต้และลงโทษไทยที่เป็นหนึ่งในกลไกในการหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีและศุลกากรของสหรัฐฯ เช่นในอุตสาหกรรมแผงโซล่าเซลล์ที่ไทยนำเข้าแผงจากจีนมาและส่งออกเพื่อให้ลงพิกัดว่าผลิตในประเทศไทย และถูกสหรัฐฯ ลงโทษด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม

ในด้านความมั่นคงหรือการทหารของไทยก็อาจจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก อาจจะมีการฝึกหรือความช่วยเหลือบางอย่างที่ถูกตัดออกไปบ้างตามนโยบายของทรัมป์ที่ต้องการให้ประเทศพันธมิตรดูแลตัวเอง แต่ที่ผ่านมาไทยก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือในรูปของตัวเงินหรือการให้เปล่าจากสหรัฐมากนัก ก็อาจจะทำให้สิ่งที่จะเกิดขึ้นมีผลกระทบน้อย

--------------------

ถ้านำเรื่องความมั่นคงกับเศรษฐกิจมาผูกกัน ไทยอาจลดแรงกดดันจากสหรัฐฯ ด้วยการจัดหาอาวุธจากสหรัฐฯ มากขึ้นเพื่อลดการขาดดุลและทำให้รัฐบาลทรัมป์พอใจในการเพิ่มตัวเลขส่งออกและลดการขาดดุล

ในทางกลับกันถ้าไทยเล่นเกมส์ให้เป็น ไทยจะต้องชี้ให้รัฐบาลทรัมป์เห็นว่าปัจจุบันจีนมีอิทธิพลต่อไทยมากขึ้นเป็นอย่างมากโดยเฉพาะด้านความมั่นคง ถ้าสหรัฐฯ ต้องการให้ไทยเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ ด้านความมั่นคงเช่นเดิม ภาคธุรกิจของสหรัฐฯ ก็ควรจะลงทุนในไทยหรือสนับสนุนไทยมากขึ้นเพื่อสร้างอิทธิพลของสหรัฐฯ ซึ่งจะถือเป็นการคานอำนาจของจีนและทำให้สหรัฐฯ ยังมีไทยเป็นพันธมิตรที่พึ่งพาได้ในภูมิภาคอินโดจีนในขณะที่ประเทศอื่นอย่างเมียนมาร์ ลาว และกัมพูชาตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของจีนอย่างสมบูรณ์

ซึ่งสิ่งนี้อาจจะมาในรูปของการเพิ่มความร่วมมือด้านการทหารกับสหรัฐฯ การปฏิบัติงานร่วมกับสหรัฐฯ มากขึ้นในประเด็นด้านความมั่นคงในภูมิภาค ถ้าไทยยึดถือหลักการประชาธิปไตย ก็อาจจะแสดงท่าทีสนับสนุนหลักการประชาธิปไตยมากขึ้น รวมถึงการพยายามปรับเปลี่ยนท่าทีของไทยที่ว่า ไทยยินดีเป็นเพื่อนกับทุกประเทศและไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งของโลก แต่ไทยก็ยังยึดหลักการบางหลักการเช่น หลักกฎหมายระหว่างประเทศ บูรณภาพแห่งดินแดน หรือเสรีภาพตามกรอบของสหประชาชาติ เพื่อชี้ให้สหรัฐฯ และทั่วโลกเห็นว่าไทยไม่ได้เป็นประเทศที่เชื่อใจไม่ได้และพร้อมจะเปลี่ยนข้าง แต่ไทยยังยึดหลักการบางหลักการอยู่โดยพร้อมทำงานร่วมกับทุกฝ่าย


บันทึกการเข้า
ภศุสรร อมร
พาลี
****
ตอบ: 216


ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 09 พ.ย. 24, 11:28

กรณีของทรัมป์นี้ผมไม่ได้มีความเห็นมากนัก กังวลแต่บุคลิกอันโผงผางยิ่งของทรัมป์ หากทุกท่ายังจำกันได้ ทรัมป์เองเคยสร้างเรื่องกล่าวหาประเทศหลายประเทศ เป็น ‘‘ประเทศขยะ‘‘ (shithole country) มาแล้ว ครานั้นก็ได้เกิดกรณีวิวาทถึงในระดับนานาชาติ หากทรัมป์ไม่ตรึกตรองก่อนพูดเช่นนี้อีก ก็คงต้องคำนึงเหมือนกันว่าจะมีเรื่องวุ่นวายอะไรอีกบ้างเกิดขึ้นในอนาคต
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 09 พ.ย. 24, 13:55

กรณีของทรัมป์นี้ผมไม่ได้มีความเห็นมากนัก กังวลแต่บุคลิกอันโผงผางยิ่งของทรัมป์ หากทุกท่ายังจำกันได้ ทรัมป์เองเคยสร้างเรื่องกล่าวหาประเทศหลายประเทศ เป็น ‘‘ประเทศขยะ‘‘ (shithole country) มาแล้ว ครานั้นก็ได้เกิดกรณีวิวาทถึงในระดับนานาชาติ หากทรัมป์ไม่ตรึกตรองก่อนพูดเช่นนี้อีก ก็คงต้องคำนึงเหมือนกันว่าจะมีเรื่องวุ่นวายอะไรอีกบ้างเกิดขึ้นในอนาคต

ทางนี้เห็นว่าบุคลิกโผงผางและคำพูดดูหมิ่นเหยียดหยามประเทศอื่นนี่เป็นอะไรที่น่ากังวลน้อยที่สุดค่ะ   ตอนเป็นปธน. สมัยแรกนั่นทรัมป์เคยถามรมว.กลาโหมมาแล้วว่า จะยิงจรวดมิสไซลส์ใส่เม็กซิโกแล้วทำให้ดูเหมือนประเทศอื่นเป็นคนทำได้ไหม  ตอนหาเสียงในรอบนี้ก็พูดอีกว่าจะแก้ปัญหายาเสพติดหลั่งไหลเข้าประเทศด้วยการเอาระเบิดไปถล่มเม็กซิโก   ปัญหาคือคนที่พอจะมีสติปัญญาหรือวุฒิภาวะมากพอที่จะคัดค้านเวลาทรัมป์แสดงความต้องการอะไรทำนองนี้ต่างก็หนีกันไปหมดแล้ว  ที่เหลืออยู่นี่คือเยสแมน เยสวูแม่น ทั้งสิ้น  มองไม่เห็นเลยว่าจะมีใครมาคอยหยุดทรัมป์ไม่ให้ทำอะไรที่จะสร้างความเสียหายต่อโลกได้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 12 พ.ย. 24, 09:53

  ถ้าไม่ซ้ำเติมคนแพ้ก็คงแปลก   
  ลุงทรัมป์แกก็เลยโพสแสดงความเห็นอกเห็นใจป้ากมลา ที่ฝ่ายสนับสนุนระดมเงินจำนวนมหาศาลมาให้เป็นค่าใช้จ่ายหาเสียง     ป้าก็หาเสียง (ถลุงเงิน) เต็มที่จนเงินเกลี้ยงกระเป๋า     
  ส่วนลุงนั้นได้เงินสนับสนุนน้อยกว่า  แกฉลาดพอจะไม่เอามาข้อด้อยของตน ว่าบรรดานายทุนไม่เอาแก     แกก็เลยราดน้ำเกลือลงบนแผลป้ากมลาว่า   ไหนๆเจ๊ก็ตกยากอยู่ตอนนี้    ผมพอมีเงินเหลืออยู่นะเจ๊   เฮ้! พวกเรา ช่วยกันคนละไม้ละมือช่วยเจ๊แกหน่อย  ไม่มากเท่าไหร่หรอก
   ป้ากมลาก็คงกลืนเลือดไป    เพราะไม่มีทางทำอะไรได้มากกว่านี้


บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 12 พ.ย. 24, 13:17

ลุงทรัมป์แกมีประวัติเรื่องไม่ปล่อยให้ความจริงเป็นอุปสรรคต่อการโฆษณาชวนเชื่อค่ะอาจารย์   ถ้าเรารอข้อมูลอย่างเป็นทางการจาก FEC ก็น่าจะยืนยันได้อย่างชัดเจนกว่าลมปากแกว่าใครใช้เงินไปเท่าไหร่    ตอนนี้รายงานข่าวเรื่องแคมเปญของแฮร์ริสใช้เงินมากกว่าที่ระดมได้ $18-$20 ล้านนั้นยังไม่ได้รับการยืนยันจากสื่อที่ established และมีกระบวนการภายในสำหรับ fact-checking เลย  มีแค่นักข่าวบางคนทวีตข้อกล่าวหาลอยๆ แล้วทรัมป์ก็หยิบมาประโคมตามสไตล์ post-truth ของแก  ส่วนที่สื่อบางเจ้ากล่าวหาว่าแฮร์ริสค้างค่าจ้างทีมหาเสียงนั้นก็มีคนในทีมงานออกมาปฏิเสธแล้วว่าเป็น misinformation

สิ่งหนึ่งที่ทรัมป์ไม่ได้พูดก็คือ  ถึงแกจะระดมทุนได้น้อยกว่าแฮร์ริสก็จริง  แต่ฝั่งแกมีอภิมหาเศรษฐีชื่ออีลอน มัสก์ และบรรดา Big Tech CEOs ต่างๆ มาช่วยสนับสนุนโดยทางอ้อมมากกว่าแฮร์ริส (ซึ่ง 60% ของเงินบริจาคนั้นมาจากผู้บริจาครายย่อย)  แค่คุณอีลอนคนเดียวก็มีรายงานว่าบริจาคให้ America PAC ไปตั้ง $200 ล้านแล้ว  ถึงขนาดที่ว่าทีมหาเสียงของทรัมป์นั้น outsource ปฏิบัติการเคาะประตูบ้านในรัฐสมรภูมิหลักๆ โดยเฉพาะในเพนซิลเวเนียให้ America PAC ของอีลอนรับผิดชอบไปเลย  นอกจากนั้นในช่วงสองอาทิตย์ก่อนวันเลือกตั้งอีลอนก็ยังทุ่มทุนสร้างด้วยการแจกเงินผู้มีสิทธิเลือกตั้งวันละล้านเหรียญอีก   ตัวเลขพวกนี้จะไม่ได้รวมอยู่ในรายงานของ FEC เรื่องการระดมทุนและการใช้เงินของแต่ละแคมเปญ

อีกอย่างหนึ่งที่ทรัมป์ไม่ได้พูดถึงก็คือ  พอแฮร์ริสระดมทุนได้เหลือเฟือ  แคมเปญของนางก็โอนเงินบางส่วนไปช่วยผู้สมัคร down ballots ในรัฐที่การแข่งขันมันเข้มข้น   ขณะที่ฝ่ายทรัมป์นั้นบอกผู้สมัครของพรรคไว้แต่เนิ่นๆ เลยว่าไม่มีใครมีสิทธิในเงินที่พรรคระดมได้นอกจากทรัมป์เท่านั้น และก็ถึงตอนนี้เลือกตั้งจะจบแล้วแต่การขอรับเงินบริจาคของฝ่ายทรัมป์มันยังไม่จบนะคะ    ล่าสุดคนที่บ้านเพิ่งได้รับอีเมลขอให้ทหารผ่านศึกทั้งหลายช่วยซื้อหมวกที่มีข้อความว่า Veterans for Trump ราคา $47 หรือบริจาคมากกว่านั้นก็ได้เพื่อสนับสนุนท่านว่าที่ปธน.หน่อย   เชื่อว่าอีกสักพักก็จะเริ่มขายตั๋วสำหรับ Inauguration Day เหมือนที่ทำในปี 2016 (ธรรมเนียมปฏิบัติของรัฐบาลกลางคือเขาจะออกตั๋วฟรีให้สส. สว. เอาไปแจกจ่ายคนในรัฐของตัว  เพื่อให้คนอเมริกัน 250,000 คนได้มีโอกาสไปร่วมพิธีสาบานตนของปธน.ที่ตัวเองสนับสนุน  แต่ทรัมป์เอาไปเร่ขายหาเงินเข้ากระเป๋าเสียอย่างนั้น)
 
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 15 พ.ย. 24, 08:10

ช่วงนี้อ่านข่าวจากอเมริกาเมื่อไหร่ก็เจอแต่เรื่องน่าหดหู่ทั้งนั้น   เมื่อวานนี้ก็ช็อคซีเนม่าตั้งแต่ไก่โห่เมื่อพบว่าทรัมป์วางตัวสส.จากฟลอริด้า แมท เกตซ์ ให้เป็นรมว.ยุติธรรมคนใหม่   วันนี้ก็มีข่าวว่านักต่อต้านวัคซีนตัวพ่อ RFK Jr ได้เป็นรมว.สาสุขอย่างที่หวัง 

https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8/236629#google_vignette

เคยเขียนถึง RFK Jr ไว้ในเพจ  ถ้าใครสนใจก็ตามไปอ่านได้ค่ะ
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid033EDZzW3HZ18KTi1ZLLapCXurTPYpeKGEMBp8mviryHGXoGLDqU6iAfFWC92ZTBsyl&id=61564539505812
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 21 พ.ย. 24, 13:19

ยังไม่ทันจะเดินเข้าทำเนียบอย่างเป็นทางการ    พรรคพวกของทรัมป์ก็ก่อเรื่องงามหน้าลูกพี่ขึ้นมาแล้วค่ะ

หนุ่มรูปหล่อในภาพข้างล้างเป็นอดีตส.ส. ชื่อ แมตต์ เกตซ์ (Matt Gaetz) เป็นตัวเต็งนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม   ขนาดแสงสปอตไลต์จับอยู่ที่ตัวก็ยังไม่รู้จักระวังตัว  ไปประพฤติฉาวทางเพศ ซื้อบริการเด็กสาวอายุ 17  ซึ่งยังนับเป็นเยาวชนอยู่    จนโดนคณะกรรมาธิการด้านจริยธรรมของสภาสอบสวนเข้าให้  ทำเอาอนาคตรัฐมนตรีหล่นวูบดับแสงลงไปในพริบตา
แต่ปู่ทรัมป์ก็ยังไม่ย่อท้อ   เดินหน้าลุยต่อจนได้     ถ้าหากว่าล็อบบี้คนไม่ได้  ก็เปลี่ยนกฎมันซะ  ใครจะทำไม
ตอนนี้ทรัมป์กำลังเริงร่าลำพองสุดขีด เพราะพรรครีพับลิกันกวาดชัยชนะใน 3 สนามรวด ทั้งทำเนียบขาว วุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จนเป็นที่มาของคำว่า  Republican trifecta หรือ "พรรครีพับลิกันสิงห์ 3 สนาม" สามารถเปลี่ยนแปลงการเมืองครั้งยิ่งใหญ่     ทรัมป์จะมีอำนาจแบบไม่สามารถตรวจสอบได้

ก่อนหน้านี้ปู่แกก็ประกาศรายชื่อรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ที่ถูกยี้มาแล้วว่าไม่เหมาะสม เช่น ส่งนักจัดรายการฟ็อกซ์นิวส์  พีท เฮกเซธ (Pete Hegseth) ขึ้นนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ส่ง สส.หญิงจากรัฐฮาวายชื่อทุลซี แก็บเบิร์ด (Tulsi Gabbard) นั่งตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองสหรัฐฯ ดูแลหน่วยงานข่าวกรองลับอเมริกัน 18 แห่ง และทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านข่าวกรองลับให้ประธานาธิบดี

แก็บเบิร์ดเป็นส.ส.จากรัฐฮาวายมีความอื้อฉาวเคยพบประธานาธิบดีซีเรีย บาชาร์ อัล-อัสซาดถึง 2 หน ไม่ยอมรับ และ
และโรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ หรือ RFK (Robert F Kennedy Jr) เจ้าลัทธิทฤษฎีสมคบคิดต้านวัคซีนตัวยง
เป็นว่าที่รัฐมนตรีสาธารณสุขสหรัฐฯ คนใหม่

อ่านรายละเอียดได้จากข้างล่างนี้ค่ะ

https://mgronline.com/around/detail/9670000111598?tbref=hp


บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 29 พ.ย. 24, 10:10

  ถ้าไม่ซ้ำเติมคนแพ้ก็คงแปลก   
  ลุงทรัมป์แกก็เลยโพสแสดงความเห็นอกเห็นใจป้ากมลา ที่ฝ่ายสนับสนุนระดมเงินจำนวนมหาศาลมาให้เป็นค่าใช้จ่ายหาเสียง     ป้าก็หาเสียง (ถลุงเงิน) เต็มที่จนเงินเกลี้ยงกระเป๋า     
  ส่วนลุงนั้นได้เงินสนับสนุนน้อยกว่า  แกฉลาดพอจะไม่เอามาข้อด้อยของตน ว่าบรรดานายทุนไม่เอาแก     แกก็เลยราดน้ำเกลือลงบนแผลป้ากมลาว่า   ไหนๆเจ๊ก็ตกยากอยู่ตอนนี้    ผมพอมีเงินเหลืออยู่นะเจ๊   เฮ้! พวกเรา ช่วยกันคนละไม้ละมือช่วยเจ๊แกหน่อย  ไม่มากเท่าไหร่หรอก
   ป้ากมลาก็คงกลืนเลือดไป    เพราะไม่มีทางทำอะไรได้มากกว่านี้

ไม่ค่อยมีสื่อกระแสหลักรายงานเรื่องนี้  เพิ่งเห็นรายงานของ NBC เมื่อสองอาทิตย์ก่อนที่ยืนยันว่ามีการตั้งคำถามกับการบริหารเงินบริจาคจริงๆ  ก็เลยเอามาให้อาจารย์ดูค่ะ  ขอโทษท่านอื่นๆ ด้วยนะคะที่ไม่ได้แปลมาให้   พอดีตอนนี้หมอยังไม่ให้ใช้สายตาจ้องจอมากค่ะ https://www.nbcnews.com/politics/kamala-harris/clashes-confusion-secrecy-consume-harris-campaign-finances-rcna179654
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 9
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.068 วินาที กับ 19 คำสั่ง