เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9
  พิมพ์  
อ่าน: 19185 ทรัมป์กลับมาแล้ว!
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 105  เมื่อ 02 มี.ค. 25, 11:06

เห็นข่าวเซเลนสกี้มาออกทีวีให้ลุงทรัมป์เชือดกลางสี่แยกแล้ว   เพื่อนๆถามผมว่าคิดอย่างไร  และนี่คือความคิดเห็นของผมครับ
คำตอบสั้นๆคือ  ผมเห็นว่านายเซเลนสกี้คือผู้นำที่โง่ที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา   ขอให้เราจำไว้ว่าอย่าได้เลือกคนที่โง่และหิวแสงแบบนี้ขึ้นมาปกครองบ้านเมืองเด็ดขาด
และต่อไปนี้คือคำตอบแบบยาว คือเหตุผลที่ทำให้ผมคิดแบบนี้  มันมีเรื่องทางประวัติศาสตร์ที่เราควรรู้ด้วยครับ
1 ยูเครนเป็นชาติที่แตกแยกกันด้วยประชากรที่มีปะปนกันอยู่สองเชื้อชาติอยู่แล้ว คือ คนเชื้อสายยูเครน กับคนเชื้อสายรัสเซีย ซึ่งคนทั้งสองกลุ่มนี้มีจำนวนใกล้เคียงกันครับ
2 ถ้าถามว่าทำไมเป็นเช่นนี้   คำตอบก็คือ รัสเซียและยูเครนเขาเคยเป็นประเทศเดียวกันคือโซเวียตมาก่อน  เมื่อโซเวียตแตกออกมาเป็นหลายประเทศ  ผู้คนหลากเผ่าพันธุ์ก็ไม่ได้ย้ายแยกหนีกันไปไหน  บ้านอยู่ไหนก็ยังอยู่ที่เดิม
3 ผลการเลือกตั้งยูเครนแต่ละครั้ง  ชนสองฝั่งก็ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาเรื่อยๆ  ฝั่งไหนชนะก็จะได้ปธน.ฝั่งตัวเอง  และปธน.ยูเครนแต่ละคนก็เอียงไปฝั่งอียูบ้าง  ฝั่งรัสเซียบ้าง
4 ปี 2013 ปธน.ยูเครนชื่อยานูโควิช  คนๆนี้อยู่ในช่วงเวลาสำคัญคือ  อียูก็มาชวนไปเข้าอียู  รัสเซียจึงเสนอเงินช่วยเหลือ 15,000 ล้านเหรียญแลกกับการไม่ไปเข้าอียู  ในขณะที่อียูไม่ได้เสนออะไร  แค่มาชวนเฉยๆ
5 ปธน.ยานูโควิชจึงรับข้อเสนอของรัสเซีย  อเมริกาจึงไปสนับสนุนให้มีการก่อกบฏในยูเครนเพื่อโค่นล้มรัฐบาล   จนนายยานูโควิชต้องลี้ภัยไปอยู่รัสเซีย
6 ปี 2014 รัฐมนตรียุโรปก็ชวนกันไปหว่านล้อมกับนายยานูโควิชว่า “ให้ลาออกซะ”  เพื่อที่อเมริกาและยุโรปจะได้ตั้งปธน.ยูเครนที่โปรอียูขึ้นมาแทน
7 รัสเซียจึงเคลื่อนกำลังเข้ายึดแคว้นไครเมีย  และสภาประชาชนของแคว้นนี้ก็ลงมติประกาศว่าฉันจะไปอยู่กับรัสเซีย   เพราะผู้คนในแคว้นนี้คือคนรัสเซียเกือบทั้งหมดอยู่แล้ว
8 ถ้าถามว่า  “ทำไมรัสเซียจึงอะไรกับยูเครนนัก?  ทำไมไม่ปล่อยๆไปเหมือนจอร์เจีย?”
9 คำตอบคือ “ภูมิรัฐศาสตร์ครับ”  กล่าวคือ  ภูมิประเทศของยูเครนและรัสเซียคือแผ่นดินผืนราบเรียบแผ่นเดียวกัน  ไม่มีภูเขาขวางเลย  รัสเซียจึงมองว่าถ้ามีกองกำลังหรือขีปนาวุธต่างชาติมาตั้งอยู่บนแผ่นดินยูเครน  กองกำลังนั้นสามารถขึ้นรถถังวิ่งบุกตะลุยมาจนถึงรัสเซียได้ง่ายดายมาก
10 รัสเซียจึงถือว่ายูเครนเป็นหน้าบ้านของตนเอง  เช่นเดียวกันกับที่อเมริกามองซีกโลกตะวันตกว่าคือสนามหลังบ้านของตนเอง
11 ทีนี้เมื่อนาโต้ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มทางทหารของอเมริกาและพันธมิตรยุโรป  พยายามหว่านล้อมชวนยูเครนมาเข้านาโต้  รัสเซียจึงยอมไม่ได้และจะไม่มีวันยอมที่จะให้มีขีปนาวุธของสหรัฐมาตั้งประจัญอยู่ชายแดนตนเอง
12 รัสเซียจึงยอมที่จะทำลายยูเครนให้สิ้นเสียดีกว่าที่จะให้นาโต้มาประชิดพรมแดน

ทีนี้บางท่านอาจจะมีคำถามว่า “เอ้า  ก็ยูเครนเขามีเอกราชของเขา  เขาอยากจะไปอยู่กับใครมันก็เรื่องของเขาสิ“
คำตอบของผมคือ  ”คนที่จะมาเป็นผู้นำของชาติอย่างยูเครน  ควรจะต้องรู้อยู่แล้วว่าสถานะของยูเครนนั้นยืนอยู่บนคมหอกคมดาบครับ  การเลือกเส้นทางที่จะแตกหักกับชาติมหาอำนาจข้างบ้านอย่างรัสเซียคือทางเลือกที่โง่ที่สุด“
ชาติเพื่อนบ้านนั้น  ต่อให้ชั่วฟ้าดินสลายยังไงก็ต้องอยู่กันไปตลอดกาล  สิ่งที่คนเป็นประธานาธิบดีต้องคิดคือ  ทำยังไงให้คนในชาติตัวเองอยู่ได้โดยไม่เกิดปัญหารุนแรง
และต้องไม่โง่พอที่จะเอาประเทศตัวเองไปเป็นเบี้ย   จนกระทั่งบ้านเมืองล่มสลาย  ผู้คนลี้ภัยสงครามแบบนี้
และสุดท้ายเราก็ได้เห็นประธานาธิบดียูเครนต้องไปนั่งออกทีวีขอเงินจากทรัมป์  ให้ลุงทรัมป์และแวนซ์ด่าไลฟ์ออกทีวีจนเสียเกียรติภูมิชาติตัวเอง
นี่ละครับ  ผลของการเลือกตัวตลก เลือกคนโง่และหิวแสงแบบเซเลนสกี้มาเป็นผู้นำประเทศ

[/quote]

ก็ยังเป็นมุมมองที่โยนความผิดให้ผู้ถูกรุกรานอยู่ดีค่ะ  โลกมันมีกฎระเบียบของมัน  ทั้งรัสเซีย  ยูเครน และสหรัฐฯ เป็นภาคีสมาชิกของสหประชาชาติด้วยกันทั้งนั้น  จุดประสงค์หลักของทั้งสหประชาชาติและนาโต้คือการปกป้องสันติภาพโลก  ลดการใช้อาวุธเพื่อห้ำหั่นกัน  คนที่ออกมาเยาะเย้ยถากถางหรือตำหนิติเตียนผู้ถูกรุกรานว่าโง่เขลาเบาปัญญานี่เขาคงลืมไปกระมังว่า  ที่ประเทศของเราเองสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขมานานหลายทศวรรษนั้นส่วนหนึ่งก็เพราะกฎระเบียบเหล่านี้     สิ่งที่ทั้งปูตินและทรัมป์ทำคือการพาโลกกลับไปสู่ยุคที่ใครมีกำลังมากกว่าก็สามารถไปยึดประเทศอื่นเข้ามาเป็นอาณานิคมของตัวเองได้  It's the law of the jungle. Not the rules-based international order.  ไม่ว่าเราจะมีอคติต่ออเมริกาหรือยุโรปขนาดไหนเราก็ไม่ควรจะเพิกเฉยต่อความจริงข้อนี้และหันไปโยนความผิดให้เหยื่อ  แทนที่จะเป็นผู้ใช้กำลังรุกรานผู้อื่นอย่างปูติน   

สมัยหนูเด็กๆ ประเทศเรายังอยู่ในความเสี่ยงจากการแทรกแซงของคอมมิวนิสต์  เรามีเพลงปลุกใจที่เปิดกรอกหูกันทุกวันจนจำเนื้อได้  "ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง คงจะต้องบังคับขับไส..."  นั่นคือสิ่งที่ชาวยูเครนจำนวนมากรู้สึก และสาเหตุที่ยูเครนโอนเข้าหาอียูกับนาโต้ก็เพราะว่าเขาต้องการสร้างอนาคตที่ดีให้คนของเขา  ต้องการรับประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการรวมกลุ่มกับอียู   และปกป้องตัวเองจากการรุกรานหลังจากที่รัสเซียเข้ามายึดไครเมียไปเมื่อปี 2014  คงเหมือนๆ กับไทยเราเมื่อเกือบ 50 ปีก่อนที่ไปร่วมกับอีกสี่ประเทศก่อตั้งอาเซียนเพราะเรากลัวไทยจะกลายเป็นโดมิโนหนึ่งในประวัติศาสตร์การแผ่ขยายอำนาจของฝ่ายคอมมิวนิสต์    ถ้าเราเองยังทำแบบนั้นได้แล้วเรามีสิทธิอะไรที่จะไปกะเกณฑ์ให้คนยูเครนคิดเป็นอย่างอื่น   หรือด่าเขาว่าโง่เง่าที่คิดอย่างนั้น

อีกอย่างที่คุณคนนี้แกไม่ได้พูดถึงก็คือ  มันมีการสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ที่ชี้ว่า 2 ใน 3 ของยูเครเนี่ยนมีความมั่นใจในตัวผู้นำของเขาเอง  (แต่ทรัมป์นี่คะแนนนิยมไม่เคยสูงเกิน 49%  ส่วนปูตินนั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง  อยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะกดให้คนกลัวเท่านั้น) 

ต่อให้เซเลนสกี้ผิดพลาดที่ไม่ได้ศึกษาอุปนิสัยของทรัมป์และมองสถานการณ์ที่เขาตกอยู่ให้ถ้วนถี่ก่อนไปทำเนียบขาว  (ซึ่งหนูก็ยอมรับว่าพลาดจริง)   แต่เขาก็ยังไม่ใช่คนที่เราควรจะรุมด่า  เพราะสามปีที่ผ่านมานี้เขาทุ่มเทมากในอันที่จะปกป้องอาณาเขตและคนของเขาเอง  ขนาดสหรัฐฯ เคยเสนอให้ออกนอกประเทศตอนรัสเซียบุกใหม่ๆ ยังไม่ยอมไป    คนที่ด่าเซเลนสกี้ว่าโง่เง่าโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงบริบท รวมทั้งเห็นดีเห็นงามกับการที่ทรัมป์และแวนซ์รุม bully เขาออกสื่อนี่ไม่ทราบเหมือนกันว่าจิตใจทำด้วยอะไรถึงได้ไร้ซึ่งมนุษยธรรมเช่นนี้ 

  

   
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16057



ความคิดเห็นที่ 106  เมื่อ 02 มี.ค. 25, 11:35

"ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง คงจะต้องบังคับขับไส..."  นั่นคือสิ่งที่ชาวยูเครนจำนวนมากรู้สึก

ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง                            
คงจะต้องบังคับขับไส
เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำกรำไป                              
ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย

เขาจะเห็นแก่หน้าค่าชื่อ                            
จะนับถือพงศ์พันธุ์นั้นอย่าหมาย
ไหนจะต้องเหนื่อยยากลำบากกาย              
ไหนจะอายทั่วทั้งโลกา

Should Strangers come and rule over us.
They will surely order and drive us;
They will oppress us from morn till night
As is the custom with masters.

Think not that they will have regard for our Position or our Name,
Nor can we hope that they will respect our Birth:
So, not only should we be weary and burdened,
But also should we stand ashamed before the whole world!

พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๖

จาก e-book มหาวิทยาลัยรามคำแหง หน้า ๘๐-๘๑
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 107  เมื่อ 02 มี.ค. 25, 20:51

"ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง คงจะต้องบังคับขับไส..."  นั่นคือสิ่งที่ชาวยูเครนจำนวนมากรู้สึก
ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง                            
คงจะต้องบังคับขับไส
เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำกรำไป                              
ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย

เขาจะเห็นแก่หน้าค่าชื่อ                            
จะนับถือพงศ์พันธุ์นั้นอย่าหมาย
ไหนจะต้องเหนื่อยยากลำบากกาย              
ไหนจะอายทั่วทั้งโลกา
ค่ะ  ขอโทษที่เขียนผิดและขอบคุณที่ correct ค่ะ
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1409


ความคิดเห็นที่ 108  เมื่อ 02 มี.ค. 25, 22:23

ถ้าแต่ละประเทศยึดดินแดนกันได้ง่าย ๆ โดยอ้างว่าคนในพื้นที่นั้นเป็นคนเผ่าพันธุ์เดียวกันกับฉันหรือเคยเป็นของเรามาก่อน แบบนี้ ไทยเราคงยกทัพยึด เกาะกงเสียมราฐ พระตะบอง เขาพระวิหารคืนจากกัมพูชาได้โดยไม่ต้องแคร์ใคร
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16057



ความคิดเห็นที่ 109  เมื่อ 03 มี.ค. 25, 09:35

"เป็นครั้งแรกของสหรัฐอเมริกาที่มีประธานาธิบดีนิยมชมชอบผู้นำของรัฐที่เป็นศัตรู

ถ้าวันนี้โรนัล เรแกนยังอยู่ เรแกนผู้ซึ่งทำให้อเมริกาชนะรัสเซียในสงครามเย็น เรแกนเขกกบาลทรัมป์แล้ว ข้อหาอวยชาติศัตรู"

ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล นักวิเคราะห์ข่าวการเมือง

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 110  เมื่อ 03 มี.ค. 25, 10:44

จาก FB คุยทุกเรื่องกับสนธิ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ รีโพสต์ข้อความหนึ่งบนทรัตช์ โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ที่ระบุว่าประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน "ไม่มีทางเลือก" ยกเว้นแต่ยอมตามเงื่อนไขต่างๆ ของวอชิงตัน ในข้อตกลงแร่ เนื่องจากเคียฟไม่อาจอยู่รอดได้ในสงคราม หากปราศจากการสนับสนุนของอเมริกา

การรีโพสต์ความเห็นของ ไมเคิล แมคคูน มีขึ้นหลังจาก ทรัมป์ เปิดศึกโต้เถียงกับ เซเลนสกี ในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว เมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.) ทำให้แผนลงนามในข้อตกลงทรัพยากรแร่ระหว่างทั้ง 2 ประเทศพังครืนลง

"ทรัมป์เล่นเกมกับ 2 ฝ่าย ราวกับผู้เล่นหมากรุกชั้นเซียน ในท้ายที่สุดแล้ว เซเลนสกี จะไม่มีทางเลือกอื่น ยกเว้นแต่ยอมอ่อนข้อ หากปราศจากการสนับสนุนของสหรัฐฯ ยูเครนไม่อาจชนะในสงครามยืดเยื้อกับรัสเซีย" ทัมป์ รีโพสต์ข้อความนี้ บนทรัสต์โซเชียล "จริงๆ แล้ว ทรัมป์ กำลังปกป้องยูเครน โดยไม่จำเป็นต้องลากสหรัฐฯ เข้าสู่สงคราม นำเสนอข้อตกลงที่ฉลาดเป็นเลิศ"

ศึกโต้เถียงกันระหว่าง ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ กับ เซเลนสกี ปะทะขึ้นหลังจากประธานาธิบดียูเครน เน้นย้ำถึงความจำเป็นสำหรับการรับประกันความมั่นคง และบอกว่า เครมลิน ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระตุ้นให้ฝ่ายสหรัฐฯ ตอบโต้เขาว่าไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ และเตือนสติให้เห็นว่าเขาอยู่ในสถานะที่อ่อนแอ

ตามหลังศึกวิวาทะอันเผ็ดร้อน ทรัมป์ บอกว่า เซเลนสกี ไม่ใช่คนที่ต้องการสร้างสันติภาพ "ประธานาธิบดียูเครน กำลังมองหาอะไรบางอย่างที่ผมไม่ได้เสาะหา" พร้อมกล่าวอ้างอีกครั้งว่า เซเลนสกี "ต้องการ สู้ สู้ สู้ เพียงเท่านั้น"

เซเลนสกี ตอบโต้กลับความเห็นของทรัมป์ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ อ้างว่ายูเครน พร้อมสำหรับสันติภาพ "แต่เราจำเป็นต้องอยู่ในสถานะที่ดี เราต้องการสันติภาพ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงมาพบประธานาธิบดีทรัมป์"

ในข้อความที่โพสต์ ทรัมป์ อ้างว่าผลประโยชน์ทางธุรกิจของสหรัฐฯ ในยูเครน เพียงพอแล้วที่จะเป็นเครื่องรับประกันความมั่นคง เนื่องจากรัสเซียจะไม่สามารถคุกคามผลประโยชน์ทางธุรกิจเหล่านั้น "โดยปราศจากกระตุ้นการตอบโต้กลับครั้งใหญ่ในระดับนานาชาติ" ทรัมป์กล่าว "เพราะว่าการโจมตียูเครน จะหมายถึงการก่ออันตรายแก่ชีวิตชาวอเมริกา บางอย่างที่จะบีบให้สหรัฐฯ จำเป็นต้องตอบโต้"

พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จำนวนหนึ่งและสมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกัน ยังคงดาหน้ากันออกมาปกป้องทรัมป์ พร้อมกับส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซเลนสกี ตามหลังการโต้เถียงในห้องทำงานรูปไข่ โดยบางส่วนถึงขั้นชี้แนะว่า เซเลนสกี อาจจำเป็นต้องลาออกจากตำแหน่ง

อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020444
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 111  เมื่อ 03 มี.ค. 25, 17:10

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 112  เมื่อ 04 มี.ค. 25, 18:44

ไปเจอข้อเขียนนี้ใร Facebook ค่ะ เลยขอลอกมาถามความเห็นคุณปัญจมา

""สงครามยูเครน: จากสนามรบสู่โต๊ะขอเงิน เมื่อยุโรปเหลือแค่แก๊ง Heal ใจ ก่อนหอบแผนไปกราบทรัมป์"
ปราชญ์ สามสี
สงครามยูเครนกำลังเดินมาถึงฉากบีบคั้นสุด ๆ เมื่อแก๊งพันธมิตรตะวันตกที่เคยอวดศักดาว่าจะอัดรัสเซียให้แหลกคาเท้า วันนี้กลับต้องพากันหอบแผนหยุดยิงไปรอขอความเมตตาจาก ทำเนียบขาว เพราะรู้แล้วว่าเกมนี้ถ้าขาดสหรัฐฯ ไป... พังทั้งขบวน!
[Timeline: ลำดับความพังแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม]
วันศุกร์:
เซเลนสกี ลุยเดี่ยวบุก ห้องรูปไข่ หวังขอแรงหนุนจาก ทรัมป์ กับ เจดี แวนซ์ แต่เจอเปิดเกมถามตรง ๆ แบบไม่ไว้หน้า
“จะจบได้รึยัง? จะยื้อไปอีกทำไม? ไหนไพ่เด็ด?”
งานนี้เซเลนสกีเจอสวนจนไปไม่เป็น เพราะความจริงคือ... ไม่มีอะไรเหลือให้ต่อรองแล้ว
สนามรบก็เริ่มกรอบ เงินช่วยเหลือก็ชะงัก ประชาชนในบ้านก็เริ่มหมดศรัทธา
วันเสาร์:
สตาร์เมอร์ นายกฯ อังกฤษ โทรเช็กสัญญาณกับ ทรัมป์ หวังฟังอะไรดี ๆ กลับมา
คำตอบจาก ทำเนียบขาว คือ...
“ก็อยากจบนะ จบได้ก็ดี”
ฟังดูเหมือนเห็นใจ แต่ความหมายลึก ๆ คือ... จะจบแบบไหนก็ได้ ขอแค่ ทรัมป์ ได้เครดิตเป็นคนปิดเกม!
วันอาทิตย์:
อังกฤษ ฝรั่งเศส ยูเครน รวมตัวฉุกเฉินที่ลอนดอน เปิดโต๊ะหารือจัดด่วน เขียนแผนหยุดยิงขึ้นมาแก้เกม
แต่สุดท้ายจุดหมายเดียวคือ... หอบแผนไปให้ทรัมป์ในห้องรูปไข่เซ็นรับรอง ว่า "ผ่าน" หรือ "ไม่ผ่าน"
เท่ากับว่าเกมนี้ พันธมิตรยุโรปก็แค่ ทีมอุ้มยูเครน ไม่ให้ล้มกลางเวที แล้วพากันไปร้องขอความเมตตาจากอเมริกาอีกที
---
วิเคราะห์แบบเจ็บ ๆ เผ็ด ๆ
นี่มันคือการเปิดไพ่ใบสุดท้ายของฝั่งยูเครนและยุโรปแบบหมดเปลือก
เพราะทุกคนรู้แล้วว่า
จะรบต่อก็ไม่มีทางชนะ
จะยอมแพ้ก็เสียหน้า
จะขอความช่วยเหลือเพิ่มก็ยาก เพราะ ทรัมป์ ไม่ได้อินกับเกมนี้ตั้งแต่แรก
เซเลนสกี หมดไพ่ไปตั้งแต่โดนถามกลาง ห้องรูปไข่ แล้วว่า “จะเอายังไงต่อ?”
จะขู่ก็ไม่ได้
จะขอเงินเพิ่มก็ลำบาก
จะโวยก็ไม่มีประโยชน์
ส่วน อังกฤษกับฝรั่งเศส ก็แค่พยายามลากกันมาช่วยอุ้มหน้ากันไว้ แล้วแต่งตัวแผนหยุดยิงให้ดูดี ก่อนจะเดินหอบไปให้ ทำเนียบขาว ตัดสินชะตากรรมจริง ๆ
---
บทสรุป: แล้วทรัมป์ในทำเนียบขาวจะสนใจแผนนี้แค่ไหน?
พูดกันตามตรง... แผนหยุดยิงที่อังกฤษ ฝรั่งเศส ยูเครนช่วยกันประดิษฐ์ขึ้นมา แล้วหอบไปเสิร์ฟถึง ทำเนียบขาว นั้น มันยากที่จำจูงใจ ทรัมป์ ให้สนใจได้
เพราะต้องเข้าใจก่อนว่า... ทรัมป์ไม่ใช่คนเล่นเกมสงครามเพื่อประชาธิปไตย หรือความถูกต้องอะไรทั้งนั้น
สิ่งที่เขาเห็นมีแค่"ดีลไหนที่อเมริกาได้กำไรสูงสุด?"
"ใครได้หน้า?""ใครจ่าย?"
ซึ่งถ้าดูจากหน้าตาแผนเจรจานี้ บอกได้เลยว่ามัน “ไม่น่าจะคุ้ม” สำหรับสหรัฐฯ ภายใต้ทรัมป์...หากผลประโยชน์มันไม่มากพอ
เพราะอะไร?
1 สงครามยูเครนคือธุรกิจ
วงจรเงินอาวุธ เม็ดเงินช่วยเหลือ งบกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการทหาร มันทำให้อุตสาหกรรมภายในอเมริกายังฟื้นตัวได้แบบเนียน ๆ ถ้าปิดเกมเร็ว เงินพวกนี้ก็หยุดไหล... แล้วทรัมป์จะรีบจบทำไม?
2 ดีลหยุดยิงนี้ สหรัฐฯ ได้อะไร?
ถ้าร่างแผนที่เอื้อยูเครนเยอะ รัสเซียเสียเปรียบมาก = ยื้อต่อ
ถ้าร่างแผนที่รัสเซียได้เยอะ ยูเครนเจ็บหนัก = ยุโรปหัวเสีย
สรุปคือ... ทรัมป์ไม่มีทางเอาหัวไปพาดบนโต๊ะเพื่อเซ็นแผนที่ “ใคร ๆ ก็เกลียด” ถ้าไม่ได้ผลตอบแทนคุ้มโคตร ๆ
3  ภาพลักษณ์ผู้นำผู้ปิดศึก
ถ้า ทรัมป์ จะยอมจบเกมนี้ เชื่อได้ว่า ต้องเป็นสูตรที่ชื่อเขาขึ้นหราในหน้าประวัติศาสตร์ แบบสวย ๆ ว่า "ฉันคือคนหยุดสงครามนี้ได้"ไม่ใช่แค่เซ็นผ่านแผนที่อังกฤษกับฝรั่งเศสคิดมาให้แบบสำเร็จรูป
ดังนั้น...ประเมินและสันนิษฐานได้ว่า
โอกาสที่ทรัมป์จะซื้อแผน...= ยากมาก
เว้นเสียแต่ว่า
แผนนั้นจะต้องทำให้อเมริกาได้ผลประโยชน์มหาศาลกว่าเดิม
ทำให้เศรษฐกิจในประเทศพุ่ง
ทำให้คะแนนนิยมทรัมป์พุ่ง
และต้องไม่มีใครมองว่าเขาไปอุ้มหน้าใครโดยเฉพาะ
พูดง่าย ๆ ก็คือ... ถ้าไม่กำไร ไม่แล ไม่เซ็น ไม่เล่นด้วย
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 113  เมื่อ 05 มี.ค. 25, 09:33

He is entitled to his own opinions ค่ะอาจารย์ But not his own facts. บทความนี้มีข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงหลายแห่ง  คนที่ติดตามข่าวสารเกึ่ยวกับรัสเซีย-ยูเครนมาอย่างใกล้ชิดก็คงจะพอมองเห็น

แต่หนูเห็นด้วยกับข้อ 1 ว่าความช่วยเหลือที่สหรัฐฯให้ยูเครนนั้นเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมอาวุธและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เอง  (นักวิเคราะห์จำนวนมากถึงไม่เข้าใจว่าทำไมไบเดนไม่หยิบเอาเรื่องนี้ขึ้นมาใช้ต่อสู้กับทรัมป์เวลาที่โดนโจมตีว่าผลาญเงินภาษีไปกับยูเครน)    และก็เห็นด้วยว่าทรัมป์นั้นหายใจเข้าออกเป็นการแลกเปลี่ยนและต่างตอบแทนเท่านั้น  ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเท่าไหร่ อันนี้ก็เป็นอะไรที่แสดงออกให้เห็นมาตั้งแต่สมัยแรกแล้ว

แต่หนูมองว่าคำถามที่เราควรจะถามไม่ใช่ทรัมป์จะให้ความสนใจกับแผนการของยุโรปหรือไม่  แต่เป็น "ประโยชน์ที่ทรัมป์คาดหวังว่าจะได้รับนั้นคือประโยชน์ต่อตัวทรัมป์เองหรือต่อประเทศชาติและประชาคมโลก" มากกว่า

ถ้าสิ่งที่เราเห็นเมื่อวันศุกร์มันจะบอกอะไรเราได้บ้าง  มันก็คงบอกกับเราว่าทรัมป์นั้นโอนเอียงไปทางผู้รุกรานมากกว่าเหยื่อ   เพราะพี่แกแสดงความเห็นอกเห็นใจในปูตินมากกว่าเซเลนสกี้อย่างเห็นได้ชัด   นี่คือสาเหตุที่ทำให้ผู้นำยุโรปและคนอเมริกันจำนวนมากถึงกับช็อค  เพราะมันคือการกลับหลังหัน 180 องศา  โยนอุดมการณ์ที่สหรัฐฯ ยึดมั่นมา 80 ปีทิ้งไปแบบไม่ยี่หระในเวลาแค่ 10 นาที    
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 114  เมื่อ 05 มี.ค. 25, 09:36

คงไม่ผิดอะไรที่จะบอกว่าใครๆ ก็อยากให้สงครามจบด้วยกันทั้งนั้น  แต่คำถามคือจบยังไงมากกว่า  (จอน สจ๊วตบอกว่าแม้แต่ฮิตเลอร์ก็อยากให้ WWII จบเร็วๆ เหมือนกัน    เพียงแต่ไม่ใช่จุดจบแบบที่ฝ่ายอักษะพ่ายแพ้และตัวเองต้องยิงตัวตายในหลุมเท่านั้นเอง) 

สิ่งที่ทรัมป์กับแวนซ์กำลังทำคือบีบให้มันจบในแบบที่เป็นคุณกับรัสเซียซึ่งเป็นผู้รุกราน  ยูเครนและชาติยุโรปถึงยอมไม่ได้  ไม่ใช่เพราะเรื่องจะเสียหน้าอะไรเลย  แต่เป็นการยึดมั่นในหลักการพื้นฐานและกฎระเบียบของโลกว่าด้วยอาณาเขต เอกราช และอธิปไตยมากกว่า  (ขนาดเรื่องสิทธิในเขาพระวิหารกับเกาะกูดก็ยังเป็นประเด็นให้คนบางกลุ่มในบ้านเรานำมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อโจมตีคู่แข่งทางการเมืองได้เลย  แล้วทำไมเราถึงจะไปตำหนิยูเครนที่ไม่ยอมเสียดินแดนบางส่วนหรือกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอีกหนูก็ไม่เข้าใจ)     

ถ้าสงครามจบโดยที่รัสเซียเป็นฝ่ายชนะ จากนี้ไปประเทศที่เล็กกว่าอย่างเอสโตเนีย ลิทัวเนีย หรือโปแลนด์ก็จะอยู่ไม่สุข  เพราะยูเครนเป็นแค่ 1 ในเป้าหมายของปูตินเท่านั้น  แล้วทั้ง 3 ประเทศที่ว่านี้คือสมาชิกของนาโต้  ถ้าประเทศใดประเทศหนึ่งใน 3 ถูกรัสเซียรุกรานด้วยข้ออ้างเดิมๆ ที่ปูตินนำมาใช้กับยูเครน  นั่นแหละค่ะหนทางสู่ WWIII ที่แท้จริง  เพราะยังไงเสียนาโต้ต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับสมาชิกด้วยการประกาศสงครามกับรัสเซียแน่ๆ 

ถึงตอนนั้นก็นึกเอาแล้วกันว่าโลกจะระส่ำระสายขนาดไหน  แค่สงครามในประเทศเล็กๆ อย่างยูเครนที่เราเจอมา 3 ปีนี่ก็ยังทำให้สินค้าเกษตรแพง  พลังงานขาดแคลน  การพัฒนาเศรษฐกิจชะงักงัน  ทรัพยากรถูกนำไปใช้กับอะไรที่ไม่ส่งเสริมการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว  ฯลฯ  ถ้าสงครามมันแผ่ขยายไปมากกว่านั้นประเทศคู่ค้าของเราในยุโรปก็จะลำบากแน่ๆ  เศรษฐกิจเราเองก็จะพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย  เราจึงไม่ควรจะเข้าข้างรัสเซียไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดใดทั้งสิ้น 

วิธีที่ดีที่สุดคือต้องให้รัสเซียถอย  และลงนามในข้อตกลงว่าจะไม่รุกรานยูเครนอีก   ถ้าละเมิดข้อตกลงเมื่อไหร่ยูเครนก็จะกลายเป็นสมาชิกกิติมศักดิ์ของในนาโต้ไปทันทีเหมือนอย่างที่ชาติยุโรปพยายามผลักดันอยู่

การบังคับให้ผู้รุกรานต้องถอยคือการแก้ปัญหาที่น่าจะสอดคล้องกับกฎระเบียบโลกและเหตุผลด้านมโนธรรม จริยธรรม และมนุษยธรรมมากที่สุด  รวมทั้งเพื่อประโยชน์ของการรักษาสันติสุขโลกในระยะยาวด้วย ดังนั้นหนูจึงเห็นว่า  เราไม่สมควรที่จะยอมรับหรือสนับสนุนข้ออ้างอื่นใดทั้งสิ้นที่จะทำให้สงครามมันจบลงโดยที่รัสเซียเป็นฝ่ายได้เปรียบ  (และถ้าเราเปิดโอกาสให้รัสเซียมีชัยเหนือยูเครนก็รอดูกันต่อไปเถอะค่ะว่าจีนจะก้าวร้าวขนาดไหนต่อประเทศคู่พิพาทในทะเลจีนใต้)     
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 115  เมื่อ 05 มี.ค. 25, 09:39

จริงๆ หนูมองว่า  ถ้าทรัมป์อยากได้ชื่อว่าเป็นผู้หยุดยั้งสงครามและฉลาดพอ  ไม่ลำเอียงเข้าข้างชาติปฏิปักษ์อย่างออกนอกหน้า  ทรัมป์ก็น่าจะเข้าใจได้ว่าไม่ใช่เฉพาะยูเครนเท่านั้นที่กำลังเข้าตาจน   รัสเซียเองก็กำลังลำบาก เพราะสงครามทำให้เศรษฐกิจรัสเซียตกต่ำมากในตอนนี้  ข้าวของแพง ประชาชนเดือดร้อนไปทั่ว  กำลังทหารก็น้อยลงจนต้องไปขอให้เกาหลีเหนือส่งทหารมาช่วยรบ  ส่วนหนึ่งเพราะชายฉกรรจ์รัสเซียหรือคนที่ครอบครัวมีอันจะกินก็หนีออกนอกประเทศกันเพราะไม่มีใครอยากเอาชีวิตไปเสี่ยงในสนามรบ  

ส่วนยูเครนนั้นจัดว่าเป็นกองกำลังที่มีสมรรถภาพมากที่สุดในยุโรปตอนนี้ก็ว่าได้  เพราะมีประสบการณ์ในสมรภูมิมานาน 3 ปีแล้ว ทหารยูเครนจำนวนมากก็มาออกรบเพราะมีความตั้งใจที่จะปกป้องประเทศอย่างแท้จริง  ไม่ได้ถูกบังคับให้มาเหมือนทหารรัสเซีย  ถ้าได้แรงหนุนที่ดีและมีอาวุธที่จำเป็นก็มีโอกาสที่จะชนะได้   ก่อนไบเดนจะหมดวาระไป สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรก็อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธระยะไกลยิงเข้าไปในอาณาเขตของรัสเซียได้แล้ว  หลังจากที่จำกัดการใช้อาวุธที่จัดหาให้มา 3 ปี    เพราะความกังวลว่าทรัมป์จะมากลับสถานการณ์ให้รัสเซียเป็นต่อนี่แหละ

ถ้าทรัมป์จะให้การสนับสนุนยูเครนต่ออีกสักปี  หนูก็เชื่อว่ารัสเซียน่าจะตกที่นั่งลำบากกว่าเดิม  เพราะผลิตอาวุธไม่ทัน  กำลังทหารไม่พอ  เศรษฐกิจจะย่ำแย่เพราะเงินเฟ้อมีแต่จะพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ  ประชาชนจะโกรธแค้นผู้นำที่ดำเนินนโยบายผิดพลาด  ต่างๆ เหล่านี้จะเป็นโอกาสให้ทรัมป์สามารถบีบปูตินให้มานั่งโต๊ะเจรจาได้   และจะทำให้ทรัมป์กลายเป็นผู้นำที่ประวัติศาสตร์โลกจารึกว่าแม้แต่ปูตินยังต้องยอมสยบ  

แต่ทรัมป์มัวแต่หมกมุ่นกับการเอาอกเอาใจปูตินจึงมองเห็นแต่วิธีแก้ปัญหาที่จะเป็นคุณแก่รัสเซีย  เลยลดค่าตัวเองเป็นแค่หุ่นเชิดของปูตินอย่างที่เราเห็น  หนูว่าใครที่ยังยกย่องทรัมป์ว่าฉลาดหลักแหลมหรือเป็นผู้นำที่ห้าวหาญหลังจากเหตุการณ์เมื่อวันศุกร์คงไม่ได้คำนึงถึงความจริงในข้อนี้  

คงไม่มีผู้นำคนไหนในโลกที่จะหวาดกลัวหรือเคารพนับถือผู้นำของชาติที่อ่อนปวกเปียกจนสามารถทำลายหลักการพื้นฐานของประเทศชาติตัวเองได้ง่ายๆ เพียงเพื่อจะเอาอกเอาใจผู้นำของชาติปฏิปักษ์   อย่างที่ทรัมป์แสดงออกไปให้โลกเห็นหรอกค่ะ

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 116  เมื่อ 05 มี.ค. 25, 15:02

จากเพจThe Structure

Joshua Kurlantzick ผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันได้เขียนบทความลงใน Council on Foreign Relations บรรยายถึงสถานการณ์ที่ย่ำแย่ของกลุ่ม NGO ที่ขาดเงินทุนสนับสนุนโดยเฉพาะจาก NED ภายหลังจากรัฐบาลทรัมป์สั่งระงับเงินทุนให้กับองค์กรเหล่านี้จนกระทบกับ NGO ทั่วโลก
โดยเฉพาะในประเทศไทยที่กลุ่ม NGO ที่เคลื่อนไหวเรื่องสิทธิมนุษยชน, ส่งเสริมประชาธิปไตย, ผลักดันแก้ไขกฎหมาย ม.112 รวมถึงบางองค์กรอย่าง  "มูลนิธิมานุษยะ" ที่คอยให้ที่หลบภัยกับกลุ่มนักกิจกรรมทางการเมืองต่อต้านรัฐบาลลาวและกัมพูชา กำลังตกอยู่สภาวะย่ำแย่เพราะขาดเงินทุนสนับสนุนดังเช่นที่ผ่านมา
โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

ทรัมป์และทีมงาน โดยเฉพาะที่ปรึกษาอย่าง อีลอน มัสก์ มีท่าทีไปในเชิงตั้งข้อรังเกียจ กลุ่มแผนงานหรือองค์กรซึ่งสนับสนุนประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน นิติรัฐ และประชาสังคมอย่างเห็นได้ชัด
จากทัศนคติในการมองโลกของทรัมป์ ที่ต้องการจะดีลกับทั้งฝ่ายเผด็จการและฝ่ายประชาธิปไตย รวมไปถึงการขาดความสนใจในเรื่องสิทธิมนุษยชนของเขา ได้ทำให้เกิดสภาวะที่รัฐสภาสหรัฐฯ ลดแรงสนับสนุนและเงินทุนที่มีให้กับ "แผนงานสนับสนุนประชาธิปไตย" ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
โดยหนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่รัฐบาลทรัมป์มุ่งโจมตีก็คือ หน่วยงาน National Endowment for Democracy (NED) ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้ทุนทรัพย์กับองค์กรต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนในเรื่องของนิติรัฐ กระบวนการยุติธรรม การปฏิรูปที่นำไปสู่ประชาธิปไตย เสรีภาพสื่อ และสื่อออนไลน์
NED ได้ให้เงินสนับสนุนจำนวนมหาศาลกับองค์กรต่างๆ ทั่วโลก เพื่อที่จะรักษาระดับเสรีภาพในการใช้ชีวิตในหลายพื้นที่ เช่น กัมพูชาและเมียนมาซึ่งอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงอีกหลายภูมิภาคกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยเงินสนับสนุนที่ให้กับองค์กรเหล่านี้มีมูลค่าถึงราว 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 10,107 บาท)
ซึ่งที่ผ่านมามีการโจมตีว่า NED เป็นแขนขาให้กับหน่วยข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือ CIA ทั้งที่ NED ไม่ได้เชื่อมโยงกับ CIA ดังที่พวกเขากล่าวอ้าง
แน่นอนว่าอาจจะมีบางคนยกประเด็นขึ้นมาว่า NED ทำหน้าที่ในการสนับสนุนประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ในรูปแบบเดียวกับที่ CIA เคยพยายามทำแบบลับๆ ในอดีต
อย่างไรก็ดี NED ได้ปฏิบัติการอย่างโปร่งใสมาโดยตลอด และทุกปีก็มีกระบวนตรวจสอบด้านบัญชีเพื่อเปิดเผยการใช้จ่ายเงินทุนทั้งหมด ต่างกับ CIA ที่ปฏิบัติในลักษณะปกปิด
หรือการที่บางกลุ่มบอกว่า NED ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายนิยมสหรัฐฯ ก็ดูจะเป็นการกล่าวอ้างที่ไม่เป็นความจริง เพราะ NED ได้สนับสนุนองค์กรกว่า 2,000 แห่ง ซึ่งทำงานด้านสิทธิ เสรีภาพของสื่อ นิติรัฐ และประชาธิปไตยทั่วโลก ซึ่งบางกลุ่มเองก็ไม่ได้หลงไหลกับสหรัฐอเมริกามากเท่าไรนัก
เช่น บางองค์กรในประเทศไทย ที่พยายามผลักดันเรื่องการแก้ไขกฎหมาย ม.112 เสรีภาพสื่อในโลกออนไลน์ และการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม โดยในกลุ่มเหล่านี้ก็มีบรรดานักกิจกรรมการเมืองฝ่ายซ้ายที่ตั้งคำถามกับสหรัฐฯ รวมไปถึงมีท่าทีรังเกียจสหรัฐอเมริกาเสียด้วยซ้ำ
ขณะที่ในเมียนมา ซึ่งกำลังใกล้จะเป็นรัฐที่ล้มเหลว จากการต่อสู้ผ่านสงครามตัวแทนของทั้งจีนและอินเดีย รวมถึงสหรัฐฯ ในบางส่วน NED ก็ได้ให้การสนับสนุนสื่อ "The Irrawaddy" ซึ่งคอยเป็นกระบอกเสียงให้เพื่อให้ผู้คนได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ก็กำลังจะถูกตัดการสนับสนุน ซึ่งจะทำให้เป็นการยากต่อการติดตามข่าวสารที่แท้จริงในเมียนมา
รวมถึงอีกหลายสื่อที่เป็นกระบอกเสียงในกลุ่มประเทศเผด็จการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังจะถูกปิดตัวลง จากการขาดเงินทุนเพื่อสนับสนุนประชาธิปไตย
ตัวอย่างเช่นที่ National Public Radio (NPR) ได้ออกมาระบุว่า การขาดเงินทุนสนับสนุน กำลังทำลายกลุ่ม NGO ในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันไทยเป็นรัฐกึ่งประชาธิปไตย ที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับลี้ภัยของผู้เห็นต่างจากประเทศเผด็จการที่อยู่ข้างเคียง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้กลายมาเป็นจุดศูนย์รวมสำคัญของกระบวนการกดขี่ระหว่างชาติ ที่ซึ่งผู้เห็นต่างจากประเทศในระบอบเผด็จการเดินทางไปมาหาสู่กัน (ลี้ภัย) และบ่อยครั้งที่พวกเขาถูกอุ้มหายหรือพบว่าเสียชีวิต
โดย NPR ได้ระบุว่า หนึ่งในองค์กรที่ได้รับผลกระทบจากการตัดเงินทุนมากที่สุดคือ "Manushya Foundation" หรือ "มูลนิธิมานุษยะ" ในประเทศไทย ซึ่งคอยสนับสนุนที่หลบภัย (Safe House) 9 แห่ง ให้กับกลุ่มนักกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม และฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเผด็จการในลาวและกัมพูชา
ภายหลังจากทรัมป์ตัดเงินทุน มูลนิธิมานุษยะได้ทำการปิดที่หลบภัยหลายแห่ง ซึ่งเคยเป็นบ้านพักของนักกิจกรรมทางการเมืองกว่า 35 ราย รวมถึงครอบครัวของพวกเขา
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 117  เมื่อ 05 มี.ค. 25, 21:04

https://www.youtube.com/live/3MJ1I6HKImM?si=Oi8Ky0mEwNPq63Qo
นักวิเคราะห์ที่เคยเข้าไปรายงานข่าวในพื้นที่และมีประสบการณ์รายงานข่าวต่างประเทศมานานหลายทศวรรษค่ะ   
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 118  เมื่อ 17 มี.ค. 25, 11:36

   การที่ทรัมป์ลุกขึ้นปฏิวัติ(หรือปฏิรูป?) ระบบราชการงานเมืองอะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง  รวมทั้งดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ทำเอาหลายประเทศรวนกันไปหมดนั้น   ก็เกิดกระแสประท้วงขึ้นมาจากตรงโน้นตรงนี้ในบ้านเมืองของเขาเหมือนกัน
    ขอยกตัวอย่างหนึ่งจากรูปขา้งล่างนี้  ที่คงเหลืออด เลยด่าเป็นชุด


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 119  เมื่อ 17 มี.ค. 25, 13:45

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.053 วินาที กับ 19 คำสั่ง