ึคุณภศุสรรเรียกรวมกันไปหมด ขอแยกมาให้เห็นชัดๆ
สมาธิกับวิปัสสนากรรมฐานต่างกันอย่างไร
สมาธิเป็นหลักการปฏิบัติธรรมขั้นต้น มีเป้าหมายในการฝึกจิตให้แน่วแน่ ทำให้จิตสงบ
วิปัสสนากรรมฐานเป็นการปฏิบัติธรรมขั้นสูง มีเป้าหมายเพื่อชำระกิเลส ให้เข้าถึงมรรคผลนิพพาน
วิปัสสนา แปลว่า ดูให้รู้แจ้ง เกิดญาณหยั่งรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเอง ไม่ใช่ไปหยั่งรู้เรื่องชาวบ้าน เป็นการให้หยั่งรู้ โลภ โกรธ หลง ที่ฝังอยู่ในสังขาร หรือจิตไร้สำนึก และเกิดญาณชำระจิตให้บริสุทธิ์ เผาและถอนรากกิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน ปฏิบัติแล้วจะเกิดปัญญาญาณ เข้าถึงอริยสัจ 4 ด้วยปัญญาของตน ไม่ใช่จากการท่องจำ ทำให้ละอัตตา ละตัณหาและความทะยานอยากได้
ภาวะการหยั่งรู้ เป็นวิปัสสนาญาณ จึงเรียกวิปัสสนาว่า “สายปัญญาหรือ Spiritual Wisdom”
สมาธิ เป็นการฝึกให้จิตสงบตั้งมั่น จึงเรียกว่า “สายสมถะ” คือมีจิตสงบแน่วแน่
การจะปฏิบัติวิปัสสนาได้ต้องมีกำลังสมถะ คือจิตที่ตั้งมั่นหนุน จึงเรียกว่า สมถะหนุนวิปัสสนา
ความต่างกันในหลักการปฏิบัติของ 2 วิธีคือ
สมาธิคือ สมาธิ ไม่มีความรู้ตัวชัด เป็นการกดทับอารมณ์ให้เข้าไปสู่ความสงบชั่วขณะ ทำให้หลุดพ้นไม่ได้ แต่วิปัสสนา มีความรู้ตัวชัด คือสัมปชัญญะและอุเบกขา คือพลังของความมั่นคงไม่หวั่นไหว ในอารมณ์ที่เข้ามากระทบใจ เป็นการรับรู้ทุกอย่างตามความเป็นจริง พร้อมๆ กับเกิดกำลังญาณในการเผากิเลส ทำให้หลุดพ้นได้
จาก FB อ.อัจฉราวดี วงศ์สกล
ขอขอบคุณคุณเทาชมพูอธิบาย ความดั่งนี้ผมรู้มาก้อนแล้ว อาจจะเป็นเพราะรีบเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาอย่างฉุกละหุก ผมเองลืมอธิบายความหมายไป
ถ้าเกิดความสับสนอันใดกระผมต้องขออภัย
ที่คุณเทาชมพูพูดมา ผมเห็นด้วยทุกประการ ถ้าไม่ขัดต่อการทำมากินในชีวิต ก็คงไม่มีปัญหาอะไร
การปฎิบัติทั้งสมถะกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานก็ถือเป็นงานหลักในศาสนา ถือเป็นวิปัสสนาธุระ ควบกับคันถธุระ ซึ่งเป็นการเล่าเรียนจากตำรา หากแปลจากพระบาลีก็แปลได้ว่า งานหลัก เหมือนกัน
หากขาดตรงนี้ไป ศาสนาก็คงจะอยู่ยากเสียแล้ว