เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
อ่าน: 9300 พิมพิลาไลย
vilat
อสุรผัด
*
ตอบ: 31


 เมื่อ 16 ต.ค. 24, 11:04

ชื่อ พิมพิลาไลย ผมพยายามแปล แยกคำ บาลี แล้วก็ยังสับสน ได้ความหมายเป็นสองทาง พิม พิลาไลย และ พิมพิลา ไล ย  จึงขอเรียนรบกวน ท่านที่มีความรู้ภาษาบาลี ด้วยครับ ว่า จะแปลไปทางไหนดี จะเป็น ผู้อยู่อมตะ หรือ นางผู้มีเรือนร่างงดงาม
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16060



ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 16 ต.ค. 24, 11:35

ชื่อนี้เคยมีผู้ให้ความเห็นในเรือนไทยเป็น ๒ ทาง

๑.

เลี้ยงก็ได้ห้าขวบปลาย                รูปกายงามยิ่งพริ้งเพรา
ทรวดทรงส่งศรีไม่มีแม้น              อรชรอ้อนแอ้นประหนึ่งเหลา
ผมสลวยสวยขำงามเงา              ให้ชื่อเจ้าว่าพิมพิลาไลย

พิม  แปลว่า รูปแบบ   พิลาไลย แผลงมาจาก พิไล  แปลว่ารูปแบบอันงดงาม
กวีท่านสะกดชื่อนางเอกเรื่องนี้ ว่าพิม  ไม่ใช่ พิมพ์   ก็ควรเคารพท่านเถิด

๒.

มีคำชวนสงสัยอยู่ ๒ คำ

๑. พิม ในความหมายว่า รูปแบบ รอยอินท่านให้ใช้ว่า พิมพ์

๒. พิลาไลย หากเป็นคำแผลงน่าจะมาจาก พิไลย = พิลัย = วิลัย 

รอยอินท่านว่า

วิลย, วิลัย [วิละยะ, วิไล] น. ความย่อยยับ, การสลาย, การทําให้สลาย. (ป., ส.).

เพราะชื่อว่า "พิลัย" ชีวิตจึงไม่ "พิไล" ดังชื่อแล

จาก ขออนุญาตแก้คำที่สะกดผิด
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 16 ต.ค. 24, 12:07

      ขอให้คุณ Vilat ทำใจก่อนว่า ขุนช้างขุนแผนเป็นเรื่องที่แต่งมานับร้อยปีก่อนราชบัณฑิตยสถานจะถือกำเนิด   การสะกดตัวไม่ว่าในเอกสารใดๆ ในยุคก่อนประเทศไทยมีราชบัณฑิตมากำกับว่าตัวโน้นถูก ตัวนี้ผิด   จึงแล้วแต่กวีและอาลักษณ์ จะสะกดแบบไหนยังไงก็ได้  ขอให้อ่านได้ก็พอ 
     อย่าลืมว่า แต่โบราณมา  วรรณคดีทั้งหลายมีเอาไว้อ่านดังๆ ให้ฟังกัน ตั้งแต่โองการแช่งน้ำลงมาเลยทีเดียว  ไม่ใช่เอาไว้อ่านในใจอย่างเดี๋ยวนี้  การสะกดให้ออกเสียงเพื่ออ่านให้หูฟังถูกต้องตามความประสงค์คนเขียนจึงสำคัญกว่าสะกดถูกต้องตามหลักภาษา
    จึงไม่แปลกอะไรที่คำว่า "วิไล" จึงสะกด วิลัย วิไลย  วิไล   มาจนกระทั่งราชบัณฑิตยสถานกำหนดคำถูกต้องให้ว่า วิไล
    แม้แต่ในพระราชนิพนธ์ละครพูด ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  ต้นฉบับก็ยังทรงสะกดว่า "วิไลยเลือกคู่"  ก่อนฉบับหลังๆจะมาแก้ไขเป็น "วิไลเลือกคู่"
    พิม  ก็คือ พิมพ์ นั่นแหละ
    พิไล  ก็แผลงเป็นพิลาไลย   กวีสมัยอยุธยาท่านชอบแผลงศัพท์ให้ยาวขึ้นเพื่อความไพเราะ และบางครั้งก็เพื่อให้ลงตัวในฉันทลักษณ์    เช่น ชอุ่ม เป็นชรอุ่ม เป็นต้น
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16060



ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 16 ต.ค. 24, 13:35

อย่างไรก็ตาม "พิมพิลาไลย" เป็นชื่อไม่เหมาะ อาจเป็นด้วยความหมายของ "พิไลย" หรืออย่างไรก็แล้วแต่

ครานั้นจึงท่านขรัวตาจู       พิเคราะห์จับยามดูหาช้าไม่
ครั้นดูรู้ประจักษ์ก็ทักไป      ออพิมพิลาไลยนี่เคราะห์ร้าย
มันตกลงที่นั่งนางสีดา       เมื่อทศพักตร์ลักพาไปสูญหาย
ถ้าแม้นไม่จากผัวตัวจะตาย  ถ้ายักย้ายแก้ไขไม่เป็นไร
ผลัดชื่อเสียพลันว่าวันทอง   จะครอบครองทรัพย์สินทั้งปวงได้
โรคนั้นพลันจะคลายหายไป หาบรรลัยไม่ดอกสีกายาย

ขรัวตาจู แห่ง วัดป่าเลไลยก์ สุพรรณบุรี ท่านให้จึงเปลี่ยนชื่อเสียใหม่ว่า วันทอง แต่ก็ยังไม่พ้น กรงกรรม อยู่นั่นเอง ตกใจ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16060



ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 16 ต.ค. 24, 14:35

สงสารก็แต่แม่นางวันทอง  

เพลงวันทอง  
โดย สีเผือก คนด่านเกวียน  



เป็นเรื่องจริงไม่ใช่อิงนิยาย ที่ปู่ย่าตายายเล่าขานนานมา
มีหลักฐานบันทึกเป็นตำรา ให้ลูกให้หลานได้ศึกษาเล่าเรียน
หนึ่งหญิงสองชายผูกพัน เหตุเกิดที่สุพรรณกาญจนบุรี
เรื่องขุนช้างขุนแผน และสตรีที่ชื่อวันทองหรือหญิงสองใจ

นางเสียคนเพราะไม่ทนแรงชาย อีกทั้งกลัวโทษภัยในพระคุณมารดา
สุดท้ายคอจึงหลุดจากบ่า พร้อมคำสาปแช่งด่าว่าเป็นหญิงสองใจ
อุทาหรณ์สอนเตือนผู้คน ว่าผู้หญิงในสังคมชั้นชน
ต้องพลีกายพลีใจของตน สนองรับกฎเกณฑ์ทุรชน
ไร้คนเห็นใจ แม่วันทองกลายเป็นหญิงใจสองสองใจ ใครเล่าทำ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 16 ต.ค. 24, 18:06

   เคยสงสัยมานานแล้วว่า ชื่อใหม่ของนางพิมคือ "วันทอง" แปลว่าอะไร   จะแปลว่า golden day ก็ไม่ใช่ เพราะคนไทยไม่มีสำนวนนี้  
   ในที่สุด หลังจากอ่านขุนช้างขุนแผน  ก็ไปเจอเข้าตอนหนึ่ง (เสียดายว่าจำไม่ได้แล้วว่าตอนไหน เป็นตอนขุนแผนต่อว่านางวันทอง)   ก็เลยได้คำตอบให้ตัวเองว่า วันทอง คือ "วรรณทอง" นั่นเอง    
   นางวันทองเป็นสาวผิวขาว   คำบรรยายต่อท้ายนางคือ  วันทองผ่องโสภา
   ผิวขาวของสาวไทยสมัยอยุธยาและต้นรัตนโกสินทร์ไม่ใช่ขาวกลูต้าอย่างสมัยนี้ แต่เป็นผิวออกเหลืองแบบชาวเอเชีย   ส่วนหญิงไทยผิวคล้ำเรียกว่า "ผิวดำแดง" หรือ "ผิวสองสี"  ฝรั่งเรียกว่าผิวสีแทน  ไทยเรานิยมว่าหญิงผิวออกเหลืองสวยกว่าผิวดำแดง
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16060



ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 16 ต.ค. 24, 18:35

ด้วยอิทธิพลของเรื่องขุนช้างขุนแผน ไม่มีการตั้งชื่อให้ลูกผู้หญิงว่า วันทอง หรือแม้แต่ วรรณทอง คงมีแต่ที่ความหมายเหมือนกันเช่น กนกวรรณ, จารุวรรณ หรืออุไรวรรณ
บันทึกการเข้า
ภศุสรร อมร
พาลี
****
ตอบ: 216


ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 17 ต.ค. 24, 06:24

เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่วรรณคดีมีต่อคนไทย แม้เวลาผ่านมานานนัก ชื่อตัวละครก็ยังไม่จางหายไปจากมโนสำนึกของหลายคน
แม้กระทั่งทุกวันนี้ก็ไม่เห็นมีใครตั้งชื่อลูกว่าขุนแพน อาจเป็นเพราะเคารพตัวละครเช่นกัน
บันทึกการเข้า
ภศุสรร อมร
พาลี
****
ตอบ: 216


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 17 ต.ค. 24, 06:26

ส่วนชืพลายแก้วเดิมนั้นนักวิชาการสันนิษฐานว่ามาจากมอญ อาจเป็นไปได้ เนื่องด้วยการใช้คำว่าพลายซึ่งใช้กับช้างมาเป็นชื่อคนนั้นก็นับได้ว่าแปลกเอาการ
ถ้าหากเป็นชื่อมาจากทางมอญก็เห็นเป็นการเข้าใจได้ฉะนี้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 17 ต.ค. 24, 08:40

พลาย เป็นภาษามอญ แปลว่า หนุ่ม    ช้างพลายคือช้างหนุ่ม หรือช้างเพศผู้ ค่ะ

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16060



ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 17 ต.ค. 24, 09:35

เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่วรรณคดีมีต่อคนไทย แม้เวลาผ่านมานานนัก ชื่อตัวละครก็ยังไม่จางหายไปจากมโนสำนึกของหลายคน
แม้กระทั่งทุกวันนี้ก็ไม่เห็นมีใครตั้งชื่อลูกว่าขุนแพน อาจเป็นเพราะเคารพตัวละครเช่นกัน

ขุนแผนนั้น ไม่ได้ชื่อขุนแผนมาแต่กำเนิด ชื่อขุนแผน (ย่อจากขุนแผนแสนสะท้าน) เป็นราชทินนามที่ได้รับภายหลังเมื่อถวายตัวรับราชการ แต่ชื่อจริงตั้งแต่เมื่อยังเล็ก ที่ผู้ใหญ่ตั้งให้คือ "พลายแก้ว"  ซึ่งมีที่มาว่า

พ่อแม่ปรึกษากันย่ายาย         จะตั้งชื่อหลานชายอย่างไรปู่
ฝ่ายตาตะแกเป็นหมอดู          คิดคูณเลขอยู่ให้หลายชาย
ปีขาลวันอังคารเดือนห้า          ตกฟากเวลาสามชั้นฉาย
กรุงจีนเอาแก้วอันแพรวพราย    มาถวายพระเจ้ากรุงอยุธยา
ให้ใส่ปลายยอดพระเจดีย์ใหญ่  สร้างไว้แต่เมื่อครั้งสร้างหงสา
เรียกวัดเจ้าพระยาไทยแต่ไรมา  ให้ชื่อว่าพลายแก้วผู้แววไว

ชื่อ "ขุนแผน" ไม่ใช่ชื่อต้องห้ามสำหรับคนไทย คุณภศุสรร คงไม่รู้จัก ขุนแผน ภุมมารักษ์ นักร้องลูกทุ่งแนวสนุกสนาน มักจะร้องเพลงคู่กับ ถนอม นวลอนันต์
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 17 ต.ค. 24, 09:49

เขียนจากความทรงจำนะคะ
บรรดาศักดิ์ขุนแผน มีจริง  ชื่อว่าขุนแผนสะท้าน   สังกัดกองอาทมาต  พวกนี้เป็นพวกเชื้อมอญ  ลาดตระเวนอยู่ชายแดนระหว่างไทยพม่า ทำหน้าที่สอดแนม เพราะพูดภาษาพม่าได้จึงทำตัวกลืนกับพม่าได้ง่าย
ในขุนช้างขุนแผน เรียกว่า ขุนแผนแสนสะท้าน   
ชื่อ "ขุนแผน" ได้รับการนำไปเป็นชื่อพระเครื่องที่โด่งดังด้านเมตตามหานิยมด้วยค่ะ  เคยมีคำพูดล้อๆว่า หนุ่มคนไหนสาวหลงง่ายๆ  เชื่อว่าห้อยพระขุนแผน
บันทึกการเข้า
ภศุสรร อมร
พาลี
****
ตอบ: 216


ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 17 ต.ค. 24, 11:10

ต้องขอของคุณคุณเทาชมพู อธิบาย ผมเองเคยได้ยินแต่ชื่อ ‘ขุนแผลงสท้าน‘ ซึ่งท่านเป็นจเรตำรวจในสมัยรัชกาลที่ห้า
ขุนแผนสะท้านนั้นไม่เคยได้ยินมาก่อน ที่คุณเพ็ญกล่าวถึงผมก็เห็นด้วยเช่นกัน ซื่อที่ถูกห้าม มักจะเป็นชื่อที่เข้าข่ายคำว่า สูงเกินไป‘ ในภาษาชาวบ้าน
คงไม่มีใครตั้งชื่อลูกเป็นชื่อกษัตริย์หรือพระพุทธเจ้าเป็นแน่แท้ ตรงนี้ก็เป็นไปตามคติสังคม ผมเองเคยเจอเด็กชายคนนึ่ง ชื่อเล่นว่า ฮ่องเต้ ผมเองยังนึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 17 ต.ค. 24, 11:19

คุณภศุสรรลองไปหาอา่นพระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์  เอ่ยถึงพิธีตัดไม้ข่มนามในสมัยสมเด็จพระนเรศวร
จะเจอตัวตนของขุนนางอยุธยาชื่อ "ขุนแผนสะท้าน"  อยู่ในนี้ค่ะ   

พ.ศ.๒๑๓๕ ฟันไม้ข่มนามที่ตำบลหลมพลี(ลุมพลี) ก่อนเสด็จไปรับศึกพระมหาอุปราชาที่หนองสาหร่าย
พ.ศ.๒๑๓๘ ตัดไม้ข่มนามที่ตำบลหลมพลี ก่อนเสด็จไปตีหงสาวดีครั้งที่ ๑
พ.ศ.๒๑๔๒ ตัดไม้ข่มนามที่ตำบลหลมหลี ก่อนเสด็จไปตีหงสาวดีครั้งที่ ๒
พ.ศ.๒๑๔๗ ตัดไม้ข่มนามที่ตำบลเอกราช ก่อนเสด็จไปตีเมืองอังวะ(พงศาวดารสมัยหลังว่าทำพิธีโดยขุนแผนสะท้าน)
บันทึกการเข้า
ภศุสรร อมร
พาลี
****
ตอบ: 216


ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 17 ต.ค. 24, 11:24

ขอเพิ่มเติมข้อหนึ่ง วรรณคดีเดิมกล่าวไว้ว่า ขุนไกร และนางทองประศรี บิดามารดาของขุนแผนนั้นเดิมทีเป็นชาวกาญจนบุรี
ย้ายถิ่นฐานมายังเมืองสุพรรณๆหลังจากขุนไกรต้องโทษประหาร กาญจนบุรีเป็นเมืองหน้าด่าน มีอาณาเขตติดต่อกับเมืองมอญมาแต่เดิม
ลาวมอญในกาญจนบุรีนั้นมีอยู่ไม่น้อยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หากตึกตรองตามภูมิลำเนา และชื่อแล้วนั้น เป็นไปได้รึไม่ว่าตระกูลของขุนแผนนั้น
จะมีเชื้อสายมอญมาแต่เดิม?
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.048 วินาที กับ 20 คำสั่ง