สมัยกรุงธนบุรี เมืองสงขลาส่งส่วยรังนกเข้ามาถวายสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
สืบเนื่องจากการที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยกทัพไปตีเมืองนครศรีธรรมราช ได้แผ่พระราชอำนาจลงไปคุมเมืองทางใต้
พระองค์เสด็จลงไปที่เมืองสงขลา ครั้งนั้น มีชาวจีนเข้ามาถวายสิ่งของให้พระองค์ พระองค์คืนสิ่งของ รับไว้เฉพาะยาแดง และตั้งจีนผู้นั้นเป็นหลวงอินทคิรีสมบัติ เก็บอากรรังนกส่งเข้าไปยังพระนคร
สะเก็ดพงศาวดารฉบับชาวบ้าน เล่าว่า เมื่อกรุงแตก พ.ศ. ๒๓๑๐ สงขลาก็ย่อมได้รับผลกระทบพอสมควร เพราะเจ้าเมืองอยู่ใต้อำนาจนครศรีธรรมราช ซึ่งตั้งตนเป็นหนึ่งในก๊กอันสำคัญ ดังนั้นเมื่อ พระเจ้าตากยกพลมาพักทัพที่สงขลาใน พ.ศ. ๒๓๑๒ มีผู้คนเข้าเฝ้าถวายตัวจำนวนมาก หนึ่งในนั้นเป็น "ขรัวแป๊ะ" หรือ " ตั้วแป๊ะ" (คำเรียกขานยกย่องคหบดีชาวจีนผู้มั่งคั่งในระดับเศรษฐี) แซ่เฮา หรือหวู ชื่อเหยี่ยง วัย ๕๐ ต้น ๆ ได้จัดทำบัญชีทรัพย์สิน เงินทอง ข้าวของเครื่องใช้ รวมทั้งบุตร-ภรรยา ข้าทาสบริวาร พร้อมยาแดง ๕๐ หีบ ถวายแก่พระเจ้าตากทั้งสิ้น ตั้วแป๊ะขอรับภาระเป็น นายอากรเกาะรังนก เกาะสี่เกาะห้า ในทะเลสาบพัทลุง-สงขลา โดยจะจัดเก็บอากรถวายปีละ ๕๐ ชั่ง ในการนี้พระเจ้าตากทรงรับไว้เพียงยาแดง ๕๐ หีบ และแต่งตั้งให้ขรัวแป๊ะเป็น "หลวงอินทคีรีสมบัติ" นายอากรเกาะรังนก พร้อมกับขอรับบุตรชายคนที่ ๓ ชื่อบุญชิ้น ไปเป็นมหาดเล็ก
"เฮาเหยี่ยง" หลวงอินทคีรีสมบัติ รับภาระนายอากรไม่ขาดตกบกพร่องนำเงินอากรไปประจำสม่ำเสมอ อีก ๒ ปีต่อมาจึงโปรดเกล้าฯ ให้เป็น "หลวงสุวรรณคีรีสมบัติ" เจ้าเมืองสงขลา
ขอขยายความ "ยาแดง" ที่ว่านี้คือยางแดง อันเป็นยาสูบ ยาเส้นที่หั่นฝอยอย่างประณีตตามกรรมวิธีจีน เป็นเส้นฝอยสีน้ำตาลอมแดง ใช้มวนสูบกับกระดาษบาง ๆ หรือใบจากอย่างดี และถ้าพิเศษก็ต้องมวนด้วยกลีบบัวหลวง ผึ่งแดดอ่อน ๆ ไม่ใช่ตากแดด จะให้รสชาติทั้งใบยา-กลีบบัวและเกสรบัว
ยาแดง ก็เสมือนบุหรี่ในยุคนี้ เหมาะสำหรับแจกจ่ายแก่แม่ทัพนายกองในกองทัพ สำนวน "เส้นยาแดงผ่าแปด" ก็มาจากเส้นยาที่ว่านี้
จากบทความเรื่อง
ต้นธารสกุลวงศ์ "ณ สงขลา " จากพ่อค้าชาวจีน สู่เจ้าเมืองสงขลา สืบตระกูลนานกว่า ๓๐๐ ปี