สงครามโลกครั้งที่สอง วันญี่ปุ่นขึ้นบก

[superboy]

การเผชิญหน้าที่บางปู   

หลังได้รับคำสั่งบุกเข้าสู่ประเทศไทยในวันที่ 8 ธันวาคม 2484 เรือลำเลียงซึ่งดัดแปลงมาจากเรือสินค้าญี่ปุ่นชื่อ Sydney Maru ทำการแยกตัวออกจากกองเรือมุ่งตรงมาที่สมุทรปราการ เรือแล่นมาจอดใกล้ชายหาดห่างประภาคารสันดอนประมาณ 7 กิโลเมตร เพื่อปล่อยเรือระบายพลจำนวนหนึ่งตรงมาขึ้นบกที่บางปู อันเป็นสถานตากอากาศใหม่เอี่ยมเพิ่งเปิดให้บริการได้เพียงสองปี

เวลาประมาณ 03.00 น.ทหารญี่ปุ่นจากกองพันที่ 3 กองพลรักษาพระองค์โคโนเอะ สังกัดกองทัพที่ 15 ภายใต้การนำของพันโทโยชิดะ บุกเข้ายึดสะพานสุขตาและพยายามควบคุมตัวพนักงานทั้งหมด โชคดีพนักงานบางคนสามารถเล็ดลอดออกนอกอาคาร พวกเขารีบเดินทางไปแจ้งข่าวต่อนายร้อยตำรวจเอกจินดา โกมลสุต รองผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ

มีคำสั่งให้ตำรวจพร้อมอาวุธประมาณ 20 นายเดินทางมาที่บางปู ระหว่างเส้นทางตำรวจไทยได้เผชิญหน้าทหารญี่ปุ่นจำนวนหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายตั้งแนวรับระหว่างสองฟากถนนเป็นการเร่งด่วน เวลาประมาณ 06.00 น.ทหารญี่ปุ่นนายหนึ่งถือธงขาวเดินเข้ามาขอเจรจา นายร้อยตำรวจตรีสุวิทย์ เอกศิลป์ให้การต้อนรับด้วยตัวเอง ผลการเจรจาประสบความล้มเหลวตามความคาดหมาย ทหารญี่ปุ่นขอผ่านทางแต่ตำรวจไทยยังไม่ได้รับคำสั่งยอมทำตามไม่ได้ 

ต่อมากำลังพลทั้งฝ่ายญี่ปุ่นและฝ่ายไทยตามมาสมทบพวกเดียวกัน ตำรวจสมุทรปราการยกมาทั้งโรงพักโดยมีปืนพกกับปืนเล็กยาวรุ่นเก่าเป็นอาวุธ

เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นท้องฟ้าสว่างมองเห็นหน้ากันชัดเจน คณะผู้แทนรัฐบาลไทยเดินทางมาพบนายร้อยตำรวจเอกจินดา โกมลสุต นายพันเอกหลวงยอดอาวุธ (ฟ้อน ฤทธาคนี) หัวหน้าคณะผู้แทนแจ้งข้อมูลว่า รัฐบาลตัดสินใจให้ทหารญี่ปุ่นเดินทางเข้ากรุงเทพ ตำรวจสมุทรปราการจึงยอมเปิดทางตามคำสั่ง การเผชิญหน้ากันจึงสิ้นสุดลงโดยไม่เกิดความสูญเสีย เป็นแนวรบแรกและแนวรบเดียวที่ไม่มีการปะทะกันด้วยอาวุธ

ภาพประกอบคือสะพานสุขตาที่เรือระบายพลแล่นมาจอดเพื่อส่งทหารญี่ปุ่นขึ้นฝั่ง

[superboy]

แนวรบด้านชายแดนตะวันออก

นอกจากกำลังพลจำนวนมากทีเดินทางมาพร้อมกองเรือ ญี่ปุ่นยังได้จัดเตรียมกำลังพลบางส่วนไว้ในอินโดจีนฝรั่งเศส กองพลรักษาพระองค์โคโนเอะสังกัดกองทัพที่ 15 ภายใต้การนำของพลโททาคูโมะ นิชิมูระประมาณหนึ่งหมื่นนาย พร้อมรถถังยานเกราะชนิดต่างๆ ประมาณ 600 คัน ได้เคลื่อนทัพผ่านจังหวัดพระตะบองซึ่งในเวลานั้นเป็นพื้นที่ประเทศไทย เกิดการปะทะกันกับตำรวจไทยจำนวนไม่กี่นายที่พยายามขัดขวาง ก่อนเดินทางต่อโดยทิ้งกำลังพลส่วนหนึ่งไว้ที่พระตะบองเพื่อดูแลความปลอดภัย เมื่อเคลื่อนทัพผ่านจังหวัดพิบูลสงครามไม่พบการต่อต้านอย่างที่คาดคิด ทหารไทยทุกนายได้รับคำสั่งจากรัฐบาลให้ระงับการต่อสู้ และยอมให้ทหารญี่ปุ่นผ่านทางแม้ขัดกับความรู้สึกในใจ

ข่าวทหารญี่ปุ่นอาจบุกข้ามชายแดนมีมาได้สักพักหนึ่ง เพียงแต่ยังไม่ทราบวันเวลาที่ชัดเจนจึงทำอะไรไม่ถนัด จังหวัดปราจีนบุรีเป็นที่ตั้งค่ายทหารกองพลที่ 2 สามารถส่งกำลังพลออกไปต้านทานทหารญี่ปุ่นได้อย่างรวดเร็ว บังเอิญรัฐบาลไทยตัดสินใจยอมเปิดทางไม่อยากสูญเสียกำลังพล เพราะคาดการณ์ว่าคงต้านทานทหารญี่ปุ่นได้ไม่เกิน 2 วัน เท่ากับว่าแนวรบด้านชายแดนตะวันออกมีความสูญเสียน้อยที่สุด นอกจากตำรวจเสียชีวิตที่จังหวัดพระตะบองจำนวน 2 นาย ก็มีการรบเหนือสนามบินวัฒนานครอีกแห่งเดียวที่ต้องหลั่งเลือดชโลมแผ่นดิน   

[superboy]

ยุทธเวหา 20 ต่อ 3

วันที่ 8 ธันวาคม 2484 เวลาประมาณ 09.00 น. เครื่องบินขับไล่ Ki-27 จากกองบินน้อยที่ 77 จำนวน 11 ลำ และเครื่องบินโจมตี Ki-30 จากกองบินน้อยที่ 31 จำนวน 9 ลำ ทะยานขึ้นจากฐานทัพอากาศญี่ปุ่นแห่งหนึ่งในอินโดจีนฝรั่งเศส เพื่อบุกโจมตีสายฟ้าแลบต่อสนามบินวัฒนานครของประเทศไทย กว่าที่คนในสนามบินจะทันรู้ตัวก็พบเครื่องบินญี่ปุ่นจำนวนมากบินเกาะกลุ่มเข้าใกล้
 
ผู้บังคับบัญชาฝูงบินที่ 43 กองบินผสมที่ 80 ยังไม่คิดยอมแพ้ มีการส่งเครื่องบินขับไล่ บ.ข.10 (ฮอว์ค 3) จำนวน 3 ลำขึ้นไปสกัดกั้นผู้รุกราน นักบินไทยทุกนายพยายามต่อสู้สุดความสามารถ โชคร้ายเครื่องบินปีกสองชั้นรุ่นเก่าไม่อาจต้านทานเครื่องบินขับไล่ Ki-27 ซึ่งมีปีกชั้นเดียวและทันสมัยกว่า สุดท้ายถูกเครื่องบินญี่ปุ่นยิงตกทั้ง 3 ลำนักบินบนเครื่องเสียชีวิตทุกนาย

ยุทธเวหาเหนือน่านฟ้าไทยสิ้นสุดพร้อมการต่อต้านครั้งสุดท้ายฝั่งชายแดนตะวันออก กองพลรักษาพระองค์โคโนเอะเดินทางเข้าไทยได้สำเร็จตามแผนการ ความสูญเสียมีแค่เพียงทหาร 3 นายถูกตำรวจไทยยิงเสียชีวิตพระตะบอง

ภาพประกอบคือเครื่องบินขับไล่ Ki-27 ที่ต่อมาในภายหลังได้กลายเป็นกำลังรบหลักกองทัพอากาศไทย ในการรับมือเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่นใหม่ทันสมัยจากสหรัฐอเมริกา

[superboy]

บทสรุปที่เป็นเพียงการเริ่มต้น

ญี่ปุ่นบุกไทยโดยใช้หลายเส้นทางประกอบไปด้วย ปัตตานี สงขลา นครศรีธรรมราช ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ บางปู (สมุทรปราการ) และอรัญประเทศ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อควบคุมเส้นทางระหว่างมลายู-พม่า รวมทั้งควบคุมทหารและตำรวจของไทยในภาคใต้ทั้งหมด เนื่องจากญี่ปุ่นต้องการใช้ไทยเป็นทางผ่านไปสู่เมืองขึ้นของอังกฤษ จึงไม่บุกโจมตีอย่างหนักเพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติ รวมทั้งต้องการประหยัดอาวุธ ยุทธปัจจัย และกำลังทหารไปในตัว



ญี่ปุ่นใช้พื้นที่ประเทศไทยเป็นสถานที่ควบคุมตัวเชลยสงคราม มีการตัดถนนเพิ่มเพื่อใช้ในการขนส่ง มีการสร้างทางรถไฟหรือซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย ญี่ปุ่นยังต้องการใช้ไทยเป็นที่พักทหารซึ่งกลับจากแนวหน้า รวมทั้งใช้เป็นสถานที่รักษาตัวทหารซึ่งได้รับบาดเจ็บ ญี่ปุ่นจึงพยายามควบคุมกำลังพลไม่ให้มีเรื่องกระทบกระทั่งกับคนไทย เพราะไม่ต้องการให้คนไทยเกิดการต่อต้านในวงกว้าง จนอาจส่งผลกระทบต่อการรบกับทหารฝ่ายสัมพันธมิตรที่มลายู พม่า และอินเดีย

ปฏิบัติการยกพลขึ้นบกประเทศไทยเป็นไปตามแผนการ มีความสูญเสียเกิดขึ้นเช่นกันแต่อยู่ในวงจำกัด เป้าหมายหลักของญี่ปุ่นไม่ใช่การยึดครองแต่เป็น ‘วงศ์ไพบูลย์มหาเอเชียบูรพา’

-The End-

[superboy]

สงครามโลกครั้งที่สอง วันญี่ปุ่นขึ้นบก จบลงตรงคำว่า ‘วงศ์ไพบูลย์มหาเอเชียบูรพา’ ผมขอเปลี่ยนสถานะเป็นคนอ่านอย่างเดียวสักสิบกว่าวันนะครับ

[Naris]

กราบสวัสดีอาจารย์ทุกๆท่าน และสวัสดีท่าน Superboy ครับ แวะเข้ามาอ่านความรู้ครับ 

[superboy]

กราบสวัสดีอาจารย์ทุกๆท่าน และสวัสดีท่าน Superboy ครับ แวะเข้ามาอ่านความรู้ครับ 

คุณนริสมาไม่ทันสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ส่วนสงครามโลกครั้งที่สองก็จบพอดี สงสัยรถติดอยู่ที่สี่แยกสาทร

[เทาชมพู]

เข้ามาทักทายคุณนริศค่ะ    ไม่มีเรื่องกฎหมายมาเล่าสู่กันฟังบ้างหรือคะ

[CVT]

สงครามโลกครั้งที่สอง วันญี่ปุ่นขึ้นบก จบลงตรงคำว่า ‘วงศ์ไพบูลย์มหาเอเชียบูรพา’ ผมขอเปลี่ยนสถานะเป็นคนอ่านอย่างเดียวสักสิบกว่าวันนะครับ

ขอบคุณที่พยายามรวบรวมหลายเหตุการณ์มาให้ได้อ่านกันครับ

[เทาชมพู]

ตามท้ายอาจารย์หมอ CVT  เข้ามาขอบคุณค่ะ

[superboy]

ขอบอาจารย์หมอ CVT กับอาจารย์เทาชมพูมากครับ 

เรื่องราวสงครามโลกครั้งที่สองยังไม่จบนะครับ ผมจะกลับมาลงข้อมูลอีกครั้งเมื่อทุกอย่างพร้อม

[superboy]

คุยกันเล็กน้อย

ผมเขียนบทความสงครามโลกครั้งที่สองจบแล้วจำนวนสองตอนประกอบไปด้วย

1.สงครามโลกครั้งที่สอง วันระเบิดลง โดยใช้ฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นตัวเดินเรื่อง อ่านได้จากลิงก์ด้านล่าง

https://www.reurnthai.com/index.php?topic=7411.0


2.สงครามโลกครั้งที่สอง วันญี่ปุ่นขึ้นบก โดยใช้ทหารไทยเป็นตัวเดินเรื่อง อ่านได้จากกระทู้นี้

https://www.reurnthai.com/index.php?topic=7450.0


เพื่อความเป็นธรรม…บทความตอนต่อไปผมจะใช้ญี่ปุ่นเป็นตัวเดินเรื่อง ทีแรกตั้งใจแยกไปตั้งกระทู้ใหม่ไม่ให้ปะปนเรื่องราวทหารไทย เพียงแต่ไม่มั่นใจว่าตัวเองเขียนได้ยาวแค่ไหนหรือออกทะเลมากเกินไป จึงตัดสินใจเขียนต่อในกระทู้นี้โดยใช้ชื่อตอนว่า ‘สงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นในไทย’ เป็นเรื่องราวหลังญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกประเทศไทย ไล่ไปจนถึงวันที่ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ต่อฝ่ายสัมพันธมิตร

ตามอ่านกันนะครับว่ามุมมองญี่ปุ่นแตกต่างจากเรามากน้อยแค่ไหน

[superboy]

สงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นในไทย

วันที่ 8 ธันวาคม 2484 เวลาประมาณ 2.00 น.กองทัพญี่ปุ่นเปิดฉากบุกประเทศไทย มลายู ฮ่องกง และฟิลิปปินส์ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน มีการปะทะกันระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่รัฐบาลไทยจะมีคำสั่งให้ทหารทุกนายวางอาวุธ ยอมให้ญี่ปุ่นใช้เป็นทางผ่านเพื่อป้องกันการเสียเลือดเนื้อทั้งสองฝ่าย

วันที่ 21 ธันวาคม 2484 รัฐบาลไทยทำพิธีลงนามร่วมเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น ทำเป็นข้อตกลงตามวิถีการทูตใช้ชื่อว่า ‘กติกาสัญญาพันธมิตรระหว่างไทยกับญี่ปุ่น’

วันที่ 16 มกราคม 2485 กองทัพญี่ปุ่นเริ่มต้นบุกพม่าหลายเส้นทาง โดยใช้กำลังพลส่วนหนึ่งบุกเข้ายึดเกาะสองหรือวิคตอเรีย พอยต์ เพื่อใช้เป็นฐานทัพอากาศในการบุกกรุงย่างกุ้ง กำลังพลอีกส่วนใช้เส้นทางรถไฟสายหนองปลาดุก-ด่านเจดีย์สามองค์ และเส้นทางรถยนต์สายเชียงใหม่-ตองอูซึ่งเป็นทางเกวียนแคบๆ ลัดเลาะไปตามภูเขาในการเคลื่อนพลเข้าสู่พม่า

วันที่ 25 มกราคม 2485 รัฐบาลไทยประกาศสงครามกับสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2485 สิงคโปร์ยอมจำนนต่อญี่ปุ่นแบบไม่มีเงื่อนไข

วันที่ 9 มีนาคม 2485 กองทัพญี่ปุ่นยึดกรุงร่างกุ้งได้อย่างเด็ดขาด กำลังทหารอังกฤษกับเนเธอร์แลนด์พากันถอยร่นเข้าสู่อินเดีย ญี่ปุ่นยังวางแผนใช้กำลังพลบางส่วนเปิดฉากบุกทิศตะวันตก เพื่อยึดครองพื้นที่สำคัญในเมืองอิมปาลและโคฮิมาของอินเดีย

ปฏิบัติการทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการขยายแผนการสถาปนา ‘ระเบียบใหม่ในเอเชียตะวันออก’ ให้กลายเป็น ‘วงศ์ไพบูลย์มหาเอเชียบูรพา’ หรือ ‘Greater East Asia Co-Prosperity Sphere’ ส่งผลให้เกิดคำถามตามมามากมาย ทำไมญี่ปุ่นตัดสินใจทำสงครามใหญ่ระดับโลก กินพื้นที่ตั้งแต่ทวีปเอเชียไปจนถึงทวีปออสเตรเลีย ทำไมคนในชาติถึงเห็นดีเห็นงามกับทหารสายเหยี่ยว พวกเขาคิดอะไรกันแน่ หรือว่าพวกเขาอยากเป็นประเทศมหาอำนาจ เมื่อเป็นแล้วญี่ปุ่นจะได้อะไรกลับคืน แท้จริงแล้วญี่ปุ่นอยากเข้ามาแทนที่ชาติมหาอำนาจเดิมใช่หรือไม่ บทความนี้จะให้ข้อมูลที่ถูกต้องเหมาะสมเกี่ยวกับทหารญี่ปุ่นในเมืองไทย โดยไม่ตัดสินว่าใครเป็นอะไรใครไม่เป็นอะไรใครทำผิดหรือใครทำถูก

[superboy]

กำเนิดพายุกามิกาเซ่

ก่อนหน้านี้ประเทศญี่ปุ่นถูกปกครองโดยทหารและกลุ่มชนชั้นสูง ซึ่งต้องการขับไล่อิทธิพลชาติตะวันตกออกจากเอเชียอาคเนย์ แล้วให้คนที่ตัวเองคุ้นเคยเข้าปกครองประเทศต่างๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงได้กำหนดนโยบายสำคัญที่มีชื่อว่า ‘วงไพบูลย์ร่วมกันแห่งมหาเอเชียบูรพา’ เมื่อฝรั่งเศสพ่ายแพ้ต่อเยอรมันในสงครามโลกที่ทวีปยุโรป ญี่ปุ่นฉวยโอกาสทองขยายอำนาจเข้าสู่อินโดจีน มีการจัดตั้งกระทรวงกิจการมหาเอเชียบูรพา (Ministry of Great East Asia Affairs) ขึ้นมา เพื่อกระชับอำนาจและดูแลประเทศในวงไพบูลย์ให้แนบแน่นมากกว่าเดิม

วงไพบูลย์ร่วมกันแห่งมหาเอเชียบูรพาช่วยให้ญี่ปุ่นได้รับผลประโยชน์หลายประการ อาทิเช่นใช้เป็นฐานทัพสำหรับดำเนินการรบ เป็นตลาดขนาดใหญ่ในการจัดจำหน่ายสินค้า เป็นอู่ข้าวอู่น้ำสำหรับพลเมืองญี่ปุ่นที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี รวมทั้งการเข้าถึงทรัพยากรตามธรรมชาติของทุกประเทศ

ย้อนเวลากลับไปประมาณ 100 ปีหลังสิ้นสุดสงครามฝิ่น ทวีปเอเชียตกอยู่ภายใต้การปกครองอังกฤษ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกาที่เริ่มขยายอำนาจมากขึ้น คนเอเชียจำนวนมากเกิดความไม่พอใจเรื่องถูกกดขี่ข่มเหง ทุกชาติต้องการปลดแอกให้ตัวเองมีเอกราชและเสรีภาพ ญี่ปุ่นได้แอบติดต่อผู้นำชาติเหล่านั้นแบบเงียบๆ ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายต่อต้านมีความนิยมแต่ไม่มีกำลังทหารในมือ เมื่อทหารญี่ปุ่นบุกเข้ายึดครองพื้นที่เป็นที่เรียบร้อย บรรดาผู้นำเหล่านั้นจะได้รับการจัดตั้งเป็นรัฐบาล

ทำไมประเทศไทยเข้าร่วมวงศ์ไพบูลย์มหาเอเชียบูรพา เกี่ยวข้องกับการเมืองภายในประเทศหรือไม่ หรือเป็นเพราะเราคือมหามิตรของญี่ปุ่น หรือเป็นเพราะเราอยากเป็นประเทศมหาอำนาจ

จุดเริ่มต้นมาจากวันที่ 24 มิถุนายน 2475 เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประเทศไทย จนนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยคณะราษฎรทั้งสายทหารและสายพลเรือน ภายใต้การปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข เมื่อคณะราษฎรบริหารประเทศได้เพียงไม่กี่เดือน คณะผู้นำใหม่ถอดด้ามได้สร้างความประหลาดใจครั้งใหญ่ระดับโลกเป็นครั้งแรก

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2476 ในการประชุมสมัชชาใหญ่เฉพาะกาลสันนิบาตชาติ ที่กรุงเจนีวาประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีการโหวตให้ญี่ปุ่นถอนตัวจากแมนจูเรีย (ญี่ปุ่นส่งทหารเข้ารุกรานแมนจูเรียตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2474) ผลการลงคะแนนอยู่ที่ 42 ต่อ 1 ตามความคาดหมาย ญี่ปุ่นไม่ทำตามและขอถอนตัวจากสันนิบาตชาติตามความคาดหมาย สันนิบาตชาติเป็นเพียงเสือกระดาษตามความคาดหมาย ทว่ามีเหตุการณ์หนึ่งอยู่เหนือความคาดหมายนั่นก็คือ ผู้แทนจากประเทศไทยเป็นเพียงชาติเดียวที่ขอสละสิทธิ์การลงคะแนน

จากนั้นเป็นต้นมาความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับไทยพุ่งสู่ระดับดีเยี่ยม มีการลงทุนในไทยโดยพ่อค้าชาวญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น การค้าขายระหว่างประเทศเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ญี่ปุ่นขึ้นมาเทียบชั้นอังกฤษซึ่งมีกิจการมากมายในประเทศไทย รวมทั้งพ่อค้าชาวจีนที่ผูกขาดตลาดล่างมาเนิ่นนาน

[superboy]

ความสัมพันธ์เจริญรุ่งเรือง

นับตั้งแต่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศไทย ธุรกิจเอกชนญี่ปุ่นจำนวนมากเข้ามาลงทุนตั้งรกรากในประเทศไทย เริ่มต้นจากบริษัทมิตซุย (MITSUI BUSSAN KABUSHIKIGAISHA) และบริษัทมิตซูบิชิ (MITSUBISHI SHOJI KABUSHIKIGAISHA) เปิดสาขาในกรุงเทพใกล้เคียงกัน ตามด้วยบริษัทโยโกฮาม่า (YOKCHAMA SEIKIN KINKO) เปิดสาขาในกรุงเทพในอีกสองปีถัดไป ญี่ปุ่นยังขอกู้เงินจากรัฐบาลไทยจำนวน 35 ล้านบาทเพื่อซื้อวัตถุดิบอาทิเช่นดีบุกหรือยางพารา โดยยื่นข้อเสนอนำทองคำค้ำประกันจากธนาคารญี่ปุ่นมาจัดเก็บในไทย ให้เหตุผลว่าทรัพย์สินญี่ปุ่นในประเทศมหาอำนาจและประเทศอาณานิคมถูกอายัดอย่างผิดกฎหมาย

การเข้ามาของญี่ปุ่นตรงกับแนวคิดชาตินิยมนายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งพยายามเสริมกำลังทหารทุกเหล่าทัพให้เข้มแข็งกว่าเดิม ปี 2478 กองทัพเรือไทยจัดซื้อเรือรบชนิดต่างๆ จำนวน 11 ลำ เครื่องบินทะเลจำนวน 6 ลำ และอาวุธชนิดอื่นจำนวนมากจากญี่ปุ่น นำมาใช้ป้องกันประเทศจากภัยคุกคามที่ร้อนระอุมากขึ้นทุกวัน เป็นโครงการจัดหาอาวุธที่ใหญ่โตที่สุด ใช้งบประมาณมากที่สุด มีความสำคัญมากที่สุด และกินเวลายาวนานมากที่สุดของประเทศไทย

ก่อนเกิดสงครามใหญ่ในทวีปเอเชียเพียงไม่กี่เดือน คนญี่ปุ่นในไทยจำนวนหนึ่งขับร้องเพลงแต่งขึ้นเองในงานบันเทิงกลางพระนคร เนื้อเพลงเกี่ยวข้องกับการฉลองชัยปีที่ 2,600 ของการก่อตั้งญี่ปุ่น แล้วโยงมาถึงความสัมพันธ์อันดีงามกับประเทศไทย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคล้ายเป็นการบ่งบอกทุกคนว่า อีกไม่ช้าไม่นานญี่ปุ่นจะทำสงครามขนาดใหญ่ประกาศศักยภาพตัวเอง
 
ทำไมญี่ปุ่นถึงได้ท้าตีท้าต่อยไปทั่วโลก ขอนำผู้อ่านมายังหนังสือเรียนระดับประถมศึกษา ภาพการ์ตูนภาพแรกมาจากหนังสือเล่มหนึ่ง อธิบายมุมมองที่มีต่ออุดมการณ์บวกความตั้งใจได้เป็นอย่างดี ในภาพแสดงแผนที่ทวีปเอเชียแปซิฟิกก่อนเกิดสงคราม ตกอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกามากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ กลางภาพค่อนมาทางซ้ายมือจะเห็นธงไตรรงค์ของประเทศไทย โบกสะบัดท่ามกลางธงยูเนี่ยนแจ๊คของอังกฤษและธงสามสีของฝรั่งเศส แสดงให้เห็นถึงการรุกรานประเทศต่างๆ เพื่อหาผลประโยชน์จากประเทศมหาอำนาจ



ภาพถัดมาแสดงแผนที่ทวีปเอเชียแปซิฟิกหลังสงครามสิ้นสุด ทหารญี่ปุ่นเปรียบได้กับวีรบุรุษขับไล่ผู้รุกรานตกทะเลจนหมดสิ้น ธงฮิโนะมะรุโบกสะบัดไปมาทั่วทั้งทวีปเอเชีย วงศ์ไพบูลย์มหาเอเชียบูรพาถือกำเนิดขึ้นมานับแต่วันนั้น ความสงบสุขอันเป็นนิรันดร์กลับคืนสู่มาตุภูมิอย่างแท้จริง


 
นี่คือการปลูกฝังเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้มีความคิดคล้อยตามกัน ทหารญี่ปุ่นจำเป็นต้องจับอาวุธลุกขึ้นสู้อย่างห้าวหาญ เพื่อปลดแอกทวีปเอเชียจากประเทศมหาอำนาจซึ่งเข้ามาตักตวงผลประโยชน์ และทำได้ดีจนกองทัพญี่ปุ่นมีความเข้มแข็งได้รับการสนับสนุนจากทุกคนในชาติ