เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 8
  พิมพ์  
อ่าน: 21306 สงครามโลกครั้งที่สอง วันญี่ปุ่นขึ้นบก
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 45  เมื่อ 06 ต.ค. 24, 08:36

หยุดยิงชั่วคราว   

    เวลาประมาณ 07.30 น.รัฐบาลไทยมีคำสั่งหยุดยิงชั่วคราวเพื่อรอผลการเจรจา โชคร้ายคำสั่งไม่มีผลกับการรบที่ท่าแพเพราะอยู่ในช่วงติดพัน ทหารญี่ปุ่นจำนวนมากวิ่งเข้าใส่อย่างบ้าบิ่น โดยมีเรือคุ้มกันช่วยยิงปืนใหญ่เรือสนับสนุนภาคพื้นดิน โรงเรือนค่ายวชิราวุธถูกกระสุนปืนใหญ่ถล่มจนหลังคาเปิด ส่วนปืนใหญ่ไทยจาก ป.พัน 13 ก็ระดมยิงใส่ทหารญี่ปุ่นตลอดเวลา ถึงตอนนี้แนวปะทะระหว่างทหารสองฝ่ายกินพื้นที่มาถึงถนนราชดำเนินไม่ไกลจากค่ายวชิราวุธ

การสู้รบมีความรุนแรงหนักหน่วงตลอดเวลา ความสูญเสียมีมากขึ้นด้วยกันทั้งสองฝ่าย แนวรบถนนราชดำเนินหน้าค่ายวชิราวุธเป็นจุดปะทะที่ดุเดือดมากที่สุด เพราะมีการรบระยะประชิดระหว่างดาบปลายปืนทหารไทยกับซามูไรทหารญี่ปุ่น

   บนท้องฟ้าปรากฏเครื่องบินรบญี่ปุ่นจำนวนหนึ่ง บางลำปักหัวลงต่ำแต่ไม่ได้โจมตีใส่ทหารไทย คาดว่าทำหน้าที่ชี้เป้าให้กับเรือคุ้มกัน Shimushu เพื่อใช้ปืนใหญ่เรือขนาด 120/45 มม.จำนวน 3 กระบอกบนเรือยิงถล่มที่มั่นทหารไทย เมื่อกำลังพลทหารญี่ปุ่นเข้าใกล้ค่ายวชิราวุธมากกว่าเดิม ยุวชนทหารประจำการอยู่แนวป้องกันท้ายสุดจำนวน 30 คน จำเป็นต้องเข้าสู่การรบปะทะกับทหารญี่ปุ่นอย่างเลี่ยงไม่ได้

   เวลาประมาณ 11.00 น.พระสาครบุรานุรักษ์ข้าหลวงประจำจังหวัด นำโทรเลขจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มาส่งมอบให้กับผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 6 ข้อความในโทรเลขเขียนว่า ‘หยุดรบ ปล่อยให้ญี่ปุ่นผ่านได้’ และนำโทรเลขจากจอมพลป.พิบูลสงคราม มาส่งมอบในคราวเดียวกัน ข้อความในโทรเลขเขียนว่า ‘ให้ระงับการต่อต้านปล่อยให้ญี่ปุ่นผ่านไป ขณะนี้รัฐบาลกำลังเจรจา’

   ทั้งสองฝ่ายได้แต่งตั้งคณะผู้เจรจามาตกลงกันตรงถนนหน้าค่ายวชิราวุธ ขณะเฝ้ารอมีการกระทบกระทั่งระหว่างทหารสองฝ่ายบ่อยครั้ง ก่อนลุกลามบานปลายขยายตัวจนเกิดการตะลุมบอน กระทั่งเวลาประมาณ 14.00 น.ไทยกับญี่ปุ่นจึงสามารถทำข้อตกลงร่วมกันสำเร็จ




บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 46  เมื่อ 06 ต.ค. 24, 08:38

หลังญี่ปุ่นเข้าเมืองคอน

ที่นครศรีธรรมราชเกิดความสูญเสียมากเป็นอันดับสาม ทหารค่ายวชิราวุธเสียชีวิต 40 นาย ชาวบ้านเสียชีวิต 5 นาย ทหารญี่ปุ่นเสียชีวิตไม่ทราบจำนวนแต่คาดว่าสูงพอสมควร หลังการเจรจาทหารญี่ปุ่นเข้ายึดครองค่ายวชิราวุธ อาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหมด รวมทั้งสนามบินซึ่งต้องการมากที่สุด ทหารไทยทุกนายพร้อมครอบครัวต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นภายในวันนั้น

   เนื่องจากทหารญี่ปุ่นทุกนายพักอาศัยอยู่ในค่ายวชิราวุธ จะออกมาซื้ออาหารเฉพาะช่วงเช้ากับเย็นเท่านั้น คนเมืองคอนส่วนใหญ่แทบไม่ได้รับผลกระทบจากสงคราม นอกจากเรื่องข้าวยากหมากแพงซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การกระทบกระทั่งระหว่างสองฝ่ายแทบไม่ปรากฏ เพราะมีคำสั่งห้ามทหารญี่ปุ่นเข้ามาวุ่นวายสาวไทยเด็ดขาด ทางกองทัพได้นำผู้หญิงตัวเองมาบริการถึงในค่าย มีคดีความระหว่างคนไทยกับทหารญี่ปุ่นเกิดขึ้นค่อนข้างน้อย และมีการตัดสินอย่างเด็ดขาดและยุติธรรมโดยไม่เลือกฝ่าย

   เมื่อมหาเอเชียบูรพาทวีความดุเดือดมากกว่าเดิม สนามบินถูกขยายให้มีขนาดใหญ่โตมากขึ้นตามกัน นายทหารญี่ปุ่นทำหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างด้วยตัวเอง ภายหลังมีเครื่องบินรบญี่ปุ่นนับร้อยลำมาจอดพักเพื่อเติมน้ำมันหรือซ่อมบำรุง เมื่อเครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรเริ่มปฏิบัติการทิ้งระเบิดในประเทศไทย ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินหรือคนเมืองคอนมีน้อยมาก เนื่องจากเป้าหมายสำคัญอยู่ในค่ายวชิราวุธซึ่งแยกตัวออกไปจากเมืองถึงเจ็ดกิโลเมตร

ภาพประกอบคือทหารญี่ปุ่นในคลองท่าแพ



บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 47  เมื่อ 07 ต.ค. 24, 08:08

หลั่งเลือดที่สุราษฎร์ฯ

สุราษฎร์ธานีหรือสุราษฎร์ฯ อยู่ภาคใต้ตอนบนฝั่งตะวันออก มีพื้นที่ขนาดใหญ่อันดับ 6 ของประเทศ ภูมิประเทศค่อนข้างหลากหลายประกอบไปด้วย ที่ราบสูง ภูเขา และที่ราบชายฝั่ง มีพื้นที่ชายฝั่งติดอ่าวไทยมากพอสมควร มีหมู่เกาะน้อยใหญ่มากถึง 108 เกาะ แต่สุราษฎร์ธานีไม่ใช่จุดยุทธศาสตร์สำคัญ ไม่มีการตั้งค่ายทหารจึงน่าจะปลอดภัยจากการรุกรานของญี่ปุ่น

ศูนย์กลางของเมืองศรีวิชัยในอดีตมีแม่น้ำตาปีไหลผ่านกลางจังหวัด ต่อมาเมื่อรัฐบาลไทยสร้างทางรถไฟสายใต้ในปี 2449 จึงได้มีการก่อสร้างสะพานจุลจอมเกล้าที่ตำบลท่าข้าม เป็นสะพานเหล็กขนาดใหญ่มีเพียงทางรถไฟกับทางคนเดิน สะพานแห่งนี้คือมูลเหตุสำคัญที่ญี่ปุ่นต้องบุกสุราษฎร์ธานี เพราะเป็นจุดเชื่อมโยงการเดินทางด้วยรถไฟไปยังมลายู ถ้าพวกเขายึดครองไม่ได้การลำเลียงทหารและยุทธปัจจัยย่อมทำไม่ได้ตามกัน แผนการทั้งหมดอาจล่าช้าไม่ก็ประสบความล้มเหลว

แม่ทัพทหารญี่ปุ่นจึงวางแผนยกพลขึ้นบกที่สุราษฎร์ธานี และตั้งค่ายทหารบริเวณริมสะพานจุลจอมเกล้า เพื่อควบคุมการลำเลียงพลไปยังมลายูหรือส่งกำลังทหารย้อนกลับมาช่วยพม่า


 
บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 48  เมื่อ 07 ต.ค. 24, 08:09

สุราษฎร์ธานีไม่แตกต่างจากเป้าหมายอื่นทั่วภาคใต้ จารชนญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งแฝงตัวเข้ามาในอยู่ร่วมกับคนในพื้นที่ เพื่อสืบหาข่าวสารสำคัญ จัดทำแผนที่โดยรวม กำหนดจุดยกพลขึ้นฝั่ง สืบหาข้อมูลทางทหารทั้งหมด ตีสนิทบุคคลสำคัญในจังหวัด รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการเจรจาระหว่างสองฝ่าย ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งเปิดร้านขายจานชามกระเบื้องอยู่ที่บ้านดอน และได้แต่งงานกับสาวไทยมีบุตรด้วยกันจำนวนสองคน เพราะเป็นคนมีอัธยาศัยไมตรีจึงเป็นที่รู้จักของคนสุราษฎร์ฯ ทั้งเมือง โดยไม่รู้ตัวสักนิดผู้ชายใจดีคนนี้แท้จริงแล้วเป็นแนวที่ห้าชื่อพันตำรวจโทนาคากาวา ยูโก

   วันที่ 8 ธันวาคม 2484 เวลาประมาณ 06.30 น.เรือระบายพลติดธงญี่ปุ่นจำนวน 2 ลำพร้อมทหารเต็มลำแล่นเข้ามาในแม่น้ำตาปี เมื่อเรือจอดเทียบท่าทหารญี่ปุ่นทั้งหมดเคลื่อนพลตรงมาที่ศาลากลาง โดยมีพ่อค้าขายจานแต่งชุดทหารญี่ปุ่นเดินนำอยู่ที่หัวขบวน ข่าวทหารญี่ปุ่นบุกสุราษฎร์ฯส่งถึงทางการไทยอย่างรวดเร็ว ตำรวจพร้อมอาวุธครบมือจำนวนหนึ่งได้รับคำสั่งสั่งให้เตรียมพร้อมรับมือ มีการตั้งจุดสกัดที่ท่าน้ำศาลากลางจังหวัดกับถนนด้านหลังศาลากลางจังหวัดรวมสองจุด

ตำรวจสุราษฎร์ฯยืนอยู่ริมแม่น้ำตาปี


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 49  เมื่อ 07 ต.ค. 24, 08:11

ปืนพกปะทะปืนกล

เวลาประมาณ 07.30 น.นายพันตำรวจโท หลวงประภัศร์ เมฆะวิภาต ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และนายร้อยตำรวจเอก ขุนวารินทร์สัญจรซึ่งมีตำแหน่งรองผู้กำกับ เข้าไปเจรจากับนายทหารญี่ปุ่นโดยมีพ่อค้าจานชามเป็นล่าม ต่อมาไม่นานเมื่อการพูดคุยประสบความล้มเหลว การปะทะกันด้วยอาวุธจึงได้ตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

ผู้รุกรานเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงใส่ตำรวจไทยอย่างดุเดือด พร้อมกับเคลื่อนพลบุกเข้ายึดสถานที่สำคัญประกอบไปด้วย ท่าเรือ ที่ทำการไปรษณีย์โทรเลข และศาลากลางจังหวัด นายพันตำรวจโท หลวงประภัศร์ถูกกระสุนปืนทหารญี่ปุ่นได้รับบาดเจ็บรายแรก ต้องนำตัวไปส่งสุขศาลาไม่ได้อยู่บัญชาการลูกน้องต่อสู้กับผู้รุกราน

กำลังฝ่ายไทยประกอบไปด้วย ตำรวจภูธร ลูกเสือในเครื่องแบบ ราษฎรอาสาสมัคร รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ อาวุธประกอบไปด้วยปืนเล็กยาวกับปืนพกจำนวนหนึ่ง ต้องต่อสู้กับทหารญี่ปุ่นพร้อมอาวุธครบมือจำนวนมาก เนื่องจากกำลังพลชำนาญการรบน้อยกว่า บวกอาวุธมีจำนวนน้อยกว่า ประสิทธิภาพในการต่อสู้ย่อมน้อยกว่าฝ่ายตรงข้าม โชคดีเหลือเกินเช้าวันนั้นฝนตกอย่างหนักแทบมองอะไรไม่เห็น ไม่เช่นนั้นความสูญเสียกำลังพลฝ่ายไทยอาจมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว

ระหว่างเข้าปะทะนายฝาก มิตรภักดี ปลัดเทศบาลส่งคนไปโทรเลขที่อำเภอท่าข้าม (อำเภอพุนพินในปัจจุบัน) เพื่อขอกำลังเสริมจากทหารค่ายค่ายวชิราวุธซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด หนึ่งชั่วโมงให้หลังชายผู้นั้นกลับมารายงานว่า นครศรีธรรมราชไม่สามารถส่งทหารมาช่วยได้ เนื่องจากขณะนี้กำลังปะทะกับทหารญี่ปุ่นจำนวนมาก เท่ากับว่าตำรวจและคนสุราษฎร์ฯ ต้องปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนด้วยตัวเอง

ผ่านไปไม่นานสถานที่สำคัญหลายแห่งถูกญี่ปุ่นยึดครอง เหลือเพียงจุดสกัดติดศาลากลางอันเป็นสมรภูมิที่มีการรบหนักหน่วงมากที่สุด ระหว่างนั้นศาลากลางเกิดไฟไหม้อย่างรุนแรงคาดว่ามีคนจุดไฟเผาเอกสารสำคัญ กระทั่งเวลาประมาณ 13.00 น.สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยได้ประกาศว่า รัฐบาลไทยให้ทหารญี่ปุ่นเคลื่อนกำลังผ่านประเทศได้ รวมทั้งมีโทรเลขสั่งให้หยุดยิงส่งมาจากรัฐบาล การปะทะกันใจกลางเมืองสุราษฎร์ธานีจึงได้สิ้นสุดในเวลาต่อมา

ความสูญเสียที่เกิดขึ้นประกอบไปด้วย ตำรวจเสียชีวิต 17 นาย ข้าราชการเสียชีวิต 5 คน ประชาชนเสียชีวิต 20 คน บาดเจ็บรวมทั้งสิ้น 62 คน ทหารญี่ปุ่นเสียชีวิตและบาดเจ็บไม่ทราบจำนวน
ญี่ปุ่นเข้ามาตั้งค่ายทหารหลายจุดอาทิเช่น  ริมสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำตาปี  สวนยางพาราที่ท่าข้าม และท่าน้ำสวนสราญรมย์ เพื่อควบคุมและป้องกันเส้นทางรถไฟมุ่งตรงไปยังมลายู จึงแทบไม่มีเรื่องกระทบกระทั่งกับคนไทยในจังหวัดสุราษฎร์ธานี

ไฟไหม้ศาลากลางจังหวัด


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 50  เมื่อ 08 ต.ค. 24, 09:56

ยุวชนทหารที่ชุมพร   

ชุมพรมีการจัดตั้งค่ายทหาร ร.พัน 38 พร้อมกับจังหวัดอื่น ที่ตั้งกองพันอยู่เลยสี่แยกปฐมพร ถนนสายชุมพร-ระนอง ห่างจากตัวเมืองชุมพรประมาณ 16 กิโลเมตร กำลังพลมีหนึ่งกองร้อยปืนกลเบา หนึ่งกองร้อยปืนกลหนัก หนึ่งหมวดพลาธิการ และหนึ่งกองร้อยปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานซึ่งมีแต่ปืนกับผู้บังคับบัญชา ยังไม่มีกำลังพลประจำกองร้อยเพราะอยู่ระหว่างรอการบรรจุ

ชุมพรก็เป็นเหมือนดั่งจังหวัดอื่นคือเต็มไปด้วยจารชนต่างชาติ คนญี่ปุ่นเข้ามาเปิดร้านค้า ร้านถ่ายรูป ร้านตัดผม หรือร้านหมอฟัน บางคนมาอยู่นานจนกลมกลืนไปกับคนไทย มีเวลาว่างคนญี่ปุ่นมักเดินมาเที่ยวสำรวจชายหาด ไม่ก็เช่าเรือออกไปตกปลาบังหน้าเพื่อวัดระดับน้ำตื้นลึกของอ่าวและร่องน้ำ จัดเก็บข้อมูลทั้งหมดส่งให้กับกองทัพญี่ปุ่นโดยที่คนชุมพรไม่เอะใจแม้สักนิดเดียว

ร.พัน 38 มีการเตรียมพร้อมรับมือทหารญี่ปุ่นล่วงหน้าเช่นกัน เพียงแต่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงไม่คาดคิดว่าญี่ปุ่นจะยกพลขึ้นบก เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่อาจส่งผลให้การทำภารกิจประสบความล้มเหลว และคาดการณ์ว่าญี่ปุ่นอาจบุกชุมพรจากทางกระบุรีมากกว่าอ่าวไทย จึงส่งกำลังพลส่วนหนึ่งมาตั้งด่านสกัดบริเวณกิโลเมตรที่ 22 ทางหลวงสายชุมพร-กระบุรี

วันที่ 8 ธันวาคม 2484 เรือลำเลียงพลญี่ปุ่นจำนวนสองลำแล่นเข้ามาในอ่าวชุมพร เพื่อทำภารกิจยกพลขึ้นบกพร้อมจุดอื่นทั่วประเทศไทย บังเอิญเกิดฝนตกอย่างหนักการเดินทางล่าช้ากว่ากำหนดการ รวมทั้งเกิดความผิดพลาดบ้านคอสนและบ้านแหลมซึ่งเป็นจุดขึ้นฝั่ง อยู่ในช่วงน้ำลดเรือระบายพลแล่นมาจอดเทียบชายหาดไม่ได้ ทหารญี่ปุ่นต้องเดินลุยโคลนระยะทางยาวไกลด้วยความยากลำบาก กว่าจะรวมพลสำเร็จตามแผนการก็ปาเข้าไปช่วงเช้าไม่มีความมืดช่วยบดบัง


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 51  เมื่อ 08 ต.ค. 24, 09:57

ทหารญี่ปุ่นกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 14 ที่ขึ้นฝั่งบ้านแหลมเคลื่อนพลมาทางทิศตะวันตก ทหารญี่ปุ่นที่ขึ้นฝั่งบ้านคอสนเคลื่อนพลมาตามทิศใต้ ตามแผนการสองทัพจะมารวมตัวที่สะพานท่านางสังข์เพื่อเข้าสู่ตัวเมืองชุมพร แต่เนื่องมาจากเกิดความล่าช้าระหว่างการเดินทาง ส่งผลให้ชาวบ้านในพื้นที่เห็นความผิดปรกติและส่งคนมารายงานต่อทางการไทย

หลวงจรูญประศาสน์ (จรูญ คชภูมิ) ข้าหลวงประจำจังหวัดชุมพร ทราบข่าวญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกเวลาประมาณ 6.30 น.จึงรีบแจ้งข่าวให้กับนายพันตรี ขุนเอกสิงห์สุรศักดิ์ (เชิด  เอกสิงห์) ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 38 และนายร้อยเอก ถวิล นิยมเสน ผู้บังคับหน่วยฝึกยุวชนทหารที่ 52 รับทราบ

วันนั้นทหาร ร.พัน 38 เดินทางไปฝึกภาคสนามที่สนามบินทับไก่ห่างจากค่าย 2 กิโลเมตร เท่ากับว่ากำลังพลส่วนใหญ่อยู่ห่างตัวเมืองถึง 18 กิโลเมตร ทันทีที่ทราบข่าวนายพันตรี ขุนเอกสิงห์สุรศักดิ์ให้ทหารจำนวนหนึ่งพร้อมอาวุธหนักปืนกลเบาแบบ 66 หรือปืนกลแมดเสนขนาด 8 มม.จำนวน 9 กระบอกเดินทางล่วงหน้าไปก่อน แต่กว่าทหารไทยจะเดินทางไปถึงทหารญี่ปุ่นคงยึดเมืองชุมพรเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้นกำลังพลส่วนอื่นต้องทำหน้าที่ปกป้องดินแดนไทยไม่ให้ต่างชาติย่ำยี

แนวปะทะบนถนนสายชุมพร–ปากน้ำ บริเวณสะพานท่านางสังข์ พ.ต.ต.หลวงจิตการุณราษฎร์ ผู้กำกับการตำรวจภูธรชุมพรกับกำลังตำรวจภูธรจำนวนหนึ่งทำหน้าที่สกัดกั้นทหารญี่ปุ่น ต่อมานายร้อยเอกถวิล นิยมเสน นำกำลังยุวชนทหารที่ 52 เข้ามาเสริมทัพ จำนวนยุวชนทหารที่ชุมพรประมาณ 100 นาย โชคร้ายมีปืนเล็กยาวเพียง 30 กระบอกกับปืนกลเบาแบบ 66 อีก 1 กระบอก ยุวชนทหารส่วนที่เหลือต้องเป็นกำลังเสริมช่วยลำเลียงกระสุนปืนให้กับเพื่อน





บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 52  เมื่อ 08 ต.ค. 24, 10:01

การปะทะอย่างดุเดือด

กระสุนนัดแรกดังขึ้นเวลาประมาณ 7.00 น.เมื่อหน่วยลาดตระเวนญี่ปุ่นได้เผชิญหน้ากับตำรวจไทย ทั้งสองฝ่ายใช้สะพานท่านางสังข์เป็นเส้นแบ่งเขต กำลังพลฝ่ายญี่ปุ่นอยู่ฝั่งตะวันตกของสะพานใกล้วัดบ้านยางใต้ กำลังพลฝ่ายไทยอยู่ฝั่งตะวันออกของสะพานใกล้วัดบ้านยางเหนือ

ช่วงแรกของการปะทะฝ่ายไทยเสียเปรียบค่อนข้างมาก เพราะมีอาวุธหนักคือปืนกลเบาแบบ 66 เพียงหนึ่งกระบอก โชคดีญี่ปุ่นไม่มีรถหุ้มเกราะสำหรับวิ่งฝ่าดงกระสุนปืน ไม่มีแผนการที่ถูกต้องและเหมาะสม รวมทั้งสถานที่เอื้ออำนวยต่อกำลังพลฝ่ายไทย ตำรวจกับยุวชนทหารจึงสามารถผลักดันไม่ให้ทหารญี่ปุ่นข้ามฝั่งมายังวัดบ้านยางเหนือ

เวลาประมาณ 08.00 น.นายร้อยเอกประชา มัณยานนท์ นำกำลังทหาร ร.พัน 38 มาถึงจุดเกิดเหตุ แผนการโต้ตอบทหารญี่ปุ่นเกิดขึ้นจากความร่วมมือหลายฝ่าย โดยใช้รถบรรทุกและรถยนต์หลายคันวิ่งข้ามสะพานอย่างห้าวหาญเด็ดเดี่ยว มาหยุดหน้าวัดท่ายางใต้แล้วใช้ปืนกลเบาแบบ 66 จำนวน 9 กระบอก ยิงใส่กองระวังหน้าญี่ปุ่นที่ตั้งมั่นอยู่ในดงมะพร้าว อำนาจการยิงสร้างความสูญเสียต่อทหารญี่ปุ่นจำนวนมาก ทหาร ร.พัน 38 บุกเข้ายึดวัดท่ายางใต้สำเร็จตามแผนการ และสามารถวางแนวต้านยับยั้งทหารญี่ปุ่นไม่ให้เข้าใกล้สะพานท่านางสังข์

เวลาประมาณ 12.00 น.การรบที่ชุมพรได้สิ้นสุดอย่างเป็นทางการ หลังมีคำสั่งให้หยุดยิงจากรัฐบาลถึงทหารทุกหน่วยในภาคใต้ ถัดมาเพียงสองชั่วโมงทหารญี่ปุ่นเริ่มเคลื่อนพลเข้าตัวเมืองชุมพร เพื่อเข้าพักในโรงเรียนสตรีสอาดเผดิมวิทยา (โรงเรียนอนุบาลชุมพรในปัจจุบัน) โรงเรียนช่างไม้ (วิทยาลัยเทคนิคชุมพรในปัจจุบัน) และโรงเรียนชุมพรศรียาภัย (โรงเรียนศรียาภัยในปัจจุบัน) ก่อนเดินทางไปยังอำเภอกระบุรี จังหวัดระนองในเวลาต่อมา

ความสูญเสียฝ่ายไทยประกอบไปด้วย ผู้บังคับหน่วยและยุวชนทหารเสียชีวิตจำนวน 6 นาย บาดเจ็บจำนวน 5 นาย ทหารเสียชีวิตจำนวน 1 นาย ตำรวจเสียชีวิตจำนวน 3 นาย ราษฎรอาสาสมัครเสียชีวิตจำนวน 1 นาย บาดเจ็บรวมจำนวน 4 นาย ความสูญเสียฝ่ายญี่ปุ่นเท่าที่พบหลักฐาน ญี่ปุ่นฝังศพทหารจำนวน 11 นายที่ชุมพร และบาดเจ็บไม่ทราบจำนวน
 
การรบที่ชุมพรมีเพียงจุดเดียวต้องถือว่าโชคดีมาก มียุวชนทหารเข้าร่วมปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนมากกว่าสมรภูมิอื่น เป็นตำนานเล่าขานถึงความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวนักเรียนไทยจนถึงปัจจุบัน

ภาพประกอบคือปืนกลเบาแบบ 66 หรือปืนกลแมดเสนขนาด 8 มม.อาวุธหนักที่กำลังพลฝ่ายไทยใช้ยันทหารญี่ปุ่น






บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8425


ความคิดเห็นที่ 53  เมื่อ 08 ต.ค. 24, 12:07

            จากตำนานเล่าขานสู่ภาพและเสียงบนจอเงิน ในชื่อ ยุวชนทหาร เปิดเทอมไปรบ

บันทึกการเข้า
CVT
องคต
*****
ตอบ: 527


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 54  เมื่อ 08 ต.ค. 24, 17:43



คุณ superboy ครับ ผมส่งลิงค์ให้ในกล่องข้อความครับ

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 55  เมื่อ 09 ต.ค. 24, 08:32



คุณ superboy ครับ ผมส่งลิงค์ให้ในกล่องข้อความครับ


ขอบคุณครับคุณ CVT ผมพยายามเข้าอยู่ตอนนี้ส่งคำขอสิทธิ์ไปแล้ว
บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 56  เมื่อ 09 ต.ค. 24, 08:34

การรบที่ประจวบ

กองบินน้อยที่ 5 ตั้งอยู่ที่อ่าวมะนาว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีทางวิ่งดินลูกรังบดอัดแน่นจำนวน 2 รันเวย์ความยาว 800 เมตรและ 1,000 เมตร นาวาอากาศตรี หม่อมหลวงประวาศ ชุมสาย เป็นผู้บังคับกองบินน้อย กำลังพลทั้งหมดประมาณ 160 นาย ประจำการเครื่องบินขับไล่ บ.ข.9 (ฮอว์ค 2) จำนวน 1 ฝูงบิน เครื่องบินขับไล่ บ.ข.10 (ฮอว์ค 3) จำนวน 1 ฝูงบิน และเครื่องบินโจมตี บ.จ.1 (คอร์แซร์) จำนวน 1 ฝูงบิน กองบินผสมมีอากาศยานรวมทั้งสิ้น 27 ลำ มีหน้าที่ป้องกันภาคใต้ไปจนถึงชายแดนติดมลายู ตั้งอยู่บนจุดยุทธศาสตร์สำคัญประตูทางเข้าออกระหว่างภาคใต้กับภาคกลาง

กองบินน้อยที่ 5 มีพื้นที่กว้างขวางประมาณ 4,000 ไร่ มีการแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นสถานที่ฝึกอากาศยานและใช้อาวุธ ก่อนหน้านี้ไม่นานกองทัพอากาศเพิ่งประจำการเครื่องบินโจมตี บ.จ.2 (Ki-30 นาโกย่า) ที่จัดหาจากญี่ปุ่นจำนวน 24 ลำ เครื่องบินบางลำถูกนำมาฝึกบินที่อ่าวมะนาวตามปรกติ ทำการสอนโดยครูฝึกชาวญี่ปุ่นจำนวนหนึ่ง นักบินทั้งหมดทำหน้าที่จารชนอีกหนึ่งตำแหน่ง พื้นที่โดยรอบของอ่าวมะนาว ตัวเมืองประจวบ และกำลังทหารทั้งหมดของกองบินน้อยที่ 5 ถูกญี่ปุ่นล้วงความลับอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยที่ทหารกองบินน้อยที่ 5 และชาวบ้านในพื้นที่ไม่ทันเฉลียวใจ

วันที่ 8 ธันวาคม 2484 เวลาประมาณ 02.00 น. เรือลำเลียงขนาดใหญ่หนึ่งลำพร้อมทหารญี่ปุ่นจำนวน 1 กรมผสม แล่นเข้าประชิดและขึ้นฝั่งที่อ่าวประจวบธ์อย่างเงียบกริบ เรือระบายพลจำนวน 4 ลำแล่นมาจอดบริเวณหัวถนนตลาดนอกห่างตัวเมืองเพียงเล็กน้อย ทหารญี่ปุ่นบนเรือกระจายกำลังเพื่อยึดพื้นที่สำคัญให้ได้ทั้งหมด กำลังพลบางส่วนเดินทางมายึดสถานีตำรวจภูธรและได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่ การสู้รบอย่างรุนแรงดุเดือดดำเนินอยู่ประมาณ 20 นาที ตำรวจไทยซึ่งมีกำลังน้อยกว่าจึงตัดสินใจล่าถอยออกไป สถานที่สำคัญๆ ในเมืองถูกทหารญี่ปุ่นยึดครองอย่างง่ายดาย อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากแผนการอันยอดเยี่ยมและข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ

ความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากเหตุปะทะในเมืองประจวบ ตำรวจไทยเสียชีวิต 13 นาย บาดเจ็บ 6 นาย พลเรือนเสียชีวิต 5 นาย ทหารญี่ปุ่นบาดเจ็บและเสียชีวิตไม่ทราบจำนวน

ภาพประกอบคือ เครื่องบินโจมตี บ.จ.2 ผู้มาพร้อมจารชนญี่ปุ่น




บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 57  เมื่อ 09 ต.ค. 24, 09:38

กองบินน้อยที่ 5 ถูกโจมตี

เนื่องจากกองบินน้อยที่ 5 มีเครื่องบินรบประจำการถึง 3 ฝูง ปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นอันตรายต่อกำลังพลตัวเองในอนาคต ญี่ปุ่นจำเป็นต้องยึดครองสนามบินแห่งนี้พร้อมเครื่องบินทุกลำ เป็นการป้องกันไม่ให้มีการต่อต้านทางอากาศซึ่งอาจสร้างความเสียหายใหญ่หลวง

เวลาเดียวกันกองบินน้อยที่ 5 เตรียมรับมือญี่ปุ่นไว้อย่างพร้อมสรรพ มีการตั้งรังปืนกลหนักแบบ 77 หรือ ปืนกลวิคเกอร์ขนาด 7.7 มม.จำนวน 5 ฐานยิงรอบสนามบิน เครื่องบินรบจำนวนมากถูกกระจายไปประจำการทั่วภาคใต้ (อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการตั้งรับญี่ปุ่นซึ่งถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า) เหลือเพียงเครื่องบินขับไล่ บ.ข.10 (ฮอว์ค 3) จำนวน 5 ลำ กับเครื่องบินโจมตี บ.จ.1 (คอร์แซร์) จำนวน 5 ลำ ใช้ป้องกันกองบินจากภัยคุกคามอะไรก็ตาม

การโจมตีระลอกแรกเกิดขึ้นกลางดึกวันที่ 8 ธันวาคม 2484  เรือระบายพลกองทัพเรือญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งแล่นเข้าใกล้อ่าวมะนาว ภารกิจสำคัญคือบุกโจมตีกองบินน้อยที่ 5 อย่างเงียบกริบ เวลาประมาณ 03.00 น.ทหารญี่ปุ่นลักลอบขึ้นฝั่งอย่างเงียบกริบ หน่วยจู่โจมฝีมือฉกาจบุกเข้าจัดการทหารยามในที่ตั้งปืนกล ก่อนกระจายกำลังล้อมรอบสนามบินอาศัยความมืดในการอำพรางตัว

เวลาประมาณ 04.00 น.ผู้บังคับกองบินน้อยได้รับแจ้งข่าวด่วนว่า ทหารญี่ปุ่นจำนวนมากบุกเข้าสู่ตัวเมืองมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับเรืออากาศตรีสมศรี สุจริตธรรม ผู้บังคับกองทหารราบได้รับรายงานว่า มีการตรวจพบเรือระบายพลจำนวน 3 ลำในอ่าวมะนาว เมื่อทราบเป็นที่แน่ชัดว่าทหารญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกประเทศไทย นาวาอากาศตรีหม่อมหลวงประวาศ ชุมสาย จึงได้สั่งการให้ทหารทุกนายทำตามแผนรับมือที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า

ภาพประกอบคือคือเส้นทางการโจมตีระลอกแรกของทหารญี่ปุ่น เรือระบายพล 4 ลำขึ้นบกที่อ่าวประจวบ ส่วนเรือระบายพลอีก 3 ลำขึ้นบกที่อ่าวมะนาว ในแผนที่มองเห็นรันเวย์ 2 รันเวย์ โรงจอดเครื่องบิน และเขาล้อมหมวกซึ่งมีบทบาทสำคัญ



บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 58  เมื่อ 09 ต.ค. 24, 09:47

เครื่องบินขับไล่ บ.ข.10 (ฮอว์ค 3) จำนวน 5 ลำ กับเครื่องบินโจมตี บ.จ.1 (คอร์แซร์) จำนวน 5 ลำ ถูกติดเครื่องพร้อมบินบนรันเวย์ ทหารญี่ปุ่นจำนวนมากซึ่งบุกเข้ามาโอบล้อมเปิดฉากโจมตีทันที เครื่องบินขับไล่ บ.ข.10 ลำแรกสามารถบินหลบหนีออกมาสำเร็จ เรืออากาศตรีแม้น ประสงค์ดี ใช้ระเบิดขนาด 50 กิโลกรัมโจมตีเรือลำเลียงญี่ปุ่น โชคร้ายระเบิดทั้งหมดพลาดเป้าหมายเพราะความมืดเป็นเหตุ นี่คือการโจมตีครั้งแรกและครั้งเดียวของเครื่องบินไทย เนื่องจากเครื่องบินที่เหลืออีก 4 ลำถูกโจมตีเสียหายอย่างหนัก นักบินกับช่างเครื่องไม่บาดเจ็บก็เสียชีวิตกันโดยถ้วนหน้า

การรบในช่วงแรกทหารไทยตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำอย่างชัดเจน เครื่องบินรบกองบินน้อยที่ 5 ถูกยึดหรือทำลายหมดทุกลำ ทหารญี่ปุ่นยึดครองพื้นที่บางส่วนของสนามบินอาทิเช่น กองรักษาการณ์ ทางวิ่งทั้งสองรันเวย์ แต่ยังมีปืนกลหนักบางกระบอกทำหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะรังปืนกลติดชายหาดใกล้โรงเก็บเครื่องบิน ตรงนี้เป็นจุดที่ทหารญี่ปุ่นพบกับความสูญเสียมากที่สุด

เวลาประมาณ 07.00 น.สถานการณ์เลวร้ายหนักกว่าเดิม ทหารญี่ปุ่นบุกเข้ายึดโรงเก็บเครื่องบินได้อย่างหมดจด ชายหาดมีความปลอดภัยการส่งทหารมาเพิ่มกระทำได้อย่างสะดวกสบาย
เมื่อเห็นว่าทหารญี่ปุ่นยึดครองพื้นที่สำคัญๆ ของสนามบินสำเร็จ ผู้บังคับกองบินน้อยจึงสั่งเผาอาคารกองบังคับการกองบินอันเป็นที่มั่นสำคัญทหารไทย เพื่อทำลายเอกสารสำคัญและป้องกันไม่ให้ญี่ปุ่นงานได้ กำลังพลส่วนใหญ่รวมทั้งครอบครัวอพยพไปหลบใกล้เชิงเขาล้อมหมวก เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการปะทะกัน และช่วยหุงหาอาหารนำมามอบให้กับทหารที่กำลังอ่อนล้า

ภาพประกอบคือเครื่องบินขับไล่ บ.ข.10 (ฮอว์ค 3) ที่ประเทศไทยซื้อลิขสิทธิ์มาสร้างเองในประเทศ ค่อนข้างล้าสมัยสู้เครื่องบินรุ่นใหม่ของญี่ปุ่นหรือสหรัฐอเมริกาไม่ได้เลย จึงแทบไม่มีบทบาทในสงครามโลกครั้งที่สองทั้งที่ประเทศไทยมีเครื่องบินรุ่นนี้จำนวนมาก เครื่องบินที่ใช้สกัดกั้นเครื่องบินทิ้งระเบิดสหรัฐอเมริกาก็ใช้เครื่องบินญี่ปุ่นเป็นหลัก






บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 59  เมื่อ 10 ต.ค. 24, 08:23

สงครามวันสุดท้าย

ตลอดทั้งวันทหารญี่ปุ่นบุกเข้าตีทหารไทยอย่างดุเดือด มีการเสริมทัพเพิ่มเติมด้วยกำลังพลชุดใหม่หนึ่งกองพัน ผู้บังคับบัญชาต้องการยึดกองบินน้อยที่ 5 ให้ได้อย่างเด็ดขาด ทว่าทหารไทยภายใต้การบัญชาการนาวาอากาศตรี หม่อมหลวงประวาศ ชุมสาย พยายามต้านทานสุดกำลัง ทั้งสองฝ่ายสาดกระสุนใส่กันจนถึงช่วงเย็นแต่ยังไม่มีผลแพ้ชนะ เมื่อความมืดมาเยือนพร้อมพายุฝนพัดโหมกระหน่ำแทบไม่หยุดพัก ทหารไทยกับผู้รุกรานทำได้เพียงตรึงกำลังอยู่ในที่มั่นตัวเอง และจับตามองความเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้ามด้วยความไม่ประมาท

ทหารไทยอาจมีกำลังพลน้อยกว่าจำนวนอาวุธน้อย บังเอิญอยู่บนที่สูงเห็นความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ทหารญี่ปุ่นไม่กล้าผลีผลามบุกเข้ามาแม้มีกำลังพลกับอาวุธหนักมากกว่า กระทั่งเช้าตรู่วันที่วันที่ 9 ธันวาคม 2484 เวลาประมาณ 07.00 น. บุรุษไปรษณีย์ชื่อนายหยอย ทิพย์นุกูล นำโทรเลขพันเอกหลวงเชวง ศักดิ์สงคราม (ช่วง เชวงศักดิ์สงคราม) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มาส่งมอบต่อผู้บังคับกองบินน้อย เนื้อหาโทรเลขสั่งให้หยุดรบปล่อยทหารญี่ปุ่นเดินทางผ่าน ทว่านาวาอากาศตรี หม่อมหลวงประวาศ ชุมสาย หวาดวิตกกลัวเป็นกลลวงของฝ่ายญี่ปุ่น เขาตัดสินใจไม่ทำตามคำสั่งและตรึงกำลังพลทั้งหมดไว้ตามเดิม

เวลาประมาณ 10.00 น. ทหารไทยพร้อมครอบครัวยังโดนทหารญี่ปุ่นล้อมกรอบ ไม่มีช่องทางหลบหนีออกจากสมรภูมิ ไม่มีความหวังได้รับช่วยเหลือจากภายนอก พวกเขาใช้เชิงเขาล้อมหมวกเป็นที่มั่นท้ายสุด ผู้บังคับกองบินน้อยมีคำสั่งให้เผาคลังน้ำมันทิ้ง และกำชับหนักแน่นทหารทุกนายพร้อมสู้ตายปกป้องบ้านเกิดเมืองนอน

เวลาประมาณ 12.00 น.นายจรูญพันธ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง ใช้รถบรรทุกทหารติดธงสีขาววิ่งผ่านทหารญี่ปุ่นเข้ามาอย่างปลอดภัย เขายื่นโทรเลขจากจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดให้พร้อมกับแจ้งว่า รัฐบาลไทยมีคำสั่งให้ทหารญี่ปุ่นเดินทางผ่านประเทศไทย การเจรจาสงบศึกระหว่างสองฝ่ายจึงได้พลันเกิดขึ้น ก่อนมีคำสั่งหยุดยิงอย่างเป็นทางการในเวลาประมาณ 14.00 น.

ความสูญเสียที่อ่าวมะนาวประกอบไปด้วย ทหารฝ่ายไทยเสียชีวิต 38 นาย ข้าราชการเสียชีวิต 1 นาย พลเรือนเสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บรวมทั้งหมด 27 คน ทหารญี่ปุ่นเสียชีวิต 217 นาย ส่วนใหญ่เป็นทหารเกณฑ์ชาวเกาหลีและไต้หวัน ทหารญี่ปุ่นบาดเจ็บประมาณ 300 นาย

ภาพประกอบคือกองบินน้อยที่ 5 อ่าวมะนาว ส่วนใหญ่เป็นสถานที่โล่งแจ้งไม่มีจุดกำบัง ปะทะกันตอนกลางวันทั้งสองฝ่ายคงทำได้เพียงตรึงกำลังในที่มั่น นอกเสียจากมีรถถังหรือรถหุ้มเกราะแล่นฝ่าดงกระสุนได้



บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 8
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.073 วินาที กับ 17 คำสั่ง