เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 8
  พิมพ์  
อ่าน: 21287 สงครามโลกครั้งที่สอง วันญี่ปุ่นขึ้นบก
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 28 ก.ย. 24, 08:50

หลายชั่วโมงจากนั้นเป็นความสูญเสียย่อยยับชนิดไม่มีทางสู้ เรือรบหลายต่อหลายลำเกิดการระเบิดอย่างต่อเนื่องและรุนแรง เนื่องจากบนเรือมีทั้งตอร์ปิโดและกระสุนปืนจำนวนมาก เรือรบบางลำจมลงภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ส่วนบางลำเอียงกระเท่เร่หัวจมปักน้ำท้ายโด่งขึ้นฟ้า กว่าทหารสหรัฐอเมริกาจะรู้ตัวว่าถูกญี่ปุ่นโจมตีทุกอย่างก็สายเกินแก้
 
นอกจากระเบิดขนาดเล็กหรือใหญ่จำนวนมาก ญี่ปุ่นยังดัดแปลงตอร์ปิโดด้วยการติดชิ้นส่วนทำจากไม้เสริมเข้ามา ทำให้สามารถใช้งานในเขตน้ำตื้นใกล้ชายฝั่ง ตอร์ปิโดมีอำนาจทำลายล้างรุนแรงกว่าลูกระเบิด สามารถจมเรือขนาด 3,000 ตันด้วยการยิงเข้าจุดสำคัญเพียงลูกเดียว นอกจากกองเรือที่อยู่ชายฝั่งบรรดาฐานทัพต่างๆ รอบเกาะก็ถูกเครื่องบินรบญี่ปุ่นโจมตีอย่างทั่วถึง

ความเสียหายจากการโจมตีสายฟ้าแลบค่อนข้างรุนแรงมาก เรือรบอเมริกาจำนวน 19 ลำจมลงหรือเสียหายอย่างหนัก เครื่องบินรบจำนวน 188 ลำถูกทำลาย และเสียหายหนักเบาอีก 159 ลำ มีทหารเสียชีวิตรวมกันจำนวน 2,403 นาย เช้าวันนั้นลูกเรือส่วนใหญ่ของเรือ USS Arizona ยังนอนไม่ตื่น เมื่อถูกโจมตีทางอากาศอย่างรุนแรงจนเรือพลิกคว่ำจมน้ำทั้งลำ ร่างลูกเรือจำนวนมากติดอยู่ในเรือจนถึงปัจจุบันเนื่องจากเก็บกู้ไม่ได้ อเมริกาสร้างอนุสาวรีย์กลางน้ำครอบเรือเคราะห์ร้ายลำนี้ไว้ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกเตือนภัยโดยใช้ชื่อว่า USS Arizona Memorial

ภาพประกอบคือเรือประจัญบาน USS Arizona ขณะถูกโจมตีทางอากาศ



บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 28 ก.ย. 24, 08:52

การโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงของนายพลยามาโมโต้ และเป็นจุดเริ่มต้นสงครามมหาเอเชียบูรพาหรือสงครามแปซิฟิก กองทัพญี่ปุ่นเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่สวยหรูและอลังการ ด้วยการบุกถล่มกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาจนพ่ายแพ้ราบคาบ ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของจารชนฝีมือดีจำนวนมาก ซึ่งได้แฝงตัวเข้าพื้นที่เป็นหมอฟันบ้าง พ่อค้าบ้าง เจ้าของร้านถ่ายรูปบ้าง หรือแม้กระทั่งนักท่องเที่ยว เพื่อตรวจสอบข้อมูลสำคัญ ๆ รวมทั้งช่วยชี้เป้าหมายสำคัญทั้งหมด

บังเอิญผลงานการเปิดตัวของญี่ปุ่นไม่ได้ดีเยี่ยมจนต้องให้เอบวก เพราะวันเปิดฉากโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ทางอากาศโดยไม่บอกกล่าว เรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐอเมริกาทุกลำไม่ได้อยู่ในท่าเรือ เรือขนาดใหญ่ที่ถูกทำลายก็เป็นเรือเก่ายุคสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เมื่อเป้าหมายที่สำคัญมากที่สุดบังเอิญรอดหูรอดตา การพิชิตสงครามมหาเอเชียบูรพาจึงเป็นเรื่องยากกว่าเดิม

บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8425


ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 28 ก.ย. 24, 13:01

Tora! Tora! Tora!  หนังเก่าปี 1970 มาเข้าฉายในบ้านเรา

ฉากถล่มโจมตี ที่รอคอย ต้องคลิกไปดูในยูทูบ 

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 29 ก.ย. 24, 08:27

แผนการยกพลขึ้นบก

ย้อนกลับไปวันที่ 4 ธันวาคม 2484  กองเรือญี่ปุ่นขนาดใหญ่ประกอบไปด้วย เรือลาดตระเวน 5 ลำ เรือพิฆาต 7 ลำ และเรือลำเลียงขนาดใหญ่อีก 22 ลำ ออกเดินทางจากท่าเรือซังจาซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเกาะไหหลำ ขบวนเรือขนาดใหญ่มุ่งตรงมาที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

บ่ายวันที่ 6 ธันวาคม 2484 เครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเลรุ่น PBY Catalina จากฝูงบิน 205 กองทัพอากาศอังกฤษประจำฐานทัพสิงคโปร์ บังเอิญตรวจพบกองเรือญี่ปุ่นจึงรีบรายงานกลับฐาน ก่อนถูกเครื่องบินรบญี่ปุ่นจำนวน 2 ลำไล่ยิงตกทะเลนักบินสูญหายทั้งลำ ช่วงเวลานั้นคลื่นลมในอ่าวไทยค่อนข้างรุนแรง ทัศนวิสัยค่อนข้างย่ำแย่ การส่งเครื่องบินมาตรวจสอบซ้ำค่อนข้างอันตราย โอกาสตรวจพบก็ค่อนข้างน้อย ตอนนี้กองทัพอังกฤษทราบแล้วว่าการยกพลขึ้นบกจะเกิดขึ้นแน่นอน

กองเรือญี่ปุ่นมาหยุดลอยลำห่างชายฝั่งโกตาบารูประมาณ 100 ไมล์ทะเล

วันที่ 7 ธันวาคม 2484 เวลา 23.00 น.ญี่ปุ่นยื่นข้อเสนอสุดท้ายกับไทยเพื่อขอใช้ประเทศเป็นทางผ่าน ช่วงเวลานั้นนายกรัฐมนตรีไม่อยู่ในเมืองหลวง รัฐบาลไทยจึงยังไม่มีคำตอบกลับ

วันที่ 8 ธันวาคม 2484 เวลาประมาณ 2.00 น.กองทัพญี่ปุ่นบุกเข้าสู่ประเทศไทย มลายู ฮ่องกง และฟิลิปปินส์ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน

คืนนั้นคนกรุงเทพกำลังร่วมงานฉลองรัฐธรรมนูญกันอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางอากาศหนาวกำลังพอเหมาะและงานฉลองก็มีถึงรุ่งเช้า กองเรือขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นซึ่งเตรียมพร้อมอยู่กลางอ่าวไทย  ได้ทำการแยกกองเดินทางไปยังเป้าหมายจำนวน 7 เส้นทาง ประกอบไปด้วย

1.ปัตตานี

2.สงขลา

3.นครศรีธรรมราช

4.สุราษฎร์ธานี

5.ชุมพร

6.ประจวบคีรีขันธ์

7.บางปู (สมุทรปราการ)

ญี่ปุ่นยังได้เคลื่อนกำลังพลทางบกจากอินโดจีนผ่านจังหวัดพระตะบองและจังหวัดพิบูลสงคราม เข้าสู่ชายแดนไทยใช้เส้นทางมุ่งตรงมาที่จังหวัดปราจีนบุรี ปฐมบทสงครามโลกครั้งที่สองในเมืองไทยเริ่มขึ้นแล้ว

[/img]

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 29 ก.ย. 24, 08:32

หน่วยทหารประจำภาคใต้

ตาม "สนธิสัญญากรุงเทพฯ" ระหว่างประเทศไทยกับอังกฤษ  ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2451 ประเทศไทยต้องโอนรัฐไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู และปะลิส ให้อยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ เป็นการแลกเปลี่ยนกับข้อตกลงจำนวน 3 เรื่องประกอบไปด้วย

1.การยกเลิกสิทธิสภาพนอกอาณาเขตของคนในบังคับอังกฤษในประเทศไทย
 
2.ขอกู้เงินจำนวน 4 ล้านปอนด์ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำไปใช้สร้างทางรถไฟสายใต้ 

3.การยกเลิกปฏิญญาลับ ค.ศ.1897 (พ.ศ.2440) ซึ่งมีใจความสำคัญว่า รัฐบาลไทยจะไม่ยินยอมให้ประเทศใดก็ตาม ซื้อ เช่า หรือถือกรรมสิทธิ์ดินแดนไทยตั้งแต่ใต้ตำบลบางสะพาน ประจวบคีรีขันธ์ลงไป โดยที่ไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลอังกฤษก่อน และเพื่อเป็นการตอบแทน รัฐบาลอังกฤษจะให้ความช่วยเหลือแก่ไทยถ้าถูกชาติอื่นรุกราน พูดง่ายๆ ก็คืออังกฤษไม่ต้องการให้มีทหารไทยประจำการในภาคใต้แม้แต่นายเดียว

การยกเลิกปฏิญญาลับ ค.ศ.1897 (พ.ศ.2440) ทำให้ประเทศไทยมีสิทธิบนดินแดนภาคใต้อย่างเต็มภาคภูมิ และเป็นการขจัดอิทธิพลของอังกฤษให้หมดไปจากแผ่นดิน โชคร้ายเมื่อวันเวลาเดินทางผ่านไปสามสิบปีเต็ม ยังไม่มีการจัดตั้งหน่วยทหารประจำภาคใต้อย่างเป็นทางการ มีเพียงการฝึกหัดหน่วยยุวชนทหารขึ้นมาใช้เป็นกำลังพลสำรอง เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองปะทุขึ้นในทวีปยุโรป รัฐบาลจึงมีแนวคิดจัดตั้งหน่วยทหารประจำภาคใต้เสียที

วันที่ 18 กุมภาพันธ์  2482 กองทัพบกเคลื่อนย้ายกองพันทหารราบที่ 5 หรือ ร.พัน 5 จากบางซื่อ มาประจำการค่ายทหารใหม่เพิ่งสร้างเสร็จบริเวณเชิงเขาคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ขึ้นตรงกับมณฑลทหารบกที่ 5 จังหวัดนครศรีธรรมราช ถือเป็นทหารประจำการหน่วยแรกสุดในดินแดนภาคใต้


ภาพประกอบคือทหารไทยหน่วยแรกของจังหวัดสงขลา อาวุธกับยานพาหนะทันสมัยกว่าสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเพราะผ่านไปแล้วยี่สิบกว่าปี ที่ใหม่เหมือนกับอาวุธก็คือประสบการณ์ทหารในการรบจริง



บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 29 ก.ย. 24, 08:33

ตอนต่อไปปูเรื่องอีกเล็กน้อยจะเข้าสู่เนื้อหาหลักคือปะทะกันแล้ว  ยิ้ม

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 30 ก.ย. 24, 08:38

ต้นเดือนมิถุนายน 2483 หลังทหารฝรั่งเศสยอมแพ้แก่ทหารเยอรมัน ส่วนทหารอังกฤษตาลีตาเหลือกถอยกลับประเทศได้ไม่นาน รัฐบาลไทยได้เกิดบรรลุธรรมเล็งเห็นความสำคัญว่า เรื่องด่วนที่สุดในตอนนี้คือการเสริมกำลังทหารทั่วประเทศ เพื่อปกป้องอธิปไตยจากภัยคุกคามซึ่งคืบคลานเข้ามาจ่อแถวคอหอย ถ้ายังชะล่าใจแบบนี้ต่อไปเห็นท่าจะไม่ได้การ จึงได้มีการจัดพิจารณาสรรหาสถานที่เหมาะสม และจัดตั้งหน่วยทหารประจำภาคใต้เพิ่มเติมประกอบไปด้วย

1. ร.พัน 38 จัดตั้งที่จังหวัดชุมพร

2. ร.พัน 39 จัดตั้งที่จังหวัดนครศรีธรรมราช

3. ร.พัน 40 จัดตั้งที่จังหวัดตรัง

4. ร.พัน 41 จัดตั้งที่บ้านสวนตูล จังหวัดสงขลา

5. ร.พัน 42 จัดตั้งที่บ้านบ่อทอง จังหวัดปัตตานี

6. ป.พัน 13 จัดตั้งที่บ้านสวนตูล จังหวัดสงขลา

นอกจาก 6 กองพันทหารราบและ 1 กองพันทหารปืนใหญ่ กองทัพบกยังได้จัดตั้งกรมทหารรายที่ 18 ที่บ้านสวนตูล จังหวัดสงขลา โดยมี ร.พัน 42 ร.พัน 5 และ ป.พัน 13 รวมทั้งหน่วยขึ้นตรงกรมทหารราบที่ 18 หรือ นขต ร.18 อยู่ในสังกัด แต่เนื่องมาจากมีการจัดตั้งค่ายทหารมากถึง 7 กองพัน ส่งผลให้กำลังพลไม่เพียงพอต่ออัตราบรรจุ (ปัจจุบันก็ยังเป็นปัญหาเพราะกรมกองมากเกินไป)

กำลังพลมีทั้งทหารใหม่คนในพื้นที่เพิ่งเข้าประจำการ และทหารเก่าจากกรุงเทพไม่มีความชำนาญเรื่องเส้นทางและภูมิประเทศ อาวุธที่มีใช้งานไม่ทันสมัยเทียบเท่าต่างประเทศ รวมทั้งต้องมาเจออาหารการกิน สภาพอากาศ และวัฒนธรรมที่แตกต่างไม่เหมือน แต่ทหารทุกนายสมัครใจมาประจำการภาคใต้ด้วยความเต็มใจ พร้อมตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างเข้มแข็งและมุ่งมั่น เพราะรู้ดีว่าประเทศกำลังจะเข้าสู่สงครามในอีกไม่นาน จากประเทศมหาอำนาจใหม่แห่งเอเชียชื่อญี่ปุ่น


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 30 ก.ย. 24, 08:40

แผนตั้งรับญี่ปุ่นที่ปัตตานี

กองพันทหารราบที่ 42 หรือ ร.พัน 42 คือหน่วยทหารใหม่ประจำจังหวัดปัตตานี เข้ามาตั้งฐานทัพในพื้นที่บ้านบ่อทอง อำเภอหนองจิก กำลังพลส่วนใหญ่มาจาก ร.พัน 2 และ ร.พัน 7 บางซื่อ บวกทหารใหม่เพิ่งเข้าประจำการยังไม่มีประสบการณ์ ร.พัน 42 ได้นายพันตรีขุนอิงคยุทธบริหารเป็นผู้บังคับกองพัน นายทหารที่เหลือถูกแต่งตั้งจากกองพันทหารราบอื่นๆ โดยมีนายสิบจากกองพันทั่วประเทศสมัครใจลงมารับราชการที่นี่ อาจกล่าวได้ว่าเป็นกองพันที่ใหม่หมดทุกอย่าง แม้กระทั่งอาคารต่างๆ ยังทาสีไม่เสร็จด้วยซ้ำ เหล่าทหารกล้าจึงมีหน้าที่ทั้งปกป้องอธิปไตยและช่วยสร้างอาคารที่พัก

ร.พัน 42 มีกำลังรบหลักเพียง 3 กองร้อย มีผู้บังคับหมวดเพียงกองร้อยละ 1 นาย ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการตั้งโครงสร้างกองพันให้ครบถ้วนไปก่อน ตำแหน่งที่ยังว่างจะบรรจุนายทหารเพิ่มเติมในภายหลัง กองร้อยที่ 1 และกองร้อยที่ 2 จัดเป็นกองร้อยปืนกลเบา ส่วนกองร้อยที่ 3 จัดเป็นกองร้อยปืนกลหนัก กำลังพลส่วนอื่นประกอบไปด้วย หมวดปืนใหญ่ติดตามทหารราบ หมวดสื่อสาร หมวดเสนารักษ์ และหมวดสัมภาระ แต่ละหมวดแต่ละกองร้อยยังขาดกำลังพลเข้ามาเติมเต็ม

หลังเข้ามาประจำการในพื้นที่ได้ไม่นาน ผู้บังคับกองพันเห็นความเคลื่อนไหวผิดปรกติของคนญี่ปุ่น เพราะมีจำนวนมากขึ้นในเวลาอันสั้น มักเดินทางไปพักผ่อนและถ่ายรูปตามชายทะเล รวมทั้งมีการหยั่งน้ำตรวจความลึกช่วงน้ำขึ้นน้ำลง โดยใช้เวลาสำรวจบริเวณหลังด่านศุลกากรนานเป็นพิเศษ

พันตรีขุนอิงคยุทธบริหารสั่งให้ทหารแอบติดตามชาวญี่ปุ่นแบบเงียบๆ เขาประเมินว่าทหารญี่ปุ่นอาจยกพลขึ้นบกที่หลังด่านศุลกากร จึงได้เรียกประชุมนายทหารทั้งหมดเพื่อจัดเตรียมที่ตั้งหมู่ปืนกลหนักสำหรับการยิงประสาน รอต้อนรับแขกผู้มาเยือนจากแดนอาทิตย์อุทัย

จารชนฝีมือดีจากญี่ปุ่นซึ่งถูกส่งมาหาข่าวในปัตตานี บังเอิญแจ้งข่าวสารสำคัญกับทหารไทยโดยไม่รู้ตัว

ร.พัน 42 วางแผนตั้งรับญี่ปุ่นที่ปัตตานีเรียบร้อยแล้ว บังเอิญมีปัญหาสำคัญกำลังพลส่วนใหญ่ยังเดินทางมาไม่ถึง เพราะติดขัดปัญหาหลายเรื่องจากทางกรุงเทพ เมื่อก่อสร้างอาคารในฐานที่ตั้งเสร็จครบถ้วน จึงมีคำสั่งรับทหารใหม่จากจังหวัดสงขลาเข้าประจำการ ทหารใหม่เข้ารับการฝึกหลักสูตร 45 วันเป็นการเร่งด่วน แต่จำนวนกำลังพลทุกหน่วยก็ยังไม่เต็มอัตรา กองทัพบกจึงได้จัดกำลังพลจาก ร.พัน 2 และ ร.พัน 7 เพิ่มเติมเข้ามาตามคำร้องขอในภายหลัง


ภาพประกอบคือนายพันตรีขุนอิงคยุทธบริหาร ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 42



บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 01 ต.ค. 24, 08:57

สงครามกลางดึก

คืนวันที่ 7 ธันวาคม 2484 ทหารกองหนุนจากกรุงเทพเดินทางมาถึง ร.พัน 42 จังหวัดปัตตานี กว่าจะบรรจุหน่วยแจกอาวุธและเครื่องสนามครบถ้วน ทหารใหม่ทุกนายได้เข้านอนตอนเที่ยงคืนพอดี

เวลาประมาณ 3.00 น.วันที่ 8 ธันวาคม 2484 หรือ 3 ชั่วโมงหลังจากนั้น นายยุนุชาวบ้านจากรูสะมิแลบังเอิญเจอทหารญี่ปุ่นบริเวณชายหาด เขาตัดสินใจวิ่งไปบอกปลัดอำเภอเมืองปัตตานี ปลัดอำเภอรีบแจ้งข้าหลวงประจำจังหวัด ก่อนที่ข่าวสำคัญจะถูกส่งต่อไปยังสถานีตำรวจและร.พัน 42

ทหารญี่ปุ่นที่ขึ้นปัตตานีสังกัดกองพลที่ 5 กองทัพที่ 25 จำนวนรวมหนึ่งกองพลทหารราบกับหนึ่งกองพลน้อย ขบวนเรือประกอบไปด้วยเรือลำเลียงจำนวน 6 ลำ โดยไม่มีเรือรบตามมาคุ้มกันเพราะไม่มีความจำเป็น ญี่ปุ่นเลือกสถานที่ขึ้นบกตรงตามที่คาดการณ์บริเวณริมฝั่งทะเลตำบลรูสะมิแล (ปัจจุบันคือที่ตั้งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี) ยาวเรื่อยมาจนถึงด่านศุลกากร และญี่ปุ่นเลือกยกพลกลางดึกไร้การต่อต้านที่ริมหาด ทหารขึ้นมารวมพลบนฝั่งโดยสวัสดิภาพทุกนาย

หลังรู้ว่าทหารญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกจากชาวบ้าน ทหารใหม่ ร.พัน 42 ต้องลุกจากเตียงขึ้นมาสวมเครื่องแบบจัดเตรียมอาวุธโดยเร่งด่วน เพราะได้รับคำสั่งให้ปกป้องอธิปไตยบริเวณคอกกักกันสัตว์ด่านศุลกากร เมื่อเดินทางมาถึงทหารไทยถูกต้อนรับด้วยลูกกระสุนจำนวนมาก ไม่มีโอกาสเข้าสู่ที่ตั้งตามแผนการซึ่งถูกทหารญี่ปุ่นยึดครองหมดแล้ว

พันตรีขุนอิงคยุทธบริหารตามมาสมทบด้วยรถยนต์ โชคร้ายรถเกิดอุบัติเหตุเขาได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ เมื่อไปถึงพื้นที่ปะทะทหารไทยอยู่ในภูมิประเทศเสียเปรียบ ขุนอิงคยุทธตรงดิ่งมาที่แนวหน้าเพื่อบัญชาการ แต่ทำอะไรไม่ได้มากเพราะอำนาจการยิงกับกำลังพลต่างกันเกินไป

ภาพประกอบคือชายหาดรูสะมิแล ที่อีก 26 ปีต่อมาได้กลายมาเป็น ม.อ.ปัตตานี





บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 01 ต.ค. 24, 08:58

ต่อมาไม่นานข้าหลวงประจำจังหวัดแจ้งข่าวว่ามีทหารญี่ปุ่นในตัวจังหวัด พันตรีขุนอิงคยุทธบริหารรีบนำกำลังพลจำนวนหนึ่งเดินทางกลับ โชคร้ายถูกทหารญี่ปุ่นบริเวณสะพานเดชานุชิตยิงสกัด รถยนต์จำนวน 5 คันเสียหายอย่างหนักและตกอยู่ในวงล้อม พันตรีขุนอิงคยุทธบริหารถูกกระสุนปืนที่ขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

หมายเหตุ : การเสียชีวิตของพันตรีขุนอิงคยุทธบริหารมีด้วยกันหลายเวอร์ชัน บทความนี้ยึดถือข้อมูลจากรายงานเจ้าหน้าที่กรมโฆษณาการ อาจไม่ตรงกับที่เพื่อนๆ สมาชิกเคยผ่านตาก็ว่ากันไป ข้อมูลการรบก็มีหลายเวอร์ชันอ่านแล้วสนุกมาก ผมยึดถือเวอร์ชันที่ไม่อวยทหารไทยเป็นหลักไว้ก่อน เพราะในความเป็นจริงญี่ปุ่นเป็นต่อเราทุกประการยกเว้นความชำนาญพื้นที่

การปะทะกันที่คอกกักกันสัตว์ดำเนินต่อไปจนถึงรุ่งเช้า โชคดีพื้นที่การรบไม่ขยายตัวมากกว่านี้ ทหารญี่ปุ่นที่ด่านศุลกากรทุกนายอยู่ในที่ตั้งตามคำสั่ง ไม่ใช้กำลังพลที่มากกว่าตีโอบจากด้านอื่นแม้ตัวเองสามารถกระทำได้ ทหารไทยจำนวนมากเพิ่งเดินทางมาถึงปัตตานีแทบไม่รู้อะไรเลย เมื่อต้องสูญเสียผู้บังคับบัญชาการไปแบบปุบปับ การควบคุมสั่งการหรือการปรับเปลี่ยนแผนการจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่ยังนับว่าโชคดีที่ทหารญี่ปุ่นเอาแต่ตั้งรับคล้ายต้องการรอคอยอะไรสักอย่าง ครั้นถึงช่วงสายของวันการยิงใส่กันค่อยๆ ลดลง โดยเฉพาะฝ่ายไทยซึ่งเหลือกระสุนปืนน้อยกว่าเดิม ทำได้เพียงรักษาที่มั่นไม่มีฝ่ายไหนได้เปรียบไม่มีฝ่ายไหนเสียเปรียบ

การปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารญี่ปุ่นสิ้นสุดลงในเวลาประมาณ 13.00 น. หลังสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยประกาศว่า รัฐบาลไทยตกลงให้ทหารญี่ปุ่นเคลื่อนกำลังผ่านประเทศไทย ผู้บัญชาการทหารทั้งสองฝ่ายจึงมีคำหยุดยิงเป็นการถาวร

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 01 ต.ค. 24, 09:04

นอกจากแนวปะทะตรงด่านศุลกากรริมทะเลแล้ว ญี่ปุ่นยังได้บุกเข้ามายึดพื้นที่ในตัวจังหวัดและบ้านพักราชการ เป็นการควบคุมไม่ให้เกิดการต่อต้านจากคนในพื้นที่ โดยใช้เรือเล็กหลายลำล่องมาทางปากแม่น้ำปัตตานี ก่อนขึ้นฝั่งที่สะพานเดชานุชิตและเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง

กำลังพลฝ่ายไทยประกอบไปด้วย ตำรวจ ยุวชนทหาร ข้าราชการ และประชาชน ร่วมมือกันต้านทานผู้รุกรานอย่างกล้าหาญเด็ดเดี่ยว เจ้าของร้านขายปืน 2 แห่งในตัวเมืองให้ยืมปืนกับกระสุนเพื่อใช้ต่อสู้ทหารญี่ปุ่น มีการปะทะกันทั้งคืนตามสถานที่สำคัญๆ ในตัวจังหวัด มาหยุดยิงเด็ดขาดหลังจากรัฐบาลไทยตกลงให้ทหารญี่ปุ่นเคลื่อนกำลังผ่าน

สถานการณ์ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปัตตานีร้อนระอุเช่นกัน ญี่ปุ่นส่งกำลังจำนวนหนึ่งยกพลขึ้นบก ก่อนรวมขบวนเป็นทัพใหญ่เคลื่อนพลมาตามถนนนาเกลือ และเข้าปะทะกองกำลังผสมฝ่ายไทยซึ่งมีตำรวจประมาณ 10 นาย ข้าราชการ รวมทั้งประชาชนจำนวนหนึ่ง ใช้อาวุธปืนทุกชนิดที่หาได้ทำการสกัดกั้น ระหว่างสู้รบเหนือท้องฟ้ามีเครื่องบินรบคาดรูปดวงอาทิตย์สีแดงบินว่อนไปมา เป็นเพียงการบินลาดตระเวนธรรมดาไม่สร้างอันตรายต่อกองกำลังผสมฝ่ายไทย

ผลการปะทะฝั่งตะวันออกแม่น้ำปัตตานีมีความสูญเสียน้อยมาก ทหารญี่ปุ่นเสียชีวิต 3 นายส่วนฝ่ายไทยบาดเจ็บเพียง 1 นาย สาเหตุเกิดจากเป็นการรบแบบยันกันไปยันกันมา ทหารญี่ปุ่นไม่ต้องการเข้าตีขั้นแตกหักแต่อย่างใด

หลังมีคำสั่งจากรัฐบาลไทยให้ทหารญี่ปุ่นเคลื่อนกำลังพลผ่าน ปัตตานีทั้งเมืองก็กลับสู่ความเงียบสงบตามเดิม ทหารญี่ปุ่นตั้งค่ายพักที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศแค่เพียงไม่นาน ก่อนเดินทางข้ามชายแดนมาที่โกตาบารู รัฐกลันตัน เพื่อสมทบกองพลที่ 18 ตามแผนการยึดครองมลายูกับสิงคโปร์   

ภาพประกอบคือสะพานเดชานุชิต จุดที่ทหารญี่ปุ่นบุกเข้ายึดและยิงรถยนต์ทหารไทยพร้อมพันตรีขุนอิงคยุทธบริหา



บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 02 ต.ค. 24, 08:04


ในภาพคือเรือลำเลียง Hirokawa Maru ซึ่งได้รับภารกิจขนทหารญี่ปุ่นขึ้นฝั่งปัตตานี เมื่อวานผมลืมลงภาพครับ แฮร่!!



บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 02 ต.ค. 24, 08:07

หลังญี่ปุ่นขึ้นบกที่ปัตตานี

ความสูญเสียจากการปะทะที่จังหวัดปัตตานีประกอบไปด้วย ทหาร ร.พัน 42 เสียชีวิต 24 นาย  ตำรวจเสียชีวิต 6 นาย ยุวชนทหารเสียชีวิต 5 นาย ข้าราชการเสียชีวิต 5 คน และประชาชนเสียชีวิต 9 คน จำนวนรวมผู้เสียชีวิต 49 คน จำนวนรวมผู้บาดเจ็บ 25 คน ทหารญี่ปุ่นเสียชีวิตรวมกันประมาณร้อยกว่านายกับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง

ความสูญเสียที่ปัตตานีมากเป็นอันดับสองของทุกสมรภูมิ ทั้งที่การรบกินเวลาเพียง 5 ชั่วโมงที่เหลือเป็นการรักษาที่มั่นตัวเอง สมรภูมิที่ทหารไทยสูญเสียมากที่สุดมีการรบยาวนานถึง 33 ชั่วโมง ส่วนจะเป็นสมรภูมิไหนและอย่างไรอีกไม่นานคงได้รู้กัน

แผนตั้งรับญี่ปุ่นที่ปัตตานีค่อนข้างพร้อมทุกด้าน บังเอิญโชคร้าย ร.พัน 42 ไม่มีความพร้อมทุกด้าน ทหารมากกว่าครึ่งใช้เวลาทั้งวันในการเดินทางไกลระยะทาง 1,100 กิโลเมตรจากกรุงเทพมาถึงปัตตานี ได้พักผ่อนเพียง 3 ชั่วโมงต้องออกรบกลางดึกโดยไม่รู้เหนือรู้ใต้ ทหารที่เหลือล้วนเป็นทหารใหม่เข้าประจำการได้ไม่นาน เข้ารับการฝึกยังไม่ทันครบถ้วนทุกหลักสูตร เมื่อต้องจับปืนรบกับกองทัพญี่ปุ่นขนาดใหญ่พร้อมอาวุธหนัก ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับทหารไทยถือว่าเยอะกว่าจังหวัดอื่น รวมทั้งสูญเสียอาวุธ กระสุน เครื่องยุทโธปกรณ์จำนวนมาก และสูญเสียผู้บังคับบัญชาระหว่างการรบ

การรบในเมืองกำลังพลหลักมาจากตำรวจภูธรปัตตานี เพราะไม่มีอาวุธหนักการสกัดกั้นทหารญี่ปุ่นจึงทำได้อย่างยากลำบาก แม้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปอย่างใจหวังแต่ต้องถือว่าตำรวจทำดีที่สุดแล้ว

ภาพประกอบเรือระบายพลเปิดหัวได้ของกองทัพเรือญี่ปุ่นนำกำลังพลมาส่งบริเวณชายฝั่ง



บันทึกการเข้า
CVT
องคต
*****
ตอบ: 527


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 02 ต.ค. 24, 08:15

อาผมถ่ายกับนายทหารญี่ปุ่น
หลังเหตุการณ์สู้รบที่ปัตตานียุติ นายทหารญี่ปุ่นคนนี้ไปพบคุณปู่ผมซึ่งเป็นผู้นำประชาชนยิงต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นที่ถนนนาเกลือ เห็นอาผมแล้วบอกว่าคิดถึงลูกชายที่อยู่ในวัยเดียวกัน


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 02 ต.ค. 24, 08:28

ขอบคุณคุณ CVT มากครับ ผมเห็นภาพนี้นานมากแล้วเพิ่งรู้ที่มาของภาพก็วันนี้  ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 8
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.093 วินาที กับ 20 คำสั่ง