เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3 ... 8
  พิมพ์  
อ่าน: 21285 สงครามโลกครั้งที่สอง วันญี่ปุ่นขึ้นบก
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
 เมื่อ 24 ก.ย. 24, 08:57

สงครามโลกครั้งที่สองคือความขัดแย้งทางทหารครั้งใหญ่ระดับโลก ความขัดแย้งเริ่มก่อตัวเป็นเวลาหลายปีและปะทุขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการระดมกำลังทหารทั้งสองฝ่ายเข้าสู้รบมากถึง 100 ล้านคน มีการใช้อาวุธรุ่นใหม่ทันสมัยเข้าประหัตประหารคู่ต่อสู้  มีการระดมเงินทุนจากทุกแหล่งให้มากที่สุดเพื่อใช้ในสงคราม และก่อให้เกิดความสูญเสียมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

ต้นเหตุที่แท้จริงของสงครามยังเป็นประเด็นถกเถียงจนถึงปัจจุบัน เพราะมีหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็น สนธิสัญญาแวร์ซายซึ่งกดหัวผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่หนึ่งให้เข้าตาจน เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ลุกลามบานปลายทั่วโลก ความเป็นชาตินิยมของประเทศมหาอำนาจ การแย่งชิงอำนาจและความต้องการแบ่งปันโลกใหม่ของประเทศที่เจริญตามมา เช่นเดียวกับวันเริ่มต้นสงครามที่แท้จริงซึ่งยังไม่มีบทสรุปท้ายสุดอาทิเช่น

- วันที่ 1 กันยายน 2482 เมื่อเยอรมันรุกรานโปแลนด์ ตำราส่วนใหญ่มักอ้างอิงเหตุการณ์นี้

- วันที่ 7 กรกฎาคม 2480 เมื่อญี่ปุ่นรุกรานจีน หรือวันเริ่มต้นสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง

- ปี 2474 เมื่อญี่ปุ่นรุกรานแมนจูเรีย

นักประวัติศาสตร์สงครามโลกบางคนกล่าวว่า สงครามโลกครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สองเป็นข้อพิพาทเดียวกัน เหตุผลที่แยกจากกันเพราะการหยุดยิงชั่วคราว เรื่องนี้ผมเห็นด้วยเพียงครึ่งเดียวคือเยอรมันอ้างอิงได้ แต่ญี่ปุ่นอ้างอิงไม่ได้เพราะตอนสงครามโลกพวกเขาอยู่ฝ่ายสัมพันธมิตร ทั้งนี้ทั้งนั้นจะเห็นได้ว่าหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งญี่ปุ่นมีกำลังทหารใหญ่โตกว่าเดิม การรุกรานประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแสวงหาอำนาจจึงตามมา และอาจเป็นสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดสงครามใหญ่อีกครั้ง


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 24 ก.ย. 24, 09:04

สงครามโลกครั้งที่สอง วันญี่ปุ่นขึ้นบก เพื่อนๆ สมาชิกทุกคนคงเคยอ่านหลายครั้งแล้ว เมื่อพลัดหลงเข้ามาให้ถือเสียว่าอ่านทวนอีกรอบก็ได้ ผมจะลงไปเรื่อยๆ มากบ้างน้อยบ้างขึ้นอยู่กับสมาธิแตกซ่านมากน้อยแค่ไหน

ช่วงนี้อำเภอผมมีงานงิ้วโรงเจอยู่ห่างบ้านประมาณ 50 เมตร แต่สถานที่ตั้งเครื่องเล่น ชิงช้า ม้าหมุน บิงโก และร้านรวงต่างๆ ติดรั้วบ้านผมเลย เสียงดังทั้งวันโดยเฉพาะตั้งแต่สี่โมงเย็นถึงห้าทุ่ม เดี๋ยวนี้งานงิ้วมีนักร้องลูกทุ่ง 10 คืนติดกันเชียวนะครับ (ยังมีงิ้วมาจัดแสดงหรือเปล่าเรืองนี้ไม่แน่ใจ) ทุกคืนกระจกบ้านผมสั่นสะท้านเพราะเสียงดนตรี  เศร้า

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 24 ก.ย. 24, 09:05


สงครามโลกครั้งที่สองคือความขัดแย้งระหว่างฝ่ายอักษะ (Axis) ประกอบไปด้วย เยอรมัน อิตาลี และญี่ปุ่น ซึ่งได้ร่วมลงนามสนธิสัญญาไตรภาคี นอกจากนี้ยังมีประเทศสมาชิกรอง ผู้ให้ความช่วยเหลือทางทหาร คู่สงครามร่วม และรัฐบริวาร รวมกันมากถึง 26 ประเทศ คู่กรณีคือฝ่ายสัมพันธมิตร (Allies) ประกอบไปด้วยสามประเทศผู้ยิ่งใหญ่ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ยังมี ฝรั่งเศส โปแลนด์ ออสเตรเลีย และอีก 48 ชาติที่เป็นประเทศสมาชิกรอง ผู้ให้ความช่วยเหลือทางทหาร คู่สงครามร่วม รวมทั้งรัฐบริวาร

เรื่องน่าแปลกใจที่ไม่น่าแปลกใจของสงครามโลกครั้งที่สองก็คือ ประเทศไทยมีรายชื่อทั้งฝ่ายอักษะและฝ่ายสัมพันธมิตร เป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่ไม่ว่าชาติไหนก็ตามไม่อาจเลียนแบบ

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 24 ก.ย. 24, 09:13

ก่อนเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา

สงครามมหาเอเชียบูรพา (Greater East Asia War) หรือที่ฝ่ายสัมพันธมิตรเรียกว่าสงครามแปซิฟิก (Pacific War) เป็นส่วนหนึ่งและส่วนสำคัญของสงครามโลกครั้งที่สอง พื้นที่ความขัดแย้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกและเอเชียตะวันออกเป็นหลัก ความกว้างขวางของพื้นที่ครอบคลุมดินแดนหลายทวีป มีความแตกต่างด้านภูมิศาสตร์ทั้งในมหาสมุทร เกาะแก่งน้อยใหญ่ พื้นที่ราบกับภูเขา รวมทั้งทะเลทราย มีการสู้รบอย่างเต็มรูปแบบด้วยอาวุธทุกชนิด ประเทศไทยเข้าร่วมกับสงครามมหาเอเชียบูรพาตั้งแต่วันแรก อาจจะล่าช้ากว่าการปะทะกันครั้งแรกแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมง และอยู่ร่วมสงครามไม่ว่าจะในฐานะใดๆ ก็ตามกระทั่งวันสุดท้าย

ช่วงเวลาก่อนประเทศไทยเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สอง มีเหตุการณ์สำคัญส่งผลกับกองทัพไทยและคนไทยโดยตรง ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน 2483 ถึงวันที่ 9 พฤษภาคม 2484 เกิดกรณีพิพาทระหว่างไทย-อินโดจีนฝรั่งเศส (Franco-Thai War) เป็นความขัดแย้งทางทหารระหว่างประเทศไทยและฝรั่งเศสเหนือดินแดนอินโดจีนฝรั่งเศส เป็นสงครามเต็มรูปแบบมีการเคลื่อนกำลังพลเข้าปะทะทั้งบนบก ในอากาศ และกลางท้องทะเล

กองทัพไทยในเวลานั้นมีอาวุธทันสมัยมากพอสมควร รัฐบาลระบอบประชาธิปไตยซึ่งมีคนจากคณะราษฎรอยู่ร่วมเป็นจำนวนมาก เล็งเห็นว่าภัยคุกคามจากนอกประเทศจะทวีความรุนแรงมากขึ้น รัฐบาลจึงเร่งจัดหาอาวุธทันสมัยให้กับทุกเหล่าทัพเพื่อใช้ป้องกันประเทศ

ช่วงเวลาดังกล่าวภัยคุกคามจากทางน้ำอันตรายมากที่สุด การเดินทางเข้าออกประเทศต้องใช้ทางน้ำเป็นหลัก กระทรวงกลาโหมจัดสรรงบประมาณให้กับกองทัพเรือมากกว่ากองทัพบกและกองทัพอากาศ (ซึ่งเคยเป็นกรมอากาศยานสังกัดกองทัพบกมาก่อน กระทั่งวันที่ 9 เมษายน 2480 จึงได้แยกตัวออกมาเป็นอีกหนึ่งเหล่าทัพ) ในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 ต่อ 1

 พูดง่ายๆ ก็คือกองทัพเรือได้งบประมาณมากกว่ากองทัพบกและกองทัพอากาศสามเท่าตัว

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 24 ก.ย. 24, 09:15

แต่ถึงกระนั้นงบประมาณที่ได้รับมากกว่าทัพอื่นสามเท่า ยังไม่เพียงพอซื้อเรือรบจำนวนมากให้ทันเวลา กองทัพเรือและรัฐบาลจึงได้ริเริ่มโครงการสำคัญที่สุดและใหญ่ที่สุดของราชนาวีไทยขึ้นมา ใช้ชื่อว่า ‘พระราชบัญญัติบำรุงกำลังทางเรือ พ.ศ.2478’ เป็นงบประมาณพิเศษ 18 ล้านบาทซึ่งรัฐบาลทยอยแบ่งจ่ายเป็นเวลา 6 ปี ปีละ 3 ล้านบาท กองทัพเรือจึงสามารถจัดหาเรือรบหลากหลายรูปแบบเข้าประจำการตามความต้องการ ประกอบไปด้วย

          - เรือปืนหนักหุ้มเกราะจำนวน 2 ลำ

          - เรือสลุปและฝึกหัดนักเรียนทหารจำนวน 2 ลำ

          - เรือตอร์ปิโดใหญ่จำนวน 7 ลำ

          - เรือตอร์ปิโดเล็ก 3 ลำ

          - เรือวางทุ่นระเบิด 2 ลำ

          - เรือลำเลียง 2 ลำ

          - เรือดำน้ำ 4 ลำ

          - เครื่องบินทะเล 6 เครื่อง และอาวุธยุทโธปกรณ์อื่นๆเช่น ปืนใหญ่ ทุ่นระเบิด ฯลฯ

การเสริมทัพจากพระราชบัญญัติบำรุงกำลังทางเรือ พ.ศ.2478 ช่วยให้ราชนาวีไทยมีกำลังทางเรือเข้มแข็งมากกว่าเดิม พร้อมรับมือภัยคุกคามจากต่างชาติที่เข้ามารุกราน โดยเฉพาะฝรั่งเศสซึ่งเคยรบเคียงข้างกันในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ทว่ามีข้อขัดแย้งเรื่องดินแดนกับประเทศไทยเป็นเวลาช้านาน

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 24 ก.ย. 24, 09:19

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

ในภาพคือเรือสลุปชั้นเรือหลวงท่าจีน

   วันที่ 13 สิงหาคม 2478 กองทัพเรือสั่งต่อเรือสลุปและฝึกหัดนักเรียนทหารจำนวน 2 ลำจากบริษัทมิตซุยบุชซันไกชาในวงเงิน 1.885 ล้านบาท เรือถูกต่อขึ้นที่อู่ต่อเรืออูรางา เมืองโยโกสุกะ กองทัพเรือส่งนาวาเอกพระประกอบกลกิจเป็นหัวหน้าควบคุมการต่อเรือ และนาวาโทหลวงชาญจักรกิจเป็นผู้ควบคุมการต่อเรือให้เป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญา

         วันที่ 24 กรกฎาคม 2479 มีพิธีปล่อยเรือหลวงท่าจีนลงน้ำ พร้อมกับพิธีวางกระดูกงูเรือหลวงแม่กลอง ต่อมาในวันที่ 23 พฤษภาคม 2480 กองทัพเรือส่งกำลังพลไปรับเรือทั้ง 2 ลำที่ประเทศญี่ปุ่น และในวันที่ 26 กันยายน 2480 มีพิธีต้อนรับ เจิมเรือ และเข้าประจำการที่กรุงเทพ รวมทั้งมีพิธีเฉลิมฉลองให้ประชาชนคนไทยเข้าร่วมงานในเวลาต่อมา

   เรือสลุปชั้นเรือหลวงท่าจีนมีระวางขับน้ำ 1,400 ตัน ยาว 85 เมตร กว้าง 10.5 เมตร กินน้ำลึก 3.7 เมตร ใช้เครื่องจักรไอน้ำร่วมกับเครื่องกังหันไอน้ำจำนวน 2 เครื่อง ให้กำลัง 2,500 แรงม้า ความเร็วสุงสุด 17 นอต ระยะทำการไกลสุด 5,700 ไมล์ทะเล ระยะปฏิบัติการไกลสุด 16,000 ไมล์ทะเลที่ความเร็ว 10 นอต ติดตั้งอาวุธปืนใหญ่ขนาด 120/45 มม.แท่นเดี่ยวจำนวน 4 กระบอก ปืนต่อสู้อากาศยานเมดแสนขนาด 20 มม.แท่นคู่ จำนวน 1 กระบอก ตอร์ปิโดขนาด 450 มม.แท่นคู่จำนวน 2 แท่นยิง รางทิ้งทุ่นระเบิดแบบ 70/80 จำนวน 2 ราง พาราเวนสำหรับกวาดทุ่นระเบิดแบบ S TYPE C จำนวน 2 ชุด และเครื่องบินทะเลรุ่น Watanabe WS-103 จำนวน 1 ลำพร้อมกว้านรอก

        เรือสลุปทั้ง 2 ลำมีภารกิจดังนี้

   - ในยามสงคราม ปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศทางทะเล สามารถทำการรบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

     - ในยามสงบ ปฏิบัติภารกิจเป็นเรือฝึกนักเรียนทหารและนายทหาร สำหรับฝึกภาคทะเลทั้งใกล้และไกลจนถึงต่างประเทศ เพื่อให้นักเรียนทหาร นายทหาร และทหารประจำเรือมีความรู้ความชำนาญในการเดินเรือ นอกจากนี้ยังเป็นการอวดธงราชนาวีไทยไปในตัวด้วย




บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 25 ก.ย. 24, 08:01

ผลลัพธ์จากการปะทะเดือด

กรณีพิพาทระหว่างไทย-อินโดจีนฝรั่งเศสผมข้ามไปเลยแล้วกันนะครับ รายละเอียดบางส่วนหาอ่านได้จากเรือนไทยตามลิงก์นี้เลย

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=4768.0

ก่อนเกิดกรณีพิพาทระหว่างไทย-อินโดจีนฝรั่งเศสเพียง 2 เดือน ญี่ปุ่นส่งกองเรือมายกพลขึ้นบกที่ท่าเรือไฮฟองมุ่งตรงเข้าสู่กรุงฮานอย ช่วงนั้นกองทัพฝรั่งเศสในยุโรปพ่ายแพ้ต่อกองทัพเยอรมันไปแล้ว จำเป็นต้องยอมให้ญี่ปุ่นเข้ามาใช้งานพื้นที่อินโดจีนฝรั่งเศส ทั้งท่าเรือในอ่าวคัมรานห์ ณครไซง่อน และสนามบินต่างๆ ในคาบสมุทรอินโดจีนตอนใต้ เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนส่งกำลังทหารเข้ารุกรานประเทศไทย มลายู และสิงคโปร์ของอังกฤษอันเป็นแผนการขั้นตอนถัดไป

จากเหตุการณ์นี้นายกรัฐมนตรีไทยเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีว่า “เหตุการณ์ทางอินโดจีนตรึงเครียดยิ่งขึ้นทุกวัน ถ้าฝรั่งเศสยอมยกอินโดจีนให้กับญี่ปุ่น และไทยมิได้แสดงหน้าที่สนใจเกี่ยวกับดินแดนของเราที่เสียไป รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบต่ออนุชนคนรุ่นหลังในฐานที่เพกเฉย”

หลังจากนั้นไม่นานการปะทะกันระหว่างทหารสองฝ่ายได้พลันเกิดขึ้น

เมื่อกรณีพิพาทระหว่างไทย-อินโดจีนฝรั่งเศสสิ้นสุดลงบนโต๊ะเจรจา โดยมีญี่ปุ่นประเทศมหาอำนาจชาติใหม่เป็นคนกลางช่วยไกล่เกลี่ย ประเทศไทยได้ดินแดนบางส่วนคืนกลับมาจากฝรั่งเศส และแบ่งการปกครองเป็น 4 จังหวัดประกอบไปด้วย จังหวัดพิบูลสงคราม จังหวัดพระตะบอง จังหวัดนครจัมปาศักดิ์ และจังหวัดลานช้าง แลกกับการสูญเสียเครื่องบินรบจำนวน 13 ลำ รถถัง ยานเกราะ และปืนใหญ่จำนวนพอสมควร รวมทั้งเรือรบสำคัญจำนวน 3 ลำ โดยเฉพาะเรือหลวงธนบุรีซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่ที่สุดและทันสมัยที่สุด นอกจากกำลังพลเสียชีวิต 160 นาย บาดเจ็บ 307 นายแล้ว กระสุนปืนทั้งเล็กและใหญ่รวมทั้งระเบิดชนิดต่างๆ ถูกนำออกมาใช้เกือบหมดคลังแสง

หลังจากนั้นไม่นานนักสงครามโลกครั้งที่สองซึ่งทำการรบพุ่งกันอยู่ในทวีปยุโรป มีทีท่าว่าจะขยายตัวมายังทวีปเอเชียรวมทั้งประเทศไทย พันธมิตรสำคัญจากกรณีพิพาทระหว่างไทย-อินโดจีนฝรั่งเศสซึ่งก็คือประเทศญี่ปุ่น กลับกลายเป็นภัยคุกคามขนาดใหญ่ที่ทุกชาติในเอเชียพากันหวาดหวั่น ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในสามแกนนำฝ่ายอักษะมีกำลังรบขนาดใหญ่มหึมา และญี่ปุ่นกำลังทำสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สองอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่ฝรั่งเศสยังโอนอ่อนผ่อนตามเชื่อฟังญี่ปุ่นไปหมดทุกเรื่อง

ภาพประกอบคือเชลยศึกทหารฝรั่งเศสที่กองทัพไทยจับได้ทางภาคบูรพา (ประเทศกัมพูชา)



บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 25 ก.ย. 24, 09:08

กองเรือเฉพาะกิจออกลาดตระเวน

ย่างเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน 2484 ภัยคุกคามจากญี่ปุ่นมีทีท่าน่ากลัวมากกว่าเดิม รัฐบาลไทยและทุกเหล่าทัพไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด มีการเตรียมความพร้อมรับมือการรุกรานทั้งทางทะเลและทางบก หนึ่งในนั้นก็คือส่งกองเรือเฉพาะกิจออกลาดตระเวนในอ่าวไทย และมีคำสั่งให้กองเรือแวะจอดตามจังหวัดชายทะเลสำคัญ ๆ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจต่อประชาชนซึ่งพักอาศัยใกล้ทะเล มีการฝึกซ้อมร่วมกับทหารในจังหวัดนั้นๆ รวมทั้งเติมน้ำมันและรับยุทธปัจจัยต่างๆ ไปพร้อมกัน

การออกลาดตระเวนใช้เวลาเดินทางไปกลับ 15 วัน นาวาเอกชลิต กุลกำม์ธรได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บังคับกองเรือ ซึ่งประกอบไปด้วยเรือรบและเรือช่วยรบจำนวน 8 ลำประกอบไปด้วย

- เรือสลุปจำนวน 2 ลำ ได้แก่ เรือหลวงท่าจีน และเรือหลวงแม่กลอง

- เรือตอร์ปิโดใหญ่จำนวน 4 ลำ ได้แก่ เรือหลวงระยอง เรือหลวงตราด เรือหลวงสุราษฎร์ และเรือหลวงปัตตานี

-  เรือกวาดทุ่นระเบิดจำนวน 1 ลำ ได้แก่ เรือหลวงบางระจัน

- เรือลำเลียงจำนวน 1 ได้แก่ คือ เรือหลวงพงัน

กองเรือเฉพาะกิจออกเดินทางวันที่ 21 พฤศจิกายน 2484  เส้นทางเดินเรือเริ่มต้นจากกรุงเทพ-หมู่เกาะอ่างทอง-สงขลา-นราธิวาส ก่อนแล่นเรือข้ามอ่าวไทยมุ่งตรงมาที่เกาะกูด-สัตหีบ-กรุงเทพตามลำดับ การเดินทางในช่วงแรกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผ่านชุมพร นครศรีธรรมราช และถึงสงขลาตามกำหนด ไม่มีการตรวจพบสิ่งผิดปรกติหรือเรือรบจากประเทศอื่น

ในภาพคือเรือหลวงบางระจัน เรือกวาดทุ่นระเบิดที่เราซื้อมาจากประเทศอิตาลี


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 25 ก.ย. 24, 09:09

ต่อมาในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2484 ลูกเรือตรวจพบเรือสินค้าญี่ปุ่นขนาด 5,500 ตันจอดทิ้งสมอไม่ไกลจากเกาะหนู แต่ไม่ได้ส่งทหารขึ้นไปตรวจค้นเพราะเรือปรกติเหมือนเรือลำอื่น วันรุ่งขึ้นกองเรือออกเดินทางไปยังจังหวัดนราธิวาส ระหว่างเดินทางได้รับข่าวทางวิทยุว่าสถานการณ์ประเทศไม่ค่อยสู้ดี ญี่ปุ่นอาจรุกรานประเทศไทยตามข่าวลือซึ่งระบาดอย่างหนักในช่วงนั้น

ผู้บังคับกองเรือตัดสินใจเดินทางมาที่เกาะช้าง แล้ววางตำแหน่งเรือพร้อมจอดพรางไฟบริเวณแหลมงอบ จังหวัดตราด ตรงนี้เป็นชายแดนภาคตะวันออกติดกับดินแดนอินโดจีนฝรั่งเศส และเป็นจุดที่ทหารเรือไทยเคยทำยุทธนาวีเกาะช้างกับทหารเรือฝรั่งเศสเมื่อตอนต้นปี

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2484 ยังไม่มีการตรวจพบเรือรบญี่ปุ่น กองเรือเฉพาะกิจจึงออกเดินทางมาที่จังหวัดระยอง ก่อนจอดพักรอดูสถานการณ์บริเวณท่าเรือสัตหีบ ระหว่างนั้นกองทัพเรือมีคำสั่งให้กองเรือยืดเวลาเดินทางกลับจากวันที่ 6 ธันวาคมเป็นวันที่ 8 ธันวาคม วันที่ 7 ธันวาคม 2484  ผู้บังคับกองเรือสั่งเรือทุกลำแล่นมาจอดรอที่เกาะสีชังเตรียมพร้อมรอรับคำสั่งต่อไป

กลางดึกคืนวันที่ 8 ธันวาคม 2484 กองเรือเฉพาะกิจได้รับโทรเลขด่วนจากกองทัพเรือแจ้งว่า ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกพร้อมกันหลายจุดในช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. นาวาเอกชลิต กุลกำม์ธรสั่งเรียกประชุมเพื่อจัดทัพเรืออย่างเร่งด่วน โดยกำหนดให้หมู่เรือที่ 1 ประกอบไปด้วยเรือหลวงท่าจีนกับเรือหลวงแม่กลอง เดินทางไปสนับสนุนหน่วยทหารบริเวณเกาะไผ่ หมู่เรือที่ 2 ประกอบไปด้วยเรือหลวงตราดกับเรือหลวงปัตตานี มุ่งตรงมาที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หมู่เรือที่ 3 ประกอบไปด้วยเรือหลวงสุราษฎร์และเรือหลวงระยอง ไปลาดตระเวนในน่านน้ำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ก่อนเดินทางกลับฐานทัพเรือสัตหีบ เรือลำอื่นให้จอดเตรียมความพร้อมอยู่บริเวณเกาะสีชังเช่นเดิม

เวลาประมาณ 05.30 น.เรือทุกลำเริ่มออกเดินทาง ระหว่างนั้นมีการตรวจพบเรือสินค้าลำหนึ่งลอยลำอยู่ไม่ไกล เนื่องจากมีภารกิจเร่งด่วนจึงแล่นผ่านไปไม่ได้ตรวจค้น ช่วงเวลาที่กองเรือกำลังจะแยกหมู่ออกไปตามคำสั่ง บังเอิญได้รับแจ้งข่าวจากวิทยุให้ทหารญี่ปุ่นเคลื่อนกำลังผ่านประเทศไทย และสั่งให้เรือทุกลำเดินทางกลับฐานทัพเรือสัตหีบทันที

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 25 ก.ย. 24, 09:11

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

ในภาพคือเรือหลวงตราดเรือตอร์ปิโดใหญ่กองทัพเรือไทย



หลังเหตุการณ์กบฎบวรเดชในปี 2476 กองทัพเรือได้งบประมาณเพิ่มเติมจากรัฐบาลประมาณ 3 ล้านบาท นาวาเอกหลวงสินธุสงครามชัยเสนาธิการทหารเรือ เสนอให้ต่อเรือตอร์ปิโดจำนวน 2 ลำ จากอู่กันดิเอริ ริอูนิดิ เดลลัดดริอาดิ โก ประเทศอิตาลี ราคาเรือพร้อมอาวุธลำละ 1 ล้าน 3 แสนบาท ตั้งชื่อว่าเรือหลวงตราดและเรือหลวงภูเก็ต เข้าประจำการพร้อมกันวันที่ 19 พฤษภาคม 2480

เมื่อพระราชบัญญัติบำรุงกำลังทางเรือ พ.ศ.2478 ผ่านการพิจารณาจากรัฐสภา กองทัพเรือต้องการต่อเรือตอร์ปิโดชั้นเรือหลวงตราดเพิ่มจำนวน 4 ลำ มีการเรียกประกวดราคาเรือและราคาอาวุธแยกจากกัน โดยเลือกใช้ปืนเรือจากสวีเดนและตอร์ปิโดจากเดนมาร์กทดแทนของเดิม ส่งผลให้ราคาต่อเรือหนึ่งลำไม่รวมอาวุธเหลือแค่เพียง 571,300 บาท กองทัพเรือสามารถจัดหาเพิ่มได้ถึง 7 ลำในวงเงิน 3.999 ล้านบาท เท่ากับว่าราชนาวีไทยมีเรือตอร์ปิโดใหญ่จำนวน 9 ลำจัดได้ถึง 3 หมู่เรือ


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 26 ก.ย. 24, 08:22

ความผิดพลาดหรือเหตุสุดวิสัย

เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นกลางดึกบริเวณอ่าวไทย กองเรือญี่ปุ่นซึ่งประกอบไปด้วยเรือรบและเรือลำเลียงจำนวนมาก เล็ดลอดการตรวจค้นจากกองเรือเฉพาะกิจกองทัพเรือไทยได้อย่างไร ผู้อ่านจำนวนมากคงนึกสงสัยและตั้งข้อกังขา ด้วยข้อมูลต่างๆ ที่มีอยู่ในมือผมพอสรุปได้ตามนี้

1.เป็นเพราะกองทัพเรือไทยไม่มีเรดาร์ใช้งานบนเรือทุกลำ ตลอดการเดินทางใช้การตรวจค้นด้วยสายตาเพียงอย่างเดียว และสามารถทำได้เฉพาะวันที่ทัศนวิสัยดีเท่านั้น การเดินเรือเวลากลางคืนก็เป็นไปอย่างยากลำบาก กองทัพเรือไทยเพิ่งมีเรดาร์ใช้หลังผ่านสงครามโลกครั้งที่สองไปแล้ว

 2.เป็นเรื่องความดวงซวยเล็กน้อย เรือสลุปทั้ง 2 ลำคือเรือหลวงท่าจีนกับเรือหลวงแม่กลอง สามารถบรรทุกเครื่องบินทะเลรุ่น WS-103S ได้จำนวน 1 ลำ เป็นเครื่องบินใบพัดปีก 2 ชั้นติดทุ่นคู่ ความเร็วสูงสุด 128 ไมล์ต่อชั่วโมง บินได้นานสุด 5 ชั่วโมง ติดปืนกลและอาวุธได้ เครื่องบิน 2 ลำลาดตระเวนทางอากาศได้ในพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง ถือเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดของกองเรือเฉพาะกิจ

ความซวยอยู่ที่ว่า…ช่วงปลายกรณีพิพาทระหว่างไทย-อินโดจีนฝรั่งเศส หรือก่อนญี่ปุ่นบุกไทยเพียงไม่กี่เดือน กองทัพเรือถอดเครื่องบินทะเลออกเพื่อติดตั้งปืนต่อสู้อากาศยาน 40/40 มม.แท่นคู่จำนวน 1 กระบอก และถอดแท่นยิงตอร์ปิโดออกเพื่อติดตั้งปืนต่อสู้อากาศยาน 40/40 มม.แท่นเดี่ยวจำนวน 2 กระบอก เหตุผลก็คือเรือสลุปซื้อจากญี่ปุ่นมีปืนกลต่อสู้อากาศยาน Madsen แท่นคู่ขนาด 20 มม.เพียงกระบอกเดียว ไม่เพียงพอในการรับมือภัยคุกคามจากฟากฟ้าซึ่งทวีความน่ากลัวมากกว่าเดิม ซึ่งเป็นแนวคิดที่ถูกต้องและเหมาะสมเพียงแต่ต้องแลกเปลี่ยนกับอาวุธชนิดอื่น

เมื่อไม่มีเครื่องบิน WS-103S การตรวจจับเป้าหมายในทะเลจึงยากกว่าเดิม

ในภาพคือเครื่องบินทะเลรุ่น WS-103S ขณะจอดบนเรือหลวงท่าจีนและเรือหลวงแม่กลอง



บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2055



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 26 ก.ย. 24, 23:29

เรดาร์ถูกคิดค้นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษเริ่มใช้ในปี 2481 อเมริกาตามหลังมาสัก 2 ปี กว่าจะมีการผลิตเป็นจำนวนมากเพื่อใช้งานน่าจะเป็นปี 2484 แล้ว

ดังนั้นในเวลาเดียวกันนั้น ผมเข้าใจว่ากองทัพไทยยังไม่มีเรดาร์ใช้แม้แต่เครื่องเดียวครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 27 ก.ย. 24, 08:22

3.เป็นความเหลื่อมล้ำในเรื่องช่วงเวลา กองเรือเฉพาะกิจออกเดินทางวันที่ 21 พฤศจิกายน 2484 กลับกรุงเทพวันที่ 6 ธันวาคม 2484 ก่อนมีคำสั่งให้เลื่อนเวลาออกไป 2 วัน ส่วนกองเรือญี่ปุ่นเดินทางจากเกาะไหหลำมาถึงล่าช้ากว่ากันคือในคืนวันที่ 7 ธันวาคม 2484 ก่อนเข้าประชิดชายฝั่งเวลา 2.00 น.ของอีกวัน ในเมื่อกองเรือของเราเดินทางกลับก่อนจึงจะไม่เห็นอีกฝ่ายแม้แต่เงา

4.ญี่ปุ่นส่งเรือสินค้ามาซุ่มดูกองเรือไทยอยู่เงียบๆ จึงรับรู้ความเคลื่อนไหวฝ่ายเราตลอดเวลา เมื่อถึงเวลานัดหมายกองเรือญี่ปุ่นจะใช้ความเร็วและความมืดเข้าวางตัวตามตำแหน่ง

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 27 ก.ย. 24, 08:24

สาเหตุเล็กๆ อีกหนึ่งประการที่เป็นส่วนหนึ่งของความผิดพลาด นั่นคืออาการอ่อนล้าของลูกเรือหลังออกทะเล 16 วันติดต่อกัน เนื่องจากเรือแต่ละแบบมีขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ความเหนื่อยล้าของลูกเรือแต่ละลำย่อมมีไม่เท่ากันไปด้วย เรือสลุปเป็นเรือลำใหญ่ ออกแบบให้เดินทางกลางทะเลลึก และเป็นเรือฝึกมีห้องพักรองรับลูกเรืออย่างเพียงพอ เรือลำเลียงก็มีขนาดใหญ่พื้นที่ใช้งานค่อนข้างมาก ที่อาจมีปัญหาได้แก่เรือกวาดทุ่นระเบิดซึ่งมีระวางขับน้ำเพียง 395 ตัน และเรือที่มีปัญหามากที่สุดก็คือเรือตอร์ปิโดใหญ่ทั้ง 4 ลำ

เรือถูกออกแบบให้บุกโจมตีโดยใช้ความเร็วกับความคล่องตัว ถล่มฝ่ายตรงข้ามด้วยตอร์ปิโดเสร็จก็เดินทางกลับฐานทัพ การนำเรือตอร์ปิโดมาโต้คลื่นกลางทะเลลึกหลายวันติดกัน ลูกเรือย่อมมีความอ่อนล้าสะสมมากบ้างน้อยบ้าง พื้นที่ให้ลูกเรือพักผ่อนก็ค่อนข้างคับแคบ หนำซ้ำยังใช้เครื่องจักรกังหันไอน้ำแบบพาร์สันใช้ไอดงจำนวน 2 เครื่อง ส่งผลให้ภายในตัวเรือมีความร้อนสะสมจำนวนมาก พื้นที่บริเวณท้ายเรือไม่สามารถนอนหลับกันได้ ลูกเรือส่วนหนึ่งใช้วิธีผูกเปลนอนบนดาดฟ้าเรือ แต่ต้องเผชิญคลื่นลม สภาพอากาศ ความชื้นและลมฝน และเสี่ยงกับการตกเรือ

กองเรือเฉพาะกิจประสบปัญหาค่อนข้างมาก ส่งผลให้การทำภารกิจค้นหากองเรือญี่ปุ่นประสบความล้มเหลว

บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 28 ก.ย. 24, 08:48

Tora! Tora! Tora!

สงครามมหาเอเชียบูรพาหรือสงครามแปซิฟิก เริ่มต้นจากญี่ปุ่นโจมตีฐานทัพเพิร์ลฮาร์เบอร์ของสหรัฐอเมริกา ในช่วงเช้าตรู่วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2484 หรือวันที่ 8 ธันวาคมตามเวลาญี่ปุ่น ย้อนกลับไปยังคืนวันเสาร์มีงานเลี้ยงสังสรรค์กันตามปรกติ รวมทั้งมีการประกวดวงดุริยางค์ประจำอาทิตย์ ผลการตัดสินเรือประจัญบาน USS Arizona ได้รางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง ทหารบนเรือลำนี้จึงได้สิทธิ์นอนตื่นสายในวันถัดไป

วันรุ่งขึ้นเวลาประมาณ 6.15 น.เรือพิฆาตอเมริกาตรวจพบเรือดำน้ำไม่ปรากฏสัญชาติ 1 ลำ จึงใช้อาวุธปราบเรือดำน้ำทำลายตามคำสั่งกัปตัน จากนั้นไม่นานเครื่องบินรบก็สามารถทำลายเรือดำน้ำได้อีก 1 ลำ เพียงแต่พวกเขาไม่ทันเฉลียวใจว่าจะมีการโจมตีครั้งใหญ่เกิดขึ้น

เวลาใกล้เคียงกันฝูงบินโจมตีชุดแรกกองทัพเรือญี่ปุ่นจำนวน 183 ลำ ประกอบไปด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ 49 เครื่อง เครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดเล็ก 51 ลำ เครื่องบินทิ้งตอร์ปิโด 40 ลำ และเครื่องบินขับไล่คุ้มกันอีก 43 ลำ บินขึ้นจากเรือบรรทุกเครื่องบินญี่ปุ่นจำนวน 6 ลำ ซึ่งเดินทางมาพร้อมกองเรือคุ้มกันขนาดใหญ่

เวลาประมาณ 07.02 น.เจ้าหน้าที่ประจำสถานีเรดาร์โอปานาทางตอนเหนือของหมู่เกาะฮาวาย ตรวจพบฝูงบินโจมตีของญี่ปุ่นบนจอเรดาร์ บังเอิญก่อนหน้านี้พวกเขาได้รับแจ้งข่าวจากชายฝั่งตะวันตกว่า จะมีเครื่องบินจำนวนหนึ่งบินจากแคลิฟอร์เนียมาลงฮาวาย เมื่อตรวจพบวัตถุประหลาดในจอเรดาร์จึงไม่ได้แจ้งเตือนแต่อย่างใด

ถัดมาประมาณ 13 นาที ฝูงบินโจมตีชุดที่สองกองทัพเรือญี่ปุ่นจำนวน 169 ลำ บินขึ้นสู่ฟากฟ้ามุ่งตรงมาที่เพิร์ลฮาร์เบอร์เพื่อโจมตีดาบสองให้จมเขี้ยว

เวลาประมาณ 07.30 น.เครื่องบินรบญี่ปุ่นปรากฏตัวเหนือฐานทัพอเมริกาเป็นครั้งแรก เมื่อได้รับคำสั่งจากผู้บังคับการให้เครื่องบินทุกลำโจมตี อากาศยานติดสัญลักษณ์ทหารจักรพรรดิก็ปักหัวลงต่ำตรงเข้าใกล้เป้าหมาย ทหารกับชาวบ้านบนเกาะเพ่งมองเครื่องบินผู้รุกรานด้วยความแปลกใจ ฉับพลันได้เสียงหวีดหวิวจากลูกระเบิดลอยแหวกอากาศ ตามติดด้วยเสียงระเบิดดังสนั่นและลูกไฟดวงโตลอยขึ้นสู่ขึ้นฟ้า การโจมตีฐานทัพเรือสหรัฐอเมริกาครั้งแรกของกองทัพญี่ปุ่นเกิดขึ้นแล้ว

บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 ... 8
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.056 วินาที กับ 19 คำสั่ง