เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41293
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อ 07 ส.ค. 24, 13:29
|
|
คนไหนคือเพิ่ม คนไหนคือจรูญ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
superboy
|
ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อ 07 ส.ค. 24, 16:35
|
|
นอกจากมีการประกาศเรียกพลอาสาต่อพลเมืองที่ไม่ได้เป็นทหาร กระทรวงกลาโหมยังมีประกาศเรียกพลอาสาทหารบกประจำการ และด้วยเหตุนี้ร้อยตรีนพจึงตัดสินใจทำรายงานเสนอผู้บังคับบัญชา
“พ่อนพคิดดีแล้วรึ” พันโทพระทรงสุรเดชสอบถาม
เขาเข้าใจทำไมชายหนุ่มอนาคตไกลตัดสินใจเด็ดเดี่ยว เพียงแต่รู้สึกเสียดายความรู้ความสามารถลูกน้อง ร้อยตรีนพสื่อสารได้ทั้งภาษาฝรั่งเศสและอังกฤษ จะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการติดต่อประเทศฝ่ายสัมพันธมิตร
“ผมรักแม่ช้อยมาก ผมเหลือแค่โอกาสสุดท้าย” นพเผยความในใจ
“พ่อนพอาจต้องสู้รบกับทหารเยอรมัน”
“ผมไม่กลัว…ผมกลัวท่านมากกว่า ท่านฝึกให้ผมเป็นทหารกล้า ท่านเคี่ยวเข็ญทุกวันผมจนผมเก่งกล้า ผมจะกลับมาที่นี่อีกครั้งพร้อมชัยชนะ”
แววตามุ่งมั่นเอาจริงเอาจังชายหนุ่มผู้มั่นคงในความรัก พันโทพระทรงสุรเดชเห็นแล้วรู้สึกสงสารจับใจ “ในเมื่อพ่อนพอยากไปฉันไม่ห้าม ฉันขอเพียงเรื่องเดียว พยายามหาความรู้กลับประเทศให้มากที่สุด”
“ผมจะพยายามอย่างเต็มที่ครับท่าน”
“แล้วนี่พ่อนพอยากอยู่กองไหนล่ะ”
“กองทหารบกรถยนต์ครับ ช้อยไม่อยากให้ผมขึ้นบิน”
“ประมาณต้นปีฉันต้องไปยุโรป คงไม่ได้อยู่ส่งพ่อนพขึ้นเรือ”
เสนาธิการกองพลทหารบกที่ 4 ตบไหล่นายทหารคนสนิท ทำงานด้วยกันหนึ่งปีทหารหนุ่มคนนี้ฝีมือดีที่สุด อีกไม่นานตัวเองคงตกระกำลำบากอยู่ที่เมืองนอก แต่ถึงกระนั้นเขากลับรู้สึกยินดีที่ลูกน้องลุกขึ้นสู้เพื่อคนรัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
superboy
|
ความคิดเห็นที่ 32 เมื่อ 07 ส.ค. 24, 16:41
|
|
เครื่องแบบทหารอาสาผมชอบมากที่สุดเลยครับอาจารย์ โดยเฉพาะผ้าพันหน้าแข้งแต่ดูเหมือนจะใส่ลำบากพอสมควร เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย พันโทพระทรงสุรเดช (ใหญ่ เกตุทัต) ต่อมาได้รับตำแหน่งพันเอกพระยาประสิทธิสงคราม ภาพที่ผมนำมาลงท่านประดับอินทรธนูยศพันโทตามเนื้อเรื่องพอดิบพอดี สิ่งที่มีชื่อเสียงจนถึงปัจจุบันคือบ้านพระยาประสิทธิสงคราม ตั้งอยู่ติดริมคลองบางกอกใหญ่ที่มีเรือสัญจรผ่านไปมาเป็น ฝั่งตรงข้ามคือวัดหงส์รัตนาราม วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อครั้นปลายกรุงศรีอยุธยา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
superboy
|
ความคิดเห็นที่ 33 เมื่อ 07 ส.ค. 24, 16:45
|
|
ส่วนภาพนี้พันโทพระทรงสุรเดชตอนครองยศนายร้อยตรีเหมือนร้อยตรีนพ ดูเหมือนสมัยนั้นยศร้อยตรีต้องเป็นกันนานกว่าจะได้ขึ้นร้อยโท 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41293
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 35 เมื่อ 08 ส.ค. 24, 08:58
|
|
เครื่องแบบทหารอาสาผมชอบมากที่สุดเลยครับอาจารย์ โดยเฉพาะผ้าพันหน้าแข้งแต่ดูเหมือนจะใส่ลำบากพอสมควร สงสัยว่าผ้าพันแข้งเป็นผ้าอะไรคะ เหมือนผ้าที่พันขานักกีฬาแก้ปวดเมื่อยหรือเปล่า วิธีใส่ต้องพันผ้าก่อนแล้วถีงสวมรองเท้าใช่ไหมคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
superboy
|
ความคิดเห็นที่ 36 เมื่อ 08 ส.ค. 24, 09:22
|
|
ผ้าพันหน้าแข้งส่วนใหญ่เรียกว่า Puttee มาจากทหารม้าในอดีต ใช้เก็บชายกางเกง ป้องกันลวดหนามบาดขา เริ่มได้รับนิยมก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่งได้ไม่นาน ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองจึงถูกแทนที่ด้วยรองเท้าคอมแบท ดูจากภาพน่าจะเป็นผ้าที่มีความยืดหยุ่นทำความสะอาดง่ายเหมือนผ้าพันมือนักกีฬา ทหารไทยในยุคนั้นส่วนใหญ่ใช้ยี่ห้อ FOX นำเข้าจากต่างประเทศ วิธีใช้งานคือพันทับไปเลยทั้งกางเกงและรองเท้าไม่ว่าเป็นแบบไหน 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
superboy
|
ความคิดเห็นที่ 37 เมื่อ 08 ส.ค. 24, 09:26
|
|
ทหารอาสาที่ถูกจัดตั้งแบ่งออกเป็นสองกอง หนึ่งกองบินทหารบกพันตรีหลวงทยานพิฆาตเป็นผู้บังคับบัญชา ทหารสามร้อยเก้าสิบแปดนายแบ่งกำลังพลออกเป็นสามกองบิน และสองกองทหารบกรถยนต์พันเอกพระเฉลิมอากาศเป็นผู้บังคับบัญชา กำลังพลรวมทั้งสิ้นแปดร้อยห้าสิบนาย แบ่งกำลังพลเป็นแปดกองร้อยย่อยกับหนึ่งหมวดพยาบาล
ช่วงเวลาที่กองทหารอาสายังอยู่ในพระนคร กองบินทหารบกใช้โรงทหารกองบินตำบลดอนเมืองเป็นสถานที่ฝึกสอน ส่วนกองทหารบกรถยนต์ใช้ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นสถานที่ฝึกสอน มีการคัดสรรและมอบตำแหน่งให้กับทหารอาสาทุกนาย เพิ่มกับเชิดอายุค่อนข้างน้อยได้เป็นพลทหาร ส่วนจรูญกับเฉลิมประสบการณ์มากกว่าได้ครองยศสิบโท
ระหว่างหยุดพักสองเพื่อนเก่ามีเวลาสนทนาพูดคุยเป็นการส่วนตัว
“สวัสดีครับหมู่จรูญ” ยกมือวันทยหัตถ์แสดงความเคารพ
“สวัสดีพลทหารเพิ่ม” จรูญแสดงความเคารพกลับคืน
“ฉันว่าช่วงนี้พี่จรูญผอมลง”
“เออว่ะ…ข้ารู้สึกร่างกายกระฉับกระเฉงทำอะไรได้ทุกอย่าง นี่ถ้าข้ายังอยู่บ้านเหมือนเดิม แม่น้อยเมียข้าไม่เป็นอันได้หลับได้นอน”
“โยงมาเรื่องนี้ทุกที” เพิ่มรู้กระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย
“เอ็งรีบหาเมียสิวะไอ้เพิ่ม” จรูญหัวเราะเฮฮาน้ำเสียงสดใส
การฝึกทหารอาสาผ่านมาแล้วสี่สัปดาห์ เริ่มจากการฝึกบุคคลท่ามือเปล่าให้เกิดความชำนาญ และออกกำลังกายอย่างหนักพัฒนาสมรรถภาพด้านต่างๆ เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนฝึกใช้อาวุธป้องกันตัว ผลการฝึกจรูญน้ำหนักลดลงสี่กิโลกรัม ใบหน้าที่เคยแดงก่ำเป็นปรกติเหมือนคนทั่วไป อาการริดสีดวงตาข้างขวาหายขาด ตอนนี้เขาไม่รู้สึกอยากดื่มเหล้าอีกต่อไป
“พี่จรูญเลิกเหล้าได้ยังไง” นี่คือสิ่งที่เพิ่มสงสัยมาก
“ช่วงแรกข้าไม่ไหวเหมือนกัน” จรูญยอมรับความจริง “สองทุ่มใจอยากเดินไปร้านยาดอง ดันเห็นเมียนั่งร้องไห้ในครัวเสียก่อน อยู่กินกันมาเกือบเจ็ดปีข้าไม่เคยทำแม่น้อยภูมิใจ ข้าอยากเป็นผัวที่ดีสักครั้งว่ะเพิ่ม”
ข้อดีของการเลิกเหล้าจรูญร่างกายแข็งแรงไม่เป็นโรคภัยไข้เจ็บ เข้ารับการฝึกได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนทุกคน บังเอิญตอนคัดเลือกทหารอาสาเขายังไม่ผอมเพรียว เครื่องแบบที่สวมจึงหลวมเล็กน้อยขนาดไม่พอดีตัว
“เมียพี่ต้องดีใจมาก” รับฟังเรื่องราวจนจบเพิ่มเกิดความประทับใจ ถ้าเกิดกับตัวเองเขาไม่แน่ใจจะทำได้เหมือนหมู่จรูญ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
superboy
|
ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อ 08 ส.ค. 24, 09:28
|
|
เวลาบ่ายสามโมงทหารอาสาได้หยุดพักสามสิบนาที จากนั้นเป็นการฝึกต่อสู้ป้องกันตัวระยะประชิด วันนี้เป็นวันแรกที่ทหารประจำการเดินทางมาเยี่ยมสถานที่ฝึก ทหารอาสาทุกนายพาลตื่นเต้นดีใจอย่างออกนอกหน้า
“ฉันว่าสองคนนั้นดูสง่าผ่าเผย” เพิ่มให้ความสนใจนายทหารรูปร่างสะโอดสะอง ยืนอยู่ด้านหลังพันเอกพระเฉลิมอากาศกับนายทหารคนสนิท
จรูญมองตามเห็นชายไทยอายุประมาณยี่สิบต้นๆ คนแรกอัธยาศัยดี ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม อีกคนหน้าบึ้งเอาแต่ยืนฟังไม่พูดอะไรสักคำ เนื่องจากตัวเองเคยทำงานกรมตำราทหารบกจึงพลอยรู้ชื่อสองนายทหาร
“คนยิ้มเก่งคือหมวดชื่นส่วนอีกคนหมวดนพ เอ็งอยากอยู่กับใคร”
“หมวดนพท่าทางดุฉันไม่เอาดอก อยู่กับหมวดชื่นดีกว่า”
“ไอ้เพิ่ม…เอ็งยังไม่ประสีประสา คนยิ้มเก่งใช่ว่าใจดีทุกคน”
“แต่คนหน้าบึ้งก็ไม่ไหวนะพี่หมู่”
“เรื่องมันมีที่มา” อดีตเจ้าหน้าที่กรมตำราทหารบกถอนหายใจแผ่วเบา “หมวดนพอยู่ในคณะทูตทหารพิเศษต้องเดินทางไปยุโรป เลยไหว้วานเจ้านายขอลูกสาวเศรษฐีล้วนเป็นเมีย เศรษฐีล้วนไม่อยากได้หมวดนพเป็นลูกเขย แกอ้างโน่นอ้างนี่บอกว่าหมวดนพต้องเป็นทหารอาสา กลับเมืองไทยวันไหนถึงยอมยกลูกสาวให้ หมวดนพจึงได้มาอยู่กองทหารบกรถยนต์”
“ลูกสาวเศรษฐีล้วนคงงดงามทั้งกายและใจ” เพิ่มพูดขึ้นมาลอยๆ
หลังรับรู้เรื่องราวความคิดพลทหารอาสาเปลี่ยนไป บุคคลผู้ยอมละทิ้งความสะดวกสบายในหน้าที่การงาน แล้วกระโจนลงสู่สนามรบเพื่อหญิงสาวอันที่เป็นรักหาได้ยากมาก เพิ่มอยากเป็นลูกน้องร้อยตรีนพด้วยเหตุผลนานับปการ หนึ่งนั้นก็คือเขาเทิดทูนบูชาผู้ชายรักเดียวใจเดียว
จบตอนที่ 4
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41293
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 39 เมื่อ 08 ส.ค. 24, 09:41
|
|
สงสัยว่านายพันเอกพระเฉลิมอากาศ คือคนเดียวกับพลอากาศโท พระยาเฉลิมอากาศ (สุณี สุวรรณประทีป) หรือเปล่าคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
superboy
|
ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อ 08 ส.ค. 24, 09:54
|
|
คนเดียวกันครับอาจารย์ หน้าตาเหมือนในหนังสือเป๊ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
superboy
|
ความคิดเห็นที่ 41 เมื่อ 09 ส.ค. 24, 08:09
|
|
ผมขอแก้ไขข้อมูลในความคิดเห็นที่ 37 ย่อหน้าแรก บังเอิญเขียนรายชื่อไม่ครบที่ถูกต้องสมควรเป็นตามนี้
ทหารอาสาที่ถูกจัดตั้งแบ่งออกเป็นสองกอง หนึ่งกองบินทหารบกพันตรีหลวงทยานพิฆาตเป็นผู้บังคับบัญชา ทหารสามร้อยเก้าสิบแปดนายแบ่งกำลังพลออกเป็นสามกองบิน และสองกองทหารบกรถยนต์พันตรีหลวงรามฤทธิรงค์เป็นผู้บังคับบัญชา กำลังพลรวมทั้งสิ้นแปดร้อยห้าสิบนาย แบ่งกำลังพลเป็นแปดกองร้อยย่อยกับหนึ่งหมวดพยาบาล
ทหารทั้งสองกองอยู่ในความบังคับบัญชาพันเอกพระเฉลิมอากาศ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
superboy
|
ความคิดเห็นที่ 42 เมื่อ 09 ส.ค. 24, 08:38
|
|
ตอนที่ 5 ข่าวลือ
ผ่านพ้นการฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาหลายเดือน กองทหารบกรถยนต์มีการจัดแบ่งกำลังพลเป็นการถาวร พลทหารเพิ่มกับสิบโทจรูญอยู่กองร้อยย่อยที่ 4 ร้อยโทศรี ศุขะวาทีเป็นผู้บังคับกองร้อย ร้อยตรีนพเป็นผู้บังคับหมวดและผู้ช่วยผู้บังคับกองร้อย ส่วนพลทหารเชิดกับสิบเอกเฉลิมอยู่กองร้อยย่อยที่ 8 ร้อยโทเพิ่ม อุณหสูตเป็นผู้บังคับกองร้อย ร้อยตรีชื่นเป็นผู้บังคับหมวดและผู้ช่วยผู้บังคับกองร้อย
เวลาสองทุ่มตรงทหารอาสาทุกนายต้องอยู่บนเตียง คืนนี้เพิ่มนอนไม่หลับจิตใจมัวแต่กังวลเรื่องพี่สาวแต่งงาน เขาขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำหวังอยู่คนเดียวตามลำพัง บังเอิญเจอจ่าจรูญทำตัวลับๆ ล่อๆ ใต้ต้นมะม่วงหน้าโรงนอน สายตาเพ่งมองคนกลุ่มหนึ่งนั่งชุมนุมบริเวณหลังห้องน้ำ
“พี่หมู่ทำอะไร?” อยู่ในสถานที่ราชการเพิ่มไม่กล้าเรียกชื่อทหารชั้นประทวน กลัวตัวเองถูกลงโทษเพราะริอ่านทำผิดกฎข้อบังคับ
“เอ็งบอกข้าทีผู้ชายคนนั้นคือใคร” จรูญรู้สึกดีใจเมื่อได้เจอคนรู้จัก
เพิ่มชะเง้อคอมองครู่หนึ่งก่อนตอบคำถาม “หมวดชื่น”
“ดึกป่านนี้หมวดชื่นออกมาทำอะไรข้างนอก”
“หมวดชื่นอยากเข้าห้องน้ำ”
“ข้าเห็นอยู่ตรงนี้สักพักหนึ่งแล้ว”
“หมวดชื่นอยากสูบยา”
“อยากสูบยาทำไมพาบริวารมาเป็นโขยง”
ทหารอาสาสองนายใต้ต้นมะม่วงมองหน้ากันเงียบๆ
เพิ่มกับจรูญตัดสินใจเข้าไปดูเหตุการณ์ด้วยตาตัวเอง
ร้อยตรีเนื้อหอมถูกรุมล้อมจากทหารอาสากองร้อยย่อยที่ 8 เพิ่มเห็นเชิดอดีตคู่ปรับเก่าส่วนจรูญเห็นเฉลิมอดีตคู่ปรับเก่า สองตัวแสบทำหน้าที่ยุยงส่งเสริมผู้บังคับหมวด ให้เปิดเผยเรื่องราวที่ไม่สมควรพูดถึงในค่ายทหาร
“ฝรั่งเศสใช้เรือรบยิงถล่มป้อมปืนไทย เราเสียดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงให้พวกมัน ส่วนอังกฤษยึดดินแดนภาคใต้ของเรา พวกมันไม่เคยจริงใจกับเราแม้แต่ครั้งเดียว” ชื่นใบหน้าเศร้าสลดเมื่อพูดถึงเหตุการณ์ในอดีต “ทำไมพวกเราไม่สู้ล่ะขอรับ” เชิดคือคนตั้งคำถาม
“เราสู้…แต่เราสู้ไม่ได้ อาวุธพวกมันดีกว่าจำนวนเยอะกว่า”
“ถ้าพวกมันชนะเยอรมันคงเหิมเกริมมากขึ้น” เฉลิมพูดคนถัดไป
“ฉันไม่สบายใจเรื่องนี้แหละ” ชื่นพุ่งตรงเข้าประเด็น “ฉันกลัวพวกมันทรยศหักหลัง ฝรั่งเศสอาจส่งพวกเราไปรบโดยไม่ช่วยฝึกฝนให้เชี่ยวชาญ แพ้ขึ้นมาก็ออกข่าวประจานทหารไทยไม่เก่ง แล้วพาลหาเรื่องยึดดินแดนเรามากขึ้น ฉันไม่อยากให้เพื่อนทหารอาสาต้องตายเปล่า”
ทหารอาสากองร้อยย่อยที่ 8 ทุกนายเชื่อคำพูดผู้บังคับหมวด หลายคนแอบกระซิบเบาๆ เราไม่ควรช่วยฝรั่งเศส ถ้าอยู่ฝั่งเยอรมันแล้วเยอรมันชนะสงคราม เราอาจได้ดินแดนที่เคยสูญเสียให้กับต่างชาติกลับคืน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41293
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 43 เมื่อ 09 ส.ค. 24, 10:15
|
|
ขอบคุณค่ะ พลตำรวจโทพระยาเฉลิมอากาศ ตอนหนุ่มๆหล่อมาก เห็นรูปท่านในชุดนักบินในร้านถ่ายรูปโบราณที่ตลาดร้อยปี สุพรรณบุรี มาดราวกับพระเอกหนัง สมัยนั้นกองทัพอากาศคงยังไม่เกิด นายทหารยศสูงๆเหล่านี้จึงเป็นทหารบกกันหมด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
superboy
|
ความคิดเห็นที่ 44 เมื่อ 09 ส.ค. 24, 10:18
|
|
ข่าวลือเรื่องความไม่พอใจฝรั่งเศสเริ่มขยายวงกว้าง ทหารอาสาบางส่วนแอบพูดเรื่องนี้ในที่ลับตา เมื่อนายทหารได้ยินพลอยรู้สึกไม่สบายใจ กลัวกำลังพลไม่ตั้งใจฝึกซ้อมส่งผลกระทบต่อการออกรบ พันเอกพระเฉลิมอากาศกับพันตรีหลวงรามฤทธิรงค์ซึ่งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการดูแลกองทหารบกรถยนต์ พร้อมใจกันเดินทางมาที่ค่ายทหารเพื่อแก้ไขปัญหา
“น้ำขอรับ” เชิดพูดเสียงสั่นขณะให้บริการหลวงรามฤทธิรงค์
พระเฉลิมอากาศมองทหารอาสาหุ่นมะขามข้อเดียวสีหน้าไม่พอใจ
ชายไทยคนนี้ได้รับการฝึกฝนเป็นเวลาหลายเดือน ทำไมเจ้าตัวยังใช้คำพูดแบบชาวบ้านปากคลองตลาด สวมเครื่องแบบทหารแต่หาความงามสง่าน่าเกรงขามไม่ได้ จะไปสู้รบตบมือเคียงข้างทหารชาติอื่นได้อย่างไร
ตอนนั้นเองเพิ่มเข้ามาให้บริการพระเฉลิมอากาศ “น้ำครับท่าน”
พระเฉลิมอากาศมองทหารอาสารายใหม่สีหน้าพึงพอใจ ทหารพระเจ้ากรุงสยามต้องเดินหลังตรงงามสง่า ใช้คำพูดเข้มแข็งสมชายชาติทหาร ไม่หวาดกลัวการเข้าใกล้นายทหารชั้นผู้ใหญ่ เสียดายรูปร่างพลทหารผอมบางเกินไป อยู่ฝรั่งเศสได้ดื่มนมกินขนมปังทุกวันร่างกายอาจดีกว่าเดิม
เมื่อทหารอาสากองทหารบกรถยนต์มารวมตัวครบทุกนาย พันเอกพระเฉลิมอากาศเกริ่นนำเข้าสู่เนื้อหาที่ต้องการสื่อสาร
“ปี 2449 เราเสียพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณให้กับฝรั่งเศส ปี 2451 เราเสียกลันตัน ตรังกานู ไทรบุรี และปะลิสให้กับอังกฤษ ฉันไม่เคยลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีวันลืมฝรั่งเศสกับอังกฤษเคยทำอะไรกับเรา และไม่เคยประมาทเลินเล่อเตรียมพร้อมทำสงครามตลอดเวลา”
ผู้บังคับบัญชากองทหารบกรถยนต์กวาดตามองรอบตัว
เขาเห็นทหารอาสารูปร่างผอมบางจ้องมองด้วยความสนใจ
ทหารไทยใจเด็ดอธิบายเพิ่ม “เราเสียดินแดนเพราะทหารสู้เขาไม่ได้ เราต้องปรับปรุงแก้ไขเรื่องนี้ให้ดีขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจัดตั้งกองเสือป่าขึ้นมา แบ่งเป็น 4 ภาคดูแลกลุ่มจังหวัดทั่วประเทศ เสือป่าเข้ารับการฝึกหัดใช้อาวุธเหมือนทหารประจำการ พระองค์ต้องการใช้เป็นกองหนุนในกรณีเกิดสงครามโดยไม่ผิดสัญญาระหว่างประเทศ ตั้งแต่รัชกาลพระองค์จนถึงปัจจุบันประเทศไทยไม่เสียดินแดนเพิ่ม แต่พระองค์ทรงมีเรื่องหนักพระหฤทัยสองประการ หนึ่งเอกราชทางศาล สองเอกราชทางศุลกากร”
“สนธิสัญญาเบาริง” ร้อยตรีนพซึ่งนิ่งเงียบมานานพูดประโยคแรก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|