เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 27 28 [29]
  พิมพ์  
อ่าน: 63314 Yesterday Once More...
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 420  เมื่อ 25 พ.ค. 25, 18:20

คนยุค อตน. นี่โชคดี  สามารถหาเพลงที่ต้องการฟังได้อย่างทันใจ  จะฟังซ้ำกี่หนก็สามารถทำได้

สมัยผม  ก่อนยุคแผ่นเสียง  ขึ้นอยู่กับการนำเสนอของเหล่าดีเจ  ถ้าไม่ใช่เพลงดังเป็นบ้าเป็นหลังเช่น เพลง ‘ปั๊บปาดา  ปับปาด๊าดา’  เพลง ‘แว ยัว มาม่า กอน’  เพลง ‘ฮ้า ฮ้า ฮ้า บิวตี้ฟูล ซ่านเด’ หรือเพลง ‘เทล ลอร่า ไอ เลิฟ เฮอ’ พวกนี้แล้ว   อย่างมากได้ฟังซ้ำแค่ 2-3 ครั้ง  แล้วก็ไม่เคยเต็มเพลง   คือครั้งแรกน่ะต้องเจอแบบเต็ม ๆ หรือค่อนเพลง... เป็นประเภทบังเอิญ  ถึงสรุปได้ว่าชอบแล้วตามหาฟังต่อ   ครั้งที่ 2 หรือ 3 นี่  ยากมากที่จะหมุนมาเจอฉบับเต็มหรือค่อนเพลงอีกครั้ง  มักหมุนมาเจอช่วงใกล้จบเพลงเสียทุกที  บางทีกำลัง ‘fade out’ ด้วยซ้ำ  เจอแบบนี้เป็นหัวฟัดหัวเหวี่ยง  

อย่างไรก็ตาม  ความจำผมเป็นเลิศ (เรื่องเก็บเรื่องไร้สาระ)  แม้ได้ฟังเพียงครั้งหรือ 2 ครั้ง  ถ้าชอบ  มันจำได้ไม่ลืม  หลายสิบปีผ่านไปก็ยังจำได้  พอ อตน. เริ่มใช้งานได้ดี  ผมละควักความทรงจำ (ทั้งทำนองเพลงและชื่อเพลงชื่อนักร้องที่ดีเจเคยบอกไว้) ออกมา ‘หาแล้วเก็บ’ อย่างสนุกสนาน

อย่างเพลง I wanna get next to you ของ วง Rose Royce นี่  เคยได้ยินครั้งเดียว  เต็มเพลงรึเปล่า  จำไม่ได้  แต่จังหวะบางช่วงมันเกาะหู  หูก็เลยจับยัดเอาไว้ในกล่องความทรงจำ  เก็บเอาไว้จนถึงยุค อตน.  แล้วเอาออกมาหาฉบับเต็ม ๆ ฟัง



ความจริงเพลงดังของวงนี้คือเพลงนี้  เป็น single แรก  ดังมากในวิทยุ  เพลง  I wannaฯ เป็น single ที่ 2



วง Cornelius Brothers and Sister Rose (ลงไปหลายรอบแล้ว  ไม่ได้ความจำเสื่อม  เพลงโปรดน่ะ)



ตามข้อมูล วงนี้ดัง 2 เพลงแต่เพลงที่ 2 ผมไม่เคยได้ยินทางวิทยุ  จำได้แต่ชื่อ



วง LTD กับ ballad เพลงนี้  ฟังแล้วบอกว่าไม่เพราะไม่ได้



ต่อมานักร้องนำชื่อ Jeffrey Osborne ออกมาเป็นศิลปินเดี่ยว  เพลงนี้วิทยุบ้านเราให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น



วง Heatwave มีเพลงแนว ballad ที่เพราะที่สุดแห่งยุคเพลงหนึ่ง



วงมีเพลงดังอีกเพลง  เป็นเพลงแนว disco ที่ฟังแล้วขาขยับ



วง Sweet Sensation จากอังกฤษกับอีกหนึ่งเพลงโปรดของผม

(เกร็ดส่วนตัวสำหรับวงนี้คือ  อย่างที่บอกว่า  ได้ยินไม่บ่อย  ตอนนั้นนึกว่าเสียงร้องนำเป็นเสียงของผู้หญิง  พอถึงยุค อตน. ได้เห็นภาพตัวเป็น ๆ ของนักร้องนำซึ่งตัวเล็กแล้วหน้าก็มีเค้าของผู้หญิงและผู้ชายพอ ๆ กัน  เลยชักไม่แน่ใจ  หันไปค้นชื่อก็พบว่าเธอชื่อ Marcel  ซึ่งไม่เคยได้ยินชื่อแบบนี้มาก่อน  เลยไม่ได้เป็นข้อมูลช่วยในการตัดสินใจ  ต้องอาศัยเวลาต่อมาเมื่อข้อมูลมีมากขึ้นถึงรู้ชัดว่าเป็นผู้ชาย)


วงนี้ปล่อยเพลงที่ 2 ซึ่งเป็นเพลงฝาแฝด  มันเลยโดนเปรียบเทียบ  ผลคือไม่ดัง  แต่ยังเพราะสำหรับผม



มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 421  เมื่อ 26 พ.ค. 25, 18:04

ฟังเพลง soul แนว ballad ไปเยอะแล้ว  มาฟังเพลง soul แบบมีจังหวะบ้าง  วง soul ดัง ๆ ในยุค 70s ต่อ 80s  มีผลงานที่ว่ามาเปิดในบ้านเรามากมาย  ผมได้นำเสนอไปเยอะแล้ว  Bone M, Gladys Knight & the Pips, The Commodores, The Three Degrees, The Pointer Sisters, วง Earth, Wind & Fire นี่ก็มีเพลงดังหลายเพลงที่วิทยุบ้านเราเอามาเปิด  พื้นเพของวงเล่นเพลงออกไปทาง funk/jazz  ซึ่งไม่ถูกหูผม  นำเสนอผลงานดังของวงนี้ไปเกลี้ยงแล้ว  เนื่องจากหัวหน้าวงคือ Maurice White ตายไปแล้ว  วงนี้เคยทำเพลง ballad ที่ดังกระหน่ำ



ลองฟังผลงานของวงอื่นที่วิทยุเคยนำมาเสนอ

วง Hot Chocolate





วง The O’Jays ที่ตามข้อมูลมีว่าดังมาก  แต่ดังในแวดวงเพลง soul  ซึ่งความดังมาไม่ถึงบ้านเรา  อย่างไรก็ตามวงมีเพลง crossover มาให้วิทยุเปิดบ้าง







วง Rufus



นักร้องนำชื่อ Chaka Khan ตอนหลังออกมาเป็นศิลปินเดี่ยว  มีเพลงนี้ที่วิทยุเปิดให้ฟัง



มีต่อ...

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 422  เมื่อ 27 พ.ค. 25, 18:03

ต่ออีกวันนะ...

วง War  เท่าที่จำได้วิทยุเปิดเพลงของวงนี้หลายเพลง  ส่วนใหญ่ผมจำได้แต่ชื่อ  ไม่ใช่แนวผม  นอกจาก 3 เพลงนี้  ดังสนั่น  ฟังจนชอบ







เพลงนี้ของวง Shalamar เป็นเพลงโปรดของผม  จังหวะดี๊ดี  ผมลงทุนควักเงินซื้อแผ่นเสียงของวงนี้เพราะอยากฟังเพลงนี้เพลงเดียว



เพลงดังของวงคือเพลงนี้  ไอ้เสียงปิ้ว ๆ นี่ไม่เคยลืม



วง Staple Singers ก็เช่นกัน  มีผลงานดัง ๆ อยู่ฝั่งอันดับเพลง soul แทบทั้งนั้น  



วง Undisputed Truth  (ตอนนั้นไม่รู้ทั้งชื่อวงและชื่อเพลง  จำได้แต่ทำนอง  ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ในการตามหา (อาการเดียวกับการตามหาเพลงบรรเลง  แต่ตามหาเพลงบรรเลงยากกว่าเพราะมันไม่มีเนื้อเพลงอีกต่างหาก)  แม้จะมีข้อมูลให้ค้นแล้วก็ตาม  เพลงมาหาผมโดยบังเอิญ)



วง Tower of Power เป็นวงลูกผสมแต่เล่นเพลง soul  เพลงนี้เพราะมาก  ต่อจากเพลงนี้ผมไม่เคยได้ยินเพลงอื่นของวงอีกเลย  จนกระทั้งมีข้อมูลมากขึ้นถึงรู้ว่าวงไม่มีเพลงดังอีกเลย  ความจริงเพลงนี้ก็ไม่ดัง  เป็นแค่เพลงดังที่สุดของวง



ปิดท้ายความทรงจำที่ วง Dramatics



เติมตรงนี้... ผมนั่งดู clip เพลง Full of fire ของวง Shalamar  สังเกตเห็นหนุ่มคนที่ 3 ที่ไม่ได้ร้อง  เธอเต้นสวยมาก  (ย้อนขึ้นไปดูอีกทีดิ)  ชักสงสัยว่าเป็นใคร  เลยถามอากู๋

โป๊ะเชะ... เธอชื่อ Jeffrey Daniel เธอเป็นต้นกำเนิดท่าเต้น moonwalk  รายละเอียดดังนี้

Daniel first performed "the backslide", a physically complicated dance technique (originally performed by the dance group "The Lockers"), now known as the "moonwalk", on British television during a performance of Shalamar's "A Night to Remember" on Top of the Pops. The song was a hit in 1982, almost a year before Michael Jackson moonwalked on the Motown 25: Yesterday, Today, Forever television broadcast; he was a fan of Soul Train – on which Jeffrey Daniel had been a back-up dancer. According to Jackson's sister La Toya, Jackson was a fan of Daniel's dancing and sought him out. He soon met, hired and learned from Daniel.

นี่คือ clip เพลง A night to remember (1982) ของวง Shalamar



บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 423  เมื่อ 28 พ.ค. 25, 18:38

ยังมีบางวงอื่น ๆ ที่ผมไม่เคยฟังเพลงของพวกเขา  เพราะไม่ใช่แนว  แต่ก็จำได้เพียงแค่ชื่อ  ผมก็ไม่เอ่ยถึงนะเพราะกระทู้นี้มันเป็น Yesterday Once More ของผม  ไม่ใช่ของวงการเพลงฝรั่งในบ้านเรา  เท่าที่นึกออกตอนนี้  นอกจากวง hard rock หนัก ๆ  แบบ White Snake, Cinderella, Metallica, Urah Heep, Deep Purple, Led zeppelin  และอื่น ๆ  ยังมีวง Cheap Trick, Devo, The Clash, Simple Minds, Wang Chung ฯลฯ ส่วนใหญ่เป็นวงจากอังกฤษนะ  เพิ่งมาสังเกต 

Kool & the Gang เป็นอีกวงหนึ่งละที่มีเพลงดังมากมาย  เวลาหมุนปุ่มวิทยุหาเพลงฝรั่งที่ถูกหูจะต้องแผ้วพานเพลงของวงนี้เสมอ ๆ  ต่อให้ดังแค่ไหนก็ไม่เคยหยุดฟัง







แม้แต่เพลงดังสุดขีดเพลงนี้ก็ไม่สนใจ



เอ๊ะ... แล้วทำไมเอ็งจำได้วะ  ก็มันดังดั้งดังน่ะซี

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 424  เมื่อ 29 พ.ค. 25, 18:20

เพลง Cherish ของวง Kool & the Gang เป็นเพลงในยุค 80s  ในยุค 60s  ก็มีเพลงชื่อ Cherish นี้เหมือนกัน  และดังมากเช่นกัน 



ในยุครุ่งโรจน์  ผลงานของวง The Association ดังกระหน่ำ  ความจริงมันเป็นยุคก่อนผม เมื่อผมเริ่มฟังเพลงฝรั่งเป็น  ก็ยังทันได้ฟังเพลงดังทุกเพลงของวงนี้  ทุกเพลงคุ้นหูนักฟังเพลงฝรั่งร่วมยุคทุกคน  ผมมั่นใจ







ต่อยอดด้วยเพลงนี้  ความจริงมันก็เป็น single เหมือนกัน  แต่ผมเพิ่งได้ยินตอนซื้อแผ่นเสียงรวมเพลงของพวกเขา



เข้ามายุคผมคือ 70s  ก็มีศิลปินเอาเพลง Cherish มาร้องใหม่  แบบเลียนแบบของเดิมดิก



David Cassidy เป็นนักร้องขวัญใจวัยรุ่นของยุค  สิ่งพิมพ์ด้านบันเทิงทุกหัวต่างลงรูปเธอกันมากมาย  นักฟังเพลงร่วมยุคทุกคนต้องจำเธอได้  แต่ผมว่าไม่เห็นหล่อเลย  สาว ๆ บ้านผมกรี๊ดกันสลบ





มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 425  เมื่อ 30 พ.ค. 25, 18:03

เพลง How can I be sure ที่ David Cassidy ร้องนี้ไม่ใช่ต้นฉบับ  ต้นฉบับอยู่ในยุค 60s  เป็นเสียงร้องของวง The Young Rascals ที่ในเวลาต่อมาตัดคำว่า Young ออกเพราะแก่กล้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว



ผมไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่  ตอนนั้นโลกเราอยู่ห่างไกลจากข่าวเมืองนอกจิ๋ว ๆ แบบนี้  ผมเลยรู้จักแต่ชื่อ The Young Rascals มาตลอด  จนกระทั่งถึงยุค CD และผมออกตามหา CD ของวงนี้  ถึงได้รู้เรื่อง  เพราะบนหน้าปกแผ่นเขียนแค่ว่า The Rascals ทุกแผ่น

อย่างที่บอกยุค 60s  เป็นยุคก่อนผม  ตอนผมเริ่มฟังเพลงฝรั่งเป็น  เพลงดัง ๆ ในยุคนี้ล้วนเข้ามาออกันอยู่ในวิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องกระจิ๋วหลิวในบ้านผมกันครบแล้ว  ผมจึงไม่รู้ว่าเพลงไหนมาก่อนมาหลัง  หรือวงไหนมาก่อนมาหลัง  จนกระทั่งได้ข้อมูลอยู่ในมือแล้ว  ถึงเริ่มเรียงลำดับ

2 เพลงแรกนี้ดังในบ้านเราจริง ๆ












วงนี้ได้ชื่อว่าเป็นวง blue eyed soul  เพราะร้องเพลงแนว soul ได้ดี

(ตัดมาจากแผ่น CD)


ต่อมา Felix Cavaliere (ชื่อ (และนามสกุล) นี้ได้อ่านเพียงครั้งแรก (จาก นส. Starpics) เป็นติดใจไม่มีทางลืม  สำหรับผม มันฟังเท่มาก  ส่วนหน้าตาเธอเป็นอย่างไรยังไม่รู้เลย) นักร้องนำแยกตัวออกมาเป็นศิลปินเดี่ยว  เหตุการณ์เกิดในยุคผม  ผมจึงได้ยินเพลงนี้ซึ่งไม่ดัง  แต่ดีเจบ้านเราหูตาเป็นสับปะรด  ส่วนผมก็ประทับใจชื่อและนามสกุลของเธอมาตลอด  เลยจำได้



มีต่อ...

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 426  เมื่อ 31 พ.ค. 25, 18:10

ผมเพิ่งรู้จากข้อมูลที่อ่านมาว่า เพลง Mustang Sally นี้  ออกในปี 1966 โดยศิลปิน 2 ราย  รายแรกคือ The Young Rascals  ที่นำเสนอไปแล้ว  อีกรายคือ ศิลปิน soul ของแท้ชื่อ Wilson Pickett



เพลงนี้จาก 2 ศิลปิน  ดังทั้งคู่  เพียงแต่ฉบับของ TYR ไปอยู่ในหน้า B ของ single เพลง Good Lovin’  ซึ่งขึ้นถึงอันดับ 1  ส่วนฉบับของ WP เป็น single  ขึ้นถึงอันดับที่ 23  แต่ความดังเป็นอมตะเข้า Hall of Fame ของสถาบันรางวัล Grammy ไป

สรุปแล้วตอนนั้นที่ได้ยินเพลงนี้  ได้ยินจากเสียงของใครบ่อยกว่ากันก็ไม่รู้  เด็กปานนั้น  ใครจะไปแยกเสียงออก  จำเพลงได้ก็ฉลาดล้ำแล้ว  คิดว่าน่าจะเป็นเสียงของ WP เพราะมันเป็นเพลงหน้า A

ในบ้านเรานอกจากเพลง Mustang ฯ แล้ว  WP ยังส่งเพลงดังมาให้ฟังอีก 2 เพลง  ที่รับรองว่าจำได้อย่างแน่นอน





และ  ซึ่งไม่มั่นใจว่าจะคุ้นหูป่าว



ต่อยอดด้วย






Soul สะใจ

ควันหลง...

สมัยโน้น  ก่อน อตน.  และก่อนจะได้ข้อมูลมานั่งพิจารณา  ฟังเพลงเป็นบ้าเป็นหลัง  วิทยุทรานซิสเตอร์ตัวเล็ก ๆ (ยี่ห้อ Schaub Lorenz) แนบติดกับหูเหมือนทากาว  ความที่ฟังมาก  เลยมักจำสับสน  เวลานั่งนึก  ระหว่างนักร้องกับเพลง  เช่น Wilson Pickett กับ Jackie Wilson  ประมาณว่าคนไหนร้องเพลงนี้/เพลงนั้นหว่า





อีกคู่ก็ Al Wilson กับ Al Green  





สำหรับคู่นี้  ความสับสนติดมาถึงปัจจุบัน  เพราะเพลงดังของทั้ง 2 แนวเดียวกันเลย  นึกคนใดคนหนึ่งไม่ได้  ต้องนึกเป็นคู่  แล้วแยกเอา

ไอ้เรื่องสับสนนี่  เกิดขึ้นกับศัพท์ภาษาอังกฤษด้วย  เช่น  sheep กับ goat  อ่านพบคำใดคำหนึ่ง  เป็นงง  ไอ้คำนี้มัน  แพะหรือแกะ วะ  

ขณะเดียวกัน  สองคำนี้  ในภาคภาษาไทยก็งงเช่นกัน  เอามาให้เห็นหนึ่งตัว  แล้วให้บอกว่านี่มันแพะหรือแกะ  เป็นตอบไม่ได้  

ใครมีปัญหาแบบนี้บ้างหนอ

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 427  เมื่อ 01 มิ.ย. 25, 18:05

อ้ะ... ย้อนนนน กลับไปที่ David Cassidy  ก่อนที่เธอจะผันผายมาเป็นศิลปินเดี่ยวและดัง (ในช่วงสั้น ๆ) ด้วยเพลง Cherish   เธอดังมาก่อนหน้านี้แล้วในหนังชุดทางทีวีชื่อ The Partridge Family หรือ ชื่อภาษาไทยว่า แม่หม้ายลูกติด  บรรยากาศของหนังชุดนี้เป็นเรื่องตลกเบาสมอง สอดแทรกเพลงเพราะ ๆ  ผมจำไม่ได้ว่ามาฉายครบชุดรึเปล่า

หนังชุดเรื่องนี้ดังเพราะว่ามีดาราหนุ่ม (ที่ผมว่าไม่เห็น) หล่อให้สาว ๆ ได้กรี๊ด  และยังมีดาราสาวสวยให้หนุ่ม ๆ ได้คราง  จะได้ไม่น้อยหน้ากัน  ในช่วง hot  สิ่งพิมพ์ด้านบันเทิงต่างประเทศจะลงรูปของ 2 ดาราวัยรุ่นคู่นี้กันทุกฉบับ

ดาราหนุ่มก็คือ David Cassidy นั่นเอง ส่วนดาราสาวก็คือ Susan Dey ส่วนตัวแม่หม้ายนั้นคือนักแสดงระดับ Oscar ชื่อ Shirley Jones ที่ในชีวิตจริงคือแม่เลี้ยงของ DC

นี่คือ ไตเติ้ลเรื่อง  ใครจำได้บ้างหนอ อย่างน้อย ๆ น่าจะจำรถบัสสีสดใสคันนี้ได้นะ


ใน series ชุดนี้  ครอบครัวเป็นนักดนตรีกันทั้งหมด  แต่ในความเป็นจริงมี DC คนเดียวที่เป็นศิลปินเพลงมืออาชีพ  ความดังของหนังและเพลงทำให้มีแผ่นเสียงของวงดนตรี (หลอก ๆ) นี้ออกมาขาย  โดยใช้ทีมนักดนตรีประจำของบริษัทแผ่นเสียงเล่นเครื่องดนตรี  มี DC คนเดียวที่มีส่วนร่วมในการผลิต  ผลงานที่เพราะ ๆ ที่ได้รับความนิยม (ในบ้านเขา) มีมากมาย  แต่ที่ดังที่สุดทั้งบ้านเขาและบ้านเราคือ



นั่นเป็นเพลงเดียวที่วิทยุหลายคลื่นเพลงฝรั่งพร้อมใจกันเอามาเปิดให้ได้ยินในบ้านเรา  และดังในวงกว้าง  ความจริงยังมีเพลงอื่นที่น่าฟังเช่น เพลงแผ่นเสียงทองคำแผ่นที่ 2 ของวง  ผมว่าบ้านเราคงเปิดแหละแต่มันไม่ดังเท่า  ตัวผมไม่เคยได้ยิน



ต่อยอดด้วยเพลงดังอื่น ๆ









หมายเหตุ - หนังทีวีชุด The Partridge Family นี้  ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของวงดนตรีครอบครัวที่ดังขึ้นมาช่วงสั้น ๆ ในยุค 60s  ชื่อ The Cowsills  วงนี้มีเพลงดังที่วิทยุเปิดให้ฟัง 2 เพลง  ผมทันได้ยินในตอนเด็ก ๆ  จากนั้นก็หายไปเลย  มารื้อฟื้นในยุค อตน.



บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 428  เมื่อ 02 มิ.ย. 25, 18:14

ผมจำได้ว่าก่อนหน้าหนังชุด The Partridge Family จะเข้ามาฉายนั้น  บ้านเราเคยนำหนังชุดบรรยากาศตลกและเต็มไปด้วยเพลงเพราะ (กว่า) มาฉาย  ดารานำเป็นกลุ่มนักดนตรีของแท้  ไม่ไก่กา  ไม่จำเป็นต้องเป็นนักฟังเพลงฝรั่งของแท้ก็ต้องรู้จัก  คือวง The Monkees  ชื่อเสียงของพวกเขาแผ่กระจายไปในทุกสื่อไม่ว่าจะในด้านเสียงเพลง รูปลักษณ์ และการแสดง  

ตอนนั้นผมยังเด็กมาก  แต่ก็ยังจำเพลงนี้ได้  เพลงติดหูที่สุดในบ้านเราคือเพลงนี้  เพราะเป็นเพลงเปิดเรื่อง  ได้ยินทุกอาทิตย์  เฮ้ ๆ เดอะ มังกี้... ร้องกันให้ขรมทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน



เหล่าสิ่งพิมพ์เชียร์ Davy Jones กันพร้อมเพรียง  สาว ๆ บ้านผมกรี๊ดกร๊าดกับ Peter Tork…  ‘น่าร้ากกกก’  แต่ผมกลับชอบ Michael Nesmith  กรี๊ดกร๊าดอยู่เงียบ ๆ ตามลำพัง  ส่วน Micky Dolenz ไม่มีใครเอ่ยถึงเลย

ทางวิทยุ  เพลงนี้ได้ยินทุกวัน เสียงร้องของ Davy Jones มันไม่ใช่ single  แต่ดัง (ในบ้านเรา) มากกว่า single ทุกเพลง



ดังรองลงมาก็ 2 เพลงนี้





เพลงฮิตอื่น ๆ ในบ้านเขาก็เข้ามาแนะนำตัวในบ้านเราแม้ไม่อื้ออึงเท่าเพลงข้างบน  เนื่องจากเหตุเกิดขึ้นในยุค 60s  กว่าผมจะฟังเพลงฝรั่งเป็นก็ยังพอได้ยินอยู่บ้าง  มารื้อฟื้นความดังของเพลงต่าง ๆ เมื่อมีแผ่นเสียงทำขึ้นในโอกาสพิเศษออกมาขาย

















อีกหนึ่งจุดเด่นของหนังทีวีชุดนี้คือ รถของพวกเขา  เห็นแล้วอยากได้เป็นกำลัง



แล้ววันหนึ่งผมก็ได้มาเป็นเจ้าของ 1 คัน  ผู้ปกครองซื้อให้ที่ห้างเซ็นทรัลสีลม




หมายเหตุ - ผู้หญิงใน clip เพลง The Girl I Knew Somewhere คือ Julie Newmar  เขียนแค่นี้  ต้องมีคนตั้งคำถามว่า  'แล้วไง'  จึงต้องขยายเพิ่มว่า  เธอดังจากบท Catwoman  ในหนังทีวีชุด มนุษย์ค้างคาว น่ะ


บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 429  เมื่อ 03 มิ.ย. 25, 18:11

เมื่อ 2-3 วันก่อนอ่านข่าวบันเทิง  มีข่าวหนึ่งที่ชื่นชมศิลปินจากอังกฤษวงหนึ่งที่ออกผลงานมาตั้งแต่ปลาย 60s  จนบัดนี้ก็ยังเวียนว่ายอยู่ในวงการ  แม้สมาชิกทั้ง 4 ที่ร่วมกันก่อตั้งวงมาบัดนี้จะตายไปแล้ว 3  อีกหนึ่งที่เหลือยังคงรับหน้าที่กุมบังเหียนนาวาชื่อ The Sweet  อย่างซื่อสัตย์ต่อไป

คนเขียนข่าวจัดสาขาของผลงานของวงนี้ว่าเป็นเพลงประเภท glam rock  ผมไม่รู้หรอกกว่าเพลงประเภทนี้เป็นอย่างไร  แต่ผมว่าผลงานในยุคแรก ๆ ของวงไม่น่าใช่เพลงแนวดังกล่าว  เพราะมันนอกจากเพราะติดหูแล้วยังฟังง่ายสำหรับเด็กอย่างผม

ผลงานของวงนี้มาดังในต้น 70s  singles ที่ออกในช่วงที่ดังนั้น  วิทยุบ้านเรานำมาเปิดให้ฟังครบทุกเพลง  มั่นใจว่าบางคนน่าจะจำได้บ้าง  ก็มันติดหูอย่างที่บอก









(สาวสวยใน clip คือ Olivia Newton John จำได้ป่าว  หลายคนคิดว่าเธอเป็นคน Australia  ความจริงแล้วเธอเป็นคนอังกฤษ  ผมเสนอผลงานของเธอไปแล้วในกระทู้เก่า
https://www.reurnthai.com/index.php?topic=5361.msg183903;topicseen#msg183903 ความคิดเห็นที่ 815)


มาในวันหนึ่งวิทยุก็เลิกเปิดผลงานของวงนี้ไปเลย  จนอีกนานเมื่อผมมีข้อมูลเพิ่มขึ้นถึงรู้ว่า  วงยังคงส่งผลงานเข้ามาในลำโพงวิทยุบ้านเราอยู่เนือง ๆ  แต่เปลี่ยนแนวเพลงเป็นแนวที่หนักขึ้น  แนวนี้ละมังที่ผมคาดว่าเป็นแนว glam rock อย่างที่คนเขียนว่าไว้  คาดว่าไม่ถูกหูเด็กบ้องแบ๊วอย่างผม  ผมจึงเลิกสนใจ 

อย่างไรก็ตาม  ช่วงแรก ๆ ยังพอฟังไหว




บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 430  เมื่อ 04 มิ.ย. 25, 18:22

ย้อนกลับไปที่วง The Bee Gees   วงนี้ไม่ได้ทำเพลงให้หนัง Saturday Night Fever เป็นเรื่องแรก  ในต้น 70s อันเป็นยุคแรกของวง  พวกเขาเคยทำเพลงให้กับหนังเรื่องหนึ่ง  ทั้งหนังและเพลงดังสนั่นหวั่นไหวในบ้านเรา

หนัง เมโลดี้ที่รัก (Melody - 1971) ดังมาก  หนังสือ Starpics ประโคมข่าวนำร่องมาก่อน  พอมันเข้ามาฉาย  มีหรือที่ผมผู้แสนจะทันกระแสจะเพิกเฉย  ผมไปดูกับเพื่อน ๆ  ตอนนั้นเรายังเรียนหนังสือใส่ขาสั้นกันอยู่เลย  จุดประสงค์คือไปดูความน่ารักของ Tracy Hyde ที่ นส. SP  ประโคมข่าวไว้  เธอเล่นเป็นสาวน้อย Melody Perkins 

ผมจำไม่ได้แล้วว่าหนังฉายที่โรงฯ ไหน  พาราเมาท์หรือเมโทร  จำได้แต่คนล้นหลามเหมือนงานเทกระจาด  วัยรุ่นวุ่นรักทั้งนั้น

ผมจะไม่เล่าเรื่องหนังเพราะกระทู้นี้เกี่ยวกับเพลงเป็นหลัก  แต่ถ้าจะให้บอกว่าประทับใจฉากไหนบ้าง  ฮู้ย... เด็กปานนั้นจะไปดูดดื่มอะไรได้ลึกซึ้ง  แต่สามารถบอกได้ว่าฉากที่มีทุกเพลงที่สอดแทรกอยู่นั่นแหละประทับใจที่สุด  และจำติดตามาจนถึงบัดนี้

ตั้งแต่เพลง In the morning ในฉากเปิดเรื่องเลยแหละ



แล้วก็ฉากเปิดตัวหนู Melody



แล้วก็ฉากเพลง Give your best

(รถเมล์ 2 ชั้นเนี่ย  บ้านเค้าเรียก double decker bus บางทีก็ไม่มีคำว่า ‘bus’ พูดแค่ 2 คำแรกก็รู้เรื่อง  เหมือนรถไฟใต้ดิน  เค้าก็เรียกว่า tube  ไปพูดคำว่า underground train  คนหัวเราะกันกลิ้ง (เจอมาแล้ว)
 
ผมเห็นรถเมล์ชนิดนี้บนจอ (หนัง/ทีวี) มาตั้งแต่เด็กๆ  รู้สึกอยากขึ้นเป็นกำลัง  พอได้มีโอกาสไปเยือนอังกฤษ  ผมก็พุ่งถลาขึ้นไปเลย  ไต่กะไดขึ้นไปนั่งชั้นบน  ชูคอดูวิวเพลิน  สนุกสมใจ  แต่อีตอนจะลงนี่  โอย... กว่าจะเบียดผู้คนลงมาจากชั้นสองและตะกายออกมาจากรถได้  ปรากฏว่าเลยไปหลายป้าย  เพราะเราไม่ใช่คนถิ่นเค้า  เตรียมตัวลงไม่ทัน  ลืมนึกถึงข้อนี้ไป 

หมายเหตุ... จำได้ว่า  กาลครั้งหนึ่ง  บ้านเราเคยมีรถเมล์สองชั้นกับเขาเหมือนกันนะ  แต่ผมไม่เคยขึ้น  มาเฉิดโฉมอยู่แป๊บเดียวก็หายไป)


และนี่เพลงแห่งความสุขอันดับ 1 ตลอดกาลของผม



ฉากอื่น ๆ



เพลงนี้ในหนังเป็นเพลงบรรเลง  ต้นฉบับเสียงร้องเป็นของวง TBG เช่นกัน




(จากเสียงร้องของ Barry Hewson ... ใครก็ไม่รู้)


เพลงในฉากจบเป็นของวง Crosby, Stills, Nash and Young (นำเสนอผลงานไปแล้ว)



สรุปแล้วผมประทับใจเพลง (โดยเฉพาะที่ร้องโดยคณะ BG) มากกว่าตัวหนัง  ตัวหนังให้ความสนุกในขณะที่ดู  ดูแล้วก็จบกัน  แต่เพลงเพราะทุกเพลง  ฟังทีไรก็มีความสุขมาถึงปัจจุบัน

ตัวอย่างหนัง



มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 431  เมื่อ 05 มิ.ย. 25, 18:12

ในปีนั้น (ข้อมูลบอกว่าหนังออกฉายที่บ้านเขาในปีเดียวกันกับหนัง Melody แต่ไม่แน่ใจว่ามันเข้ามาบ้านเราในปีเดียวกันรึเปล่า) มีหนังวัยรุ่นวุ่นรักเข้ามาฉายอีกเรื่องชื่อว่า Friends  หนังสือ Starpics ประโคมข่าวนำร่องเช่นเคยและแก๊งค์เราก็จูงมือกันกระโดดขึ้นรถเมล์ไปดูตามเคย  จุดประสงค์ก็เช่นเดิมสำหรับวัยกลัดมันอย่างพวกเราคือไปดู Anicee Alvina นักแสดงสาวน้อยชาวฝรั่งเศส

มันเป็นหนังลูกผสมอังกฤษ/ฝรั่งเศส  เล่าเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของ 2 หนุ่มสาววัยรุ่น (วัยแก่กว่าตัวละครในหนัง Melody) ที่ลงท้ายก็หนีสังคมไปอยู่ร่วมกันในแดนอ้างว้างปราศจากผู้คน

ตอนนั่งดูอยู่ในโรงฯ เราไม่รู้เรื่องหรอกว่า มันคือหนังโป๊  เพราะกรรมการเซ็นเซ่อร์ท่านให้เกียรติหั่นส่วนวาบหวามออกซะเหี้ยนเกรียน  รวมถึงฉากออกลูก  ความที่อายุยังน้อยนิดก็นั่งดูไปเรื่อย ๆ  ไม่ได้เอะใจกับการ ‘กระตุกของฟิล์ม’  ซึ่งถ้าเป็นผู้ใหญ่ดูคงรู้สึก  ที่จำได้ว่าแหม่ง ๆ คือฉากที่นางเอกเธอลูกจะออก  ฉากต่อมาก็เห็นเด็กออกมาแหกปากร้อง อุแว้ ๆ แล้ว  แต่ก็ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงแต่อย่างใด  ก็เราต้องการจะดูความน่ารักของนางเอก  ไม่ได้อยากดูนางเอกนอนถ่างขาเบ่งลูก  กว่าจะรู้ว่าเป็นหนังโป๊  ก็ในภายหลังอีกน้านนาน  ดังนั้นในตอนนั้นพวกเราจึงนั่งดูตาแป๋วด้วยจิตใจบริสุทธิ์ชื่นชมในความน่ารักของนางเอก  เหมือนตอนดู Tracy Hyde ในหนัง Melody

หนังเรื่องนี้นักวิจารณ์ด่าเช็ด  บางคนถึงกับบอกว่าซื้อแผ่นเสียง soundtrack มาฟังดีกว่า  ซึ่งก็จริง (พอโตขึ้นเก็บเงินเองเป็นก็ออกล่าหาซื้อ album หนังมาฟัง)  เพลงในหนังเรื่องนี้ผลิตโดย Elton John  โดยเฉพาะ 2 เพลงเอกในเรื่องคือ Friends กับ Mitchelle’s song เพราะจริง ๆ  โดยส่วนตัว ผมว่าเพราะกว่าทุกเพลงที่ EJ เคยผลิตออกมาถึงปัจจุบัน  แต่แปลกที่เพลงไม่ดังในอันดับเพลงเลย  ไม่ว่าจะฝั่งไหน ในอังกฤษไม่มีปรากฏในอันดับเพลง ส่วนในอเมริกามีเพลงเดียวคือ Friends ที่ไต่อันดับไปแป๊บเดียวก็ร่วงหาย  เพื่อนฝรั่งของผมบอกว่าไม่เคยได้ยิน 2 เพลงนี้  พอผมส่งเพลงให้ฟัง  มันบอกว่ามิน่าถึงไม่เคยได้ยิน  อะไรวะ


(ขอจับผิดหน่อย... รถที่พ่อหนุ่มโขมยช่วง 1.03 พอขับมาถึงช่วง 1.45 กลายเป็นคนละคันเสียนี่  ยี่ห้อเดียวกันแต่คนละรุ่น  แหม... สะเพร่าจัง)









มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 432  เมื่อ 06 มิ.ย. 25, 17:57

ผมว่าเพลงในหนังเรื่อง Friends ที่ดังสนั่น (เฉพาะในบ้านเรา) ทั้ง 2 เพลงนี้เป็นใบเบิกทางให้ Elton John เข้ามาตั้งต้นสร้างความดังในบ้านเรา  หลังจาก 2 เพลงนี้ผมก็เริ่มต้นสนใจเพลงต่อ ๆ มาของเธอ  ช่วงเวลานั้นมีเพลงของเธอดังออกมาจากลำโพงวิทยุอยู่เพลงหนึ่ง



หลังจากเพลงนี้  กองทัพ singles ของเธอก็เรียงหน้าออกมาจากสายพานการผลิต  ดังมากบ้างน้อยบ้าง  ไม่ทุกเพลงที่เปิดบ่อยในบ้านเรา   บางเพลงก็เปิดแต่ผมคงไม่ได้ยิน  เพลงที่ได้ยินล้วนเป็นเพลงที่บรรดาดีเจชอบ  เลยเปิดบ่อย







EJ มาดังกว่าเสียงพลุแตกกับเพลงนี้ (เป็นต้นไป)



(อีกหนึ่งเพลงโปรดของผม  ฟังได้ไม่มีเบื่อ  ตอนแรกคิดว่าเธอเขียนถึงเพื่อนเก่า (อาจจะแฟน)  พอมายุค อตน. ถึงรู้ว่าเนื้อเพลงได้แรงบันดาลใจมาจากข่าวทหารผ่านศึกจากสงครามเวียดนาม)


มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 433  เมื่อ 07 มิ.ย. 25, 17:51

เพลงแรกของ Elton John นี้ดังสนั่นทั้งในบ้านเขาและบ้านเรา









(ต้นฉบับเป็นของ The Beatles)



(เพลงนี้คนส่วนใหญ่นึกว่าแต่งขึ้นเพื่อเจ้าหญิงไดอาน่า  ความจริงมันออกมาก่อนหน้านี้นานมาก  เนื้อเพลงอุทิศให้กับ Marilyn Monroe ที่มีชื่อเดิมว่า Norma Jeane Mortenson)



ตั้งแต่ได้ยินชื่อเพลงนี้เป็นครั้งแรก  ผมละอยากรู้เบื้องหลังของมันว่าเกี่ยวกับอะไรหรือใคร  เนื่องจากเพลงนี้แต่งโดย EJ และ Bernie Taupin (เพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมงาน (แต่งเพลง) เธอคือคนที่ EJ หลงรักมาตลอด  แต่ BT ไม่ได้เป็นเกย์  ใครที่ได้ดูหนังประวัติของ EJ  คงจำได้)  จึงมั่นใจว่าต้องเกี่ยวกับ 2 คนนี้  คนใดคนหนึ่ง  เพลงออกตลาดตั้งแต่ปี 1975  ตอนนั้น  อย่าว่าแต่ฟังภาษาอังกฤษเลย  ภาษาไทยยังฟังไม่ค่อยแตก  ตอนยุค อตน. มาถึง  ได้อ่านเนื้อเพลง  ก็ไม่เข้าใจ  มันไม่มีที่มาที่ไป  จนกระทั่งถึงยุค Wikiฯ นั่นแหละถึงได้รู้สมใจ

… Taupin (Bernie Taupin)'s lyric (แสดงว่าเนื้อเพลงแต่งโดย BT ส่วนทำนองแต่งโดย EJ) refers to a time in 1968, before John was popular as a musician, when John was engaged to be married to girlfriend Linda Woodrow. John and Woodrow were sharing a flat with Taupin in Furlong Road in Highbury, London, hence the opening line "When I think of those East End lights." John did not love his girlfriend, and felt trapped by the relationship. Feeling desperate, John contemplated suicide, and even made a half-hearted attempt at asphyxiating himself with a gas oven in his home. He took refuge in his friends, especially Long John Baldry, who convinced John to abandon his plans to marry, in order to salvage and maintain his musical career. His parents arrived the next day, in a van, to take him home. As a sign of respect and gratitude to Baldry, Taupin wrote him into the song as the "someone" in the title, and also as "Sugar Bear"

หมายเหตุ - Long John Baldry เป็นศิลปินที่วงการเพลงในอังกฤษให้ความนับถือ  ผลงานของเธอมีมากมายแต่ไม่ดังในอันดับเพลง/album เลย  เธอเป็นเพื่อนสนิทกับ EJ เพราะเป็นเกย์ด้วยกันทั้งคู่ (รู้จาก Wikiฯ)





Elton John กับ Bernie Taupin



“I cry when I sing this song, because I was in love with Bernie, not in a sexual way, but because he was the person I was looking for my entire life, my little soul mate.”
ตอนหนึ่งของการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Rolling Stone (2013)


มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 434  เมื่อ 08 มิ.ย. 25, 18:13

เพลงนี้ของ Elton John  ดังในบ้านเรามากนะ  แต่ผมไม่ติดใจเลยจำได้แค่ชื่อ



มาเพลงนี้สิ  ไม่ต้องเปิดวิทยุของตัวเอง  ก็ได้ยินมาจากทั่วทิศ

หมายเหตุ – Kiki Dee เป็นศิลปินชาวอังกฤษ  ผลงานของเธอไม่เป็นที่นิยม  มีเพลงนี้ที่เข้ามาในบ้านเราด้วยอานิสงค์ของเพลงร้องคู่ที่ว่า



เพลงนี้ก็ดังไม่เบา



นี่เป็น single ของ EJ ที่มาแปลกคือเป็นเพลงบรรเลง  เพราะมันเป็นเพลงบรรเลงที่ออกมาตามคลื่นเพลงฝรั่งแถมดีเจประกาศว่าเป็นผลงานของ EJ  ผมเลยจำได้

มายุค อตน. ผมรู้เพิ่มเติมว่าเพลงนี้ดังมากที่อังกฤษ  บ้านเกิดของเธอ  แต่ไปแป้กบน billboard ของอเมริกา  คือไม่ผ่าน top 100 เสียด้วยซ้ำ  ข่าวว่า EJ ฉุนขาด  เพราะเธออยากมีเพลงบรรเลงโดยฝีมือของตัวเองไปประดับบน BB เป็นเกียรติประวัติ
… I wanted to have an instrumental on the charts. They (หมายถึงดีเจชาวอเมริกัน  โดยเฉพาะรายที่มีอิทธิพลสามารถกำหนดความดับความดังของ singles ได้) said, "You can't." So I said, "Fuck you” (... โคตรจี้เลย ...) …
(ตัดมาจากการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Rolling Stone ปี 2013)

จากเพลงข้างบนนี้ผมเริ่มเบื่อผลงานของ EJ แล้ว  แต่การหมุนคลื่นวิทยุมันก็ต้องผ่านเพลงของเธออยู่เนือง ๆ  บางเพลงก็ติดหู











(อุทิศให้กับ John Lennon  ฟังแล้ว เง้าเหงา)


พอละ  ไม่งั้นไม่จบ  อ้อ... เกือบลืมเพลงดังอีก 2 เพลง  ยังคงอยู่ในยุคของผม  ปลาย ๆ  มาจากหนังการ์ตูนของ Walt Disney เรื่อง The Lion King





แจ้งข่าวหน่อยว่า  ตั้งแต่พรุ่งนี้ผมจะหายหัวไปราว 10 วัน  ไปเดินเล่นกับหาของอร่อย ๆ ที่บ้านเราไม่มีแบบนี้กินเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศเสียหน่อย

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 27 28 [29]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.087 วินาที กับ 19 คำสั่ง