เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3 ... 29
  พิมพ์  
อ่าน: 61597 Yesterday Once More...
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


 เมื่อ 08 มิ.ย. 24, 14:20




เพลง Yesterday Once More นี้ หลายคนคิดในใจว่า  เฉิ้มเฉิ่ม  เพราะมันเป็นเพลงโหล  แต่ก่อนจะเกิดเป็นเพลงโหลได้ต้องมันต้องฟังแล้วเพราะและฮิตกันในวงกว้าง  แสดงว่าต้องเป็นเพลงที่ ‘แน่จริง’  

เมื่อพิจารณาเนื้อร้องแล้ว  แทงกลางใจผม  ตอนเด็ก ๆ  ผมก็ประพฤติตัวแบบในเนื้อร้องเลย  จะต่างกันนิดตรงที่เป็นเพลงฝรั่งภาษาอังกฤษ  ในขณะที่ผมเป็นคนไทย  ผมจึงไม่สนใจเนื้อเพลงแค่สนใจทำนอง  ไอ้ท่อนว่า … every sha la la la every wo-o wo-o  นี่ตรงเป้าเพราะการที่ไม่มีปัญญาแกะเนื้อเพลง  ก็เลยเห่าหอนไปตามเรื่อง

ตอนที่เพลงนี้ออกตลาดในปี 1973  ผมยังเด็ก  เป็นวัยที่ไม่รู้จักความหมายของคำว่าความหลังเลยไม่ ‘in’ กับมัน  แต่ตอนนี้แก่แล้ว  ตระหนักในฤทธิ์ของคำว่า ความหลัง  แหม... ฟังเพลงนี้ทีไรมันทั้งสุขและเศร้า  มันโหยหา  อยากย้อนเวลากลับไปสัมผัสอีกครั้ง  แต่ทำไม่ได้  มันเศร้าตรงนี้  ฝรั่งมีศัพท์บัญญัติว่า nostalgia

ครอบครัวผมเป็นครอบครัวขนาดใหญ่  อยู่ในบ้านหลังใหญ่  บ้านหลังนี้เป็นของคุณตา  ตอนผมเกิดคุณตาตายไปแล้ว  ผมจึงเห็นแต่คุณยายซึ่งเป็นใหญ่ที่สุดในบ้าน  

แม่เล่าให้ฟังว่าก่อนผมเกิด  คุณยายเจ้าระเบียบมาก  เป็นความน่าเกรงขามสำหรับใคร ๆ พอผมเกิดแล้วท่านผ่อนคลายลงไปเยอะ... แต่กับคนอื่น ๆ เท่านั้น  แม่บอกว่าท่านเอาความเจ้าระเบียบมาลงที่ผมซึ่งเป็นคนเล็กที่สุดของบ้าน

พอคุณยายเลิกเจ้าระเบียบ  คนอื่นๆ ก็ผ่อนคลาย  เพียงแต่อย่าออกนอกลู่นอกทาง  ส่วนหนึ่งของความผ่อนคลายก็คือการฟังเพลง

สมาชิกของบ้านผมล้วนชื่นชมเสียงเพลง  บรรดาฝ่ายหญิงชอบฟังเพลงไทย  น้าสาวคนกลางชอบเพลงลูกกรุง  สุเทพ สวลี จินตนา ชรินทร์ ธานินทร์ ฯลฯ  น้าสาวคนเล็กชอบเพลงสุนทราภรณ์  พี่ ๆ ฝ่ายหญิงชอบลูกกรุงแบบ พิทยา ลินจง เพียงพิศ  และบรรดาคลื่นลูกใหม่ในยุคนั้น  ยกเว้นแม่  แม่ไม่ชอบฟังเพลง  ชอบแต่นอนแล้วก็ชี้นิ้วใช้ชาวบ้าน (รวมถึงพ่อ)

ส่วนคุณยายก็ไม่ชอบฟังเพลงเหมือนกัน  ท่านฟังแต่ รายการหนุ่มน้อยฝอยข่าวกับละครทางวิทยุ  พูดถึงละครทางวิทยุ  มีเอกลักษณ์ที่ไม่มีทางลืม  คือการดัดเสียงเป็นตัวละครต่าง ๆ ตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่  แล้วยังมีเสียง effect ด้วย  เป็นต้นว่าเสียงลงส้นเท้า เสียงเปิดปิดประตู เสียงฟ้าร้อง เสียงหมาหอน ฯลฯ  ตอนนั้นเด็กมาก  ถ้าเป็นละครผีละก็โคตรน่ากลัวเลย  คุณยายบอกว่าอย่าฟัง  ผมก็นอนตาแป๋วฟังอยู่ข้าง ๆ ตัวท่าน

กลับมาที่เสียงเพลง  พวกฝ่ายชายจะชอบฟังเพลงฝรั่ง  ตั้งแต่พ่อ (เป็นเขยของบ้าน) พี่ ๆ เพศชาย  เพลงฝรั่งนี้ไม่มีแยกชนิด  ฟังเหมือนกันหมด  

แล้วยังมีเพลงลูกทุ่ง  เพลงชนิดนี้คนใช้ชอบฟัง  ถ้าเป็นคนใช้จากแดนไกลเช่นอีสาน  พวกเธอจะฟังหมอลำ

เพลงประเภทที่กล่าวมาดังล่องลอยอยู่ในบ้านแทบจะตลอดทั้งวัน  เป็นบ้านที่ไม่เคยขาดเสียงเพลง  ผมซึ่งเป็นหนูน้อยคนเล็ก  เลยชอบเสียงเพลงไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว  ฟังมันทุกประเภท  ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นไปขลุก (ซน) อยู่กับใคร  มันหล่อหลอมให้ความรู้เกี่ยวกับเพลงกว้างขวาง (ยกเว้นแขนงหมอลำ)

ก็อีกนานเลยละกว่าจะถึงเวลาตัดสินใจได้ว่าตัวเองชอบเพลงประเภทไหน  ผมเกิดปลายยุค 50s  กว่าจะโตรู้เรื่อง  พูดภาษาคนได้ฟังภาษาคนเป็นก็ล่วงเลยมาถึงปลายยุค 60s  ตอนนั้นเริ่มฟังเพลงเป็น  เข้าใจว่าไอ้เสียงมีทำนองอย่างเนี้ยะเค้าเรียกว่าเพลง
  
พอฟังเพลงเป็นก็เริ่มแยกแยะว่า  เพลงไหนเพราะไม่เพราะ  ผมว่าเพลงไทยเพราะแต่ทำนองคล้าย ๆ กันหมดไม่ว่าจะลูกกรุงหรือลูกทุ่ง  มีเพลงสุนทราภรณ์ที่มีทำนองหลากหลาย  แต่เพลงฝรั่งนั้นน่าติดใจที่สุด  ทำนองหลากหลายยิ่งกว่าเพลงสุนทราภรณ์เสียอีก   ผมก็เลยสรุปว่าฉันชอบเพลงฝรั่งมากที่สุด  รองลงมาก็เพลงสุนทราภรณ์

พอตัดสินใจได้ว่าชอบเพลงฝรั่ง  ก็ถึงเวลาหาเพลงฝรั่งฟัง  ตอนนั้นเวลาก็ล่วงไปถึงต้น 70s แล้ว  ช่วงแรก ๆ นั้นวิทยุยังกระจายเสียงในคลื่น AM มากกว่าคลื่น FM  สถน. วิทยุ ที่เปิดเพลงฝรั่งก็มีมากมายต่างก็เปิดเพลงฝรั่งหลากหลายแบบหลายยุค  หูเด็กอย่างผมฟังได้บ้างไม่ได้บ้าง  ฟังไม่ได้ก็หมุนหาคลื่นใหม่

สมัยนั้นเทคโนโลยียังไม่พัฒนา  วิธีจะหาเพลงฟังได้ต้องมาจากวิทยุอย่างเดียว  ส่วนสื่อสนับสนุนเพลงก็มาจากหนังสือ   หนังสือเพลงฝรั่งประเภท ‘ติดลมบน’ แล้วมี 3 หัวคือ I.S. Song Hits, Current Songs Hits และ Savvy Song Hits  ต่อไปถ้าจะพาดพิงถึงผมจะเขียนว่า ‘หนังสือเพลง 3 หัว’  เป็นที่รู้กัน

นอกจากนี้ยังมีหนังสืออีกฉบับชื่อ Starpics  หนังสือหัวนี้เป็นนิตยสารรายปักษ์ (บางช่วงก็รายเดือน) นำเสนอทั้งหนังฝรั่งและเพลงฝรั่งปะปนในเล่มเดียวกัน  โดยครึ่งเล่มแรกเกี่ยวกับหนัง  ครึ่งเล่มหลังเกี่ยวกับเพลง  และยังมีหนังสือเพลงอื่น ๆ ประปรายแต่อยู่ไม่ได้นาน เช่น Supersonics  กับหนังสือเพลงที่มีมิติใหญ่ขนาดหนังสือ ‘แปลก’  ซึ่งผมจำชื่อไม่ได้แล้ว ฯลฯ

Starpics นี้นับเป็น text สำหรับผมเลย  หนังสือเพลง 3 หัว เน้นเนื้อเพลง  มีข่าวเกี่ยวกับเพลงนิดหน่อย  แต่ Starpics นำเสนอข่าวล้วน ๆ เป็นข้อมูลล้วน ๆ ในแวดวงการเพลง  อีกทั้งรูปประกอบก็มีเยอะกว่าและคุณภาพดีกว่าเพราะว่าหนังสือมีมิติใหญ่กว่า  รูปประกอบใน หนังสือเพลง 3 หัว สมัยแรก ๆ นั้น  สภาพแย่มากเพราะขนาดหนังสือมันเล็ก  ไม่ใช้คำว่า ดู  ต้องใช้คำว่า เพ่ง  เห็นแค่ว่าเป็นคน  จะสวยหรือหล่อ  ดูไม่ออก

สำหรับการฟังเพลงของผมไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน  ชาวบ้านฟังไปทำงานไป  ผมทำไม่ได้  ถ้าเปิดเพลงฟังปั๊บผมต้องหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่แล้วตั้งใจฟัง  เป็นอัตโนมัติ  สมัยเป็นนักเรียน  เพื่อนเล่าว่า  ชั้นฟังเพลงไปอ่านหนังสือไปหรือทำการบ้านไป  ผมลองทำบ้าง  ปรากฏว่าเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงเพิ่งอ่านไปได้ย่อหน้าเดียว  หรือทำเลขข้อเดียวยังไม่เสร็จเลย  ใจมันไม่อยู่ที่หนังสือเรียนหรือหน้ากระดาษสมุดการบ้าน  มันไปอยู่ที่เพลง  พอเพลงนี้จบก็อยากรู้ว่าเพลงต่อไปคือเพลงอะไร  ปรากฏว่าเป็นเพลงโปรด  หรือ เฮ้ย... เพลงนี้เพราะดีนี่หว่า  ก็เอ้า... ฟังต่อ

บุคลิกแบบนี้ละมังถึงสั่งสมให้ผมแม่นเรื่องเพลง  และจำเพลงได้เยอะ  แม่เคยเปรยว่า  ถ้าผมจำตำราได้แม่นเหมือนจำรายละเอียดเกี่ยวกับเพลง  อนาคตคงพุ่งกระฉูด

ในเวลาต่อมาผมได้รู้จักเทป cassettes และเลยไปถึงแผ่นเสียง  ก็ยิ่งต่อยอดความรู้เรื่องเพลงให้กว้างขวางขึ้น... จนคุยกับใครเค้าไม่ค่อยได้  นักฟังเพลงที่มาแนวเดียวกับผมนี้  จะเข้าใจ

กระทู้นี้สืบเนื่องมาจากกระทู้ของ อ. เทาชมพู ชื่อ รำลึกถึงดาวเสียงต่างชาติต่างภาษาที่ดับแสงไปแล้ว (ยาวจัง)  คือในกระทู้นี้ เหล่านักร้องยังไม่ตาย  อาจมีตายบ้างที่ผมนำมาพาดพิงซ้ำเพื่อความต่อเนื่อง

เพลงทุกเพลงที่นำเสนอในกระทู้นี้รับรู้มาจากวิทยุทั้งสิ้น นอกจากที่แจ้งไว้  อันเป็นการต่อยอด  เกิดจากสันดานชอบสอดรู้สอดเห็นของผม  ประมาณว่า แหม... เพลงนี้เพราะจัง  มีเพลงอื่นจากนักร้องคนนี้อีกมั้ย ฯลฯ  การที่ผมฟังไปทั่วทุกคลื่นที่เสนอเพลงฝรั่ง  ผมจึงรู้จักเพลงเยอะ  ทั้งชอบและไม่ชอบ  ก็มันผ่านหูที่ชอบเสียงเพลง  ถ้าชอบก็ค้างอยู่นานหน่อย  ไม่ชอบก็หาต่อ  ไม่มีคลื่นโปรด  ติดตามงานผมไปเรื่อย ๆ จะตระหนักได้ในความทันสมัยและหูตาเป็นสัปรดของเหล่าดีเจในบ้านเรา  ที่ไหนมีเพลงฮิตเพลงดัง  ศิลปินเพลงรายไหนเป็นที่นิยม  พวกเธอเป็นตามหาเพลงมาเปิดให้เราฟัง  ยิ่งบ้านเราอยู่กึ่งกลางระหว่างอเมริกาและยุโรป  เราจึงได้รับรู้ข่าวคราวของวงการเพลงทั้ง 2 ฝั่ง  ในขณะที่อเมริกาไม่ค่อยรู้เรื่องราวของเพลงในยุโรป  และยุโรปก็ไม่สนใจเพลงของอเมริกา  

ยิ่งสมัยนั้นพวกลิขสิทธิ์ต่าง ๆ มาไม่ถึงเมืองไทย  วิทยุบ้านเราก็มีอิสระในการนำเสนอเพลงแบบที่เรียกว่า จะเปิดอะไรให้ฟังก็ได้  ไม่ต้องกลัวโดนฟ้องร้อง  ขอบข่ายเพลงฝรั่งในบ้านเราจึงกว้างมาก ๆ  ตัวอย่างที่เห็นได้ง่าย ๆ คือ นักร้อง Sue Thompson (1925 – 2021)

ในบ้านของเรา  เธอคือนักร้องระดับมหากาฬ  ในยุคนั้นดีเจเปิดเพลงของเธอมากมาย  เป็น 10  ๆ เพลง  เพราะ ๆ ทั้งนั้น  (นำเสนอไปแล้วในกระทู้  ‘นักร้องต่างชาติตาย’ ของ อ. เทาชมพู)  ตอนนั้นผมนึกว่าเธอต้องเป็นเจ้าแม่ในบ้านเธอคืออเมริกา  ปรากฏในกาลต่อมาว่า  ในช่วงเวลานั้น นักฟังเพลงฯ บ้านเธอรู้จักเธอน้อยมาก  คือเธอมีเพลงดังอยู่แค่ 2-3 เพลง  และความนิยมอยู่ในช่วงเวลาสั้น ๆ  พอดับแล้วเธอก็หายไปเลย  มีคลื่นลูกใหม่เข้ามาแทน  ดังนั้น ST จึงอยู่ในข่ายไม่ใช่นักร้องดัง  ที่เราได้ฟังเพลงของเธอมากมายเป็นเพราะเหล่าดีเจเปิดเพลงใน album ที่เรียกว่า album tracks  ในขณะที่ดีเจในอเมริกาทำไม่ได้เพราะติดลิขสิทธิ์  ทำได้แค่เปิด singles  ที่ต้นสังกัดนำมาให้เปิดเพื่อผลทางการค้า  ปรากฏว่าผู้ฟังไม่นิยมเพลงของเธอเท่าไร  เธอก็เลยดังอยู่ได้ไม่นาน  

หรือเพลงจากในหนัง The Singing Nun (1966)  นักฟังเพลงฯ บ้านเรารู้จักทุกเพลงในหนัง  เพราะดีเจนำเพลงทั้ง album มาเปิด  แต่ในยุคนั้นนักฟังเพลงฯ ทั่วไปที่อเมริกาไม่รู้จักเพราะหนังไม่ดัง  แล้วก็ไม่มี single มาออกอากาศทางวิทยุให้ฟัง  ถ้าจะรู้จักก็ต้องเข้าโรงไปดูหนังหรือซื้อ album เพลงประกอบหนังมานั่งฟัง

ตอนเด็กฟังเพลงไปเรื่อย  จนกระทั่งโตและมีแหล่งขอมูลให้ค้นหามากมายถึงเข้าใจและรู้ว่า  วงการเพลงฝรั่งของบ้านเรา (หรือในเอเซีย) นี่ได้เปรียบกว่าใครเขา  ก็ต้องเข้ายุค อตน. นั่นแหละบ้านเขาถึงจะเริ่ม ‘กว้างขวาง’ เช่นเริ่มเคยได้ยินเพลงต่าง ๆ ในหนัง The Singing Nun ทาง youtube ฯลฯ  ในขณะที่บ้านเรา ‘กว้างขวาง’ มาแต่อ้อนแต่ออก  ตั้งแต่เหตุการณ์นั้น ๆ ยังสด ๆ อยู่เลย  

ก่อนยุค อตน. ผมเคยเปิดเพลงต่าง ๆ ของ Sue Thompson (จากเทป cassettes ผี) ให้เพื่อนฝรั่งฟัง  พวกมันอ้าปากบ๋อ  บอกไม่เคยได้ยิน  และพึมพำว่าเพราะ ๆ ทั้งนั้นเลย  ลงท้ายมันเลยยึดเทปตลับนั้นไป



(ก่อนยุค อตน. นี่คือแหล่งข้อมูลหลัก ๆ ของผม  สังเกตว่าเล่ม Top Pop Singles เน่ามาก  แบบว่าเปิดบ่อยที่สุด  นับได้หมื่น ๆ ครั้งละมัง  ต่างกับ Text ตำราเรียนที่ดูใหม่เอี่ยมเหมือนเพิ่งออกมาจากโรงพิมพ์)

จนป่านนี้ผมยังนึกไม่ออกว่าจะนำเสนอเพลงในกระทู้นี้ในรูปแบบไหน  สมัยทำงานลงในกระทู้ของ อ. เทาชมพู  มีเงื่อนไขคือ ต้องเป็นนักร้องที่ตายแล้วและบ้านเรารู้จัก  ก็เลยมีแนวทางในการนำเสนอ  เอาเป็นว่าตอนนี้เอาเพลงมาเปิดให้ฟังประหนึ่งสถานีวิทยุแล้วกัน  ดูซิว่าเคยได้ยินบ้างมั้ย  เปิดไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็คงคิดแนวการนำเสนออะไรได้บ้าง  

อย่างไรก็ตาม  ย้ำว่าจะเสนอแต่เพลงที่ขึ้นอันดับ billboard ของอเมริกา  หรือ Melody Maker ของอังกฤษ  อันเป็นแหล่งข้อมูลของรายการวิทยุสมัยนั้น  และเสนอเฉพาะเพลงที่ผมติดใจ  ผมจะไม่ลงรายละเอียดโน่นนี่เพราะไม่ได้ทำรายงานส่ง  ยิ่งเดี๋ยวนี้หาข้อมูลได้ง่าย  จิ้มแล้วปัด ๆ ก็เจอ  ถ้าจะจ้อยย้อยก็เป็นเกร็ดนี้ด ๆ หน่อย ๆ

กระทู้นี้คงไม่ยาวเท่าไร  เพราะที่นำเสนอในกระทู้นักร้องตายก็ปาเข้าไปเกินครึ่งแล้ว  นักร้องในยุคนั้น  มาถึงยุคนี้ก็ไม่ต่ำกว่า 70 กันทั้งนั้น  

หมายเหตุ  การที่ผมไม่เอ่ยถึงศิลปินเพลงบางราย  ไม่ใช่ว่าลืม  แต่ 1... ไม่ใช่แนวเพลงของผม  อย่างพวกศิลปินวง heavy rock, progressive rock ฯลฯ ผมไม่เคย ‘จอด’ ฟัง  2... นำเสนอไปแล้วในกระทู้นักร้องตายของ อ. เทาชมพู

จะเริ่มงวดหน้าละนะ...



(นี่ไม่ใช่ผม  เพียงเห็นรูปแล้วนึกถึงตัวเองตอนนั้น  ล่วงเข้าสมัยวิทยุมีช่องใส่เทปฯ  ผมต้องมีตลับเทปเปล่าคาไว้เสมอ)
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 08 มิ.ย. 24, 14:43

  หลังจากโพสในกระทู้เก่าจบไป  คุณโหน่งก็เงียบหายไปจากเรือนไทย   แต่ดิฉันเดาว่าคงเงียบหายได้ไม่นานเพราะไฟยังลุกโชติช่วงอยู่   แล้วก็กลับมาจริงๆ
  สมาชิกเรือนไทยบางท่านเกิดไม่ทัน Sue Thompson  หรือเกิดทันก็ยังเด็กมาก  ไม่ได้ฟังเสียงเธอ จึงขอประเดิมด้วยเพลงที่ดังในบ้านเรายุค 60s มากๆ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 08 มิ.ย. 24, 14:45

เพลงนี้ก็เปิดกันมากในบ้านเรา
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 08 มิ.ย. 24, 18:14

นี่คือเพลงชุดแรก ๆ ที่ผมเคยได้ยินทางวิทยุ  จะเป็นคลื่นไหนก็ตาม  แต่หลัก ๆ จะจำมาจากรายการ golden oldies  เพลงพวกนี้เป็นจุดกำเนิดของการรู้ว่าชอบเพลงฝรั่ง



เพราะมากเนอะ  เป็นเพลงที่ ก่อนยุค อตน. อเมริกาไม่รู้จักเพราะมันไม่ใช่ single  นักร้อง Shelby Flint นี่ไม่ใช่นักร้องดังเลย  เธอมี single  อยู่ 2 เพลงบนอันดับเพลง billboard  แล้วก็ไม่ดังด้วย  จำไม่ได้ว่าบ้านเราเอามาเปิดรึเปล่า

ถ้านักฟังเพลงฯ คุ้นหูละก็  น่าจะจากเสียงร้องของวง The Cascades  สมาชิกวงนี้ยังไม่มีใครม่องเท่ง  ผมจะนำเสนอในโอกาสต่อไป


เพลงนี้ผมเคยได้ยินจากเสียงของวง The Sandpipers  เพลงจากวงนี้ที่ดังกระหึ่มในบ้านเราคือ Guantanamera  รองลงมาก็ Come Saturday morning แล้วยังอื่น ๆ อีก  ผมจะไม่นำเสนอเพลงของวงนี้ที่นี่เพราะเคยเสนอไปแล้วมากมายหลายเพลงในกระทู้ นักร้องฝรั่งตาย ของ อ. เทาชมพู  



Little Peggy March นี่เป็นนักร้องในข่าย One hit wonder  คือตลอดอาชีพนักร้อง  เธอมีเพลงดังเพียงเพลงเดียวคือเพลงนี้ (แต่ก็คุ้มค่าเพราะกลายเป็นเพลงอมตะ)  ทั้งในบ้านเธอและบ้านเรา  จนกระทั่งผมซื้อ cd  ของเธอมาฟังถึงเข้าใจ  ไม่มีเพลงไหนติดหูเลย  ผมเคยอ่านจากที่ไหนก็จำไม่ได้ว่า  เป็นเพราะเพลงนี้เพราะมาก  มากจนไม่สามารถสร้างงานอื่นที่เพราะเท่านี้ได้  อย่าว่าแต่เพราะกว่าเลย  เธอก็เลยดับ

นำเสนอเพลงอื่นที่ยังน่าฟังบ้าง

(จำได้ว่า เคยได้ยินเพลงนี้ทางรายการ golden oldies)









ในยุคนั้นยังมีนักร้องหญิงอีกคนที่ดังในบ้านเรามาก ๆ  ถ้าฟังเพลง I will follow him แล้วจะต้องมีเพลงของเธอตามมาด้วย  คือ Lesley Gore  ที่บ้านเราเธอดังอยู่เพลงเดียว  แต่ในบ้านเธอ  เธอดังกระหน่ำ  ในกระทู้นี้ผมจะเปิดเฉพาะเพลงที่ดังในบ้านเรา  ถ้าสนใจเพลงอื่น ๆ ของเธอ (ซึ่งเพราะ ๆ ทั้งนั้น)  ต้องไปตามหาในกระทู้ของ อ. เทา ฯ (กล่าวคือ เธอตายไปแล้ว) ผมเสนอไว้เป็นกระตั๊ก  ขี้เกียจยกมาทั้งหมด  

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 10 มิ.ย. 24, 11:03

ที่ยกมาข้างบนนี้ ส่วนใหญ่เคยได้ยิน เป็นเพลงยุคที่วิทยุเปิดกระหน่ำในบ้านเราค่ะ
อีกคนที่ดังมากในยุคเบบี้บูมเมอร์ คือหนุ่มน้อยหล่อเข้มตาคม  ชื่อ Paul Anka   เป็นทั้งนักแต่งเพลงและนักร้องตั้งแต่วัยรุ่น    จนบัดนี้แกก็ยังหนังเหนียวคงกระพันชาตรี  เพียงแต่หน้าตาไม่เหมือนเดิมแล้ว


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 10 มิ.ย. 24, 11:04

ฟังจากเสียง และดูลีลา  คุณปู่ยังแจ๋ว

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 10 มิ.ย. 24, 18:07

 หลังจากโพสในกระทู้เก่าจบไป  คุณโหน่งก็เงียบหายไปจากเรือนไทย   แต่ดิฉันเดาว่าคงเงียบหายได้ไม่นานเพราะไฟยังลุกโชติช่วงอยู่   แล้วก็กลับมาจริงๆ
 

อากาศมีเมตตาขึ้นครับ....

มาฟังเพลงของนักร้องหญิงคนอื่นอีกที่รายการ golden oldies ชอบเปิด  ส่วนใหญ่ตายไปแล้ว  แต่ผลงานดังของพวกเธอมีไม่มาก  เลยนำมาเสนอใหม่ได้  ที่ผมเอามาลงเป็นเพลงจากศิลปินชื่อเรียงตามลำดับอักษร (เก็บไว้แบบนี้  แล้วก็แยกเป็นยุคๆ)

Annette Funicello



Bonnie Guitar





Connie Stevens



Debbie Reynolds

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 12 มิ.ย. 24, 12:09

     คุณโหน่งโพสถึง Annette Funicello  แล้วคิดถึงเธอ   เธอเป็นเด็กสร้างของดิสนีย์ตั้งแต่ตัวน้อยๆ  คนไทยไม่มีโอกาสเห็นเพราะทีวีช่อง 4 ไม่ซื้อรายการ Mickey Mouse Club มา 
    ยิ่งตอนเธอเป็นสาว เป็นดาราฮิทติดอันดับของดิสนีย์ ยิ่งไม่มีโอกาสเห็น เพราะเธอเล่นหนังประเภท Beach Party ที่นักแสดงหนุ่มสาวทุกคนสวมแต่ชุดว่ายน้ำ  ผู้หญิงนุ่งบิกินี  เป็นของแสลงสำหรับเยาวชนไทยยุคเบบี้บูมเมอร์  แต่เป็นหนังวัยรุ่นสุดฮิทของอเมริกาในยุค 1960s


บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 12 มิ.ย. 24, 18:23

     คุณโหน่งโพสถึง Annette Funicello  แล้วคิดถึงเธอ   เธอเป็นเด็กสร้างของดิสนีย์ตั้งแต่ตัวน้อยๆ  คนไทยไม่มีโอกาสเห็นเพราะทีวีช่อง 4 ไม่ซื้อรายการ Mickey Mouse Club มา 
    ยิ่งตอนเธอเป็นสาว เป็นดาราฮิทติดอันดับของดิสนีย์ ยิ่งไม่มีโอกาสเห็น เพราะเธอเล่นหนังประเภท Beach Party ที่นักแสดงหนุ่มสาวทุกคนสวมแต่ชุดว่ายน้ำ  ผู้หญิงนุ่งบิกินี  เป็นของแสลงสำหรับเยาวชนไทยยุคเบบี้บูมเมอร์  แต่เป็นหนังวัยรุ่นสุดฮิทของอเมริกาในยุค 1960s



บั้นปลายชีวิตเธอน่าเศร้ามากใช่มั้ยครับ 'จาร
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 12 มิ.ย. 24, 18:26

ที่ ‘บ้านเค้า’ เค้าแบ่งศิลปินนักร้องออกตามผิวสี  แต่บ้านเราไม่มีประเพณีนี้  ดีจัง  ไม่รู้จะแบ่งแยกไปทำไม  มันก็คนเหมือนกันทั้งนั้น  มีทั้งดีและไม่ดีเหมือน ๆ กัน  นี่คือเพลงจากนักร้องผิวสีที่ได้ยินตามวิทยุ  ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าใครผิวสีอะไร  ชื่อของบางคนยังจำไม่ได้  ฟังอย่างเดียว

Betty Everett



Barbara George



Dee Dee Sharpe



Doris Troy



เพลงจาก 3 คนนี้  มักได้ยินพร้อม ๆ กัน
Fontella Bass



Mary Wells



Little Eva

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 12 มิ.ย. 24, 19:03

บั้นปลายชีวิตเธอน่าเศร้ามากใช่มั้ยครับ 'จาร
ค่ะ เธอป่วยด้วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis) หรือโรคเอ็มเอส (MS) เป็นโรคของระบบประสาทที่ส่งผลให้เกิดความผิดปกติด้านการมองเห็น การเคลื่อนไหวร่างกาย และการรับความรู้สึกต่างๆ
(คุณหมอ SILA น่าจะอธิบายได้ดีกว่า)
ทำให้ต้องใช้เก้าอี้เข็นไปไหนมาไหน   จนถึงแก่กรรมเมื่อค.ศ. 2013  อายุ 70 ปี
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 14 มิ.ย. 24, 18:27

เกริ่นอีกครั้งว่าเพลงยุคนี้ผมจะอิงที่ได้ยินจากรายการ golden oldies เป็นหลักเพราะฟังประจำ  รายการนี้ดังมากและได้รับความนิยมถึงขนาดทำหนังสือเพลงออกขาย  ไม่ได้ขายตามแผงหนังสือ  แต่ต้องส่ง ธนาณัติ หรือ ตั๋วแลกเงิน ไปซื้อ  แล้วทางผู้จัดทำจะส่งมาให้ทางไปรษณีย์  เมื่อมาดูในยุคนี้พบว่าหนังสือทำได้ดีมาก  เนื้อกระดาษอย่างดี  รูปเล่มประณีต สวยงาม ตัวหนังสือคมไม่เลอะ
 
ภายในเล่ม   แต่ละเพลงจะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับคนแต่งเพลง บ. แผ่นเสียงต้นสังกัด ความยาวของเพลง  ใต้เนื้อร้องของแต่ละเพลงจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับเดือนปีของการออกเพลงนั้น ๆ สู่ตลาดและที่ทึ่งมากคือมีตัวเลขบอกอันดับสูงสุดของเพลงบนตาราง billboards (และ cash box ... ในยุคนั้นตารางอันดับเพลงอันเป็นที่นิยมมี 2 แหล่ง  ต่อมา cash box ปิดตัวลง) และแจ้งว่าเพลงไหนได้แผ่นเสียงทองคำให้รู้ด้วย  ในยุคนั้น (ต้น 70s) แหล่งข้อมูลยังล้าสมัยอยู่  นึกไม่ออกว่าทางคณะผู้จัดทำไปเอาสถิติมาจากไหน  ผมละทึ่งในการจัดทำมาก  ข้อมูลของหนังสือเล่มนี้ทันสมัยพอ ๆ กับในปัจจุบันเลย






มาฟังเพลงจากรายการ GO ฝ่ายชายที่เปิดบ่อย ๆ กันบ้าง

Bobby Bare



(นักฟังเพลงฯ คงจำได้ว่าเพลงนี้เป็นเพลงเปิดรายการ Let it be me  ได้ฟังทุกวัน)


Bobby Helms



Bruce Channel



Buddy Knox





Buzz Clifford

(เพลงนี้ฟังครั้งแรกก็ติดใจ  ใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะรู้จักชื่อ)

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 16 มิ.ย. 24, 15:27

เพลงเหล่านี้อยู่ในยุคที่วัยรุ่นไทยจำเพลงได้มากกว่าชื่อนักร้องค่ะ  เพลง 500 ไมล์ เป็นที่รู้จักในหมู่นักฟังเพลงฝรั่ง  แต่ชื่อ Bobby Bare ไม่คุ้นหูเลย    ไม่รู้ว่าเพลง 500 ไมล์ที่ได้ยินมาจากเสียงของเขาหรือนักร้องคนอื่น
ชื่อ Skeeter Davis คุ้นหูมากกว่า  เพลงฮิทหลายเพลงของเธอในอัลบั้มข้างล่างนี้ กระจายเสียงทางวิทยุไทยบ่อยมากในยุคโน้น  โดยเฉพาะ "ส่งหมอนใบนั้นที่เธอฝันยามหนุนให้ฉันบ้าง"

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 16 มิ.ย. 24, 18:25

เพลงเหล่านี้อยู่ในยุคที่วัยรุ่นไทยจำเพลงได้มากกว่าชื่อนักร้องค่ะ  เพลง 500 ไมล์ เป็นที่รู้จักในหมู่นักฟังเพลงฝรั่ง  แต่ชื่อ Bobby Bare ไม่คุ้นหูเลย    ไม่รู้ว่าเพลง 500 ไมล์ที่ได้ยินมาจากเสียงของเขาหรือนักร้องคนอื่น
ชื่อ Skeeter Davis คุ้นหูมากกว่า  เพลงฮิทหลายเพลงของเธอในอัลบั้มข้างล่างนี้ กระจายเสียงทางวิทยุไทยบ่อยมากในยุคโน้น  โดยเฉพาะ "ส่งหมอนใบนั้นที่เธอฝันยามหนุนให้ฉันบ้าง"


เหรอครับ... โหน่งได้ยินแต่ฉบับของ Johnny Tillotson (กำลังรอคิวลงครับ)
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 16 มิ.ย. 24, 18:27

ต่อไปเป็นนักร้องชายผิวดำ
 
Barrett Strong



Ben E. King





Chubby Checker



Dee Clark



Earl Grant กับ ballad เพราะจับใจ



Ernie-K-Doe

บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 ... 29
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.073 วินาที กับ 20 คำสั่ง