เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 30 31 [32] 33 34
  พิมพ์  
อ่าน: 84058 Yesterday Once More...
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 465  เมื่อ 14 ก.ค. 25, 18:21

เคยเล่าไปเมื่อ 2-3 คราวก่อนว่า HR เคยเป็นดารารับเชิญในหนังหายนะเรื่อง Airport 1975  อีก 2 ปีต่อมาคือปี 1977 เธอก็ได้เล่นหนังใหญ่อีกครั้งในบทตัวเอก  หนังเรื่องนี้มาจาก บ. Walt Disney  เรื่อง Pete’s Dragon

แน่นอนว่าข่าวนี้ดังจนแก้วหูแทบแตก (ดังเป็นการส่วนตัวของชีวิตน้อย ๆ ของผม)   ผมละเฝ้าคอยวันมาฉายของหนังเรื่องนี้  ตอนไปดูหนังเป็นปกติก็เห็น poster เรื่องนี้ติดอยู่ในกรอบโชว์ของโรงหนังฮอลลีวู้ด




แต่อนิจจา  คอยแล้วคอยเล่า  หนังเรื่องนี้ก็ยังไม่ลงโรงเสียที  แล้ววันหนึ่ง  เมื่อผมไปดูหนังเป็นปกติ  ก็พบว่า  poster ของหนังเรื่องนี้โดนถอดออกไปจากกรอบเสียแล้ว  สรุปว่าอดดู  ไม่น่าเชื่อเลย  มันเป็นหนังสำหรับเด็กโดยแท้  คนเล่นกับการ์ตูน  ของ WD เสียด้วยซึ่งบ้านเราไม่เคยพลาดที่จะเอาหนังสำหรับเด็กของบริษัทนี้มาฉายล่อเงิน

อย่างไรก็ตาม  แม้หนังไม่มาฉาย  แต่เพลงประกอบหนังยังคงมาออกอากาศทางวิทยุ  แม้จะไม่ดังโครมครามเหมือน single อื่นของเธอ



ความผิดหวังที่ไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ฝังอยู่ในใจมาตลอด  สมัยยุค VDO  ก็ไม่มี บ. ไหนเอามาลงตลับให้เช่าดู  ในยุค DVD ก็หาไม่มี  ตอนผมรับทีวี IBC ก็ไม่มีหนังเรื่องนี้  เป็นสมาชิกอยู่ร่วม 30 ปี  ไม่เคยมีหนังเรื่องนี้มาลงจอให้ดู  จนกระทั่งยุค อตน. แก่กล้า  ถึงเริ่มมี DVD จากนอกออกขายทาง Amazon  แต่ตอนนั้นผมแก่แล้ว  หนังที่อยากดูมาหลายสิบปีกลายเป็นหนังล้าสมัย  ความอยากเหือดหาย เลยแค่ดู clip ย่อย ๆ ทาง youtube เป็นพอ

ตัวอย่างหนัง



ตัวเอกคือ มังกรล่องหนชื่อ Elliot







นั่นคือจุดเริ่มต้นยุคขาลงของ Helen Reddy  ผลงานเพลงสุดท้ายที่วิทยุบ้านเราเปิดคือเพลงแนว ballad  แนวที่ผมว่าเธอร้องได้เพราะที่สุด






หมายเหตุ - เพลง Angie Baby ที่ HR ร้องนี้แต่งเนื้อโดย Alan O’Day   ในปี 1977 เธอออกผลงานส่วนตัวของเธอ  ปรากฏว่ามันฮิตกระหน่ำ  ฮิตข้ามมาถึงบ้านเราด้วย  เป็นเพลง one hit wonder ของเธอ


บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 466  เมื่อ 15 ก.ค. 25, 18:16

ช่วงที่ผมลาไปพักร้อนเปิดสมอง (นิยามนี้ใช้ทีไรนึกถึงหมอเอามีดมาผ่ากะโหลก)  มีครั้งหนึ่งนั่งรถไฟ  ฝั่งผม  ริมหน้าต่างมีหนุ่มใหญ่นั่งฟังเพลงทางมือถือ  เค้าเรียกว่าอะไรนะ  ผมละงี่เง่าเรื่องเทคโนโลยีพวกนี้  เธอคงเปิดเพลงดังพอประมาณ  เสียงดังรอดออกมาเข้าหูผม  แต่ผมก็ไม่รำคาญ  กำลังดื่มด่ำกับวิวสวย ๆ  นั่งดูวิวไปเรื่อย ๆ  แล้วก็มาสะดุดกับเสียงที่รอดหูฟังออกมาเป็นเพลง ๆ หนึ่งที่ผมไม่ได้ยินมานานแล้ว  ตอนทำงานชิ้นนี้สะสมไว้ก็ลืมเพลงที่ว่าไปเลย  วันนี้ก็เลยมาด้นสด  จำได้ว่ามันดังในตาราง billboard และในบ้านเรามาก  มาจากวงเชื้อชาติ Sweden ชื่อ Ace of Base  เพลงนี้



พอจำเพลงนั้นได้  ก็นึกต่อได้อีกว่าเคยได้ยินอีกเพลงที่ดังในบ้านเราเหมือนกัน



แล้วความคิดก็ต่อเนืองไปอีกว่า  ในยุคเดียวกันนี้  มีวงจาก Sweden อื่นอีกจำนวนหนึ่งที่ส่ง single ที่ข้ามมาดังที่อเมริกาและแผ่ความดังมาที่บ้านเรา  ที่สะท้านโลก (ดนตรี)  คือวง Roxette กับเพลงนี้

(ความจริง single ดังของวงนี้ยังมีอีก  แต่ผมรู้จักเพลงนี้เพลงเดียว)


ต่อมาก็วง Europe  ช่วง intro ของเพลงแรกนี้ดังกว่าตัวเพลงเสียอีก





ข้อมูลบอกว่ายังมีอีก  แต่ดูแล้วไม่รู้จักเลย  น่าจะอยู่นอก ‘เขต’ ของผมไปแล้ว  ที่คุ้นชื่อก็ศิลปินหญิงชื่อ Neneh Cherry ที่มีเพลงดังบน billboard  แต่ผมไม่เคยได้ยินเพลงของเธอ  จำได้แต่ชื่อเธอ  เลยนำเสนอไม่ได้ 

ย้อนขึ้นไปยังช่วงบ้าเพลงอย่างระห่ำ  วงเชื้อชาติ Sweden ที่ดังที่สุดก็วง ABBA   ที่เพิ่งนำเสนอผลงานไป  แล้วยังมีอีกหนึ่งวง  นักฟังเพลงฝรั่งบ้านเราคงลืมชื่อไปแล้ว  วง Blue Swede ไง  กับเพลงดังมาก ๆ เพลงนี้



รองลงมาก็เพลงนี้



มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 467  เมื่อ 16 ก.ค. 25, 18:02

2 เพลงดังของวง Blue Swede  เป็นการนำมาร้องใหม่  ต้นฉบับเพลง Never Mind Love เป็นของวง The Associations  ผมเพิ่งนำเสนอไปไม่นาน

ส่วนเพลง Hooked on a feeling ต้นฉบับเป็นเสียงของ B. J. Thomas ผมก็เคยลงไปแล้วแต่จำไม่ได้ว่าอยู่ในกระทู้ Yesterday once more รึเปล่า  ลองค้นหาดูปรากฏว่าไม่เจอ  ที่ไม่เจอไม่ใช่ว่ายังไม่เคยลง  เป็นเพราะว่าปุ่ม ค้นหา ไม่ให้ความร่วมมือ 

สรุปแล้ว  ไม่รู้  ลงใหม่ก็แล้วกัน  เพลงเพราะ ๆ ฟังซ้ำก็ไม่น่าเบื่อนิ



BJT ต่อมาดังสนั่นกับเพลงนี้  วิทยุบ้านเราเปิดทุกวัน  นักดูหนังโรงก็พากันเข้าโรงไปดูหนังเรื่องนี้

(จากหนังเรื่อง Butch Cassidy and the Sundance Kid)


เธอกลับมาดังอีกครั้งในปี 1975 กับเพลงนี้  ballad จืดสนิท  แต่แหม... ดังมาก ๆ



ช่วงเวลาระหว่าง 2 เพลงดังนี้  เธอยังมีผลงานที่ดังระดับหนึ่ง  ซึ่งวิทยุบ้านเรารับมาเปิดให้ฟังอย่างซื่อสัตย์

(เพลงนี้เพราะมากนะ  สมัยนั้นได้ยินทีไร  เหมือนสูดอากาศบริสุทธิ์)





แนะนำเพลงนี้อันเป็น single แรกของ BJT  มาได้ยินทาง CD  เพราะไม่เลว
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 468  เมื่อ 17 ก.ค. 25, 18:01

เมื่อกี้นึกอะไรได้อย่าง  เลยย้อนกลับเป็นดูซิว่าผมเริ่มกระทู้นี้เมื่อไร  คำตอบคือ 8 มิ.ย. 24  นี่ผมฝอยมาปีกว่าโดยไม่มีการหยุดหย่อน (ยกเว้นช่วงไปพักร้อนแป๊บนึง) เลยหรือนี่  ข้อมูลที่ทำไว้ยังหมดไปไม่ถึงครึ่งเลย  น่าจะต้องทนฟังผมพล่ามต่อไปอีกปีนึงละมัง

อย่าเพิ่งเบื่อกันเด้อออ...

กลับมาที่ตอนผมแอบฟังหนุ่มใหญ่ฟังเพลงทางมือถือ  หลังจากได้ยินเพลง The Sign จบ  หูผมก็เริ่มทำหน้าที่แอบฟังเพลงอื่น ๆ ที่รอดออกมา  บางเพลงรู้จักดี บางเพลงก็ไม่รู้จัก  เพลงจากฝั่งยุโรป  ถ้าไม่ดังจริง ๆ และไม่ใช่เพลง cross over มาดังที่อเมริกา  วิทยุบ้านเรามักไม่สนใจ 

เพลงที่รู้จักดีแต่ลืมไปเลยยังมีอีก เช่นวงจาก Spain ชื่อ Los del Rio

(ผมจำไม่ได้ว่าในตอนนั้นเป็นฉบับไหน)


วงจากอังกฤษ Beautiful South



วงจากอังกฤษ Coldplay ... ดังมากนะ 



วง A-Ha จาก Norway



Robbie Williams ชื่อนี้นักฟังเพลงฝรั่งรุ่นหลานรู้จักดี

ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่รู้รายละเอียดว่าแต่ก่อนเธอเป็นสมาชิกคนหนึ่งของวงดัง Take That



Take That เป็นวง boy band ยุคแรก ๆ  ผมว่าที่ดังที่สุดไม่มีวงไหนเกิน Boyzone  ผมเคยลงผลงานของวงนี้ไปแล้ว  หลังจากยุบวง  นักร้องนำ Ronan Keating  ออกมาเป็นศิลปินเดี่ยว  ผลงานของเธอซ้ำซากมาตั้งแต่สมัยยังอยู่ในวง ฯ  เลยไม่ดัง  มีแต่ 2 เพลงนี้ที่วิทยุบ้านเราชอบเปิด



(ตรง ‘You say it best when you say nothing at all’  ฟังทีไรอดคิดไม่ได้ว่า ‘หุบปากไว้เป็นดีที่สุดนะเอ็ง’)

พรุ่งนี้ต่อให้จบ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 469  เมื่อ 18 ก.ค. 25, 18:06

เอาให้จบตรงช่วงนี้ก่อนนะ

Mike & the Mechanics จากอังกฤษ



John Waite จากอังกฤษ



Westlife จาก Ireland



Chris de Burgh จาก Ireland

เพิ่งนึกได้ว่า  ก่อนหน้านี้เธอมีเพลงดังในบ้านเราอีกเพลงคือเพลงนี้



Peter Grant จากอังกฤษ



Jim Diamond จาก Scotland



Shakin’ Stevens จากอังกฤษ กับเพลงนี้ที่ครองทุกคลื่นเพลงฝรั่งในบ้านเราอยู่ช่วงหนึ่ง



พอได้ยินเพลงในยุคนั้นแต่ล้วนมาจากฝั่งยุโรป  ทำให้ผมนึกถึงเพลงในยุคเดียวกันแต่ดังในฝั่งอเมริกา   เก็บเอาไว้คั่นรายการงวดหน้าละกัน
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 470  เมื่อ 19 ก.ค. 25, 18:24

ได้ฤกษ์นำเสนอเรื่องที่เกริ่นมาหลายหน  ง้างมาหลายครั้ง  เรื่องนี้ไม่มีใครรู้เรื่องนอกจากพวกเรานักฟังเพลงฝรั่งร่วมยุค  หลายคนลืมไปแล้วด้วยซ้ำ

เทศกาล Eurovision Song Contest ปี 2025 นับเป็นปีที่ 69  เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อกลางเดือน พ.ค. นี้

จากข้อมูล เทศกาล Eurovision Song Contest เริ่มมาตั้งแต่ปี 1956  แสดงว่า timeline ของมันช่วงหนึ่งมาพาดผ่านวงจรการฟังเพลงของผม นั่นเป็นเพราะช่วงเวลานั้นวงการเพลงฝรั่งบ้านเราให้ความสนใจเทศกาลนี้

ความสนใจเริ่มต้นแผ่ว ๆ ที่ปี 1972 มาบูมที่ปี 1973 – 1977 ก่อนจะเริ่มจางไป และสาบสูญไปจากลำโพงวิทยุหลังจากปี 1982  ปีนั้น Nicole ตัวแทนประเทศเยอรมันเป็นผู้ชนะ  ในช่วงบูม  การประกวดนี้ดังมากในบ้านเรา  มี สถน. วิทยุเพลงฝรั่งหลาย สถน. ติดตามผลจากเทศกาลนี้  และนำเสนอเพลงต่าง ๆ ให้พวกเราฟัง

เนื่องจากเป็นการประกวดทางฝั่งยุโรปซึ่งมีภาษาพูดหลากหลาย  ผมจำได้ว่าเพลงไหนที่ได้รางวัลชนะเลิศ (อาจรวมถึงตำแหน่งรองในบางปีที่ producer คิดว่าน่าจะขายออกได้) ถ้าไม่ใช่เพลงมีเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ  เพลงนั้นจะต้องมีการเพิ่มตัวเลือกในฉบับเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษเพื่อการตลาดในวงกว้าง  วิทยุบ้านเราจะเปิดเพลงเหล่านั้นในฉบับแปลงเป็นภาษาอังกฤษนี้  ผมไม่รู้ว่าประเพณีนี้เริ่มมาเมื่อไร  แต่อ่านมาว่าในที่สุดก็มาถึงปีหนึ่งที่ทางคณะกรรมการกำหนดไว้เลยว่าเพลงที่จะนำเข้าประกวดต้องมีเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ

เท่าที่นึกออกและอาศัยข้อมูลมาต่อยอด  เพลงจากการประกวดฯ เพลงแรกที่ผมรู้จักและมาดังในบ้านเรา  มาจากรายการ Golden Oldies  ผมสงสัยว่าตอนนั้นทางรายการจะรู้ลึกตื้นหนาบางของเบื้องหลังเพลงนี้รึเปล่า  เพลง Volare นี้ร้องโดย Domenico Modugno เป็นตัวแทนจากอิตาลีเข้าประกวดในปี 1958 ได้อันดับ 3  ในบ้านเราฮิตสนั่น  มีคนนำมาร้องกันเกร่อ  เป็นเสียงของใครบ้างก็ไม่รู้จำไม่ได้หมด  แต่หนึ่งในนั้นมาจากเสียงของคณะสามศักดิ์  รู้สึกจะคุณสักรินทร์ ฯ



เพลงนี้นับเป็นเพลงจากการประกวดฯ ที่ดังในวงกว้างมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการประกวดฯ  ข้อมูลบอกว่าที่อเมริกา  เพลงเข้าอันดับ billboard ครั้งแรกที่อันดับที่ 54  อาทิตย์ต่อมามันกระโดดขึ้นไปเกาะอันดับที่ 2  นับเป็นการก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของตารางเพลง BB  ในอาทิตย์ถัดไปมันก็ขึ้นอันดับ 1  และครองอันดับ 1 (แต่ไม่ต่อเนื่อง) นานถึง 5 อาทิตย์ 

ตอนนั้นคนลืมเพลงชนะเลิศอันดับ 1 และ 2 ไปเลย

ในช่วงเวลาที่เพลงอาละวาดอยู่ที่อเมริกา  มีนักร้องอื่น ๆ นำเพลงนี้มาร้องใหม่ในฉบับภาษาอังกฤษ  ผมว่าฉบับนำมาร้องใหม่ที่ดังในบ้านเราที่สุดเป็นเสียงของ Dean Martin เธอร้อง 2 ภาษา



และ Bobby Rydell



ผมจำได้ว่า  วิทยุเคยเปิดเพลงนี้อีกฉบับที่มีจังหวะเร็วกว่านี้  ถ้าไม่มี Wikiฯ ผมคงหาฉบับที่ว่าไม่เจอ



เพลงจากการประกวดฯ เพลงต่อมาที่เข้ามาถึงหูผมมาจากปี 1967  มันดังมานาน  เพราะเริ่มเข้ายุคผม  ผมยังได้ยินเพลงนี้อยู่  ตอนนั้นเด็กมากไม่รู้ว่าก่อนเปิดเพลง  ดีเจแจ้งความเป็นมาเป็นไปของเพลงนี้รึเปล่า  มันเป็นเพลงอันดับ 1 จากการประกวดฯ ปีนี้  มาจากประเทศอังกฤษ  ร้องโดย Sandy Shaw



มาต้นยุค 1970s (จริง ๆ คือ 1973) เพลงนี้ก็กลับมาให้ผมได้ยินอีกครั้ง  ยุคนั้นเป็นยุคระบาดของนักร้องจากฮ่องกง  นำหน้าตั้งมาด้วย Agnes Chan
 
เพลง Puppet on a string นี้มาจากนักร้องกลุ่มนี้  เธอชื่อ Irene (นามสกุลคือ Ryder ลูกครึ่งอังกฤษ-ฮ่องกง) ผมว่าคนไทยคงไม่สนใจเธอเท่าไรเพราะ (เสียงของ) เธออยู่ในบ้านเราแค่เพลงเดียว



กลับมาที่ Sandy Shaw ผมอ่านประวัติของเธอ  ได้ความว่าเป็นนักร้องระดับเบ้งคนหนึ่งของอังกฤษ  แต่คนที่อเมริกาไม่นิยมเพลงของเธอ  มีบางเพลงของเธอที่พบว่าชอบและอยากให้ลองฟัง



(เพลงนี้  ในบ้านเรานิยมฉบับที่ร้องโดย Dione Warwick มากกว่า)



(ข้อมูลบอกว่า SS มีเอกลักษณ์ตรงที่ชอบออกแสดงแบบ ‘ตีนเปล่า’)


มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 471  เมื่อ 20 ก.ค. 25, 18:04

ปี 1968 มีเพลงจากการประกวด Eurovision Song Contest ที่มีเนื้อต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษติดอันดับที่ 2  ผมจำไม่ได้ว่าเคยได้ยินเพลงนี้ทางวิทยุ  คงต้องมีการเปิดแหละเพราะคนร้องคือญาติสนิทของเราเอง สุดหล่อ (ของคนอื่น) Cliff Richard



ในปี 1969 ก็มีเพลงจากการประกวดฯ มาออกอากาศให้เราฟังอีกเพลง  ผมอ่านรายละเอียดในเวลาต่อมาจากไหนก็ไม่รู้  ก็ผมอ่านตะบันไปหมด  ได้ความว่าปีนั้นมีประเทศร่วมกันรับตำแหน่งที่ 1 พร้อมกันถึง 4 ประเทศ  เพลงที่บ้านเราได้ยินนั้นมาจากประเทศอังกฤษร้องโดย Lulu  ส่วนอีก 3 ประเทศที่เหลือเป็นประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร  ผมไม่รู้ว่า 3 เพลงนั้นมีการนำมาแปลงเป็นภาษาอังกฤษรึเปล่า

เพลงนี้ดังในบ้านเรามาก  รอง ๆ To sir with love เลยละ



เพลงจากการประกวดฯ ปีต่อมา 1970  ที่ผมได้ฟังจากวิทยุคือเพลงนี้จากเสียงของ Dana  เป็นเพลงชนะอันดับ 1 มาจากประเทศ Ireland ซึ่งพูดภาษาอังกฤษ  เราเลยได้ฟังเพลงต้นฉบับของเธอ

แต่ผมว่าเพลงนี้ฉบับที่คุ้นหูนักฟังเพลงฝรั่งบ้านเราที่สุดมาจากเสียงของ Frances Yip



Dana มีผลงานอีกเพลงที่บ้านเรานำมาเสนอ  คาดว่าเป็นเพราะอิทธิพลจากการประกวดนี้

แล้วก็เพลงนี้อีกเช่นกันที่ผมว่าฉบับที่คุ้นหูนักฟังเพลงฝรั่งบ้านเราที่สุดมาจากเสียงของ Agnes Chan ลองฟังดู



สรุปแล้ว  ในบ้านเรา  เพลงดังของ Dana  โดนนักร้องเอเซียโขมยความดังไปหมด


กลับมาที่เทศกาลฯ  ในปีนั้นอันดับที่ 2 มาจากประเทศอังกฤษ  เราก็เลยได้ยินเพลงนี้ด้วย



ผมว่า  ในบ้านเรา  เพลงนี้ดังกว่าเพลงชนะที่ 1 เสียอีก  ดังกว่ามากด้วย  น่าจะเป็นเพราะ Mary Hopkin เธอนำร่องมาก่อนหน้าด้วย 2 เพลงดังสะท้านกรุงเทพฯ Those were the days และ Goodbye





(หมายเหตุ ทั้ง Cliff Richard, Lulu และ Mary Hopkin ในยุคนั้นดังสุดโต่งในบ้านเรา  วิทยุต่อยอดเพลงจากเสียงของทั้ง 3 มากมาย  ถ้าเอาลงตรงนี้  เป็นเข้าป่า  ไปไม่กลับ  ไว้จะเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไป)


มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 472  เมื่อ 21 ก.ค. 25, 18:06

ผมว่าดีเจเพลงฝรั่งบ้านเราเริ่มติดตามผลการประกวด Eurovision Song Contest  มาตั้งแต่ปีที่แล้วเพราะนักร้องที่ร้องเพลงด้วยเนื้อภาษาอังกฤษแล้วเข้ารอบเคยมีผลงานดังในบ้านเรามาก่อน  อย่างก็ตาม  ปีถัดมาคือ 1971  วิทยุเปิดเพลงของนักร้องคนนี้  เธอมาจากอังกฤษ  เพลงที่ร้องเข้าแค่อันดับ 4



วิทยุเปิดเพลงจากเสียงของ Clodagh Rogers เพียงเพลงนี้เพลงเดียว  แล้วมันก็น้อยครั้งมาก  ที่ผมจำได้น่าจะเป็นเพราะทำนองแปลกหู

สำหรับเพลงอันดับ 1 มาจากประเทศ  Monaco



เพลงนี้ก็มีการแปลงเนื้อเป็นภาษาอังกฤษด้วยเช่นกัน  ผมไม่รู้ว่าบ้านเราเคยเอาฉบับนี้มาเปิดรึเปล่า  ไม่เคยได้ยิน  มาได้ยินในภายหลังพบว่าเพราะดี



ผมไม่รู้ว่าประเพณีนำเพลงที่ชนะที่ 1 และ/หรือ ได้อันดับรอง ๆ ที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษ  เอามาปรับเปลี่ยนเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ (ซึ่งอาจจะไม่ได้มีเนื้อหาเดียวกับต้นฉบับ... มารู้ทีหลัง) เริ่มมาตั้งแต่เมื่อไร  แต่มารู้เอาตั้งแต่ปี 1972 เป็นต้นไป  เพลงชนะที่ 1 ในปี 1972 นี้มาจากประเทศ Luxemburg ที่สื่อสารกันด้วยภาษาฝรั่งเศส เพลงร้องโดย Vicky Leandros



ที่รู้ว่ามีการเปลี่ยนเนื้อเป็นภาษาอังกฤษเพราะวิทยุเปิดเพลงนี้ให้ผมฟังในฉบับภาษาอังกฤษซึ่งมีชื่อว่า Come what may  ผมเข้าใจมาตลอดว่าเนื้อเพลงนี้เป็นภาษาอังกฤษ  จนกระทั่ง อตน. ถือกำเนิด

(วิทยุเปิดเพลงนี้บ่อยจนมันเป็นเพลงที่เพราะถูกใจผมเป็นอย่างมาก)


สำหรับอันดับที่ 2 มาจากอังกฤษ  จากวง The New Seekers



2 เพลงนี้ดังกระหึ่มกรุงเทพฯ  เพลง Come what may  ด้วยอานิสงค์ของเนื้อภาษาอังกฤษพลอยทำให้มันดังไปด้วย

หมายเหตุ – วง The New Seekers เป็นวงที่ดังมากในบ้านเราในยุค 70s  ผลงานที่วิทยุเอามาเปิดมีมากมาย  ผมได้นำเสนอไปแล้วในกระทู้ก่อน  เพลงดังที่สุดของวง  ดังทั่วโลกดนตรีเพลงฝรั่ง คือเพลงนี้



อยากรำลึกถึงผลงานอื่น ๆ ของวงนี้อ่านที่นี่ครับ 
https://www.reurnthai.com/index.php?topic=7342.msg186685;topicseen#msg186685
(ความคิดเห็นที่ 387 – 391)


มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 473  เมื่อ 22 ก.ค. 25, 18:08

ปี 1973 นี้เป็นปีที่ผมพบรักอมตะนิรันดร์กาล

การประกวด Eurovision Song Contest ปี 1973 เริ่มเข้มข้นขึ้นในวงการเพลงฝรั่งบ้านเรา  นอกจากเพลงต้นฉบับที่มีเนื้อร้องภาษาอังกฤษแล้ว  หลาย สถน. ต่างเปิดเพลงจากภาษาอื่นที่ กองการประกวดฯ เอามาแปลงเป็นเนื้อเพลงภาษาอังกฤษที่ชนะในอันดับสูง ๆ มาให้ฟังอย่างสนุกสนาน 

เริ่มจากอันดับ 3 เป็นเพลงเนื้อร้องภาษาอังกฤษแต่ดั้งเดิม  จากเสียงของญาติสนิทของเราอีกครั้ง  Cliff Richard



อันดับที่ 2 มาจากสเปน  วงชื่อ Mocedades



สำหรับเพลงที่ชนะที่ 1 มาจากประเทศ Luxemburg อีกครั้ง  แต่ไม่ใช่นักร้องคนเดียวกันกับปีที่แล้ว  ปีนี้คนร้องชื่อ Anne-Marie David



ในฉบับภาษาอังกฤษ



ในบ้านเรา  เพลงชนะอันดับ 1 ไม่ได้แค่ดังเฉพาะตัวเพลง  ตัวนักร้อง AMD ก็ดังด้วย  หน้าตาเธอน่ารักมาก  หนังสือ Starpics และหนังสือเพลง 3 หัว (I.S. Song Hits, Current Song Hits, Savvy Song hits) ต่างก็ลงรูปของเธอกันพร้อมเพรียง

จากประสบการณ์ เพลงที่ผมว่าดังที่สุดในบ้านเรากลับเป็นเพลงชนะอันดับ 2  วิทยุบ้านเรา  เปิดประจำ  ทางคลื่นโน้นคลื่นนี้

อย่างที่เคยเล่าว่า  เพลงไหนที่ กองการประกวดฯ คิดว่าน่าจะขายได้ในวงกว้าง  ก็จะนำมาแปลงเนื้อเป็นภาษาอังกฤษ  เพราะเป็นภาษาสากล  แต่เพลง Eres Tu นี้เก๋มาก  ผมคาดว่าเป็นเพราะอิทธิพลจากความเพราะของมันที่ กองการประกวดฯ เล็งเห็นว่าอนาคตของเพลงนี้น่าจะไปได้ดีในวงกว้างจึงนำออกขาย  และขายในรูปแบบของภาษาต้นฉบับไปเลย  คือภาษาสเปนไม่ใช่ฉบับแปลงเป็นภาษาอังกฤษที่กระหน่ำเปิดในบ้านเรา  แล้วก็จริงอย่างที่คาดเพราะ  เพลงได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีในตลาดวงการเพลงระดับโลกคืออเมริกา  เพลงสามารถผ่าน top 10 ของตาราง Billboard เข้าไปได้  เลยยิ่งดังเข้าไปใหญ่  ในขณะที่อีก 2 เพลงคือ อันดับ 1 และ 3 ไม่มีชื่อปรากฏอยู่ใน top 100 

บ้านเราเลยได้ยินเพลงอันดับ 2 นี้ทั้ง 2 ฉบับ  ฉบับแปลงเป็นภาษาอังกฤษมาก่อนเพราะสด ๆ จากการประกวด  ส่วนฉบับภาษาสเปนมาทีหลังเพราะใช้เวลาในการไต่ในอันดับ Billboard  กว่าจะถึงจุด ‘ดัง’



(ผมว่า ฉบับอัดใน studio เพื่อออกขายนี่  การเรียบเรียงดนตรีใหม่ (นิดหน่อย) ทำให้เพลงเข้มข้นขึ้น  ผลคือเพราะสุดขีด  ถ้าใช้ดนตรีแบบนี้ตอนเข้าประกวด  เผลอ ๆ อาจได้อันดับ 1)


It is one of the few musical acts from Spain to have scored a top ten hit in the United States, being the only one sung entirely in Spanish. 

In 2005, "Eres tú" was one of fourteen songs chosen by Eurovision fans and a European Broadcasting Union (EBU) reference group, from among the 992 songs that had ever participated in the contest, to participate in the fiftieth anniversary competition Congratulations: 50 Years of the Eurovision Song Contest held on 22 October 2005 in Copenhagen. It was the only Spanish entry featured, as well as one of three entries featured that did not actually win the contest the year it competed.

The song was featured with footage of Mocedades' Eurovision performance with Amaya Uranga, Carlos Zubiaga, and José Ipiña appearing live on stage towards the end.



In 2013, it was inducted into the Latin Grammy Hall of Fame. In 2015, "Eres tú" ranked #47 on Billboard's 50 Greatest Latin Songs of All Time.

วง Mocedades ตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1969  จนบัดนี้ยัง ‘active’ อยู่  แต่สมาชิกเปลี่ยนหน้าเข้าออกมาตลอด  ยุครุ่งเรืองของวงก็ตอนเข้าประกวด ESC  ซึ่งมีนักร้องนำชื่อ Amaya Uranga  ในปี 2019 เพลงนี้ยังกระหึ่มอยู่เลย  ยิ่งฟังยิ่งเพราะ



มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 474  เมื่อ 23 ก.ค. 25, 18:13

ผมว่าจุดสูงสุดของการติดตามผลการประกวด Eurovision Song Contest   ในบ้านเราเริ่มต้นที่ปี 1973   สามเพลงที่นำเสนอไปเมื่อวาน (ในฉบับภาษาอังกฤษ) ดังออกมาจากลำโพงวิทยุวันละหลายหนจากคลื่นความถี่ต่าง ๆ

ปี 1974 เป็นอีกปีที่นักฟังเพลงฝรั่งชาวไทยได้ฟังเพลงชนะในอันดับต่าง ๆ ของการประกวด และมากกว่าปีก่อน ๆ ด้วย  เพราะมีให้ฟังถึง 4 เพลง  จากอันดับ 1 ถึง 4

อันดับ 1 นั้น  ดังสุดขีด  และเป็นจุดเริ่มต้นความดังระดับโลกของวง ABBA



อันดับที่ 2 นี้มาแปลก  ผมมาได้ยินทีหลังเพื่อน  หลุดเวลาจากผลการประกวดฯ ไปหลายปีแล้วด้วยซ้ำ  ผมได้ยินครั้งแรกจากเสียงของ Frances Yip  เสียงของเธอไม่เหมือนใคร  ได้ยินโดยไม่มีใครบอกก็รู้ว่าใครร้อง
 
ปกติ FY จะร้องเพลงของชาวบ้าน  เพลงนี้ (ชื่อภาษาอังกฤษว่า Go) เป็นเพลงที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน  ผมนึกว่าเป็นเพลงต้นฉบับของเธอ  แสดงว่าเธอเริ่ม ‘โกอินเตอร์’ แล้ว วิทยุเปิดเพลงนี้ของเธออยู่ชั่วขณะ  ผมหาเพลงใน youtube ไม่เจอ  ดูหน้าปกแผ่นเสียงแล้วกัน  เผื่อจะคุ้นตา  แผ่นวางขายอยู่ตามร้านขายแผ่นเสียงเพลงจีน  ผมไม่ได้ซื้อ  มันเป็นแผ่นเสียงยุคท้าย ๆ ของเธอก่อนความนิยมจะหมดไปจากบ้านเรา  




วันหนึ่งดีเจ (จากคลื่นใดคลื่นหนึ่ง) ก็บอกรายละเอียดเพิ่มเติมก่อนจะเปิดเพลง Go ของ FY นี้ว่า  นี่เป็นเพลงที่เธอนำมาร้องใหม่  ต้นฉบับเพลงนี้มาจากการประกวด ESC จากเสียงของนักร้องต้นฉบับชาวอิตาลี รายละเอียดที่จำได้มีเท่านี้  ผมมารู้เพิ่มเติมในยุค อตน. ว่า จากการประกวด  เพลงนี้ได้ที่ 2 เป็นเสียงของนักร้องชื่อ Gigliola Cinquitti



นี่เป็นฉบับภาษาอังกฤษที่ FY นำมาร้องใหม่  ไม่รู้มีคลื่นไหนเอามาเปิดรึเปล่า



อันดับที่ 3 มาจากประเทศ Netherlands นักร้องนั้นเป็นคู่ผัวเมียชื่อ Mouth & McNeal  คู่นี้เคยมาร้องเพลงให้เราฟังเมื่อ 2 ปีก่อนหน้า  นักฟังเพลงฝรั่งทุกคนต้องรู้จักเพลงที่ว่านี้  คือ How do you do?  มันดังจนกลายเป็นเพลงโหล  



ในการประกวดฯ ทั้ง 2 ร้องเพลงนี้  วิทยุเปิดบ่อยเหมือนกัน  



ส่วนอันดับ 4 นี้  น่าจะเป็นควันหลง  เพราะเธอคือ Olivia Newton John ญาติสนิทของพวกเรา  เพลงนี้เปิดบ่อยที่สุด  บ่อยกว่า 3 อันดับแรก  โดยส่วนตัว  ผมว่าเป็นเพลงที่จืดสนิท  ติดอันดับ 4 นี่ก็บุญโขแล้ว  ผู้เกี่ยวข้องในการทำเพลงนี้คงจ๋อยกันหมดพอรู้ผล  และอาจตามด้วยการโทษกันไปมา



สรุปแล้วปีนี้เพลงอันดับ 4 จากการประกวดฯ ดังมาเป็นอันดับ 1 ในบ้านเรา… และจะเปิดคู่กับเพลงนี้



มีต่อ...


บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 475  เมื่อ 24 ก.ค. 25, 17:56

นี่คือเพลงที่ชนะเลิศและอันดับ 2 ในปี 1975  ที่วิทยุนำมาเสนอ  ไม่กระหน่ำเปิดเท่าปีก่อน  แต่บ่อยพอที่จะฝังอยู่ในความทรงจำของผม

วง Teach-In จาก Netherlands



วง The Shadows จาก อังกฤษ



ปี 1976 เป็นปีที่เพลงชนะอันดับ 1 ดังมาก ๆ  ดังมาถึงเมืองไทยด้วย  ไม่มีใครเอ่ยถึงอันดับ 2 หรือ 3 เลย  ผมเพิ่งมาค้นเพิ่มตอนยุค อตน.


(ข่าวบอกว่าเพลงนี้เป็นเพลงอันดับ 1 จากการประกวดที่ขายดีที่สุดตลอดกาล)


อยากพูดถึงวง Brotherhood of Man นี้อีกหน่อย  ในตอนนั้นผมนึกว่าเป็นวงหน้าใหม่  ต่อมาผมซื้อ CD รวมเพลงยุคเก่าของอเมริกาก็พบว่า  วงนี้เคยข้ามไปดังในอเมริกามาแล้วในยุคต้น 70s ด้วยเพลงนี้

(ข้อมูลบอกว่าเป็นวงเดียวกัน  แต่ประมาณว่า 'ยุคเก่า' / 'ยุคใหม่')


หลังจากประกวดได้อันดับ 1  วงนี้ยังต่อยอดความดังในบ้านเราต่อไปอีกด้วยเพลงเพราะ ๆ เหล่านี้







มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 476  เมื่อ 25 ก.ค. 25, 18:19

ข่าว...

Chuck Mangione (1940 - July 22, 2025)

เพลงนี้  พูดได้คำเดียวว่า 'สนั่น'



บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 477  เมื่อ 25 ก.ค. 25, 18:27

Eurovision Song Contest ในปี 1977  เพลงจากฝรั่งเศสชนะเป็นอันดับ 1  ร้องโดย Marie Myriam



ผมว่าทำนองธรรมดา ๆ  ตอนนั้นฟังฉบับภาษาอังกฤษ  ฟังไป ๆ พบว่าเป็นอีกเพลงที่ชอบมาก



อีกเพลงที่ดังคู่กันมาทางวิทยุคือ อันดับ 2 จากอังกฤษ  โดย Lynsey de Paul & Mike Moran



ตอนนั้น LdP ดังมากที่บ้านเขา  ความดังแผ่มาถึงบ้านเราด้วย 2 เพลงนี้ (MM ไม่รู้จัก)





ผมว่าความดังของการประกวดฯ ในบ้านเราเริ่มลดลงตั้งแต่ปีที่แล้ว  ดูเหมือนเหล่าดีเจจะร่วมประชุมและลงมติเอกฉันท์หรืออย่างไรก็ไม่ทราบ  จู่ ๆ ก็พร้อมใจกันเลิกสนใจ  และเลิกนำข่าวมาเสนอเสียดื้อ ๆ

ต่อไปคือเพลงอันดับ 1 ในปี 1978  เพลงนี้ดังสนั่นหวั่นไหวในบ้านเรา  ทั้งจากลำโพงวิทยุและจากลำโพงในบาร์ disco  ตอนนั้นผมไม่รู้ pedigree ของเพลงนี้เพราะไม่เห็นมีดีเจคนไหนบอกรายละเอียด  หนังสือ Starpics ก็เลิกรายงาน  มารู้ในภายหลังอีกนาน  เป็นสิบปี  ตอนซื้อหนังสือรวมเพลงของการประกวดฯ มาอ่าน (ก่อนยุค อตน.)  ประมาณว่า ... อ้าวววว! เพลงนี้ด้วยหรือนี่ ...



ฉบับภาษาอังกฤษ



มาในยุค อตน. ผมได้ข้อสังเกตจากบรรดารายชื่อศิลปินที่เข้าประกวดฯ ในปีนี้  อันดับที่ 7 คือวงศิลปินคู่ชาวสเปนได้รับเลือกเป็นตัวแทนจาก Luxemburg วงนี้ชื่อว่า Baccara  ผีเพลงฝรั่งจะต้องจำได้จากเพลงดังที่ออกอากาศในปีก่อนหน้าที่ชื่อ Yes Sir, I can boogie ดังทั้งในบ้านและในบาร์ฯ



มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 478  เมื่อ 26 ก.ค. 25, 17:55

มาปี 1979 ก็เช่นกัน  ผมเพิ่งรู้ว่าเพลงเพราะมาก ๆ (ฉบับภาษาอังกฤษ) ที่ชอบในตอนนั้นคือเพลงชนะเลิศจากการประกวด Eurovision Song Contest นี้



ฉบับภาษาอังกฤษที่วิทยุบ้านเราเปิด

(หมายเหตุ – เพลงชนะที่ 1 ของปีนี้และปีที่แล้วมาจากประเทศ Israel ทั้งคู่)


แต่ที่ถึงกับอุทานเสียงลั่น ‘เฮ้ย... จิงอ้ะ’ คือเพลงนี้

(ตัวแทนจาก West Germany ได้อันดับที่ 4  แต่เป็นอันดับ 1 ในบ้านเราในปีนั้น  ทั้งจากลำโพงวิทยุและลำโพงบาร์ disco ทั่วกรุงเทพฯ)



ผลการประกวดฯ ปี 1980  มีให้ผมได้ยินเพลงเดียวคือเพลงนี้ 



เพลงนี้ตอนได้ยินทางวิทยุ  มันเป็น single แล้ว  คือมีการเข้า studio ปรับปรุงและเรียบเรียง  ตอนนั้นฟังทางวิทยุก็ว่าเพราะแล้ว  พอมาฟังจาก CD ขับโดยเครื่องเสียงดี ๆ  ผมว่าเสียงของ Johnny Logan เธอมีเสน่ห์จัง  กังวาลมีมิติ



แถมเพลงอันดับ 3 จากอังกฤษ  เพราะไม่ใช่เล่น  จำไม่ได้ว่าเคยได้ยินทางวิทยุรึเปล่า




ผลจากการประกวดฯ ในปี 1981 ประเทศอังกฤษครองอันดับ 1 ด้วยเพลงนี้

(จำได้แค่ชื่อ  ไม่ติดใจเลย)


ปี 1982 เปรียบเสมือนลมหายใจเฮือกสุดท้ายสำหรับความสนใจในการประกวด Eurovision Song Contest ในบ้านเรา  เพราะหลังจากปีนี้ไป  ข่าวคราวเงียบกริบ  อาจจะมี ‘ลมโชย’ แต่ไม่เข้ามาถึงหูผมเลย

เพลงอันดับ 1 เพลงนี้มาจาก Germany  ฉบับภาษาอังกฤษนี่เปิดกันแทบทุก สถน. วิทยุเพลงฝรั่ง



ฉบับภาษาอังกฤษ




ก็เป็นอันจบ การรำลึกถึงการประกวด Eurovision Song Contest  ในยุค Yesterday Once More ของผม

มีหมายเหตุนิดหน่อย... ในกาลต่อมา  มี CD รวมเพลงชนะเลิศจากการประกวดฯ นี้ออกมาอยู่เนือง ๆ  ชุดที่ผมซื้อสิ้นสุดในปี 1995  มีอยู่ 2 เพลงที่ฟังแล้วเพราะมาก

ปี 1994 จาก Ireland



เพลงนี้จากปี 1995 จาก Norway

เพลงนี้ติดหูผมหนับจนต้องออกไปหาซื้อ CD ของวงมาฟัง 

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2226


ความคิดเห็นที่ 479  เมื่อ 27 ก.ค. 25, 18:20

ขอเหน็บนิดว่า  เป็นเรื่องปกติของนักฟังเพลงฝรั่งชาวไทย (จับเฉพาะในยุคผม) ที่ชอบแค่ฟังเพลง  แต่ไม่สนใจชื่อเพลงหรือชื่อนักร้อง  เช่นเพลงนี้  มาลองฟังกัน  รับรองว่าทุกคนต้องจำได้



Al Stewart กับเพลง signature ของเธอนั่นเอง  ผมจำได้ว่าตอนเพลงนี้แย้มม่านออกมา  ทุกคลื่นเพลงฝรั่งล้วนให้การต้อนรับกันพร้อมเพรียง  เป็นเพลงที่เพราะมาก  ภายหลังที่ผมมีเครื่องเสียงแบบ ‘ไม่น้อยหน้าใคร’  ได้ฟังเพลงนี้ในรูปแบบที่ ห้องอัด ต้องการนำเสนอ  ดนตรีของเพลงนี้อลังการมาก  กรุ๊งกริ๊งและแผดจ้า...  ความจริงทุก single เลยละ  ดนตรีเพราะ ๆ ทั้งนั้น


อนิจจา  จากเพลงนี้ AS ไม่สามารถสร้างความประทับใจ (ในบ้านเรา) แบบนี้ได้อีก  แต่วิทยุยังคงเปิด single ต่อ ๆ มา  เพียงไม่บ่อยเท่า



เพลงนี้กลับมาดังในบ้านเราอีกครั้ง  แต่ไม่กลบเพลง signature ของเธอ



เพลงนี้ดังมากระดับหนึ่ง  ผมมาพบตอนมีข้อมูลว่า  มันไม่ใช่ single แค่ album track  เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นตลอดเรื่อยมาในวงการวิทยุภาคเพลงฝรั่งบ้านเรา  เพราะ ดีเจ จะซื้อแผ่น album ซึ่งคุ้มกว่าซื้อ single ที่มีแค่ 2 เพลง  เปิดโอกาสให้สามารถเลือกเพลงต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ single มาเปิดให้พวกเราฟังได้  และไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์เหมือนวงการวิทยุที่อเมริกา



ต่อจากนี้  เป็นช่วง ‘ลาจาก’ ของเธอ





อีก 1 เพลงจาก ซีดี รวมเพลงของเธอที่เพราะมาก
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 30 31 [32] 33 34
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.121 วินาที กับ 19 คำสั่ง