nathanielnong
อสุรผัด

ตอบ: 2156
|
ความคิดเห็นที่ 195 เมื่อ 11 พ.ย. 24, 18:59
|
|
นักฟังเพลงฝรั่งขาประจำของรายการ golden oldies จะต้องจำเพลงนี้ได้
(ท่าเต้นน่ารักดีนะ)
แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าเพลงนี้ Neil Sedaka แต่งให้ Carole King และผมว่า บ้านเราในยุคนั้น (รวมถึงผมซึ่งรู้เมื่อโตแล้ว แต่ไม่เคยได้ยิน) ไม่มีใครรู้หรอกว่า CK ก็แต่งและร้องเพลงตอบเพลงของ NS เพลงนี้
ชื่อเสียงของ Neil Sedaka ยืนยาวมาก วิทยุบ้านเราเปิดเพลงของเธออย่างสม่ำเสมอมานานเป็น 10 ปีเลย เรียกได้ว่าดีเจทุกคนในช่วงเวลานั้นรู้จักชื่อเธอดี พลอยทำให้ผมคุ้นเคยกับชื่อนี้ไปด้วย เดี๋ยวก็มีเพลงเข้ามา ๆ
เธอดังมาตั้งแต่ยุค 50s ต่อ 60s เพลงเหล่านี้ดังออกมาจากคลื่น golden oldies
เพลงนี้เก๋มาก คือเธอทำออกมา 2 ฉบับ ฉบับเร็วที่ต่อมาวง The Carpenters นำมาร้องใหม่ในสไตล์เดียวกัน ส่วนอีกฉบับคือฉบับช้า ที่เก๋คือ ดังทั้งคู่ ฉบับเร็วออกในปี 1962 ติดอันดับ 1 บนตาราง billboard ฉบับช้าออกในปี 1975 ติดอันดับ 8
และเพลงนี้ดังระเบิดในบ้านเรา
ในยุค disco มี วงจากยุโรปชื่อ Eruption นำเพลงนี้มาปรับจังหวะ ผลคือบ้านเรา ทั้งทางวิทยุและในบาร์ disco ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
วงนี้มีแนวการร้องแบบเดียวกับวง Boney M นี่เป็นอีก 1 เพลงดัง
มีต่อ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41269
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 196 เมื่อ 12 พ.ย. 24, 08:45
|
|
Neil Sedaka เป็นนักร้องเมกันที่วัยรุ่นยุคเบบี้บูมเมอร์รู้จักดี เขาเคียงบ่าเคียงไหล่มากับนักร้องเสียงทองแถวหน้าของยุคนั้น แต่พอสี่เต่าทองข้ามฟากจากอังกฤษมาอเมริกา เรียกว่า ฺBritish Invasion ตีนักร้องอเมริกันทั้งหลายแตกกระเจิง (อาจจะยกเว้นเอลวิส) นีลก็เป็นดาวดวงหนึ่งที่อับแสงลงไป เจ้าตัวยอมรับเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
nathanielnong
อสุรผัด

ตอบ: 2156
|
ความคิดเห็นที่ 197 เมื่อ 12 พ.ย. 24, 18:23
|
|
'จาร โหมโรงได้ถูกจังหวะเป๊ะเลยครับ...
ในครึ่งหลังของยุค 60s อันเป็นยุคที่นักฟังเพลงหลงไหลกับวง The Beatles และ British Invasion ส่วนเพลงอเมริกันก็เปลี่ยนแนว ไม่มีที่ว่างพอสำหรับเพลงใส ๆ ของนักร้องอย่าง Neil Sedaka ผลงานของเธอก็เลยเงียบเหงาไป
พอเข้ายุค 70s เพลงนี้ดังมาก ผมละชอบเป็นที่สุด ตอนท้ายของเพลง ดนตรีกระหึ่มมาก (ฟังจากเครื่องเสียงดี ๆ ในภายหลัง ตอนนั้นฟังจากวิทยุ sony ลำโพงเดียวก็ว่าเพราะแล้ว) แต่ไม่สามารถหาฟังได้จากที่อื่นนอกจากรอฟังจากวิทยุ จะหาในเทป cassette ก็ลำบากมาก ใครจะยอมเสียเวลา 'พลิกแล้วไล่อ่าน' ๆ เทป cassette มีเป็นพัน ๆ ตลับบนแผงทั่วกรุงเทพฯ หลังจากเพลงนี้ตกยุค สิงห์นักฟังเพลงฝรั่งชาวไทยตามหากันให้ควั่ก จนกระทั่งเข้ายุค cd ก็ยังหาไม่ได้ ไม่มีข้อมูลบอกว่ามันอยู่ในแผ่นไหนของเธอ ผมไปหาได้ที่ Hungary (ตลกเนอะ) เดินอยู่ในตลาด เจอโดยบังเอิญ มันรวมอยู่ในแผ่นรวมเพลงอื่น ๆ รีบควักเงินซื้อทันที พอกลับมาบ้านก็ผ่องถ่ายไว้หลายก๊อปปี้ กันหาย บัดนี้... เฮอะ... มีเกลื่อน อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของยุคก่อน อตน. ถึงยุค อตน. ก็ได้ข้อมูลว่าเพลงนี้ไม่ดังเลย ไม่เข้าอันดับเพลงของสถาบันใด มิน่าถึงหายาก
ในปี 1974 NS กลับมาอย่างเต็มภาคภูมิกับเพลงดังทั้งฝั่งอเมริกาและบ้านเรา
(กลิ่นอายยุค 70s อบอวล)
เธอตอกย้ำการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ด้วยเพลงนี้ในปีต่อมา
(backup โดย Elton John ... มาถึงเพลงนี้เมื่อเทียบกับเพลงในยุคแรก ๆ ของเธอแล้ว ต่างกันลิบลับ แบบนี้ละมังที่เรียกกันว่า ตามกระแส)
ระหว่างนี้ บ้านเราเปิดอีกเพลงหนึ่งซึ่ง ภายหลัง พบว่ามันอยู่ใน album ที่บรรจุเพลง Bad Blood มันไม่ใช่ single แต่ดีเจคงฟังแล้วเพราะเลยเอามาเปิดให้ฟัง ก็ต้องขอบคุณดีเจ มันเพราะจริง ๆ เปิดบ่อยจนนึกว่าเป็น single
เท่าที่จำได้เพลงหลัง ๆ ของ NS ที่ผมได้ยินทางวิทยุคือเพลงนี้ที่เธอร้องคู่กับลูกสาว เพราะมาก (ลูกสาวสวยสุด ๆ)
มีต่อ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
nathanielnong
อสุรผัด

ตอบ: 2156
|
ความคิดเห็นที่ 198 เมื่อ 13 พ.ย. 24, 18:13
|
|
แต่เพลงสุดท้ายของ Neil Sedaka ที่ออกมาจากลำโพงวิทยุคือเพลงนี้
ที่จำได้แม่นเพราะเคยมีคนนำเพลงนี้มาร้องให้ฟังก่อนหน้านี้ ในต้น 70s ขับร้องโดยนักร้องชาวอังกฤษ Tony Christie ฉบับนี้ดังมากในบ้านเรา
ในปีนั้นเธอร้องอีกเพลงที่ดังไม่แพ้กัน
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น มีศิลปินอีก 1 รายมาจากอังกฤษเช่นกัน เป็นวงใช้ชื่อว่า Christie วงนี้มีเพลงดังอยู่ 3 เพลงที่วิทยุบ้านเราเปิดให้ฟังครบและดังทุกเพลง
ความที่เพลง Iron Horse ดังมาก (ในบ้านเรา) ก็มีดีเจหัวคิดสร้างสรรค์หาเพลงชื่อคล้ายกันคือ Iron Man กันมาประลองแข่ง
มันเป็นเพลง hard rock ใครจะไปฟังไหว ที่จำได้ไม่ใช่ทำนองแต่เป็นชื่อเพลง อย่างไรก็ตาม ผมหาข้อมูลก็ได้ความว่าเพลงนี้ไม่ใช่ขี้ ๆ ... "Iron Man" was used in the end credits of Iron Man (2008), as well in its video game adaptation and the trailer for the 2010 sequel, Iron Man 2. The character Tony Stark, alter-ego of Iron Man, also wears a Black Sabbath t-shirt in the 2012 film The Avengers. The song won spot number 317 in Rolling Stone's list of the 500 Greatest Songs of All Time as of 2004, and number 7 on their "100 Greatest Heavy Metal Songs of All Time" list in March of 2023. "Iron Man" was ranked the sixth best Black Sabbath song by Rock – Das Gesamtwerk der größten Rock-Acts im Check. VH1 ranked the song as the greatest heavy metal song of all time.
The professional wrestling tag team The Road Warriors used "Iron Man" as their entrance theme in the mid-1980s in the American Wrestling Association and other promotions.
ดีเจที่นำเพลงนี้มาเปิดประลองในตอนนั้น ได้อ่านแล้วคงดีใจเนื้อเต้นในความ 'หูแหลม' ของตน เพราะตอนนั้นเรื่องราว/สถิติพวกนี้ยังไม่ถือกำเนิด
หมายเหตุ – ความที่ศิลปินทั้ง 2 ที่มีชื่อคล้ายกัน Tony Christie / Christie ออกเพลงมาในช่วงเวลาเดียวกัน ผมก็เลยสับสน นึกว่าเพลงทั้งหมดมาจากวง Christie โดยลืมชื่อ TC ไปเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
nathanielnong
อสุรผัด

ตอบ: 2156
|
ความคิดเห็นที่ 199 เมื่อ 14 พ.ย. 24, 18:16
|
|
คั่นรายการหน่อย...
Rosemary Clooney กับเพลงที่เปิดในรายการ golden oldies และผมได้ยินประจำจากเสียงของคุณผุสดี อนัคฆมนตรี ในรายการเพลงทางทีวี
แต่เพลงดังของเธอคือเพลงนี้ จำไม่ได้ว่าเคยได้ยินมาก่อน มาได้ยินตอน อตน.
ส่วนเพลงนี้ได้ยินตอนดูหนังเกย์เรื่อง Mambo Italiano... ถูกใจ
Teresa Brewer
ต่อยอดด้วย
นี่เป็นอีก 2 เพลงที่ได้ยินทางวิทยุเป็นประจำ เมื่อกาลเวลาผ่านไป สิงห์นักฟังเพลงฝรั่งคิดถึงและออกตามหา แม้เข้ายุคต้น อตน. ก็ยังหาไม่ได้
Valerie Mountain
เพลงนี้ต่อมาคุณเกวลิน บุณศิริธรรมนำมาขับร้องใหม่ ก่อนบินไปประกวดนักร้องสมัครเล่นชิงแชมป์เอเซียรุ่นแรก มีคุณทิพวัลย์ ปิ่นภิบาลไปด้วย รู้สึกรุ่นต่อมาจะเป็นคุณนันทิดา แก้วบัวสาย ซึ่งได้รางวัลชนะเลิศ
Texas kitty
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41269
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 200 เมื่อ 14 พ.ย. 24, 18:32
|
|
ช่อง 4 บางขุนพรหม เคยมีรายการนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
nathanielnong
อสุรผัด

ตอบ: 2156
|
ความคิดเห็นที่ 201 เมื่อ 15 พ.ย. 24, 18:11
|
|
ช่อง 4 บางขุนพรหม เคยมีรายการนี้
อ๊าาา... โตไม่ทัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
nathanielnong
อสุรผัด

ตอบ: 2156
|
ความคิดเห็นที่ 202 เมื่อ 15 พ.ย. 24, 18:24
|
|
คุยถึง Neil Sedaka แล้วต้องตามด้วย Paul Anka 2 คนนี้ร่วมยุคกัน มีความสามารถในการเขียนเพลงได้เลิศเหมือนกัน แล้วยังร่วม timeline เดียวกันด้วย คือดังตั้งแต่ปลาย 50s นานมาจนถึงต้นยุค 80s
เช่นกันเพลงในช่วงต้นของเธอดังออกมาจากลำโพงวิทยุทางรายการ golden oldies
นี่เป็นหนึ่งในเพลง signature ของเธอ
เพลงนี้มีคนนำไปขับร้องใหม่มากมาย ผมว่าที่ดังในบ้านเราในยุคผมคือวง The Lettermen (ลงผลงานไปนานแล้ว)
เพลงนี้ได้ยินมาก่อนที่ สุดหล่อ Donny Osmond นำมาร้องใหม่ ของ DO ดังกว่าอย่างแน่นอน (รอคิวลง)
มีต่อ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
nathanielnong
อสุรผัด

ตอบ: 2156
|
ความคิดเห็นที่ 203 เมื่อ 16 พ.ย. 24, 18:16
|
|
เช่นเดียวกับ Neil Sedaka ในช่วง British Invasion คือปลาย 60s ผู้คนหันไปสนใจแนวเพลงที่แปลกใหม่ แต่ Paul Anka ก็หมั่นออกเพลงมาอย่างสม่ำเสมอ เพียงแต่คนไม่สนใจ จนกระทั่งมาปี 1974 ปีเดียวกันกับการกลับมาของ NS ไม่รู้นัดกันป่าว เพลงนี้ก็ทะยานพุ่งเข้าสู่อันดับ 1 บ้านเราเปิดกันกระหน่ำ
เสียงของผู้หญิงคือ Odia Coates เป็นนักร้อง no name เธอร้องคู่กับ PA ในอีก 2 เพลงถัดมา
เพลงที่ 3 เธอแค่เป็น Backup เพลงนี้ดังสนั่นหวั่นไหวในบ้านเรา
เพลงที่ 5 ของ PA ตามมาติด ๆ
เพลงที่ 6 เพลงนี้ก็เพราะ แต่ความดังของ PA เริ่มแผ่วลง
มีต่อ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
nathanielnong
อสุรผัด

ตอบ: 2156
|
ความคิดเห็นที่ 204 เมื่อ 17 พ.ย. 24, 18:04
|
|
ทุกอย่างมีขึ้นก็ต้องมีลง นี่คือเพลงสุดท้ายของ Paul Anka ที่ผมได้ยินทางวิทยุ ได้ยินครั้งเดียวแบบบังเอิญ คือไม่ครบทั้งเพลง แต่ทำนองประทับใจ แล้วไม่เคยได้ยินอีกเลย จนกระทั่งถึงยุค อตน. ผมถึงมีโอกาสได้ฟังเป็นครั้งที่ 2 จาก youtube (ครั้งแรกในปี 1977)
ต่อยอดด้วย...
และเพลงที่ไม่ใช่ single (แค่หน้า B) แต่มันดังในบ้านเราจนนึกว่าเป็น single
ควันหลง...
ผมติดใจเสียงของ Odia Coates (1941 – 1991) ที่ PA เป็นป๋าดัน แต่ไม่สำเร็จ เธอไปไม่รอดกับวงการเพลง วิทยุเปิดเพลงเดียวและแป็บเดียว เป็นการนำเพลงของวง ELO (อยู่ในยำเละจานใดจานหนึ่ง แยกออกมาไม่ได้) มาร้องใหม่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
nathanielnong
อสุรผัด

ตอบ: 2156
|
ความคิดเห็นที่ 205 เมื่อ 18 พ.ย. 24, 18:27
|
|
นักร้องหญิงในปลายยุค 60s ที่วิทยุนำเพลงดัง ๆ มาเปิด ที่ผมเสนอผลงานไปแล้วเป็นกะตั๊กคือ Dusty Springfield (กระทู้นักร้องตายของ อ.เทาชมพู) ถ้าใครไม่รู้จัก ขอความกรุณากลับไปฟัง เพลงของเธอเพราะมากกกกกกก single ของเธอติดอยู่ใน top 100 มากมาย ตอนนั้นผมพูด/ฟังภาษาคนเป็นแล้วแต่ยังฟังเพลงไม่ (ค่อย) เป็น อย่าว่าแต่เพลงฝรั่งเลย แต่อย่างที่บอกเป็นครั้งที่ 432 ว่า ในตอนนั้นโลกหมุนช้า มาถึงยุคผม วิทยุก็ยังคงเปิดเพลงของเธออยู่
DS เป็นชาวอังกฤษ ส่วนอีกคนเป็นอเมริกัน มีความดังไม่แพ้กันในด้านเสียงเพลง แต่ความที่เธอเป็นลูกสาว ‘มาเฟีย’ เลยทำให้เธอดังกว่าในภาพรวม เธอชื่อ Nancy Sinatra
NS เป็นลูกสาวคนโตของ Frank Sinatra ผมได้ข่าวมานานแล้วว่าเธอดังได้โดยอาศัยเส้นใหญ่ของพ่อของเธอ เธอทั้งเล่นหนังและร้องเพลง ตอนที่เธอเล่นหนังผมยังเด็กมาก ไม่รู้จักเธอ แต่ผลงานด้านเพลงนั้นยืนยาวในบ้านเรามากกว่า เริ่มจากเพลงดังเพลงนี้
(A TV promo clip from the era features Sinatra in high boots, accompanied by colorfully dressed go-go dancers, in what is now considered an iconic Swinging Sixties look)
ตามด้วยเพลงฝาแฝด ที่ดังเหมือนกันแต่ไม่มากเท่า
NS มีเพลงดังระดับแผ่นเสียงทองคำอีกเพลงคือเพลงนี้ที่ผมมาได้ยินตอนซื้อแผ่นเสียงของเธอซึ่งยังมีหลงเหลือมาถึงยุคผม
แต่เพลงนี้ดังเฉพาะบ้านเรา ที่รับรองความดังได้เพราะ ตอนผมฟังเพลงฝรั่งเป็น ยังคงได้ยินอยู่เนือง ๆ ตอนนั้นนึกว่าเป็น signature song ของเธอ มันเป็นเพลงเอกของหนังชุด James Bond เธอร้องเอาไว้ 2 ฉบับ คือฉบับในหนังกับฉบับ single ของตัวเอง ผมเพิ่งมาได้ยินฉบับในหนังสมัย I/UBC ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องชอบฉบับที่ได้ยินมาก่อนหน้า
ในปีเดียวกันนั้น (1967) เธอจับคู่กับคุณพ่อ FS ร้องเพลงนี้ออกมา ดังสนั่นทั่วทุกที่ที่ฟังเพลงฝรั่ง
ต่อยอดด้วย
(เพลงนี้ออกมาก่อนเพลงดังอื่น ๆ แต่มันไม่ดัง ตอนนั้นเธอยังไม่ได้สร้างรูปลักษณ์ด้านการแต่งกายอันเป็นเครื่องหมายการค้าของตัวเอง)
มีต่อ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
nathanielnong
อสุรผัด

ตอบ: 2156
|
ความคิดเห็นที่ 206 เมื่อ 19 พ.ย. 24, 18:33
|
|
ตอนนี้เคยลงแล้วในกระทู้นักร้องตายของ อ.เทาชมพู แต่ยกมาลงใหม่เพื่อความต่อเนื่อง
นักร้องอีกคนที่ Nancy Sinatra ร่วมร้องเพลงด้วย และร้องคู่กันมาหลายเพลงคือ Lee Hazlewood (1929 – 2007)
LH มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับ Frank Sinatra พอลูกสาว NS ต้องการยิ่งใหญ่ในวงการเพลง คุณพ่อ FS ก็สั่งให้ LH คอยดูแลซึ่งก็สามารถทำได้เป็นผลสำเร็จ คือ NS ได้ผงาดในวงการเพลงสมใจหวัง
นอกจากเขียนเนื้อเพลงและอำนวยการผลิตให้แล้ว LH ก็นึกคึกจึงร่วมร้องเพลงกับ NS ไปด้วย วิทยุบ้านเราเปิดเพลงของคู่นี้เพลงเดียว ถ้าเป็นผีเพลงแบบผมจะต้องจำได้ แม้จะออกอากาศเพียงเพลงเดียวแต่เปิดบ่อย มาจนถึงยุคผม มันเป็น nostalgic song เพลงหนึ่งเลยละ ได้ยินครั้งไหนไม่ว่าจะเป็นยุคใด ความทรงจำแว้บกลับไปสมัยชั้นประถมกำลังวิ่งเล่นกับเพื่อนในสนามหญ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลด้านหลังโรงเรียนยามหน้าร้อน
พอหมดยุค ก็อีกนั่นแหละ เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่สิงห์นักฟังเพลงฝรั่งตามหากันให้ควั่ก แต่ ผมว่า ไม่มีใครประสบผลสำเร็จเพราะ... (กรุณาอ่านต่อไป)
ต่อมาอีกนานแสนนาน ภายหลังที่ผมเริ่มเล่นแผ่นเสียง ผมไปเจอแผ่นของ NS ที่เมืองนอก เป็นแผ่นรวมเพลงฮิต ไม่น่าเชื่อว่ายังมีขายอยู่ ตอนนั้นยุค 80s เข้าไปแล้ว ในแผ่นฯ นี้รวมเพลงที่เธอร้องคู่กับ LH ด้วย พอฟังแล้วพบว่าเพราะ ๆ ทั้งนั้นเลย เพลงแรกนี้ดังที่สุด ขึ้นถึงอันดับที่ 14 ขณะที่เพลง Sand ไม่ติดอันดับเลยแต่รวมอยู่ในแผ่นนี้ด้วย (ดีใจสุดขีด) ไม่รู้ว่าตอนนั้น ดีเจ ไปเอาเพลงมาจากไหน
พรุ่งนี้เป็นยำเละจานจุ๋มจิ๋ม...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
nathanielnong
อสุรผัด

ตอบ: 2156
|
ความคิดเห็นที่ 207 เมื่อ 20 พ.ย. 24, 18:14
|
|
ชะงักเล็กน้อย...
ก่อนไปต่อ ขอย้อนกลับไปที่ผลงานเดี่ยวของ Nancy Sinatra แบบว่า พี่ยื่นหน้าเข้ามาเตือน ‘แกลืมเพลงนี้...’
เออแฮะ... เพลงดังไม่น้อยนะ
(ต้นฉบับของเพลงนี้ร้องโดยวง The Beatles)
‘...และควรจะลงหนังที่ NS เล่นเรื่องนี้ด้วย เพราะดังในบ้านเรา (ทั้งหนังและเพลง)’
เพลงเอกร้องโดยนักร้องสมัครเล่นชื่อ Mary Ann Mobley (1937 – 2014)
สิ่งที่ทำให้ MAM มีชื่อเสียงที่สุดคือเธอเป็น Miss America ปี 1959 สำหรับบ้านเรา สิงห์จอทีวีในยุค 70s ต้องจำหนังชุดเรื่อง มิติที่ 6 (The Sixth Sense) ได้ หนังทั้งดังและสั่นประสาท (สำหรับเด็กปอดแหกอย่างผม) เมื่อถึงเวลาฉาย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะมาพร้อมกันที่หน้าจอทีวีกันสลอน ผมจะมาพร้อมกับหมอน 1 ใบ
บท ดร. ‘โรด’ เล่นโดย Gary Collins เธอเป็นสามีของ MAM
ยังมีต่อ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
nathanielnong
อสุรผัด

ตอบ: 2156
|
ความคิดเห็นที่ 208 เมื่อ 21 พ.ย. 24, 18:20
|
|
ไหน ๆ ก็เอ่ยถึงหนัง Get Yourself a College Girl เรื่องนี้ (ที่ผมไม่เคยดู) แล้ว ทำยำเละเสียหน่อย...
ในหนังมีการปรากฏตัวของศิลปินที่มีเพลงดังในบ้านเราที่ไม่เอ่ยถึงไม่ได้อยู่ 3-4 ราย รายแรกคือ
วง The Dave Clark Five นี่คือเพลงดังในบ้านเรา ดังจริง ๆ วิทยุเปิดนานจนมาถึงยุคผม ผมว่าผมจำทำนองของเพลงนี้ได้ก่อนจะรู้ว่าชอบเพลงฝรั่งด้วยซ้ำ
แซมด้วยเพลงเหล่านี้ที่ออกมาจากลำโพงวิทยุ ผมไม่ได้ยินตอน ‘สดๆ’ หรอก โตไม่ทัน มันมาเข้าหูจากลำโพงวิทยุในยุคต่าง ๆ
หมายเหตุ - Dave Clark คือมือกลอง ข้อมูลบอกว่า แต่ดั้งเดิม ที่อังกฤษ วงนี้คือคู่แข่งของวง The Beatles ตอน TB ข้ามน้ำข้ามทะเล (เรียกว่า British Invasion ยุคที่หนึ่ง) มาบุกอเมริกา วง TDCF ตามมาเป็นวงที่ 2 ตัว DC เป็น gay icon ของหนุ่มสาวในยุคนั้น เธออยู่ข้างเตียงตอน Freddie Mercury ตายในปี 1991
มีต่อ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
nathanielnong
อสุรผัด

ตอบ: 2156
|
ความคิดเห็นที่ 209 เมื่อ 22 พ.ย. 24, 18:06
|
|
ศิลปินที่ปรากฏโฉมในหนัง Get yourself a college girl ที่มีเพลงดังในบ้านเรายังมีอีกคือ The Standells ที่เพิ่งลงผลงานไปเมื่อไม่กี่วันนี้
Stan Getz & Astrud Gilberto สิงห์เพลงฝรั่งในยุคนั้นไม่มีใครไม่รู้จักเพลงนี้
นี่เป็นอีกเพลงที่วิทยุเคยเปิดให้ฟัง
เทียบกับฉบับของวง The Ray Charles Singers ที่เคยได้ยิน แต่ไม่บ่อยเท่า
ตอนแรกผมนึกว่าร้องโดย The Ray Conniff Singers แต่ไม่ใช่ ฉบับของ RCS ก็มีแต่ไม่เพราะเท่านะผมว่า
วง The Animals ที่นักฟังเพลงฝรั่งชาวไทยรู้จักเป็นอย่างดีกับเพลงระดับอมตะเพลงนี้
ต่อมาในยุคสงครามเวียดนาม วิทยุบ้านเราเปิดเพลงนี้แทบทุกวัน
ส่วนเพลงนี้...
ผมมาได้ยินในยุคผมจากวง Santa Esmeralda เป็นวงลูกผสม ฝรั่งเศส/อเมริกา นักร้องนำเป็นอเมริกันชื่อ Leroy Gomez เพลงแรกดังที่บ้านเขาแต่เป็นแค่เสียงผายลมในบ้านเรา เพลงที่ 2 นี่สิดังแท้ ดังในบ้านเราจนจุก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|