เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10 11 ... 29
  พิมพ์  
อ่าน: 61886 Yesterday Once More...
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 120  เมื่อ 01 ก.ย. 24, 18:18

ต้นยุค 80s  วิทยุเปิดเพลงนี้ของ Crystal Gayle  คราวนี้เธอจูงหนุ่มมาร้องด้วย

(เพลงหวานจนฝูงมดยกขบวนมาเลย)


หนุ่มคนนี้คือ Eddie Rabbitt  เธอเป็นนักร้องฝั่ง country เช่นกัน  และดังไม่ใช่ย่อย  ผมรู้จักเธอครั้งแรกจากเพลงในหนังเรื่องนี้



ชื่อเพลงก็คือชื่อหนังนั่นแหละ  เป็นหนังของ Clint Eastwood ที่สนุกมาก  แต่เพลงนี่ติดอยู่ในใจเลยละ  ผมว่าเหล่าดีเจคงชอบ  เพราะกลับมาบ้านก็ยังคงได้ยินเพลงนี้ออกอากาศอยู่เนือง ๆ 

ปีต่อมา เป็นปีที่เธอสามารถพาผลงานของตัวเองข้ามฟากมาฝั่ง pop ได้สำเร็จ  และดังด้วย  มีทั้งหมด 3 เพลงติดกัน  วิทยุเปิดกันสนุกสนาน  2 เพลงแรกดังระดับแผ่นเสียงทองคำ







ต่อยอดด้วยเพลงนี้



เอาแค่นี้ก่อน  ต้องหาทางกลับก่อนจะกู่ไม่กลับ 

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 121  เมื่อ 02 ก.ย. 24, 18:25

กลับไปแยกที่แฉลบออกมา (ซึ่งยังไม่ใช่จุดกำเนิดของยำจานนี้)  ยังจำได้ป่าว  แยกที่ Barbra Streisand เล่นหนัง A star is born คู่กับ Kris Kristofferson ไง  ฉีกออกไปตรงนี้

ในช่วง peak ของผม  Barbra Streisand ออกเพลงร้องคู่ที่ดังกระหน่ำ 3 เพลง  ศิลปินที่ร้องคู่กับเธอคือ Barry Gibbs (จากวง The Bee Gees – นำเสนอไปแล้วหนึ่งช่วงคือ ช่วงที่วงฯ ยังไม่เปลี่ยนแนว  ผมจะเอ่ยถึงเพลงของพวกเขาหลังจากวงเปลี่ยนแนวแล้วในหัวข้อ เพลง disco)

คนต่อมาก็ Donna Summer คนนี้ก็นำเสนอไปแล้ว  คือเธอตายไปแล้ว

เหลือคนที่ 3 เธอยังไม่ตาย  ก็จะเอ่ยเสียตอนนี้ 



Neil Diamond เป็นศิลปินที่คร่ำหวอดในวงการเพลงมาตั้งแต่ปลายยุค 60s  เธอแต่งเพลงร้องเอง  เนื่องจากในยุคแรก ๆ เพลงของเธอ ‘ระหกระเหิน’ อยู่บนตารางเพลงฯ  เราจึงไม่เคยได้ยินเพลงเหล่านั้นทางวิทยุ

เพลงดังเพลงแรกของเธอเกิดขึ้นในปี 1969  วิทยุบ้านเรารีบคว้าเอามาเปิดให้ฟัง  ผลคือดังสนั่น  ผมได้ยินเพลงนี้มาตั้งแต่ก่อนรู้ว่าชอบเพลงฝรั่งเสียอีก

(โคตรหล่อ)


นั่นเป็นใบเบิกทางอาชีพที่มั่นคงของเธอ  เพราะต่อจากนั้นเธอก็ผลิตเพลงดัง ๆ  ออกสู่ตลาดบ้านเธอเนือง ๆ   แต่สำหรับบ้านเราผมไม่เคยได้ยินเพลงเหล่านั้น  ไม่รู้ว่าวิทยุเปิดแต่ผมพลาดหรือไม่ถูกรสนิยมเหล่าดีเจจึงเปิดไม่บ่อย  แม้แต่เพลงอันดับ 1 เพลงนี้  ผมมาได้ยินตอนซื้อแผ่นรวมเพลงของเธอในภายหลัง



อย่าว่าแต่เพลงอื่น ๆ อย่าง









(2 เพลงนี้เพราะสุด ๆ ทำไมไม่ดังก็ไม่รู้)


มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 122  เมื่อ 03 ก.ย. 24, 18:31

มาปี 1972  เพลงอันดับ 1 เพลงที่ 2 ของ Neil Diamond เพลงนี้ผ่านด่านเข้ามาในวิทยุบ้านเราได้  วิทยุเปิดแทบทุกวัน



ปีต่อมามีหนังมาฉายในบ้านเราชื่อ Jonathan Livingston Seagull  จำชื่อไทยได้ว่า โจนาธาน ลิฟวิงสตัน นางนวล 



ผมไม่ได้ดูหรอก  เคยดูตัวอย่างทางทีวี  มันเป็นเรื่องของนกตัวนึง  ไม่มีพระเอกนางเอก  ND ทำเพลงให้กับหนังเรื่องนี้  ออกมา 2  เพลงซึ่งไม่ดัง  คงเป็นเพราะหนังไม่ดัง  แต่ soundtrack ของเธอดังมาก  ภาพหน้าปกแผ่นเสียงเห็นวางโชว์อยู่แทบทุกร้านขายแผ่นเสียง



(เพลงนี้ดังในบ้านเรามากกว่าเพลง Be)


มาในปี 1978 เพลงนี้ตอกตะปูความสำเร็จของ ND

(ผมเพิ่งรู้เนี่ยว่า 2 คนนี้เคยรู้จักกันมาตั้งแต่ยังไม่เข้าวงการ...  In Brooklyn, he attended Erasmus Hall High School and was a member of the Freshman Chorus and Choral Club, along with classmate Barbra Streisand. Diamond recalled they were not close friends at the time: "We were two poor kids in Brooklyn. We hung out in the front of Erasmus High and smoked cigarettes.)


มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 123  เมื่อ 04 ก.ย. 24, 18:54

ปี 1980 Neil Diamond เล่นหนังเรื่องแรกชื่อ The jazz singer 



หนังมาฉายบ้านเราเช่นกัน  ถ้าจำไม่ผิด  โรงอีเอ็มไอนะ ผมไม่รู้ว่าหนังดังป่าว  แต่ 2 เพลงนี้ดังมาก  ถ้าตอนนั้น ND อยู่เมืองไทยเธอต้องปลื้ม





เพิ่งอ่านข้อมูลเมื่อกี้  หนังเจ๊ง  แต่ soundtrack ของ ND ดังระเบิด... ซ้ำรอยประวัติศาสตร์เป็นครั้งที่ 2 เห็นหน้าปก album เพลงจากหนังจากฝีมือของเธอวางโชว์อยู่แทบทุกร้านขายแผ่นเสียงเช่นกัน

หลังจากนี้ก็มีเพลงของ ND ดังออกมาจากลำโพงวิทยุประปราย  ผมไม่ใช่แฟนเพลงของเธอก็ไม่สนใจเท่าไร  เพียงแต่ฟังผ่าน ๆ  มีที่น่าสนใจก็เพลงนี้



แล้วก็เพลงนี้ที่รู้เบื้องหลังการแต่งเนื้อเพลงจาก นส. Starpics ว่า  เธอได้แรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่อง ET



จากเพลงนี้ผมกับ ND ก็แยกทางกัน
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 124  เมื่อ 05 ก.ย. 24, 18:11

คั่นรายการหน่อยนะ...

Carl Perkins



Claude King



David Seville



Dickey Lee



Eddie Hodges



Eddie Cochran




บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 125  เมื่อ 06 ก.ย. 24, 18:11

วงผิวดำในยุค late 60s นี่แนวเพลงต่างจาก early 60s อย่างเห็นได้ชัด  เท่าที่นึกออก  วิทยุบ้านเราไม่นิยมเปิดเพลงของศิลปินผิวดำในยุคนี้หลากหลายเท่ากับศิลปินผิวขาว  ที่เปิดก็วนเวียนอยู่กับเพลงของ The 5th Dimension แล้วก็ The Temptations วงหลังนี่ลงไปแล้วในกระทู้ของ อ. เทาชมพู  วงแรกรอแป๊บ

The Impressions



The Intruders



Isley Brothers



Jr. Walker & the All Stars



วงละเพลง 2 เพลงเท่าที่จำได้ก็มีเท่านี้  บ้านเรานิยมเปิดเพลงของวงผิวขาวมากกว่า  เอ... เกี่ยวอะไรกับการดูถูกผิวรึเปล่านะ
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 126  เมื่อ 07 ก.ย. 24, 18:22

กลับมายำกันต่อ... 

ดูท่าจานเก่าจะไม่ใหญ่พอใส่ยำของผมเสียแล้ว...

ย้อนกลับขึ้นไปอีกที่ Melissa Manchester (ยังจำเธอได้นะ)  เมื่ออายุ 19  ขณะเรียนที่มหาวิทยาลัย New York  เธอลงวิชา songwriting  ในห้องเรียนเธอได้เพื่อนสนิทชื่อ Paul Simon

หลายคนรู้จัก PS  เป็นอย่างดีจากครึ่งหนึ่งของวงคู่ดังคับโลก Simon & Garfunkel  ชื่อเสียงของวงนี้โด่งดังในปลายยุค 60s  หมายความว่าตอนนั้นผีเพลงยังไม่เข้าสิงผม  ตอนผีเพลงเริ่มเข้าสิงวงนี้ล้มไปแล้ว  แต่ความดังของพวกเขายังค้างฟ้าเมืองไทย  ผมได้ยินเพลงของพวกเขามาตลอด  แต่เป็นการฟังแบบสรุปคือเพลงนั้นเพลงนี้  ไม่เรียงตามการออกจำหน่าย  เหมือนประสบการณ์จากคนที่โตในยุค 60s ที่จะได้ยินทีละเพลง ๆ

สมัยก่อน อตน. โลกหมุนช้า  ทุกอย่างเข้ามา... อ้อยอิ่งอยู่ชั่วเวลา... ก่อนจะจากไป  นี่ทำให้ผมได้ยินเพลงของพวกเขาดีและบ่อยพอ ๆ กับคนร่วมยุคกับวงฯ

นี่คือเพลงที่ดังและเปิดบ่อยแทบทุกวัน  ตามคลื่นโน้นคลื่นนี้











(เพลงนี้ได้ยินบ่อยน้อยที่สุด  แต่ความที่ทำนองแปลกเลยจำได้ไม่ลืม)



(เพลงนี้ถ้าฟังจากเครื่องเสียงชั้นดีละก็ ตะลึงไปเลย)



(ความยิ่งใหญ่ของเพลงนี้... The song won five awards at the 13th Annual Grammy Awards in 1971, including Grammy Award for Record of the Year and Song of the Year. It is Simon & Garfunkel's most successful single, and it is often considered their signature song. It topped the US Billboard Hot 100 chart for six weeks, and was the No. 1 song on the Billboard Year-End Hot 100 singles of 1970. It also hit number one in the United Kingdom, Canada, France and New Zealand. It reached the top five in eight other countries, eventually selling over six million copies worldwide. It became one of the most performed songs of the 20th century, covered by over 50 artists, including Elvis Presley, Aretha Franklin and Johnny Cash. It is ranked number 66 on Rolling Stone's 500 Greatest Songs of All Time)


และเพลงสุดโปรดอมตะนิรันดร์กาลของผม  ฟังทีไรนึกถึงหน้าหนาวที่ในสมัยนั้นหนาวจับใจ



มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 127  เมื่อ 08 ก.ย. 24, 18:14

อายุของวง Simon & Garfunkel  ไม่ยืนยาว  พวกเขาออก album มาแค่ 5 ชุด  ข่าวว่าหลังจากทำงานหนักกับ album สุดท้ายชื่อ Bridge over troubled water ทั้งคู่เกิดความเครียดอย่างหนัก  เลยตัดสินใจยุบวง  แต่ความอุตสาหะในการสร้าง album นี้ก็ทำให้เกิดผลงานประดับโลก (ดนตรี)

Bridge Over Troubled Water topped the charts in over ten countries and received six Grammy Awards at the 1971 Grammy Awards, including the Album of the Year. The album has sold over 25 million copies worldwide, making it one of the best-selling albums of all time and at the time of its release, the best-selling album ever. It has been ranked on several "greatest" lists, including number 172 on Rolling Stone's list of the "500 Greatest Albums of All Time" in 2020.

อย่างไรก็ตามในปี 1975 ทั้งคู่ก็กลับมาพบกันและออกเพลงรวมการเฉพาะกิจ  หมายถึงออกเฉพาะ single ไม่มีการออก album ใหม่  ข่าวนี้ใหญ่โตมาก  ผมรับรู้มาจากหนังสือ Starpics รวมถึงเหล่าดีเจคลื่นเพลงฝรั่ง


เพลงขึ้นถึงอันดับ 9  เป็นเพลงสุดท้ายในนามของ Simon & Garfunkel  เนื่องจากมันเป็นแค่ single  เพลงนี้จึงนำไปรวมกับ album เดี่ยวของแต่ละคน

นี่เป็นเพลงอื่น ๆ ของวงฯ ที่ผมชอบ  พวกมันรวมอยู่ใน album 5 ชุดของพวกเขา















มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 128  เมื่อ 09 ก.ย. 24, 18:51

คั่นรายการหน่อย... ผู้อุปถัมภ์รายการนี้เยอะมาก

ในรายการ golden oldies ดีเจมักเปิดเพลงร้องโต้ตอบกัน

Eddy Arnold ร้องเพลงนี้และ Skeeter Davis ก็ร้องตอบ  



Eddy Arnold เป็นนักร้องแนว country  มีเพลงเดียวที่ข้ามมาดังในอันดับเพลง pop  และเป็นเพลงที่รายการ GO  เปิดประจำ



เพลงนี้เสียงผู้ชายเป็นของ Hank Locklin  SD ร้องตอบ (HL เป็นนักร้องแนว country เช่นกัน เธอไม่มีเพลง crossover อีกนอกจากเพลงนี้)



ส่วนเพลงนี้เสียงผู้ชายเป็นของ Ray Peterson  คนร้องตอบคือ SD เช่นกัน




เพลง Tell Lauraฯ นี้กลับมาดังเฉพาะในบ้านเราในยุค 70s  มันดังสนั่นขนาดว่าถ้านักร้อง Johnny T. Angel (นักร้องโนเนม) มาได้ยินเข้าต้องปลื้มมมม



RP มีอีกเพลงที่รายการ GO เปิดเป็นประจำ



ผมมารู้ทีหลังเมื่อผีแผ่นเสียงเข้าสิงว่า  เพลงเหล่านี้มาจาก album ของ SD  ชื่อ Here's the answer  เอาเป็นว่าดีเจมีแผ่นนี้เปิดให้เราฟังได้ทุกเพลง   หลังจากซื้อแผ่นเสียงมาฟังแล้วพบว่ายังมีอีก 2-3 คู่เพลงที่ผมไม่เคยได้ยิน  ผมว่าคู่เพลงที่ได้ยินจากรายการฯ เพราะที่สุดแล้ว  

นี่เป็นอีกคู่เพลงที่ผมไม่เคยได้ยินทางวิทยุ  เพลงคู่นี้มาเก๋คือฝ่ายชายไม่ได้ 'ร้อง' แต่ 'เล่น' แทน




ส่วนคู่นี้ โต้ตอบกันระหว่าง Jim Reeves กับ Jeanne Black   SD ก็เคยเอามาร้องลง album ที่ว่าแต่ฉบับของ JB ดังกว่า



ส่วนเพลงเดี่ยวของเธอ





แถมเพลงร้องคู่ (ไม่ได้ร้องโต้ตอบ) ที่ผมเคยเอามาลงบ่อยแล้ว  ฟังแล้วนึกถึงอดีต  ชื่อเพลงเป็นชื่อรายการเพลงฝรั่งที่ดังมากและเพลงนี้ก็เป็นเพลงเปิดรายการซึ่งตอนนั้นฟังไม่เคยจบเพราะดีเจแทรกเสียงเข้ามาเสียก่อน  



ตอนนั้นไม่รู้ว่าเสียงผู้ชายคือใคร  มารู้ในยุค อตน.  ว่าคือ Bobby Bare  รายการ GO ก็เคยเปิดเพลงของเธอ  แต่ตอนนั้นเด็ก... เบ๊าะแบ๊ะ



บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 129  เมื่อ 10 ก.ย. 24, 18:09

กลับมายำกันต่อ...

หลังจากวง Simon & Garfunkel ล้มไปในปี 1970 สมาชิกทั้ง 2 ต่างก็หันมาเป็นศิลปินเดี่ยว  Art Garfunkel  นอนเล่นไป 2 ปี  ก่อนจะเริ่มกลับมาทำงาน  ผมว่าผลงานเดี่ยวของเธอไม่ประสบความสำเร็จเท่าตอนอยู่ในวง   อย่างไรก็ตามวงการวิทยุบ้านเราเปิด single ของเธอทุกเพลง  แม้จะไม่ฮือฮาเท่างานของ Paul Simon

ถ้าถามสิงห์เพลงฝรั่งจะต้องบอกว่าเพลงนี้เป็นเพลงเดี่ยวเพลงแรกที่ประเดิมออกมาจากลำโพงวิทยุ  มันดังทุกวันจน... เบื้อเบื่อ



แต่ถ้าถามผม  ผมบอกว่าเพลงนี้ต่างหาก

เพียงแต่มันไม่ดังเท่าเพลง I shall sing ที่ไม่ดังเลยในอันดับเพลงฯ


ส่วนเพลงนี้เป็นอีกเพลงที่เราคนไทยได้ยินในขณะที่อเมริกาถ้าไม่ได้ซื้อ album ของ AG จะไม่เคยได้ยิน  เพลงดังประมาณอันดับ 1 ในบ้านเราเลย



แล้วก็เพลงนี้ที่ไม่ดังในอันดับเพลงที่อเมริกา แต่ดังสนั่นในอังกฤษและบ้านเรา  มันเป็นเพลงที่ปรับปรุงมาจากหนังการ์ตูน Watership Down ที่มาฉายในบ้านเราด้วย



มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 130  เมื่อ 10 ก.ย. 24, 18:18

อ้าว... ดันไปลบซะนี่  ลงใหม่

James Darren (1936 – 2 Sept. 2024) นี้เป็นทั้งนักแสดงและนักร้อง (แต่ตอนนั้นไม่รู้เรื่องนี้)  หนังที่เธอเล่นที่ดังในบ้านเรามาก ๆ ชื่อ อุโมงมหัศจรรย์ (Time Tunnel ... 1966-1967) ฉายวันอาทิตย์ตอนบ่าย  สนุกทีเดียวแม้จะดูไม่ค่อยเข้าใจ





ส่วนในฐานะนักร้อง  เธอก็ร้องเพลงนี้ให้ฟังในรายการ golden oldies


บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 131  เมื่อ 12 ก.ย. 24, 18:20

กลับมาที่ Art Garfunkel

ในปี 1975 Art Garfunkel ออก album ชื่อ Breakaway  เป็น album ที่ดังที่สุดของเธอ  ผมก็ซื้อมาฟังเช่นกัน  นอกจากเพลงรวมการเฉพาะกิจในนาม Simon & Garfunkel ชื่อ My little town ที่เล่าแล้ว  เพลงอื่น ๆ ที่เป็น single เพราะทุกเพลง (4 เพลงแน่ะ)  แม้จะไม่ฮิตในอันดับเท่าไรก็ตาม

(นี่เป็นเพลงเก่าในยุค golden oldies ร้องโดยคณะ Flamingos)






เพื่อนซี้ Paul Simon ยังมาร่วมร้องเพลงกับเธออีกในเพลงนี้ (อีกคนคือ James Taylor) เป็นเพลงเก่าในยุค golden oldies เช่นกัน  ร้องดดย Sam Cooke  แต่ศิลปินที่นำเพลงนี้มาร้องได้ดังทีสุดคือวง Herman's Hermit (รอลงอยู่นิ)



และเพลงนี้ที่เธอร่วมร้องกับ JT  เป็นเพลงในยุค GO เหมือนกัน  ต้นฉบับคือวง The Everly Brothers (ลงผลงานไปแล้ว)



ต่อยอดด้วย...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 132  เมื่อ 13 ก.ย. 24, 18:09

เพลงของ Art Garfunkel ยังมีอีกที่เพราะและอยากให้ฟัง



2 เพลงนี้มีบรรยากาศของวง S&G เต็มเปี่ยม





เพลงสุดท้ายที่ได้ยินจากวิทยุ

(เป็นการนำเพลง rock ของวง Dire Straits มาทำใหม่  เพราะจนลืมไม่ลง)


พรุ่งนี้เป็นควันหลงนิดหน่อย...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 133  เมื่อ 14 ก.ย. 24, 17:48

นี่ไม่ใช่ควันหลงที่ว่าไว้เมื่อวาน  คือพบว่าเมื่อวานเขียนไม่จบ (ขนาดทวนแล้วทวนอีกนะเนี่ย  เขียนเกี่ยวกับความหลังก็อย่างนี้แหละ  ขาด ๆ หายๆ) เลยเข้ามาเติม...

วง Dire Straits เป็นวง rock จากอังกฤษ  ผมไม่คุ้นกับผลงานของพวกเขา แบบว่าทำนองเพลงไม่เข้าหู  รู้แต่ว่ามี 2 เพลงที่ดังมาก ๆ ในรายการ Nite Spots 





ในปี 1983 Mark Knopfler คนสำคัญของวงผลิตเพลงให้กับหนังอังกฤษชื่อ Local Hero  เป็นหนังเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม  หนังมาฉายในบ้านเราทางทีวี I/UBC  เพลงบรรเลงนี้มีดีเจนำมาเปิดอยู่เนือง ๆ ในช่วงนั้น  ตอนช่วงกลางของเพลงเป็นต้นไปกระหึ่มมาก



ได้เห็น MV ของวง DS เพลงที่ 2 แล้วทำให้นึกถึง MV อีกชุดหนึ่งที่ออกในปี 1979



เจ้าของ MV เป็นวงจากอังกฤษเช่นกันชื่อว่า Buggles  MV ชุดนี้เป็นชุดประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของวงการเพลงฝรั่งเพราะมันได้รับเลือกเป็น MV ชุดแรกที่ออกอากาศในรายการทีวีออกใหม่ชื่อ MTV (music television) ในปี 1981 (บ้านเรามีรายการนี้ทางทีวี I/UBC)  เนื่องจาก MV เพลงชุดนี้ทำขึ้นก่อนหน้าการกำเนิดของ MTV  เนื้อหาของเพลงจึงถือเป็นการคาดเดาอนาคตของวงการเพลงอย่างไม่น่าเชื่อ

รายการ MTV นี้อยู่ยงคงกระพันมาถึงบัดนี้  อย่างไรก็ตาม  มีขึ้นก็ต้องมีลง... As of November 2023, MTV is available to approximately 67,000,000 pay television households in the United States, down from its 2011 peak of 99,000,000 households.

ตอนเพลง Videoฯ นี้ออกมา  ยุค อตน. ยังไม่เกิด  แม้ในปี 1981 ที่รายการ MTV ถือกำเนิด  อตน. ก็ยังไม่เกิด (หรือเกิดแต่ยังตั้งไข่)  แต่ข่าวเข้ามาถึงหูผมแล้วทางสิ่งตีพิมพ์  ผมได้ยิน (แค่เสียง) เพลง Videoฯ มาตั้งแต่แรกเริ่ม  พอรู้ข่าวก็ให้อยากเห็นเป็นกำลัง

คุยอีกนิดนึงว่า  พอมีรายการที่มีรูปแบบแบบนี้  อีกไม่นานก็ต้องมีการประกวด  การประกวด MV ของรายการ MTV เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1984 MV ชุดแรกของงานประกวดคือ



เอาแค่ก่อน  ไม่งั้นของเดิมไม่จบ

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 134  เมื่อ 15 ก.ย. 24, 18:05

คั่นรายการนิดนะ...

Gene McDaniels



ต่อยอดด้วย



Harry Belafonte



Jackie Wilson





Jewel Akens



Jimmy Jones กับ 2 เพลงโปรดของรายการ GO




บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10 11 ... 29
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.098 วินาที กับ 19 คำสั่ง