ยุทธเวหาเหนือน่านฟ้าลำปาง
วันที่ 11 พฤศจิกายน 2487 เครื่องบินขับไล่ P-51 จากฝูงบิน 25 กองบิน 14 ประเทศจีน จำนวน 9 ลำ และเครื่องบินขับไล่ P-38 จากฝูงบิน 449 กองบิน 14 ประเทศจีน จำนวน 8 ลำ บินมาลาดตระเวนและถล่มฐานทัพอากาศลำปาง ทางรถไฟสายเหนือช่วงลำปาง-เชียงใหม่ ปิดท้ายด้วยสะพานปรมินทร์หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าสะพานบ้านดารา ทำให้เครื่องบินกองทัพอากาศไทยเสียหายจำนวน 1 ลำ และหัวรถจักรเสียหายอีก 1 หัว
วันนั้นฝูงบินขับไล่ที่ 16 กองบินน้อยผสมที่ 85 กองบินใหญ่ภาคพายัพ สนามบินพระบาท นครลำปาง ส่งเครื่องบินขับไล่โอตะหรือ Ki-27 จำนวน 5 ลำนำโดยเรืออากาศเอก เฉลิมเกียรติ วัฒนากูร เข้าต่อสู้ยุทธเวหาปกป้องน่านฟ้านครลำปางสุดความสามารถ
ผลการทำยุทธเวหามีความแตกต่างพอสมควร ข้อมูลแรกจากสหรัฐอเมริการะบุว่า P-38 ถูกยิงตกจำนวน 1 ลำ P-51 ได้รับความเสียหายจำนวน 3 ลำ ส่วน Ki-27 กองทัพอากาศไทยซึ่งเสียเปรียบเรื่องประสิทธิภาพและจำนวนถูกยิงตกทั้ง 5 ลำ ข้อมูลที่สองระบุว่าสหรัฐยิง Ki-27 กองทัพอากาศไทยร่วงจำนวน 3 ลำ (เพราะมี 2 ลำลงจอดสำเร็จก่อนระเบิด) โดยเสีย P-51 ไป 1 ลำนักบินชื่อ Henry Minco เป็นหนึ่งในสองครั้งที่นักบินกองทัพอากาศไทยสอยเครื่องบินสหรัฐอเมริกา (อีกครั้งคือเครื่องบินทิ้งระเบิด B-29)
ข้อมูลจากประเทศไทยระบุว่าเครื่องบินอเมริกาถูกยิงตกจำนวน 4 ลำ คือตกในการทำยุทธเวหาจำนวน 1 ลำ กับบินไปตกที่อื่นอีก 3 ลำ ส่วน Ki-27 กองทัพอากาศไทยตกครบทั้ง 5 ลำ
เหตุการณ์นี้มีคนนำมาเขียนเรื่องราวในประวัติศาสตร์หลายต่อหลายคน บ้างก็เขียนว่า ‘ยุทธเวหา 5 ต่อ 21’ แม้ในภายหลังนับเครื่องบินอเมริกาได้ 17 ลำก็ยังไม่เปลี่ยนชื่อ บ้างก็เขียนว่า ‘ยุทธเวหา 5 ต่อ 16’ ทั้งที่อเมริกาส่งเครื่องบินมา 17 ลำ สิ่งที่ลงเหมือนกันคือเครื่องบินอเมริกาตก 4 ลำโดยไม่มีหลักฐานยืนยัน ที่สำคัญไม่มีซากเครื่องบินเหมือนกรณี B-24 ตกที่อุตรดิตถ์
รายงานเหตุการณ์สอบสวนร่วมในกิจกรรมนักประวัติศาสตร์ระบุว่า วันนั้นสหรัฐอเมริกาส่งเครื่องบินโจมตีตั้งแต่เชียงตุงไล่มาจนถึงประเทศไทยรวมกันมากถึง 70 ลำ ทว่าข้อเท็จจริงคือเครื่องบินขับไล่จำนวน 17 ลำ เครื่องบินค่อนข้างเล็กไม่มีอาวุธมากเพียงพอจะโจมตีหลายจุดพร้อมกัน
มาถึงบทสรุปอย่างเป็นทางการกันบ้าง กองทัพอากาศไทยให้การยอมรับว่าเรืออากาศตรี คำรบ เปล่งขำ ขับเครื่องบินขับไล่แบบ 15 โอตะ (Ki-27) ยิงเครื่องบินขับไล่ P-51 C หมายเลข 44-10812 บินโดย ร้อยตรี Henry F. Minco ตกเหนือนครลำปาง
.
เรืออากาศตรี คำรบ เปล่งขำ ได้รับพระราชทานเหรียญกล้าหาญจากกรณีพิพาทอินโดจีน พ.ศ. 2484 และได้รับพระราชทานช่อชัยพฤกษ์ประดับแพรแถบบนเหรียญกล้าหาญอีกครั้งใน พ.ศ. 2488 จากวีรกรรมในศึกยุทธเวหาเหนือนครลำปาง โดยมีผลงานยิงเครื่องบินฝ่ายตรงข้ามตก 2 ลำ ยศสุดท้าย นาวาอากาศโท
เอกสารเรื่อง “เมื่อข้าพเจ้าส่งมัสแตงลงนรกที่ลำปาง” โดย น.ท.คำรบ (ทองคำ) เปล่งขำ ผบ.หมู่บินขับไล่ที่ 15 ได้เล่าในช่วงวินาทียิงว่า
“ข้าพเจ้ากดเจ้าไกปืนขนาด 7.7 มม.บีบสุดแรง..เจ้ามัสแตงรูปงามที่ทะลึ่งขึ้นสุดตัว แล้วก็ฟาดหางลงทางด้านขวามองเห็นไฟลุกเป็นทาง และเครื่องบินข้าศึกอยู่สูงจากพื้นไม่ถึง 500 เมตร (ก็) ถลาลง”.....“เหลียวไปด้านซ้าย เจ้าพี5 สองตัวกับพี58 อีก 1 ตัวกำลังมุ่งหน้ากลับเชียงราย”.... “พอถึงขอบสนาม (บิน) เท่านั้น มองเห็นพี.38 สี่ตัวกำลังบินคุมเชิงอยู่ จึงตัดสินใจเลี้ยวบังหลืบเขาเพื่อไปลงยังสนามโรงน้ำตาลเกาะคา ขณะผ่านสถานีแม่ทะ (ผาลาด) พบรถไฟ 1 ขบวน ต่อมาจึงได้ทราบว่า พี.38 สี่ตัวที่ข้าพเจ้าพบได้ผลัดกันลงซ้อมยิงกินโต๊ะรถไฟขบวนนั้นจนฉ่ำมือแล้วก็บ่ายหน้ากลับ”
ยุทธเวหาเหนือน่านฟ้าลำปางคือการรบทางอากาศครั้งสำคัญที่สุดของกองทัพอากาศไทย
