เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 19
  พิมพ์  
อ่าน: 44765 สุนทราภรณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41291

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 135  เมื่อ 27 ธ.ค. 23, 10:48

เจือนศักดิ์ ร้องเพลงของครูเอื้อได้ไพเราะมาก

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41291

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 136  เมื่อ 27 ธ.ค. 23, 10:49

บันทึกการเข้า
พี่วรภัทรของพี่ชายใหญ่
มัจฉานุ
**
ตอบ: 74


ความคิดเห็นที่ 137  เมื่อ 27 ธ.ค. 23, 11:49

เมื่อวานมีข่าวเศร้า นั่นคือการจากไปของคุณย่าจันทนา โอบายวาทย์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา
ผมเลยนึกถึงเพลงนี้ เข้ากับลมหนาวพอดี

คุณจันทนาถือว่ามีผลงานทั้งเพลงช้าและเพลงเร็ว
แต่ส่วนใหญ่จะนึกถึงเพลงเร็วเสียมาก

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41291

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 138  เมื่อ 27 ธ.ค. 23, 11:57

ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของคุณจันทนาค่ะ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41291

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 139  เมื่อ 27 ธ.ค. 23, 11:59

ร่วมรำลึกถึงท่านค่ะ

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41291

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 140  เมื่อ 27 ธ.ค. 23, 12:00

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41291

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 141  เมื่อ 27 ธ.ค. 23, 12:10

   จันทนา โอบายวาทย์ มีชื่อเล่นว่า จัน เกิดเมื่อ วันศุกร์ ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2473 ที่บ้านสามเสน ข้างวังศุโขทัย เป็นบุตรของ นาวาอากาศตรีเทียม โอบายวาทย์ และ นางสายไหม สกุลเดิมสังเกตการณ์   บิดาเป็นผู้ควบคุมวงดนตรีกองทัพเรือ  มีพี่น้อง 8 คน
    จบการศึกษาจากโรงเรียนสตรีวัดระฆัง และโรงเรียนนาฏศิลป์ แผนกนาฏดุริยางค์ กรมศิลปากร

    ทั้งบิดาและลุงของจันทนาต่างเป็นนักดนตรี    บิดาเป็นผู้ควบคุมวงดนตรีของกองทัพเรือ ส่วนลุงอยู่ประจำวงดนตรีของกรมตำรวจ ครั้งยังเด็กจึงทำให้ได้มีโอกาสติดตามไปดูการบรรเลงกับบิดา ทำได้รับการปลูกฝังและเกิดความรักในเสียงเพลง แต่ยังไม่ได้รับการสนับสนุนทางด้านนี้เต็มตัว  เพราะยังอยู่ระหว่างศึกษา   แต่ในช่วงที่เรียนอยู่โรงเรียนนาฏศิลป์ กรมศิลปากร จันทนามีโอกาสร้องเพลงออกอากาศทางวิทยุศาลาแดงอยู่บ่อยครั้ง
      เมื่อจบการศึกษา   ไปศึกษาต่อทางด้านภาษาที่ สถานสอนภาษาAUA เรียนอยู่ได้ปีกว่า ในตอนนั้นทางกรมโฆษณาการขาดนักร้องผู้หญิง เนื่องจากสุปาณี พุกสมบุญ ได้ลาออกจากกรมโฆษณาการ  ครูเอื้อ สุนทรสนาน จึงให้ พนิดา สุนทรสนาน (หลานครูเอื้อ) มาตามจันทนาไปร่วมวงด้วย เพราะครูเอื้อทราบดีว่าช่วงที่จันทนาเรียนที่โรงเรียนนาฏศิลป์ มีการฝึกขับร้องเพลงอยู่ประจำ จึงสามารถขับร้องกับวงได้เลย ทางบิดาเองก็อนุญาต ตัวของจันทนาเองยังมีฐานะเป็นญาติคนหนึ่งของ ครูเอื้อ อีกด้วย

ปีพ.ศ. 2491 จันทนาได้เข้าเป็นนักร้องวงกรมโฆษณาการไล่เลี่ยกับ เพ็ญศรี พุ่มชูศรี และ จุรี โอศิริ ระหว่างที่ร้องเพลงอยู่ในวงกรมโฆษณาการ ได้สนิทกับนักร้องรุ่นพี่อย่าง มัณฑนา โมรากุล ซึ่งคอนสอนให้คำชี้แนะต่าง ๆ จนนับถือเป็นเหมือนพี่สาวแท้ ๆ    มักจะไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ ส่วนอีกท่านที่จันทนารักและเคารพเปรียบเสมือนพ่ออีกคน ก็คือ ครูสริ ยงยุทธ เวลามีเพลงใหม่ ๆ มาให้ร้องก็จะต้องมาฝึกร้องต่อเพลงกับครูสริ

จันทนา สมรสกับพลตำรวจตรีทักษ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2495 มีบุตรธิดา 2 คน คือ พรรณราย ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา และ ดนัย ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา มีหลานย่า 3 คน คือ วทานิกา ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา พิชญา และ นัยน์ชนก ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา

เมื่อสมรสไปแล้ว จันทนาลาออกจากงานร้องเพลงโดยเด็ดขาด    แต่รับเชิญมาร้องเพลงเฉพาะในโอกาสสำคัญๆ เช่น ในวาระครบรอบวันเกิดของวงดนตรีสุนทราภรณ์ ตั้งแต่ 20, 25, 30, 45, 50 และ 60 ปี เป็นต้น

จันทนา (โอบายวาทย์) ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา ถึงแก่กรรมอย่างสงบ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2566 สิริอายุ 93 ปี
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41291

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 142  เมื่อ 28 ธ.ค. 23, 09:43

     ขอย้อนกลับไปถึงนักร้องยุคต้นอีกคนหนึ่งของสุนทราภรณ์ ที่มีอายุยืนยาวเช่นเดียวกับคุณจันทนา เธอคือคุณสุปาณี พุกสมบุญ   เจ้าของฉายา "เสียงมีดกรีดสังกะสี" ด้วยเสียงที่เล็กและแหลมมากจนเป็นเอกลักษณ์   
     สุปาณี พุกสมบุญ มีชื่อเดิมว่า "ปกิต พุกสมบุญ" เกิดเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2467 ที่บ้านหม้อ จังหวัดพระนคร มีชื่อเล่นว่าเจี๊ยบ  ครูเวส สุนทรจามร เป็นคนตั้งให้
     เริ่มต้นการศึกษาด้านนาฏศิลป์ด้วยการเข้าไปฝึกรำละครในวังหลวง ท่าเตียน จนได้แสดงที่โรงละครสวนมิสกวัน จนกระทั่งกรมมหรสพถูกยุบแล้วโอนย้ายไปอยู่กับกรมศิลปากร จึงได้ออกมาเรียนที่โรงเรียนบำรุงวิทยา หลังกรมโฆษณาการ ร่วมรุ่นกับเลิศ ประสมทรัพย์ และ สมพงษ์ ทิพยะกลิน จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เมื่อ พ.ศ. 2482 
    สุปาณีได้รับการชักชวนจากสรรพสิริ วิรยศิริ ซเจ้าหน้าที่ข่าวต่างประเทศ ได้มาชักชวนสุปาณีให้เข้าไปทำงานที่กรมโฆษณาการ  ขณะนั้นมีนักร้องอยู่เพียง 2 คน คือ นางสาวจุรี โมรากุล (มัณฑนา โมรากุล) และนางสาวรุจี อุทัยกร เมื่อ พ.ศ. 2483   สุปาณีร้องเพลง"ขวัญของเรียม" ผลงานของพรานบูรพ์เป็นการทดสอบเสียง ปรากฏว่าผ่าน  สุปาณีได้บรรจุเป็นคีตศิลปิน แผนกบันเทิง กรมโฆษณาการ เมื่ออายุ 16 ปี ได้เงินเดือน 15 บาท
  เสวกเอกพระยาบำรุงราชบริพาร (เสมียน สุนทรเวช)เห็นว่า ชื่อปกิตเหมือนผู้ชาย จึงเปลี่ยนให้เป็น "สุปาณี" ระยะที่ทำงานเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา เพลงที่ร้องจึงมักเป็นเพลงปลุกใจ   สุปาณีจะต้องนั่งรถรางจากบ้านที่บางลำภูไปร้องที่ศาลาแดงทุกวัน ส่วนเพลงแนวอื่นๆ ที่สุปาณีร้อง มักจะเป็นเพลงเร็ว และค่อนข้างสนุกสนาน  เช่น เพลงมองอะไร เพลงบ้านใกล้เรือนเคียง เพลงชีวิตกับความสุข เพลงรักแม่เอ๊ย

     สุปาณี พุกสมบุญ สมรสกับครูสริ ยงยุทธ นักเปียโนของวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ และวงดนตรีสุนทราภรณ์ เมื่อ พ.ศ. 2487 จึงต้องลาออกจากราชการตามระเบียบในสมัยนั้น เมื่อปีพ.ศ. 2488 แต่ยังกลับมาช่วยร้องเพลงกับวงบ้างเป็นครั้งคราว
       ถึงแม้สุปาณีลาออกจากวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ไปแล้ว แต่ครูเอื้อ สุนทรสนาน ยังเคยโทรศัพท์มาตามตัวอยู่ เช่น "เจี๊ยบเอ๊ย ! มางานหัวหน้าหน่อย แต่งตัวมาเดี๋ยวนี้" ทำให้เห็นความผูกกันกับในวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ และ วงดนตรีสุนทราภรณ์ ตลอดมา
   สุปาณี พุกสมบุญ มีบุตรกับครูสริ ยงยุทธ 4 คน คือ เสกสรร ยงยุทธ (เกิด 2488) วิทยา ยงยุทธ (เกิด 2490) ศุภสิทธิ์ ยงยุทธ (เกิด 2493) และนุสรา ยงยุทธ (เกิด 2494) ซึ่งทั้ง 4 คน ล้วนแล้วแต่เป็นนักดนตรีทั้งสิ้น โดยเสกสรรถนัดการเล่นเปียโนตามรอยบิดา ส่วนวิทยา และศุภสิทธิ์ถนัดการเล่นกีตาร์ และนุศราถนัดการเล่นออร์แกนไฟฟ้า
    สุปาณี พุกสมบุญ ถึงแก่กรรมอย่างสงบด้วยโรคชราเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 11.00 นาฬิกา สิริอายุ 96 ปี 6 เดือน
 
     
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41291

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 143  เมื่อ 28 ธ.ค. 23, 09:45

บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 144  เมื่อ 29 ธ.ค. 23, 10:04

รวบรวมลงก่อนสิ้นปี

          ครูเอื้อ คือ ดุริยกวีในตำนานเล่าขาน ฝากผลงานเพลงไว้ให้ขับขานยาวนานจวบจน ๘๔ ปี และเชื่อว่า
จะยังคงได้ยินได้ฟังสืบต่อไปเป็นศตวรรษ
          ด้วยต้นทุนทางดนตรีที่สูงลิ่ว ทั้งดนตรีคลาสสิคเครื่องสายฝรั่งศิษย์พระเจนดุริยางค์ เชี่ยวชาญโน้ตเพลงสากล
จนได้รับมอบหมายให้ถ่ายทอดทำนองเพลงไทยเดิมสู่ตัวโน้ตสากลบันทึกไว้ ครั้นเมื่อเพลงแจ๊ซมาถึงครูก็ฝืนคำเตือน
อาจารย์ไปร่วมแจมวงดนตรีแจ๊ซซึ่งเป็นที่นิยมในขณะนั้น และต่อมาในวงของสถานีวิทยุกระจายเสียง
          ครูจึงมีท่วงทำนองเพลงเก็บไว้มากมายให้ถ่ายทอดออกมาได้เป็นพันเพลง ส่วนใหญ่จะออกแนวผสานเพลงไทย(เดิม)สากล

เว็บประวัติครูเอื้อที่แนะนำ https://www.thepeople.co/history/the-legend/52658

ครูเอื้อร้องเพลง ครวญรัก สำเนียงไทยเดิม แผ่นครั่ง บันทึกเสียงครั้งแรก
เจ้าของคลิปให้เปิดฟังเฉพาะในยูทูบ



ครวญรัก ร้องใหม่ ไทยสากลสุนทราภรณ์

บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 145  เมื่อ 29 ธ.ค. 23, 10:09

              และ ในวาระ ๘๔ ปีของวงนี้ ตรงพอดีกับ ๑๐๐ ปีชาตกาลของนักร้องหญิงคนแรกของวงโฆษณาการ นั่นคือ
คุณมัณฑนา โมรากุล จึงนำมาสู่แนวคิด
              การนำเสนอผลงาน(บาง)หมวดหมู่เพลงของวงสุนทรภรณ์ผ่านเสียงเพลงร้องของคุณมัณฑนา


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 146  เมื่อ 29 ธ.ค. 23, 10:12

                เพลง (ผู้นำกำกับ) วัฒนธรรม (ช่วงพ.ศ. 2482) กำหนดให้คนไทยปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมและพฤติกรรมต่างๆ
ทั้งการพูดจา การแต่งกาย การกิน การทำสวนครัว ห้ามกินหมาก และ บังคับสวมหมวก ถ้าใครไม่สวมจะติดต่อทำธุรกรรมกับ
ราชการไม่ได้ ตำรวจเห็นจะตักเตือน ตัวคุณมัณฑนาเองที่เป็นคนร้องเพลงเชิญชวนให้สวมหมวกเผลอไม่สวมหมวกก็โดนเรียก
ไปสอบสวนลงโทษ


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 147  เมื่อ 29 ธ.ค. 23, 10:16

               เพลงสถาบัน   จากจุฬา และ ธรรมศาสตร์ ที่มีทั้งขวัญใจจุฬา และ ขวัญโดม ฯ และเพลงอื่นๆ จากนั้นจึงตามมา
ด้วยสถาบันต่างๆ ทั่วไทยมากมายนับร้อยเพลง และ
               เพลงสถาบันจากเสียงของคุณมัณฑนาที่ร้องได้ประทับใจอาลัยยิ่ง -
           
ลาแล้วจามจุรี
               เล่ากันว่าเพลงนี้เป็นเพลงอาถรรพณ์ ห้ามนิสิตจุฬาที่ยังไม่จบร้อง หากใครท้าทายร้องต้องมีอันเป็นไปเรียนไม่จบต้องออกไป
           
จากเว็บจุฬา - ในช่วงปี พ.ศ. 2483 ครูเอื้อนำวงดนตรีมาบรรเลงเป็นประจำทุกปีในงานเฉลิมฉลองต่างๆ ของมหาวิทยาลัย และ
ในช่วงนั้นเองเป็นช่วงที่นิสิตที่ครูเอื้อ และครูแก้วสนิทสนมด้วยถูกรีไทร์จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จึงได้ร่วมกันแต่งเพลงนี้
ขึ้นแสดงในรายการ ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยวงสุนทราภรณ์ เพื่อเป็นการอำลาอาลัยจากสถาบันที่รักแห่งนี้

บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 148  เมื่อ 29 ธ.ค. 23, 10:20

              เพลงชมสถานที่และจังหวัด เช่น หาดสงขลา เกาะสมุย ผาเงิบ รวมถึงเพลงกล่าวถึงสถานที่ที่มีความหมายต่อผู้แต่ง
เป็นที่แห่งความรักความหลัง เช่น ลาทีปากน้ำ คลองมอญ สาวอัมพวา
 
              ภูกระดึง เพลงนี้ครูแก้วประพันธ์ขึ้นโดยที่ไม่เคยขึ้นภู (น่าจะรวมทั้งครูเอื้อและคุณมัณฑนา ด้วย) ขนาดยุคนี้ยังหาคน
เคยขึ้นภูได้ไม่มากนัก ยุคนั้นยิ่งน้อยกว่าหลายเท่า


     
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 149  เมื่อ 29 ธ.ค. 23, 10:22

            เพลงจังหวัด เช่น กรุงเทพราตรี กาญจนบุรี ประจวบมิ่งขวัญ อุบลเมืองงาม เลย ยะลา ทั้งนี้ หนึ่งในเพลงจังหวัด
ที่โด่งดังเป็นที่นิยมที่สุดก็คือเพลงจากเสียงร้องของคุณมัณฑนา
            เพชรบุรีแดนใจ ที่คุณมัณฑนา กลับมาร้องใหม่หลังออกจากวงไปแล้ว ว่ากันว่าตามคำเรียกร้องของชาวเพชรบุรี



บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 19
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.062 วินาที กับ 19 คำสั่ง