มนุษย์และสัตว์(ประหลาด)ต่างดาว

[เพ็ญชมพู]

เมื่อ พ.ศ. ๒๕๖๖ NASA ได้จัดการประชุมเกี่ยวกับ UAP (Unidentified Anomalous Phenomena) หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า UFO (Unidentified Flying Objects)

เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ NASA ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาเรื่อง UFO (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น Unidentified Anomalous Phenomena: UAP) มีการจัดการประชุมสาธารณะด้าน UFO ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เพื่อคลายข้อสงสัยในหลายประเด็น แต่ 'บางเรื่อง' ก็ยังยากจะอธิบาย

๒ ปีต่อมา เรื่องนี้ถูกนำมาพูดในรัฐสภาสหรัฐฯ

เมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๘ มีการไต่สวนซึ่งจัดโดยรัฐสภาสหรัฐครั้งสำคัญเกี่ยวกับ ปรากฏการณ์ผิดปกติที่ระบุไม่ได้ (UAP - Unidentified Anomalous Phenomena) การไต่สวนนี้ไม่ใช่เรื่องผีสางหรือนิยาย แต่เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวกับ ความปลอดภัยของชาติ และ สิทธิของประชาชนที่ควรรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนท้องฟ้า อดีตทหารและเจ้าหน้าที่ที่ยังทำงานอยู่ หลายคนออกมาเล่าประสบการณ์ การเจออากาศยานลึกลับที่เทคโนโลยีล้ำหน้ามาก จนเหมือนไม่ใช่ของมนุษย์

หลายสิบปีมานี้ เรื่อง UAP ถูกปกปิดอย่างมิดชิด โดยกระทรวงกลาโหม และหน่วยข่าวกรอง เก็บข้อมูลไว้ในโครงการลับสุดยอด (SAP - Special Access Programs) ซึ่งเป็นโครงการที่แม้แต่สมาชิกสภาส่วนใหญ่ก็เข้าไม่ถึง ในการไต่สวนสาธารณะครั้งนี้ มีทหารและเจ้าหน้าที่มาเล่าประสบการณ์ที่ทำให้ทุกคนในห้องไต่สวนต้องเงียบกริบ เพราะดูเหมือนจะเป็นเหตุการณ์ที่เกินกว่า "มนุษย์" จะทำได้

๑. เหตุการณ์ที่ฐานทัพ Vandenberg (๒๕๔๖-๒๕๔๘)
เจฟฟรีย์ นูซาเทลลี อดีตเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศ เล่าถึงเหตุการณ์ที่ ฐาน Vandenberg ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นที่ตั้งขีปนาวุธสำคัญว่า ในเดือน ต.ค. ๒๕๔๖ ผู้รับเหมาจากบริษัท Boeing เห็น ยานสี่เหลี่ยมสีแดง เรืองแสงขนาดยักษ์ ลอยนิ่งเงียบเหนือพื้นที่ขีปนาวุธ อีกกรณี นูซาเทลลีเล่าว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบอกเขาว่าเห็น ยานสามเหลี่ยมใหญ่กว่าสนามฟุตบอล ลอยนิ่งราว ๔๕ วินาที แล้วพุ่งหายไปด้วยความเร็วที่ ไม่มีเครื่องบินใดในโลกทำได้

ในปี ๒๕๔๘ นูซาเทลลีและเพื่อนตำรวจ ๒ คน เห็นวัตถุที่ดูเหมือนดาวเทียมแต่เคลื่อนไหวแปลก ๆ ก่อนกลายเป็น ทรงกลมเรืองแสงกว้าง ๓๐ ฟุต ลอยเหนือบ้านเขา ๒๐๐ ฟุต แล้วพุ่งหายไปท่ามกลางดวงดาว นูซาเทลลีบอกว่า บันทึกทั้งหมดถูกทำลาย ตามนโยบายกำจัดเอกสารทุก ๓ ปี ทำให้หลักฐานสำคัญหายไป

๒. เหตุการณ์บนเรือ USS Jackson (กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖)
อาเล็กซานโดร วิกินส์ เจ้าหน้าที่กองทัพเรือ เล่าถึงเหตุการณ์ในพื้นที่นอกชายฝั่งแคลิฟอร์เนียใต้ว่า เขาเห็นยานทรง Tic-Tac (อากาศยานที่มีลักษณะคล้ายกับยาเม็ดแคปซูล เป็นทรงกระบอก หัวท้ายปลายมน) เรืองแสง โผล่ขึ้นจากทะเลแล้วรวมตัวกับยานคล้ายกันอีก ๓ ลำ ทั้ง ๔ ลำ หายไปในพริบตาด้วยความเร็วที่เร็วมาก แต่ไม่มีเสียงระเบิดโซนิก ไม่มีควันไอเสีย หรือร่องรอยเครื่องยนต์ใด ๆ การเคลื่อนไหรเคลื่อนไหวนี้ถูกบันทึกด้วยกล้องและเซ็นเซอร์หลายตัว วิกินส์ย้ำว่าเขาต้องการให้มีช่องทางให้ทหารรายงานเรื่องวัตถุต้องสงสัย หรือ เหตุการณ์ผิดปกติ โดยไม่ถูกกล่าวหาว่าเพ้อเจ้อ

๓. เหตุการณ์ที่ฐาน Langley (๒๕๕๕)
ดีแลน บอร์แลนด์ อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองกองทัพอากาศ เล่าว่าเขาเคยเห็นอากาศยานทรงสามเหลี่ยมกว้าง ๑๐๐ ฟุต บินจากใกล้โรงเก็บเครื่องบินของ NASA ที่ฐาน Langley อากาศยานลำนั้นมีผิวเหมือนวัสดุที่ไหลลื่นเสมือนมีชีวิต มันลอยนิ่ง ๆ เหนือเขาที่ความสูง ๑๐๐ ฟุตราว ๒-๓ นาที แล้วก็พุ่งขึ้นไปสูงเท่าระดับการบินของเครื่องบินพาณิชย์ในเวลาไม่กี่วินาที โดยไม่มีเสียงหรือลมกระพือ

จอร์จ แนปป์ นักข่าวที่สืบเรื่อง UAP มา ๓๘ ปี ได้นำเอกสารลับจากรัสเซีย สมัยที่ยังเป็นสหภาพโซเวียตมาเปิดเผย ในที่ประชุมว่า โครงการ Thread 3 เป็นโครงการของโซเวียตที่สืบสวน UAP ที่ใหญ่สุดของโซเวียต จุดประสงค์เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีให้เหนือกว่าสหรัฐฯ

ในเดือนตุลาคม ๒๕๒๕ โซเวียตพบ UAP เหนือฐาน ICBM และจู่ ๆ รหัสยิงขีปนาวุธก็สว่างขึ้นมาและอยู่ในสถานะพร้อมยิง เจ้าหน้าที่พยายามปิดแต่ปิดไม่ได้ จน UAP บินหายไป ระบบถึงกลับมาสถานะปกติ นั่นแสดงว่า UAP อาจจะรบกวนอาวุธนิวเคลียร์

นอกจากนี้ แนปป์ ยังยืนยันว่า โรเบิร์ต บิกเกโลว์ ผู้รับเหมา DIA เคยเจรจากับ Lockheed Martin เพื่อขอวัสดุที่ไม่ใช่ของมนุษย์ จากโครงการกู้คืนซากยานจากนอกโลก นั่นแสดงว่าสหรัฐฯ อาจมียานจากนอกโลกอยู่ในมือก็เป็นได้

โจ สปีลเบอร์เกอร์ ที่ปรึกษาจาก Project on Government Oversight (POGO) บอกว่า คนที่กล้าพูดเรื่องพวกนี้กำลังเจอกับการใช้อำนาจผิดบังคับ ระบบปัจจุบันทำให้พวกเขาต้องรายงานผ่านหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย แล้วพวกเขามักถูกลงโทษกลับด้วยวิธีรุนแรง เช่น ทำลายชื่อเสียงหรือตัดโอกาสทำงาน การแก้แค้นนี้ไม่แค่ทำร้ายคน ๆ เดียว แต่ยังทำให้ประชาชนไม่เชื่อใจรัฐบาล

สุดท้าย สมาชิกสภาสัญญาว่าจะผลักดันกฎหมาย UAP Disclosure Act 2025 และ UAP Whistleblower Protection Act เพื่อให้รัฐยอมเปิดเผยข้อมูล UAP และปกป้องคนที่กล้าพูดความจริง

ข่าวจาก ไทยพีบีเอส



เนื้อหาโดยละเอียด อ่านได้ใน UAP Studies Thailand

[เทาชมพู]

  คำให้การของดีแลนด์ บอร์แลนด์  อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองกองทัพอากาศ

[เทาชมพู]

      เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่าตั้งแต่ปี 1984  จำไม่ได้ว่าเคยลงในเรือนไทยหรือยัง  เป็นเรื่องมนุษย์อวกาศชาวรัสเซีย 3คนบนสถานีอวกาศเห็นร่างประหลาดที่เหมือนเทวดา ลอยผ่านไป 7 ร่างด้วยกัน   
    เรื่องมีอยู่ว่า ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2527 นักบินอวกาศโอเล็ก อัตคอฟ, วลาดิเมียร์ โซโลเวียฟ และลีโอนิด คิซิม ขณะประจำการอยู่ในสถานีอวกาศ  จู่ๆก็มีเมฆสีส้มแสบตาลอยมาห่อหุ้มสถานีี   หลังจากนั้น เขาเห็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์ขนาดใหญ่ สูงประมาณ 80 ฟุต  รวมเจ็ดร่าง มีปีกและรัศมี ลอยผ่านไปในเวลาประมาณ 10 นาที
   สิบสองวันต่อมา หลังจากลูกเรือของยานโซยุซ ที-12 (สเวตลานา ซาวิตสกายา, อิกอร์ โวล์ค และวลาดิเมียร์ จานีเบคอฟ) เดินทางมาถึง ปรากฏการณ์ดังกล่าวก็เกิดขึ้นอีกครั้ง และนักบินอวกาศทั้งหกคนได้เห็นปรากฏการณ์นี้พร้อมกัน
    ทางการรัสเซียปฏิเสธข่าวนี้ แต่อธิบายว่าเป็นเพียงภาพหลอนชนิดเกิดกับหมู่คณะ

[เพ็ญชมพู]

3I/ATLAS — วัตถุจาก "นอกระบบสุริยะ" (interstellar object)
แม้ยังไม่มีหลักฐานอันใดว่า มันเป็นยานอวกาศของชีวิตทรงภูมิจากระบบดวงดาวอื่น อย่างไรก็ตามมีคำกล่าวที่ว่า "การที่ไม่มีหลักฐาน ไม่ได้เป็นหลักฐานว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง"

NASA ว่ามีหลักฐาน 3I/ATLAS ไม่ใช่ยานเอเลี่ยน แต่แท้จริงแล้วคือ "ดาวหาง" แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีนักวิทยาศาสตร์บางคนโต้แย้ง

ผู้เชี่ยวชาญของนาซา เผยแพร่ภาพใหม่ของ 3I/ATLAS เมื่อวันพุธที่ ๑๙ พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยเผยว่าข้อมูลจากการวิจัยที่ได้บ่งชี้ว่าวัตถุลึกลับนี้คือ "ดาวหาง" สยบข่าวทฤษฎีสมคบคิดที่ลือว่านี่อาจจะเป็น "ยานมนุษย์ต่างดาว" หรือจุดจบของมนุษยชาติ

วัตถุระหว่างดวงดาวนี้ ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลก หลังจากมีข่าวลือว่ามันอาจจะไม่ใช่ "ดาวหาง" แต่เป็นเทคโนโลยีจากต่างดาว เนื่องจากวิถีโคจร องค์ประกอบ และปัจจัยอื่น ๆ ของมัน ที่ดูแตกต่างไปจากดาวหางอื่น โดยพบความเร็วที่ไม่เกี่ยวข้องกับแรงโน้มถ่วง และเคลื่อนที่เร็วกว่าที่จะอธิบายได้

อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญของนาซาออกมาปฏิเสธความเชื่อนี้ โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา อมิต กษัตริยา (Amit Kshatriya) รองผู้อำนวยการขององค์การนาซากล่าวว่า 3I/ATLAS มีลักษณะและพฤติกรรมเหมือนดาวหาง และหลักฐานทั้งหมดที่พบ ก็บ่งชี้ว่ามันเป็นดาวหางจริง ๆ

ส่วน นิคกี้ ฟ็อกซ์ (Nicky Fox)  รองผู้อำนวยการฝ่ายภารกิจวิทยาศาสตร์เสริมว่า ดาวหางนี้ ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อโลกตามที่หลายคนกังวลกัน ส่วนวิถีการโคจรที่ดูแปลกไป ก็มาจากการปล่อยแก๊สและฝุ่นละออง รวมถึงยังมีการ ตรวจพบโมเลกุลที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ จากการแตกตัวของไอน้ำ

อย่างไรก็ตามยังมีนักวิทยาศาสตร์บางกลุ่ม ที่ยังไม่ปักใจเชื่อว่านี่คือดาวหางจริง ๆ โดยหนึ่งในนั้นคือ อาวี โลบ (Avi Loeb) นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์และศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่กล่าวว่าวัตถุในอวกาศนี้มีมวลมากกว่าวัตถุระหว่างดวงดาวใด ๆ ที่เคยค้นพบ

นอกจากนี้ วิถีโคจรของมัน ยังสอดคล้องกับระนาบการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ โดยมีความคลาดเคลื่อนไม่เกิน ๕ องศา และมีการเร่งความเร็วโดยไม่อาศัยแรงโน้มถ่วง ซึ่งเขามองว่าโอกาสที่เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นแบบสุ่มนั้นมีน้อยมาก และเรียกร้องให้นาซาตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อที่ตัดสินใจได้ว่ามันคือดาวหางจริงหรือไม่

ข่าวจาก TNN



ภาพ 3I/ATLAS  บันทึกโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ขณะอยู่ห่างจากโลก ๒๗๗ ล้านไมล์

[เทาชมพู]

  ถ้าเป็นข่าวแถลงอย่างเป็นทางการแล้ว  มักจะออกมาแบบ...ไม่มีอะไร   ที่เห็นเคลื่อนที่บนฟ้าคือบัลลูนตรวจอากาศ   หรือโดรนบินรวมกันเป็นหมู่  หรืออะไรที่แสนธรรมดาๆ   ตรงข้ามกับข่าวที่ไม่เป็นทางการ ซึ่งออกมาแบบไม่เคยธรรมดา
  ดาวหางดวงนี้ก็เหมือนกัน   อ่านแล้วก็็สงสัยว่าทำไมมันดูยากขนาดนั้น   ผู้เชี่ยวชาญเห็นกันไปคนละทิศละทาง  นา่จะบอกบ่งว่า ไม่ธรรมดา

[เพ็ญชมพู]

ในการศึกษาตัวอย่างดาวเคราะห์น้อยเบนนูพบตัวอย่างสารที่น่าสนใจ เช่น สารประกอบโมเลกุลอินทรีย์หลายพันชนิด ซึ่งรวมถึงกรดอะมิโนโปรตีน ๑๔ ชนิดจาก ๒๐ ชนิดที่มีอยู่ในสิ่งมีชีวิตบนโลก

วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ คณะนักวิทยาศาสตร์จากศูนย์วิจัยนาซา ประกาศว่าพบกรดอะมิโนอีกตัวหนึ่งจากตัวอย่างดาวเคราะห์น้อยเบนนูคือ ทริปโตเฟน (Tryptophan) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายมนุษย์สร้างเองไม่ได้ ต้องได้รับจากอาหาร โดยถือเป็นครั้งแรกในโลกที่พบทริปโตเฟนในตัวอย่างจากอวกาศ

ดร.โฮเซ อาพอนเต นักเคมีดาราศาสตร์จากศูนย์วิจัยนาซา ระบุว่า  ทริปโตเฟนบนเบนนูเป็นหลักฐานสำคัญเพราะมันซับซ้อนมาก การพบว่ามันก่อตัวขึ้นเองในอวกาศ อาจหมายความว่า "สูตรการก่อกำเนิดชีวิต" อาจไม่ได้เริ่มบนโลกเท่านั้น แต่ถูกผลิตขึ้นมาตั้งแต่ยุคกำเนิดระบบสุริยะ

การพบทริปโตเฟนเพิ่มทำให้ยอดรวมกรดอะมิโนที่ใช้สร้างโปรตีนบนตัวอย่างดาวเคราะห์น้อยเบนนูเป็น ๑๕ ชนิดจาก ๒๐ ชนิดที่มีอยู่ในสิ่งมีชีวิตบนโลก

ข่าวจาก ไทยรัฐ